New Release:GOSICKสาวน้อยยอดนักสืบ ตอน ภายใต้กุหลาบสีน้ำเงิน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release:GOSICKสาวน้อยยอดนักสืบ ตอน ภายใต้กุหลาบสีน้ำเงิน

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ โลกกระจก

ยามกลางคืน....
ฟ้าพร่างดาวแผ่อยู่บนท้องฟ้าเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมราวกับฉากละคร
ที่นั่นมีพระราชวังที่สร้างด้วยเหล็กสีดำทะมึนและกระจก อาคารสถานีรถไฟขนาดใหญ่ และอาคารอิฐสีดำตั้งเรียงรายรับแสงจันทร์ส่องสว่างรางๆ จนดูราวกับเมืองย่อส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต
ในมุมหนึ่งของเมืองนั้นเอง....
มีเด็กสาวคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่
ผมยาวสีเทาอ่อนของเธอพาดผ่านแผ่นหลังลงไป ดวงตาสีม่วงเข้มราวกับอัญมณีส่องแสงเป็นประกาย เบื้องหน้าจุดที่เธอยืนนิ่งอยู่นั้นมีแสงไฟสว่างไสวราวกับจะตัดผ่านความมืดยามค่ำคืนเอ่อล้นออกมาราวกับน้ำท่วม
อีกฟากของกระจกบางๆ ที่คั่นเอาไว้นั้นมีหุ่นโชว์ที่ต้องแสงไฟสว่างจ้าก้มหน้าลงมองเด็กสาวอยู่
เด็กสาวคนนั้นสวมชุดวันพีซตกแฟชั่นที่ขาดรุ่งริ่ง และรองเท้าหนังที่ขาดเป็นรู ทั้งสองอย่างนั้นพอจะดูออกว่าดั้งเดิมเป็นของชั้นดี แต่ก็ผ่านการใช้งานมานานจนหมดอายุการใช้งานไปนานแล้ว
หุ่นโชว์นั้นสวมชุดเดรสอย่างสวยงาม สวมหมวก และถือกระเป๋าที่ตกแต่งด้วยลูกปัดเอาไว้ด้วย
เด็กสาวพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหลงใหล
(อา.... วิเศษที่สุดเลย!)
ตอนนั้นเอง หุ่นโชว์ก็เปิดปากพูด
?วิเศษมากเหรอ....??
เด็กสาวตกใจหันไปมองที่ปากของหุ่นโชว์ และก็พบว่ามันกำลังยิ้มอยู่
?ยินดีต้อนรับจ้ะ งั้นฉันจะให้เธอใส่ด้วยก็แล้วกันนะ?
?แต่ว่า....?
?แค่ลองใส่ดูในห้องลองเสื้อเท่านั้นล่ะจ้ะ แค่เข้าไปในห้องลองเสื้อเท่านั้นเอง ไม่ต้องใช้เงินหรอกจ้ะ?
?....เหรอคะ??
หุ่นโชว์ยิ้มตอบ
?ใช่แล้วจ้ะ?

เด็กสาวค่อยๆ เดินเข้าไปในตึก ในนั้นมีสินค้าหรูหราสวยงามวางเรียงราย เธอรับชุดเดรสมาด้วยความรู้สึกราวกับอยู่ในฝัน จากนั้นก็เดินลึกเข้าไป ประตูห้องลองเสื้อถูกเปิดออก เด็กสาวกำชุดเดรสเอาไว้ในมือพร้อมกับเดินล่องลอยต่อไปคล้ายคนเดินละเมอ
เข้าไปในห้องลองเสื้อ
ประตูปิดไล่หลังเธออย่างช้าๆ
เด็กสาวยังคงเดินต่อไป
ผมสีเทาอ่อนโยกไหวไปมา
....ลึกเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อมีกระจกติดอยู่ กระจกนั้นสะท้อนภาพของเด็กสาวในชุดวันพีซซอมซ่อ เด็กสาวยังคงเดินต่อไป แล้วกระจกนั้นก็กระเพื่อมไหวดั่งผิวน้ำ ก่อนจะดูดกลืนเด็กสาวหายเข้าไป....

เมื่อเวลาผ่านไป พนักงานร้านที่สวมเครื่องแบบสีม่วงก็เปิดประตูห้องลองเสื้อออกดู
ข้างในนั้นว่างเปล่า หลงเหลือแต่เพียงชุดเดรสเท่านั้น
พนักงานร้านก้มลงเก็บชุดเดรสขึ้นมาอย่างช้าๆ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มจางๆ

ยามกลางคืน....
