ฉันเห็นสาวน้อยผิวขาวนวลตอนที่ฉันอาศัยอยู่กลางป่ามืด
สาวตัวน้อยค่อยๆ มุ่งตรงมายังสวนของฉันทีละก้าวๆ ด้วยย่างก้าวที่ไม่มั่นใจราวกับกำลังเดินอยู่ในถ้ำมืดสลัว
ผิวขาวผ่องจนดูราวกับโปร่งใส
หัวไหล่บอบบางราวกับจะปริหักเมื่อโดนสวมกอด
ภาพของเธอที่มองกวาดไปโดยรอบด้วยนัยน์ตาที่กำลังหวาดกลัว
ระเบียงโค้งสไตล์โกธิคที่ฉันยืนอยู่นี้ทอดเงาสลับซับซ้อน
ทำให้กลางวันมืดลงเหมือนกลางคืน ราวกับอยู่ในน้ำที่มืดสลัว
แสงสาดส่องเข้ามาได้เพียงเล็กน้อยผ่านบานหน้าต่างที่สกปรกจนมองทะลุออกไปไม่ได้
ภาพสาวน้อยที่ฉันมองเห็นผ่านหน้าต่างบานนี้ดูเลือนรางราวภาพลวงตา
พวกอีกาที่เรียงรายอยู่บนรั้วเหล็กจ้องมองเธอ
พวกคางคกที่ซ่อนตัวอยู่ในทุ่งเขียวขจีจ้องมองเธอ
ส่วนคนที่จ้องมองเธอจากคฤหาสน์หลังนี้ก็คือฉัน
เสื้อผ้าสีขาวโพลนทอประกายกำลังสั่นระริก
เหยื่อผู้อ่อนแอราวสัตว์ตัวน้อยหลงเข้ามาในสวนแห่งนี้ด้วยน้ำตาคลอดวงตาที่ใสราวลูกแก้ว
ฉันรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวอันหมองหม่นของเธอ และรับรู้ว่าเธอกำลังหายใจแรงขึ้น ลึกขึ้นอยู่กลางป่าได้อย่างชัดเจนราวกับจับต้องได้ด้วยมือ
เสียงแมวร้องดังขึ้น
ดูเหมือนเจ้ายูตสึที่หลับอยู่บนเตียงจะตื่นแล้ว
ยูตสึขยับจมูกเล็กๆ ดังฟุดฟิดเพื่อสำรวจดูสถานที่ที่ตัวเองตื่นขึ้นมา
ดูเหมือนปลายจมูกของมันจะเจอฉันแล้วในขณะที่ฉันมัวแต่เฝ้ามองออกไปด้านนอก
มันกระโจนลงมาจากเตียง
เจ้าเด็กน้อยตัวนี้เพิ่งเกิดได้ไม่นานนัก ย่างก้าวจึงยังไม่มั่นคง
เจ้ายูตสึเอาตัวมาคลอเคลียอ้อนฉัน
พอฉันอุ้มเจ้ายูตสึขึ้นมา มันก็ส่งเสียงร้องในลำคอด้วยความดีใจ
?ยูตสึเห็นเหมือนกันมั้ย??
ฉันพยายามให้ยูตสึมองไปยังสาวน้อยที่อยู่ด้านนอกด้วย
?อ้าว....?
แต่ไม่มีร่างของสาวน้อยในป่ามืดนั้นแล้ว
แต่เธอคงหนีไปจากป่านี้ไม่ได้
กำแพงอิฐทอดยาวซ้อนกันหลายชั้น
มันเป็นทางวงกตที่เด็กสาวคนนั้นไม่อาจหาทางออกได้
มีเสียงดังมาจากห้องนั่งเล่น
นั่นเป็นเสียงของคุณย่า
ท่านกำลังจะออกไปดูความเรียบร้อยเพราะมีคนเข้ามาในสวน
ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยนึกฝันมาก่อน
อย่างไรเสีย เด็กสาวคนนั้นคงจะกำลังร้องไห้อยู่ เพราะเจอกำแพงทอดกั้นไว้หลายต่อหลายชั้นจนหมดทางไป
ฉันคว้าที่จับบนเก้าอี้เข็นของคุณย่า แล้วไปยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่
* *
?ฮาซูมิ เธอนี่!?
