โฮมรูมภาคเช้าเริ่มขึ้นได้ไม่ทันไร อยู่ๆ คนเหล็....เอ๊ย อาจารย์นิชิมุระที่เป็นครูประจำชั้นก็ประกาศออกมาแบบนั้น
ฮึ่ม! แย่ล่ะ! ทั้งที่วันนี้ขนของที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนมาเต็มเพียบเป็นพิเศษซะด้วย!
....จะหอบกระเป๋าวิ่งหนีไปดีมั้ย
ความคิดเช่นนั้นผุดขึ้นมาในสมองเขาแวบหนึ่ง แต่ทว่า....
?ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าได้คิดหนีเชียวล่ะ?
การจะหนีครูประจำชั้นคนนี้ให้พ้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญอย่างที่สุด เจ้านั่นเป็นครูหุ่นกำยำขนาดได้สมญานามว่าคนเหล็กเลยทีเดียว ไม่ว่าจะหนีไปถึงไหนก็ต้องถูกไล่ตามมาด้วยเรี่ยวแรงที่ผ่านการฝึกปรือจากไตรกีฬาที่เป็นงานอดิเรกอย่างแน่นอน
?ดีมาก งั้นฉันจะเดินดูล่ะนะ ถ้าเจอของที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนก็จะริบให้หมด?
คนเหล็กก้มดูในกระเป๋า โดยเริ่มจากแถวแรกสุดนับจากฝั่งทางเดินมาตามลำดับ ของจุกจิกอย่างเช่นไพ่หรือนิตยสารถูกริบไปเรื่อยๆ
?ซาคาโมโตะ เธอล้วงของในกระเป๋ากางเกงออกมาให้ดูด้วย?
ระหว่างนั้นมีนักเรียนคนหนึ่งซึ่งไม่เพียงแต่จะถูกตรวจของในกระเป๋า ยังถูกตรวจของติดตัวด้วย
?....โธ่เว้ย?
คนที่สบถด้วยความเจ็บใจก็คือซาคาโมโตะ ยูจิ เพื่อนตัวแสบของผมเอง
เมื่อปลิ้นกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างเสียไม่ได้ตามที่ถูกสั่ง ก็มีเครื่องเล่น MP3 โผล่ออกมา
?นึกแล้วเชียว ฉันยึดไอ้นี่ไปล่ะ?
คนเหล็กเก็บเครื่องเล่น MP3 ของยูจิใส่ลงไปในถุงของริบ ยูจิซึ่งไม่นึกไม่ฝันว่าจะถูกตรวจกระทั่งในกระเป๋ากางเกงด้วยจ้องคนเหล็กตาเขียวอย่างแค้นเคือง
(ยูจิ โชคร้ายหน่อยนะ)
ผมเอ่ยกับยูจิด้วยเสียงกระซิบ
(โชคร้ายจริงๆ นั่นแหละ ปกติจะตรวจกันถึงในกระเป๋ากางเกงเลยรึไง แถมยังมีฉันคนเดียวที่เจออย่างนั้นด้วยนะ)
(ช่วยไม่ได้หรอก ความประพฤติตามปกติของยูจิมันไม่ดีนี่นา)
(....เฮอะ)
มองดูแล้วก็รู้ว่าระดับการตรวจจะแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับอีกฝ่าย สำหรับนักเรียนที่มีความประพฤติดีจะแค่ให้เปิดปากกระเป๋าออกเล็กน้อยเท่านั้น แต่นักเรียนที่ไม่เป็นดังนั้นจะถูกตรวจจนถึงก้นกระเป๋า
?ต่อไปตาเธอแล้ว โยชิอิ อาคิฮิสะ?
?อ๊ะ ครับ?
คนเหล็กมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว แต่ผมไม่น่าจะโดนตรวจถึงในกระเป๋ากางเกงเหมือนกับยูจิหรอก....
?เธอถอดเครื่องแบบออกให้หมด แล้วเปลี่ยนไปใส่ชุดวอร์มซะ?
?เอ๋!? แบบนั้นมันระแวงกันเกินไปรึเปล่า!??
เป็นความสัมพันธ์ทางด้านความไว้วางใจที่ก้าวข้ามความนึกคิดไปไกลลิบเลย
?เอ่อ อาจารย์นิชิมุระ จะให้เปลี่ยนเสื้อต่อหน้าเด็กผู้หญิงคงไม่ไหว....?
?ไม่ได้ มีโอกาสที่เธอจะซ่อนบางอย่างเอาไว้ในกางเกงด้วย เปลี่ยนเสื้อตรงนี้แหละ?
?อะไรกัน! ต่อให้เป็นผมก็ไม่ทำถึงขั้นนั้นหรอกครับ! ไว้ใจผมบ้าง....?
จังหวะที่อาจารย์ย่างสามขุมเข้ามาหานั้น มีบางอย่างร่วงหล่นจากชายขากางเกงของผมลงไปจนเกิดเสียงดังแก๊ก
?เฮ้ อาคิฮิสะ DS หล่นแน่ะ?
?หือ? อ้อ ขอบใจ?
ผมบอกขอบคุณยูจิที่ช่วยเก็บให้ และรับเอาเครื่องเกมมือถือมา จากนั้นจึงหันกลับไปหาอาจารย์อีกครั้ง
?อาจารย์ ไว้ใจผมบ้างเถอะครับ!?
?แม้แต่ชุดวอร์มเธอก็ห้ามใส่?
บะ บ้าน่า! ระดับความระแวงเพิ่มสูงขึ้นอีกเหรอเนี่ย!
?พูดก็พูดเถอะ มีทั้งตลับเกม การ์ตูน นิยาย DVD.... นี่เธอคิดว่าโรงเรียนคืออะไรกัน?
เหล่าสมบัติของผมถูกยึดไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า ดันต้องมาตรวจสอบข้าวของในตอนที่เอามาเยอะแยะแบบนี้ด้วย หากรวมมูลค่าของที่ถูกยึดแล้วอาจจะเป็นหลายหมื่นเยนก็ได้
?....เท่านี้หมดแล้วเหรอ ฉันพูดมานานแล้วนะว่าโรงเรียนเป็นสถานที่เพื่อการศึกษา อย่าได้เอาของที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนมาอีก?
คนเหล็กเดินหิ้วถุงของริบกลับไปที่แท่นหน้าชั้น ทีนี้ผมก็ไม่มีทางจะได้พบกับเหล่าสมบัติของผมอีกต่อไปแล้ว....
?เอาล่ะ เพราะเสียเวลาไปกับการตรวจข้าวของแล้ว ฉันจะโฮมรูมแบบรวบรัดล่ะ ในที่สุดชั่วโมงแรกนี้ก็จะเป็น ?การฝึกเรียกอสูรการสอบ? แล้ว ให้ทุกคนเคลื่อนย้ายไปที่โรงยิมโดยเร็วด้วย?
คนเหล็กกล่าวปิดท้ายสั้นๆ เสร็จก็หอบสมบัติของทุกคนออกไปจากห้องเรียน
?
????ซัมมอน!?
ระหว่างนั่งฟังเสียงที่ก้องกังวานอยู่ในโรงยิม ผมเอ่ยปากคุยกับยูจิซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
?....โชคไม่ดีตั้งแต่เช้าเลยเนอะ?
?ใช่เลย ดันถูกยึดเครื่องเล่น MP3 ที่เพิ่งซื้อเมื่อเดือนที่แล้วไปด้วย โธ่เว้ย?
?หวา เพิ่งซื้อไอ้นั่นมาเองเหรอ?
?แพงด้วยนะเว้ย ไอ้เวรเอ๊ย?
ใบหน้าสุดเถื่อนของยูจิบูดเบี้ยวขณะส่งเสียงครางด้วยความเจ็บใจ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดีเลย
?ส่วนอาคิฮิสะก็โดนพวกเครื่องเกมเข้าไปสินะ แถมยังเยอะซะด้วย?
?อืม.... ผมว่ามูลค่ารวมถึงสามหมื่นได้ง่ายๆ เลย?
ทั้งเครื่องเกมมือถือ แผ่นเกม DVD แล้วก็ CD หากพูดถึงมูลค่ารวมของของที่ถูกยึดไปแล้ว อันดับหนึ่งในคราวนี้คงไม่พ้นผมหรือมุสสึลินีนั่นล่ะ จังหวะไม่ดีเอาเลยแฮะ....
?ต่อไป ฮิเมจิ มิสึกิ ออกมาข้างหน้า?
?คะ ค่ะ?
?โอ๊ะ ถึงตาฮิเมจิแล้ว มุสสึลินี อุตส่าห์ได้เห็นเขาใส่ชุดพละทั้งที ไม่ถ่ายรูปเก็บไว้จะดีเหรอ?
?....กล้องดิจิตอลโดนยึดไปแล้ว?
?งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ ทั้งที่ไม่มีโอกาสจะเห็นฮิเมจิซังใส่ชุดพละได้ง่ายๆ เพราะว่าอยู่คนละห้องแท้ๆ?
?การฝึกเรียกอสูรการสอบก็มีครั้งนี้แค่ครั้งเดียวด้วย?
?....(สลด)?
เขาทำท่าคอตกอย่างเสียอกเสียดายจริงๆ เอาเถอะ ก็ไม่แปลกล่ะนะ
เธอมีผมสีสดใสอันนุ่มนวล มีใบหน้าน่ารักไร้เดียงสา และมีหน้าอกอวบอิ่มซึ่งดันเสื้อเชิ้ตให้นูนขึ้นมาจนดูเตะตา ถึงจะไม่ใช่มุสสึลินีก็คงอยากถ่ายรูปเธอเก็บไว้อยู่ดี ถ้าสามารถถ่ายรูปได้ ผมเองก็อยากถ่ายเอาไว้เหมือนกัน
?บะ แบบนี้เหรอคะ? ซัมมอน?
ฮิเมจิซังพึมพำออกมาอย่างไม่มั่นใจ แล้วทันใดนั้นก็เกิดสิ่งที่ดูคล้ายกับวงเวทรูปทรงเรขาคณิตปรากฏขึ้นมาตรงปลายเท้าของเธอ จากนั้นก็มีอสูรอัญเชิญของฮิเมจิซังโผล่ขึ้นมาข้างตัว
?สมกับเป็นฮิเมจิ อสูรอัญเชิญท่าทางแข็งแกร่งมาก?
?นั่นสินะ ทั้งๆ ที่รูปลักษณ์ภายนอกดูน่ารักออกขนาดนั้น?
รูปร่างลักษณะของอสูรอัญเชิญตนนั้นน่ารักเอามากๆ เพราะว่าอสูรอัญเชิญจะเป็นเหมือนแบบย่อส่วนรูปร่างหน้าตาของผู้เรียกออกมานั่นเอง ดังนั้นเมื่อร่างต้นน่ารักก็ย่อมจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง เหตุผลที่ทำให้ดูแข็งแกร่งก็คือ....
?ไม่มีตนไหนที่ถือดาบใหญ่เล่มเบ้อเริ่มแบบนั้นแล้วด้วย?
?อืม มีแต่ฮิเมจิซังนี่ล่ะ?
อสูรอัญเชิญของเธอถือดาบแบบตะวันตกซึ่งน่าจะยาวเป็นสองเท่าของความสูงเอาไว้ แถมยังดูสบายๆ ด้วย แบบนี้ก็ไม่มีทางจะอ่อนแอไปได้หรอก
ห้อง C ฮิเมจิ มิสึกิ VS ห้อง C โคงะ อายูมิ
รวมทุกวิชา 3943 คะแนน VS 1264 คะแนน
คะแนนสำหรับดูประกอบถูกแสดงออกมา นี่น่าจะเป็นผลจากการสอบกลางภาคที่เพิ่งสอบไป
?อย่างนี้นี่เอง มิน่าถึงได้ดูแข็งแกร่งนัก?
