New Release ร้อยรัก : วิวาห์รักกรงบาป

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : วิวาห์รักกรงบาป

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ ๑
กรงบาป

หวันยิหวาในชุดดำยืนอยู่ข้างเมรุเผาศพ มองดูควันพวยพุ่งลอยเป็นเถ้าถ่านสีดำขึ้นสู่ฟากฟ้า ใบหน้าหวาน จมูกโด่ง เรียวปากแดงระเรื่อของเธอเม้มเข้าหากันเล็กน้อย เวลานี้เธอไม่มีพี่น้องเหลืออยู่อีกแล้ว มีเพียงแม่ที่กำลังร้องไห้ปานใจจะขาดกับญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมงานศพ
ทุกคนต่างพูดให้กำลังใจและปลอบประโลมว่าน้องสาวไปสบายแล้ว ไม่มีอะไรต้องทนลำบากเหมือนกับเราๆ อีก หวันยิหวายิ้มบางๆ โน้มศีรษะให้ เธอรู้ดีว่าคำพูดหลากหลายที่ออกมาจากปากของทุกคน ไม่มีคำพูดไหนเลยที่จะช่วยให้ความร้าวรานไปจากหัวใจของเธอ
มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยากจะกรีดร้อง...ความรู้สึกนี้มันอื้ออึงไปหมด
?ไม่เป็นไรนะหวันยิหวา น้องสาวของเธอไปสู่สุคติแล้ว...?
?ค่ะคุณป้า?
?หนูเองก็เพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้านได้แค่ไม่กี่เดือน ต้องมาเสียน้องสาวไปอีก ตอนนี้เหลือหนูกับแม่เพียงสองคนแล้วนะ ดูแลท่านให้ดีๆ ล่ะ แม่ของหนูอายุมากแล้ว ร่างกายก็เจ็บออดๆ แอดๆ? ป้าของหวันยิหวาบีบไหล่ของเธอแน่นขึ้น
เวลานี้ญาติต่างลากลับไปทีละคน หวันยิหวาเดินไปโอบกอดแม่ของเธอที่กำลังร้องไห้จนตัวโยน หญิงวัยกลางคนมีสภาพน่าเวทนา ร้องไห้จนน้ำตาแทบจะไหลเป็นสายเลือด แม้แต่ตัวเธอเองก็ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปหมดแล้ว
?กลับกันเถอะค่ะแม่...หนูจะดูแลแม่เอง ไม่ให้แม่ต้องลำบากหรอกค่ะ?
?ฮือ...ทำไมถึงเป็นเวรเป็นกรรมอะไรอย่างนี้ ทั้งๆ ที่แม่ส่งเสียเลี้ยงดูน้องจนใกล้จบมหา?ลัยแล้ว...แต่ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ เพราะอะไร?
?แม่คะ อย่าร้องไห้เลย กลับบ้านของเรากันเถอะ?
?จ้ะ...ขอโทษนะที่แม่เอาแต่ร้องไห้?
?ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไปกันเถอะค่ะเดี๋ยวหนูช่วยประคอง?
หวันยิหวาเป็นคนรูปร่างเล็ก มีเส้นผมยาวสลวย นัยน์ตาดำสนิทเหมือนกับอัญมณี เธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้แค่สามเดือน ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นช่วงเวลาดีที่สุด แต่กลับกลายมาเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของครอบครัว
หญิงสาวเอาน้ำดื่มและยาหอมมาให้แม่ได้คลายจากอาการเป็นลม แม่สุขภาพไม่ค่อยดีนัก ต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยโรคมะเร็งตับ เธอตั้งใจเรียนจนได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษจนสำเร็จการศึกษา และตั้งใจกลับมาช่วยแม่ดูแลครอบครัวในฐานะบุตรสาวคนโต
?แม่คะ สุขภาพของแม่เป็นอย่างไรบ้าง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามนัดไหมคะ?
?ก็เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เป็นธรรมดาแหละ แต่ตอนนี้แข็งแรงขึ้นบ้างแล้ว ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยเท่าไหร่หรอก?
?ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ หนูจะจ้างคนมาดูแลแม่ตอนเช้ากับตอนเย็น คือ...บางทีหนูอาจจะไม่ได้อยู่กับแม่ช่วงนี้?
หวันยิหวาจับมือมารดาพลางบีบไว้แน่น
?ทำไมล่ะ ลูกจะไปไหน?
?หนูไม่อยากเป็นภาระให้แม่ต้องหาเงินเลี้ยงดู หนูอยู่ที่นี่หนูก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดร้านขายขนม หนูจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ค่ะ...ที่นั่นคงมีงานให้ทำอยู่อีกตั้งมากมายสำหรับคนที่หางานอย่างหนู ความจริงหนูอยู่ที่นี่เพื่อรอให้น้องเรียนจบก่อนเพื่อที่จะช่วยดูแลแม่...ตอนนี้น้องภัทรก็จากไปแล้ว หนูก็ต้องไปหางานทำเหมือนกัน แม่อยู่คนเดียวได้นะคะ แล้วหนูจะกลับมาเยี่ยมแม่บ่อยๆ?
?แม่เองก็แก่แล้ว จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ไม่รู้ สัญญากับแม่ก่อนสิ ว่าหนูไปแล้วจะรีบกลับมา เก็บเงินเก็บทองได้สักก้อนแล้วเราค่อยมาเปิดร้านตามที่ฝันกันเสียที อย่าให้ความแค้นและความเสียใจมาทำให้ชีวิตของหนูพังเลยนะลูก?
?ขอบคุณค่ะแม่ แล้วหนูจะรีบกลับมา?
?โชคดีนะลูก?
หวันยิหวากอดแม่ไว้แน่น หญิงสาวใช้เวลาอยู่กับแม่นานหลายชั่วโมง จากนั้นหญิงสาวก็ขึ้นไปบนห้อง มองออกไปรอบกาย...มองเห็นภาพถ่ายของน้องสาวกับเธอยืนอยู่เคียงข้างกัน ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ทว่าตอนนี้...เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว คงจะต้องถึงเวลาที่หวันยิหวาจะต้องไปเสียที...
หญิงสาวเดินเข้าไปหยิบแผ่นกระดาษหางานที่เธอเอาหนังสือทับเอาไว้ ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาววับ มองดูชื่อบริษัทรัตนทรัพย์ที่เปิดมานานหลายปี กำลังรับสมัครเลขานุการ บุคลิกดี มีมนุษยสัมพันธ์...เรียวปากบางสวยของเธอเหยียดยิ้ม ใครเลยจะรู้ว่าภายในใจเธอมันเต็มไปด้วยเปลวไฟแผดเผา
คงถึงเวลาที่เธอจะกลับไปเอาทุกอย่างคืนเสียที
?...ถึงเวลาที่พี่จะไปแก้แค้นให้เธอแล้ว?
หวันยิหวากระซิบแผ่ว ฝ่ามือบางกำแผ่นกระดาษสมัครงานไว้แน่น ผู้ชายคนนั้นจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ...

***

คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่กว่าสิบไร่ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีคนดูแลสวนกับคนรับใช้อีกมากมาย เจ้าบ้านของตระกูลรัตนทรัพย์คือชาติชาย เขาเป็นชายสูงวัยอายุหกสิบเอ็ดปี เวลานี้ศีรษะเต็มไปด้วยผมหงอกขาว สายตาผ้าฟางต้องใส่แว่นสายตาเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์
เมื่อก่อนชายชราผู้นี้เป็นเจ้าของบริษัทและเครือข่ายสาขาอีกมากมายยาวนานเกือบยี่สิบห้าปี แต่บัดนี้เขายอมปล่อยมือให้กับลูกชายทั้งสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนโตซึ่งได้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัทรัตนทรัพย์ ส่วนลูกชายคนเล็กเป็นเพียงรองประธานบริษัท ยังหยิบจับอะไรได้ไม่ดีนักเพราะเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก
ชายสูงวัยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อดูข่าวธุรกิจประจำวัน เสียงเดินลงบันไดมาพร้อมกับเสียงบ่นของภรรยาวัยห้าสิบเจ็ดปี ที่มีรูปร่างท้วมแต่ก็ยังใส่ใจบำรุงผิวพรรณเป็นอย่างดี จนดูเหมือนอายุน้อยกว่าความเป็นจริง
?นี่คุณ เมื่อคืนตาวุฒิไม่กลับบ้านเหรอ!??
