New Release : DARK RABBIT คณะสภานักเรียนลอบหนียามวิกาล

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : DARK RABBIT คณะสภานักเรียนลอบหนียามวิกาล

โพสต์ โดย Gals »

DARK RABBIT ผู้พิทักษ์เจ็ดชีวิต : คณะสภานักเรียนลอบหนียามวิกาล

บทนำ โรงเรียนแห่ง <ความผาสุก>

เวลาหลังเลิกเรียน --- เกลียดคำนี้เหลือเกิน
เพราะฟังแล้วรู้สึกเบาใจ รู้สึกว่าคำนี้ช่างเป็นคำที่สงบสุขได้แบบง่ายๆ
พวกเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรต่างใช้ชีวิตไปวันๆ ทั้งที่ความเป็นจริงกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังกับความทุกข์ถึงเพียงนี้
ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ห้องเรียน
โต๊ะ
กระดานดำ
แม้นักเรียนลดจำนวนลง แต่เสียงหัวเราะก็ไม่เคยขาดหายไปจากทางเดินที่คนน้อยลงแล้ว
ทุกครั้งที่มองดูภาพนี้ก็จะนึกถึง
นึกถึงเรื่องราวในวันนั้นเมื่อมองภาพเหล่านี้
ตอนที่เขา
ตอนที่ <กองทัพ> หรือว่าฟีเรียล คุโรสึบอกว่าจะเลือกใช้ที่นี่
อยู่ๆ เขาโพล่งขึ้นมาว่า
"....ไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ?"
เขาชอบเกริ่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสมอ พูดขึ้นมาดื้อๆ แล้วจบเองดื้อๆ ไม่ว่าคุยเรื่องอะไรตอนไหนก็จะไม่มีโอกาสพูดแทรกเลย
แต่ว่าฉันชอบที่เขาเป็นแบบนั้น คุโรสึยิ้มแย้ม มองฉันด้วยสายตารักใคร่แล้วเริ่มพูด
ดังนั้นฉันเลยยิ้มตอบ
"พูดถึงอะไรน่ะ?"
แล้วถามเขากลับ
เขาพยักหน้า
"ความสิ้นหวังในประเทศนี้น้อยเกินไป"
"มันเป็นปัญหารึไง?"
"อย่างน้อยมันก็ไม่เสมอภาคกันใช่มั้ยล่ะ? ที่อีกฟากทะเลมีคนตายทุกวัน เด็กผู้หญิงถูกข่มขืน เด็กเล็กถูกซื้อ-ขายเป็นสินค้า แต่ดูสิ เธอคิดว่าปัญหาที่คนในประเทศนี้กลุ้มใจคืออะไร?"
"อะไรกันน้า
"ทุกๆ วันมีแต่ความน่าเบื่อไง"
"ฮ่ะๆๆ สงบสุขก็ดีแล้วนี่"
"อือ ใช่แล้ว เป็นเรื่องดีที่สงบสุข แต่เธอคิดว่าความสงบสุขนั่นสร้างขึ้นมาจากอะไร? โลกผิดเพี้ยนใบนี้สร้างขึ้นมาจากอะไร?"
เขาถาม
หลังจากนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้า ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าไปตามทิศที่เขาชี้ ฉันจำได้ดีว่าท้องฟ้าวันนั้นก็ปลอดโปร่งและแดดแรงมากเช่นกัน
ฉันต่างจากมนุษย์ตรงที่พลังจะอ่อนแอลงเมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์ ตอนเงยหน้ามองแสงอาทิตย์เจิดจ้าก็เลยนึกในใจอยู่ว่าคุโรสึนี่ขี้แกล้งจริงๆ
"อยากให้ฉันดูอะไรกันแน่น่ะ?"
คุโรสึตอบคำถามของฉันว่า
"เห็นชัดๆ เลยว่ามีใครบางคนใช้อาคม มีคนยุ่งกับกลไกระบบเพื่อลดความสิ้นหวังในประเทศนี้"
"งั้นเหรอ? ฉันไม่ยักรู้สึก"
คุโรสึยิ้มอีกครั้ง และพูดกับฉันว่า...เพราะเธอใจดีน่ะสิ
ฉันนึกถึงรอยยิ้มของเขาตอนนั้น
และเรื่องราว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นด้วย ---

คิดมาถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงคนร้อง
เสียงร้องนั่นดึงให้เธอกลับสู่โลกความจริง
เธอหันมองไปยังต้นเสียง
สถานที่เธออยู่ตอนนี้คือบนรั้วของดาดฟ้าโรงเรียน
จุดสูงสุดของโรงเรียนที่พวกมนุษย์ตั้งชื่อว่าโรงเรียนมัธยมปลายมิยาซากะ
เธอยืนอยู่ข้างบนนั่น
เธอมีรูปร่างหน้าตาประมาณเด็กอายุ 11-12 ปี ทว่าสีหน้ากลับไร้อารมณ์เหมือนคนเบื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ผมตรงสีดำยาวถึงเข่า สวมชุดคล้ายกิโมโนสีดำ
และผิวขาวราวหิมะ
สีขาว-ดำนี้ไม่กลมกลืนไปกับดาดฟ้าโรงเรียนในช่วงเลิกเรียนเอาซะเลย
เธอหันกลับไปมองและพบกลุ่มเด็กสาว 3 คนท่าทางกร่างๆ กำลังจิกผมลากเด็กสาวร่างเล็กคนหนึ่งขึ้นมาบนดาดฟ้า
เด็กสาวตัวเล็กคร่ำครวญขอโทษคำแล้วคำเล่า
กลุ่มเด็กสาว 3 คนหัวเราะทุกคำที่เธอพูด ตบหน้าเด็กสาวตัวเล็กและหัวเราะเย้ยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ขอโทษแล้วจะจบกันง่ายๆ
ไม่รู้หรอกว่าพวกเธอมีปัญหาอะไรกัน เพราะสุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรอยู่ดี
เด็กสาวที่โดนจิกผมและถูกกดหน้าแนบกับพื้น กลุ่มเด็กสาวที่ยืนหัวเราะอยู่เหนือตัวเธอ หรือแม้กระทั่งท้องฟ้าแจ่มใสกับบรรยากาศเฉื่อยชาหลังเลิกเรียนนี้ ต่างไม่มีความหมายเลยแม้แต่อย่างเดียว
แต่ก็นึกหนวกหูอยู่บ้างนิดๆ
เด็กสาวคนหนึ่งสังเกตเห็นเธอ
"อ้าว ยัยนั่นเป็นใคร"
อีกฝ่ายพึมพำ
"เด็กนี่นา"
"หน้าตาน่ารักเป็นบ้า คนต่างชาติรึไง? เป็นต่างชาติแล้วใส่กิโมโนซะด้วย นี่เธอ ข้างบนมันอันตรายนะ~ ลงมาเถอะ~"
เด็กที่ถูกกดหน้าแนบกับพื้นพูดต่อว่า
"ชะ ช่วยด้วย! อาจารย์ ไปเรียกอาจารย์...."
"หุบปาก"
เด็กสาวโดนตบหน้าซ้ำหลังพูดจบ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
น้ำตากับความสิ้นหวังค่อยๆ กระจายไปทั่วใบหน้า
ความสิ้นหวัง
ความสิ้นหวัง
ความสิ้นหวัง
"ความสิ้นหวังงั้นเหรอ...."
เธอพึมพำแล้วขมวดคิ้ว
จากนั้นก็นึกถึงเรื่องอื่น
นั่นคือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดในโรงเรียนไม่นานนัก
อยู่มาวันหนึ่งมีแม่มดมาเยือนโรงเรียนนี้
แม่มดคนนั้นชื่อไซโตฮิเมอา
แม่มดอีกประเภทหนึ่งที่แตกต่างจากเธอ
ได้ยินมาว่าเธอมีแต่ความสิ้นหวังในจิตใจ โดนทรยศหักหลังให้อยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวที่ยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์ เท่านั้นไม่พอยังโดนขังอยู่ที่ไหนสักแห่งมา 9 ปี
แต่เธอคิดในใจอย่างนึง
หากว่านั่นคือความสิ้นหวังแล้วละก็ เรื่องคล้ายๆ กันนี้ก็ยังมีอีกถมไป มีคนตายทุกวันในสถานที่สักแห่งบนโลก ถูกข่มขืน ถูกรังแก ถูกฆ่า ถูกบังคับขู่เข็ญโดยไม่เต็มใจ
ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่ไซโตฮิเมอาประสบพบเจอมาก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษกว่าคนอื่น
แล้วทางฝ่ายชิกุเระ ฮารุกะล่ะ?
นึกยังไม่ทันได้คำตอบดี
"....พวกเธอรู้สึกสิ้นหวังกับอะไรกันเหรอ?"
เธอก็เอ่ยปากถามออกไป
กลุ่มเด็กสาวต่างตอบว่า
"หา? ยัยเด็กนี่พูดอะไรของมัน?"
"นี่ๆ ความสิ้นหวังคืออะไร?"
"เรื่องแค่นี้ไม่รู้รึไง"
"ฉันเรียนไม่เก่งนี่นา"
"ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย"
"ช่วยด้วย ขอร้องล่ะ ฉันจะโดนพวกนี้ฆ่าตายอยู่แล้ว...."
"อย่าพูดจาใส่ร้ายคนอื่นสิ เดี๋ยวอัดให้หน้าพังยับซะเลยดีมั้ย?"
"เอ๋ ทำแบบนั้นเดี๋ยวได้เป็นเรื่องใหญ่หรอก ขืนเล่นตรงหน้าก็ได้โดนเอาไปฟ้องพอดี อย่าเลย"
"ถึงไม่ทำงั้น มาสึมิก็ขี้ฟ้องอยู่แล้ว"
"ฉันไม่ได้ฟ้อง! ไม่ใช่ฉัน...."
"หนวกหูน่า"
พอพูดจบ เด็กสาวก็ตบตีเด็กสาว
มนุษย์ตบตีมนุษย์
เธอมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพึมพำ
"ที่คุโรสึพูดอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้"
ประเทศนี้ถูกลงอาคมไว้
มีพลังผิดปกติกำลังยุ่งกับอะไรบางอย่าง
เธอรู้สึกอย่างนั้น
เธอเริ่มสังเกตเห็นทีละนิดตั้งแต่คุโรสึจากไป
ความสิ้นหวังที่ถูกยัดเยียดกันง่ายๆ กับบรรยากาศสงบสุขแสนน่าเบื่อที่เนิ่นนานจนน่ากลัวว่ามันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
เวลาหลังเลิกเรียน
ระฆังบอกเวลา
ห้องเรียน
โต๊ะ
กระดานดำ
ชมรม
การรังแก
แล้วก็อะไรอีกนะ
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกว่าทุกอย่างในประเทศนี้อยู่ภายใต้อาณัติของอาคมพิเศษสักอย่าง
และสิ่งที่คุโรสึทำนั้น
"....ในที่สุดก็เหมือนจะเข้าใจสักทีว่าเขาสร้างโรงเรียนบนตัวฉันทำไม"
เธอพูดเบาๆ
จากนั้นเธอโบกมือขึ้นลงพร้อมพึมพำว่า...เกะกะลูกตา ไปให้พ้นซะ ทันใดนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดบนดาดฟ้าก็จบลงโดยพลัน
เด็กสาวทุกคนสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนนี้และถูกส่งตัวไปนอกโรงเรียน
ทว่าเธอรู้อยู่แก่ใจ แม้ทำเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ต่อให้เสียความทรงจำ แต่พอถึงวันรุ่งขึ้นเด็กพวกนี้จะรังแก ทุบตี ทำร้ายคนอื่นต่อเหมือนเดิม คนที่ถูกรังแกอาจจะฆ่าตัวตายก็ได้
ทว่าไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี
เพราะประเทศนี้อ่อนโยนมาก ถึงขั้นที่สามารถตายได้เพียงเพราะความรักไม่สมหวัง
แต่เห็นชัดโจ่งแจ้งมากว่านั่นคือ....

