เสียงหวอรถฉุกเฉินกรีดร้องโหยหวน แล่นตามถนนเข้ามาจอดหน้าอาคารฉุกเฉินที่เปิดให้บริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่างวิ่งวุ่น พร้อมกรูกันเข้ามาเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ พยาบาลและบุรุษพยาบาลที่อยู่ในรถพยาบาลฉุกเฉินต่างช่วยกันเคลื่อนย้ายผู้ป่วยคนละไม้คนละมือ ผู้รับบาดเจ็บร่างกายอาบเลือดแดงฉานเต็มตัว
หมอนที จินดนัย หรือหมอที ศัลยแพทย์มือดีที่สุดของโรงพยาบาลยุรเวช วิ่งมาสมทบพร้อมกับสอบถามอาการผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งมา
?เป็นอะไรมาครับ? หมอหนุ่มผู้มุ่งมั่นในหน้าที่ถามเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้น เพราะดูแล้วอาการคนบาดเจ็บท่าทางจะหนักหนาสาหัสอยู่ไม่น้อย ผู้บาดเจ็บเป็นผู้หญิงมองเผินๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร
?รถชนมาค่ะหมอที? พยาบาลตอบกลับหมอหนุ่มพร้อมกับวิ่งไล่ตามรถเข็นเพื่อพาคนบาดเจ็บเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสมาก ตอนถูกเคลื่อนย้ายก็ต้องปฐมพยาบาลอยู่ตลอดเวลา
หมอนทีไม่รอช้าเร่งเดินหายเข้าห้องฉุกเฉินไป เพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษา ดูท่าแล้วอาการคนไข้รายนี้จะหนักหนาเอาการ แต่ไม่ว่าจะหนักจะเบาแค่ไหน ในฐานะแพทย์ต้องช่วยชีวิตให้ถึงที่สุด
ส่วนอีกแผนกเตียงรถเข็นถูกเข็นเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้ป่วยที่ถูกพามาโรงพยาบาลอาการสาหัสเช่นกัน แต่คนละกรณี ผู้ป่วยคนนี้มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ต้องการได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนไม่ต่างกัน ดังนั้น หมอผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จึงมีหน้าที่รับผิดชอบ ช่วยชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉินเช่นกัน ทว่าหมอเจ้าของไข้คนเดิมเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ดังนั้น หมอที่ย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลคนใหม่ได้เพียงสองเดือนจึงต้องดูแลคนไข้ฉุกเฉินรายนี้แทน
?นี่ค่ะหมอ? พยาบาลยื่นแฟ้มประวัติคนไข้รายนี้วางลงบนมือภาสกร คริสมอลลิ่ง วัฒนา หรือหมอไทม์ ที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรู้จักในฐานะหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจ เขาเพิ่งย้ายมาจากโรงพยาบาลชื่อดังของลอนดอน หล่อ น่ารัก ยิ้มหวาน ใจดี สุขุมสุภาพนุ่มนวล จึงกลายเป็นขวัญใจสาวๆ ไม่ว่าในโรงพยาบาลหรือนอกโรงพยาบาล
?ขอบคุณครับ? หมอหนุ่มกล่าวขอบคุณสำเนียงสุภาพพร้อมขยับแว่นเพื่ออ่านรายละเอียดบนเอกสารประวัติการรักษาคนไข้รายนี้คร่าวๆ
?เช็คการเต้นของหัวใจ? หมอสั่ง
?หัวใจเต้นอ่อนมากค่ะคุณหมอ? พยาบาลตอบกลับ
?เช็คชีพจร? เขามองหน้าจอมอนิเตอร์ที่สัญญาณชีพอ่อนมาก ด้วยท่าทางใช้ความคิดหนัก
?ชีพจรก็เต้นช้าผิดปกติมากเช่นกันค่ะ?
?คนไข้เป็นอะไรมา?
?เห็นว่าตกใจจนช็อกหมดสติ ญาตินำส่งโรงพยาบาล?
