New Release BLY : TIMELESS รักนี้กาลเวลามิอาจกั้น

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY : TIMELESS รักนี้กาลเวลามิอาจกั้น

โพสต์ โดย Gals »

Prologue

พวกคุณรู้สึกมั้ยว่าชีวิตเป็นเรื่องน่าเบื่อ ตื่นมาอาบน้ำแปรงฟัน ไปเรียน ไปทำงาน เจอการจราจรติดขัด แล้วก็กลับมาบ้าน อาบน้ำ ดูละคร เล่นเน็ต แล้วก็เข้านอน ชีวิตผมก็ไม่ต่างจากพวกคุณนั่นแหละ อาจจะพิเศษกว่าหน่อยตรงที่บ้านผมไม่ใช่คนธรรมดา
จะบอกว่าไม่ธรรมดาก็เว่อร์เกินจริงไปสักหน่อย เอาเป็นว่าบ้านผม...บ้ากว่าบ้านอื่นเท่านั้นเอง
ส่วนบ้ายังไงน่ะหรือ...ก็อย่างเช่น...
?เจ้าฟรานซิสสสสสสสสสสสส?
เช้าวันพุธ (ซึ่งก็เหมือนเช้าวันอื่นๆ) ที่ผม ฟรานซิส ฟอร์ซีลเดินลงมาจากชั้นล่าง เสียงโหวกเหวกโวยวายของลุงก็ดังลั่น ให้ต้องเอานิ้วอุดหู เบ้ปาก สงสัยว่าแกคงมีอะไรใหม่ๆ ให้ผมดูอีกนั่นแหละ
?คร้าบๆ ลุงมีอะไรครับ เครื่องล้างหน้าอัตโนมัติหรือนาฬิกาปลุกจานบิน ถ้าไม่มีอะไรใหม่ๆ ฟรานจะกินข้าวแล้วไปมหาวิทยาลัยแล้วนะ? ผมตะโกนลงไปที่ชั้นใต้ดินของบ้านซึ่งเป็นที่ทำงานของลุงและอาผม
อ้อ ผมลืมบอกไปว่าผมเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายตั้งแต่อายุยังไม่ถึงขวบ ลุงกับอาก็เลยรับผมมาเลี้ยง ซึ่งมันก็โอเคนะ ชีวิตไม่ได้ขาดอะไร เพราะญาติผู้ใหญ่ทั้งคู่ก็รักผมดี มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่ผมขัดใจ๊ขัดใจ
?ลงมาดูผลงานชิ้นโบแดงของลุงกับอามา!?
แล้วอาของผมก็ตะโกนลั่น ให้ผมต้องกลอกตาไปมา วางกระทะที่หากเจ้าไข่ดาวบนนั้นยิ้มได้ มันคงฉีกยิ้มสยองขวัญให้ผมแล้วบอกว่า เตรียมตัวเจอเรื่องสั่นประสาทเรื่องที่เจ็ดร้อยสาม เอ๊ะ หรือเจ็ดร้อยสี่ได้เลย
ผมเดินลงมายังชั้นใต้ดินที่ไม่ได้เป็นอย่างบ้านผีสิงหรือกำแพงอิฐติดคบไฟแน่ๆ หากแต่เป็นทางเดินยาวสีขาวสะอาดตาคล้ายโรงพยาบาล ติดหลอดไฟไฮเทคที่เดินผ่านมันก็ส่องสว่างทั้งจากเพดานและใต้เท้า แถมพอเข้ามายังห้องใหญ่สุดก็พบห้องทดลองขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ครบครัน
ผมบอกหรือยังว่าบ้านผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ทั้งบ้าน...เออ ยกเว้นพ่อผมที่ตายไปแล้ว
?ว่าไงครับ ฟรานจะรีบไปเรียนนะ?
?เรื่องนี้สำคัญต่อมวลมนุษยชาติมากกว่าการไปเรียนของแกเยอะนะเจ้าฟราน!? ลุงผมหันร่างท้วมๆ ในเสื้อกาวน์มามอง ก่อนที่สายตาแกจะมาหยุดที่หัวผม จนนึกขึ้นได้ว่าผมไม่ได้ใส่หมวกลงมา
?เห็นสีหัวแกแต่ละที ลุงล่ะปวดหัว คิดได้ยังไงทำสีชมพู ไม่กลัวเด็ก...?