?ไม่รู้สิ? เขาตอบเสียงราบเรียบ สายตายังอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
?เป็นพ่อประสาอะไร ลูกเต้าไม่กลับบ้าน ยังมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ได้ นี่ตาวุฒิหายไปทั้งคืนนะ เกิดลูกขับรถไปเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยอะไรขึ้นมา จะมัวมานั่งรอให้ตำรวจโทรศัพท์มาแจ้งข่าวหรือยังไง? คุณนายแย้มจิกสายตาไปสู่สามี
ชายสูงวัยถอนหายใจยาว พับเก็บหนังสือพิมพ์ทันที
?มันโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วนะ มันอาจจะไปเที่ยวจนหัวราน้ำแล้วไม่อยากกลับบ้านที่มีแต่คุณบ่นๆ อยู่ทุกวันก็ได้ ลูกของเราน่ะเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก มันก็อยากไปเที่ยวเป็นเรื่องธรรมดานั่นแหละ? น้ำเสียงของชาติชายเบื่อหน่าย
?นี่คุณหาว่าฉันขี้บ่นเหรอ ฉันเป็นแม่ของมันนะ แม่เป็นห่วงลูกมันผิดนักเรอะ?
?ผมรู้...คุณแย้ม แต่คุณก็ต้องรู้ว่าความห่วงระหว่างแม่กับลูกชายน่ะมันใช้ได้เฉพาะตอนเป็นเด็กเท่านั้น ไอ้นิสัยเพลย์บอย ชอบเที่ยวเตร่ตอนกลางคืนน่ะ มันเป็นเพราะคุณยอมตามใจมันให้ไปเรียนเมืองนอก ปริญญาก็ไม่ได้กลับมา แล้วเป็นยังไงล่ะ พอตอนนี้กลับมาแล้วเอาแต่เที่ยวเตร่ แล้วคุณจะไปว่ามันได้ยังไง?
?มันเป็นความผิดของฉันหรือคะที่ตามใจลูก?
ชาติชายไม่ตอบ เขาวางหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะ คุณนายแย้มหน้างอแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ สามี
?ตาวุฒิไม่เคยมีนิสัยอย่างนี้เลย เขาเชื่อฟังฉัน ยอมตามใจฉันทุกอย่าง ฉันผิดเองแหละที่ยอมให้เขาไปเมืองนอกตั้งหลายปี พอกลับมาก็ไม่มีอะไรทำ ปริญญาก็ไม่ได้อะไรกับเขาสักใบ เป็นเพราะไม่มีคนควบคุมดูแลความประพฤติ ฉันเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นี่คุณชาติชายคะ คุณว่าฉันควรจะเรียกลูกมาคุยดีหรือเปล่า?
?คุยหรือ!? คุณจะคุยอะไรล่ะ?
?ฉันจะบอกเขาว่าคราวหลังจะออกไปไหนมาไหนให้บอกกันบ้าง อย่าทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง?
?ก็ตามใจคุณก็แล้วกัน หวังว่าตาวุฒิคงจะฟังแม่ของมันบ้างนะ? ชาติชายลุกขึ้น ทำเอาคุณนายแย้มมองตาคว่ำ อะไรๆ ก็เธอ เขาเป็นพ่อจะไม่ยอมรับผิดชอบลูกชายคนเล็กบ้างเลยหรือไง
?คุณชาติ คุณจะมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันคนเดียวอย่างนั้นเหรอ คุณต่างหากล่ะที่รักลูกไม่เท่ากัน คุณเอาแต่โอ๋ตาภูดิศมากเกินไป อะไรๆ ก็ให้ทุกอย่าง บริษัทก็ยกให้ภูดิศบริหาร ตาวุฒิก็เลยน้อยใจว่าคุณรักลูกไม่เท่ากัน จะมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันคนเดียวได้ยังไงกัน?
