New Release ร้อยรัก : จอมใจซาตาน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : จอมใจซาตาน

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

ร่างสูงโปร่งกว่าร้อยหกสิบเซนติเมตรรีบก้าวไวๆ ไปบนทางเดินภายในบริษัทที.เค. มองบรรยากาศนอกตัวอาคารที่มืดแล้ว หญิงสาวมองนาฬิกาข้อมือที่แสดงเวลาเกือบทุ่มครึ่ง ไม่คิดเลยว่าการขึ้นสู่ตำแหน่งประธานบริษัทจะเหนื่อยกว่าการอยู่ในตำแหน่งรองประธานบริษัทเป็นเท่าตัว
เธอเปิดประตูห้องประธานบริษัท เห็นร่างผอมปราดเปรียวของเลขาฯ มากประสบการณ์ ซึ่งเจ้าหล่อนทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่สมัยที่บิดาของเธอเป็นประธานบริษัท กานดาหมุนกายหันมาเห็นประธานสาวหลังจากวางเอกสารสำหรับประชุมในวันพรุ่งนี้
?ยังไม่กลับอีกเหรอคะคุณแพท?
?ว่าจะกลับนี่ล่ะค่ะ ลงไปถึงที่รถแล้วดันนึกขึ้นมาได้ว่าลืมเอกสารน่ะค่ะ แพทว่าจะเอากลับไปปรึกษาคุณพ่อที่บ้าน พี่ดาล่ะคะ ยังไม่กลับอีกเหรอ?
?รอคุณสามีน่ะจ้ะ นี่พี่ก็จะไปรอหน้าบริษัทแล้วล่ะ เห็นบอกว่าใกล้ถึงแล้ว?
?แฟนพี่ดาไปรับน้องรวีที่เรียนพิเศษเหรอคะ?
?เปล่าหรอกค่ะ สามีของพี่ไปคุยงานกับลูกค้า ส่วนตารวีน่ะ ป่านนี้คงนั่งเล่นเกมอยู่ที่บ้านแล้วล่ะ?
?ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วคะ?
?สิบสามแล้วค่ะ เพิ่งขึ้นมัธยม กำลังเข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อเลย เป็นผู้ชายด้วย พี่เองก็กังวลว่าจะไปทำตัวเละเทะ แต่เขาก็กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน พี่ก็ไม่ได้บังคับอะไรมากมาย? เอ่ยก่อนจะช่วยหญิงสาวปิดประตูห้องทำงาน
?ความจริงบ้านพี่ดาก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของแพทนะคะ ให้แพทไปส่งแล้วค่อยวนกลับมาที่บ้านก็ได้?
?เกรงใจน่ะค่ะ พี่กินเงินเดือนของน้องแพท แล้วยังจะให้พี่เอาเปรียบอีก?
?แหม! แต่พี่ดาก็ช่วยงานคุณพ่อ แล้วก็เห็นแพทมาตั้งแต่เด็กๆ นี่คะ เรื่องแค่นี้เอง?
?ไม่เป็นไรหรอก พอดีพี่กับสามีจะซื้อของเข้าบ้านด้วย อีกอย่าง...เขาก็ไปรับไปส่งแบบนี้จนเป็นนิสัย เขาบอกว่าทำแบบนี้ตั้งแต่คบกันเป็นแฟน มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ไม่ได้ทำสิรู้สึกแปลก?
?น่ารักจังเลยนะคะ?
?คุณแพทเองเถอะค่ะ บอสเคยบ่นว่าคุณแพทไม่ยอมหาแฟนซะที ทำไมเหรอคะ ไม่ผ่านเกณฑ์หรือไง?
กัญญาพัชร์เพียงยิ้มกว้าง ตั้งแต่เรียนจบแล้วเข้ามาช่วยงานบิดา เธอไม่มีเวลาสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จริงอยู่ว่าเธอเรียนจบปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทยด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอก เมื่อต้องเรียนและทำงานไปพร้อมกัน เธอยิ่งไม่มีเวลาคิดเรื่องมีคนรักเข้าไปอีก
เธอเข้ามาช่วยงานในบริษัทที.เค.จากตำแหน่งพนักงานแผนกการตลาด ถัดมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ของบิดา ในช่วงเวลานั้น...เธอเลือกเรียนทางไกลของมหาวิทยาลัยหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา และทันทีที่จบปริญญาโท เธอก็ขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานบริษัท และเมื่อเดือนก่อน...บิดาของเธอที่ป่วยด้วยโรคหัวใจมาหลายปี ตัดสินใจยกตำแหน่งประธานบริษัทให้แก่เธอด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ แต่เขาก็ยังคงให้คำปรึกษาเรื่องงานจนกว่าปีกของเธอจะแข็งแรงพอที่จะพาบริษัทนี้โบยบินด้วยตัวเอง ทว่า...มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด การอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทมาพร้อมกับภาระหน้าที่ที่หนักอึ้ง กรรมการหลายคนจับตามองการทำงานของเธอ นั่นทำให้กัญญาพัชร์พยายามอย่างยิ่งที่จะเร่งพิสูจน์ฝีมือและความสามารถของตัวเองให้ทุกคนได้เห็น
เสียงลิฟต์ที่ดังบอกชั้นล่างสุดของบริษัทเรียกให้หญิงสาวในเสื้อสูทแขนยาวสีครีมตื่นจากภวังค์ กัญญาพัชร์ยิ้มหวานให้กานดาขณะพากันออกจากลิฟต์ หญิงสาวพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ค้อมศีรษะเมื่อประตูเลื่อนอัตโนมัติเปิดอ้าออก
?อย่าหักโหมมากนะคะคุณแพท จะได้มีเวลาไปหาลูกเขยให้บอสบ้าง?