?...กลัวเด็กคว้าผิดนึกว่าลูกกวาดตามร้านขายขนมหรือไง ครับๆๆๆๆ ฟรานรู้ครับว่าลุงไม่ชอบ แต่ฟรานชอบสีนี้ มันเข้ากับสีตาฟรานจะตาย เห็นมะ หัวสีชมพู ตาสีฟ้า เด่นสะดุดตาชนิดอยู่หัวขบวนรถไฟ ท้ายขบวนยังเห็นเลย? ผมแทรกขึ้นมาทันที แล้วก็บอกเหตุผลเป็นรอบที่สามสิบหลังเปลี่ยนจากสีบลอนด์เขียวมาทำสีนี้
?แล้วลุงมีไรอะ?
พอเห็นลุงแกจะอ้าปากด่าต่อ ผมก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที หันไปมองอาที่กำลังก้มๆ เงยๆ กับเก้าอี้รูปทรงประหลาดแล้วก็อยากถอนหายใจ
คงเป็นเก้าอี้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอะไรอีกล่ะมั้ง
เออ แล้วผมบอกหรือยังว่าลุงร่างท้วมหัวล้านของผม กับอาแว่นผอมเพรียวที่ไม่มีปากมีเสียงน่ะ จริงๆ เป็นนักผลิตและออกแบบให้กับบริษัทชั้นนำของเมืองนี้เชียวนะ เพียงแต่ผมคิดว่าพวกท่านคงไม่ชอบงานมั้ง เพราะมีงานอดิเรกชอบประดิษฐ์อะไรประหลาดๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ต้องย้ายห้องทำงานจากชั้นบนมาชั้นใต้ดิน...พอดีเพื่อนบ้านเขาแจ้งตำรวจเวลามีเสียงระเบิดแบบหาสาเหตุไม่ได้น่ะครับ
?นี่เลยๆๆๆ แถ่นแทนแท้นนนนนนน! งานประดิษฐ์ชิ้นใหม่ของพวกเรา ขอตั้งชื่อว่า...เก้าอี้ย้อนเวลาอภิมหามโหฬารงานสร้าง!!!?
ฟึ่บ...ฟึ่บ
พวกคุณเข้าใจผมมั้ยครับ การต้องยืนอึ้งรับประทาน มองลุงกำลังผายมือไปยังเก้าอี้ เอิ่ม...ธรรมดา โดยมีอากำลังโปรยกระดาษสีรุ้งตามงานรื่นเริงให้ ผมอยากจะว้ากใส่ว่าใครเป็นคนเก็บกวาดวะ แล้วผมก็...
?อืม ขอให้โชคดีกับเก้าอี้ย้อนเวลา อะไรนะ...อภิมหา...?
?อภิมหามโหฬารงานสร้าง!?
?ครับๆ เก้าอี้ย้อนเวลาอภิมหามโหฬารงานสร้าง...งั้นฟรานไปเรียนก่อนนะ?
คิดว่าปฏิกิริยาของผมจะเป็นยังไงน่ะหรือ ก็รับคำด้วยเสียงเนือยๆ แล้วหมุนตัวหันหลังเตรียมเดินกลับขึ้นชั้นบน
หมับ!
?อ๊ากกกกก ลุงดึงหัวฟรานได้ไง!!!?
?แกจะไปไหน! ไปทดลองนั่งเดี๋ยวนี้!?
?หา! ไม่เอาโว้ย ไม่เอาเด็ดขาด หนก่อนก็บอกว่าเครื่องแปรงฟันอัตโนมัติ ทำเอาเกือบจะถูกมันถอนฟันหมดปาก หนก่อนโน้นก็บอกว่านาฬิกาปลุกจานบิน มันเอาจานมาไล่ฟาดหัวฟรานจนแทบหัวแตก หนก่อนๆ ก็เจอเก้าอี้สารพัดนึกที่ระเบิดตู้มกลางห้องทำงาน ไม่เอาแล้วเว้ย ฟรานจะไปเรียน!!?
ผมดิ้นรนสุดความสามารถเมื่อลุงคว้าหัวผมเอาไว้แน่น แล้วพอไม่ยอม เจ้าตัวยังใช้สองแขนกอดเอวผมอีก
?แกจะไม่ช่วยเราจริงๆ หรือ เจ้าฟราน เจ้าหนูฟราน เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นะ...?