?คุณพูดเหมือนกับว่าไม่รู้จักนิสัยของลูกทั้งสองดีอย่างนั้นนั่นแหละ ที่ผมให้ภูดิศบริหารงานทุกอย่างก็เพราะไม่มีใครที่มันจะดีไปกว่าลูกชายคนโตแล้วน่ะสิ ถ้าเจ้าวุฒิมันดีเทียบเท่าได้กับพี่ชายของมัน ไม่เอาแต่เที่ยวเตร่ คบหาแต่ผู้หญิงกลางคืนล่ะก็ ผมก็คงจะยกสมบัติให้มันไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทั้งหมดนี่มันเพราะคุณนั่นแหละคุณนายแย้ม?
ความจริงที่ออกจากจากปากสามี ทำเอาคุณนายแย้มได้แต่หุบปากเงียบไปเลย
พูดก็พูดเถอะ เธอเองก็โอ๋ตาวุฒิมากเกินไป เพราะเขาเป็นลูกชายคนเล็ก ต้องการการเอาใจใส่เป็นธรรมดา อีกอย่างลูกชายก็ช่างขี้อ้อนจนเธอยอมหมดทุกอย่าง เลี้ยงดูจนเขาเสียคน ยอมตามใจไม่เคยขัด เพราะแบบนี้สินะเขาถึงได้โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รับผิดชอบ เอาแต่เที่ยวเตร่ ยังดีที่มีพี่ชายคนโตที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของตระกูลรัตนทรัพย์
***
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มงัวเงียขึ้นจากเตียงอย่างหงุดหงิด หลังจากร่างเย้ายวนที่นอนอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นรับโทรศัพท์ หญิงสาวมีเส้นผมยาวสลวยเป็นลอนคลื่น รูปร่างดี มีส่วนเว้าส่วนโค้งยวนตา เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาที่กำลังจะเข้าพิธีกันในเดือนหน้า
?มีอะไรหรือเปล่า!??
?ฉันต้องรีบไปแล้วค่ะ มีประชุมด่วนตอนเช้า? ลาวัณย์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำและทำธุระส่วนตัว แต่ถูกอ้อมแขนรวบกอดเข้าที่ข้างเอวแน่น ?อย่าสิคะ ฉันต้องรีบไปทำงานนะคะคุณวุฒิ?
?ไม่ไปไม่ได้เหรอ เมื่อคืนกว่าเราจะกลับตั้งตีสองแน่ะ ผมคิดถึงคุณจะแย่?
?ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ แต่ว่า...ฉันมีงานต้องทำนะคะ?
?ช่างมันสิ ผมจะให้คุณลาออก แล้วไปรับใช้ผมที่บ้าน...บนเตียงของเราสองคน คุณจะว่ายังไง?
ทรงวุฒิโน้มใบหน้ามาจูบแก้มใส พร้อมทั้งกอดเอวบางไว้ไม่ยอมปล่อย
ลาวัณย์หัวเราะคิก ดวงตาทอประกายวาววับ
?ได้ยังไงล่ะคะ เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกันเลย?
?แต่ก็กำลังจะหมั้นกันเดือนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ?
?แต่ว่า...เราสองคนยังไม่ได้หมั้นกันเลยนี่คะ ขืนมีคนอื่นรู้เรื่องของเราเข้า เขาจะเอาไปนินทาได้นะคะ เอาไว้รอให้เราหมั้นและแต่งงานกันก่อนนะคะ ฉันจะไม่ห้ามคุณเลย จะลาออกไปรับใช้คุณอยู่บนเตียง คุณห้ามเบื่อฉันนะคะ ต้องกลับบ้านทุกวัน ห้ามไปเที่ยวที่ไหนอีก?