?แพทไม่รีบหรอกค่ะ?
?อุ๊ย! ไม่รีบไม่ได้นะคะ คุณแพทอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว แป๊บๆ ก็สามสิบ ถึงเวลานั้นก็รถไฟขบวนสุดท้าย ไม่มีเวลาเลือกแล้ว ตอนนี้ยังมีเวลาให้มองหานะคะ?
กัญญาพัชร์เบิกตากว้างมองคนช่างแซว กานดายิ้มเอ็นดูหญิงสาวก่อนจะหัวเราะคิก
?พี่แซวเล่นนะคะ อย่างคุณแพทน่ะ ถ้าหาจริงๆ คงมีหนุ่มหล่อยื่นใบสมัครมาปกป้องเยอะแยะแน่นอนเลย?
?ไม่เอาแล้ว แพทกลับดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้นะคะพี่ดา?
?ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ?
กัญญาพัชร์รับคำพลางเดินไปยังรถยนต์สามประตูคันกะทัดรัดของตัวเอง เคลื่อนรถออกจากบริษัท ขณะที่ขับรถผ่านร้านอาหารโปรดของบิดา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจอดรถยนต์เพื่อแวะซื้อของโปรดของบิดาไปรับประทานด้วยกันที่บ้าน
เมื่อกลับขึ้นบนรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เบอร์ที่โทร.เข้ามาคือบิดา หญิงสาวกดรับพลางส่งเสียงหวานที่เธอรู้ดีว่าทำให้บิดาใจอ่อนได้เสมอ
?ค่ะคุณพ่อ ตอนนี้น้องแพทอยู่ที่ร้านกระเพาะปลาร้านโปรดคุณพ่อน่ะค่ะ เดี๋ยวเราไปทานด้วยกันนะคะ?
?พ่อทานมื้อเย็นแล้วล่ะ น้องแพทยังไม่ทานอีกเหรอลูก?
?ยังเลยค่ะ แต่แพทกินแซนด์วิชแล้ว คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ?
?งั้นพ่อจะให้แม่นิ่มอุ่นอาหารไว้รอนะ เดี๋ยวพ่อจะนั่งทานกระเพาะปลาเป็นเพื่อน?
?ได้ค่ะ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านแล้วล่ะค่ะ?
?ขับรถดีๆ นะลูก อย่าลืมเปิดไฟ แล้วก็ดูรถดีๆ ล่ะ?
?ค่า...? ลากเสียงก่อนจะวางสายจากบิดา
กัญญาพัชร์ค่อยๆ เคลื่อนรถยนต์ไปบนถนน หญิงสาวฟังเพลงจากสถานีวิทยุพลางฮัมเพลงตามอย่างสบายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นแสงไฟของรถสิบล้อที่สาดแสงมายังรถยนต์ของเธอ
เธอไม่มีเวลาคิดว่ารถใหญ่เสียหลัก หรือคนขับรถเมากันแน่ เพราะท่าทางที่พุ่งตรงเข้ามาของรถสิบล้อ ทำให้เธอต้องรีบหักพวงมาลัยหลบสิบล้อตรงหน้าอย่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์กระชั้นชิด
เอี๊ยด!
โครม!
รถเก๋งสามประตูจอดนิ่งขณะที่ด้านหน้ารถกระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่ข้างทาง รถสิบล้อชนอัดเข้ากับด้านท้ายของตัวรถยนต์ รถยนต์ที่ตามหลังมาหยุดจอด บ้างก็โทร.เรียกรถโรงพยาบาล และมูลนิธิให้มาที่เกิดเหตุ
ในกลุ่มไทยมุงที่มามุงดูอุบัติเหตุ มีร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่มายืนดูผลงานด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่รู้ว่าหญิงสาวในรถคันเล็กจะปลอดภัยหรือไม่? แต่สำหรับเขา...เขาพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า!