เสียงของยูกะ อิเซดะดังก้องทั่วห้องที่ตั้งอยู่บนชั้นกึ่งใต้ดิน
ยังเป็นเวลาเพิ่งเลิกเรียนที่สมาชิกชมรมคนอื่นยังไม่มา มีแค่ประธานชมรมยูกะ อิเซดะ กับรองประธานชมรมฮาซูมิ โอบะเท่านั้น ที่อยู่ในห้องชมรมดาราศาสตร์ที่ตั้งอยู่ชั้นกึ่งใต้ดินนี้
ร่างเล็กกะทัดรัดของยูกะ อิเซดะแสดงท่าทางโกรธด้วยการสะบัดเปียคู่ที่มัดรวบไว้ไปมา ส่วนฮาซูมิ โอบะที่กำลังอ่านหนังสืออย่างสงบค่อยๆ หันหน้าไปหาอิเซดะ
?จ้า เกิดอะไรขึ้นเหรอ ประธานอิเซดะ วันนี้น่ารักอีกแล้ว?
?ไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย! ว่าแต่เลิกพูดอะไรไม่รู้เรื่องขึ้นมาโพล่งๆ ซะทีนะ ก็อย่างที่เห็น ฉันกำลังโมโหอยู่! มันก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบรับให้เข้ากันหน่อยสิ!?
?งั้นเหรอ? พูดอะไรไม่รู้เรื่องเหรอ? ประธานอิเซดะน่ารักจัง ผมฟูฟ่อง ปลายผมโค้งงอน ใช่แล้วๆ เหมือนลูกหมาเลย?
?ก็บอกแล้วไง ฉันกำลังฉุนกึกอยู่นะ อย่ามาพูดอะไรไม่รู้เรื่อง!?
?อุ๊ย ยูกะซังโกรธอะไรมาขนาดนั้นเหรอ หรือทำเพื่อแก้เครียด ใช่แล้ว การส่งเสียงดังช่วยแก้เครียดได้?
?มีมนุษย์โลกไหนบ้างที่หงุดหงิดแล้วตะโกนร้องแบบคาราโอเกะล่ะหา!?
?ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ??
?ก็ไม่ใช่น่ะสิ! ฉันกำลังโกรธอยู่! เข้าใจมั้ย ดูซะ! เพราะเธอ ทำให้เอกสารนี่เละเทะหมดเลย!?
?อุ๊ย แย่จัง ขาดกระจุยเลยเนอะ?
?อุ๊ยแย่จังงั้นเหรอ! เธอน่ะเป็นต้นเหตุ! ถ้าพูดให้ชัด เป็นเพราะแมวที่เธอพามานั่นแหละ!?
ปลายทางที่อิเซดะชี้นิ้วไปเป็นแมวสีดำที่กำลังนอนกลิ้งอย่างสบายอารมณ์บนชั้นหนังสือ
มันมองลงมาทางอิเซดะจากชั้นหนังสือที่อยู่เหนือศีรษะของเธอเพียงแค่ชั่วแวบหนึ่งที่โดนชี้นิ้ว จากนั้นมันก็หรี่ตา อ้าปากหาวอย่างไม่แยแส ไม่ว่าเด็กสาวตัวน้อยจะตวาดเสียงดังแค่ไหนก็คงไม่ได้น่าหวาดกลัวอะไรในสายตาของแมวตัวนี้ อิเซดะเขม่นมอง แต่แมวก็ไม่มีทีท่าจะมองมาทางนี้เลยสักนิด
?ขอโทษค่ะ เจ้ายูตสึยังเล็กอยู่ มันอาจสนใจเรื่องที่ยูกะซังเขียนก็ได้นะ เลยเผลอทำจนเละเทะแบบนั้น?
?ยังเล็ก? เจ้านี่มันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ! มันอยู่มาตั้งแต่ตอนฉันยังเด็กๆ?
?ตอนนั้นเป็นลูกแมว?
?ถึงยังไงมันก็โตแล้วใช่มั้ยล่ะ นับจากตอนนั้น เธอคิดว่านี่มันกี่ปีมาแล้ว?
?ไม่นะ ยังเล็กอยู่ ถ้าเจ้าเหมียวนี่ไม่มีชีวิตอยู่ไปนานๆ ฉันก็แย่น่ะสิ....?
ฮาซูมิ โอบะหัวเราะเบาๆ แต่ก็ดูเหมือนเศร้าเสียใจอยู่ในที
ฉันรู้อยู่ว่าเพราะอะไร
?อายุยืนเหรอ....ชื่อมันไม่ได้บ่งบอกว่าอยากให้เป็นแบบนั้นเลยนะ ชื่อแมวนั่น ยูตสึ อะไรกัน ไม่มีใครเอามาตั้งชื่อหรอกนะ?
