การได้ยินบิดาเอ่ยปากถึงคนที่จะมาช่วยทำงานในตำแหน่งเลขานุการคนใหม่และเขาก็เพิ่งเจรจายกให้เธอไปเป็นเลขาหน้าห้องของฝ่ายนั้นเมื่อวันวาน ทำให้สุรเสกข์ไม่นึกสงสัยในตัวของหญิงสาวที่เดินตามหลังคุณสุพลเข้ามาในห้องทำงานของเขา เมื่อเวลาเกือบสิบนาฬิกาเลยแม้แต่น้อย
?พ่อพาเลขาฯ คนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก?
พอได้ยินผู้เป็นพ่อเอ่ยบอก สุรเสกข์ก็ปิดวารสารยานยนต์ซึ่งกำลังให้ความสนใจอยู่ก่อนหน้าแล้วชำเลืองข้ามไหล่หนาไปหยุดที่หญิงสาวเรือนร่างผอมบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนแขนสี่ส่วนเข้ารูปเก็บชายไว้ในกระโปรงสีเข้มเหนือเข่าเรียบร้อยนั้นนิดหนึ่ง ก่อนนัยน์ตาคู่คมจะเต้นระริกเมื่อได้เห็นว่าหญิงสาวคนนั้นคือคนเดียวกันกับสาวน้อยมหาภัยในห้องลองเสื้อที่เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อวันวานก็วนเวียนเข้ามา
?อุ๊ย...ว้าย...?
เสียงใสของใครบางคนที่อุทานออกมา หยุดมือของสุรเสกข์ที่กำลังเตรียมจะถอดกางเกง พลันสายตาของเขาก็ตวัดไปจับยังต้นตอของเสียง มองเจ้าของเสียงด้วยความตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
?นี่...คุณเข้ามาได้ยังไง ยี้?
เสียงใสฟังดูร้อนรนเอ่ยถามขณะมือไม้ที่หยิบจับอะไรไม่ถูกก็กอดเสื้อผ้าแนบอกอันมีแค่บราตัวจิ๋วปิดบังสายตา
?อ้าว...ก็นี่มันห้องลองเสื้อผ้าของผู้ชายไม่ใช่เหรอ คุณนั่นแหละเข้ามาได้ยังไง?
สุรเสกข์เถียงเพราะขัดใจในเสียง ?ยี้? ที่ดังมากระทบโสตประสาทอย่างชัดเจนนั้นยิ่งนัก
?ก็...ก็...ฝั่งโน้นมันเต็ม แล้วพนักงานขายเขาบอกว่าจะเฝ้าหน้าห้องให้นี่ คุณก็ช่วยออกไปก่อนสิ?
?เรื่องอะไร ออกไปผมก็อายคนสิ?
พอได้ยินเสียงร้องอันบ่งบอกถึงความรังเกียจหรือขยะแขยงก็สุดจะเดานั้นดังมาจากคนที่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก สุรเสกข์ก็นึกอยากจะแกล้งให้สมกับที่เธอมาบังอาจมาทำร้ายความรู้สึกเขา ดังนั้นแทนที่จะรีบดึงกางเกงซึ่งถูกรูดซิปลงจนเห็นชั้นในสีขาวขึ้นมาให้เรียบร้อย เขากลับยืนมองใบหน้าเรียวสะอาดสะอ้านที่คอยเปลี่ยนสีจากแดงเรื่อไปเป็นซีดเผือดเพราะความตระหนกตกใจอย่างนึกขำ
?งั้นก็หยุดยืนอยู่ตรงนั้น ห้ามขยับตัว ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆ ด้วย?
แม้จะยังอยู่ในภาวะคับขันแถมสถานที่ก็ยังแทบไม่พอให้แมวดิ้นตายทำให้ทั้งเขาและเธออยู่ใกล้กันแค่เอื้อม หากแต่หญิงสาวที่มือก็ต้องคอยกอดเสื้อผ้าปิดบังเรือนกายท่อนบนเอาไว้ ยังไม่วายจะส่งเสียงขู่ สุรเสกข์จึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา
?นี่...แม่คุณ ใครจะทำอะไรคุณ กลัวนักก็ออกไปข้างนอกเลยสิ?