?ไม่โว้ย! ก้าวนงก้าวหน้าอะไร ฟรานไม่เกี่ยว ฟรานจะไปเรียน!?
?งั้นเงินค่าเข้าค่ายเทอมหน้าก็ไม่ต้องเอา?
กึก!
?ดีมากเจ้าน้องชาย ใช่ๆๆๆ ถ้าแกไม่นั่ง เงินก็ไม่ต้องเอา!?
ผมนิ่งไปทันทีเมื่ออาสุดที่รักโพล่งขึ้นมา ทั้งยังยิ้มหวานประหนึ่งเป็นนางงามจักรวาล ทำให้ผมต้องก้าวดุ่มๆ กลับไปแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อภิๆ อะไรสักอย่างนั่น สองมือกอดอกแน่น
?แค่นั่งนะ!?
?เออๆ แกต้องใส่นาฬิกาเรือนนี้ไปด้วย จะได้กลับมาได้?
นาฬิกาสภาพไม่ต่างจากกระดาษแข็งแปะด้วยวัตถุกลมๆ ดูไม่น่าไว้ใจซะยิ่งกว่าเก้าอี้ตัวนี้ คิดหรือว่าผมจะใส่อะไรให้เสี่ยงตายกว่าเดิม ผมก็เลยเขี่ยๆ ไว้ที่ด้านหลังเก้าอี้ มองสองคนที่กำลังเดินถอยหลังไป โดยที่ในมือของลุงยังถือเครื่องที่มีปุ่มกดอยู่
?เอาล่ะ พอลุงกดปุ่มนี้แกจะย้อนไปในอดีตนะ ไม่ต้องกลัว มันตั้งค่าไว้ว่าจะพาแกไปแค่สองชั่วโมง แล้วก็พาแกกลับ พร้อมมั้ย?
?เชิญเลยครับ?
ประสบการณ์ยี่สิบปีบอกผมว่า อะไรก็ตามที่สองคนนี้สร้างในบ้าน มันมักจะจบลงด้วยการกลายเป็นเศษขยะให้รถขยะมาเก็บในเช้าวันถัดมาเสมอ
?เอาล่ะ กดล่ะนะ!?
ปิ๊บ!
?.....?
?.....?
?.....?
โอเค ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นขยะชิ้นใหญ่ให้คนขับรถขยะมาบ่นกับผมอีกแน่
?ทำมายยยย!!! ทำไมมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น!?
ลุงผมถึงขั้นร้องโหยหวนเมื่อทุกอย่างนิ่งสนิท ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมยังนั่งกอดอกถอนหายใจ คิดอยู่เลยว่าไข่ดาวของผมคงกำลังรอว่าเมื่อไหร่ผมจะเอามันลงจากกระทะสักที
?หรือว่ากระแสไฟไม่พอ หรือลืมเสียบปลั๊ก หรืออะไร!!?
อาผมเริ่มสติแตกอีกคน หันขวับไปมองมุมห้องที่มีสายไฟระโยงระยางชนิดไม่รู้เหมือนกันว่าเสียบอะไรบ้าง จนผมจะลุกขึ้น ในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังวุ่นวายกับงานทดลองของตัวเอง
ฟึ่บ
ปิ๊บๆๆ
แวบบบบ
แต่แล้ว...เพียงแค่อาไปกระแทกโดนอะไรไม่รู้ ตัวของผมที่กำลังจะลุกขึ้นก็ถูกแรงมหาศาลกระชากให้ล้มตัวลงนั่งกับเก้าอี้อีกครั้ง เสียงปิ๊บดังเบาๆ ในหัว แล้วผมก็เห็นแสงสว่างเจิดจ้าวาบเข้ามาในดวงตา ผมพยายามกรีดเสียงร้องเรียกคนทั้งคู่ แต่ภาพที่เห็นกลับมีเพียงแผ่นหลังของทั้งสองที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
ไม่จริง งานพังๆ มันใช้งานได้จริงๆ หรือ ผมกำลังจะไปไหน กำลังย้อนไปอดีตหรือ แล้วผมจะย้อนไปนานแค่ไหน...ไม่จริง...ต้องเป็นเรื่องผิดพลาด
?ไม่เจงงงงงงงงงงงงงงงงงงง?
