New Release : ร่ายคาถารักพิทักษ์เธอ [~ความรักเหนือกาลเวลา~]

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : ร่ายคาถารักพิทักษ์เธอ [~ความรักเหนือกาลเวลา~]

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

ตั้งแต่เกิดมาสิบหกปี ฉันไม่เคยมีเรื่องอะไรที่ทำให้หวาดกลัวหรือตกใจเลยสักครั้ง
สำหรับฉันที่เป็นแบบนั้นแล้วย่อมไม่นึกว่าจะมีวันที่ต้องให้ใครสักคนมาปกป้อง
ฤดูหนาวตอนไฮสคูลปี 1 เพื่อนผู้ชายห้องเดียวกันช่วยฉันจากการตกเป็นเป้าหมายของวิญญาณชั่วร้ายตอนเล่นผีเหรียญ เขาก็คือคามิยามะ เรียว คนสำคัญที่สุดของฉัน
ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้ ดีแต่หัวเราะแหะๆ แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและรู้จักกับเรียวจริงๆ ถึงได้รู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด
?เพราะผมรักมิคุซัง ถึงอยากจะปกป้อง?
เรียวพูดอย่างนั้นด้วยแววตาจริงจัง ซึ่งฉันคิดว่าชั่วชีวิตนี้ฉันคงไม่มีวันลืมเรื่องนั้นได้
ฉันรู้ตัวว่าชอบเรียวเมื่อไรนะ.... บางทีอาจจะเป็นตอนที่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของพี่ชายที่ฉันรักมาก และความรู้สึกผิดที่เขาแบกไว้เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็เป็นได้
แต่ว่าฉันต้องใช้เวลามากเหลือเกินกว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองออกไปได้ เพราะว่าฉันไม่ใช่สาวประเภทผู้หญิ้งผู้หญิงที่นิยมความรักอะไรทำนองนั้น


เพราะไม่ได้มีนิสัยเรียบร้อยอ่อนหวาน เลยไม่กล้าบอกว่ารักสักคำ นั่นทำให้ฉันกลุ้มใจมาก....เพราะถึงยังไงฉันก็อยากจะตอบแทนความรักมากมายที่เรียวมีให้
ฉันตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ และในที่สุดฉันก็กล้าบอกความรู้สึกจริงๆ ออกไปตอนปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ
และเมื่อใจตรงกันแล้ว ฉันก็รู้สึกสนิทกับเรียวยิ่งกว่าที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นฉันจึงกล้าที่จะต่อสู้มากขึ้น....จนสามารถช่วยพี่ชายได้ หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมาย ตอนที่ฉันกลัวพลังของตัวเองและรู้สึกเสียใจ เรียวก็คอยให้กำลังใจฉัน แม้แต่ในเดทแรก เรียวก็คอยใส่ใจฉันมาก
คำพูดของเรียวที่บอกว่าจะเข้มแข็งขึ้นเพื่อฉัน ทำให้ฉันดีใจมาก แต่ฉันก็อยากจะพยายามเพื่อเรียวเช่นกัน ถึงแม้จะยังมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ แต่เมื่อนึกถึงคนที่รักก็มีกำลังใจ ทำให้ฉันรู้สึกว่าจะต้องไม่เป็นไร และสามารถกำจัดความรู้สึกสับสนออกไปได้
เรื่องนั้นฉันต้องบอกให้ซากุระจังที่คอยเป็นห่วงและให้กำลังใจฉันรู้ด้วย เมื่อคิดอย่างนั้นฉันจึงโทรหาซากุระจัง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคราวนี้



ตอนที่ 1

1

หลังจากเรียวมาส่งฉันกลับบ้าน ฉันก็นอนคว่ำบนเตียงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
?....แหะๆ?
เมื่อนึกถึงเดทแรกเมื่อกี้ ฉันรู้สึกมีความสุขเปี่ยมล้น บางทีตอนนี้ฉันคงกำลังยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงใบหูอยู่ล่ะมั้ง แต่ว่าฉันรู้สึกดีใจจริงๆ
ฉันกอดหมอนแน่นแล้วหลับตาลงอย่างสงบ
?จูบ....แล้วด้วย?