ด้านนอกตึกมีเพียงท้องฟ้าพร่างดาวแผ่ที่อยู่บนท้องฟ้าเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมราวกับฉากละครเท่านั้น


บทที่ 1 แหวนเวทมนตร์

1

ฤดูร้อนใกล้เข้ามา
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว แต่แสงแดดยังคงแผดเผาร้อนแรง ฝุ่นดินแห้งๆ ฟุ้งกระจายขึ้นมาจากการที่ม้าลากเกวียนส่งเสียงเกือกม้าพลางลากเกวียนผ่านไปบนถนนของหมู่บ้าน
กลิ่นที่โชยออกมาจากเกวียนขนของนั้นเป็นกลิ่นหอมของฟาง ชวนให้รู้สึกว่าฤดูร้อนกำลังจะมาถึงแล้ว ขณะนั้นคุโจ คาซึยะกำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินไปบนถนน เพื่อที่จะกลับไปยังโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริต แต่พอได้กลิ่นนั้นเข้าก็หยุดฝีเท้าและหันไปมองพลางหรี่ตาคล้ายแสบตาเพราะแสงจ้า
เกวียนคันใหญ่ที่ดูค่อนข้างเก่านั้นโยกไปซ้ายทีขวาทีอย่างรุนแรงบนถนนที่เป็นตะปุ่มตะป่ำออกห่างไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เกวียนโยกไหวก็จะมีเศษฟางร่วงหล่นลงมาทีละน้อย ที่สองข้างทางมีไร่องุ่นแผ่กว้างไกล เมื่อมีลมพัดมา สีเขียวสดของต้นองุ่นก็โยกไหวไปพร้อมๆ กัน
คุโจ คาซึยะเปลี่ยนฝีเท้ามาเดินแบบทอดน่อง แล้วออกเดินต่อไปบนถนน นั่นเพราะเขานึกขึ้นมาได้ว่าถึงไม่ต้องเร่งรีบเดินขนาดนั้นก็ยังพอไปทันเวลาที่ประตูโรงเรียนจะปิดสบายๆ อยู่แล้วนั่นเอง
เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็ก รูปร่างจัดว่าผอมเล็กน้อย ผมที่เคยตัดสั้นตอนนี้ยาวออกมาเล็กน้อยจนปิดตาสีดำสนิทของเขาเอาไว้ครึ่งหนึ่ง สวมเครื่องแบบของโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริต ซึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังที่มีอาณาเขตกว้างขวางอยู่ตรงตีนเขา พร้อมทั้งสวมหมวกที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบอย่างเรียบร้อย ในมือข้างหนึ่งของเขาถือซองไปรษณีย์สีน้ำตาลเอาไว้
ดูเหมือนเขาจะเปิดมันออกในระหว่างที่เดินอยู่นี้ จึงมีจดหมายกางออกอยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง
คาซึยะกวาดสายตาอ่านจดหมายนั้นด้วยท่าทางสนุกสนาน พลางเดินต่อไปอย่างช้าๆ....
แต่ในไม่ช้า สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเอือมระอา

?ถึงคาซึยะ
สบายดีรึเปล่า? พี่สาวสบายดีจ้า คือว่านะ ฟังพี่หน่อยนะ พี่จะบอกว่าคุณพ่ออะ ใจร้ายมากเลยล่ะ แถมพวกพี่ๆ ก็ใจร้ายด้วยเหมือนกัน แล้วถ้าจะถามว่าใจร้ายยังไงนะ....?

คาซึยะเดินไปพลางพลิกหน้ากระดาษจดหมายไปเรื่อยๆ
ในนั้นมีคำอธิบายของคำพูดที่ว่าใจร้ายยังไง.... เขียนต่อยาวเฟื้อยไปจนถึงหน้าที่สิบ ระหว่างที่อ่านมันอยู่นั้น เขาก็เดินมาได้ไกลมากแล้ว จึงเห็นประตูโรงเรียนอยู่ลิบๆ
???ครึ่กๆๆๆ!