?ยูตสึเป็นชื่อที่ดีนะ เป็นชื่อที่เหมาะมากที่จะขอให้อายุยืนๆ?
?เหมาะมากที่จะขอให้อายุยืนๆ เหรอ....?
เธอจ้องมองมาที่แมว หึ ท่าทางน่าจะอายุยืนจริงๆ
?ชื่อยูตสึ แต่ดันชอบทำเป็นอารมณ์ดีแล้วสร้างเรื่องวุ่นวายตลอด ฉันเลยกลายเป็นฝ่ายหดหู่แทน ถ้าคอยยัดเยียดเรื่องหดหู่ให้คนแบบนี้ ตัวเองก็คงจะอายุยืนได้ล่ะสิ?
?เพราะว่ายูตสึชอบยูกะซังต่างหาก ที่ทำเอกสารเละเทะก็เหมือนกัน คงเพราะยูกะซังเอาแต่มองเอกสาร ไม่ยอมมองยูตสึเลยน่ะสิ?
?ทำไมฉันต้องคอยมองแมวตัวนี้ด้วย?
โอบะจ้องมองอิเซดะด้วยความแปลกใจแล้วหัวเราะคิกคัก
?ถ้าจะถามว่าทำไมก็คงตอบไม่ถูก....แต่สำหรับฉันแล้ว เพื่อนคนแรกคือยูตสึซัง คนต่อมาที่ยอมเป็นเพื่อนด้วยก็คือยูกะซัง....สำหรับยูตสึซังแล้ว ยูกะซังคงเป็นเพื่อนคนสำคัญเหมือนกันล่ะมั้ง?
?อะ อะไรกัน....บะ บ้าหรือเปล่า....ถะ ถึงจะ....เป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดูแลกันตลอดเวลา....?
?งั้นเหรอ ฉัน....อย่างน้อยก็มีฉันที่อยากให้ยูกะซังคอยดูแลตลอดเวลานะ?
?อะ อะ อะไรนะ....?
?สวัสดีค่ะ?
?เอ๊ะ? รุ่นพี่โอบะ ทำไมเอาหน้าเข้าไปใกล้รุ่นพี่อิเซดะขนาดนั้น....?
?อ้าว คานาโมริซัง!? เปล่านะ มะ ไม่ใช่อย่างนั้น อะ เอ่อ คือว่า?
?ทะเลาะกันเหรอคะ....?
?ไม่ใช่สักหน่อย เราดีกันจะตาย?
?งั้นเหรอคะ ก็ประธานอิเซดะหน้าแดงก่ำ ฉันเลยคิดว่า....รุ่นพี่โอบะทำให้โกรธอีกแล้ว?
?แรงนะเนี่ย ฉันไม่ก่อเรื่องอะไรให้ยูกะซังคนนี้โกรธหรอก?
?ก่อแต่เรื่องที่ทำให้โกรธไม่ใช่เหรอ!?
?แหม คานาโมริไม่รู้จักสังเกตคนบ้างเลย....?
?อ๊ะ โทดายามะ?
?ดูเหมือนกำลังโกรธอยู่เหรอ? ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย....นั่นมัน?
?คู่ทอมดี้เหรอ??
?พะ พูดอะไรเนี่ย! ฮิโรมัตสึซัง?
?คู่ทอมดี้งั้นเหรอ ก็แค่สนิทกันไปหน่อยมากกว่าล่ะมั้ง แต่ถ้าจะออกไปแนวอย่างนั้นก็อาจจะดีนะ?
?ฮาซูมิ?
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน กลุ่มนักเรียนปีหนึ่ง 3 คนก็เข้ามา คนแรกที่เข้ามาคือฮากาตะ คานาโมริ คนต่อไปที่เข้ามาคือเคียวโกะ โทดายามะ และคนสุดท้ายที่เข้ามาคือริเกอิ ฮิโรมัตสึ
ชมรมดาราศาสตร์ที่ตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วมีกันอยู่ 5 คน คือ นักเรียนปีหนึ่ง 3 คนนี้ รวมกับฉัน ยูกะ อิเซดะ และฮาซูมิ โอบะ
นี่คือพวกเรา โฉมหน้าของชมรมดาราศาสตร์แห่งโรงเรียนมัธยมปลายเอบิซูงาวะ
?เฮ้อ นั่งกันซะสิ วันนี้มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย?
