New Release BLY แปล : พร่างพรมรักดวงใจสีเงิน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : พร่างพรมรักดวงใจสีเงิน

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

I

ลมแรงอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ห่างชายฝั่งพัดให้ชายเสื้อคลุมยาวสีครีมตัวหนักอึ้งซึ่งคาเรล เอไซแอสใช้คลุมกายพลิ้วสะบัด
สายลมในเขตพื้นที่ตอนในของเอเดรียแห้งและเต็มไปด้วยเม็ดทรายเสมอ ประเทศมหาอำนาจเรมอสเรียกดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้ในอีกชื่อหนึ่งว่าถิ่นห่างไกลความเจริญ
ทะเลทรายมีแสงแดดแรงกล้าจึงแทบไร้ผู้อยู่อาศัย หรือต่อให้บางแถบไม่ถึงกับเรียกทะเลทราย ส่วนใหญ่ก็เป็นพื้นที่เพาะปลูกถูกทิ้งรกร้าง มีเฉพาะก้อนหินกองเกลื่อน ที่เหลือเป็นทุ่งหญ้าแห้งกรังหรือไม่ก็ภูเขา
ขนาดโอเอซิสค่อนข้างเขียวขจีแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเม็ดทรายและเหม็นกลิ่นดิน
ถึงกระนั้นบริเวณที่มีผู้คนเข้าไปรวมตัวกันกลับมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด
เรมอสมีความก้าวล้ำทางวัฒนธรรม จึงไม่หลงเหลือความคึกคักแบบฉบับประเทศกำลังพัฒนาเช่นนี้แล้ว ตรงกันข้าม ผู้คนมีแนวโน้มจะผลักไสสิ่งเหล่านี้เพราะเห็นว่าป่าเถื่อนและไร้อารยธรรม
คาเรลหรี่นัยน์ตาสีอ่อนจางภายใต้กระโจมบังแดดหรูหราที่มีคนกางให้
?คนเยอะนะ ตลาดดูคับคั่งดีทีเดียว?
เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเฉื่อยชาอย่างบอกไม่ถูก
คาเรลเป็นกงสุลปกครองเอเดรียอันเป็นเมืองขึ้นของเรมอส ผู้คนรู้ว่าเขาจะผ่านมาสังเกตการณ์จึงเปิดทางให้ ทว่าถนนก็ยังเนืองแน่นไปด้วยสินค้าเบ็ดเตล็ด ของใช้ในชีวิตประจำวัน และคนที่มาเบียดเสียดกันเพราะความอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี
เอเดรียยังมีนานาวัฒนธรรมแบบชนเผ่าหลงเหลืออยู่ อย่างในตลาดก็เห็นคนสวมใส่เสื้อผ้าหลากสี
รอบบริเวณปะปนกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของเครื่องเทศ เครื่องปรุงอาหาร และขนมทอด พ่อค้าแม่ค้ากับลูกค้าคุยกันด้วยภาษาถิ่นเสียงดังหนวกหู
ดนตรีและบทเพลงซึ่งลอยมาให้ได้ยินเป็นระยะเป็นฝีมือการบรรเลงโดยศิลปินข้างถนนซึ่งพเนจรไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เห็นเมื่อครู่ประกอบด้วยสาวรุ่นสามนางผูกกระพรวนตรงมือและเท้า พวกหล่อนร้องเพลงพร้อมปรบมือและเต้นไปด้วยในชุดสุดก๋ากั่นเผยเนื้อหนังผิวสีน้ำผึ้ง สร้างความครึกครื้นให้ผู้ชายรอบข้างได้เป็นอย่างดี
เอเดรียมีผู้หญิงน้อย เวลาได้เห็นสาวๆ โฉมงามสะคราญขนาดนั้นมาส่ายทรงองค์เอวร้องรำทำเพลง พวกผู้ชายจะตื่นเต้นกันก็ไม่แปลก
หนึ่งในผู้ติดตามซึ่งมีหน้าที่เก็บความทรงจำ ชื่อว่าชูตัล คอยสังเกตการณ์ภาพการเต้นรำและจดบันทึกอย่างถี่ถ้วน บันทึกนั้นถือเป็นเป็นธรรมเนียมในเอเดรีย ทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเรมอสในฐานะวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง
?ลอร์ดเอไซแอส วันนี้พิเศษตรงเป็นวันเปิดตลาดม้าขอรับ...?
ดังนั้นผู้คนจึงหนาตาอย่างเห็นได้ชัด ผู้บัญชาการภูมิภาคชื่อดากัสอธิบายขณะเดินตามหลังคาเรล
ดากัสเป็นชายร่างกำยำ ถูกส่งตัวมาจากเรมอสเช่นเดียวกัน คาเรลประเมินค่าเขาไว้สูงเพราะเป็นคนชาญฉลาดแต่ไม่ทะเยอทะยาน โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นคนสำรวม
?อย่างนี้นี่เอง?
คาเรลตอบเสียงแหบแห้งโดยมีดากัสคอยเดินตาม
เมืองอันมีตลาดพร้อมใช้งานเสมอแห่งนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
รู้สึกว่าตลาดม้าจะจัดทุกรอบยี่สิบวันแยกจากตลาดปกติ ผู้ประสงค์จะขายม้ารวมทั้งนายหน้าจะมารวมตัวกัน และจะมีการกางกระโจมบังแสงแดดแห้งครอบคลุมไปถึงนอกเมือง
สีสันของกระโจมเป็นแม่สีเกือบทั้งหมด สะท้อนถึงความอารมณ์ร้อนและความมีชีวิตชีวาอันเต็มเปี่ยมของผู้อาศัยในพื้นที่ห่างไกลชายฝั่งทะเล
ประชาชนของประเทศมหาอำนาจซึ่งก่อตั้งมาช้านานอย่างเรมอสจะเก้อเขินไม่อยากแสดงความผันผวนของอารมณ์ให้คนอื่นเห็น โดยในภาพรวมมีแนวโน้มจะรังเกียจการกระทำนั้นเสียด้วยซ้ำ แต่ชาวเอเดรียจะเผยทุกอย่างออกมาตรงๆ ไม่ว่าเป็นความยินดี โทสะ รอยยิ้ม หรือเสียงโอดครวญ
ผ่านมาได้เจ็ดสิบปีกว่าหลังคาเรลมายังเอเดรียซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเรมอส ยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งภาพพื้นที่ตอนในอันทุรกันดาร แสงตะวันแผดจ้า หรือธง ธงสัญลักษณ์ เสื้อผ้า รวมถึงกระโจมแม่สีซึ่งโบกสะบัดตามสายลมแห้งๆ ที่พัดมา
กระโจมเด่นสะดุดตา เสื้อนอกตัวยาวปักด้ายเงินตรงชาย เรือนผมสีแพลทินัมบลอนด์อันเกือบจะเป็นสีเงิน นัยน์ตาสีไอซ์บลูอ่อนจางดุจน้ำแข็ง และแว่นตาเดี่ยวติดโซ่เส้นบางซึ่งดูแปลกตาแม้แต่ในย่านนี้ สิ่งเหล่านั้นกระมังทำให้ตระหนักว่าเขาคือท่านกงสุลคาเรล เอไซแอส มาร์เกรฟ แห่งเอเดรีย คนรอบข้างจึงเปิดทางให้
คลื่นฝูงชนถอยให้โดยธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะความศรัทธาอันเกิดจากความหวาดกลัว
นอกเหนือจากเมืองซันตันดอร์อันเป็นที่พำนักของคาเรลแล้ว เขาจะได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้เป็นประจำทุกแห่งหนที่ไปเยือนในเอเดรีย
คงคิดว่าเขาเป็นตัวประหลาดที่ห้ามแตะต้อง หรือไม่ก็เทพเจ้าต่างเผ่าพันธุ์ซึ่งไม่อาจกลมกลืนกับแผ่นดินนี้กระมัง
เรมอสกับเอเดรียมีระดับอารยธรรมแตกต่างกันเกินไป เมื่อมองจากสายตาของผู้อาศัยในโลกล้าหลังกว่าด้วยหน่วยเวลาเกินกว่าพันปี ตัวเขาคงพิลึกพิลั่นเกินไปจริงๆ คาเรลครุ่นคิดอย่างประชดประชันในใจระหว่างเดินใต้เงากระโจม
ขณะก้าวย่างเข้าไปยังลานกว้างซึ่งเปิดโล่งเล็กน้อย เห็นเด็กหนุ่มยืนบนแท่นอันประกอบขึ้นด้วยไม้ เขากอดดาบความยาวระดับเดียวกับส่วนสูงตัวเอง อายุคงราวสิบสามสิบสี่ ตัวสูงไม่เบา ร่างกายล่ำสัน น่าจะยังเติบโตได้อีก
เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตเรียบๆ เย็บจากผ้าฝ้าย กางเกงสีน้ำตาลดูน่าจะมีขนแกะปน เท้าใส่บูทยาวทำจากหนัง บนไหล่คลุมด้วยสิ่งที่ชาวเมืองแถบนี้ใส่กันเป็นส่วนใหญ่ คือเสื้อคลุมไร้แขนสีตุ่นใช้สำหรับกันแดดและป้องกันฝุ่นไปในตัว ผมของเขามีสีเหมือนฟางสีซีด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอมแดง
ที่แปลกคือหางตาข้างขวามีรอยสักสีน้ำเงินดีไซน์คดเคี้ยวคล้ายไม้เลื้อย ดูเป็นเอกลักษณ์
เด็กหนุ่มมีท่าทีสงบจนนับว่าแปลกสำหรับวัยนี้ คาเรลรู้สึกพิศวงเมื่อเห็นอีกฝ่ายผุดสีหน้าเยือกเย็นมากทั้งที่กำลังโดนซื้อขาย
กลุ่มชายซึ่งห้อมล้อมบริเวณนั้นและอีกกลุ่มที่วางมือบนไหล่เด็กหนุ่มกำลังเจรจาเสียงดังโฉ่งฉ่าง
?กำลังซื้อขายนักสู้น่ะขอรับ?