ชายหนุ่มว่าอย่างหัวเสีย เพราะหน้าตาเขาออกจะเป็นคนดีมีคุณธรรมแต่กลับถูกหญิงสาวมองแล้วร้อง ?ยี้? พาให้สูญเสียความมั่นใจ
?บ้า ฉันจะออกไปทั้งที่โป๊อยู่แบบนี้ได้ยังไง คุณนั่นแหละออกไป?
?เรื่องอะไร ธุระไม่ใช่?
?แต่ฉันเข้ามาก่อน?
เธอทวงสิทธิ์ของการเป็นคนแรก และนั่นก็ทำให้สุรเสกข์ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ
?นี่มันห้องผู้ชาย ถ้าผมออกไปตอนนี้แล้วมีใครรู้ ผมก็เสียหน้า แถมคุณนั่นแหละที่จะต้องได้อายชาวบ้าน จะทำอะไรก็รีบทำ แล้วผมจะได้ทำธุระของผมบ้าง พูดมากชักช้าเดี๋ยวก็ถอดมันตรงนี้เสียเลย?
?อย่านะ ฉันไม่ลองแล้วก็ได้ จะรีบใส่เสื้อผ้าและออกไปข้างนอก คุณห้ามมองนะ หันหน้าไปก่อน?
ขาดคำร่างบางก็หมุนตัวหันหลังมาให้ สุรเสกข์ที่ถูกหญิงสาวตัวเล็กทำใจดีสู้เสือออกคำสั่งเสียงสั่น จึงยอมหันหลังให้แต่โดยดี
ก่อนคิ้วหนาจะเลิกขึ้นพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าตรงหน้าเขาก็มีกระจกเงาบานใหญ่ตั้งอยู่เหมือนกัน ดังนั้นต่อให้ต้องยืนหันหลัง หากแต่เงาของใครบางคนที่กำลังพยายามกลับด้านเสื้อผ้าเพื่อสวมมันก็ยังสะท้อนออกมาให้เขาเห็นทุกอิริยาบถอยู่ดี ที่สำคัญคือเห็นได้รอบตัวเพราะฝั่งที่เธอยืนก็มีกระจก!
ภาพของไหล่บางที่ลาดเอียงลงสู่ต้นแขนกลมกลึงนั้นช่างขาวเนียนผุดผ่อง ทั้งแผ่นหลังอรชรที่สอบลงรับเอวกิ่วคอด ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะทำให้สุรเสกข์ไม่เชื่อว่าภายใต้อาภรณ์ท่อนล่างที่ปิดบังสายตาต้องมีสะโพกผายงอนงามซ่อนอยู่ เหตุที่มั่นใจอย่างนั้นเพราะดูอย่างทรวงอกของเธอสิ ต่อให้มีบางอย่างห่อหุ้มโอบอุ้มไว้ เขาก็ยังเห็นมันแทบล้นทะลักด้วยขนาดที่สวนทางกับความบอบบางอ้อนแอ้นของร่างกาย
?ว้าย แล้วคุณจะรีบถอดทำไมตอนนี้ล่ะ?
หลังจากได้ยินเสียงสวบสาบและมันก็เงียบหายไปชั่วอึดใจ เสียงอุทานของเธอก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ก็ทำเอาสุรเสกข์เริ่มยัวะ
?ก็คุณช้านักนี่ สวมเสื้อผ้าแค่นี้เอง หยุดเถียงนะ ไม่พอใจก็เดินโทงๆ ออกไปเลย?