?เกือบๆ 4,000 คะแนนเชียว ฮิเมจิซังหัวดีจริงๆ ด้วยนะ?
พวกเราเห็นแล้วก็พากันพยักหน้าอย่างยอมรับ
คะแนนที่ได้จากการสอบจะแปรผันตรงต่อความแข็งแกร่งของอสูรอัญเชิญ โดยเป็นผลจากสิ่งที่เรียกว่าระบบเรียกอสูรการสอบ ซึ่งสรุปได้ว่าหากทำคะแนนได้ดีในการสอบ อสูรอัญเชิญก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปตามสัดส่วน
?จะว่าไปแล้ว อาคิฮิสะรู้จักกับฮิเมจิมาก่อนไม่ใช่เหรอ?
?อือ เราเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันสมัยอยู่ประถมก็จริง....แต่ก็ไม่ได้คุยกันตั้งหลายปีแล้ว เขาลืมผมไปแล้วล่ะมั้ง?
เพราะตอนนี้อยู่คนละห้องกันก็เลยห่างเหินกันไปโดยสมบูรณ์ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุยด้วยอยู่หรอก แต่โอกาสจะได้คุยกับนักเรียนหญิงต่างห้องมีอยู่น้อยมาก ขืนอุตส่าห์ไปหาถึงห้องแล้วบอกว่า ?มีเรื่องจะคุยกับฮิเมจิซัง? ก็คงจะถูกคิดว่าเป็นคำเกริ่นของการสารภาพรักอย่างเดียวเลย
?อย่างนั้นเหรอ ความเป็นไปได้ที่จะอยู่ห้องเดียวกันในปีหน้าก็เป็นศูนย์ซะด้วย เรื่องของนายคงเลือนหายจากความทรงจำของฮิเมจิไปแบบนี้ล่ะนะ?
?ปีหน้าที่ว่าหมายถึงการสอบแบ่งห้องเหรอ?
?อืม ไม่มีความเป็นไปได้ที่นายกับฮิเมจิจะมาอยู่ห้องเดียวกันใช่มั้ยล่ะ?
?เรื่องนั้นก็อาจจะใช่อยู่หรอก....?
หลังจากที่เข้าเรียนใหม่ๆ จะแบ่งห้องแบบเดียวกับโรงเรียนทั่วไปก็จริง แต่ปีหน้าจะไม่เหมือนกัน เพราะห้องจะถูกแบ่งตามผลลัพธ์ของการสอบแบ่งห้อง ตอนนี้ฮิเมจิซังเรียนอยู่ห้อง C ก็จริง แต่พอขึ้นปี 2 ผู้ซึ่งมีผลการเรียนดีเด่นแบบเธอก็ต้องได้ไปอยู่ห้อง A อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ปราศจากความเป็นไปได้ที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมหรือยูจิที่คงจะได้ไปอยู่สักห้อง D
?ถูกลืมงั้นเหรอ.... รู้สึกเหงาๆ แฮะ....?
?ถึงจะจำคนอย่างนายไว้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจริงๆ นั่นล่ะ?
?พูดอะไรของนายเนี่ย?
ระหว่างที่เหม่อมองดูเด็กห้องอื่นพลางพูดคุยกันอยู่นั้นเอง....
?ต่อไป! โยชิอิ อาคิฮิสะกับชิมาดะ มินามิ!?
คนเหล็ก....เอ๊ย อาจารย์นิชิมุระที่เป็นครูประจำชั้นของพวกเราส่งเสียงก้องกังวานมา รู้ตัวอีกที พวกที่ฝึกเรียกอสูรเสร็จก็กลับมาอยู่ข้างหน้าผมแล้ว
?งั้นผมไปก่อนนะ?
?เออ นายเป็นหนึ่งในตัวเก็งจะเป็น<ผู้ต้องถูกจับตาดู>น่ะนะ ไปซ้อมใช้งานอสูรอัญเชิญมาให้ดีๆ ล่ะ?
?....นี่ๆ ผมไม่ใช่เด็กมีปัญหาเลยสักนิดนะ ไม่เหมือนยูจิสักหน่อย?
ผมพูดพลางหรี่ตาจ้องใส่ยูจิ ให้ตายสิ เสียมารยาทจริงที่มาบอกว่าผมเป็นตัวเก็งของ<ผู้ต้องถูกจับตาดู> นั่นมันสถานะซึ่งจะไม่โดนเลือกให้เป็นหากว่าไม่ใช่เด็กเหลือขอขนาดหนักนี่นา ชื่อเรียกสำหรับไอ้บ้าที่ไม่เคยโผล่มาสักครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมาพรรค์นั้น ไม่มีทางมาเป็นของผมไปได้อยู่แล้ว
?โยชิอิ! มาเร็วๆ!?
?คร้าบ?
เพราะได้ยินเสียงตวาดจากคนเหล็ก ผมจึงรีบก้าวเร็วๆ แลดูไปก็เห็นว่าคู่ฝึกซ้อมของผมได้เรียกอสูรออกมาเรียบร้อยแล้ว
?......?
คนที่เหม่อมองดูอสูรอัญเชิญของตนอยู่ก็คือชิมาดะซัง เพื่อนร่วมชั้นของผม ผู้ทรงเสน่ห์ด้วยผมหางม้าดูสดใสกับเรียวขาสวยงาม เธอกำลังทำหน้าหม่นหมองไม่เข้ากับนิสัยด้วย เป็นอะไรไปหว่า อ้อ นี่คงรู้สึกผิดหวังที่อสูรอัญเชิญดูกระจอกยิ่งกว่าที่คาดไว้ล่ะสิ
?ชิมาดะซัง เป็นอะไรไปเหรอ ช็อกที่อสูรอัญเชิญของตัวเองดูปวกเปียกเกินไปงั้นเหรอ?