ดากัสพึมพำเมื่อเห็นคาเรลหยุดเดิน
การค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยในพื้นที่ตอนในอันแร้นแค้น
คนถูกขายใช่จะมีเฉพาะนักสู้ คนรับใช้ เกษตรกรทำไร่ และช่างฝีมือก็มี กรณีผู้หญิงจะถูกเอาไปเป็นหญิงงามเมืองหรือแม่ครัว ซื้อขายกันตามปกติเช่นเดียวกับม้าหรือวัว
โดยเฉพาะผู้หญิงนั้น จะซื้อขายกันในราคาสูง
เนื่องจากเอเดรียได้รับผลกระทบจากอาวุธชีวภาพที่มีการใช้ในดินแดนนี้เพียงแห่งเดียวในสงครามเมื่อสามพันกว่าปีก่อน อัตราการเกิดของผู้หญิงจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ด้วยเหตุนี้สตรีจึงได้รับความสำคัญเป็นอันมาก และมีมูลค่าสูงในฐานะสินค้า
เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่งยวดหากบิดามารดาหรือครอบครัวจะขายลูกหลานเพื่อลดปากท้องพร้อมกับหารายได้ไปในตัว บางคนไม่มีอันจะกินก็ตัดสินใจหานายจ้างและคนซื้อด้วยตัวเอง
แม้เห็นว่าเป็นธรรมเนียมอนารยะเหลือประมาณ ห่างไกลยิ่งจากการเคารพสิทธิมนุษยชน แต่โดยพื้นฐานแล้วกงสุลแห่งเอเดรียจะไม่ก้าวก่ายและแทรกแซงธรรมเนียมปฏิบัติหรือความขัดแย้งของชาวเอเดรีย
ปกครองทว่าไม่เข้าไปบริหารจัดการ นั่นคือตัวตนอันแท้จริงของกงสุล
วิธีปกครองเช่นนี้จะเรียกว่าการปล่อยปละละเลยหรือการสังเกตความเป็นไปก็ได้ เรมอสยึดแนวทางปฏิบัติเช่นนี้กับเอเดรียมาช้านานโดยตั้งให้เป็นเขตอนุรักษ์อารยธรรม
แน่นอนว่ามีการควบคุมอย่างเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าและการเข้าออกของผู้คนนอกเหนือจากข้าราชการที่เรมอสกำหนดส่งมา
การท่องเที่ยวหรือการเข้าประเทศด้วยวัตถุประสงค์ทางการค้าย่อมถูกห้ามเช่นกัน นักวิจัยต้องผ่านการพิจารณาคัดเลือกอย่างเคร่งครัดในส่วนของแนวคิดและความเชื่อ จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศในฐานะข้าราชการของเรมอสโดยมีตำแหน่งเป็นนักวิจัยประจำ
น่าจะพูดได้ว่าในปัจจุบัน ข้าราชการจากเรมอสเป็นนักวิจัยสักสองในสิบ
เนื่องด้วยเหตุดังกล่าว ระยะประจำการของข้าราชการคนหนึ่งๆ ในเอเดรียจึงยาวนานกว่าตำแหน่งอื่น
ในหมู่เขตปกครองของเรมอส เอเดรียจัดเป็นดินแดนที่มีลักษณะโดดเด่นมากในหลายแง่
?นักสู้? อายุยังไม่เท่าไรเลย...?
?ถึงอย่างนั้นก็ตาม เมื่อมีดาบในความรับผิดชอบของตัวเองแล้ว เท่ากับเขาได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถในการสู้รบและพึ่งพาตนเองได้ คนในแถบนี้มองว่าอายุสักสิบสามสิบสี่ก็เพียงพอจะเป็นแรงงานแล้วขอรับ?
คาเรลพ่นลมขึ้นจมูกดังฮึ
ประชากรในเอเดรียมีอายุขัยโดยเฉลี่ยต่ำ ช่วงอายุที่ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงมาถึงเร็วตามไปด้วย
ข้อนั้นเขาย่อมเข้าใจดี แต่อย่างไรก็ไม่อาจเห็นพ้อง การต้องมาเห็นว่าชีวิตคนถูกกำหนดด้วยเงินต่อหน้าต่อตาไม่ใช่เรื่องทำให้รู้สึกดีเลย
ใช่ว่าคำนึงถึงเรื่องศีลธรรมจรรยา เพียงแต่เกลียดชังการตั้งราคาให้มนุษย์อย่างไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดเสียมากกว่า
สาเหตุคงมาจากชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง พอคิดดังนั้นจิตส่วนลึกของคาเรลก็สงบลงขณะเผชิญความรู้สึกปฏิเสธที่เกิดในใจ
ท่าทางจะตกลงซื้อขายกันได้เรียบร้อยแล้ว หลังยื่นถุงซึ่งอัดแน่นไปด้วยเงินจำนวนหนึ่ง ชายร่างบึกบึนด้านล่างแท่นจึงดึงแขนเด็กหนุ่มลงมา
สังเกตจากลักษณะภายนอกที่ดูร่ำรวยและเสื้อผ้าฉีกแนว น่าจะเป็นผู้จัดการแสดงซึ่งมีนักสู้ในสังกัดจำนวนมากและเดินทางไปมาระหว่างพื้นที่ ถึงร่างกายกำยำจะดูหย่อนคล้อยไปบ้าง แต่พอเดาได้ว่าในอดีตเจ้าตัวคงเคยเป็นนักสู้มาก่อนเช่นกัน
ชายผู้นี้เลิกเป็นนักสู้หลังคว้าเงินรางวัลจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ประกอบอาชีพจัดการแสดงในพื้นที่ต่างๆ พลางฝึกฝนทักษะให้นักสู้ที่ยังเยาว์วัยไปด้วย
?รอยสักตรงหางตาของเด็กหนุ่มคนที่ถูกขายคือ...?