?ผมจะไปเที่ยวที่ไหนได้อีกล่ะ ในเมื่อหัวใจผมอยู่กับคุณแล้ว?
?ปากหวานจังเลยค่ะ ปล่อยสิคะ ฉันจะไปทำงาน?
?ก็ได้? ทรงวุฒิหอมแก้มเนียนใสหนึ่งฟอด จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัว หลังจากอาบน้ำเสร็จและใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ลาวัณย์แต่งตัวเสร็จพอดี เช้านี้เธอใส่ชุดแสคสีดำตัวสั้น ปล่อยผมยาวสลวย
หญิงสาวเป็นลูกค้าของทรงวุฒิเมื่อประมาณสองเดือนก่อน และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
?คุณวุฒิล่ะคะ วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?
?ผมจะเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้ แค่เข้าไปเซ็นเอกสารเท่านั้น? ทรงวุฒิยิ้มและหันมาจูบแก้มเนียนใสของเธอ ?ว่าแต่คุณล่ะ เมื่อไหร่จะลาออกจากที่นั่นสักที แล้วมาเป็นเลขาฯ ของผมที่รัตนทรัพย์ เลขาฯ คนเก่าเพิ่งลาออกไป ตำแหน่งว่างพอดี ผมกันตำแหน่งนี้ไว้ให้คุณเลยนะ?
?ไม่เอาดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคนอื่นจะนินทาเอา หาว่าคุณพาใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นเลขาฯ?
?เล่นตัวไปได้? ทรงวุฒิเริ่มหงุดหงิด
?อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ฉันอยากอยู่กับคุณจะแย่ ไม่ว่าจะลาออกจากที่นั่นมาอยู่ที่นี่ หรือว่าจะลาออกจากงานแล้วกลับไปรับใช้คุณที่บ้าน ว่าแต่คุณแม่ของคุณล่ะคะ ท่านไม่ว่าเอาเหรอ ที่จู่ๆ คุณจะเอาลูกสะใภ้เข้าบ้านโดยไม่บอกกล่าว?
?ไม่เป็นไรหรอก แม่รู้เรื่องของคุณแล้ว แม่ไม่กล้าขัดใจผมหรอก?
?จริงๆ นะคะ?
?เอาไว้ตอนเย็น ผมจะมารับคุณไปทานข้าวด้วยกันนะ?
?ค่ะ ฉันจะรอนะคะ?
ลาวัณย์เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มสากระคายของชายหนุ่ม ก่อนจะพากันออกไปจากโรงแรม ทรงวุฒิขับรถไปส่งเธอที่บริษัท หญิงสาวโบกมือให้กับเขาพร้อมกับรอยยิ้มหวานหยด...
***
วันนี้ลูกชายคนเล็กของบริษัทรัตนทรัพย์เข้ามาทำงานอย่างอารมณ์ดี จังหวะที่เดินอ้อมไปยังกำแพงก็เดินชนกับสาวสวยคนหนึ่งจนเอกสารในมือหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด เสียงร้องด้วยความตกใจทำให้ทรงวุฒิคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ก่อนที่ผู้หญิงที่เขาเดินชนจะล้มลง
ทันทีที่ได้เห็นดวงหน้าหวานตรงๆ ทรงวุฒิก็ถึงกับตกตะลึงเพราะว่าเธองดงามมาก เส้นผมสีดำสลวยยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีดำขลับ จมูกโด่ง เรียวปากแดงระเรื่อ
?ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า?
?ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ทันได้ระวัง? เธอยิ้มให้เขา ดวงตาเป็นประกาย ?ฉันมาสมัครงานน่ะค่ะ?
?สมัครงานหรือครับ ตำแหน่งอะไรครับ?
?เลขานุการรองประธานค่ะ?