พอได้ยินว่าจะคุยเรื่องสำคัญ ทุกคนก็ทำท่าเลิ่กลั่ก แหม ก็แน่ล่ะ เพราะชมรมนี้ทำกิจกรรมเอื่อยๆ เรื่อยๆ มาตลอด ยังไม่เคยมีเรื่องสำคัญคุยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่มีฮาซูมิคนเดียวที่รู้ว่าจากนี้ไปฉันกำลังจะพูดเรื่องอะไร
?เอาล่ะ ปีนี้จะมีโชว์ดาราศาสตร์ที่เราเฝ้ารอกันมานาน เราจะมุ่งมั่นเพื่องานนี้....?
กิจกรรมของพวกเรา ชมรมดาราศาสตร์โรงเรียนมัธยมปลายเอบิซูงาวะ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเอบิเท็น ก็ได้เริ่มขึ้นอีกแล้วในวันนี้
********
?รูปคนก้างปลาบนกระดานดำเหรอ....?
?ใช่ รูปคนก้างปลาบนกระดานดำ ถึงจะเป็นข่าวลือเฉพาะกลุ่มนักเรียนบางกลุ่ม แต่คนที่รู้เรื่องก็กลัวมากทีเดียวนะ?
?งั้นเหรอ....?
หลังเลิกเรียน ฮาซูมิกับฉันใช้เวลาอยู่ในชมรมดาราศาสตร์ ไม่มีงานใหญ่ๆ อะไรมาสักพักใหญ่แล้ว สภานักเรียนจึงไม่ค่อยมีอะไรทำ
ที่ด้านนอก ดวงอาทิตย์ที่กำลังใกล้คล้อยส่องแสงสีเหลืองทอง แต่ภายในห้องชมรมชั้นกึ่งใต้ดินถูกสาดส่องด้วยแสงไฟนีออนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ล่วงรู้เวลาภายนอกได้ไม่เต็มที่มากนัก
ภายใต้แสงขาวนวล ฮาซูมิยังคงทอดสายตาอยู่บนหนังสือและตอบคำถามฉันโดยไม่ได้พยักหน้าตาม
?ดูเหมือนเธอไม่ค่อยสนใจนะ....?
?ไม่นะ รูปคนก้างปลาถูกวาดต่อเนื่องกันทุกวันบนกระดานดำในห้องเรียนว่างๆ ที่ไม่มีใครอยู่เลย....เรื่องนี้น่าสนใจออก?
พอตอบเสร็จ เธอก็พลิกหน้าหนังสือ
?แต่รู้สึกว่าสีหน้ากับน้ำเสียงของเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยนะ?
?งั้นเหรอ ไม่นะ....?
เธอตอบเสียงราบเรียบแล้วค่อยๆ เสยผมขึ้น ผิวของฮาซูมิดูขาวกระจ่างยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟนีออนสีขาวนวล จนฉันเผลอมองตามกระทั่งอากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ
?แต่ก็น่าแปลกนะ ถ้าวาดรูปทุกวันล่ะก็ รูปคนก้างปลาคงเต็มพรึ่บบนกระดานดำสินะ มีรูปวาดเล่นอัดแน่นเต็มไปหมดเลยใช่มั้ย??
?รู้สึกว่าจะไม่ใช่นะ ได้ยินมาว่ารูปเก่าจะถูกลบทิ้งไปแล้วค่อยวาดรูปใหม่ลงไป?
?รูปวาดเล่นที่เปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ เหรอ....หือ ถ้าอย่างนั้นรูปคนก้างปลาก็ไม่ได้อัดแน่นเต็มกระดานดำน่ะสิ งั้นพวกนักเรียนเรียกข่าวลือนั่นว่า ?รูปคนก้างปลาเฮี้ยน? งั้นเหรอ ฟังชื่อแล้วก็ไม่เห็นว่าเป็นข่าวลือที่น่ากลัวอะไรเท่าไหร่นี่?
?เปล่า รูปวาดเล่นบนกระดานดำนั่นเรียกว่าตุ๊กตาเต้นรำ ตุ๊กตาเต้นรำสยองขวัญน่ะ?
?หือ ตุ๊กตาเต้นรำสยองขวัญเหรอ....?
นิ้วของฮาซูมิลูบมุมหนังสือเบาๆ ขอบหน้าหนังสือถูกกรีดเปิดออกเล็กน้อย
?รูปวาดเล่นดูเหมือนกำลังเต้นรำก็เลยเรียกว่าตุ๊กตาเต้นรำ ชื่อนี้เริ่มน่ากลัวนิดๆ แล้วใช่มั้ยล่ะ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นตุ๊กตาด้วย....?