?คงเป็นสิ่งเฉพาะตัวของผู้ชายในเผ่าอารยานะขอรับ เป็นชนเผ่ากลุ่มน้อยที่ใช้ดาบได้เก่งกาจ?
?อ้อ ข้าเคยได้ยินมาบ้าง รอยสักหน้าตาเป็นแบบนี้เองหรือ?
คาเรลหรี่ตาข้างหนึ่ง
เรมอสไม่มีประเพณีเช่นนี้แล้ว ส่วนพื้นที่ห่างไกลชายฝั่งอย่างเอเดรียก็ไม่เคยได้ยินว่ามีเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกับตา
?เห็นว่ารอยสักนั้นหมายความถึงชายผู้มี ?นัยน์ตาฝ่าทะลวงความมืด? ขอรับ กล่าวกันว่าเผ่าอารยามีทักษะยอดเยี่ยมในการสัมผัสจิตสังหารได้รวดเร็วกว่าเผ่าอื่น...?
ดากัสทำงานเป็นผู้บัญชาการในภูมิภาคนี้มาเกือบสองร้อยปี ยาวนานกว่าคาเรล จึงอธิบายขนบธรรมเนียมซึ่งแพร่หลายในท้องถิ่นได้อย่างละเอียดลออตามระยะเวลาที่อาศัย
?คิดว่าเดี๋ยวคงสักเพิ่มตรงหางตาอีกข้าง เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเขาเป็นนักสู้เต็มตัวขนาดมีการตีราคาเป็นเงินนะขอรับ?
คาเรลขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่าจะทำรอยสักทันทีบัดนี้
?เดี๋ยวนี้เลยหรือ มีผู้เชี่ยวชาญด้านรอยสักประเภทนั้นอยู่ที่นี่ด้วยรึ?
คงนึกว่าคำพูดของคาเรลเป็นข้อซักถามกระมัง ดากัสจึงกระซิบบอกชายอีกคนข้างตัว
ชายคนนั้นก้าวขาเร็วๆ เข้าไปหาผู้จัดการแสดงและเอ่ยถามบางอย่าง
พอผู้จัดการแสดงเห็นคาเรลก็ทำตาโต เขาชูสองมือขึ้นข้างบนพร้อมกางแขน โค้งคำนับหลายต่อหลายครั้งในท่านั้น แล้วยิ้มให้อย่างมีอัธยาศัย
นี่คือวิธีทักทายของผู้มีสถานะต่ำกว่าต่อผู้มีสถานะสูงกว่าในแบบฉบับของเอเดรีย
เวลาทักทายด้วยการโค้งคำนับ พวกเขาจะชูฝ่ามือทั้งคู่ซึ่งไม่ถืออะไรเลยและกางแขนออกกว้าง เป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้ถืออาวุธในมือ...กล่าวคือไม่มีความคิดจะทำอันตรายอีกฝ่ายนั่นเอง
?เขาบอกว่ามีช่างผู้ชำนาญในหมู่บ้านอารยา แต่ที่นี่ไม่มีขอรับ แค่เอามีดเล่มเล็กหรือตะปูกรีดแผลบางตรงหางตาและเอาหมึกป้าย ไม่ต้องถึงมือช่างก็ได้?
ดากัสรายงานคำพูดของผู้จัดการแสดงที่ฟังมาอีกที
?เถื่อนจริงนะ?
ช่างเป็นธรรมเนียมต่ำช้า คาเรลสบถต่อเช่นนั้น เพราะมัวทำเรื่องอย่างนั้นอายุขัยโดยเฉลี่ยจึงยังย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหนสักที หากโชคร้ายอาจติดเชื้อจนตาบอดเลยก็ได้
?ชูตัล?
คาเรลเรียกชายที่อยู่ใกล้ตนจากในหมู่ผู้ติดตาม ชายดังกล่าวมีรูปร่างและน้ำหนักปานกลาง รูปลักษณ์ภายนอกไร้จุดเด่นโดยสิ้นเชิง ใบหน้าแทบไม่แสดงอารมณ์
?จากจุดนี้ไม่ต้องบันทึก?
ชูตัลค้อมศีรษะน้อยๆ บ่งบอกการรับรู้
เขาเป็นออโตมาตอน (หุ่นยนต์) ผู้คอยติดตามคาเรลเสมอเวลาออกจากคฤหาสน์ส่วนบุคคลในซันตันดอร์ ทำหน้าที่บันทึกทุกสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ฟังโดยอัตโนมัติ ข้อมูลที่บันทึกจะถูกส่งไปยังเรมอสอันเป็นมาตุภูมิเป็นระยะๆ เพิ่มเติมจากรายงานของคาเรล
จะบอกว่าเขาคือสมุดบันทึกอย่างเป็นทางการของกงสุลแห่งเอเดรียก็ว่าได้
?บอกให้เขาหยุดเดี๋ยวนี้?
คำพูดของคาเรลส่งผ่านคนอื่นไปยังผู้จัดการแสดงอีกครั้ง ชายผู้ทำหน้าที่ประสานกลับมาหาดากัส
?ดูเหมือนเป็นที่รู้กันว่ารอยสักบนหางตาทั้งสองข้างของผู้ชายในเผ่าอารยาคือสัญลักษณ์แทนความกล้าหาญ องอาจ และความเยือกเย็นขอรับ หากมีรอยสักข้างเดียวจะถือว่ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ จะปล่อยให้เด็กที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นสู้ในสนามประลองไม่ได้ขอรับ?
?ต่อให้สักรอยสักทั้งสองข้าง เด็กก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ?
ดากัสพยักหน้ารับคำพูดของคาเรลซึ่งกล่าวด้วยโทสะ
?เอ้อ ก็จริงดังที่ว่านะขอรับ?
?ข้าจะจ่ายเงินให้เป็นสองเท่าของราคาที่ตกลงกัน ปล่อยเด็กกลับหมู่บ้านไปซะ?
คำเปรยของคาเรลได้รับการถ่ายทอดไปยังผู้จัดการแสดงอีกครั้ง
ดากัสซึ่งยืนอยู่ด้านข้างทำหน้าเหมือนอยากพูดบางอย่าง
เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยากพูดอะไร โดยพื้นฐานแล้วกงสุลจะไม่ก้าวก่ายธรรมเนียม กิจวัตร พิธีกรรม ตลอดจนวิถีชีวิตของผู้คนในเอเดรีย หากปล่อยจิตเมตตากรุณาให้พะวงกับความขัดแย้งหรือการซื้อขายมนุษย์ ก็ต้องทำอย่างนั้นไม่มีวันจบสิ้น การเข้าไปเกี่ยวข้องจะทำลายสมดุลในขนบและระบบอำนาจของเอเดรีย
การแก่งแย่งอำนาจระหว่างชนเผ่าจะส่งผลดีต่อเรมอสมากกว่า หากอำนาจส่วนใหญ่รวมศูนย์ที่เผ่าเดียวหรือแบ่งเป็นสองขั้วอำนาจหลัก ชนเผ่าดังกล่าวจะเกิดความไม่พอใจต่อการปกครองของเรมอสและอุบัติพลังในการแยกตัวเป็นเอกราช แทนที่จะเป็นอย่างนั้น สู้ปล่อยให้อำนาจเล็กๆ หลายกลุ่มรบราถ่วงแข้งขากันเองเสียดีกว่า เรมอสจะได้ยิ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองเป็นระยะเวลายาวนานต่อไป
นโยบายหลักของเรมอสอันมีมาแต่โบราณก็คือ การคงสิทธิผูกขาดในการค้าอัญมณีดิบคุณภาพเยี่ยมที่ผลิตในเอเดรียให้เนิ่นนานต่อไป โดยไม่แทรกแซงประวัติศาสตร์หรือการสู้รบภายใต้ระบบอนุรักษ์
?ยังเด็กอยู่เลยนี่?
?ขนาดเด็กสาวอ่อนวัยกว่านั้น พอเริ่มมีระดูก็ซื้อขายกันแล้วขอรับ?