Chapter 1

บันลือนั่งเฝ้าบุตรสาวที่ยังไม่ได้สติด้วยความกังวล เขารีบรุดมาที่โรงพยาบาลทันทีที่ทางโรงพยาบาลโทร.ไปแจ้งข่าวให้เขาทราบ โชคดีที่ว่าถุงลมนิรภัยทำงาน กัญญาพัชร์มีเพียงรอยฟกช้ำ และสลบไปเพราะแรงกระแทก จากการเอ็กซเรย์ ไม่พบเลือดคั่ง หรือบาดแผลภายใน นับว่าเป็นโชคดี แต่ที่โชคร้ายคือทางตำรวจไม่สามารถจับกุมคนขับรถสิบล้อคนนั้นได้
?คุณท่านคะ กลับไปพักเถอะค่ะ ทางนี้เดี๋ยวนิ่มจะดูให้เอง คุณท่านเองก็ยังไม่แข็งแรงนักนะคะ?
?ฉันเหลือแค่แพทคนเดียวแล้วนะแม่นิ่ม ฉันจะไม่ยอมเสียแพทไปเด็ดขาด แพรวทิ้งแพทไว้ให้ฉันดูแล แล้วนี่อะไรกัน? แพทต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ จะให้ฉันไปบอกแพรวว่ายังไง?
?มันคืออุบัติเหตุนะคะคุณท่าน อีกอย่าง...คุณหนูเองก็ปลอดภัยดีแล้ว?
บันลือส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าจะอยู่เฝ้าบุตรสาวด้วยตัวเอง และเขาเชื่อเหลือเกินว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ใครๆ คิด ยิ่งได้ฟังจากตำรวจ เขายิ่งมั่นใจว่านี่คือการลอบฆ่าชัดๆ เขาเคยเจอแบบนี้มาก่อน ทำไมเขาจะเดาทางพวกมันไม่ออก คนที่คิดทำเรื่องแบบนี้ ในสถานการณ์ที่กำลังจะมีการประมูลการรับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรใหญ่แบบนี้ คนที่มันทำเรื่องเลวร้ายครั้งนี้มีเพียงคนเดียว ศัตรูตัวฉกาจของเขา...ภุชงค์!
เสียงเคาะประตูพร้อมร่างของชุดขาวของพยาบาลและแพทย์ประจำคนไข้เดินเข้ามาในห้อง บันลือและนิ่มหลีกให้อีกฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ก่อนจะยิ้มให้บันลือราวกับจะบอกให้วางใจ
?คนไข้ปลอดภัยดีแล้วนะครับ น่าจะรู้สึกตัวพรุ่งนี้เช้าล่ะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกพยาบาลได้เลยนะครับ แต่ถ้าไม่มีอะไร พรุ่งนี้หมอจะเข้ามาดูอาการอีกที?
?ขอบคุณมากครับ?
พยาบาลและนายแพทย์ยิ้มให้บันลือและนิ่ม ก่อนจะพากันออกไปจากห้อง นิ่มเห็นเจ้านายของตัวเองดื้อรั้นที่จะอยู่เฝ้ากัญญาพัชร์ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง ทว่าเสียงเคาะประตูห้องทำให้นิ่มรีบไปเปิดประตูทันที
?คุณสุพจน์มาค่ะคุณท่าน?
?อือ แม่นิ่มช่วยดูยัยหนูก่อนนะ?
?ค่ะคุณท่าน?
ร่างสมส่วนนั่งรอเพื่อนบนโซฟาชุดรับแขกที่แยกส่วนจากห้องพักผู้ป่วย เมื่อเห็นร่างท้วมของบันลือ เขาก็ผุดลุกขึ้นพลางตบบ่าเพื่อนรักเป็นการให้กำลังใจ ด้วยเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อด้วยกันดี ยิ่งบันลือมีลูกสาวเพียงคนเดียว เขายิ่งเข้าใจความรู้สึกดี
?ขอบใจที่อุตส่าห์มาว่ะ?
?พูดอะไรแบบนั้น เอ็งกับข้ารู้จักกันมาตั้งไม่รู้กี่สิบปี เรื่องแค่นี้เอง ว่าแต่...เกี่ยวกับไอ้ภุชงค์รึเปล่า?
?ไม่มีหลักฐาน แต่ข้ามั่นใจว่าต้องเป็นมันแน่ๆ?
?แบบนี้หลานข้าก็อยู่ในอันตรายสิวะตาบัน?
?ใช่! ถึงข้าจะห่วง จะรักแพทมากแค่ไหน แต่แพทก็ต้องดูแลบริษัทที.เค.ต่อไปให้ได้ เพราะงั้น...แพทก็ต้องเรียนรู้ว่าวงการที่ทำอยู่นี้ไม่ได้ใสสะอาดไปซะทุกคน บางคนก็เขี้ยวลากดินจนดึงขึ้นไม่ได้ง่ายๆ จะไปหัก ไปฟัน ก็มีแต่โดนเขี้ยวนั้นทิ่มแทงกลับมา ข้าอยากให้แพทโตขึ้นด้วยตัวเองจึงยอมวางมือแล้วมาคอยแนะนำให้เวลาแพทมีปัญหา แต่ข้าคงลืมไปว่าไอ้ภุชงค์ไม่ปล่อยโอกาสทองแบบนี้หลุดมือไปง่ายๆ?