พูดเองก็ยังอายมากจนแขนขาแทบจะพันกัน
เรียวบอกว่าชอบและพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำให้ฉันรู้มาตั้งแต่ก่อนคบกันแล้ว แต่เมื่อเริ่มคบกันจริงๆ....ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งมากขึ้นกว่าที่คิดเยอะเลย
ฉันใช้นิ้วลูบริมฝีปาก ลืมตาด้วยสีหน้าอึดอัด
?เฮ้อ....มีความสุขเกินไป จนสมองท่าจะเพี้ยนซะแล้ว?
ใจเต้นตึกตักขนาดนี้ตั้งแต่แรก จะไม่เป็นไรใช่ไหมนะ?
ในที่สุดก็รู้สึกมีความสุขเกินไปจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
ฉันใช้มือสองข้างตบแก้มที่กำลังฉีกยิ้มบานแฉ่ง แล้วโยนหมอนเล่น
?ไม่ได้นะ หน้าตาแบบนี้จะให้แม่เห็นไม่ได้?
ฉันนั่งอยู่ที่ขอบเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หาเบอร์ของซากุระจังจากสมุดจดที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ
?เพราะเคยทำให้เป็นห่วง ก็น่าจะโทรรายงานผลสักหน่อยใช่ไหมล่ะ??
ฉันเคยปฏิเสธการเดทกับเรียวไปครั้งหนึ่ง แต่ที่สามารถออกไปเดทได้ด้วยดีก็เพราะซากุระจังที่เตรียมให้หมด ตั้งแต่บัตรเข้าสระว่ายน้ำไปจนถึงชุดว่ายน้ำ
ยังไงก็ต้องขอบคุณ
ฉันสูดลมหายใจลึกแล้วโทรออก แค่กริ๊งเดียวซากุระจังก็รับเลยไม่ให้ต้องเสียเวลารอ
แล้วประโยคแรกที่ได้ยินก็เป็นเสียงที่จริงจังมากจนน่าตกใจ
[มีอะไรหรือเปล่า!?]
ทั้งที่รู้ว่าซากุระจังมองไม่เห็น แต่ฉันก็ยังส่ายหน้าตอบ
?มะ....ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่เป็นไร!?
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซากุระจังก็โล่งอก จนฉันรับรู้ได้ผ่านทางสายโทรศัพท์
แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนโกรธมากตามมาทันที
[เดี๋ยวนะ.... ไม่เป็นไรเหรอ ถ้างั้นทำไมโทรมาเวลานี้!? เธอคิดว่าตอนนี้มันกี่โมงกันหา]
ฉันรีบมองนาฬิกาในห้อง
เพราะไม่มีเงิน จึงแยกกับเรียวก่อนกินอาหารเย็น ตอนนี้จึงเพิ่งจะสี่โมงเย็น
ถึงจะโทรหาก็ไม่น่าเป็นเวลาที่เป็นการรบกวนอะไรนี่นา?
เพราะไม่เข้าใจเหตุผลที่ซากุระจังโกรธ ทำให้ฉันงงจริงๆ เมื่อเป็นอย่างนั้นซากุระจังจึงพูดออกมาเหมือนทนไม่ไหว
[อุตส่าห์ไปเดททั้งที พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็หยุด ในสถานการณ์แบบนี้ทำไมถึงรีบกลับบ้าน? ปกติแล้วตอนนี้ควรจะเป็นโปรแกรมค้างคืนสนุกสุดเหวี่ยงไม่ใช่เหรอ!]
และตบท้ายว่า [เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้อุตส่าห์เตรียมชุดว่ายน้ำไว้ใส่ยั่วเรียวคุงแท้ๆ]
ทำให้ฉันหน้าแดง เพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน....
?คะ....ค้างคืนอะไรกัน ....คราวนี้เพิ่งจะเป็นเดทแรกของฉันกับเรียวเองนะ??