ชายวัยกลางคนปรามอย่างนุ่มนวล คาเรลตัดสินใจเพิกเฉยอีกฝ่ายชั่วคราว
จากนั้นเดินออกจากใต้กระโจมเข้าไปหาผู้จัดการแสดงด้วยตัวเอง
เด็กหนุ่มที่ยืนข้างผู้จัดการแสดงมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเพราะเพิ่งเคยเห็นกงสุลกับตาตัวเองเป็นครั้งแรก
เรื่องความแปลกแยกของคาเรล เอไซแอส กงสุลแห่งเอเดรียนั้น เด็กส่วนใหญ่รู้กันดี เขาดูไม่สูงวัยขึ้นเลยมานานแล้ว รูปโฉมยังคงเดิมเช่นเดียวกับสมัยมาประจำการตั้งแต่อายุได้ยี่สิบแปดปี
อีกทั้งผมสีแพลทินัมบลอนด์อ่อน นัยน์ตาสีไอซ์บลูอ่อนจาง และผิวขาวน้ำนมประดุจสีหลุดลอกออกไปนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจพบเห็นในชาวเอเดรีย
เสื้อคลุมยาวซึ่งทอจากผ้าไหมสีครีมเนื้อหนาคุณภาพเยี่ยม ปักด้วยด้ายสีเงินอย่างประณีตบรรจง งดงามจนอาจเรียกได้ว่าเป็นผลงานศิลปะที่ใช้สวมใส่ คงไม่มีใครเคยเห็นเครื่องแต่งกายเช่นนี้จากที่อื่นมาก่อนเช่นกัน
บางทีสิ่งแปลกตายิ่งกว่าอื่นใดอาจเป็นแว่นตาเดี่ยวคล้องสายโซ่สีเงินซึ่งคาเรลใส่อยู่
เมื่อคำนึงถึงระดับเทคโนโลยีของเอเดรียแล้ว แว่นตาเป็นสินค้าหรูหราราคาสูงที่น้อยคนนักสามารถครอบครอง ในดินแดนนี้คนสวมมันไว้ตรงเบ้าตามีเพียงกลสุลผู้เดียว
?ข้าจะจ่ายให้เท่าตัว ปล่อยเด็กกลับหมู่บ้านไปซะ อย่าสักรอยสักให้เขา?
เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการแสดงร้อนรนกับคำพูดซึ่งกงสุลเอ่ยกับตนโดยตรง
แต่มาอยู่ต่อหน้าผู้บัญชาการประจำท้องถิ่น และยังมีนัยน์ตาสีอ่อนจางของคาเรลซึ่งมาพร้อมผู้ติดตามหลายคนจับจ้อง เขาก็ไม่อาจขัดขืน
ชายคนนั้นหันมองหน้าดากัส กลุ่มชายรอบด้าน และคาเรลสลับไปมา เหมือนจะถามว่าตนตอบกลับกงสุลตรงๆ ได้หรือไม่
?อนุญาตให้ตอบท่านโดยตรงได้ จงทำตามที่ท่านบอก?
คำสั่งการสั้นๆ ของดากัสส่งผลให้ชายดังกล่าวผายแขนออกกว้างและโค้งตัวต่ำยิ่งอีกครั้ง
?ตามที่ท่านบัญชา?
ต่อให้อารมณ์ชั่ววูบของกงสุลจะไร้เหตุผล ผู้จัดการแสดงก็ได้แต่ยืนค้อมศีรษะตอบรับคำสั่งของผู้บัญชาการดากัสซึ่งแฝงนัยว่าไม่อนุญาตให้ฝ่าฝืน
?จงจ่ายเงินให้ตามที่เขาต้องการ?
คาเรลบอกผู้ติดตามคนหนึ่งแล้วเดินห่างจากที่แห่งนั้น
รู้ว่าเด็กหนุ่มในเหตุการณ์มองส่งตนอย่างประหลาดใจ ทว่าเขาไม่สนใจ
เข้าใจดีว่าเป็นแค่การหลอกตัวเอง
มิหนำซ้ำตัวคาเรลเองยังไม่ได้เป็นผู้มีมนุษยธรรมและเปี่ยมความเมตตา
ตรงกันข้าม ถ้าจะให้พูด เขาไม่เคยสนใจคนอื่น แค่เฝ้าดูเวลาไหลเวียนไปในเอเดรียอย่างเฉยชาในฐานะกงสุลเท่านั้น
เพียงแต่อดนึกรังเกียจไม่ได้ หากใบหน้างามหมดจดทีเดียวของเด็กหนุ่มจะโดนสักรอยพิลึกพิกลยิ่งกว่านั้น
ลวดลายของรอยสักงดงามมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง เข้าใจด้วยว่ามันคือจุดเด่นที่ทำให้มองปราดเดียวก็แบ่งแยกเผ่าได้ ลวดลายรอยสักนี้อาจแฝงนัยถึงคำสวดภานาและคาถาบางอย่าง เช่นเดียวกับนัยเฉพาะในรูปแบบหรือลวดลายต่างๆ ของเสื้อผ้าและพรมของเผ่าอื่นก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี แว่นตาเดี่ยวอันแตกต่างจากคนอื่นก็ทำให้ผู้คนมองคาเรลด้วยสายตาเหมือนเห็นตัวประหลาดมาตลอด ไม่เพียงในเอเดรียเท่านั้น แม้แต่มาตุภูมิอย่างเรมอสก็ด้วย
เวลาเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่บ้านเกิดเมืองนอน สถานการณ์จะตรงกันข้ามกับที่นี่ กล่าวได้ว่าจะมีแววตาดูแคลนและเห็นใจแบบเบาบางเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของคาเรลคอยตามติดตัวเขาเสมอ
ยากจะอธิบายอารมณ์ชั่วแล่นในขณะหนึ่งเป็นคำพูด สรุปคือเขาเผลอคิดไปว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เด็กหนุ่มซึ่งยังอ่อนวัยเหลือเกินมีรูปโฉมผิดแปลกไปมากกว่านี้จนถึงกับเสี่ยงจะสูญเสียความสามารถในการมองเห็น
หากเป็นเมื่อวานหรือวันพรุ่ง อาจคิดต่างจากนี้ก็ได้
เอาเป็นว่านี่คือการทำตามอารมณ์อันแปรปรวนซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะวันนี้เท่านั้น และตอนนี้ก็เริ่มนึกเสียใจกับการกระทำของตนแล้ว
?ข้าดูที่นี่พอแล้ว ไปตลาดสินแร่กันต่อ?
ดากัสค้อมศีรษะน้อยๆ เป็นการรับคำคาเรล

คาเรลกลับมายังคฤหาสน์ของดากัสด้วยวีทอล (อากาศยานไร้คนขับขึ้นลงทางดิ่ง) ซึ่งใช้สำหรับสำรวจพื้นที่
หลังฆ่าเชื้อทั่วตัวตามข้อกำหนดเรียบร้อย เขาเปลี่ยนมาสวมเสื้อปกสูงสำหรับทำงานตามปกติ ชุดโอ่อ่าเวลาออกสังเกตการณ์ใช้เพื่อแสดงความสง่างาม แค่ใส่อย่างเดียวก็หนักแล้ว พอเปลี่ยนมาใส่ชุดทำงานเรียบง่ายจึงสบายตัวขึ้นบ้าง
เขาดื่มยาตามระเบียบข้อบังคับในห้องพักผ่อนที่มีคนจัดเตรียมให้ ระหว่างนั่งพักผ่อนพลางดื่มเครื่องดื่มเย็นฉ่ำ ดากัสก็เดินเข้ามา
?เห็นเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?
?ฝุ่นยังเยอะเหมือนเดิม แต่ดีแล้วที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ เดี๋ยวข้าจะเอาบันทึกการสังเกตการณ์ของชูตัลให้?
ดากัสได้ฟังก็หยิบเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบที่คนรับใช้ยกมาให้มาดื่มบ้าง
?เด็กหนุ่มคนนั้นที่ลอร์ดเอไซแอสช่วยไว้?