แวบ!
ผมถึงกับเบิกตากว้างเมื่อแสงสว่างวาบเข้ามาในดวงตาอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังยืนอยู่ แต่เพียงสายตาเริ่มปรับโฟกัสได้ว่าอะไรอยู่ข้างหน้าผมก็ได้ยินเสียงนี้
ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
เสียงแตรดังลั่นทำให้ผมหันขวับไปมองตามเสียง แล้วภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก็คือรถยนต์สีดำคันใหญ่ที่กำลังแล่นตรงมาหาผม แบบที่คนขับมองด้วยท่าทางตกใจสุดขีด แต่ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว...
แม้ชีวิตผมจะน่าเบื่อ ต้องคอยเก็บกวาดงานพังๆ ของลุงกับอา แต่ผมก็รักความน่าเบื่อของผมนะ ไม่อยากรู้เลยว่าทันทีที่ผมลืมตาตื่น ความน่าเบื่อจะไม่อยู่ในความคิดผมอีกต่อไป...

Chapter 1

?ดีนะครับที่บอสเบรกทัน?
?ก็เกือบแล้วเหมือนกัน?
?คงวิ่งตัดหน้ารถน่ะครับ แล้วบอสจะให้ผมทำยังไงกับเขาดี...?
น่ารำคาญชะมัด คนจะหลับจะนอน ลุงก็ไม่รู้จักปิดทีวีเองซะบ้าง ดูละครเสียงดังลั่นบ้านอีกแล้ว
?อืม น่ารำคาญน่า?
กึก
บทสนทนาหยุดลงทันที เมื่อคนที่นอนอยู่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงต้นคอ ซุกหน้าเข้าหาหมอน ทั้งยังพลิกตัวไปอีกทาง และนั่นก็ทำให้หนึ่งในสองคนที่คุยกันอยู่ขยับมาข้างเตียง ถามด้วยเสียงเป็นการเป็นงานเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยเป๊ะๆ
?รู้สึกตัวแล้วใช่มั้ย?
พูดบ้าอะไรของมันวะ นอนอยู่จะให้รู้สึกอะไรเล่า!
คนที่ยังคงนอนอุตุบอกกับตัวเอง อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมโทรทัศน์มันคุยโต้ตอบได้หว่า อีกทั้งเสียงของลุงกับอาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้
เดี๋ยวนะ ลุงกับอา...ล่าสุด...เก้าอี้...ย้อนเวลา...รถชน...
พรึ่บ!
?อ๊ากกกกกกกกกกกกก รถจะชน รถจะชนแล้วววว!!!?
จู่ๆ คนที่นึกขึ้นได้ว่าเห็นอะไรเป็นอย่างสุดท้ายก็เด้งตัวขึ้นจากเตียง แหกปากร้องลั่น ดึงผ้าห่มที่ตกลงขึ้นมาปิดหน้าอก ดวงตาเหลือกลาน หันซ้ายหันขวาเหมือนหาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ท่าทางคล้ายคนสติไม่สมประกอบนั่นทำให้ผู้ชายคนหนึ่งในห้องก้าวถอยหลัง แต่แล้วคนที่เอ่ยถามในตอนแรกก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
?คุณยังไม่ถูกชน ตอนนี้คุณอยู่โรงพยาบาล?
กึก
ขวับ
สิ้นเสียงห้าวลึก ฟรานซิสก็ชะงักไปทันที แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัวก่อนจะพบชายหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ
?คุณเป็นคนที่ชนผม!!!?
เขาว่ากันว่า เสี้ยววินาทีแห่งความตาย คนเราจะย้อนระลึกถึงความหลัง แต่สำหรับฟรานซิสแล้ว เขาจดจำวินาทีนั้นได้แม่นยำ ขนาดจำได้ว่าผู้ชายสวมสูทตรงหน้าคือคนสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะหมดสติไป
ผู้ชายที่เอ่อ...ดูดี...ไปนะ
ฟรานซิสคิดพลางมองคนที่โน้มตัวลงมาเหนือเตียงอย่างอึ้งๆ เมื่อผู้ชายคนที่ขับรถชนเขามีใบหน้าหล่อชวนตะลึง ด้วยดวงตาคมกริบที่หางตาชี้ขึ้นนิดๆ คิ้วเข้มคมดุ จมูกเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสนิทราวกับรัตติกาล ไหนจะร่างสูงสง่าที่สวมสูทครบชุด ทั้งกั๊กสูท เนคไท และเสื้อสูทตัวหรูเผยให้เห็นช่วงไหล่ผึ่งผาย แลดูมีอำนาจเสียจนอดจะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้
คือหล่อครับ...และแบบ...ใกล้ไปแล้วครับ
?ต้องบอกว่าเกือบจะชนต่างหาก แล้วคุณเสียสติหรือไงถึงกระโดดมาขวางหน้ารถผม?