เมื่อได้ฟังคำจากพยาบาลหมอหนุ่มเชื้อสายฝรั่งแต่พูดไทยได้ชัดทุกอักขระ จึงทำการรักษาตามอาการด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ใบหน้าขาวซีดที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคือหน้าที่สำคัญที่เขาจะฝ่าฟันกับความเป็นความตายเรียกชีวิตเธอกลับมาเท่าที่จะทำได้อย่างสุดความสามารถ แพทย์ผู้ช่วย แพทย์ฝึกหัดอีกสองคนยืนอยู่ตรงข้าม ต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ พร้อมกับพยาบาลที่คอยฟังคำสั่งหมออย่างสุดกำลัง
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เครื่องวัดการเต้นหัวใจและชีพจรปรากฏบนหน้าจอมาพร้อมกับเสียงแห่งสัญญาณชีวิต หมอและพยาบาลต่างมองหน้ากัน พร้อมกับยิ้มกริ่มด้วยความสำเร็จภายใต้หน้ากากอนามัยที่ปิดบังปากจมูกเอาไว้ เหงื่อหมอภาสกรหยดที่ข้างขมับ เขาไม่ได้ยกมือขึ้นเช็ดปล่อยให้หยดไป แต่ดวงตาเปี่ยมล้นด้วยความยินดี ด้วยโล่งอกที่ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถยื้อแย่งลมหายใจคนไข้จากยมบาลได้
?ทำดีมาก? หมอภาสกรกล่าวชมเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยกันขยันขันแข็งเป็นอย่างดี ?แต่อาการคนไข้น่าเป็นห่วงอยู่? เขายังไม่คลายกังวล ใบหน้าหล่อที่มีคิ้วคมเข้มพาดผ่านสองข้างขมวดมุ่นยุ่งเหยิง มองคนไข้ที่กลับมามีจังหวะหัวใจเต้นปกติพร้อมกับชีพจรที่เต้นตามจังหวะด้วยความโล่งใจอันสามารถช่วยชีวิตคนไข้คนนี้ได้ เท่าที่ดูจากประวัติการเข้ารับการรักษา พร้อมกับดวงหน้าซีดกำลังนอนไร้สติบนเตียง เธอยังอายุไม่มาก แต่กลับต้องเผชิญกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ
?คนไข้รายนี้ได้ยื่นเรื่องบริจาคหัวใจไว้เมื่อสามปีก่อน ทางญาติเห็นว่าอาการดีขึ้นมาก จึงไม่ได้ตามเรื่องนี้ ทว่าจู่ๆ เกิดมาหัวใจวายกำเริบ ทางญาติจึงทบทวนการขอรับบริจาคหัวใจอีกครั้ง? พยาบาลรายงานประวัติคนไข้
?ที่ผ่านมาเป็นยังไง? เขาต้องการรู้ว่ามีผู้ใจบุญบริจาคหัวใจเข้ามาหรือยัง พร้อมทั้งสามารถหัวใจบริจาคเข้ากันกับคนไข้รายนี้หรือไม่ ถ้ามีแล้วทำไมยังไม่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ เพราะเห็นว่าอาการหนักเอาการทีเดียว นาทีนี้เกือบช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
?ยังไม่มีรายไหนมีเนื้อเยื่อเข้ากับคนไข้เลยค่ะ?
?งั้นรอดูอาการไปก่อน อย่าเพิ่งย้ายออกจากห้องฉุกเฉิน?
?ค่ะหมอ?
หลังจากพบว่าอาการผู้ป่วยดีขึ้น หมอภาสกรรูปหล่อจึงสั่งการพยาบาล พอเสร็จสรรพจึงพาตัวเองออกจากห้องฉุกเฉิน ญาติคนไข้ต่างกรูกันเข้ามาถามไถ่อาการ เพราะร่วมชั่วโมงที่บรรยากาศต่างระบายด้วยความวิตกกังวล
?หมอ...ลูกของผมเป็นยังไงบ้างครับ? อรรณนพ โชติชัชวาล หรือคุณนพ ก้าวเท้ามายืนตรงหน้าหมอหนุ่ม ชายตัวสูงในชุดกาวน์เพิ่งดึงผ้าปิดปากออกพร้อมกับขยับแว่นมองญาติคนไข้
?คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ยังไม่สามารถวางใจได้?
?โอ พระเจ้าขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ? ทั้งอรรณนพผู้เป็นพ่อคนไข้ และดุจดาวหรือคุณดาวผู้เป็นแม่ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอรรณนพ ต่างพนมมือขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดีใจที่ลูกยังไม่จากไป สีหน้าคลายทุกข์ลงนิดหน่อย หากแต่ยังห่วงลูกสาวอยู่ไม่น้อย แก้วตาดวงตาใจของเขาทั้งสอง เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
มีอีกคนที่โล่งใจไม่แพ้กัน ภาคินถึงกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ตัวเองไม่ต้องกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนชวนขนหัวลุก ร่างสูงทรุดกายลงนั่งกับม้านั่งหน้าห้องฉุกเฉิน เขารู้สึกใจคอไม่ดี ด้วยหากจันทมณีฟื้นขึ้นมาทุกคนคงรู้ความจริง ดังนั้น...
?เผ่นดีกว่า? เขาพึมพำกับตัวเอง
ขณะที่พ่อกับแม่คนไข้กำลังพูดคุยถึงอาการป่วยของหญิงสาวที่เข้ารับการรักษาอาการโรคหัวใจกำเริบอยู่ ชายหนุ่มผู้เป็นคนนำตัวคนไข้มาส่งยังโรงพยาบาลจึงแอบเผ่นหนีเพราะกลัวความผิดที่ตนกระทำไว้โดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
?ขืนอยู่มีหวังเละ? เขาสบายใจที่จันทมณีปลอดภัย แต่ไม่สบายใจในชีวิตตัวเองต่อจากนี้
หมอหนุ่มขอตัวเดินจากไป พร้อมกับเอกสารการตรวจคนไข้ในมือ เพื่อจะนำไปอ่านและวินิจฉัยการรักษา เขาก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง พลันในนาทีนั้นเอง
?หมอไทม์? หมอนทีที่เพิ่งก้าวออกจากห้องฉุกเฉินอีกห้อง ก้าวมาหยุดตรงหน้าเพื่อนหมอตัวสูงใหญ่ พร้อมขานเรียกอีกฝ่าย
?ว่าไงหมอที? หมอภาสกรเงยหน้าจากแฟ้มประวัติการรักษาคนไข้ที่ถือไว้ในมือ ชำเลืองมองคนที่เดินมาหยุดตรงหน้านิดหน่อย คนตรงหน้าสีหน้าท่าทีไม่สู้ดีนัก แต่ก็เป็นปกติเพราะเวลาเห็นหน้าหมอร่วมอาชีพก้าวออกจากห้องรักษา มักจะหมกมุ่นและวุ่นวายกังวลแบบนี้ทุกคน ชีวิตของพวกหมอล้วนอยู่กับความเป็นความตาย กลิ่นแอลกอฮอล์ กลิ่นยา จนกลายเป็นกลิ่นตัวไปแล้ว พวกเขาไม่ต้องใช้น้ำหอมแบรนด์ดังเพื่อดับกลิ่นเหล่านี้ เพราะดับกลิ่นอย่างไรก็ไม่สามารถดับได้
?ทำใจดีๆ ไว้ก่อน? หมอนทีเอ่ยวาจาที่คุ้นเคย ในยามที่ใช้ปลอบใจญาติคนไข้ เขารู้ว่าไม่มีคำไหนปลอบใจกันได้หากต้องพบกับการสูญเสีย แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะพูดกับเพื่อนหมอด้วยกัน
?พูดอย่างกับผมเป็นญาติคนไข้ที่เสียชีวิตอย่างนั้นล่ะหมอที?