?อยากใช้บริการบริษัทของข้ารึเปล่าล่ะเพื่อน ถ้าอยากให้แพทโตขึ้น มีฐานที่แข็งแรง มีปีกที่กล้าแข็งพอจะกระพือด้วยตัวเอง สู้กับพวกเขี้ยวลากดินได้ และสามารถต่อกรกับไอ้พวกเสือ สิงห์ กระทิง แรดในวงการ เอ็งอาจต้องให้คนเข้าไปช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลความปลอดภัยของลูกสาวเอ็งสักระยะ?
บันลือมองหน้าเพื่อนรักที่ถามทีเล่นทีจริง เขาเองก็เคยคิดเรื่องการจ้างบอดี้การ์ดในบริษัทที่ให้บริการบอดี้การ์ดของสุพจน์ให้ไปดูแลกัญญาพัชร์ ทว่าด้วยรู้จักนิสัยของเธอดี หากทำเช่นนั้น กัญญาพัชร์คงกังวลจนไม่เป็นอันทำงาน ดีไม่ดีจะคิดมากเสียจนระแวงไปทุกย่างก้าว เขาไม่อยากให้มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตของกัญญาพัชร์
?บอดี้การ์ดของเอ็งน่ะเหรอวะฟ้าผ่า? เลิกคิ้วถามอดีตนักมวยที่ยังยิ้มกริ่ม ?ถ้าทำแบบนั้น แพทก็จะคิดมาก กังวลจนเกินไปน่ะสิ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากหาบอดี้การ์ดที่สามารถทำงานบริหารได้ เป็นได้ทั้งบอดี้การ์ด และพนักงานบริษัท ข้าอาจจะใช้วิธีฝากเข้าไปทำงานตำแหน่งเลขาฯ แทนคุณดาได้ แล้วก็ให้คุณดาไปทำงานตำแหน่งรองประธานชั่วคราว?
?เอ็งอยากได้จริงรึเปล่าล่ะ ถ้าอยากได้ ข้าจะหาคนของข้ามาให้ เพราะถ้าเป็นฝีมือของภุชงค์จริง มันไม่หยุดแค่นี้ ข้าเอง...ก็ห่วงแพท ยังไงก็เห็นมาตั้งแต่เกิด เป็นหลานของข้าเหมือนกัน?
?ถ้าเอ็งหามาได้ ข้าจะดีใจมาก?
?เอางี้ ภายในสัปดาห์นี้ ข้าจะเลือกเด็กของข้ามาให้?
?ขอบใจมากนะพจน์?
?ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แพทเป็นยังไงบ้าง?
?มีรอยฟกช้ำดำเขียวเพราะแรงอัดจากถุงลมนิรภัย บางทีข้าก็สงสัยว่าไอ้ถุงลมนิรภัยนี่มันช่วยให้คนตายน้อยลง หรือตายมากขึ้นกันแน่วะ?
?ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เอาน่า ปลอดภัยก็ดีแล้ว ถ้างั้นข้ากลับเลยก็แล้วกัน?
?ยังไงก็ขอบใจเอ็งมากนะพจน์?
?อือ เอ็งก็ดูแลตัวเองดีๆ นะตาบัน?
?จริงสิ! ข้าวานเอ็งไปส่งแม่นิ่มที่บ้านหน่อยสิ พรุ่งนี้จะได้ให้เอาเสื้อผ้ามาให้ด้วย?
?ได้ๆ ยังไงบ้านเอ็งก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านข้าอยู่แล้ว?
?ขอบใจมาก? บันลือผละห่างจากสุพจน์ไปหานิ่ม ?นิ่มกลับไปนอนที่บ้านนะ ฉันให้สุพจน์ไปส่ง พรุ่งนี้ก็เตรียมเสื้อผ้าของฉันกับยัยหนูมาให้ด้วยก็แล้วกัน?
?ได้ค่ะคุณท่าน?
?งั้นข้าไปนะตาบัน? สุพจน์เอ่ยขณะที่นิ่มเปิดประตูห้อง
บันลือพยักหน้ารับขณะที่สุพจน์ตบบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจ บันลือเดินกลับเข้าห้อง ทอดสายตามองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงจับใจ หากสุพจน์ทำตามที่รับปาก เขาก็อาจจะเบาใจได้เปราะหนึ่ง แต่เรื่องของภุชงค์ก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ตลอดไป เขาหวังว่ากัญญาพัชร์จะตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยกำลังใจลุกขึ้นสู้อย่างที่เธอเป็นมาตลอด
ชายวัยเกือบหกสิบเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงบุตรสาว ลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างรักใคร่ กัญญาพัชร์คือบุตรสาวคนเดียวของเขา คือผลผลิตแห่งความรักระหว่างเขาและภรรยา และเป็นคนสำคัญที่ภรรยาผู้ล่วงลับได้ฝากไว้ให้เขา
?หนูจะต้องเข้มแข็ง และไม่ยอมแพ้นะน้องแพท พ่อจะอยู่เคียงข้างหนูเอง? เปรยก่อนจุมพิตหน้าผากของบุตรสาว
บันลือผละออกห่าง ไปยังโซฟานอน เขาเอนกายลงนอนขณะที่สายตายังคงทอดมองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง

สุพจน์เท้าแขนคลึงหน้าผากอย่างใช้ความคิด เขาจะให้ใครไปเป็นบอดี้การ์ดให้กับกัญญาพัชร์ คนที่จะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารธุรกิจ ต้องเข้าไปสวมรอยเป็นเลขาฯ ได้อย่างแนบเนียน ใครกันนะที่จะเหมาะสมกับงานในครั้งนี้
?ทำอะไรอยู่ครับพ่อ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว?