พูดปุ๊บความหล่อหายไปซะเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
?เสียสติบ้าอะไรล่ะ! คนที่ไหนจะวิ่งไปขวางหน้ารถถ้าไม่อยากตาย แล้วบอกไว้เลยนะว่าผมไม่อยากตาย ผมไม่ได้กระโดดไปขวางหน้ารถคุณโว้ย!!!?
คนอย่างฟรานซิสไม่ให้ด่าฟรีฝ่ายเดียวแน่ เขาก็เลยว้ากใส่ซะเลย ซึ่งทำให้อีกฝ่ายกลับไปยืนตัวตรง ยกมือกอดอก แล้วถามเสียงขรึม
?แล้วคุณมาขวางหน้ารถผมทำไม?
?ใครขวะ...?
เดี๋ยวนะ เออ ทำไมเราไปขวางหน้ารถเขา...ใช่! ย้อนเวลา ย้อนเวลาไง!
ฟรานซิสหันมองซ้ายขวาทันทีราวกับจะยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเป็นเรื่องผิด หากแต่ห้องพักฟื้นที่มองก็รู้ว่าเป็นโรงพยาบาลนี่ทำให้เขาอึ้งไป แทบจะโผเข้าไปหาไอ้ของโบราณที่มีอยู่หลายชิ้นในห้องจนดูราวกับห้องแสดงโชว์ผลงานในอดีต
นี่อะไร เตียงคนป่วยที่น่าจะมีแผงจอไว้สำหรับควบคุมกลับมีเพียงปุ่มกดแบบธรรมดาๆ ไหนจะผ้าม่านที่ยังเป็นแบบแมนนวลคือใช้มือดึงเชือกเพื่อรูดเปิดปิดแทนที่จะเป็นระบบเซ็นเซอร์ที่เพียงแค่วาดมือผ่านก็สามารถเปิดปิดได้
ไม่จริง! นี่มันห้องพักฟื้นหรือพิพิธภัณฑ์โชว์ของเก่าเมื่อหลายสิบปีก่อน!
ชายหนุ่มเจ้าของผมสีชมพูสวยคิดพลางพุ่งสายตาไปยังหัวเตียงเพื่อหาจอมัลติทัชที่ไว้สำหรับติดต่อกับพยาบาล แต่กลับพบเพียงปุ่มกดเรียกพยาบาลเพียงปุ่มเดียว เขาลูบๆ คลำๆ มันด้วยความตกใจ มั่นใจว่าแม้ยี่สิบปีที่ผ่านมาจะไม่เคยไปนอนโรงพยาบาลเล่นให้เสียเงิน แต่โรงพยาบาลในความทรงจำเขาไม่ได้มีสภาพแบบของเก่าแบบนี้แน่
ท่าทางของคนบนเตียงทำให้ผู้ชายในห้องอีกสองคนมองด้วยแววตาแปลกๆ
หมับ!
?คุณ คู้ณณณณณณ บอกผม บอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่!?
แต่แล้วคนที่กำลังสติแตกก็พุ่งเข้ามากระชากเสื้อสูทชายหนุ่มผมดำเอาไว้ ดวงตาปริ่มน้ำราวกับจะร้องไห้ ให้คนต้องตอบขมวดคิ้วแต่ก็ยอมบอกเรียบๆ
?15 กรกฎาคม?
?ขอบคุณพระเจ้า! นี่มันต้องเป็นเรื่องตลกเรื่องที่เจ็ดร้อยห้าของลุงแน่ๆ ฟรานซิส แกยังอยู่วันเดิม?