เพราะเพิ่งเป็นแฟนกันเมื่อเร็วๆ นี้ การจะคืบหน้าถึงขั้นค้างคืนจึงเป็นเรื่องไกลตัวเกินกว่าที่ฉันจะคิดถึง
แต่เมื่อบอกไปอย่างนั้น ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ดังมาจากสายโทรศัพท์
[เธอนี่ ทั้งชุดนอนแล้วก็ชุดชั้นในที่เห็นวันนี้ก็เหมือนกัน ช่างไม่มีความเซ็กซี่ซะบ้างเลยนะ อุตส่าห์ได้เป็นแฟนกันทั้งทีมันก็น่าจะกระตือรือร้นมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? เฮ้อ น่าสงสารเรียวคุง]
ฟังจบประโยคแล้วฉันรู้สึกว่ามุมปากกระตุกนิดๆ
ยังไงฉันก็ไม่มีความเซ็กซี่เหมือนซากุระจังอยู่แล้ว แต่ถูกพูดตรงๆ แบบนี้ก็อดปวดใจไม่ได้
เมื่อกำลังรู้สึกเศร้า ซากุระจังก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ
[แต่ น้ำเสียงเธอสดใส....ฉันก็เบาใจ]
?เอ๊ะ....?
[ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?]
?อือ ไม่เป็นไร?
ฉันพยักหน้ากับมือที่กำโทรศัพท์มือถืออยู่
ฉันจะไม่ใช้พลังด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี
เพราะทั้งเสียงนี้และพลังนี้ ทั้งหมดมีเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญและคนที่ฉันรัก
ที่ฉันคิดอย่างนั้นได้ก็เพราะเรียว....และซากุระจัง
?ขอบใจที่เป็นห่วงนะ?
ฉันขอบคุณซากุระจังด้วยความรู้สึกซาบซึ้งอย่างเต็มเปี่ยมที่ซากุระจังคอยช่วยเหลือสนับสนุนฉัน
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซากุระจังก็พูดออกมาอย่างเขินๆ
[มะ....ไม่มีอะไรต้องขอบคุณฉันสักหน่อย ยิ่งกว่านั้นแค่ความเป็นห่วงมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะพวกเรา....เป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา]
ท้ายประโยคเสียงเหมือนจะขาดหายไป แต่ฉันก็ได้ยิน
บางทีซากุระจังที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์คงกำลังหน้าแดงเหมือนฉันตอนนี้
?ฉันรักซากุระจังมากนะ?
[ยะ....อยู่ๆ พูดอะไรน่ะ! พิลึกจัง ไม่ต้องพูดแล้ว!]
ถึงซากุระจังจะพูดด้วยน้ำเสียงตกใจแบบนั้น แต่ฉันก็อดยิ้มไม่ได้
เพราะซากุระจังน่ารักนี่นา
แต่แล้วยิ้มของฉันก็ต้องชะงักลงแค่นั้น
[ว่าแต่ ผลการเดทเป็นไง เล่าให้ฟังหน่อยสิ ฉันอุตส่าห์เตรียมทุกอย่างตั้งแต่ชุดให้เลยนะ สมควรเล่าให้ฟังใช่ไหมล่ะ?]
ซากุระจังพูดแบบนั้นเหมือนจะเปลี่ยนเรื่อง หลังจากนั้นก็เริ่มถามเรื่องการเดทในวันนี้อย่างละเอียดลออจนฉันได้แต่อาย ในขณะที่ท่าทีเขินๆ ของซากุระจังเมื่อกี้หายไปหมด กลายเป็นถามซักไซ้ไล่เรียง สุดท้ายก็วกกลับมาพูดเรื่องเดิมเหมือนในตอนแรก
[ทำไมบรรยากาศดีขนาดนั้นแล้วยังกลับมาโดยไม่ได้แม้แต่จะกินข้าวเย็นด้วยกันล่ะ....?]
?มะ....แหม ก็เพราะไม่มีเงินน่ะสิ?
[เธอทำเองก็ได้นี่นา ถนัดเรื่องทำอาหารอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำอาหารให้แฟนมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าพลาดอยู่แล้วนะ]
?ถึงจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าพลาด แต่ก็เพราะเป็นแฟนนั่นแหละ ฉันถึงได้เขินไง....?