สุพจน์เงยหน้าจากรายชื่อในสมุดบันทึก มองบุตรชายที่เดินเข้ามาในห้องสำนักงานภายในบริษัทปกป้องคุณ เตชัสโน้มกายมองรายชื่อบอดี้การ์ดในบริษัทพลางโคลงศีรษะ
?อืม...มีงานใหม่เข้ามาเหรอครับพ่อ?
?ไม่ได้เป็นทางการหรอก แกจำตาบันเพื่อนของพ่อได้ไหมล่ะ?
?จำไม่ได้หรอก ว่าแต่...เพื่อนของพ่อทำไมเหรอ?
?ลูกสาวน่ะถูกตามฆ่า นี่ก็นอนอยู่โรงพยาบาล พ่อเลยรับปากจะหาบอดี้การ์ดไปให้?
?ก็ไม่เห็นยากนี่ คนของเราก็เยอะแยะ?
?ใช่ เยอะแยะ แต่ต้องหาคนที่เข้าไปทำหน้าที่เลขาฯ ฯ ในบริษัทที.เค.ได้แนบเนียนด้วยน่ะสิ?
?ต้องพวกจบบริหารมาสินะครับ? เอ่ยถามพลางเลิกคิ้ว?
?อือ แกคิดว่าจะมีใครอีกไหมที่ฝีมือดี คล่องตัว จบบริหาร และกำลังว่างในตอนนี้?
?คนที่ฝีมือดี คล่องตัว จบบริหาร และกำลังว่าง อ้อ! ต้องเป็นพวกกลมกลืนและแนบเนียนด้วยสินะ?
?ใช่ รู้จักรึไงเจ้าชัส?
?ผมคิดว่าพ่อมองข้ามไปนะ คนใกล้ตัวซะด้วยสิ?
?ไอ้แม็คน่ะเหรอ ไหนว่าติดงานไง?
?เห็นว่าเสร็จแล้ว จะมารายงานตัวกับพ่อวันนี้ ยกงานนี้ให้หมอนี่เลย ไม่งั้นก็ทำตัวว่างงาน คอยแกล้งคนอื่นไปทั่ว เลือกมันเลยก็แล้วกันนะพ่อ? เตชัสขยิบตาให้บิดา
ขณะที่สุพจน์และเตชัสกำลังปรึกษากันภายในห้องสำนักงาน บริเวณลานจอดรถหน้าบริษัทเสียงรถมอเตอร์ไบค์ดังขึ้นกลบเสียงพูดคุยของคนบริเวณนั้น ชายหนุ่มบนมอเตอร์ไบค์เร่งเครื่องพุ่งตรงไปยังร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรที่กำลังเดินจากลานจอดรถเข้าในอาคารบริษัทบอดี้การ์ด
มอเตอร์ไบค์หกร้อยซีซีวิ่งตรงมายังร่างของบอดี้การ์ดหนุ่ม อีกฝ่ายรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วจึงหยุดนิ่งทำให้มอเตอร์ไบค์สีดำแดงผ่านหน้าเขาไปอย่างฉิวเฉียด
?งานเสร็จแล้วเหรอแม็ค?
เมธาสิทธิ์จอดรถมอเตอร์ไบค์ยามาฮ่า รุ่น วายแซดเอฟ-อาร์6 สีดำแดงไว้ใต้หลังคาซึ่งเป็นที่จอดประจำ เขาถอดหมวดกันน็อคเต็มใบสีดำเผยให้เห็นใบหน้าทะเล้น ก่อนจะถอดเสื้อการ์ดหนังสีดำ แล้วมองไปทางเพื่อนรักที่หันมองตอบด้วยท่าทางเฉยเมย เขาก็รู้สึกเกลียดไอ้หน้าตาเหมือนหุ่นยนต์ของบดินทร์จริงๆ
?ให้ตายสิ! นี่นายจะทำตัวให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตหน่อยได้ไหม ทำตัวเป็นหุ่นยนต์อยู่ได้?
?ก็ฉันรู้อยู่แล้วนี่ นายเองก็รู้ว่าฉันรู้ มุกนี้เล่นบ่อยตั้งแต่รู้จักกันเมื่อตอนเด็กแล้วนะ?
?น่าเบื่อจริงๆ แกล้งนายนี่มันไม่สนุกเลย?