ผมเอ่ยคำพูดอ่อนโยนกับเธอเพื่อเป็นการเอาใจ
อาจจะเพราะได้รับการเยียวยาด้วยความอ่อนโยนเช่นนั้นของผม ทันใดนั้นเธอก็มีสีหน้าดีอกดีใจขึ้นมาในฉับพลัน
?อ๊ะ อีกฝ่ายคือโยชิอิงั้นเหรอ ดีใจจัง....??
ใบหน้าของชิมาดะซังกลายเป็นสีแดงเรื่อๆ ผมเองก็ดีใจอยู่หรอกที่เธอดีใจแบบนี้....แต่ก็ไม่ไหวเลยที่แสดงท่าทีอย่างนั้นต่อหน้าคนอื่น เป็นเด็กสาวเจ้าปัญหาจังแฮะ
?การได้อัดโยชิอิทำให้รู้สึกดีสุดๆ เลยนี่นา?
....ช่างเป็นเด็กสาวเจ้าปัญหาจริงๆ
?ชิมาดะซัง ที่จะอัดกันน่ะคืออสูรอัญเชิญนะ ไม่ใช่พวกเราหรอกนะ?
ผมนึกกังวลขึ้นมาจึงย้ำเรื่องกฎให้แน่ใจ นี่เป็นการฝึกเรียกอสูรสำหรับสงครามเรียกอสูรการสอบซึ่งจะมีขึ้นในปีหน้า ถึงยังไงก็น่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างอสูรอัญเชิญด้วยกันเท่านั้น
?นั่นสินะ พวกเราจะไม่มาอัดกันสินะ?
เธอเห็นพ้องด้วยทันที ค่อยยังชั่ว ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้ว
?ก็แค่ฉันจะอัดนายอยู่ข้างเดียวนี่นา?
ดูเหมือนจะไม่รู้เลยสักนิดจริงๆ ด้วย
?เอ่อ อาจารย์ นี่เป็นการประกาศใช้กำลังภายในโรงเรียนนะครับ ถ้ามีเวลาพอจะมาตรวจสอบข้าวของของพวกผมได้ ก็ควรที่จะทำอะไรสักอย่างกับการกลั่นแกล้งแบบนี้หน่อยไม่ใช่เหรอครับ?
?....ชิมาดะ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นโยชิอิ แต่การใช้กำลังก็ไม่ใช่เรื่องดี?
?แต่ว่า อาจารย์....!?
?ไม่มีคำว่าแต่ เรื่องที่ไม่ได้ก็ย่อมไม่ได้ เข้าใจมั้ย?
?....ค่ะ?
?งั้นเหรอ ยอมเข้าใจแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น....?
หลังจากหัวเราะหึด้วยท่าทางยินดี เขาก็พูดสั้นๆ ว่า
?....เฉพาะครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษนะ?
?เอ๋? บทสนทนานั่นฟังดูแปลกๆ รึเปล่า?
ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนจะสรุปอย่างหมดจดว่ายอมให้ใช้กำลังภายในโรงเรียนได้
?ค่ะ! ฉันจะพยายาม!?
?ดีมาก พยายามเข้าล่ะ?
?ฮะๆ ทั้งอาจารย์และชิมาดะซังนี่โง่จังเลย นี่คิดว่าผมจะเสียทีจนต้องร้องขอความเมตตาง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอ ไม่ใช่แค่นั้นนะ เดี๋ยวจะเล่นงานกลับ ขอโทษด้วยครับ อภัยให้ผมด้วย!?
ทั้งที่ขอโทษแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการให้อภัย
หรือว่าคำพูดสั้นๆ แสดงความเอาใจใส่จะไม่เข้าท่ากันนะ
?
?ฟู่.... วันนี้โชคร้ายทั้งวัน เริ่มตั้งแต่การตรวจข้าวของในตอนเช้าเลย....?
ในที่สุดการเรียนการสอนในวันนี้ก็จบลงและถึงเวลาหลังเลิกเรียน ผมมานั่งบ่นอยู่กับสมาชิกหน้าเดิมๆ ที่ห้องเรียน
?อาคิฮิสะเอาของที่ไม่จำเป็นมามากเหลือเกินนี่นะ?
คนที่ยิ้มให้อย่างเห็นอกเห็นใจผมอยู่ข้างๆ คือคิโนชิตะ ฮิเดโยชิซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเช่นเดียวกับยูจิและมุสสึลินี เพียงแค่ใช้คำพูดแบบคนแก่ก็นับว่าแปลกอยู่แล้วแท้ๆ แต่นี่ยังมีรูปร่างหน้าตาแบบที่ดูยังไงก็เห็นเป็นแค่สาวน้อยแสนสวยอีก เป็นผู้ชายที่มีข้อให้ทักท้วงเต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าในกลุ่มนี้เขามีภายในเป็นปกติรองจากผมเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะอีกสองคนที่เหลือนั้นผิดธรรมดาจนเกินไป
?แล้วตัวฮิเดโยชิเองไม่ได้รับความเสียหายเลยเหรอ?
?เปล่าหรอก ฉันเองก็เสียชุดกับอุปกรณ์ประกอบฉากไปเหมือนกัน ถึงจะบอกว่าใช้ในการแสดงก็ไม่ยอมรับฟังกันเลย?
ชมรมการแสดงที่ฮิเดโยชิสังกัดอยู่นั้นได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ประกอบฉากกับชุดจากทางโรงเรียนอยู่แล้ว ในเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องเอามาเองเป็นการส่วนตัว ก็อาจพูดได้ว่าเป็นของไม่จำเป็นจริงๆ นั่นล่ะ แต่ว่า....