?เอ่อ...ผมรู้...ผมเข้าใจ มันค่อนข้างทำใจยาก? หมอนทีที่เพิ่งออกจากห้องแห่งความเป็นความตายมาหมาดๆ ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่ถูกเข็นเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมกับถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปห้องฉุกเฉินเมื่อกี้จะเป็นคนที่เขารู้จักดี อีกทั้งข้องเกี่ยวโดยตรงกับหมอภาสกร หมอฝรั่งหัวใจไทยคนนี้ด้วย
?ว่ามาสิครับ มีอะไรหมอที ผมกำลังยุ่ง? เขาคงต้องวุ่นกับการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินในการดูแลของตนด้วยเช่นกัน
?นมล...แฟนหมอ เสียชีวิตแล้วครับ?
?หา! เล่นแรงนะหมอที ไม่เอาน่า อย่าล้อเล่น ผมกำลังเครียด?
?ไม่เล่นครับ คนไข้ที่ส่งตัวเข้ามาเมื่อกี้คือแฟนหมอ เธอได้รับอุบัติเหตุร้ายแรง บาดเจ็บสาหัส?
?หมอที!!! ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม?
จากที่สีหน้านิ่งๆ พอมีรอยยิ้มประดับดวงหน้าอยู่บ้าง หากแต่ประโยคจากหมอนทีทำให้เขาไม่สามารถไม่เครียดได้เลย ตอนนี้สมองหมอภาสกรเริ่มมึนงง ประมวลทุกอย่างอย่างสับสน จริง...ไม่จริง แล้วนมลจะเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร เขาเริ่มทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
?หมอไทม์ครับ ใครจะกล้าล้อเล่นเรื่องแบบนี้?
หน้าหมอนทีจริงจังเกินกว่าจะใช้คำว่าล้อเล่น เขาไม่ต้องทบทวนในการบอก แต่แค่จะใช้คำพูดไหนบอกกับหมอภาสกรเท่านั้น ส่วนใหญ่หมอทุกคนก็มักใช้สำเนียงนิ่มๆ แจ้งทั้งข่าวร้ายหรือข่าวดีก็ตามกับญาติคนไข้อย่างนี้เสมอ ไม่ใช่คนเป็นหมอไม่เจ็บปวดกับความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้า แต่ทุกอย่างมาบรรจบอย่างนี้จำเป็นต้องบอกความจริงไป
หมอภาสกรมือไม้สั่น แฟ้มที่อยู่ในมือแทบร่วงหล่นพื้น หากแต่เขามักคุมสติได้ดีเสมอ จึงฟาดแฟ้มฟาดกับอกหมอนที แล้วถลาวิ่งไปเบื้องหน้าเพื่อไปยังห้องฉุกเฉินที่หมอนทีได้ก้าวออกมา
?ผมเสียใจด้วยหมอ? หมอนทีกล่าวเบาๆ พร้อมกับหันไปมองแผ่นหลังที่ยังสวมชุดเขียวในห้องผ่าตัด วิ่งไกลออกไป ส่วนเขาได้แต่ก้าวตามช้าๆ คล้ายกำลังหาคำพูดปลอบใจหมอภาสกรไปพลาง แต่ถึงอย่างไรคนเป็นหมอย่อมผ่านเรื่องราวความเป็นความตายมาตั้งแต่จับมีดผ่าตัดในวินาทีแรกแล้ว
มือใหญ่ค่อยๆ เปิดผ้าขาวปิดหน้าคนที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจอยู่บนเตียง ภายหลังจากพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคนไข้เรียบร้อย จึงคลุมผ้ารอญาติมาดูศพพร้อมเตรียมเคลื่อนย้ายไปยังห้องดับจิต ชายหนุ่มยื่นมือออกไปช้าๆ ด้วยอาการสั่นเทาค่อยๆ เปิดผ้าคลุมออก เปิดเผยใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดเบื้องหน้า
ใช่...ใช่...นมล ดุลยวัตร แฟนสาวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เธอโทร. มาหาเขาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง เพื่อชวนไปรับชุดแต่งงานด้วยกัน หากแต่...เขาติดตรวจคนไข้ อีกทั้งยังไม่ใช่เวลาออกเวร ซ้ำจังหวะนั้นมีคนไข้รายพิเศษที่หัวใจวายเฉียบพลันเข้ามารับการรักษา ดังนั้นด้วยหน้าที่แพทย์เขาจึงต้องปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด เพื่อเข้าห้องฉุกเฉิน
น้ำเสียงนมลงอนๆ ตอนที่โทร. ชวนเขาไปรับชุด แล้วเขาเอ่ยปากปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอไปคนเดียว สัญญาจะตามไปที่ร้านถ้าทันตอนเวลาออกเวร
?ไม่...ไม่...ไม่จริงใช่ไหมมล นี่ไม่ใช่คุณ ผมฝันไป? มือที่สั่นเทาขณะจับผ้าค่อยๆ ปล่อยลงด้วยความอ่อนแรง ?เป็นเพราะผม ผมทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ ผมขอโทษ ยมทูตส่งเธอกลับมาเถอะ แล้วผมโปรดเอาผมไปแทน ได้โปรด พระเจ้าส่งเธอกลับมา เธอเป็นคนดี ผมซะอีกที่ไม่ปกป้องดูแลเธอ ปล่อยให้เธอเป็นแบบนี้?