เกวียนขนของส่งเสียงดังพลางวิ่งผ่านไป ในจังหวะนั้นคาซึยะมัวแต่สนใจจดหมาย จนเกวียนวิ่งมาถึงข้างตัวเขา และลมที่เกิดจากเกวียนวิ่งพัดเข้ามากระทบแก้มเขา คาซึยะจึงสะดุ้งราวกับถูกสายลมนั้นเฉือนแก้ม
จดหมายนั้นเป็นของพี่สาวที่อายุมากกว่าคาซึยะ 2 ปี พี่สาวอายุ 17 ปีคนนี้ ดูเผินๆ เหมือนเป็นผู้หญิงบอบบางราวกับดอกไม้ป่าที่โดนลมพัดจนปลิดปลิว แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่เข้มแข็งไม่เบาเลยทีเดียว แม้เธอจะมีนิสัยเรียบร้อย แต่ก็กล้าพูดในสิ่งที่ตนอยากพูดได้อย่างชัดเจน และเพราะแบบนั้นเอง บางครั้งก็เลยมีการทะเลาะกับพ่อและพวกพี่ชายจอมหัวแข็งอยู่ด้วย ซึ่งตัวคาซึยะเองก็แอบคิดเหมือนกันว่าพี่สาวคนนี้เกิดมามีนิสัยเข้มแข็งคล้ายพวกพ่อยิ่งกว่าตัวเองซะอีก
แล้วปีนี้พี่สาวคนนั้นก็จะจบจากโรงเรียนหญิงล้วนแล้ว และเธอก็ขัดใจพ่อด้วยการไม่ยอมแต่งงานกับนายทหารหน้าเหลี่ยมแห่งจักรวรรดิที่อายุห่างกันตั้งสิบปีตามที่พ่อแนะนำมา แต่ตัดสินใจจะเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนหญิงที่ตัวเองเรียนอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เธอต้องเปิดศึกวิวาทะกับพ่อและพวกพี่ชายไม่หยุดมาหลายวันแล้ว
?คาซึยะต้องเข้าข้างพี่นะ ไม่งั้นพี่ไม่ยอมด้วย?
พออ่านจดหมายแผ่นที่ 11 จบ คาซึยะก็คิดขึ้นมาจากใจจริงเลยว่า....โชคดีชะมัดที่ตอนนี้มาอยู่ที่เซาวิลล์ เพราะนิสัยของลูกคนสุดท้องอย่างคาซึยะนั้นอ่อนเกินกว่าจะกล้าไปเถียงกับพ่อและพวกพี่ชายเพื่อปกป้องพี่สาว ส่วนแม่นั้นก็มีแต่จะทำหน้ายิ้มแล้วแวบไปเข้ากับข้างที่ได้เปรียบอย่างรวดเร็วมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตัวเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่ใจดีและอ่อนโยนมาก แต่กลับพึ่งพาไม่ได้เอาซะเลย
คาซึยะอ่านจดหมายพลางเดินเข้าใกล้ประตูโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตเข้าไปเรื่อยๆ พอเงยหน้ามองดูก็เห็นรั้วเหล็กที่สูงมากจนชวนให้ตาลาย รั้วเหล็กนั้นถูกทำเป็นลวดลายคล้ายเถาวัลย์ขดทับซ้อนกันไปมา ดูสลับซับซ้อน มีของประดับเปล่งประกายสีทองติดอยู่เป็นจุดๆ คาซึยะอ่านจดหมายไปเรื่อยๆ พลางเดินผ่านประตูใหญ่ กลับเข้าสู่ภายในโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริต
แล้วอยู่ๆในจดหมายก็เริ่มมีคำศัพท์ที่คาซึยะไม่คุ้นเคยร้อยเรียงลงมาเป็นสาย
?อยากได้เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวสักสามชุดจังเลย เอาแบบที่มีปกเสื้อน่ารักๆ ด้วยนะ แล้วก็เอาคอลลาร์ลายสก็อต ส่วนรองเท้าหนังขอเป็นสีน้ำตาลเข้มแบบที่มีของประดับตรงปลายรองเท้าด้วย กับถุงเท้าที่มีปักลาย แล้วก็ปากกาแก้ว แน่นอนว่าเอาหมึกด้วยนะ แล้วก็ ต่อไปก็....?
ดูเหมือนพี่สาวจะอยากให้คาซึยะซื้อของที่เธอจำเป็นต้องใช้ในการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนหญิงที่ว่านั่นจากเซาวิลล์นี้ แล้วส่งไปให้เธอ ซึ่งรายการของที่ต้องซื้อนั้นยังมีต่อยาวลงไปอีกเยอะเลย
คาซึยะหยุดนิ่งอยู่กับที่พลางยกมือขึ้นกุมหัว เพราะเขาไม่รู้เลยว่าของในรายการที่พี่สาวฝากซื้อนั้นหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง และที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นของแบบไหน หน้าตาเป็นยังไง
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วในตอนนั้นเอง....