?เลขานุการ...โอ บังเอิญเหลือเกินครับ ผมเป็นรองประธานที่กำลังรอเลขาฯ คนใหม่ ผมทรงวุฒิครับ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วคุณสัมภาษณ์ไปแล้วหรือยัง?
ทรงวุฒิยิ้มกว้าง มองหญิงสาวอย่างเจ้าชู้ วินาทีต่อมา ดวงตาของหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนไปเป็นประกายวาววับ เรียวปากแดงระเรื่อเหยียดยิ้มออกมาก่อนจะตอบ
?สัมภาษณ์ไปแล้วค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้งานที่นี่หรือเปล่า ขอโทษจริงๆ นะคะที่ฉันบังอาจเดินชนคุณ ดิฉันหวันยิหวาค่ะ? เธอยื่นมือมาจับมือของเขา ?ฉันดีใจจริงๆ นะคะที่ได้มีโอกาสพบคุณ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่าง คล้าย ๆ กับเราสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน บังเอิญจริงๆ นะคะ คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า?
?พรหมลิขิตหรือ!??
?ใช่ค่ะ มันเป็นชะตาที่ทำให้เราได้พบกับใครคนหนึ่ง โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว? หวันยิหวาเอ่ยยิ้มนัยน์ตาพราว ?ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันพูดคุยเรื่องไร้สาระ ขอตัวกลับก่อนนะคะ?
?เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมเองก็คล้ายๆ ว่าเคยรู้จักคุณมาก่อน? ทรงวุฒิมองเธอด้วยแววตาเจ้าชู้ ?จะว่าไปเราสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ?
?คุณเองก็รู้สึกอย่างนั้นด้วยหรือคะ?
?ผมคิดว่าผมคงไม่ลืมผู้หญิงหน้าตาสวยๆ อย่างคุณไปได้หรอกครับ?
หวันยิหวาหัวเราะเสียงแผ่ว ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองเขาพราวระยับ
?น่าเสียดาย แต่คิดว่าเราสองคนคงไม่เคยรู้จักกันหรอกค่ะ ขอโทษนะคะ หวังว่าเราจะได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้ง และฉันก็มั่นใจว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นด้วย?
ยังไม่ทันที่ทรงวุฒิจะทันได้พูดอะไร เธอก็เบี่ยงกายเดินไปทันที กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเธอลอยมากระทบจมูก ทำให้ทรงวุฒิเผยรอยยิ้มและมองตามเธอไปจนลับตาด้วยความสนอกสนใจ หญิงสาวบอกว่ามาสมัครเป็นเลขานุการนี่ แถมยังเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขาอีกด้วย
คำพูดของเธอเมื่อกี้ฟังดูเป็นการให้ท่าหรือเปล่า หรือเป็นคำพูดที่ให้ความหวังเขา...
?หวันยิหวาหรือ น่าสนใจจริงๆ...?


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อ ?ภูดิศ? ได้ล่วงรู้ความคับแค้นที่มีในอกของ ?หวันยิหวา? สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการปกป้องไม่ให้หญิงสาวเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เพราะภูดิศรู้ดีว่าน้องชายของเขาเจ้าเล่ห์เพลย์บอยและไม่เคยรักใครจริง ทว่าหวันยิหวาไม่ต้องการให้ภูดิศยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ การแก้แค้นที่สาสมจะต้องเกิดขึ้นและน้องชายของเขาต้องได้รับบทเรียน หญิงสาวยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายเลวทรามคนนั้นหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น นั่นทำให้ภูดิศทนไม่ได้แต่ไม่ใช่เพราะเขาสงสารน้องชายเลยสักนิด มันเป็นเพราะเขารู้สึกดีกับหวันยิหวาตั้งแต่แรกพบจนกระทั่งบัดนี้ เขารู้ว่าหญิงสาวไร้เดียงสาและไม่เคยต้องมือชายใดก็ตอนที่เขาระดมจูบเธอ ก่อนจะเคลื่อนคล้อยเข้าสู่ร่างบางที่เขาต้องการทะนุถนอมไว้แต่เพียงผู้เดียว


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”