หมอภาสกรคร่ำครวญเสียงสั่นอยู่ตรงหน้าเตียง เขาไม่อยากเชื่อว่านี่คือนมล สาวคนรัก ว่าที่เจ้าสาวในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เขาควรร้องไห้ดีไหม หรือเข้มแข็งเข้าไว้ เขาสับสน เขาควรทำอย่างไร
แต่สุดท้ายผู้ชายอบอุ่น เข้มแข็ง สุภาพอ่อนหวาน กลับไม่สามารถทานทนกับความสูญเสียอันร้ายแรงนี้ได้ หมอหนุ่มร่ำไห้น้ำตาคลอนัยน์ตาสีเขียวปริ่มจะขาดใจ เขาไม่เคยร้องไห้มากเท่านี้มาก่อนในชีวิต นี่เป็นการสูญเสียที่ไม่ได้ทำใจล่วงหน้าไว้ก่อนความเจ็บจะถาโถมสาดซัดเข้ามาในชีวิตเขาโครมใหญ่
?ผมผิดเองมล...ผมขอโทษ? หมอภาสกรเฝ้าโทษตัวเอง น้ำตาแห่งความอาลัย การสูญเสียทุกอย่างไหล่บ่ามารวมกัน เขากลั้นความรู้สึกกลั้นน้ำตาไม่ได้จริงๆ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ทำไม่ได้
?เธอไปสบายแล้ว? หมอนทีก้าวเข้ามายืนอยู่ด้านหลัง พร้อมวางมือบนแผ่นหลังเพื่อนร่วมอาชีพ เขากับหมอภาสกรสนิทกัน เขาเป็นหมอรุ่นพี่แต่อายุเท่ากัน ที่ทำหน้าที่ช่วยชีวิตคนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้มาก่อน หมอภาสกรเพิ่งย้ายมาจากลอนดอนไม่กี่เดือน แต่สนิทกันมากพอสมควร
?ผมเห็นความเป็นความตายมาตั้งแต่เริ่มเป็นหมอ แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาพบกับตัวเอง? หมอภาสกรจับมือไร้สีเลือดเย็นชืดของคนรักกุมแน่นไว้ ไม่ยอมปล่อย ยมบาลช่างใจร้ายกับเขาที่พรากเธอไปอย่างโหดร้าย ทั้งที่อีกไม่กี่วันจะถึงวันแห่งความสุข
?ผมทำดีที่สุดแล้ว? หมอนทีรู้สึกสะเทือนไปด้วย แม้จะทำหน้าที่หมออย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อเห็นความเสียใจหมอภาสกรกลับรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่เต็มที่พอ ทว่าตอนที่นมลมาถึงก็อาการย่ำแย่มากๆ แล้ว หากฟื้นขึ้นมาได้นับว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง แต่...ความจริงกลับไร้ปาฏิหาริย์นั้น
?ผมไม่โทษหมอ ไม่โทษใคร ผมผิดเองที่ดูแลมลไม่ดี? หมอภาสกรยังคงโทษตัวเอง
?มันเป็นอุบัติเหตุ?
ไม่มีใครคาดเดาได้ พวกเขาเห็นภาพแบบนี้ทุกวัน เจ็บมาก เจ็บน้อย ช่วยได้ไม่ได้ แม้พยายามทำชีวิตให้ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท แต่เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นทุกลมหายใจ ในการใช้ชีวิตพวกเขาไม่ได้ปลง แต่เพราะคือหน้าที่ต่อให้เจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร ย่อมต้องทำใจให้เร็ววันเพื่อจะได้เข้มแข็ง ดูแลคนไข้ในความรับชอบต่อไป
?ถ้าผมไปกับเธอ ขับรถให้เธอ เรื่องนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น? หมอกล่าวด้วยความอาลัย แต่ยังคงโทษเป็นความผิดของตัวเอง แม้หมอนทีจะคอยปลอบใจพูดให้กำลังอยู่ข้างๆ ก็ตามที หากนั่นกลับไม่ได้ลดทอนความรู้สึกอีกฝ่ายลงได้เลย
?เราคาดเดาอะไรไม่ได้หรอก คนเห็นเหตุการณ์บอกว่ารถที่ชนรถนมลพุ่งมาจากอีกฝั่ง แล้วชนนมลเข้าอย่างจัง? หมอนทีบอกรายละเอียดแค่บางส่วน จากการได้ฟังคำจากปากหน่วยกู้ภัย
เขาไม่อยากโทษฟ้าโทษดินจึงขอโทษตัวเอง โทษที่ไม่ดูแลไม่ใส่ใจหรือแม้แต่ปกป้องคนรักดีเท่าที่รับปากกับพ่อแม่นมลไว้ในตอนขอเธอแต่งงาน
?ผมขออยู่กับมลสักครู่ได้ไหม? หมอหนุ่มกล่าว น้ำตาเขาคงไม่มีวันแห้งเหือด การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้จะมีสิ่งใดมาทดแทนได้
ไม่นานนักตอนที่หมอภาสกรอยู่ในห้องกับคนรักเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้ดูใจ ไม่กล่าวล่ำลา ไม่ได้พูดคุยกับเธอก่อนเธอจะจากไป เฝ้าโทษตัวเองไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มลากเก้าอี้มาหย่อนก้นลงนั่ง กุมมือซีดเย็นไว้ในมือตัวเอง ก่อนจะยกขึ้นแตะหน้าผากอย่างสิ้นอาลัย
?มล มลของแม่ มลลูกแม่? นารีรัตน์ก้าวเข้ามาสมทบกับหมอภาสกรในห้อง คนเป็นแม่น้ำตาเปียกปอนตั้งแต่รู้ข่าวเมื่อเจ้าหน้าที่โทร.ไปแจ้ง นางเห็นหมอนั่งมองลูกสาวด้วยสายตาหม่นหมองอยู่ข้างเตียง จึงปราดเข้าไปโอบกอดลูก
?มลตื่นสิลูก กลับบ้านเรานะ อย่านอนที่นี่เลย เตียงก็แคบ หนาวก็หนาว ไปนอนสบายๆ ที่บ้านเรานะ ตื่นสิลูกตื่นขึ้นมาคุยกับแม่?