?อ๊ะ! เด็กคนนี้แหละ คนนี้แหละที่เป็นคนร้าย เป็นคนที่ทำเรื่องนั้นไง....!?
พอได้ยินคำว่าคนร้าย คาซึยะก็หันขวับทันที
พฤติกรรมนี้เรียกได้ว่าซึมเข้าไปถึงระดับจิตใต้สำนึกแล้ว เพราะพอเวลาเจอเรื่องแปลกประหลาด หรือคดีอะไรที่ดูเป็นปริศนา เขาก็จะเก็บเรื่องนั้นขึ้นมาสรุปให้เข้าใจง่ายๆ จากนั้นก็เดินผ่านบันไดวงกตขึ้นไป
เพื่อนำเรื่องราวนั้นไปเล่าให้กับเพื่อนผู้งดงามและแสนจะแปลกประหลาดของเขาได้ฟัง เพื่อนผู้ที่มักจะบ่นอยู่เสมอว่า
....เบื่อจะตายอยู่แล้ว รีบเอาปริศนามาให้ฉันซะโดยดี!
แต่แล้ว....
คนที่ร้องตะโกนว่าคนนี้แหละที่เป็นคนร้าย คือผู้หญิงที่เขารู้จักดี....นั่นคืออาจารย์เซซิลที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นนั่นเอง ผู้เป็นผู้หญิงที่มีเนื้อมีหนังนิดๆ ดูน่ารักเหมือนลูกสุนัข สวมแว่นตากลมโตอันใหญ่ ผมดำยาวประบ่าถูกลมพัดจนฟูขึ้นมา
แต่ไม่รู้เพราะอะไร อาจารย์เซซิลถึงได้ชี้นิ้วตรงมาทางนี้
?....คนร้าย เหรอครับ??
คาซึยะหันกลับไปมองด้านหลัง
มีเพียงสายลมพัดผ่านดังฟิ้ว....
ไม่มีใครอื่นอยู่ที่นั่นเลย
จากนั้นจึงหันกลับไปมองอาจารย์เซซิลอีกครั้ง จนพบว่าอาจารย์ชี้นิ้วตรงมาทางนี้จริงๆ ด้วย
จากนั้น....
รั้วพุ่มไม้ที่อยู่บริเวณเท้าของอาจารย์ก็สั่นไหวส่งเสียงดังแซ่กๆ ดูราวกับมีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่หลบซ่อนอยู่ข้างใน คาซึยะจึงผวาถอยหลังไปหนึ่งก้าว
???พรวด!
สิ่งที่ออกมาจากรั้วพุ่มไม้นั้นคือคนแก่ร่างกายแข็งแรงบึกบึนที่มีเคราดกเต็มหน้า ในมือข้างหนึ่งของเขาถือกรรไกรทำสวนขนาดใหญ่เอาไว้
แล้วอาจารย์เซซิลก็ชี้นิ้วมาที่คาซึยะพลางพูด
?คุณคนสวนคะ! เด็กคนนี้แหละค่ะที่เป็นคนร้ายเหยียบดอกสุมิเระ แล้วก็เจาะรูบนรั้วพุ่มไม้....?
คาซึยะร้อง ?อ๊ะ....? ขึ้นมา เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน คาซึยะมีความจำเป็นให้ต้องออกไปนอกโรงเรียนหลังจากเวลาปิดประตูไปนานมากแล้ว จึงได้มุดผ่านรูที่อยู่ในรั้วพุ่มไม้ออกไป แต่แล้วก็ความแตกถูกอาจารย์เซซิลรู้เข้า คาซึยะจึงโดนดุไปชุดใหญ่เลยทีเดียว
คนทำสวนที่ถูกเรียกมาซ่อมรูบนรั้วพุ่มไม้อย่างไม่ต้องสงสัยคนนั้นนิ่วหน้าที่โดนแดดเผา ผิวหนังหนาราวกับหนังฟอก พลางจ้องคาซึยะเขม็ง
?อะไรกัน นี่แกเองเรอะ! ที่มาเจาะรูเอาไว้ตรงนี้! รู้มั้ยว่าฉันต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะเลี้ยงต้นไม้ขึ้นมาได้ขนาดนี้! มานี่เลย บอกมาซิว่าใช้มือข้างไหนทำ ฉันจะใช้ไอ้นี่ตัดมันออกซะเดี๋ยวนี้แหละ!?