"....อ๊ะ"

ไม่ทันไรก็เกิดเหตุผิดปกติขึ้นอีก
เธอสัมผัสได้ว่านักเรียนถูกพาตัวออกนอกโรงเรียน --- ไม่สิ ออกนอกโลกนี้
เด็กสาวที่ชื่อชิกุเระ ฮารุกะถูกพาตัวไปอีกโลกหนึ่ง
แต่ยังไม่มีใครเอะใจเรื่องนี้
แม้กระทั่งประธานนักเรียนผู้พิทักษ์โรงเรียนคนนั้น
"....เกคโคคนโง่ นี่ฉันต้องช่วยจัดการแทนอีกแล้วเหรอ....?"
เธอพูดยิ้มๆ แล้วหลับตาลง
"ขอติดแองเคอร์เป็นสัญลักษณ์ไว้บนตัวชิกุเระ ฮารุกะให้พวกมนุษย์สมองช้าสังเกตเห็นกัน"
เธอพูดเบาๆ
เพียงเท่านี้สัญลักษณ์ก็ติดไปกับตัวฮารุกะ
หากดวงดีคงมีคนสังเกตเห็นแองเคอร์
ถ้าดวงไม่ดีเป็นอันจบเท่านี้
ชิกุเระ ฮารุกะจะหายไปจากโลก
ถึงหายไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นเดิม
ต่อให้ลูกโดนข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งต่อหน้าแม่ พ่อแม่ฆ่ากันต่อหน้าลูก มนุษย์นับพับนับหมื่นละเลงเลือดเนื้อกับความเกลียดชังลงบนผืนแผ่นดินยามสงครามมากแค่ไหน
ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
ถ้าอย่างนั้นแล้วจะรู้สึก <สิ้นหวัง> กับสิ่งใด แล้วมี <ความผาสุก> กับสิ่งใดดีล่ะ?

ไซโตฮิเมอาผู้เสียสติคนนั้นต้องการสร้างเวทมนตร์ <ความผาสุก>
ความผาสุก
ความผาสุก
ความผาสุก
แต่พอตะโกนเพรียกหาความสุขนั่นหลายๆ ครั้งเข้า เธอก็ยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากกับความเศร้าสร้อยเกินทนที่แฝงอยู่ในเสียงอ่านของคำคำนี้
?........?
ก่อนจะหายตัวไป