ฮาซูมิกรีดขอบหน้าหนังสือเบาๆ แต่สายตายังคงมองอยู่ที่หนังสือเหมือนเดิม เป็นกิริยาท่าทางที่ดูไม่ออกเลยว่าเธอกำลังสนใจเรื่องในหนังสือหรือสนใจเรื่องของฉันกันแน่
?ขอถามอะไรหน่อย ตุ๊กตาเต้นรำถูกวาดบนกระดานดำในห้องเรียนว่างห้องไหน?
?ที่ชั้นสาม ตึก B มีห้องสมุดอยู่ใช่มั้ยล่ะ ห้องเรียนที่อยู่ข้างๆ นั่นแหละ รู้สึกว่าจะว่างมาตั้งแต่ก่อนพวกเรามาเข้าเรียนที่นี่แล้ว โรงเรียนนี้มีห้องเรียนว่างเยอะ เป็นเพราะผลกระทบจากจำนวนประชากรเด็กที่ลดลงหรือเปล่านะ?
?ก็เห็นพูดกันว่าจำนวนเด็กลดลงกว่าสมัยก่อนนะ แต่มันก็ช่วยทำให้ชมรมที่ไม่ได้มีผลงานกิจกรรมอะไรอย่างเราได้ห้องชมรมดีๆ แบบนี้ด้วยนะ....?
จริงอยู่ที่ชมรมดาราศาสตร์นี้ไม่ได้มีผลงานอะไร แต่ว่าที่ได้ห้องชมรมมาคงไม่ใช่เพราะมีห้องชมรมเหลือล่ะมั้ง อย่างแรกเลยคือ ชั้นกึ่งใต้ดินนี่ไม่ได้เป็นสถานที่ที่จะใช้เป็นห้องชมรมได้เลย
ครั้งแรกที่ได้เห็นห้องกึ่งใต้ดินที่ไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานานห้องนี้ฉันก็อึ้งอยู่เหมือนกัน สิ่งที่ลอยโชยมาปะทะอย่างจังไม่ใช่กลิ่นฝุ่นละออง แต่เป็นกลิ่นอับชื้นที่ทำให้รู้ว่าเชื้อรานานาชนิดที่ฉันไม่รู้จักกำลังทำงานของมันอยู่ ห้องว่างใต้ดินที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ตามยถากรรมอย่างเต็มรูปแบบน่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้เชื้อราเริงร่าดีใจ แต่มันไม่ใช่ห้องที่เหมาะจะให้มนุษย์มาทำกิจกรรมชมรมเลย
แต่ถึงอย่างนั้นพอได้มาเห็นสภาพแบบนี้แล้ว ฮาซูมิกลับเอ่ยปากซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ?เยี่ยมเลยๆ? เธอดีใจยกใหญ่ว่าคุ้มแล้วที่เธอเป็นคนเลือกห้องใต้ดินนี้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ห้องว่างที่ทั้งมืดทั้งอับชื้นนี้น่าจะมีเชื้อราที่น่ารักน่าชังแพร่พันธุ์อยู่เป็นจำนวนมาก ฉันเองก็ไม่เข้าใจฮาซูมินัก แต่ดูเหมือนเธอจะชอบสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่เรียกว่าเชื้อรา เห็ด และราเมือก
ท่าทางเธอจะยินดีปรีดามากกับห้องที่มีสภาพเหมือนห้องเก็บของใต้ดินที่ไม่ชอบมาพากลซึ่งเธอเลือกมันเองกับมือ เธอลงมือทำความสะอาดจนเรียบร้อยแล้วค่อยๆ ขนข้าวของส่วนตัวเข้ามาเรื่อยๆ
วงแหวนจำลองตำแหน่งดวงดาว ผ้าม่านกันแสงสีแดงเข้ม ก้อนแร่ที่ถูกวางไว้ในตู้กระจก กล้องและเลนส์ที่คลุมด้วยผ้าฝ้าย กล้องดูดาวทองเหลือง เชื้อราที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้ก็เรียงแถวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบในจานเพาะเชื้อบ้าง ในกล่องไม้ขีดโบราณน่ารักๆ บ้าง เห็ดนานาพันธุ์โตวันโตคืนอยู่ในขวดแก้ว และมุ้งที่มีรูปดาวเรียงตัวกระจัดกระจายกันอยู่
ฉันเคยถามฮาซูมิว่าไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่มีมุ้งอยู่ในห้องชมรม แต่เธอบอกว่าตามทัศนะเกี่ยวกับจักรวาลและวิชาดาราศาสตร์สมัยโบราณ คำว่ามุ้งในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่ากล่องครอบฟ้า ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่หมายถึงโครงสร้างของ ?ท้องฟ้า? เพราะฉะนั้นมุ้งจึงเข้ากับชมรมดาราศาสตร์อย่างยิ่ง
แม้คำอธิบายของฮาซูมิจะฟังดูชวนคล้อยตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ได้เข้ากับห้องชมรมในโรงเรียนอยู่ดี ถึงฮาซูมิจะใช้เงินตัวเองรวบรวมหาของพวกนี้มา แต่คงไม่ค่อยมีใครเห็นดีเห็นงามด้วย ฉันจึงรู้ดีว่าเหตุผลที่ชมรมดาราศาสตร์ได้รับจัดสรรห้องชมรมห้องนี้มานั้นไม่ใช่เพราะประชากรเด็กที่ลดลงหรืออะไรต่อมิอะไรหรอก....