?ช่วยมองข้ามไปสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรเลยเนอะ คนเหล็กนี่หัวแข็งซะจริง?
?....(พยักหน้า)?
?ภายในหัวก็ต้องทำด้วยเหล็กแน่นอนเลย?
ดูเหมือนมุสสึลินีกับยูจิก็จะเห็นด้วย อืม ทั้งสองคนต่างก็ถูกยึดของไปด้วยนี่นะ
?อุตส่าห์คิดว่าวันนี้เป็น งวันสบายๆ ที่ฝึกเรียกอสูรอย่างเดียวโดยไม่มีเรียน? แล้วแท้ๆ เชียว?
มันสบายก็จริงอยู่ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ วันที่มีการเรียนการสอนตามปกติ แต่ไม่มีการตรวจข้าวของยังจะดีซะกว่า
?การฝึกเรียกอสูรเหรอ....?
เมื่อได้ฟังคำบ่นกระปอดกระแปดของผม ยูจิก็พึมพำออกมาอย่างครุ่นคิด
?เป็นอะไรไปเหรอ ยูจิ?
?เปล่า ก็แค่คิดว่าตั้งแต่ปีหน้าฉันจะทำสงครามเรียกอสูรการสอบได้บ้างแล้วน่ะ?
สีหน้าของเขาตอนที่กล่าวเช่นนั้นดูมีความดีใจแฝงอยู่ด้วย
สงครามเรียกอสูรการสอบหมายถึงการต่อสู้ด้วยอสูรการสอบในระดับชั้นเรียน โดยเดิมพันด้วยเครื่องใช้ในห้องเรียน ถ้าหากปีหน้าเลื่อนชั้นไปเป็นนักเรียนปี 2 ได้โดยสวัสดิภาพ ระบบสงครามนี้ก็จะถูกนำมาใช้กับพวกเราด้วย
?แต่ว่าเพราะอะไรถึงต้องทำสงครามเรียกอสูรการสอบด้วยนะ ถ้าแค่จะสร้างความชัดเจนให้ความสูง-ต่ำของความสามารถทางวิชาการล่ะก็ ผมคิดว่าแค่เอาคะแนนมาติดประกาศก็น่าจะพอแล้วนะ?
?นั่นก็เพราะการใช้รูปแบบของการต่อสู้จะเพิ่มแรงกระตุ้นได้มากกว่าการให้แข่งกันด้วยคะแนนธรรมดาๆ ใช่มั้ยล่ะ และในเมื่อเป็นการต่อสู้ในระดับชั้นเรียน แต่ละคนก็คงพยายามจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆ ด้วย?
?อย่างนี้นี่เอง จะช่วยในการพัฒนาด้านทีมเวิร์กได้ด้วยสินะ?
?อืม ดังนั้นจึงเป็นระบบที่เหมาะเหม็งกับการสร้าง ?นักเรียนที่แสดงความสามารถที่แท้จริงในสังคมได้? อย่างที่โรงเรียนนี้ชอบไง?
?อือ ใช่แบบนั้นแน่เหรอ?
ระหว่างที่เราสี่คนกำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นเอง....
?ฮ้า.... โยชิอินี่จริงๆ เลย ยัดเยียดงานทำความสะอาดให้ฉันทำ แล้วไปหลบอยู่ที่ไหนกันนะ?
มีเสียงพูดแบบนั้นดังมาจากทางเดิน นั่นเป็นเสียงชิมาดะซังล่ะมั้ง
?อะไรกันอาคิฮิสะ นายเป็นเวรทำความสะอาดหรอกเหรอ?
?อื้อ แต่ว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ชิมาดะซังที่อยู่กลุ่มเดียวกันแล้วหนีมาน่ะนะ?
?หืม พวกนายสนิทสนมกันอย่างเคยเลยนะ?
?....(พยักหน้า)?
?ฮะๆ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย?
?โธ่เอ๊ย เจอตัวเมื่อไหร่จะจับมัดแขนมัดขาแล้วผลักตกจากชั้นสามซะเลย?
นั่นเป็นฉากแอ็คชั่นแบบที่แม้แต่สตั๊นท์แมนก็ยังต้องตกใจ
?ขอโทษที! เรื่องทำท่าจะเกี่ยวพันถึงชีวิตแล้ว ผมขอกลับก่อนล่ะ!?
ผมคว้ากระเป๋ามาแล้วพุ่งออกไปสู่ทางเดิน ผมเองก็รักชีวิตเหมือนกันแหละ
?อ๋า โยชิอิ! มาอยู่ในที่แบบนี้เอง! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!?
?ไม่หยุดหรอก! เพราะเดี๋ยวโดนเชือด!?
?ฉันไม่ได้โกรธหรอก หยุดก่อนสิ!?
โกหกแหงๆ
?สนิทกันจริงๆ ด้วยนะ?
?....(พยักหน้า)?
ไม่รู้ทำไมชิมาดะซังซึ่งอ้างว่าตัวเองไม่ได้โกรธถึงถือเชือกไว้ในมือด้วย
?ฟู่.... กลัวแทบแย่~?
หลังจากวิ่งหนีสุดฝีเท้าออกจากโรงเรียนมาได้ 30 นาที รู้ตัวอีกทีผมก็วิ่งมาจนถึงย่านร้านค้าแล้ว
?เอาล่ะ ไม่มีกำหนดการจะซื้อของด้วย ยอมกลับบ้านไป....อื๋อ??
ขณะที่กำลังจะกลับบ้านก็พอดีเห็นด้านหลังของคนที่เขารู้จักเข้าไปในร้าน บางทีนั่นคงเป็นฮิเมจิซังล่ะมั้ง
?การที่มาเจอกันที่นี่ก็คงเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่ง ตัดสินใจเข้าไปทักเลยดีมั้ยนะ....??