บดินทร์เลิกคิ้วก่อนจะหันตามเสียงของเตชัสที่เดินออกมาจากอาคารตรงมาที่เขาและเมธาสิทธิ์ เตชัสยื่นกำปั้นให้เมธาสิทธิ์ อีกฝ่ายยื่นกำปั้นชนกลับก่อนจะกอดคอญาติที่เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนรัก
?มีคนต้องการตัวแน่ะพี่ชาย?
?คนต้องการ? ตาแก่จอมถึกอีกล่ะสิ? เมธาสิทธิ์เอ่ยถามพลางเบ้หน้า ?รู้สึกว่านายจะปากโป้งไปบอกลุงว่าฉันเสร็จงานแล้วสินะ อุตส่าห์บอกนายจ้างว่าไม่ต้องบอกคุณสุพจน์ ที่ไหนได้ มีคนคาบข่าวมาบอกคุณสุพจน์เรียบร้อยแล้ว?
?นายไม่ให้เขาบอกพ่อ แต่เขาก็ต้องบอกฉันล่ะนะ ฉันเป็นผู้ช่วยของพ่อนะ เอาล่ะ! นายต้องไปหาพ่อแล้ว?
?เออๆ ถึงจะไม่อยากไปก็เหอะ? รับคำพลางเหวี่ยงเสื้อการ์ดขึ้นบ่า ?ยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ไปได้ ไปด้วยกันเลยบดินทร์? เมธาสิทธิ์กอดคอบดินทร์ให้เดินไปด้วยกัน
บดินทร์เลิกคิ้ว ทำไมเขาจะต้องไปด้วยเล่า? สุพจน์ไม่ได้เรียกเขาด้วยสักนิด เขาตั้งท่าจะแยกไปทางโรงยิมทว่ากลับถูกคนที่สูงกว่าลากเข้าห้องสำนักงานอย่างไม่ถามความเห็น
?ว่าไงตาแก่ เรียกผมมามีอะไร?
?ทำไมลูกค้าไม่โทร.มาแจ้งฉันว่าแกทำงานเสร็จแล้วน่ะเจ้าแม็ค?
?ก็ผมขอไว้ แต่ลูกค้าก็ยังโทร.มาบอกไอ้ชัสอยู่ดี ลุงก็แค่แก่เกินจนหูตาฝ้าฟาง ไม่รับรู้อะไรก็เท่านั้นเอง? คนพูดกอดอกนั่งบนโซฟาตัวยาวอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับสายตาเอาเรื่องของคนเป็นลุง
สุพจน์ทอดถอนใจ เขายอมรับในฝีมือของเมธาสิทธิ์ เชื่อในความสามารถของหลานชาย...บุตรชายคนเดียวของน้องสาวต่างมารดาที่ใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ประเทศอังกฤษ แม้เมธาสิทธิ์จะมีความสามารถมากมาย เก่งกาจทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป้องกันตัว หรือการเอาตัวรอด มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การเป็นบอดี้การ์ด ทว่าไอ้นิสัยสบายจนเกินไป ไม่ค่อยสนใจอะไรแบบนี้ มันทำให้เขาไม่แน่ใจในความคิดของเตชัสที่จะส่งพ่อหลานชายตัวแสบไปทำหน้าที่ดูแลกัญญาพัชร์
?มองผมแบบนี้ คงไม่ได้หมายความว่าวางแผนอะไรกับไอ้ชัส โยนงานให้ผมอีกแล้วใช่ไหม นี่ผมทำงานมาติดกันสามงานแล้วนะลุง ให้ผมพักสักสองสามวัน มันจะมีคนตายขึ้นมารึเปล่าครับเนี่ย นี่ผมไม่ได้พักเลยนะ ทำไมไม่ให้ไอ้หุ่นยนต์ทำบ้างล่ะ เห็นมันว่างซะเหลือเกิน?
?ฉันเพิ่งเสร็จงาน นายอย่ามาหาเรื่องดีกว่า? บดินทร์เหลือบมองเพื่อนรักด้วยสายตาเรียบเฉยราวกับระอาเต็มที
?แต่ไม่มีใครเหมาะกับงานนี้เท่าแกนะเจ้าแม็ค?
?นี่ผมสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย แหม! รู้สึกเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ขึ้นมาทันทีเลย? เอ่ยอย่างประชดพลางเขี่ยหูด้วยใบหน้ากวนประสาท
?เธอยังนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ฉันเลยยิ่งต้องรีบหาคนไปคุ้มกันไง พ่อของเธอสนิทกับฉัน เพราะงั้น...ในฐานะที่แกเป็นหลานชายของฉัน แกก็ต้องรับงานนี้ไปซะดีๆ?