บทที่ 1 การเดินทางสู่นอกโลกมนุษย์

ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ห้องเรียน
โต๊ะ
กระดานดำ
เสียงระฆังบอกเวลาตอนเช้าดังทั่วตึกเรียน
เวลาตอนนี้คือ 8.40 น.
สัญญาณนี้บอกเวลาเริ่มเรียนคาบแรกของวัน
ถึงกระนั้นตึกเรียนก็ยังเซ็งแซ่ด้วยเสียงนักเรียนนั่งที่ เสียงคนไปเอาของที่ลืมไว้ในล็อกเกอร์ เสียงสวัสดีอาจารย์ที่เข้ามาในห้องอยู่พักหนึ่ง แต่สักพักก็พากันเงียบกริบพร้อมกันหมดราวกับเสียงจอแจเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก
บรรยากาศเงียบสงัด สงบมากจนชวนให้นึกว่านี่คือนรกสำหรับนักเรียนที่เข้านอนดึกเมื่อคืนชัดๆ บรรยากาศนี้ได้ยึดครองโลกทั้งใบไว้เรียบร้อย
เสียงที่ดังอยู่มีเสียงชอล์กกระทบกระดานกับเสียงน่าเบื่อๆ ของอาจารย์
และคุโรกาเนะ ไทโตะกำลังวิ่งตะโกนร้อง
"ว้ากกกกกกกกกก วิกฤติแล้ววววววววว!"
บนทางเดินนอกห้องเรียนที่เงียบเชียบผิดปกตินี้
วิ่งชนิดสุดแรงเกิดแบบเอาเป็นเอาตาย หรือพูดให้ถูกจริงๆ คือเขาตายตอนกำลังวิ่ง ตายแล้วก็ยังวิ่งอยู่
ผมสีน้ำตาล ชุดเครื่องแบบ ม.ปลาย มิยาซากะกับร่างกายขนาดพอเหมาะที่ฝึกฝนมาพอสมควรจากการเล่นคาราเต้จนถึง ม.ต้น
เขาเป็นนักเรียน ม.ปลาย ปี 1 ของโรงเรียนมิยาซากะแห่งนี้ ตามปกติแล้วตอนนี้ต้องนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียน
"อ๊า แย่แล้ว! แย่จริงจัง! ถ้าตายอีกที....อีกทีเดียวก็คืนชีพไม่ได้!"
เขาวิ่งเต็มกำลังพลางตะโกนบ่นบางอย่างซึ่งเป็นปริศนา
เพลิงสีแดงไหม้คลอกทั่วร่าง ไฟลามเผาเส้นผม เผาชุด ละลายชั้นผิวหนังไปเรื่อยๆ ผิวหนังที่ละลายไปเมื่อกี้กำลังฟื้นตัวกลับคืนด้วยผลจากพลังพิลึกกึกกือของเขา --- ที่ว่าจะไม่มีวันตายจนกว่าจะตายครบ 7 ครั้ง แต่ถึงยังไงก็มีขีดจำกัด เพราะไฟไม่ยอมดับซะที เมื่อร่างกายฟื้นสภาพก็โดนเผาอีก ตั้งแต่ไฟเริ่มไหม้ร่างปุ๊บ ปรากฏว่าตายไป 4-5 ครั้งได้แล้ว
เพราะฉะนั้น
"ถะ ถ้าไม่ ถ้าไม่รีบดับไฟนี่ละก็ได้ตายจริงแน่!"
เขาวิ่งไปบนทางเดินปกติธรรมดาบนตึกเรียนพร้อมไฟไหม้ทั่วตัว
พอวิ่งเข้าห้องน้ำปุ๊บก็เปิดน้ำจากก๊อกของอ่างล้างมือแบบแรงสุด แล้วยื่นหัวไปใต๊ก๊อก
"แบบนี้ก็ดับได้แต่ไฟบนหัวสิฟะ!"
ไทโตะโวยวาย
เขาเปิดน้ำล้างแขนขวาพร้อมกับหันหลังมองไปยังตู้ใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดข้างห้องน้ำใหญ่จากห้องน้ำทั้งหมด 2 ห้อง
"ถังน้ำ!"