?ว่าแต่ว่า ห้องสมุดอยู่ตรงที่ลึกสุดนี่นา?
บทสนทนาย้อนกลับมาที่เรื่องรูปวาดเล่น ?ตุ๊กตาเต้นรำ? และดูเหมือนฮาซูมิจะไม่ได้พลิกหน้าหนังสืออีกเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้แล้ว คนอ่านหนังสือเร็วอย่างเธอ ถึงจะอ่านจบไปอีกหลายหน้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เธอเอาแต่ใช้นิ้วกรีดขอบหนังสือมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
?ใช่ แล้วยังไงล่ะ??
?ถ้าอย่างนั้นคนที่ตั้งชื่อรูปวาดเล่นนั่นว่าตุ๊กตาเต้นรำต้องเป็นคนที่ใช้บริการห้องสมุดบ่อย หรือเป็นคนที่มีงานทำอยู่ที่ห้องสมุด....อย่างเช่นคนที่เป็นคณะกรรมการห้องสมุดสินะ?
?ทายเก่งนี่ คนที่เอะอะโวยวายเรื่องรูปวาดเล่นนั่นแล้วตั้งชื่อเป็นตุ๊กตาเต้นรำก็เป็นพวกคณะกรรมการห้องสมุดนั่นแหละ?
?ก็ยูกะซังบอกว่ายังเป็นแค่ข่าวลือเฉพาะกลุ่มนักเรียนบางกลุ่มนี่ ถ้าอย่างนั้นคนที่มีโอกาสแอบดูด้านในห้องเรียนที่อยู่ลึกขนาดนั้นก็มีแต่คนที่มีธุระที่ห้องสมุดนี่?
?ที่เธอบอกแบบนั้นมันก็จริงนะ คดีเกิดในที่แบบนั้น คนที่ไม่ได้ไปห้องสมุดคงไม่มีทางรู้หรอก?
?คนตั้งชื่อเป็นคณะกรรมการห้องสมุดเหรอ....ถ้าอย่างนั้นอะไรๆ ก็ลงตัวหลายอย่างสิ....?
ฮาซูมิเอียงคอเล็กน้อย เส้นผมไหลลื่นลงมาบดบังใบหน้าด้านข้างของเธออีกแล้ว ช่างเป็นเส้นผมที่ลื่นไถลตกลงมาบ่อยเหลือเกิน มันคงจะลื่นสลวยมากเลยสินะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?ฮาซูมิ ฉันไขปริศนาทั้งหมดได้แล้ว!! ....เอ๊ะ!??
?ยูกะซังพยายามถอดรหัสเต็มที่ แต่ต้องมาตกที่นั่งลำบากเพราะถอดรหัสไม่ออก ฮ่าๆๆ....?
คดีแปลกประหลาดทยอยกันเกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมปลายเอบิซูงาวะ สองคู่หู....ยูกะ อิเซดะ กับฮาซูมิ โอบะ จึงท้ากันไขปริศนานั้น! การแข่งขันสืบคดีของทั้งสองคนได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ โดยมีเนื้อหนังของอิเซดะเป็นเดิมพัน!!
?เออ เมื่อกี้บอกว่าเอาเนื้อเป็นเดิมพันเหรอ!??
?ปมปริศนาอยู่ที่โอบะจ้องอิเซดะเขม็งจนเลือดกำเดาไหล (อะไรกันเนี่ย)?
เรื่องราวที่เป็นแบบฉบับของ Scadi ยิ่งกว่าในฉบับการ์ตูนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