?เธอ? ผู้หญิงสินะ รู้แล้วว่าทำไมไอ้บดินทร์ถึงรับงานนี้ไม่ได้ ก็เพราะเป็นผู้หญิง ไอ้หุ่นยนต์นี่เลยเป็นแค่เศษเหล็ก แค่อกหักครั้งเดียวในหน้าที่ ถึงกับปกป้องผู้หญิงไม่ได้ ได้ขึ้นคาน ไม่ก็บวชพระ นี่นายไม่ได้เป็นขันทีใช่ไหมไอ้บดินทร์? เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิด
?ไอ้ปากคมๆ แบบนี้ของนายไม่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้หรอก ฉันบอกไปแล้วว่าจะไม่รับงานที่ต้องคุ้มครองผู้หญิง?
?เรื่องหญิงชายไม่ใช่ประเด็นหรอกแม็ค เรื่องที่สำคัญคือพ่อของเธอต้องการคนที่เข้าไปดูแลเธอได้อย่างใกล้ชิด และทำได้มากกว่าการเป็นบอดี้การ์ด? เตชัสพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานของบิดามองหน้าญาติผู้พี่ด้วยสายตาจริงจัง
?มากกว่าบอดี้การ์ด? นี่ไม่ได้ให้ฉันไปแปลงร่างเป็นขบวนการห้าสีอะไรหรอกนะ?
?ไม่ขนาดนั้น เขาต้องการคนที่เข้าไปทำงานออฟฟิศได้ สามารถแฝงตัวทำงานเป็นเลขาฯ ได้อย่างแนบเนียนที่สุด แล้วคนที่ลูกเล่นเยอะแบบพี่ชายของฉันก็เหมาะสุดๆ เพราะงั้นนายก็รับงานนี้เถอะ?
?โยนกันดื้อๆ ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากยุ่งกับงานบริหาร ไม่ว่าจะแค่หน้าที่หรืออะไรก็ตาม?
?สโลแกนของบริษัทปกป้องคุณของเราคืออะไร แกจำได้รึเปล่าเจ้าแม็ค? สุพจน์เอ่ยถามพลางหรี่ตา
?จำได้สิ ผมเห็นมันแปะอยู่ในบริษัทนี้มาตั้งแต่เด็กนะลุง ?เพื่อความปลอดภัยของคุณ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน คุณขอมา เราจัดให้? หึ!? เอ่ยเสียงเนิบๆ ก่อนยื่นปากใส่สุพจน์ ?ผมจำได้น่า แต่ลุงก็รู้ว่าผมไม่อยากเข้าไปนั่งในบริษัท?
?งั้นแกก็เลือกเอาว่าจะไปทำงานนี้ หรือจะกลับไปดูแลบริษัท ที่พ่อของแกอยากให้แกเข้าไปดูแลสักที?
?เหอะ! ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ ทีบดินทร์ยังตั้งเงื่อนไขได้เลยว่าไม่เอาผู้หญิง ผมก็ขอตั้งเงื่อนไขบ้างสิว่าผมไม่รับงานที่ต้องไปนั่งทำงานบริหาร แล้วทำไมไม่ให้ผมเข้าไปในฐานะบอดี้การ์ดล่ะ?
?พ่อของเธอไม่ต้องการให้ลูกสาวรู้ว่ามีอันตรายเกิดขึ้น เพราะไม่มีหลักฐานว่าคนทำคือศัตรูทางธุรกิจ อีกอย่าง...ลูกสาวของเขาก็เพิ่งขึ้นตำแหน่งประธานบริษัท ผู้หญิงอายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี ต้องขึ้นเป็นประธานบริษัท มันคงไม่ง่ายกว่าเธอจะเข้าใจว่าธุรกิจมันไม่ได้ใสสะอาดเสมอไป?
เมธาสิทธิ์ขมวดคิ้วมุ่น เขาก็เข้าใจที่สุพจน์พูด แต่เขาต้องการเวลาพักผ่อนบ้าง นี่เขาทำงานติดกันโดยไม่มีวันพักมาเกินครึ่งปีแล้ว เขาอยากจะพักแทบขาดใจตาย
?เลือกได้รึยังว่าจะรับงาน หรือกลับไปเป็นบอสที่บริษัทคีรี จิวเวลรี่?
สุพจน์เอ่ยถามพลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะ เป็นสัญญาณบอกว่าความอดทนกำลังจะสิ้นสุด หากเมธาสิทธิ์ยังมัวยอกย้อน เลี่ยงโน่นเลี่ยงนี่ เขาอาจต้องไปนั่งแท่นเป็นประธานบริษัท งานประจำที่ซ้ำซาก หาความตื่นเต้นไม่ได้แน่ๆ เมธาสิทธิ์กลอกตาไปมาอย่างระอา เขารู้จักสุพจน์ดีเกินกว่าจะเล่นลิ้นในอารมณ์เคร่งเครียดของคนเป็นลุง
?ก็ได้ๆ ต้องเข้าไปรับงานเมื่อไหร่ล่ะ?
?เดี๋ยวฉันจะบอกแกอีกที ในเมื่ออยากขอพักสองสามวัน ก็พักซะ แล้วฉันจะเรียกมาให้เจอกับลูกค้า?