นารีรัตน์โน้มกายโถมเข้ากอดลูกร่ำร้องสติหลุด
?หมอ?
กระทั่งสิบนาทีต่อมา นารีรัตน์เงยหน้าที่ยังฉ่ำด้วยคราบน้ำตามองหมอว่าที่ลูกเขย นางไม่โทษเขาเพราะนี่คืออุบัติเหตุ ปกติตนมักเตือนเรื่องขับรถของนมลอยู่เสมอ ทว่านมลค่อนข้างมั่นใจในตัวเองไม่ค่อยเชื่อฟังใคร
?ฉันจะรับลูกกลับได้เมื่อไหร่คะ?
?ยังครับ...? หมอนทีเอ่ยขึ้นเพราะเขาเป็นเจ้าของคนไข้รายนี้
?อ้าว ทำไมล่ะครับ?
สุไกรผู้เป็นพ่อยืนนิ่งโอบไหล่ภรรยาอยู่ข้างเตียงคนไข้ได้ถามขึ้น ในเมื่อพวกเขาจะนำศพลูกไปทำพิธีทางศาสนา ย่อมต้องพากลับไปได้สิ แล้วยังจะติดปัญหาอะไรกันอีก คนเสียใจไม่พอหรืออย่างไร
?คุณนมล ดุลยวัตร ได้บริจาคอวัยวะเพื่อการกุศลไว้ครับ? หมอนทีกล่าวพร้อมกับหยิบบัตรเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์
?วะ...ว่าไงนะ ยัยมลบริจาคอวัยวะไว้อย่างนั้นหรือ? นารีรัตน์แปลกใจมากๆ ที่ได้รับรู้เรื่องนี้
?ครับ? หมอนทียืนยัน
?ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้หมอที? หมอภาสกรแปลกใจอยู่มาก เขาเป็นแฟนแท้ๆ คบหากับนมลสี่ปีกลับไม่เคยรู้เรื่องดีงามเช่นนี้ แม้ดูภายนอกนมลเป็นผู้หญิงคล่องแคล่ว ทำงานเก่ง โผงผาง มั่นใจในตัวเองสูง ไม่ยอมใครง่ายๆ ดูเหมือนไม่แคร์สังคมด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่ได้ฟังจากปากหมอนนทีนับว่าดีงามเกินคาดหมาย
?อันนี้ฉันไม่รู้นะ แต่ในกระเป๋าคุณมลมีบัตรผู้บริจาคอวัยวะ ตอนนี้ทางเราได้ติดต่อไปที่สภากาชาดแล้ว เธอบริจาคอวัยวะจริง?
ทางเจ้าหน้าที่สภากาชาดยืนยันมาตามสายอย่างนั้นจริงๆ ดังนั้นทางหมอและทีมต้องมีการผ่าพิสูจน์และตรวจร่างกายนมลอย่างละเอียดอีกที เพื่อตรวจดูว่าอวัยวะส่วนใดยังใช้งานได้อยู่บ้าง จึงจะได้เข้าสู่ขั้นตอนทางการแพทย์ หรือนำไปบริจาคให้ผู้ป่วยที่ต้องการผ่าตัดอวัยวะสำคัญๆ ต่อไป
?โธ่...มล ช่างมีใจกุศลจริงๆ ลูก? เรื่องการบริจาคอวัยวะของนมลไม่มีใครทราบไม่ว่าคนสนิท หรือคนในครอบครัว หญิงสาวเก็บเป็นความลับเพียงผู้เดียว
?ลูกเสียไปคือความสูญเสียของเรา...ยากทำใจ แต่ยัยมลสิ้นลมหายใจไปไม่เปล่าประโยชน์ เราต้องภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำนะคุณนา?