ฉันพูดเสียงเบาๆ จนน่าสมเพชแล้วใช้มือประคองแก้มที่แดงขึ้นมา
ทั้งที่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่เพราะเป็นเรื่องเรียวสินะ ถึงได้ประหม่าอย่างนี้
?นี่ถ้าอีกฝ่ายเป็นเพื่อน จะค้างคืนหรือทำอาหารให้ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา?
ฉันลืมตัวบ่นออกไปอย่างนั้น แต่ซากุระจังกลับทำเสียงปอดๆ ขึ้นมา
[ค้างกับเพื่อนเหรอ.... แบบนั้นฉันว่าน่าจะเกร็งกว่าอีกนะ]
ได้ยินเสียงเศร้าๆ แบบนั้น ฉันจึงได้แต่กะพริบตา
แล้วซากุระจังก็พูดเศร้าๆ ต่อ
[ทั้งฉันและริวต่างก็เจอเรื่องอะไรต่อมิอะไรมามาก.... ไม่เคยค้างคืนกับเพื่อนเลย ไม่เคยไปทัศนศึกษาด้วย บอกตรงๆ นะว่าฉันฝันอยากจะมีวันนั้นบ้าง]
?ซากุระจัง....?
[แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะพวกเรามีงานที่ต้องทำ]
ฉันเงียบอึ้ง รู้สึกเจ็บปวดเหมือนจุกอก
ที่ผ่านมาซากุระจังกับริวฮะคุงต้องพยายามเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนในฐานะคนของตระกูลซากุราซากิ
เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง น่านับถือมาก แต่ว่า....พวกเราเพิ่งจะอายุสิบหก
ถ้าได้มีความทรงจำให้สมกับที่เป็นนักเรียนไฮสคูลสักครั้ง มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?
คิดอยู่สักพักฉันก็ลองถามซากุระจังดู
?นี่ ซากุระจัง พรุ่งนี้กับมะรืนนี้ พอจะมีเวลาหรือเปล่า??
ซากุระจังดูเหมือนจะงงกับคำถามที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็ตอบกลับมาอย่างสงสัย
[ก็ว่างนะ?]
เพราะคำตอบนั้นฉันจึงลองเสนอซากุระจังด้วยใบหน้าที่แดงเพราะความตื่นเต้นซึ่งต่างไปจากเมื่อครู่นี้
?ถ้าอย่างนั้นมาปาร์ตี้ค้างคืนกับฉันนะ!?
[ปาร์ตี้ค้างคืน?]
?ใช่ ค้างที่บ้านนั่นแหละ แต่ว่าบ้านฉันไม่มีห้องสำหรับแขกเหมือนบ้านของซากุระจังหรอกนะ ซากุระจังต้องนอนค้างห้องเดียวกับฉัน แต่ว่าแบบนั้นเราก็จะได้คุยเรื่องต่างๆ ด้วยกันไง?
ถึงจะเริ่มต้นด้วยการค้างคืนที่บ้านเพื่อน แต่อย่างน้อยก็น่าจะทำให้สนุกได้บ้างนะ?
ฉันคิดอย่างนั้น แต่ซากุระจังฟังที่ฉันบอกแล้วนิ่งอึ้ง
มันคงกะทันหันเกินไปหน่อยสินะ....
ฉันพูดต่อไปอีกทั้งที่ยังกังวล
?ที่ผ่านมา ฉันรบกวนที่บ้านของซากุระจังมาตลอด คราวนี้ฉันอยากเป็นฝ่ายต้อนรับซากุระจังบ้าง อ๊ะ แต่ถ้าลำบากใจจะปฏิเสธก็....?
[ฉันไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องลำบากใจหรอก]
ซากุระจังรีบละล่ำละลักตอบ แล้วพูดต่อด้วยท่าทางลำบากใจ
[ฉันดีใจมากที่มิคุชวนฉัน แต่ว่าถ้าเป็นบ้านมิคุ ริวก็ไปรบกวนด้วยไม่ได้.... ฉันไม่อยากทิ้งริวไว้แล้วไปสนุกคนเดียวน่ะ]
ฉันคอตกจ๋อยๆ ก่อนที่ซากุระจังจะพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขึ้นมา
[จริงสิ เอ่อ....งั้นไปที่บ้านพักตากอากาศของฉันดีไหม?]