หลังเปิดตู้หยิบถังน้ำออกมาแล้วก็เอาไปรองใต้ก๊อกที่เปิดน้ำไหลแรงสุด
"เร็วเข้า เร็วเข้า เร็วเข้า เร็วเข้า เต็มเร็วๆ สิบ้าเอ๊ย!"
เขาตะคอกใส่ใครที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ พอน้ำเต็มได้ครึ่งถังก็ยกขึ้นราดตัว ไฟตามร่างกายครึ่งบนดับไปพอสมควร พร้อมกันนั้นผิวหนังที่ไหม้พอง เส้นผม เสื้อผ้าก็เริ่มซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็ว
หลังมองภาพตรงหน้า
"สำเร็จ! อีกทีเดียวก็ดับหมดแล้ว!"
เขาเอาถังรองน้ำใต้ก๊อกอีกรอบ ไฟยังไหม้ร่างกายครึ่งล่างอยู่นิดหน่อยแต่เลิกใส่ใจมันไปแล้ว
เพราะไฟแค่นี้คงไม่ทำให้ถึงตาย และร่างกายก็ฟื้นฟูได้เร็วขึ้นกว่าทีแรกมาก คงเพราะเพิ่งดับไฟที่ไหม้ร่างกายครึ่งบนไป
ฉะนั้นเลยกะจะรอจนน้ำเต็มถังเพื่อจะได้ดับไฟให้หมดในคราวเดียว
?........?
เขามองดูก๊อกปล่อยน้ำเงียบๆ แล้วรอพักหนึ่งเพื่อคอยจังหวะน้ำเต็มถัง ตอนที่กำลังจะยกถังราดน้ำใส่หัวนั่นเอง
"นะ นายทำอะไรน่ะ?"
เสียงหนึ่งดังมาจากทางเข้าห้องน้ำ
ไทโตะอุทาน
"เอ๋?"
หันไปมองทางต้นเสียง
คนที่อยู่ตรงนั้นคือเด็กสาวในชุดนักเรียนมิยาซากะ หนำซ้ำเขายังรู้จักด้วย ผมของเด็กคนนั้นตัดสั้นย้อมสีทอง กระโปรงดัดแปลงจนสั้นที่สุดเท่าที่สั้นได้
ถ้าจำไม่ผิดเป็นนักเรียนปี 1 ห้อง 5 ที่อยู่ห้องข้างๆ ของห้องข้างๆ อีกที ชื่ออาโอมิ อิซึมิ หน้าตาสวยทีเดียว แต่มีข่าวลืออยู่ว่าเอาแต่คบค้าสมาคมกับพวกเด็กเกเรต่างโรงเรียน เลยกลายเป็นแกะดำประจำห้อง 5 ที่เป็นแหล่งรวมของคนเรียนเก่งและจริงจัง
อาโอมิเด็กเกคนนั้นทำอายเมคมาอย่างเนี้ยบและกำลังมองมาตาปริบๆ ไทโตะลนลาน
"อ่า เอ่อ เธอคืออาโอมิใช่มั้ย? เธอนั่นแหละมาทำอะไร? เริ่มเรียนคาบแรกแล้วนี่?"
เธอยื่นของที่กำไว้ให้ดู สิ่งที่อยู่ในมือคือบุหรี่
"อ้อ"
ไทโตะพยักหน้า
อาโอมิมอง
"งั้นตอบคำถามฉันบ้าง นายทำอะไรอยู่?"
"เอ๊ะ? ฉันเหรอ?"
"อื้อ"
"ฉัน ฉันแค่แบบว่า เข้าห้องน้ำปกติเฉยๆ"
"ที่ห้องน้ำหญิงเนี่ยนะ?"
"เอ๋!? ห้องน้ำหญิง!?"
ไทโตะร้องลั่นแล้วมองรอบๆ ตัว จนแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีไอ้นั่นที่ใช้กันในห้องน้ำชาย อา แย่แล้ว แย่ขั้นร้ายแรง
อะไรสักอย่าง ต้องแก้ตัวอะไรสักอย่าง ไม่งั้นมีหวังโดนประกาศจับโทษฐานเป็นไอ้ลามกทั่วโรงเรียนแหงๆ
?........?
ระหว่างคิดๆ อยู่ก็ชักรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ร่างกายครึ่งล่าง ไฟที่โดนน้ำดับเกือบหมดแล้วเริ่มจะลามใหม่อีกครั้งทีละนิด ไทโตะก้มมองและหันไปสนใจไฟที่กำลังไหม้ผิวหนังในกางเกงแทน