หากอีกฝ่ายไม่พูด คาเรลก็ลืมสนิทไปแล้วว่าเคยออกปากอะไรไว้ที่ตลาด เขามองผู้บัญชาการด้วยแววตาเรียบเฉย
?อ้อ ส่งกลับหมู่บ้านไปเถอะ?
?คือ...เขาบอกว่าไม่กลับขอรับ?
?คนที่หมู่บ้านทารุณเขาหรือ หรือว่าโดนเอามาขายอีกรอบ??
หากเป็นการขายเพื่อลดปากท้อง ถึงกลับบ้านไปพ่อแม่บางคนก็คงเอามาขายอีกอยู่ดีกระมัง
อาจฟังดูใจจืดใจดำสักหน่อย แต่คาเรลไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องเด็กถึงขั้นนั้น เขาไม่ใช่คนใจบุญสุนทานหรืออาสาสมัคร การก้าวก่ายในตลาดวันนี้เกิดจากอารมณ์ชั่วแล่นจริงๆ ไม่มีสิ่งใดเกินเลยกว่านั้น
?เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ เห็นว่าในเมื่อออกจากหมู่บ้านมาแล้วในฐานะนักสู้คนหนึ่ง การกลับไปจะถือเป็นความอัปยศของลูกผู้ชายขอรับ?
คาเรลเลิกคิ้วข้างหนึ่งเบาๆ เพราะไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย
?...หา??
?เขาบอกว่าในเมื่อจากบ้านเกิดมาในฐานะนักสู้เต็มตัว การทำแบบนั้นจะส่งผลให้ชื่อของตัวเองมัวหมองในฐานะนักสู้?
?ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าที่พูดหมายความว่าอย่างไร?
เข้าใจความหมายของความอัปยศของลูกผู้ชายหรือศักดิ์ศรีนักสู้อยู่หรอก แต่ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงกลับบ้านเกิดที่ตนเติบโตมาไม่ได้เพราะเรื่องนั้น เดิมทีคาเรลก็ไม่เข้าใจอยู่แล้วว่าการเสี่ยงชีวิตเพื่อสิ่งไร้ประโยชน์อย่างศักดิ์ศรีมีความหมายอันใด
พอได้ฟังคำพูดไร้อารมณ์ ดากัสผู้อยู่ทำงานในพื้นที่นี้มานานเกือบสามเท่าของคาเรลก็ผุดสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
?เจ้าตัวบอกว่าไม่คิดกลับไปยังหมู่บ้านที่เกิดและเติบโตมาเพราะต้องรักษาเกียรติยศของตัวเองขอรับ?
?คิดอย่างนั้นเพราะไม่เข้าใจกลไกของโลกน่ะสิ เป็นวิธีคิดของเด็กโดยแท้?
คาเรลมีมันสมองปราดเปรื่องกว่าคนปกติเป็นเท่าตัวตั้งแต่ยังเยาว์วัย สมัยอยู่อคาเดมี (สถาบันการศึกษา) เขาอาศัยระบบข้ามชั้นจนได้ศึกษาระดับมัธยมปลายในชั่วพริบตา พัฒนาการทางความคิดเติบโตเร็วกว่าวัยจนผู้ใหญ่รอบข้างพากันตกอกตกใจ
ด้วยเหตุดังกล่าว เขาจึงไม่อาจจินตนาการถึงความคิดของเด็กวัยสิบสามซึ่งเป็นปุถุชนอย่างยิ่ง นอกจากจินตนาการไม่ออกแล้ว ยังไม่มีเด็กอยู่ใกล้ตัวให้รู้สึกว่าจำเป็นต้องจินตนาการ
?หากชื่อเขายิ่งใหญ่ขนาดจะเกิดความเสื่อมเสีย ให้เปลี่ยนชื่อเสียเลยเป็นอย่างไร?
อันที่จริงก็ไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอก
เพียงแต่ไม่คิดว่าชื่อของเด็กหนุ่มจะมีคุณค่ามากมายขนาดตนจะต้องเสนอความช่วยเหลือ...เมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่ากลับไม่ได้เพราะจะกลายเป็นความอัปยศ
ใบหน้าละมุนของดากัสผุดสีหน้าคล้ายจะหลบเลี่ยงคาเรล
?ถ้าอย่างนั้น...ลองคุยกับเขาดูสักครั้งเป็นอย่างไรขอรับ?
ปกติตนคงปฏิเสธดากัสไปแล้ว แต่ที่ลองรับข้อเสนอนั้นไว้คงเพราะเห็นควรรักษาหน้าของอีกฝ่ายบ้างหลังตนทำเรื่องไม่เหมาะสมลงไป
คาเรลมาตรึกตรองในภายหลังหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็นึกเหตุผลที่คิดจะคุยกับเด็กหนุ่มในยามนี้ไม่ออกเลย

II

สถานที่ซึ่งเด็กหนุ่มนามทวะผู้อายุย่างสิบสามปีถูกนำมาประมูลในฐานะนักสู้ ก็คือเมืองคาลซัสอันเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้
ขณะขึ้นไปยืนบนแท่นประมูลในลานกว้างซึ่งมีผู้คนคับคั่ง และได้เห็นกระโจมสีน้ำเงินเข้มค้ำด้วยเสาสี่ต้นท่ามกลางฝูงชน เขายังไม่สนใจมันมากนัก
กระโจมสีสดใสใช้บังแสงแดดแรงกล้าเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าคนคนนั้นเป็นผู้ทรงอิทธิผลหรือผู้มีฐานะมั่งคั่งในท้องถิ่น
ตอนได้เห็นปอยเชือกสีเงินห้อยจากขอบกระโจม เด็กหนุ่มคิดเพียงว่ามันดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับหลังอื่น โดยมากกระโจมจะใช้แม่สีสดใสถึงขนาดทิ่มแทงตา อีกทั้งยังนิยมประดับเชือกสีทองหรือลายปักเพื่ออวดฐานะ กระโจมที่อยู่ตรงหน้าจึงแปลกตานิดหน่อย
ใต้กระโจมมีเงามืด แถมตลาดยังอลหม่านไปด้วยผู้คน จึงมองเห็นข้างในไม่ชัด
น้องสาวผมดำอายุห่างกันหนึ่งปีซึ่งถูกพาตัวมายังตลาดด้วยกันนั้นสะสวยสะดุดตา จึงมีคนซื้อและพาตัวไปแล้วอย่างรวดเร็ว
?ยังเด็กอยู่ก็จริง แต่หน้าตาสวยขนาดนี้สำนักนางโลมคงดูแลเป็นอย่างดี?
นายหน้าบอกน้องสาวกับทวะเช่นนั้น
เอเดรียมีผู้หญิงน้อยนิดเหลือเกินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาซื้อขายเลยมีค่าตัวสูงลิบกว่าผู้ชายและได้รับความสำคัญ ถึงกลายเป็นหญิงงามเมืองก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะน่าสลดหดหู่ขนาดนั้น
หากเป็นหญิงงามเมืองชั้นสูง ทางสำนักนางโลมจะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้การศึกษาและขัดเกลาความสามารถ อายุสิบสี่ปีถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าทำงานในร้าน จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็เป็นไข่ในหินดีๆ นี่เอง เสื้อผ้าจะได้รับแต่ของชั้นเลิศ ชีวิตก็ไม่ลำบากขัดสนเพราะได้ของขวัญจากพวกผู้ชาย
วิธีล่อลวงอย่างหนึ่งของนางโลมคือการส่งจดหมายหาแขก ดังนั้นหญิงงามเมืองส่วนใหญ่จึงมีความสามารถขั้นต่ำเป็นการอ่านเขียนหนังสือ เหตุนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์น่าพิศวงในเอเดรีย กล่าวคือโดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงมีอัตราการอ่านออกเขียนได้สูงกว่า
พอสิ้นสุดระยะเวลาว่าจ้าง พวกเธอยังสามารถแต่งงานตามปกติได้ด้วย ตรงกันข้าม ยิ่งเป็นสาวงามซึ่งมีทักษะในการอ่านเขียนหนังสือแล้ว ย่อมมีคนจำนวนมากใฝ่ฝันถึงไม่ว่าจะในแง่ของภรรยาหรือมารดาของลูก หากเป็นที่ถูกตาต้องใจของบุรุษมีฐานะ บุรุษนั้นอาจจ่ายเงินก้อนไถ่ตัวมาเป็นภรรยาตั้งแต่ก่อนหมดระยะว่าจ้างด้วยซ้ำ
?รูปโฉมงดงามขนาดนี้ ต่อให้เข้าไปทำงานในร้านตอนอายุสิบสี่ ก็คงได้ออกจากสำนักก่อนอายุสิบแปดกระมัง?