?บ้านพักตากอากาศ??
เมื่อฉันตกใจกับคำพูดที่ฟังดูให้ความรู้สึกสุดแสนจะเซเลบ ซากุระจังก็พูดต่อไปอีก
[อือ มีอยู่ไม่กี่แห่งหรอก แต่ที่ที่เหมือนกระท่อมอยู่ในหุบเขา ปกติจะขอให้คุณผู้ดูแลเข้าไปดูแล น่าจะใช้ได้นะ ส่วนใหญ่แล้วจะทำอาหารกินกันเอง น่าจะเข้าไปใช้ได้โดยไม่ต้องลำบากคนอื่น.... ชวนเรียวคุงไปด้วยเป็นสี่คนดีไหมล่ะ]
?ไปกระท่อมสี่คนเหรอ....?
มีเรียวไปด้วย ริวฮะคุงคงสบายใจขึ้น
[ฉันจะเตรียมรถเอาไว้ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ]
เสียงของซากุระจังที่ถามว่า ?ตกลงเธอว่าไงล่ะ? ฟังดูตื่นเต้นมาก บอกให้รู้ว่าซากุระจังตื่นเต้นกับการที่จะได้ไปเที่ยวค้างคืนกับพวกเรา
เรื่องนั้นทำให้ฉันดีใจ จึงรีบตอบด้วยน้ำเสียงคึกคักเช่นกัน
?เข้าใจแล้ว ถ้างั้น ฉันจะลองติดต่อเรียวดูนะ!?
[งั้นฉันจะบอกริวเอง!]
พูดอย่างนั้นแล้วซากุระจังก็รีบวางสาย ฉันจึงรีบเตรียมตัวโทรไปที่บ้านของเรียวทันที
อ้าว แต่ว่าเดี๋ยวก่อนนะ
?จะบอกว่ายังไง ถึงจะดีล่ะ?
ฉันจ้องโทรศัพท์มือถือแล้วหน้าแดงถึงใบหู
พอจะโทรหาคนที่เพิ่งไปเดทกันมาวันนี้แล้วรู้สึกเขินมาก
โดยเฉพาะตอนนี้ ฉันกำลังจะชวนเรียวไปค้างคืนด้วยสินะ?
เพราะคิดแต่เรื่องที่จะสร้างความทรงจำกับพวกซากุระจัง ฉันจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ว่าแบบนี้....จะดีรึเปล่านะ?
ฉันเป็นฝ่ายชวน จะทำให้เรียวรู้สึกแปลกๆ หรือเปล่า?
ฉันเริ่มตื่นเต้นจนต้องกุมหน้าอก สะบัดหัวไปมา
?ตะ....แต่ว่าไม่ได้ไปกันสองต่อสองนี่นา! พวกซากุระจังก็ไปด้วย!?
สี่คนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ถ้าไม่ชวนแค่คนเดียวสิถึงจะแปลก ฉันจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมือ ชั่งใจอยู่สักพัก
เพราะเรียวไม่มีโทรศัพท์มือถือ จึงไม่สามารถเมลไปหาได้ ได้แต่โทรไปที่บ้านโดยตรง
?จริงสิ เพราะชวนกะทันหัน เขาอาจจะปฏิเสธก็ได้....!?
ไม่ได้ จะคิดมากเกินเหตุไม่ได้ ฉันบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วตัดสินใจกดปุ่มโทรออก
เสียงนุ่มๆ ดังเข้าหูฉันที่กำลังเกร็งจนทำตัวเงอะงะ
[ครับ บ้านคามิยามะครับ]
?เอ่อ....?
[เอ๊ะ มิคุซังเหรอ?]
ฉันดีใจที่เรียวเรียกชื่อฉันก่อนที่ฉันจะบอกชื่อ
เสียงของเรียวที่ได้ยินผ่านทางโทรศัพท์รู้สึกว่าจะทุ้มกว่าปกตินิดหน่อย เหมือนกำลังกระซิบอยู่ข้างหูจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ
[วันนี้ ขอบคุณมากนะ]
?ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ?