คนทำสวนเหวี่ยงกรรไกรทำสวนขนาดใหญ่ยักษ์ไปมาพลางพูดขู่ไปแบบนั้น โดยเดาว่าคาซึยะคงจะวิ่งหนีไป แต่คาซึยะที่โดนขู่กลับทำหน้าซีดพลางพูดออกมา
?ขอโทษครับ....!?
คาซึยะก้มหัวลงพูดขอโทษ ส่วนคนทำสวนนั้นท่าทางจะผิดคาดมากๆ จึงได้แต่ทำหน้าอึ้งพลางจ้องท้ายทอยของคาซึยะ ก่อนจะเริ่มยิ้มออกมาน้อยๆ
?....ช่างเถอะ ยังไงก็คงโดนเซซิลดุมาเต็มที่แล้วล่ะสิ แค่คราวหลังอย่าทำอีกก็พอแล้ว?
พูดจบเขาก็มุดหายเข้าไปในรั้วพุ่มไม้ส่งเสียงดังแซ่กๆ อีกครั้ง
ระหว่างนั้นอาจารย์เซซิลก็หัวเราะคิกๆ ไม่หยุด
คาซึยะตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แล้วก็นึกขึ้นได้จึงย้อนกลับมาและพูดกับอาจารย์เซซิล
?เอ่อ อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามสักหน่อย....?
?อุ๊ยตาย มีอะไรเหรอจ๊ะ??
?คือว่า....?
คาซึยะใช้นิ้วชี้ใส่จดหมายที่อยู่ในมือข้างหนึ่งพลางถามอาจารย์เซซิล
?กุหลาบน้ำเงินเนี่ย มันคืออะไรกันเหรอครับ....??

ขณะนั้นเป็นปี ค.ศ. 1924....
ณ ประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่งในยุโรปที่ชื่อว่าราชอาณาจักรเซาวิลล์
ประเทศนี้เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีอาณาเขตเป็นรูปทรงเรียวยาว โดยเริ่มจากชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีอ่าวลียงซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะที่พักร้อนของพวกขุนนาง เปรียบได้กับประตูหน้าบ้านอันโอ่อ่าหรูหรา ทอดยาวเข้าสู่เทือกเขาแอลป์ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินของทวีปยุโรป จนมีอาณาเขตเรียวยาว ดูราวกับระเบียงทางเดินที่เต็มไปด้วยปริศนา ลึกเข้าไปในเทือกเขาอยู่ติดกับชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนพื้นที่ติดทะเลที่ค่อนข้างหรูหรานั้นอยู่ติดกับชายแดนอิตาลี และในเมืองใหญ่ลึกเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังนั้นอยู่ติดกับชายแดนฝรั่งเศส ประเทศเซาวิลล์นั้นแม้จะถูกล้อมรอบด้วยประเทศมหาอำนาจ แต่ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สืบทอดมาแต่โบราณ และแข็งแกร่งพอที่จะเอาตัวรอดผ่านไฟสงครามโลกมาได้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ?ยักษ์น้อย? ของยุโรปตะวันออก
ลึกเข้าไปในอาณาเขตประเทศ ที่ดูราวระเบียงทางเดินที่เต็มไปปริศนา มีเทือกเขาแอลป์ตั้งอยู่ และที่ตีนเขานั้นเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตที่แม้จะไม่เก่าแก่เท่ากับประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ แต่ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากอยู่ โรงเรียนนี้ตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบ และมีชื่อเสียงไปทั่วราชอาณาจักรในฐานะสถานศึกษาสำหรับลูกหลานของชนชั้นสูง หากมองลงมาจากบนฟ้าจะเห็นอาคารเรียนรูปร่างเหมือนเส้นสี่เหลี่ยมที่ตัดด้านหนึ่งออกไป มีการตกแต่งด้วยสวนอันกว้างขวาง และมีรั้วพุ่มไม้สูงล้อมรอบ นับเป็นสถานที่อันลึกลับที่มีเพียงนักเรียนและอาจารย์เท่านั้นที่เข้าออกได้....