"อ๊ะ! อาจารย์อยู่ข้างหลัง!"
เขาตะโกน
อาโอมิร้อง
"โอ๊ะ จริงง่ะ?"
แล้วหันหลังขวับ
เขาฉวยจังหวะนี้ราดน้ำในถังอย่างเงียบเชียบ อุตส่าห์ราดเบาๆ แล้วแท้ๆ แต่เสียงซ่ากลับดังก้องทั่วห้องน้ำ
อาโอมิหันกลับมามองไทโตะที่เปียกโชกอีกทีประหนึ่งมองคนจิตไม่ปกติ
"....พฤติกรรมโรคจิตของนายมันน่าตะลึงชะมัด ไม่เข้าใจเลยว่าจะทำอะไรกันแน่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"
เธอพูดถูกอย่างที่สุด
ไทโตะพยักหน้ารับ
"นั่นสิเนอะ"
เขาตอบ
"ตกลงนายทำอะไร?"
"เอ่อ คือมันมีหลายเรื่องมาก อธิบายประโยคเดียวไม่หมดหรอก"
"โดนรังแกอะไรประมาณนี้เหรอ?"
"รังแก? อา อืม เอางั้นก็ได้"
พูดแล้วไทโตะก็เดินสวนอาโอมิเพื่อจะออกจากห้องน้ำ แต่อีกฝ่ายจับไหล่เขาไว้ก่อน
"อย่าเพิ่ง แอบทำลับๆ ล่อๆ ในห้องน้ำหญิงแล้วคิดว่าจะหนีไปแบบไม่อธิบายอะไรได้รึไง?
เขาถูกต่อว่ายาวยืด
ไทโตะหน้าบึ้งแสดงอารมณ์รำคาญ
"ฉันจะไม่บอกใครเรื่องบุหรี่ ส่วนอาโอมิก็อย่าบอกเรื่องฉันกับใคร ตกลงตามนี้มั้ย?"
อาโอมิยิ้ม
"โอ้ นี่นายกล้าขู่ฉันด้วย?"
?........?
"รู้มั้ยว่าคนในห้องเรียกฉันว่ายังไง? เรียกยัยแยงกี้น่ะ ใช้คำว่าแยงกี้ในสมัยนี้มันก็ทะแม่งๆ อยู่....แต่นายคิดว่าคนแบบนั้นจะเดือดร้อนที่ความแตกว่าตัวเองสูบบุหรี่งั้นเหรอ?"
?........?
"เอาล่ะ งั้นอธิบายมาได้แล้ว เมื่อกี้นายทำอะไรที่นี่? ถ้าเป็นเรื่องน่าสนใจละก็ขอแจมด้วยคนสิ"
ไทโตะมองใบหน้าตื่นเต้นของอาโอมิแล้วตอบว่า
"ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก"
"โกหกชัดๆ มาราดน้ำในห้องน้ำหญิงแบบนี้ต้องทำอะไรน่าสนใจแหงอยู่แล้ว"
"ไม่ได้ทำ จะบอกว่าฉันจะไปแล้ว"
ไทโตะเดินออกจากห้องน้ำ
เสียงดังตามไล่หลังมา
"ถึงทำเฉไฉ ฉันก็จะตามสืบนะ? คุโรกาเนะ ไทโตะคุง นายเคยอยู่ชมรมคาราเต้จนถึง ม.ต้น ตอนนี้อยู่สภานักเรียน"
เธอประกาศกับเขา
ไทโตะหันกลับไปมองแบบตกใจนิดๆ เพราะอยู่ๆ ข้อมูลส่วนตัวก่อนเข้าเรียนที่มิยาซากะกลับหลุดมาจากปากคนอื่น
เธอถือบุหรี่แบบไม่แคร์สายตาใครก่อนจะจุดไฟแล้วคาบไว้ในปาก และยิ้มดีอกดีใจอยู่ตรงทางเดินตึกเรียน
"อ๊ะ งานของสภานักเรียนสินะ กะแล้วล่ะ สภานักเรียนของโรงเรียนนี้ผิดปกติชัดเจน ถึงสมาชิกสภานักเรียนไม่เข้าเรียนก็ได้รับยกเว้นหน่วยกิตทั้งหมด น่าอิจฉาจริงๆ"
ไทโตะยักไหล่กับคำพูดนั้น