คำตอบนั้นทำให้คนฟังถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทรุดนั่งอย่างหมดแรง แต่เพื่อความชัวร์ สองมือยังขยุ้มเสื้อสูทแน่นแล้วถามต่อ
?คุณอย่าหาว่าบ้าเลยนะ คือ...นี่ปีที่เท่าไหร่...หรือครับ?
?สองพัน...?
อ่า ใช่เลยๆ ยังอยู่ปีสองพัน
?...หนึ่งร้อย...?
อ่า เป๊ะๆ ยังถูกๆ
?...เก้า...?
ใช่ ร้อยยี่สิบเก้า...
?เฮ้ย คุณบอกว่า 2129 ใช่มั้ย!!!?
?ผมบอกว่า 2109?
คนที่กำลังเขย่าคอคนตอบถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาสีฟ้าเบิกโต สองมือที่จับเสื้อเอาไว้แน่นหล่นผล็อยลงบนตัก เนื้อตัวสั่นพั่บๆ ปากเริ่มสั่นระริก น้ำตาเริ่มปริ่มขอบตา
โกหก ไม่จริง ยะ...ยี่สิบปี...ไม่ๆ ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ ใช่ ล้อกันเล่น...
?บอสครับ เอาไงดีครับ?
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับมากระซิบเจ้านายทันที มองเด็กหนุ่มที่กำลังตาลอยดูแล้วไม่ไว้วางใจ คิดว่าน่าจะเป็นคนบ้าหนีออกมาจากโรงพยาบาล และนั่นก็ทำให้คนเป็นเจ้านายจะอ้าปากตอบ ถ้าไม่ใช่เพราะ...
?อ๊ากกกกกกกกกกกก ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!?
เด็กหนุ่มบนเตียงร้องออกมาเสียงดังลั่น...
เสียงโวยวายนั่นทำให้เรย์ แมคลาสเกือบจะตวาดด้วยความหงุดหงิดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ...คนบนเตียงกำลังปล่อยน้ำตาร่วงลงมาจากดวงตาทั้งสองข้างหยดแล้วหยดเล่า
ภาพของเด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าขาวนวลเนียนที่เรียกว่าน่ามอง ไหนจะเส้นผมสีแปลกตาอย่างชมพูหวาน แล้วพอลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นก็มีเสน่ห์น่าค้นหา หากแต่เมื่อมันกำลังปล่อยน้ำใสลงมา เขาก็...ใจอ่อน
?คุณเป็นอะไร ใจเย็นๆ? เรย์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง มองคนสติแตกที่แหกปากร้องไห้เหมือนเด็กๆ และนั่นก็ทำให้ฟรานซิสยิ่งสะอื้นฮัก เงยหน้าขึ้นมาบอกอย่างมีความหวัง
?คุณ...ฮึก...ผมมาจาก...อนาคต...ฮือ ยี่สิบปี...ข้างหน้า...ผมจะ...กลับบ้าน...กลับบ้านอ่าาา?
คำตอบพร้อมกับสองมือที่กลับมากำชายเสื้อสูทอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจ แล้วหันกลับมามองเลขาฯ คนสนิทอย่างยูจิด้วยแววตาหนักใจ ก่อนที่จะบอกกับอีกฝ่าย
?ท่าทางจะเป็นอย่างที่หมอบอก แรงกระทบกระเทือนอาจจะทำให้สมองบางส่วนผิดปกติ?
?โฮฮฮฮฮฮ ผมไม่ได้บ้านะ ผมเปล่านะ!!!?
คำที่ได้ยินทำเอาฟรานซิสยิ่งแหกปากลั่น พยายามบอกว่าเขาพูดเรื่องจริง และนั่นก็ทำให้เรย์หันมาบอกด้วยท่าทางเคร่งขรึม
?ใจเย็นๆ คนบ้ามักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้บ้า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะไปคุยกับหมอ คุณก็พักผ่อนไปก่อน ยังไงผมก็รับผิดชอบเป็นเจ้าของไข้คุณอยู่แล้ว?
ฟรานซิสอยากจะฟาดหัวฟาดหาง ที่สำคัญคือฟาดปากไอ้ผู้ชายหน้าหล่อตรงหน้าสักสองสามที แต่ตอนนี้มันหมดแรง แค่คิดว่าตัวเองย้อนกลับมาในอดีตตั้งยี่สิบปีก็คว้างมากพออยู่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับไปยังไง ไอ้นาฬิกาเวรนั่นก็ไม่ได้สวมติดมือมาด้วย ไม่รู้ว่าไอ้สองชั่วโมงที่ลุงบอกน่ะมันครบหรือยัง
เออ ใช่ สองชั่วโมงไง!