แต่หลังสงครามครั้งก่อน ที่นับได้ว่าเป็นสงครามโลกครั้งแรกจบลง โรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตแห่งนี้ก็เริ่มเปิดรับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีความสามารถจากประเทศพันธมิตรบางส่วน
ซึ่งคุโจ คาซึยะ อายุ 15 ปีคนนี้เอง ก็เป็นผู้มีผลการเรียนดี กิริยามารยาทเยี่ยม มีพ่อเป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิ และพี่ชายทั้ง 2 คนเองก็เป็นคนมีความสามารถเช่นกัน จึงได้รับการแนะนำมายังโรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตแห่งนี้ แต่สิ่งที่คาซึยะซึ่งเดินทางมาโดยตั้งความหวังกับชีวิตใหม่ในครั้งนี้เอาไว้มากได้พบที่โรงเรียนแห่งนี้กลับเป็นการดูถูกจากลูกหลานชนชั้นสูง กำแพงของภาษาและวัฒนธรรม กับเรื่องลึกลับที่ไม่รู้ทำไมถึงได้มีแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน และ....
ได้พบกับวิคตอริก้า เดอ บลัว เด็กสาวผู้งดงามแต่แปลกประหลาด และยังเย็นชาในบางครั้ง....
ในระยะเวลาหลายเดือนหลังจากที่มาเรียนแลกเปลี่ยนนี้ แม้คาซึยะจะต้องลำบากนู่นนี่กับเรื่องอะไรแปลกๆ มาตลอด แต่ในที่สุดเขาก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเซาวิลล์ขึ้นมาบ้างแล้ว

?....กุหลาบน้ำเงิน??
อาจารย์เซซิลเอียงคอสงสัยพลางถามย้อน คาซึยะจึงพยักหน้า และเดินไปนั่งลงบนม้านั่งไม้ในสวนที่อยู่ในเขตโรงเรียนพร้อมกับอาจารย์เซซิล
ในเขตโรงเรียนนั้นมีอาคารเรียนขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยมที่ถูกตัดด้านหนึ่งออกไป หอพักอันหรูหราสำหรับนักเรียน หอสมุด โบสถ์....และอื่นๆ ตั้งอยู่ ส่วนสองข้างทางของถนนที่เชื่อมแต่ละอย่างเข้าด้วยกันนั้นมีสวนที่ถูกจัดแต่งเอาไว้อย่างดีจนชวนทึ่งเรียงรายไปหมด ทั้งแปลงดอกไม้ที่ตัดแต่งเอาไว้อย่างดี น้ำพุสวยงาม และสนามหญ้าที่ชวนให้รู้สึกดี
ทั้งสองคนนั่งลงบนม้านั่งที่อยู่ในมุมหนึ่งของสนามหญ้า จากนั้นก็เริ่มคุยกัน โดยคาซึยะพูดพลางโชว์จดหมายที่พี่สาวส่งมาให้
?คือพี่สาวผมบอกให้ซื้อของอะไรหลายๆ อย่างจากเซาวิลล์ส่งไปให้หน่อยน่ะครับ....อย่างพวกเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องเขียนอะไรแบบนี้ แล้วมันก็เป็นหนึ่งในนั้นล่ะครับ....?
ในช่วงท้ายของจดหมายมีเขียนเอาไว้ว่า ?อ้อ แล้วก็เอากุหลาบน้ำเงินอันนึงด้วยนะ ฝากด้วยน้า? แต่คาซึยะไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร จึงคิดว่าเรื่องนี้....
?ถ้าลองถามผู้หญิงดูอาจจะรู้ก็ได้ว่ามันคืออะไร....?
?นี่คุโจคุงไม่รู้จักเหรอ??
พอรู้สึกตัวก็เห็นอาจารย์เซซิลจ้องเขาด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ คาซึยะจึงลนลานพูด
?มะ ไม่รู้หรอกครับ อ๊ะ.... แต่มันเป็นของที่มีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอครับ??
?เด็กผู้ชายเนี่ย ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลยสินะ?
?ขอโทษครับ....??
คาซึยะเผลอขอโทษไปตามความเคยชินเวลาพูดกับวิคตอริก้าและอาวริล แต่พอมาคิดดูแล้วก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าเขาผิดอะไรเลย
?กุหลาบน้ำเงินน่ะเป็นเพชรสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่มีไม่กี่ชิ้นในโลกเลยนะ?
?เพชร....??
?ใช่แล้ว อันใหญ่ขนาดนี้เชียวล่ะ มันมีรูปร่างคล้ายดอกกุหลาบ ก็เลยถูกโยงเข้ากับตราประจำราชวงศ์ของเซาวิลล์ที่เป็นกุหลาบสีน้ำเงินดอกโต จนถูกเรียกว่า ?กุหลาบน้ำเงิน? เป็นสมบัติประจำราชวงค์เซาวิลล์เลย ในหนังสือเรียนก็มีลงรูปภาพไว้ด้วยนะ จำได้รึเปล่า??