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"เลวร้ายที่สุด!" ไทโตะตะโกนพร้อมกับวิ่งไปในโรงเรียน ม.ปลายมิยาซากะ
เดิมทีก็มีเรื่องเลวร้ายมากเกินพออยู่แล้ว พอหวนกลับมาเจอ <แวมไพร์> ผู้เป็นรักแรกอีกก็พบว่าตัวเองถูกสาปให้ตายได้ 7 ครั้ง หลังจากนั้นประธานนักเรียนผู้เอาตัวเองเป็นใหญ่ก็ปรากฏตัวแล้วบอกว่า "นายเป็นทาสฉัน เอ้า ไปสู้กับพวกสัตว์ประหลาดซะ" เฮ้ย นายไปสู้สิ นายน่ะแหละ! เท่านั้นไม่พอ ฮารุกะเพื่อนสมัยเด็กยังโดนสัตว์ประหลาดต่างมิติลักพาตัวไปอีก พอบุกไปช่วยไหงถึงมาเปียกน้ำไปทั้งตัวอยู่ในห้องน้ำหญิงเนี่ย ชีวิต ม.ปลายของเรามันเกิดอะไรขึ้น!?
ขณะสภานักเรียนกำลังดิ้นรนหาทางช่วยฮารุกะ <กองทัพ> ก็ได้ส่งผู้ดูแลมา ชายผู้ที่สั่งให้วางมือจากเรื่องฮารุกะคนนี้ แท้จริงแล้วเขาคือประธานนักเรียนเมื่อ 7 รุ่นที่แล้ว!? นี่คือเรื่องราวแฟนตาซีการคืนชีพในรั้วโรงเรียนของสภานักเรียนที่เตรียมก่อการปฏิวัติ


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”