สุรเสกข์ท้า ในขณะที่ปากก็ว่าส่วนมือก็ขยับกางเกงตัวเดิมออกจากร่างกายแบบไร้ซึ่งความเก้อเขินใดๆ ร้อนถึงเจ้าของตาโตต้องบังคับให้จับจ้องอยู่เฉพาะใบหน้าของเขาเท่านั้น
?ฉันแต่งตัวเสร็จแล้วย่ะ?
หญิงสาวว่าก่อนจะเดินแบบขาดความมั่นใจผ่านหน้าเขาเพื่อออกไปข้างนอก และเพราะความคะนองที่แล่นวูบขึ้นมา ด้วยเห็นใบหน้าเรียวของคนที่เถียงเขาอย่างไม่ลดละซับสีระเรื่อน่ามอง สุรเสกข์จึงทนเก็บปากเก็บคำไม่ไหว
?ผมเห็นแล้ว จากในกระจกนี่?
ดูเหมือนคำพูดประโยคนี้จะอานุภาพแรง เพราะร่างบางที่เตรียมก้าวขาออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่ลองสวมเลยแม้แต่น้อย ได้หยุดกึกแล้วก้าวเท้าถอยหลังกลับเข้ามาอีก นิ้วเรียวชี้หน้าต่อว่าเขาเสียงสั่น
?คุณมันเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด ฉวยโอกาส โรคจิต ลามก บ้ากาม?
?อะไรกัน ก็คุณไม่ใช่เหรอที่บอกให้ผมหันหน้าไป แล้วกระจกมันก็อยู่ตรงนี้ คุณโชว์ให้ผมดูเองจะให้ผมยืนหลับตารึไง ขอโทษ...ผมไม่ใช่ฤๅษีกลางป่า?
?เชอะ พูดออกมาได้ทุ...?
?นี่ ห้ามด่าผมอีกนะ ขืนด่าอีกคำเดียว วันนี้คุณมีลุ้นได้สามีแบบนั้นแน่ ๆ?
สุรเสกข์ว่าพลางชี้นิ้วปรามสีหน้าจริงจัง ซึ่งพอเห็นร่างบางสะบัดหน้าแล้วหายลับไปในทันที เขาจึงได้แต่หัวเราะหึๆ ด้วยความชอบใจ
สุดท้ายการลองสวมกางเกงที่กำลังจะควักเงินซื้อก็ผ่านไปด้วยดี ต่อให้เจ้าตัวจะรู้สึกว่าเป้ากางเกงค่อนข้างตึงไปกว่าปกตินิดหน่อยก็ตาม
?นี่สุรเสกข์ ลูกชายผม เพิ่งเรียนจบและกลับมาจากอังกฤษ เสกข์นี่ปาริชาต เรียกสั้นๆ ว่าป่าน?
เสียงของคุณสุพลที่ดังขึ้น ปลุกสุรเสกข์ให้ตื่นจากภวังค์และเหตุเพราะสังเกตเห็นใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายเริ่มซีดแถมเจ้าของยังเปลี่ยนจากสีหน้าท่าทางตื่นตะลึงไปเป็นจืดเจื่อนราวกับเกรงว่าจะถูกเขายกเอาความได้เปรียบขึ้นมารังแก สุรเสกข์จึงพยายามระงับความรู้สึกทั้งหลายเอาไว้ ก่อนจะสำรวมกิริยาแล้วเอ่ยทักอย่างสุขุม
?สวัสดีครับ ยินดีที่จะได้ร่วมงานกัน?
?เอ่อ...สะ สวัสดีค่ะ?
ปาริชาตจำต้องยกมือขึ้นไหว้เขาพร้อมกับอาการเจ็บจี๊ดในอก เมื่อวานเธอกับเขายังมีเรื่องกันอยู่เลย แต่วันนี้กลับต้องได้มายกมือไหว้แถมทำกิริยานอบน้อมต่อเขาเสียแล้ว ที่สำคัญเธอตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แบบนี้ต่อให้คุณสุพลจะรับรองความปลอดภัยให้แค่ไหน ปาริชาตก็แทบไม่อยากจะหวังแล้วว่ามันจะเป็นจริงเช่นว่า
?ทราบมาว่าเพิ่งจบใหม่ เรียนสาขาอะไรมาครับ?