เป็นเพราะเขิน จึงทำให้ฉันพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แต่เรียวพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนทำให้ฉันเขินหนักขึ้นไปอีก
[ผมกำลังคิดถึงเรื่องมิคุซังอยู่พอดี]
เรียวพูดออกมาอย่างดีใจโดยไม่ลังเลเลย ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ เพราะฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่กลับไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ อย่างเป็นปกติแบบนั้น ฉันได้แต่เขินและใจเต้นตึกตักอยู่เงียบๆ เรียวจึงพูดขึ้นมาอย่างลังเล
[เอ่อ มิคุซัง?]
?ขะ....ขอโทษนะ เอ่อ ที่จริงมันกะทันหัน แต่ฉันมีเรื่องอยากจะถามเรียวน่ะ....!?
ฉันกำมือถือแน่น รวบรวมความกล้าเอ่ยปากออกไป
?ถึงจะกะทันหัน แต่ว่า วันพรุ่งนี้กับมะรืนนี้....เรียวมีเวลาว่างไหม??
เรียวถามกลับมาว่า ?ทำไมเหรอ? ฉันจึงเล่าเรื่องการไปเที่ยวที่วางแผนกับซากุระจังให้ฟัง
เรียวฟังฉันอธิบายอย่างตะกุกตะกักจนจบแล้วรีบพูดขึ้นมา
[กระท่อมเหรอ น่าสนุกนะ ให้ผมไปด้วยนะ]
เรียวเห็นด้วยอย่างง่ายดาย จนทำให้ฉันโล่งอก ดีใจ แต่ว่า....เขาไม่ได้ฝืนใจใช่ไหมนะ?
ฉันถามย้ำอย่างกังวลใจเล็กๆ
?แน่ใจนะ??
[ครับ ผมตื่นเต้นมากเลยนะ]
เพราะได้ยินเขาพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนเหมือนเห็นภาพเขากำลังยิ้มขึ้นมาจริงๆ ฉันจึงโล่งอก
แต่ว่าขณะที่กำลังสบายใจอยู่นั้น เสียงที่เหมือนกระซิบของเรียวก็ดังเข้าหูมา
[ยิ่งกว่านั้น....การที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับมิคุซังหลังจากที่เราเรียนกันคนละห้อง มันเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผมมากด้วย]
ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ รู้ตัวว่าหน้ากลับมาแดงวูบอีกครั้ง เพราะอย่างนั้นฉันจึงล้มตัวลงบนเตียงด้วยความดีใจและเขินอาย
ทำไมเรียวถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยนะ
เมื่อฉันเงียบไป เรียวจึงถามอย่างเป็นห่วง
[มิคุซัง?]
การโทรศัพท์นี่ก็ดีนะ ถึงตอนนี้จะหน้าแดงจนน่าสมเพช อีกฝ่ายก็มองไม่เห็น
ฉันพูดด้วยเสียงเบาหวิว พลางเอามือประคองแก้มที่ร้อนผ่าว
?ฉันก็เหมือนกัน เพราะฉันก็ให้ความสำคัญกับเวลาที่จะได้ใช้กับเรียว?
ฉันได้ยินเสียงดังกึงมาจากปลายสาย เหมือนเสียงอะไรบางอย่างกระแทกของที่แข็งๆ
?เป็นอะไรไปเหรอ!??
[ขอโทษนะ ผมดีใจมากไปหน่อยก็เลยลื่นล้ม....]
เสียงของเรียวที่ตอบมาอย่างนั้นฟังดูเขินมาก
บางทีเรียวก็คงจะใจเต้นตึกตักเพราะคำพูดของฉันเหมือนกันสินะ?
ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ดีใจมาก
?ถ้าตกลงเรื่องรายละเอียดได้แล้ว ฉันจะติดต่อไปใหม่นะ?
ฉันพูดแบบนั้นแล้ววางสาย มือสองข้างกำโทรศัพท์มือถือที่วางสายไปแล้วขึ้นมาแนบอก
?ดีนะที่พูดออกไป....?