ทวะเห็นด้วยกับคำพูดของนายหน้า น้องสาวน่าจะได้ออกจากสำนักในเร็ววัน ความเป็นไปได้ที่จะแต่งงานกับชายฐานะร่ำรวย ดีกว่ายากจนอดมื้อกินมื้ออยู่ที่หมู่บ้านเป็นไหนๆ
เขาถือดาบยาวใส่ฝักหนังขึ้นไปยืนบนแท่นประมูลระหว่างคิดเช่นนั้น
ในการค้ามนุษย์บางครั้งอาจถูกหลอกหรือทุบราคา แต่ที่เอเดรียแห่งนี้ขอเพียงเลือกนายหน้าให้ดี ก็จะเป็นหนทางหนึ่งในการมีคนกลางช่วยจัดหาอาชีพให้คนกำลังหางานทำจากนี้ไป
โชคดีว่าทวะท่าทางจะได้ราคาดีในฐานะนักสู้ผู้มาจากเผ่าอารยาอันองอาจแกล้วกล้า ผู้จัดการแสดงถึงสามคนสู้ราคากันอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายชายที่ล้างมือจากวงการนักสู้ก็กลายเป็นผู้ซื้อในราคาสูงกว่าที่ทวะคิดเอาไว้พอสมควร
การถูกซื้อตัวจากผู้จัดการแสดงซึ่งเคยเป็นนักสู้ในอดีตนับเป็นสัญญาณดีสำหรับทวะด้วย เพราะคนกลุ่มนี้จะมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับเทคนิคในการประลอง วิธีนำเสนอทักษะในฐานะนักสู้ และเส้นทางในอนาคต
เท่านี้ทวะก็จะได้รอยสักที่ตาซ้าย สามารถยืนบนสังเวียนในฐานะผู้ชายซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวจากเผ่าอารยา การกลายเป็นนักสู้มืออาชีพได้เช่นนี้มีข้อดีอีกอย่างตรงช่วยรักษาหน้าของบิดาและปู่ผู้คอยสอนสั่งเทคนิคการต่อสู้อันน่าภาคภูมิของเผ่า เพื่อให้เขาพึ่งพาตัวเองได้แม้หลังออกจากหมู่บ้าน
ตอนลงจากแท่นประมูลด้วยกระแสความคิดเช่นนั้น ชายจากใต้เงากระโจมก็มาเปิดฉากเจรจาต่อรองกับผู้จัดการแสดง ทั้งคู่ถกเถียงกันเรื่องจะสักหรือไม่สักรอยสักบริเวณตาข้างซ้าย
ขณะเขามองความเป็นไปอย่างพิศวงงงวย ในที่สุดชายร่างสูงคนหนึ่งก็เดินออกจากใต้กระโจม
ร่างที่เผยสู่สายตาภายใต้แสงอาทิตย์ทำเอารอบข้างส่งเสียงเซ็งแซ่
แสงแดดจัดส่งให้เรือนผมสีทองจนแทบเห็นเป็นสีขาวนั้นโดดเด่น ทั้งดวงตาสีฟ้าจางดูเลือดเย็นและผิวขาวราวโปร่งใสล้วนดึงดูดสายตาชอบกล
สิ่งที่เป็นเป้าสายตาในบรรดานั้นคือแว่นตาเดี่ยวสีเงินซึ่งชายคนนั้นใส่อยู่ มันถูกรั้งไว้ตรงดั้งจมูกโด่งเรียวเล็ก ทวะเพิ่งเคยเห็นของแบบนั้นเป็นครั้งแรก สายโซ่เส้นเล็กเชื่อมยาวไปถึงหู ตรงห่วงมีไพลินสีน้ำเงินฝังอยู่ อัญมณีดูเด่นสะดุดตาเมื่อเทียบกับผิวสีอ่อนจางของเขา
แม้แต่ทวะซึ่งอายุเพียงสิบสามปีและเติบโตมาในแดนห่างไกล ยังรู้เลยว่าบุรุษตัวสูงผู้สวมแว่นตาเดี่ยวอันแปลกประหลาดเป็นใคร
ร่างสูงคลุมกายด้วยเสื้อปกสูงสีขาว สวมทับด้วยเสื้อนอกตัวยาวปักด้ายสีเงินงามวิจิตรจนน่าทึ่ง บนไหล่เสื้อมีเครื่องหมายบอกยศติดดิ้นสีเงิน เชือกประดับสีเงินห้อยลงมาเป็นสาย มองปราดเดียวยังรู้ว่าเป็นของราคาแพงซึ่งผลิตขึ้นอย่างละเอียดประณีต ชนชั้นมั่งคั่งทั่วไปไม่อาจหามาสวมใส่
กงสุลผู้ปกครองเอเดรีย...เป็นคนแปลกที่ไม่แก่ตัวลงเลยแม้ดำรงตำแหน่งมาเกินกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว...คำพูดนั้นแวบขึ้นในสมอง
รูปลักษณ์ดูเหมือนคนอายุสามสิบหรือน้อยกว่า จากสายตาของทวะไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายอ่อนวัยหรือแก่ชราเป็นพิเศษ
แต่ผู้เฒ่าอายุเกินเจ็ดสิบในหมู่บ้านของทวะเคยเล่าว่า รูปโฉมของกงสุลที่ผู้เฒ่าเคยเห็นสมัยก่อนกับตอนนี้ไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มประหลาดใจกับการปรากฏตัวกะทันหันของบุรุษผู้นั้น จึงเผลอจ้องอีกฝ่ายไม่วางตาโดยอัตโนมัติ
?ข้าจะจ่ายเงินให้เป็นสองเท่าของราคาที่ตกลงกัน ปล่อยเด็กกลับหมู่บ้านไปซะ?