?คุณ ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้ว!?
เรย์ที่กำลังปลดมือเล็กออกจากเสื้อสูทตัวเองเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี
?รวมที่คุณเป็นลมหน้ารถผมก็สามชั่วโมงแล้ว?
คำตอบนั้นทำให้เรย์เป็นฝ่ายชะงักซะเอง เมื่อน้ำตาหยดใสของคนตรงหน้าร่วงกระทบแก้มจนน่าสงสารแถมยังปล่อยมือจากสูทของเขาแล้ว และ...
?โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ไม่จริงๆๆๆๆ ม่ายจริงงงงงงง!!!?
ปึ้กๆๆๆๆ
...หันไปทุบหมอนดังปึ้กๆ ให้คนรับเป็นเจ้าของไข้ชักปวดหัวว่าไปทำให้อีกฝ่ายกระทบกระเทือนมากกว่าที่คิดหรือเปล่า
?ผมว่าจับส่งโรงพยาบาลบ้าดีมั้ยครับ?
?ผมไม่ได้บ้านะ!?
คนร้องไห้ยังมีหน้าหันมาตอบอีกแน่ะ ทำเอาเรย์ต้องยกมือขึ้นนวดขมับ
?เอาเป็นว่าผมไปคุยกับหมอก่อน...ฝากเขาหน่อยนะ? ชายหนุ่มหันไปบอกคนสนิทยามที่จะก้าวออกจากห้อง หากแต่อะไรบางอย่างทำให้เขาหันกลับไปสบตาสีฟ้าที่แสนดึงดูนั่น แล้วก็เอ่ยบอกอีกฝ่าย
?ผมลืมบอกไป...ผมเรย์ แมคลาส คุณพอจำชื่อคุณได้มั้ย?
?ฮึก...ฟราน...ฟรานซิส...?
?โอเค ฟรานซิส เดี๋ยวผมมา?
ชายหนุ่มว่าจบก็ก้าวออกจากห้อง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือคนหัวชมพูกำลังปาดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กเล็กๆ และนั่นก็ยิ่งดึงดูดความสนใจเขามากขึ้นกว่าเดิม
ฟรานซิส...คนหัวสีชมพูที่จู่ๆ ก็โผล่มาตรงหน้าเขา
ก็น่ารักดี ถ้าไม่ขี้โวยวายขนาดนั้น

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพราะความผิดพลาดจากการทดลองวิทยาศาสตร์ทำให้ ?ฟรานซิส ฟอร์ซีล? ย้อนเวลากลับไปในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว จนกระทั่งได้พบพ่อและแม่ซึ่งจากไปตั้งแต่เขายังเด็ก ความเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งในวันวานทำให้เขาเดินหน้าหาคำตอบที่คาใจร่วมยี่สิบปีจากผู้ให้กำเนิด โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ?เรย์ แมคลาส? ชายหนุ่มที่ก่ออาการสั่นไหวในหัวใจเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ด้านฝ่ายเรย์นั้นแม้จะแคลงใจกับคำบอกเล่าของฟรานซิสที่ว่าตนเองมาจากโลกอนาคต หากแต่บางอย่างในดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นก็ทำให้เขายอมให้ความช่วยเหลือ จวบเมื่อเวลาที่ผันผ่านทำให้เรย์ตระหนักชัดว่าเด็กหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้กำลังกอบกุมหัวใจเขาไว้ทั้งดวง ฝันร้ายครั้งเก่าก่อนที่เคยพรากความสุขไปจากชีวิตเขาก็ย้อนกลับมาราวกับจะประทับประวัติศาสตร์ให้ซ้ำรอย
เมื่อกำแพงที่กีดกั้นพวกเขาจากกันไม่ใช่กำแพงธรรมดา แต่เป็นห้วงเวลาที่ไม่อาจหวนคืน แล้วอีกนานเท่าใดกันเล่า...ที่เวลาแห่งอดีตจะมาบรรจบกับปัจจุบันอีกครั้ง


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”