?เหอะ! อารมณ์เป็นฟ้าผ่าจริงๆ? เมธาสิทธิ์บ่นให้สุพจน์ได้ยิน
?บ่นอะไรตาแม็ค?
?ไม่มีอะไรนี่ครับ? แกล้งยักไหล่ก่อนจะผุดลุก ?ไปเจอกันที่ยิมหน่อยสิฟ้าผ่า หมัดประชิด?
คนถูกท้าทายมองหน้าหลานชายที่ยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ เมธาสิทธิ์ไม่ต่างจากเมื่อก่อนสักนิด ชอบท้าดวลเขาชกมวยอยู่เสมอ แม้จะรู้ว่าท้ายที่สุดก็ต้องแพ้ต่อเขาที่เคยเป็นอดีตนักมวย ซึ่งมีฉายาว่า ?ฟ้าผ่า หมัดประชิด? แต่เมธาสิทธิ์ไม่เคยยอมแพ้ ทุกครั้งที่ว่างเป็นต้องหาเรื่องท้าดวลได้ทุกที
?ผมจะไปรอที่เวทีมวยในยิมนะตาแก่ อย่ามัวแต่อืดอาดล่ะพ่อนักมวย? ยักคิ้วหลิ่วตาให้สุพจน์
สุพจน์เพียงพยักหน้าก่อนโบกมือไล่หลานชายตัวแสบให้ไปรอที่ห้องยิม เตชัสหัวเราะร่าเมื่อคล้อยหลังญาติผู้พี่ บดินทร์โคลงศีรษะ คราแรกนึกสงสัยท่าทีของสองพ่อลูก แต่ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจความคิดของคู่นี้ซะแล้ว
?ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่บดินทร์ พี่ก็น่าจะรู้นี่ว่าผมกับไอ้พี่ชายตัวแสบน่ะเป็นไง อีกอย่าง...พี่บดินทร์เองก็ถูกพี่แม็คแกล้งบ่อยๆ งานนี้จะได้เขี่ยออกไปจากบริษัทปกป้องคุณซะที?
?หมอนั่นไม่ยอมกลับไปบริหารบริษัทอัญมณีนั่นหรอก ไม่งั้นก็ไปทำนานแล้ว? บดินทร์ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาที่เมธาสิทธิ์เพิ่งลุกออกไปเมื่อครู่
?พ่อจะโทร.ไปบอกตาบันเรื่องบอดี้การ์ด แล้วไปจัดการตาแม็ค?
?ครับพ่อ?
สุพจน์พาตัวเองออกจากห้องสำนักงาน ปล่อยให้บุตรชายพูดคุยกับบดินทร์ที่มีท่าทีสงสัย เขาตั้งใจอยู่นานแล้ว พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หลานชายตัวแสบกลับไปทำงานของตัวเองสักที น้องเขยของเขา...แทน มีหน้าที่ดูแลธุรกิจอัญมณีในสาขาประเทศอังกฤษ โดยมีสาขาในประเทศไทยเป็นสาขาใหญ่ เดิมทีนั้นคนที่ดูแลคือพี่ชายของแทน ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว นั่นทำให้แทนตัดสินใจส่งบุตรชายเพียงคนเดียวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานบริษัทในประเทศไทยเพื่อให้เมธาสิทธิ์ดูแลบริษัทนี้ได้ ทว่าเจ้าตัวกลับมองว่าเป็นเรื่องไม่น่าตื่นเต้น ไม่สนุก จึงขอให้สุพจน์ช่วยดูแลและบริหารให้ชั่วคราว
แม้จะให้สุพจน์ดูแล แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาเองก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของเมธาสิทธิ์เท่านั้น เจ้าตัวเป็นคนตรวจสอบ อนุมัติ และเป็นห่วงธุรกิจของครอบครัวอยู่เสมอ แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากทำ แต่เขาก็ไม่เคยไร้ความรับผิด ไม่เคยทิ้งงานของครอบครัวสักครั้ง



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำสั่งฟ้าผ่าแลกกับการไม่ต้องนั่งเป็นประธานบริษัท ทำให้ ?เมธาสิทธิ์? ลังเลแต่เขาก็เลือกไปเป็นบอดี้การ์ด แม้จะต้องทำตัวให้เนียนว่าตัวเองมาเป็นเพียงเลขานุการก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นงานที่เขาเต็มใจเมื่อได้มาเจอกับ ?กัญญาพัชร์? เจ้านายสาวที่ดูอ่อนโยนบอบบางแต่แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงเก่งที่หาตัวจับยาก กัญญาพัชร์เองก็รู้ดีว่าหล่อนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากคนไม่ซื่อ แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าบิดาจะสรรหาเลขาฯ ผู้ชายมาให้ ในขณะที่เมธาสิทธิ์ต้องบังคับใจตัวเองไม่ให้หลงรักเจ้านายสาวคนสวย กัญญาพัชร์เองก็ได้แต่ปรามหัวใจตัวเองเช่นกันที่จะไม่มองเลขาฯ หนุ่มด้วยความเสน่หา

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”