ชายคนดังกล่าวเอ่ยเพียงสั้นๆ ด้วยภาษากลางของเรมอสแจ่มชัดไม่มีสำเนียง สมเป็นข้าราชการที่ถูกส่งตัวมาจากเรมอส คำพูดนั้นไม่สนใจคำตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงเปรยแล้วสั่งให้ชายข้างกันจ่ายเงินให้ จากนั้นเดินจากไปทันที
ไม่รู้กงสุลคิดอย่างไรถึงได้มาพูดแบบนั้น แต่ที่สำคัญที่สุด ทวะรู้สึกคล้ายได้เห็นสิ่งไม่ควรในระยะประชิดมาก พอชายคนนั้นจากไป ขนคอก็ลุกเกรียวไปหมด
คงอารมณ์เดียวกับเวลาเห็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวซึ่งไม่ควรไปเห็นเข้าด้วยประการทั้งปวง
สัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่า...ไม่ควรมองอีกฝ่ายตรงๆ ไม่ว่ารูปโฉมของอีกฝ่ายจะดีหรือแย่ก็ตาม
หลังจากนั้นผู้จัดการแสดงก็ส่งตัวทวะให้กับชายซึ่งมากับกงสุล ท่าทางจะเป็นข้าราชการจากเรมอสที่รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่แก่ตัวลงเลยเช่นกัน เขาชื่อดากัส เป็นผู้บัญชาการของท้องถิ่นนี้
ดากัสถาม ทวะจึงอธิบายว่ามาจากไหน ใช้เวลาเดินทางเท่าใดจากที่นี่ อีกฝ่ายเล่าว่ากงสุลมีคำสั่งให้ส่งตัวกลับหมู่บ้าน แต่ทวะยืนกรานว่าไม่คิดจะกลับ
น้องสาวถูกขายให้กับสำนักนางโลมแล้วแท้ๆ จะให้ตนซึ่งถูกขายในฐานะนักสู้เต็มตัวกลับบ้านอย่างหน้าไม่อายได้อย่างไร ต่อให้กลับหมู่บ้านไป ก็ต้องหางานสักอย่างเป็นการชดเชยที่ปากท้องของชายเจริญวัยเพิ่มมาอีกหนึ่งอยู่ดี
ทวะฝึกฝนทักษะการต่อสู้เพื่อให้พึ่งพาตัวเองได้ในฐานะนักสู้ผู้มีทักษะมาตั้งแต่เด็ก และเพราะคนรอบข้างวินิจฉัยว่าเขามีความสามารถเพียงพอ จึงได้มายืนในตลาดภายใต้ชื่อเผ่า รอยสักข้างตาขวาเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนั้น ศักดิ์ศรีที่ว่าทำให้เขากลับไม่ได้ ไม่คิดจะกลับ เขาเล่าให้อีกฝ่ายฟังเช่นนั้น
หลังบทสนทนา อีกฝ่ายให้ทวะขึ้นเครื่องบินซึ่งเคยได้แต่มองจากพื้นดินห่างไกล และพาตัวเขาไปยังคฤหาสน์ของผู้บัญชาการซึ่งอยู่ในเมืองรอบนอกชื่อฟรีเบอร์
ในส่วนของยานพาหนะ นอกจากม้ากับลา เด็กหนุ่มเคยนั่งแค่รถม้า เวลามานั่งพาหนะลอยฟ้าแบบนี้จึงไม่อาจสงบใจ ชายที่พาทวะมาบอกว่ามันคือวีทอล
ก่อนขึ้นเครื่องก็โดนจับฆ่าเชื้อทั่วร่างแล้ว พอมาถึงคฤหาสน์ของผู้บัญชาการซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างกว้างใหญ่หรูหรา ก็มีคนมาพ่นยาสเปรย์ใส่ตัวไม่รู้ตั้งกี่รอบ ตามด้วยเอายาเม็ดเล็กซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนให้กิน ดาบซึ่งพกติดตัวมาด้วยก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้ออย่างพิถีพิถัน
ต่อจากนั้นมีชายสองคนจับเขาอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณถ้วนทั่วทุกซอกทุกมุม น้ำเป็นปัจจัยสำคัญมากในพื้นที่ห่างไกลชายฝั่ง จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้น้ำร้อนและน้ำเย็นแบบสิ้นเปลืองขนาดนั้นในการอาบน้ำ
พออาบน้ำเสร็จ ทวะได้รับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสะอาดสะอ้านตัวค่อนข้างใหญ่กับกางเกงมาใส่ และถูกสั่งให้รอพร้อมลูกน้องชายคนสนิทในห้องซึ่งหันหน้าเข้าหาสวนหย่อมอันเงียบสงบ
แต่ไหนแต่ไรผู้ชายของเผ่าอารยาซึ่งเป็นถิ่นเกิดของทวะก็สงบปากสงบคำอยู่แล้ว พวกเขาสร้างชื่อจากเกียรติยศในสงครามทดแทนความไร้ทักษะในการร้องเพลง พูด หรือเต้นรำ ทั้งชายหญิงในเผ่าล้วนตัวสูง โดยปกติจะรูปร่างกำยำและแขนขายาวด้วยกันทุกคน
แม้เป็นชนเผ่ากลุ่มน้อย แต่กล่าวกันว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของราชวงศ์ซึ่งเคยปกครองดินแดนหนึ่งในสมัยโบราณก่อนสูญสิ้นไป นั่นเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เผ่านี้ปากหนัก
จริงอยู่ว่าพวกเขาขาดวาทศิลป์ ต่างจากพ่อค้าในตลาดหรือพ่อค้าเร่ผู้อาศัยวาจาดึงดูดลูกค้าอย่างฉลาดหลักแหลม ทว่าอันที่จริงเผ่าอารยาถือว่าการนิ่งเงียบเป็นคุณความดีอย่างหนึ่ง ด้วยความปากหนักนี้เอง พวกเขาจึงได้รับความไว้วางใจในฐานะผู้คุ้มกันใกล้ชิดของคนสูงศักดิ์มาตั้งแต่สมัยก่อน
สาธารณชนเล่าลือได้ถูกต้องแล้ว คนของเผ่าอารยามีความสามารถในการสัมผัสจิตสังหารได้เร็วกว่าคนทั่วไป
หากถึงคราวจำเป็นก็จะปกป้องผู้ว่าจ้างแม้ต้องแลกด้วยชีวิต
คนในเผ่าเติบโตมากับคำสอนว่า การไม่อาจปกป้องผู้ว่าจ้างหรือการหนีเอาตัวรอดโดยทิ้งผู้ว่าจ้างเอาไว้ คือความอัปยศยิ่งกว่าความตายสำหรับผู้ชายในเผ่าอารยา
ทวะก็คิดเช่นกัน ว่าการสูญเสียความน่าเชื่อถือไม่เพียงสร้างความอับอายให้ตัวเอง แต่ยังส่งผลให้เกียรติภูมิของเผ่าต้องมัวหมอง ไม่ต่างอะไรกับการตกต่ำกลายเป็นพวกขี้แพ้ไร้ศักดิ์ศรี
ในปัจจุบันอาจเห็นว่าหลายคนสร้างชื่อด้วยการเป็นนักสู้ผู้แสดงทักษะการต่อสู้อันแพรวพราย แต่ในอดีตผู้ชายในเผ่าอารยาขัดเกลาทักษะนั้นเพื่อคุ้มกันผู้อื่นเป็นหลัก
เพราะฉะนั้นทวะจึงไม่รังเกียจที่จะนั่งนิ่งรอเงียบๆ
กลางสวนหย่อมงดงามมีเสาต้นหนึ่งซึ่งประดับประดาสวยงาม ในสวนปลูกต้นไม้เป็นจุดๆ นั่งชมแล้วค่อยสงบใจลงได้
ระหว่างรออยู่ตรงนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คนรับใช้เชิญเขาไปอีกห้องห่างกันไม่มาก
เด็กหนุ่มถือดาบเข้าไปในห้องตามการนำทางของอีกฝ่าย และได้พบกงสุลผมสีแพลทินัมบลอนด์คนเมื่อครู่ รวมถึงชายวัยกลางคน...ผู้บัญชาการดากัส คนเดียวกับเมื่อกี้นั่นเอง ทั้งสองสวมเสื้อปกสูง มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นข้าราชการจากเรมอส
แต่ก็รู้เพียงเท่านั้น
เดิมทีเจ้าหน้าที่ปกครองจากเรมอสไม่ค่อยแทรกแซงการเมืองท้องถิ่นของเอเดรียอยู่แล้ว บอกตามตรงทวะไม่ค่อยรู้เรื่องอีกฝ่ายนอกจากว่าเป็นคนใหญ่คนโตระดับเหลือเชื่อ
แน่นอนว่าตำแหน่งสูงกว่าชนเผ่ามั่งคั่งหรือพ่อค้าที่มาว่าจ้างเผ่าอารยามากนัก ถึงไม่ก้าวก่ายการเมืองท้องถิ่น ก็ยังเป็นที่รู้กันว่าพวกเขากุมอำนาจเบ็ดเสร็จในเอเดรียแห่งนี้
?ข้าบอกให้คนส่งเจ้ากลับหมู่บ้าน?