ผู้ชายคนที่ปาริชาตหวาดกลัวการเผชิญหน้ามากที่สุดเอ่ยถาม หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองแน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้
?จบ วทบ.ค่ะ?
?หืม...?
คิ้วหนาเลิกขึ้นพร้อมเสียงอุทานอย่างฉงนเพียงในลำคอ ก่อนที่คุณสุพลซึ่งยืนอยู่ตรงกลางและไม่ได้รู้ความเป็นไปของคนทั้งคู่นี้มาก่อนแม้แต่น้อยจะเป็นฝ่ายเฉลยออกมา ท่ามกลางความหวั่นใจว่าจะถูกตำหนิที่รับเอาคนไม่เป็นงานเข้ามาแถมวุฒิการศึกษาก็ไม่ตรงกับเนื้องานที่จะปฏิบัติ
?ป่านจบเคมีมา?
?หา...?
ก่อนที่สุรเสกข์จะหลุดคำพูดซึ่งอาจเป็นการทำร้ายจิตใจคนฟังออกมาอีก นภษรซึ่งเป็นเลขานุการสาวใหญ่และทำงานร่วมกับคุณสุพลมานานหลายปีจนรู้ใจกันก็เคาะประตูแล้วผลักมันเข้ามาภายใน
?อ้าว...คุณษรมาแล้ว ผมพาน้องใหม่มาแนะนำให้รู้จัก?
?สวัสดีค่ะ?
ปาริชาตยกมือไหว้สาวใหญ่วัยน่าจะเกินกว่าสามสิบปีหากแต่ยังดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงด้วยความยินดี ที่สำคัญเธอมีบุคลิกภาพชวนมองน่าประทับใจ
?คุณษร นี่ปาริชาต หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าป่านก็ได้ คนที่ผมเคยบอกว่าจะให้มาเป็นผู้ช่วยของคุณไง ป่านเขาเรียนจบเคมีมา อาจจะไม่เกี่ยวกับงานของเราแต่ว่าเขาก็หัวดี เรียนรู้ได้ไว?
พอได้ยินคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อ ซึ่งดูจะเอนเอียงไปทางการปกป้องหญิงสาววัยละอ่อนคนนี้จนเขารู้สึกได้ ไหนจะยังน้ำเสียงที่แสดงความสนิทสนมประหนึ่งรู้จักกันมาเนิ่นนานทั้งที่ไม่ใช่ญาติฝ่ายใดนั้นอีก ความสงสัยของสุรเสกข์จึงก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
?ฝากสอนงานด้วยนะคุณษร?
?ยินดีค่ะ?
?งั้นป่านก็ออกไปเริ่มต้นเรียนรู้งานจากคุณษรได้แล้ว มีอะไรค่อยคุยกัน?
?ค่ะ?
แล้วนภษรก็เดินออกจากห้อง โดยมีร่างของปาริชาตก้าวตามไป ซึ่งเมื่อประตูบานนั้นถูกปิดลงพร้อมกับร่างของหญิงสาวทั้งสองคนได้หายลับไปแล้ว สุรเสกข์ก็หันไปพูดกับผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าจริงจัง
?ทำไมตอนที่เราคุยกัน พ่อไม่เห็นบอกผมเลยว่าผู้หญิงคนนี้เธอเรียนจบเคมีมา?
?อ้าว แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ จะบอกตอนนั้นหรือว่าบอกตอนนี้ ยังไงก็เปลี่ยนวุฒิการศึกษาของปาริชาตเขาไม่ได้อยู่ดี?
?แต่มันก็เปลี่ยนคนใหม่ได้นี่ครับ?
?รู้สึกว่าพ่อจะบอกเหตุผลที่รับป่านเขาเข้าทำงานให้แกฟังไปแล้วนะ ฉะนั้นก็ป่วยการจะมาพูดอย่างนี้ ดูๆ ไปก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากัน?