สุไกรปลอบประโลมภรรยา เขาพยายามเข้มแข็งไม่แสดงความอ่อนแอไปอีกคน แม้จะเสียใจแทบล้มทั้งยืนตอนที่ทราบข่าว คนเป็นแม่เคยออกปากเตือนการขับรถของลูกสาวอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่คิดจะมีวันนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วเกินไปช่างยากในการทำใจ เมื่อนมลอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เท่านั้นเองไม่ควรจากไป คนแก่กลับต้องมายืนดูศพคนสาวมันช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
?ใครจะทำใจได้ล่ะคุณไกร? สุ้มเสียงนารีรัตน์ยังคงสะอื้น พวงแก้มผู้ชราอาบด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยต่อลูกสาวผู้ไร้ลมหายใจ นมลเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง รับผิดชอบกิจการครอบครัวเป็นอย่างดี ขยันขันแข็ง คนเป็นแม่เห็นลูกเหนื่อยจากการทำงานทุกวัน ดีใจที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับคนดีๆ อย่างหมอภาสกร
พอจะมีความสุขกลับต้องจากไปก่อนวัยอันควร บุญวาสนานมลคงมีเท่านี้ พ่อแม่ผู้หญิงหลายคนต่างหมายมาดอยากได้หมอภาสกรเป็นลูกเขยทั้งนั้น เพราะเขาสมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ดังนั้น วันที่นมลพาหมอภาสกรมาแนะนำต่อพ่อแม่ นารีรัตน์และสุไกรจึงเห็นชอบกับลูกสาว ไม่ขัดขวางความรักของลูกใดๆ พร้อมกับชื่นชมที่ลูกช่างเลือกคู่ชีวิตได้ตาแหลม ทั้งรูปหล่อ นิสัยดี รวย อาชีพดี เป็นเกียรติเป็นศรี ซ้ำยังจิตใจงดงาม สุภาพอ่อนโยน ที่สำคัญเขาเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ อันส่งผลต่อแรงดึงดูดต่อผู้พบเห็น
ไม่มีใครไม่รักหมอภาสกร
?ผมเข้าใจ? สุไกรรู้สึกอย่างนั้น แต่ถ้าเขาแสดงความอ่อนแออีกคน แล้วใครจะเป็นฝ่ายช่วยจัดการภาระต่างๆ ได้ สองสามีภรรยาก้าวออกจากห้องที่ต่างระบายไปด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าจากความสูญเสียอันสลดหดหู่
?ผมไปส่งครับ? หมอภาสกรยังคงเอื้อเฟื้อต่อคนอื่นเสมอ เขาผายมือพร้อมก้าวออกไปส่งว่าที่พ่อตาแม่ยาย
?ขอบใจมากหมอ?
ว่าที่เจ้าบ่าวผู้เศร้าหมองขันอาสาไปส่งหลังจากทั้งสองก้าวออกจากห้องฉุกเฉินที่มีร่างนมลอันไร้ลมหายใจนอนแน่นิ่งอยู่ภายใต้ผ้าขาวคลุมร่าง
?ตอนนี้จบขั้นตอนของทางโรงพยาบาลสามารรถรับศพกลับไปบำเพ็ญพิธีได้ครับ?
หมอหนุ่มบอกแก่ว่าที่พ่อตาแม่ยาย
?ฝากด้วยนะหมอ? นารีรัตน์กุมมือหมอหนุ่มไว้แน่น ?รบกวนเป็นธุระให้แม่ด้วย?
แม้สิ้นใจสิ้นลมหายใจแต่ร่างกายและอวัยวะยังมีประโยชน์กับผู้คน น้ำใจลูกสาวช่างประเสริฐเกินกว่าที่คนเป็นแม่จะไม่รู้สึกไม่ภูมิใจไม่ได้ สุไกรประคองภรรยาที่สั่นเทาไหล่ไหวเพราะหอบจากแรงสะอื้นเดินจากไป
หมอน้อมรับด้วยความหมองหม่น ทั้งนัยน์ตาสีเขียวรวมไปถึงสีหน้าที่เคยแจ่มใสเบิกบาน เคยยิ้มหวาน ไม่หลงเหลือร่องรอยแห่งความสดใสใดๆ เขาส่งว่าที่พ่อตาแม่ยายขึ้นรถแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปตัวอาคาร พบหมอนทียืนรออยู่ตรงเคาน์เตอร์ คงมาส่งเอกสารต่างๆ กับพยาบาล
?ไปดื่มกันหน่อยไหม ต้องไปตรวจคนไข้พิเศษหรือเปล่า? หมอนทีกล่าวชวนด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่า
?ตรวจแล้ว ตั้งใจไปนั่งดูฟิล์มเอกซเรย์ซะหน่อย? รู้ว่าหน้าที่คือสิ่งสำคัญสำหรับคนเป็นหมอ แต่ตอนนี้นี่นะที่จะทำให้เขามีอารมณ์วินิจฉัยโรคคนไข้ในการดูแลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
?ไว้ค่อยดูนะ ผ่อนคลายบ้างเถอะหมอ คนเรามีช่วงเวลาอ่อนแอ มีน้ำตาได้ อย่าทำตัวอบอุ่นเข้มแข็งอยู่เสมอนักสิ? หมอนทีเกี่ยวคอหมอภาสกรที่ตัวสูงกว่าเดินไปตรงส่วนห้องอาหารสวัสดิการสำหรับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยุรเวช
***
?แม่ว่านังเมนีจะตายไหม?