ถึงจะเคยเรียนห้องเดียวกันที่โรงเรียนประถม แต่ตอน ม.ต้น ก็อยู่กันคนละห้อง มารู้ตัวอีกทีก็ห่างเหินกับฮิเมจิซังมากทีเดียว อุตส่าห์เกิดความบังเอิญขึ้นแล้วทั้งที ก็อยากจะคุยกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี....การที่คิดแบบนี้เป็นเพราะโดนยูจิบอกว่า ?เดี๋ยวถูกลืมเอานะ? ระหว่างฝึกภาคปฏิบัติวันนี้รึเปล่านะ
ผมลองตามหลังฮิเมจิซังเข้าไปในร้านนั้นเพื่อที่จะลงมือทำตามความคิดที่ว่า ลองเข้ามาแล้ว....ก็ปรากฏว่าเป็นร้านที่มีตุ๊กตาอยู่เยอะมากๆ เลย อย่างกับร้านแฟนซีแน่ะ....เอ๊ะ นี่มันร้านแฟนซีจริงๆ ไม่ใช่เหรอ!
?กะ กลับดีกว่า ตัวผมดูผิดที่ผิดทางในร้านแบบนี้นี่?
ผมออกเดินเร็วๆ มุ่งหน้าไปที่ทางออก ยังไงก็ขอออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
?เป็นคำขอร้องครั้งเดียวในชีวิตฮะสึกิเลยนะคะคุณลุง!?
?ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ร้านฉันก็ต้องทำการค้าน่ะนะ....?
เสียงพูดโต้ตอบเช่นนั้นดังมาให้ได้ยินตรงแถวๆ ทางออก ดูเหมือนจะมีเด็กผู้หญิงยืนคุยกับพนักงานร้านอยู่ข้างๆ ที่คิดเงิน น้ำเสียงเธอฟังดูคร่ำเคร่งเอามากๆ ทีเดียว มีอะไรกันนะ
เพราะนึกสนใจขึ้นมาเลยลองมุ่งไปทางต้นเสียงดู และพบว่าตรงนั้นมีลุงที่ดูจะเป็นพนักงานร้าน กับเด็กผู้หญิงที่น่าจะอยู่ชั้นประถมอยู่ตรงตามความคาดหมาย
?หนูอยากได้โนอิจังตัวนี้จริงๆ นะคะ ขอร้องล่ะค่ะ?
?ถึงจะขอร้องกันขนาดนั้นก็เถอะ.... นี่นะ ถ้าเกิดฉันลดพิเศษให้คุณหนูคนเดียวแล้วไม่ลดให้คนอื่นๆ ด้วยก็จะไม่ยุติธรรมใช่มั้ยล่ะ คนค้าคนขายไม่ควรจะทำเรื่องไม่ยุติธรรมแบบนั้นหรอก?
?ถึงอย่างนั้นก็ขอร้องเถอะค่ะ?
?อุ๊.... ลำบากใจจังแฮะ....?
เด็กหญิงพยายามก้มหัวเต็มที่ให้กับลุงพนักงานร้านที่เกาแก้มอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร เมื่อเห็นภาพเด็กหญิงเล็กๆ กำลังขอร้องสุดชีวิตแบบนี้เข้าแล้ว ขืนกลับไปโดยปล่อยทิ้งเอาไว้มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพจิตเสียเลย....
?นี่เธอ เพราะอะไรถึงอยากได้ตุ๊กตานั่นขนาดนั้นล่ะ?
แม้จะคิดว่าเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่เขาก็อดสอดไม่ได้
การปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของบุคคลที่สามทำให้ทั้งเด็กหญิงและลุงมีสีหน้าตกใจขึ้นมา
?มะ หมู่นี้พี่สาวหนูดูไม่สดชื่นเลย ก็เลยตั้งใจจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ที่พี่อยากได้มานานแล้วไปให้เป็นของขวัญ เพื่อให้พี่สดใสขึ้นน่ะค่ะ....?
?ดูไม่สดชื่นงั้นเหรอ??
?พี่ต้องไม่สดชื่นเพราะว่าย้ายมาจากเยอรมันแล้วไม่ค่อยถนัดภาษาญี่ปุ่นแน่ๆ เลยค่ะ?
ย้ายบ้านเหรอ แค่การย้ายบ้านอยู่ภายในประเทศญี่ปุ่นก็ทำให้รู้สึกเหงา เพราะเพื่อนกับสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้นถ้าเป็นการย้ายมาจากต่างประเทศ ของแค่นั้นคงเทียบไม่ติดเลย
?ทั้งที่เป็นแบบนั้น พี่ยังช่วยทำความสะอาดและซักผ้าแทนปะป๊ากับหม่าม้าที่มักจะไม่อยู่บ้าน แล้วยังคอยเล่นกับฮะสึกิอีกด้วย....?
อาจจะเพราะรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาระหว่างที่พูด ดวงตาโตๆ ของฮะสึกิจังจึงเริ่มมีน้ำคลอๆ
?หวา! ยะ อย่าร้องไห้เลย! พี่ชายจะหาทางช่วยเอง!?
?....จริงเหรอ??
?อื้อ จริงสิ?
?....ขอบคุณค่ะพี่ชาย!?
ฮะสึกิจังเช็ดน้ำตา แล้วจึงยิ้มออกมาอย่างดีใจ
?ว่าแต่ ตุ๊กตาตัวนี้ราคาเท่าไหร่เหรอครับ?
ตุ๊กตาที่ฮะสึกิจังอุ้มอยู่ตัวใหญ่ประมาณ 1 เมตร ดีไม่ดีอาจจะมีราคาเกินกว่า 5,000 เยนอีกก็ได้
?รวมภาษีแล้วเป็นเงิน 24,800 เยนครับ?
?ขอโทษนะ พี่ชายพยายามแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ไหวอยู่ดี?
?....พี่ชาย??