ผู้เป็นพ่อตอบออกมาแบบไม่ยี่หระด้วยมั่นใจว่าถึงอย่างไรปาริชาตก็ต้องได้ทำงานอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ซึ่งน้ำเสียงแบบนี้ก็ทำให้คนที่เคยคุ้นมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างสุรเสกข์รู้ดีว่าหมดโอกาสเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้แล้วด้วยประการทั้งปวง แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังอดแสดงความเห็นออกมาบ้างไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรปาริชาตก็เป็นพนักงานของที่นี่ อาจจะต้องทำงานร่วมกับเขาด้วยไม่มากก็น้อย
?จบเคมี แล้วจะรู้เรื่องอะไหล่รถยนต์เหรอครับ แล้วไหนจะเรื่องการตลาดอีก?
?ก็ให้มาเป็นเลขาฯ เองนี่นา ไม่ใช่ให้ออกไปดีลกับลูกค้าข้างนอกเหมือนพวกเซลล์ที่ไหนกันล่ะ อย่างมากก็หนีไม่พ้นงานเอกสาร ของแบบนี้มันเรียนรู้กันได้?
?แต่เขาไม่มีพื้นฐานเรื่องธุรกิจเลย เรานำเข้าและขายอะไหล่รถยนต์นะพ่อ ไม่ได้นำเข้าเคมีภัณฑ์?
?เอาน่า เมื่อก่อนคุณษรเธอก็ไม่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้เป็นไง ตัวแกเองก็ยังอยากได้ไปเป็นเลขาฯ อยู่เหย็งๆ น่ะ?
คุณสุพลบอกออกมาท่ามกลางความรู้สึกขัดใจนิดๆ ที่ลูกขายเกิดจะกลายร่างเป็นคนเข้าใจอะไรยากขึ้นมาในบัดดล
?ถึงคุณษรเธอจะไม่ได้จบเลขาฯ มาโดยตรง แต่เธอก็จบบริหารธุรกิจมานะครับ?
?แต่ป่านเขาก็หัวดี เรียนเก่ง งานอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ?
?ทำได้กับทำเป็นมันไม่เหมือนกันนี่ครับ?
?ก็ช่วยกันสอนเข้าสิ อีกหน่อยก็เก่งเองนั่นแหละ?
เมื่อทักท้วงออกไปแล้วถูกฝ่ายผู้เป็นพ่อคอยแต่กล่าวแก้กลับมาทันควันเสียทุกประโยคเช่นนี้ สุรเสกข์จึงไม่คิดจะเอ่ยอะไรอีก แต่แม้ว่าเขาจะยอมปิดปากเงียบ ทว่าในใจของชายหนุ่มกลับเต็มไปด้วยคำถาม...อะไรที่ทำให้ผู้เป็นพ่อมั่นใจในตัวปาริชาตมากมายถึงเพียงนี้
?เอ่อ...ได้ตามเรื่องอะไหล่ที่พ่อให้เด็กมันสั่งไปล็อตล่าสุดหรือยัง สรุปว่าจะมาถึงวันไหน?
คุณสุพลเปลี่ยนเรื่องพูด หลังจากรู้สึกเหมือนกับสุรเสกข์จะยังคงกังขาในความเป็นมาของปาริชาต
?อีกสามวันครับ พ่อถามทำไม?
?เปล่า...ลูกค้าเขาถามมา อีกตั้งสามวันแลยหรอ ทำไมรอบนี้มันช้านักนะ อุตส่าห์ว่ารีบเลยไม่ให้ส่งมาทางเรือเหมือนทุกที สุดท้ายก็ยังปาเข้าไปหลายวันจนได้?
?ก็เครื่องบินมันงดเที่ยวบินตั้งหลายเที่ยวนี่ครับ แต่ก็ยังจะเร็วกว่ามาทางเรืออยู่ดีนั่นแหละพ่อ?