นิหน่าลูกสาวฤดี น้องสาวอรรณนพ เอ่ยถามแม่ด้วยเสียงเครียด สีหน้าแฝงความสะใจไว้อย่างเต็มเปี่ยมเมื่อได้กล่าวถึงจันทมณี ลูกของลุง ผู้ถูกทุกคนในบ้านเอาอกเอาใจ และดูเหมือนจันทมณีลูกลุงอรรณนพจะได้รับมรดกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยคนเดียวตามที่ได้ข่าวมาแว่วๆ
?อาการหนักขนาดนั้น รอดมาก็บุญหนักล่ะ? ใช่ว่าฤดีไม่รักหลาน แต่เมื่อนึกถึงสมบัติมากมายมหาศาลที่พี่ชายเป็นผู้ดูแลจัดการมรดกอยู่ ฤดีนึกคับแค้นใจหากสมบัติต้องถูกแบ่งไปให้หลานสาวมากกว่า เพราะหลานสาวเป็นผู้ดูแลกิจการบริษัทในครอบครัว จันทมณีได้รับการไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นกันถ้วนหน้า เธอซะอีกไม่มีอำนาจใดๆ ในบริษัท เนื่องจากเปิดกิจการอะไรล้วนเจ๊งไม่เป็นท่า
?นิหน่าอยากให้มันตายค่ะแม่ ทุกอย่างจะได้เป็นของเรา? นิหน่ากล่าวอย่างมุ่งมาด ที่มุ่งมาดคือมาดร้าย อะไรๆ ก็จันทมณี ทุกคนในบ้านเอาอกเอาใจ เกรงใจลูกผู้พี่ไปซะหมด เธอเหมือนหมาหัวเน่าๆ ส่งกลิ่นตุๆ
?อย่าบอกนะว่าที่จู่ๆ โรคหัวใจนังเมนีกำเริบคือฝีมือนิหน่า?
ฤดีเห็นอยู่กับตา หลายปีมานี้จันทมณีทุเลาจากอาการโรคหัวใจที่ถูกตรวจพบเมื่ออายุสิบห้า แต่ได้รับการรักษาอย่างดีในโรคพยาบาลที่ดีที่สุด ซ้ำยังขอบริจาคหัวใจไว้แต่ยังไม่มีหัวใจบริจาคที่มีเนื้อเยื่อเข้ากันได้จึงต้องรอต่อไป ทางพี่ชายเห็นว่าอาการของจันทมณีไม่มีปัญหา จึงรักษาตามสิ่งแวดล้อมตามอาการ โดยไม่ให้เหนื่อยไม่ให้ตกใจและไม่ให้เครียด
อาการจันทมณีดีขึ้นเรื่อยๆ เกือบกลายเป็นเหมือนคนปกติ ไม่มีอาการโรคหัวใจมาหลายปีดีดัก
?จะว่าใช่ก็ใช่นะแม่? นิหน่าเบะมุมปากตอนนึกถึงเวลานั้น ด้วยความริษยาอันมีต่อพี่สาวเป็นทุน รวมทั้งสะสมมากขึ้นตามเวลา มากกว่านั้นยังได้รับการเสี้ยมสอนจากฤดีทุกๆ วัน ดังนั้น นิหน่าจึงไม่เห็นจันทมณีดีเลยสักประเด็น
?ว่าแต่นิหน่าทำยังไงล่ะลูก ไหนๆ เล่าให้แม่ฟังหน่อยซิ? ฤดีตื่นเต้นที่ลูกวางแผนเขี่ยตัวมารในกองมรดกออกไปได้ อาการหลานสาวหนักขนาดนั้นรอดมาเชื่อว่าคงไม่ปกติเท่าไหร่ โดยปกติแล้วจันทมณีไม่เคยถูกหามส่งโรงพยาบาล แต่คราวนี้คงจะหนักมาก จึงอยากรู้ว่านิหน่าจัดการด้วยวิธีไหน ลูกคนนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ นี่ถ้าจันทมณีตายไปก็ไม่มีใครเอาความผิดได้ คนหัวใจวายเฉียบพลัน โทษใครได้นอกจากโรคกำเริบเอง
?ได้สิคะแม่? นิหน่ามีฐานะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจันทมณี คนป่วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการเป็นตายเท่ากัน น้องที่ยิ้มหวานต่อหน้าแต่แอบแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา เล่าวีรกรรมทำชั่วให้แม่ของตนฟัง
?ต๊าย!!!? ฤดียกมือตบอกผางเมื่อฟังสิ่งที่ลูกเล่าจบ ?ลงทุนเอาตัวเข้าเสี่ยงมากขนาดนี้เชียวนิหน่า มันต้องอย่างนี้สิ การจะได้อะไรดีๆ มาต้องลงทุน? แทนที่จะสำนึกผิดหากแต่ฤดีกลับเห็นดีเห็นงามในสิ่งที่ลูกได้กระทำลงไป
หากผลคราวนี้จันทมณีสิ้นลมหายใจไม่ฟื้น เท่ากับเป็นการฆาตกรรมโดยเจตนา ทว่าจะมีใครจับมือดมได้ล่ะ ภาคินคนรักจันทมณีคงไม่อ้าปากป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นชู้รักกับนิหน่าแน่นอน ถ้าทำอย่างนั้นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ผู้ชายคนนั้นท่าทางรักตัวเองยิ่งกว่ารักจันทมณีซะอีก ไม่อย่างนั้นไม่ใจง่าย ยอมจำนนต่อเสน่ห์ร้อนแรงของนิหน่าเด็ดขาด
?ผู้ชายมันก็เห็นเซ็กซ์ดีกว่ารักทั้งนั้นแหละแม่?