คาซึยะนึกถึงภาพเพชรสีน้ำเงินที่อยู่ในหนังสือเรียนวิชาศิลปะขึ้นมาได้ จึงพยักหน้า แต่พอผ่านไปสักหน่อยก็เริ่มทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
?ขืนเอาของแบบนั้นส่งไปให้พี่ล่ะก็ มีหวังได้เป็นปัญหาระหว่างประเทศกันพอดีสิ?
?....ฮ่ะๆๆ คุโจคุงนี่ล่ะก็ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ที่พี่สาวเธออยากได้คือของเลียนแบบทำจากแก้วที่รูปร่างเหมือนกุหลาบน้ำเงินเปี๊ยบต่างหาก มันเป็นที่ทับกระดาษไง ตอนนี้เป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้หญิงมากๆ เลยนะ ถ้าจำไม่ผิด....รู้สึกว่าจะมีขายแค่ที่แจนตันที่เดียวซะด้วย?
?แจนตัน??
?เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ในเซาเลมจ้ะ?
คาซึยะทำสีหน้าปั้นยากขึ้นมา
เซาเลมนั้นเป็นชื่อเมืองหลวงของราชอาณาจักรเซาวิลล์ มันเป็นเมืองอยู่บนที่ราบใกล้กับชายแดนฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านที่โรงเรียนเซนต์มาร์เกอริตแห่งนี้ตั้งอยู่ไปไกลเลยทีเดียว ตอนที่เพิ่งมาเรียนแลกเปลี่ยนที่เซาวิลล์ คาซึยะเคยเดินทางผ่านที่นั่นเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีธุระที่จะไป แถมยังไกลมากด้วย จึงไม่ได้ไปเหยียบย่างอีกเลย
?....งี้นี่เอง ถ้างั้นก็ต้องไปซื้อถึงที่เซาเลมเลยสินะ?
อาจารย์เซซิลทำหน้าแปลกใจ
?ตอบไปว่ามันไกลมาก ไปไม่ไหวก็ได้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ??
?อือ.... แต่ผมว่าพี่เขาคงตั้งหน้าตั้งตารออยากได้มากๆ เลยซะด้วยสิ....?
คาซึยะพูดแบบนั้นพร้อมทำสีหน้าครุ่นคิด อาจารย์เซซิลจ้องมองใบหน้านั้นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงยื่นมือออกไป และเริ่มลูบหัวคาซึยะ
?ทะ ทะ ทำอะไรน่ะครับ!??
?เป็นน้องชายที่ดีจังเลยน้า?
?พะ พอเถอะครับ!?
คาซึยะขยับตัวหนีพร้อมกับพูด
?แต่จะว่าไป....เมื่อกี้ผมถึงขั้นใจหายวาบเลยนะครับ เล่นบอกว่ากุหลาบน้ำเงินแบบนี้ ทำเอาผมนึกว่าอยากได้ของจริงที่เป็นเพชรสีน้ำเงินซะอีก....?
?อ้อ.... แต่ว่านะ ของจริงที่เป็นเพชรสีน้ำเงินนั่นไม่อยู่แล้วล่ะ?
?ไม่อยู่แล้ว....??
?มันหายไปจากคลังสมบัติของวังในช่วงที่เกิดความวุ่นวายจากสงครามโลกซะแล้วล่ะจ้ะ นอกจากนี้ก็มีผลงานศิลปะอีกหลายอย่างเลยนะที่หายไปในช่วงสงครามครั้งนั้น มันเป็นสมบัติสำคัญของประเทศนี้ก็จริง แต่ป่านนี้คงถูกขนย้ายออกนอกประเทศ ไปประดับอยู่ในคฤหาสน์ของนักสะสมในทวีปอเมริกาแล้วล่ะ....?
อาจารย์เซซิลพูดแบบนั้นพลางทำสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
?กุหลาบน้ำเงินที่เป็นเพชรสีน้ำเงินรูปร่างเหมือนตราประจำราชวงศ์เซาวิลล์เปี๊ยบนั้น นับเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้และถูกเก็บรักษาอย่างดีมาตลอด แถมเป็นของที่ต้องใช้ประดับที่บัลลังก์ของพระราชาเซาวิลล์ในแต่ละรุ่นด้วย การที่มันหายไปจึงนับเป็นความเสียหายใหญ่หลวงของทางราชวังเลยทีเดียว นอกจากนี้เพชรเม็ดนั้นยังมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับราชินีผู้งดงามในอดีตด้วยนะ เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เด็กผู้หญิงในประเทศชื่นชมเพชรเม็ดนี้ สีก็สวย แถมยังมีรูปร่างน่ารักเหมือนดอกไม้อีก....เพราะงั้นแหละ ถึงได้น่าเสียดายมากเลย ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหนแล้วนะ....?