หลังจากพึมพำยิ้มๆ ฉันก็ถูกความเขินอายเข้าจู่โจมจนล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้ง ฉันดีใจที่เหมือนกับได้ให้คำตอบต่อความรู้สึกของเรียว แต่ว่าเรื่องแค่นั้นทำให้ใจเต้นขนาดนี้ ฉันเลยรู้สึกว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อหัวใจตัวเองได้เหมือนกัน
?อือ ทั้งที่ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็จะไปค้างแล้วแท้ๆ!?
ในสถานการณ์แบบนี้ สุดท้ายแล้วฉันจะสามารถรักษาความสงบนิ่งในระยะเวลาสองวันนี้ได้รึเปล่านะ
ฉันถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เลิกกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วเปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง โทรหาซากุระจังทั้งที่ยังนอนหงายอยู่บนเตียง เพื่อจะบอกให้ซากุระจังรู้ว่าเรียวสามารถไปได้
ซากุระจังรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงฉันเหมือนเหนื่อยนิดๆ แต่ฉันยืนกรานว่าไม่มีอะไร แล้วตกลงเวลาที่จะนัดเจอกันพรุ่งนี้
สุดท้ายซากุระจังก็ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคึกคัก
?ถ้างั้น พรุ่งนี้ฉันจะเอารถไปรับตอนเก้าโมงนะ! อย่าตื่นสายเด็ดขาดเลยนะ!?
?แน่นอนอยู่แล้ว!?
ฉันตอบอย่างแข็งขันแล้ววางสายโทรศัพท์
หลังจากนั้นเมื่อจะโทรหาเรียว ฉันก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีก แต่ว่า....เพราะเป็นเวลาก่อนมื้อเย็น จึงไม่สามารถคุยได้ยาวมากนักอยู่แล้ว
แค่ต่างคนต่างพูดว่า ?พรุ่งนี้เจอกัน? ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกจักจี้ คงเพราะว่าแบบนี้....มันดูเป็นคู่รักมากๆ เพียงแต่ไม่ได้มีเวลาว่างที่จะมาสวีทกันตามสบายเท่านั้นเอง
หลังจากวางสายแล้วฉันก็ไปขออนุญาตแม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นการขออนุญาตทีหลังก็ตาม เมื่อแม่ยอมอนุญาตแล้ว ฉันจึงเตรียมตัวที่จะไปค้างเต็มที่ เพราะเป็นการไปค้างคืนกับพวกซากุระจังครั้งแรก ฉันเลยหวังว่าจะเป็นผู้นำและทำให้ซากุระจังสนุกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ฉันรวบรวมอุปกรณ์ที่ทุกคนจะเล่นด้วยกันได้ที่มีอยู่ในห้องมาวางเรียงกัน
?พูดถึงภูเขา แบดมินตันหรือบอลก็ดีนะ อ๊ะ แต่จากสมาชิกที่มีอยู่ จะเล่นกีฬาให้สนุกได้ยังไงนะ ซากุระจังไม่ถนัดเรื่องกีฬาซะด้วยสิ....?
ในชั่วโมงพละ ซากุระจังมักจะทำหน้ายุ่งผิดกับฉันที่สนุกอย่างเต็มกำลัง หลังจากกลุ้มใจเสร็จ ฉันจึงเอาพวกบอลออกจากของอื่นๆ
?เอาแต่ไพ่ไปปลอดภัยกว่า?
เพราะเดิมทีของก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว สุดท้ายสัมภาระที่ฉันเอาติดตัวไปจึงมีเพียงกระเป๋าใบใหญ่ใบเดียว ฉันวางกระเป๋าใบนั้นไว้ข้างเตียงแล้วรีบนอนเพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้น
แต่เมื่อหลับตาลง ก็คิดมากขึ้นมาอีกแล้ว
....บอกไปว่าจะทำอาหารเอง แล้วเรียวมีของที่ชอบหรือไม่ชอบหรือเปล่านะ?
ฉันถนัดเรื่องการทำอาหาร แต่ไม่เคยทำอะไรให้เรียวกิน ถึงจะเคยให้มาการองที่ทำในวิชาคหกรรมภาคปฏิบัติ แต่ก็ไม่เคยให้ของกินอะไรนอกเหนือจากนั้น
ตั้งแต่เรียนกันคนละห้อง กิจกรรมที่ทำก็แยกกันไปด้วย
เขาจะชมอาหารฝีมือฉันว่าอร่อยหรือเปล่านะ?