ได้ยินเช่นนั้นฮะสึกิจังก็ทำหน้าเศร้าๆ
ไม่ได้การ ราคาแพงเสียจนเผลอประกาศยอมแพ้ไปตามปฏิกิริยาตอบสนอง
?ว่าแต่ว่าฮะสึกิจังมีงบอยู่เท่าไหร่เหรอ?
?หนูมีอยู่แค่ 10,000 เยนเอง....?
สรุปคือขาดไปอีกราวๆ 15,000 เยนนั่นเอง ถึงจะเอามารวมกับทรัพย์สินทั้งหมดของผมก็ได้แค่ 11,699 เยน หรือประมาณครึ่งเดียวเท่านั้น ยังห่างไกลจาก 24,800 เยนอยู่มากนัก
?ขอโทษด้วยครับ ช่วยขายเจ้านี่ให้ในราคา 11,699 เยนจะได้ไหมครับ?
?อ่า ร้านเราก็ต้องทำการค้าน่ะนะ....?
คำถามของผมได้รับการตอบสนองแบบเดียวกับตอนที่ฮะสึกิจังเจรจา
(พี่ชาย แบบนั้นมันไม่ต่างจากตอนที่ฮะสึกิคุยด้วยเลยนะ)
ฮะสึกิจังเข้ามาป้องปากพูดกับผมด้วยเสียงแผ่วเบา
ถูกอย่างที่เธอพูดมาจริงๆ นั่นล่ะ ณ จุดนี้วิธีการยังไม่ต่างจากที่ฮะสึกิจังใช้ แต่จากนี้ไปจะไม่เหมือนกันแล้ว เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นวิธีเจรจาของผู้ใหญ่ (?นักเรียน ม.ปลาย) ซึ่งแตกต่างจากเด็กประถมก็แล้วกัน
?ว่าแต่ 11,699 เยนนี่ก็ประมาณครึ่งราคาสินะครับ??
?อืม ถึงจะขาดไปนิดหน่อยก็เถอะ?
?ฮะสึกิจังอยากได้ตุ๊กตา และคุณลุงก็ต้องการขาย แต่ถึงยังไงก็ขายให้ครึ่งราคาไม่ได้ ฉะนั้นผมมีข้อเสนอครับ?
?หืม อะไรล่ะ??
?เอาตุ๊กตามาหั่นครึ่งแล้วขายเฉพาะซีกขวา....เอ๊ะ? อะไรกัน เพราะอะไรทั้งสองคนถึงมองผมด้วยสายตาเหมือนกำลังมองคนบ้าล่ะ?
?....เธอเป็นนักเรียน ม.ปลายจริงหรือเปล่าเนี่ย?
?....พี่ชายจอมบ๊อง?
กะ กระทั่งเด็กประถมก็ว่าผมบ๊องเหรอเนี่ย....!
?ฉันลดราคาให้ไม่ได้ก็จริง แต่จะช่วยเก็บไว้ไม่เอาออกขายสักระยะหนึ่งนะ ระหว่างนั้นก็ไปปรึกษาคุณพ่อคุณแม่แล้วค่อยมาใหม่เถอะ?
ผลสุดท้ายคุณลุงก็สรุปเช่นนั้น แล้วการเจรจาครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง
?ฮะสึกิจัง เธอไปขอร้องคุณพ่อคุณแม่เอาไม่ได้เหรอ?
หลังออกจากร้านพวกเราก็ไปประชุมวางแผนกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ
?ทั้งสองคนไม่ค่อยจะอยู่บ้านน่ะ.... พี่จะเป็นคนรับฝากเงินไว้ ดังนั้นถ้าอยากได้อะไรก็จะต้องบอกเหตุผลด้วย....?
?งั้นเหรอ อือ....?
การกระทำของฮะสึกิจังที่อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อพี่สาวสุดที่รักนั้นดูเจิดจ้ามากในสายตาผม ต่างกันลิบลับกับครอบครัวของผมที่ให้มาเข้าโรงเรียนฟุมิสึกิด้วยเหตุผลที่ว่าเสียดายค่าเล่าเรียนเลย เพื่อไม่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนอันคำนึงถึงครอบครัวของฮะสึกิจังต้องสูญเสียไป คราวนี้ผมอยากร่วมมือกับเธอให้ได้
แต่ว่าจะทำยังไงดีนะ ถ้าผมมีเงินอยู่มากกว่านี้ก็ดีหรอก แต่โชคร้ายที่ผมใช้เงินที่ถูกส่งมาให้สำหรับเดือนนี้ไปจนเกือบหมดแล้ว....
?จริงด้วย! ถ้าร้านหนังสือรับซื้อหนังสือการ์ตูนของฮะสึกิก็จะได้เงินมาสินะ?
ฮะสึกิจังพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย ราวกับจะบอกว่านี่เป็นความคิดอันยอดเยี่ยม จริงอยู่ว่านั่นคงทำให้ได้เงินมา แต่กระนั้นเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจำนวนเงินที่มากพอ ถ้าหากมีค่ามากพอๆ กับเครื่องเกมของเขาที่ถูกยึดไปเมื่อเช้าก็ว่าไปอย่าง....
?อื๋อ? จริงสิ มีวิธีนั้นอยู่ด้วยนี่!?
?....เป็นอะไรไปเหรอพี่ชาย?
?ยังไงซะก็เป็นของที่คิดว่าจะไม่ได้คืนมาแล้ว ถ้าไปได้สวยก็น่าจะได้จำนวนเงินเท่านั้นมา....?
ถึงพลาดก็ไม่เสียหายอยู่แล้ว ใช่เลย! น่าจะมีค่าให้ลองทำดูนะ!
?ดีล่ะ! ฮะสึกิจัง พรุ่งนี้จะมาที่สวนสาธารณะนี่ในเวลาประมาณนี้ได้มั้ย?
?อะ อืม ไม่มีปัญหาหรอก....?
?ถ้างั้นพรุ่งนี้ก็มาเจอกันที่นี่อีกครั้งนะ วันนี้เย็นแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ?