อาจารย์ลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็หันกลับมา
?อ้อ คุโจคุง!?
?ครับ!?
?ถ้าจะไปซื้อกุหลาบน้ำเงินที่แจนตันล่ะก็....?
?ครับ ผมรู้ครับ ต้องส่งใบขออนุญาตออกไปข้างนอกในช่วงสุดสัปดาห์ แล้วก็ต้องกลับมาให้ทันก่อนมืด....?
?ฝากซื้อเผื่อครูด้วยนะ?
?....เอ๋??
อาจารย์เซซิลพูดอย่างอารมณ์ดีสุดๆ
?ครูอยากได้มานานแล้วล่ะ แต่จะให้ถ่อไปซื้อถึงเซาเลมก็ขี้เกียจ....?
?เอ่อ อาจารย์ครับ.... ผมไม่รับฝาก....?
?ฝากด้วยนะ แล้วก็อย่าโดดเรียนล่ะ?
อาจารย์เซซิลทำเป็นไม่ได้ยินคำโต้แย้งของคาซึยะ พลางเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ทิ้งให้คาซึยะได้แต่อึ้ง
?ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่มาที่เซาวิลล์นี่ ฉันโดนพวกผู้หญิงว่า....เรียกว่าไงดีนะ กรณีแบบนี้ โดนดูถูกคงล่ะมั้ง? แบบนี้มันต้องโต้กลับแบบจังๆ สักรอบ ต้องแสดงพลังของผู้ชาย....?
?....คุโจคุง ฝากซื้อเผื่อฉันด้วยอีกคนนะ!?
?จ๊ากกกกกกกกกกกก!?
คาซึยะร้องลั่นพลางลุกพรวดขึ้นจากม้านั่ง
เขาหันกลับไปดูทั้งที่ยังสั่น และก็พบกับใบหน้าของเด็กสาวที่คุ้นเคยมาอยู่ด้านหลังม้านั่งตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
เธอเป็นเด็กสาวผมสั้นสีทองสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย ดูท่าทางสนุกสนานอยู่เสมอ ดวงสีฟ้าสดใส แขนขาเรียวยาว นิสัยร่าเริง แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
เธอคนนี้คืออาวริล แบรดลีย์.... นักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศอังกฤษ เธอเข้ามาเรียนห้องเดียวกันเมื่อประมาณสามเดือนก่อน จากนั้นก็เกิดคดีเกี่ยวกับ ?หนังสือสีม่วง? จนทำให้สนิทกัน
ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ลงไปนอนราบในท่าคลานศอกอยู่บนสนามหญ้า กระโปรงของเธอเลิกขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้ท่อนขาที่แม้จะเรียวยาวแต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าสุขภาพสมบูรณ์ทอดลงไปบนสนามหญ้า ทำให้คาซึยะหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย
?ทะ ทำอะไรอยู่น่ะ??
?ซื้อเผื่อฉันด้วยนะ คุโจคุง?
?คือ....??
?ที่ทับกระดาษกุหลาบน้ำเงินไง?


*********************************************************************************
คาซึยะทิ้งวิคตอริก้าที่เป็นหวัดนอนซมเอาไว้ที่โรงเรียน และได้ออกเดินทางไปยังเซาเลมซึ่งเป็นเมืองหลวง เพื่อซื้อ ?กุหลาบน้ำเงิน? ตามที่พี่สาวที่อยู่ที่บ้านเกิดฝากซื้อ แต่แล้วเขาก็ได้พบกับคดีคนหายสาบสูญอย่างเป็นปริศนา ทั้งคำให้การที่ไม่ตรงกัน ห้องที่หายไป และตัวจริงของความมืดของห้างสรรพสินค้าคืออะไรกันแน่...!? โดยในเวลาเดียวกันนั้นวิคตอริก้าก็ต้องต่อสู้กับพิษไข้ ความเบื่อหน่าย และความเหงาอย่างโดดเดียว ?เจ้าบ้า คุโจ...ออกไปข้างนอกจริงๆด้วยเรอะ...? แม้จะอยู่ห่างกันแต่ทั้งสองก็จะทำให้ความจริงปรากฏออกมาให้จงได้ เชิญชมได้ใน GOSICK เล่ม 3!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”