?เออ...ใช่ หรือว่าโลกมันใกล้จะแตกเหมือนใครๆ เขาลือกันก็ไม่รู้นะ?
เหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุจนท้องฟ้ามืด เต็มไปด้วยฝุ่นควันและเถ้าถ่าน ทำให้สายการบินงดให้บริการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเที่ยวบินที่จะขนส่งอะไหล่ยานยนต์มายังประเทศไทย ดังนั้นจึงทำให้เกิดการล่าช้า จนลูกค้าหลายรายเริ่มทวงถามเข้ามา โชคดีเหลือเกินที่ในวันเดินทางกลับประเทศไทยของเขา ทางสายการบินยังไม่ประสบปัญหามากนักจนถึงขั้นงดเที่ยวบิน
?ผมว่ามันไม่แตกหรอกครับ คงเป็นเพราะคนดูหนังเยอะเกินไปเลยอินจัด?
?อืม...แต่มันก็แปรปรวนขึ้นทุกวันๆ พ่อไปทำงานก่อนนะ?
?ครับ?
พอลับร่างของคุณสุพล มุมปากหยักของสุรเสกข์ก็ถึงกับยกขึ้นยิ้มเมื่อนึกไปถึงเจ้าของใบหน้าเรียวที่ตาโตของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อครู่ และจะว่าไปเธอก็ตกใจตอนเจอหน้าเขาทุกทีนั่นแหละ
ความที่ยังสงสัยในความรู้และความสามารถของปาริชาต ทำให้สุรเสกข์ถึงกับสาวเท้าไปหยุดยืนอยู่หลังประตู ก่อนจะจับจ้องผ่านช่องกระจกสีชาไปยังโต๊ะของนภษรและหญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่รายล่าสุดของบริษัท เมื่อได้เห็นท่าทีตั้งอกตั้งใจเรียนรู้งานของเธอ ด้วยการเงยหน้าขึ้นถามสลับกับก้มลงจดยิกๆ ในสมุดบันทึกเล่มหนา สุรเสกข์จึงพักความสงสัยนั้นไว้แล้วหันหลังกลับไปนั่งอ่านวารสารที่เปิดค้างอยู่ตามเดิม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อบิดาพาเลขาฯ คนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก ?สุรเสกข์? ถึงกับตาค้าง เขาจำได้แม่นว่า ?ปาริชาต? คือสาวสวยที่เปิดเปลือยเรือนร่างให้เขาเห็นเต็มตาในห้องลองชุด ทันทีที่หญิงสาวจำเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้ก็ถึงกับเบือนหน้าหนีเขาด้วยความอาย หากแต่ทั้งสองต้องมาทำงานร่วมกันซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหล่อนก็ดำเนินไปด้วยดี ถ้าสุรเสกข์ไม่บังเอิญเห็นพ่อของเขากับหล่อนขับรถไปที่บ้านหลังหนึ่งด้วยกัน จากนั้นคำดูถูกดูหมิ่นจากชายหนุ่มก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนกระทั่งวันที่ทั้งสองต้องเข้าร่วมแรลลี่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องสามัคคีกันแต่ดูเหมือนปาริชาติและสุรเสกข์จะห่างไกลคำนั้นโดยสิ้นเชิง แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อเขาและหล่อนต้องมานอนห้องเดียวกัน วิวาทะจึงปะทุขึ้นแบบไม่มีใครยอมใครสักคนจึงทำให้เกิดกรณีล่วงล้ำพื้นที่จากฝ่ายชาย โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมันมาจากความรู้สึกหึงหวงในใจของเขานั่นเอง
?ไม่นะ...พอแล้ว...? เสียงใสเอ่ยบอกด้วยความสะท้าน เมื่อถูกปลายลิ้นนั้นโลมเลียเนินเนื้อที่ล้นออกมาจากปราการ ความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรุนแรง เรือนกายก็กลับทรยศแอ่นเข้าหาอย่างลืมตัว