นิหน่าแอบพอใจภาคินคนรักของพี่สาวเงียบๆ มานาน มักหว่านเสน่ห์ อ่อยฝ่ายชายอยู่บ่อยๆ ภาคินเองไม่ได้มีทีท่าไม่เล่นด้วย ทว่าคนอย่างเธอมีชั้นเชิงในการยั่วผู้ชายให้อยาก ทว่าไม่วู่วามปล่อยของ เล่นหว่านเสน่ห์ให้อยากไปเรื่อยๆ ค่อยตะครุบทีเดียว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะภาคินจอมเจ้าชู้เป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เธอไม่ได้รักจริงๆ ซะหน่อย
?ว่าแต่ลงทุนขนาดนั้น แล้วได้อะไรกับหมอนั่นหรือเปล่า? ใช่ว่าคนเป็นแม่จะมีอาการปลื้มที่ลูกยอมเอาตัวเข้าแลก เปลืองตัวแล้วต้องมีอะไรติดมือมาบ้างถึงจะถูก
?ไม่ได้หวังจะได้จากพี่คินหรอกค่ะ พี่คินมีแต่ตัว หวังน้ำบ่อใหญ่ๆ มากกว่า คิดดูสิแม่ ถ้านังเมนีตาย เผลอๆ เป็นพี่คินต่างหากที่มีส่วนทำให้เกิดเรื่องนี้?
นิหน่าเชื่อว่าตัวเองเปลืองตัวนิดหน่อยแต่ตกปลาใหญ่ได้คุ้มกว่าการคิดเล็กคิดน้อย เธอรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับภาคิน ภายใต้หน้ากากไฮโซโก้หรู ที่แท้เบื้องลึกอาจจะมีแต่เปลือก ทว่าก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ต้องรอพิสูจน์อีกสักหน่อย
?อ้าว แล้วแกล่ะ? พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาฤดีชักเป็นห่วงลูกสาวตงิด หากมีการสืบสาวราวเรื่อง นิหน่าไม่เข้าปิ้งด้วยอย่างนั้นหรือ โทษฐานไปยุ่งกับคนรักของจันทมณี
?อ๊ะ...นิหน่าก็บีบน้ำตา บอกว่าพี่คินขืนใจ ล่อหลวง ต่างๆ นานาก็สิ้นเรื่อง? นับวันนิหน่าจะแสดงกลโกงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากขึ้น คนเป็นแม่ควรจะภูมิใจในตัวลูกดีหรือไม่
?อุ๊ย...ฉลาดมากค่ะลูกขา? ดูเหมือนเรื่องเลวร้ายริษยาที่นิหน่าทำ จะเป็นการแสดงความชื่นชอบของคนเป็นแม่ไปเสียแล้ว ฤดีกับนิหน่าอยู่ในจุดพ่อแม่รังแกฉัน เห็นลูกทำผิดไม่ตักเตือนแต่ส่งเสริม ทำไมจะไม่ส่งเสริมในเมื่อฤดีเสี้ยมสอนนิหน่าเสมอว่าให้แย่งทุกอย่างมาจากจันทมณี แล้วคนรักของจันทมณีก็คือสมบัติอีกชิ้นด้วยเช่นกัน
?ไม่ฉลาดจะเป็นลูกแม่เหรอคะ? นิหน่ากล่าวพร้อมโผเข้าสวมกอดแม่ผู้สั่งสอนให้ตัวเองเกลียดลูกผู้พี่เข้าไส้ หาว่าจะมาแย่งทุกอย่างไป ถ้าจันทมณีได้มรดกส่วนใหญ่ไปครอง สองแม่ลูกจะไม่เหลืออะไร แค่มีสิทธิ์ซุกหัวนอนในบ้านหลังนี้เท่านั้น สิ่งที่ฤดีคิดจึงถูกนำมาฝังรากลึกในสมองลูก
สายตาฤดีกร้าวลึก หวังฮุบทุกอย่างที่เป็นมรดกเก่าแก่ของตระกูลในส่วนที่พี่ชายก่อร้างสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ในขณะที่นิหน่าไม่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลบริหาร แต่จันทมณีกลับได้ตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท เป็นถึงกรรมการผู้จัดการ ซ้ำยังถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอีกด้วย ส่วนเธอกับลูกได้แค่หุ้นไม่กี่ตัวเท่านั้น เงินปันผลแต่ละปีแสนน้อยนิดไม่พอใช้จ่าย เธอต้องการซื้อคอนโดฯ หรู ซื้อรถให้กับผัวใหม่คราวลูกที่เลี้ยงดูไว้ นี่ถ้าไม่เกรงจะไม่ได้เงินส่วนแบ่ง คงพาการินเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกันแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จันทมณีลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า พลันประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีเขียวที่ใบหน้าห่างจากเธอไม่ถึงคืบ ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยปากขอตรวจทว่าเขาไม่ใช้หูฟังที่คล้องคออยู่สักนิด หากแต่หมอภาสกรบรรจงจุมพิตที่หน้าผากสวยและเอ่ยต้อนรับกลับมา ขณะที่หญิงสาวฟังแล้วได้แต่งงอีกยังสับสนเพราะความร้อนผ่าวจากริมฝีปากคู่นั้น นี่คือการวินิจฉัยแบบใหม่สำหรับคนเป็นโรคหัวใจที่อาการกำเริบหรือไร หากใช่...จันทมณีก็ไม่อยากหายแต่อยากเลี้ยงไข้ไว้เพื่อให้หมอดูแลเพียงเฉพาะเธอ แต่หมอภาสกรรู้ดีว่าเขาต้องการมาชดเชยให้กับผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วย จันทมณีจะยอมเป็นตัวแทนของดวงใจเธอคนนั้นให้กับหมอภาสกรหรือไม่...