กงสุลเปิดปากพูดโดยไม่มีการเกริ่นนำใดๆ
เจ้าตัวสวมเสื้อนอกเนื้อดีเป็นเงามันสีขาวเช่นเดียวกับเมื่อครู่แต่เนื้อบางกว่า ทวะคิดลอยๆ ว่าอีกฝ่ายตัวผอมกว่าที่ตนคิดทีแรกนิดหน่อย เสื้อผ้าซึ่งแผ่บรรยากาศน่าเกรงขามทำให้ตอนแรกดูตัวใหญ่ไม่เบา
รูปหน้าเป็นวงรีดูงามสง่าสมเป็นชาวเรมอส ทว่ากลับดูไม่เหมือนมนุษย์ คงเพราะเรือนผมและดวงตามีสีอ่อนจางกระมัง
ขนาดในหมู่ข้าราชการอย่างเรมอส ยังไม่มีคนใดสีอ่อนจางทั่วทั้งร่างถึงเพียงนี้
เสียงปราศจากสำเนียงถิ่นโดยสิ้นเชิงนั้นราบเรียบ ฟังดูเย็นชาไม่น้อย
ทวะลอบมองผู้บัญชาการซึ่งอยู่ข้างกัน ผู้บัญชาการพยักหน้าเป็นการแนะว่าให้ตอบโดยตรงได้
?ข้ากลับไม่ได้ขอรับ ข้าได้รับอนุญาตให้ออกจากหมู่บ้านมาเป็นนักสู้เพราะคนในหมู่บ้านยอมรับว่าข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว น้องสาวก็ถูกขายแท้ๆ ข้ากลับคนเดียวอย่างไร้ยางอายไม่ได้หรอกขอรับ?
กงสุลเลิกคิ้วข้างที่ไม่ได้สวมแว่นตาด้วยกิริยาสง่างาม
?โฮ่...?
เขาตอบด้วยน้ำเสียงอันไม่อาจสัมผัสถึงความรู้สึก
?ได้ยินว่าเป็นคนเผ่าอารยา?
?ขอรับ?
?ชื่ออะไร?
?ทวะขอรับ?
?นามสกุลล่ะ?
?ไม่มีขอรับ?
พอทวะตอบ ผู้บัญชาการก็กระซิบบอกกงสุล
?เผ่าอารยาเป็นเผ่าที่ไม่ใช้นามสกุลขอรับ?
คนฟังเพียงพยักหน้าเบาๆ
?ชื่อทวะสั้นไป อย่างไรก็มีแผนจะเปลี่ยนเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับการเป็นนักสู้อยู่แล้วใช่ไหม?
ท่าทางจะเข้าใจธรรมเนียมของนักสู้อยู่บ้าง
คงเพราะกงสุลผู้นี้เป็นเจ้าภาพในงานประลองขนาดใหญ่ที่สุดในเอเดรีย ซึ่งจัดทุกรอบสามปีที่สนามประลองเอโรราในชานเมืองซันตันดอร์กระมัง
เป็นความจริงว่าทวะเป็นชื่อวัยเด็ก ผู้จัดการแสดงน่าจะมีแผนเปลี่ยนชื่อตนให้ฟังดูห้าวหาญกว่านี้เวลาขึ้นสู่สังเวียน ทวะนึกถึงผู้จัดการแสดงที่แยกจากกันทั้งอย่างนั้นในตลาดขึ้นมา
?ชื่อยูริสเป็นอย่างไร??
กงสุลถามทวะ
?วีรบุรุษยูริสผู้รวบรวมทวีปทั้งห้าเข้าด้วยกันน่ะหรือขอรับ?
ผู้บัญชาการถาม กงสุลตอบสั้นๆ ว่าใช่แล้ว แต่ทวะไม่รู้จักชื่อนั้น
?ไม่เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับห้าทวีปหรือ?
อีกฝ่ายถามอย่างรำคาญใจในที ทวะพยักหน้าเงียบๆ
?เล่ากันว่าเขาเป็นวีรบุรุษผู้สืบสายเลือดของเทพเจ้า ทั้งเยาว์วัย มีจิตใจเที่ยงธรรม และรูปโฉมงดงาม จึงเป็นที่รักของทวยเทพยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น จำเอาไว้ซะ ถือเป็นการศึกษาอย่างหนึ่ง?
ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าการศึกษาในความหมายของกงสุลคืออะไร แต่ในเมื่ออุตส่าห์ให้ชื่อของวีรบุรุษผู้เที่ยงธรรมและเป็นที่รักของทวยเทพ แสดงว่าคงไม่ใช่เรื่องไม่ดี
ทวะพยักหน้าหงึกหนึ่ง กงสุลจ้องเขาตรงๆ อย่างพิจารณาอีกครั้ง ถึงสีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่ดูอีกฝ่ายจะพึงพอใจกับปฏิกิริยาของทวะ
?ถ้าอย่างนั้นนับจากนี้จงใช้ชื่อยูริส หากมีใครถามนามสกุล ก็ให้บอกชื่อเผ่าคืออารยา บอกไปว่าชื่อยูริส อารยา?
?ขอรับ?
?หากใช้นามสกุลว่าอารยา สักวันหนึ่งเมื่อเจ้ากลายเป็นนักสู้ผู้เรืองนาม พ่อแม่จะได้รู้ว่าเป็นเจ้า?
ลักษณะการพูดให้ความรู้สึกเย็นชา แต่ที่กงสุลบอกว่าพ่อแม่จะได้รู้ว่าเป็นเขานั้นทำให้ทวะดีใจจนไม่อาจลืมคำพูดนั้นได้เลย
การพูดถึงเรื่องจะเป็นนักสู้ผู้เรืองนามได้สักวันหนึ่ง นอกจากจะเป็นการยอมรับอาชีพของตนแล้ว ยังบ่งชี้นัยถึงความเป็นไปได้ด้วยว่า...ขอเพียงมีความอุตสาหะสร้างชื่อเสียง ก็ย่อมไปถึงเป้าหมายนั้นได้
เพียงเท่านั้นก็รู้สึกว่าคนพูดยอมรับเขาในฐานะนักสู้เต็มตัวอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าใครทั้งมวล
ผู้บัญชาการกล่าวว่า
?ลอร์ดเอไซแอส หลังจากนี้จะทำอย่างไรกับยูริสขอรับ?
?ข้าจะพาเขากลับซันตันดอร์?
?จะพาไปด้วยหรือขอรับ?
?คนทำเรื่องเกินจำเป็นที่ตลาดคือข้าเอง?
กงสุลตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
หมายถึงเรื่องที่ซื้อตนมาจากผู้จัดการแสดงหรือ เด็กหนุ่มซึ่งได้รับนามใหม่ว่ายูริสมองบุรุษร่างผอมเพรียวผู้ไม่ค่อยแสดงสีหน้า
ตอนแรกที่เข้ามาห้ามไม่ให้สักรอยสักข้างตาตนก็เหมือนกัน ดูท่าชายคนนี้จะมีเหตุผลสลับซับซ้อนบางประการซึ่งยากจะอธิบายอย่างรวบรัดในการซื้อตนมา

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คาเรลจากเรมอส มาตุภูมิซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจเพื่อเข้ารับตำแหน่งกงสุลในดินแดนห่างไกลชื่อเอเดรีย ภายนอกของเขาดูอายุราวสามสิบปีหรืออ่อนแก่กว่านั้นไม่มาก ทว่าอายุแท้จริงเกินร้อยแล้ว ปกติชาวเรมอสมีชีวิตอยู่ได้ถึงสี่หรือห้าร้อยปี แต่อาการป่วยทำให้คาเรลต้องใช้ชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดอย่างสงบควบคู่กับการรักษา อยู่มาวันหนึ่งเขาเกิดอารมณ์ชั่วแล่นซื้อเด็กหนุ่มซึ่งถูกขายในฐานะนักสู้ ณ ตลาดบริเวณพื้นที่ตอนในมา จากนั้นมอบนามให้ว่ายูริส รวมทั้งให้การศึกษาและสอนสั่งเรื่องมารยาท เมื่อเด็กหนุ่มค่อยๆ เติบโตพร้อมกับที่ทั่วทั้งกายเพรียกหาเขา ความรักจึงแตกหน่อทีละน้อยในใจของคาเรล...

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”