เขาโบกมือให้แล้วแยกกับฮะสึกิจัง เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปปรึกษากับพวกยูจิดูก่อนละกัน
?อ๊ะ อืม บ๊ายบาย....?
จริงสิ ลงท้ายแล้วฮิเมจิซังอยู่ในร้านนั้นรึเปล่านะ
?
?จะเอาของที่ถูกยึดไปคืนมางั้นเรอะ??
เช้าวันถัดมา ผมลองหยิบยกเรื่องนั้นมาปรึกษาคนหน้าเดิมทั้งสามคนในห้องเรียนเดิมๆ
?จริงอยู่หรอกว่าของที่ถูกยึดไปเมื่อวานมีแต่ของน่าเสียดายที่จะละทิ้งไป....?
?อือ.... แต่อีกฝ่ายคือคนเหล็กนั่นซะด้วย ขืนพลาดพลั้งไปก็มีความเป็นไปได้ที่จะโดนกำหนดให้เป็น<ผู้ต้องถูกจับตาดู>เอาได้....?
ยูจิกับฮิเดโยชิต่างเอามือแตะคางอย่างครุ่นคิด ดูท่าทางไม่ค่อยอยากเอาด้วยเท่าไหร่ แย่เลยแฮะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ต้องลงมือเองคนเดียว
?....ฉันเห็นด้วยกับอาคิฮิสะ?
?เอ๊ะ? มุสสึลินี เธอจะยอมช่วยเหรอ??
?....(พยักหน้า)?
สำเร็จ อย่างน้อยทีนี้ก็ได้บุคลากรที่เชี่ยวชาญการดำเนินงานในทางลับมาแล้ว
?....เอาเถอะ ลองทำดูละกัน?
?อ๊ะ ยูจิก็โอเคเหมือนกันเหรอ?
?อืม นั่นเป็นของที่เพิ่งซื้อมาด้วย และฉันก็มีหนี้อยู่กับคนเหล็กตั้งเยอะตั้งแยะ จังหวะเหมาะดี?
ยูจิพูดพลางยิ้มแสยะ ใบหน้าวายร้ายมาก
?ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยอีกแรงก็ได้ หากสามารถจะเอาคืนมาได้ ตัวฉันเองก็อยากจะเอาคืนมาเหมือนกัน?
ฮิเดโยชิให้ความเห็นชอบเป็นคนสุดท้าย จึงลงเอยด้วยการร่วมมือกันทุกคน สมกับเป็นกลุ่มเด็กมีปัญหาแนวหน้าของชั้นปี 1
?งั้นก่อนอื่นก็ต้องสืบหาที่อยู่ของสิ่งของเป้าหมายให้กระจ่างล่ะนะ?
?นั่นสินะ ถ้าไม่รู้ว่าคนเหล็กเก็บของที่ถูกยึดไปไว้ที่ไหน ก็ไม่มีทางจะเอาคืนมาได้นี่นะ?
ท้ายที่สุดแล้วอาจจะถูกโยนทิ้งไปก็จริง แต่นี่เพิ่งจะถูกยึดไปเมื่อวานนี้เอง จึงมีความเป็นไปได้มากพอควรที่จะยังคงอยู่ในมือของคนเหล็ก
?ด้วยเหตุนั้น อาคิฮิสะ ปิดระบบสั่นของมือถือนายซะ?
?เอ๋? ทำไมล่ะ??
?เอาเถอะน่า ทำซะ อยากเอาของที่ถูกยึดไปคืนใช่มั้ยล่ะ?
?ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่แค่ปิดระบบสั่นก็พอสินะ?
?ใช่แล้ว?
ก็ใช่ว่าจะดังขึ้นมาในชั่วโมงเรียนนี่นะ คงไม่มีปัญหามั้ง ตอนนี้ทำตามที่ยูจิบอกดีกว่า
ผมล้วงมือถือออกจากกระเป๋าแล้วกดสั่งงาน ระหว่างนั้นเอง....
?นี่พวกเธอ ฉันจะเช็กชื่อแล้ว ไปนั่งที่ซะ?
คนเหล็กผู้เป็นครูประจำชั้นได้เข้ามาในห้องเรียน ผมจึงรีบร้อนเก็บมือถือลงกระเป๋า
?ดีล่ะ เริ่มแผนการได้?
ด้วยเหตุนี้แผนการทวงคืนของที่ถูกยึดของพวกเราจึงเริ่มต้นขึ้น
*********************************************************************************
นอกจาก ?ภาคเตรียมบทเรียน? อันชุ่มชื่นหัวใจซึ่งเขียนถึงการพบกันระหว่างอาคิฮิสะกับฮะสึกิ, ?ผมกับพวกหัวรุนแรงกับจดหมายรัก? ที่มีการ Search & Death? อาคิฮิสะที่ได้รับจดหมายรัก, และ ?ฉันกับโชโกะกับคิซารางิไฮแลนด์? ซึ่งยูจิจะมุ่งไปสู่สุสานแห่งชีวิต!? รวม 3 ตอนแล้ว ยังเพิ่มเติมด้วย ?ผมกับสระว่ายน้ำกับสวนสวรรค์แห่งชุดว่ายน้ำ? ว่าด้วยเรื่องมุสสึลินีจะสิ้นชีพยามรุ่งสาง! & ?ผมกับงานพิเศษกับสุดสัปดาห์แสนอันตราย? ประมาณว่านานๆ ทีมีวันหยุดแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน ซึ่งเขียนขึ้นเป็นพิเศษอีก 2 ตอน จนกลายเป็นรวมเรื่องสั้นของชีวิตวัยรุ่นสุดป่วน! ?ฟังดูแปลกๆ รึเปล่า? รู้สึกเหมือนทั้งสามคนจะตายเรียบเลยนะ!?? (by อาคิฮิสะ)