ถ้าถามไว้ก่อนว่าอยากจะกินอะไรก็ดีหรอก....
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดเรื่องนั้นหรืออย่างไร จึงทำให้กว่าจะหลับลงก็ดึกมากแล้วทั้งที่เข้านอนเร็วแท้ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดัง ฉันรีบเด้งตัวขึ้นมาทันที พอเห็นหน้าจอเป็นชื่อของซากุระจัง ฉันก็หน้าซีดรีบลุกขึ้นมา
?อรุณสวัสดิ์! ขอโทษนะ ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอ!??
ฉันรับโทรศัพท์แล้วถามไปอย่างนั้น ซากุระจังตอบมาด้วยน้ำเสียงลำบากใจ
[เพิ่งจะแปดโมงน่ะ]
ฉันโล่งใจ จากที่เพิ่งยืนขึ้นมาก็ค่อยๆ หย่อนสะโพกลงนั่งบนเตียง
ฉันนอนเลยเวลาที่กำหนดไว้ แต่เพราะเดิมทีก็ไม่ได้ใช้เวลาในการแต่งตัวมากมายอยู่แล้ว ดังนั้นถึงจะตื่นเก้าโมงก็ยังทัน
แต่ว่าทำไมซากุระจังถึงโทรมาตอนนี้นะ
?มีเรื่องอะไรหรือเปล่า??
ฉันถามเพราะเป็นห่วง ซากุระจังก็ตอบมาว่าอือ
[เอ่อ ฉันบอกว่าจะเอารถไปรับใช่ไหมล่ะ?]
?อือ หรือว่าจะออกเดินทางช้า??
[เปล่า ตรงกันข้ามน่ะ]
ฉันงง ซากุระจังเลยบอกเขินๆ
[เอ่อ ดูเหมือนว่าฉันจะมาเร็วเกินไปหน่อยน่ะ]
ฉันเงียบแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง จากหน้าต่างห้องฉันมองลงไปเป็นทางเข้าของแมนชั่นพอดี
เมื่อเลิกผ้าม่านขึ้นแล้วมองลงไป....ก็เห็นรถสีดำที่ดูท่าทางจะแพงมากจอดอยู่
อย่าบอกนะว่าเป็นรถคันนั้น....?
ฉันแตกตื่นเล็กน้อยแล้วบอกว่า ?จะรีบไปนะ? ก่อนวางหู
จากนั้นจึงวิ่งไปที่ห้องน้ำ แปรงฟันล้างหน้า แล้วรีบใส่เสื้อผ้า หวีผมลวกๆ โดยไม่มีเวลาตรวจเช็กว่ามีผมกระดกบ้างหรือเปล่า ฉันคว้ากระเป๋าที่จัดของไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วพุ่งออกจากห้อง เมื่อฉันวิ่งปร๋อไปที่ประตูทางเข้าด้านหน้า แม่ก็โผล่ออกมาที่ทางเดินอย่างแปลกใจ
?มิคุ จะไปแล้วเหรอ? แล้วข้าวเช้าล่ะ??
?ขอโทษนะคะ หนูไม่มีเวลากินค่ะ!?
ฉันขอโทษพลางสวมรองเท้าแล้วเปิดประตู
?หนูไปนะคะ!?


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความรู้สึกรักมาก แค่คิด มันไม่ได้หรอกนะ....
วันรุ่งขึ้นหลังเดทแรก มิคุไปเที่ยวค้างคืน 1 คืนกัน 4 คนกับเรียวและพี่น้องซากุราซากิ พวกมิคุกำลังสนุกสนานกับการท่องเที่ยวที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและมิตรภาพ ที่บ้านพักตากอากาศของตระกูลซากุราซากิซึ่งอยู่ในหุบเขา แต่ว่า....วิญญาณชั่วร้ายที่บงการเทพพิธีมาปรากฏตัวขึ้น....!? เรื่องสั้นที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อจะมาสานต่อเรื่องราวความรักอันน่าเศร้าซึ่งถูกเก็บเป็นความลับ!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”