ร่างโปร่งบางในชุดเบลเซอร์สูทสีขาวสวมทับเสื้อสีเหลืองมัสตาร์ดนั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้นุ่ม ช่วงขาเรียวสวยซึ่งโผล่พ้นกางเกงยีนขาสั้นยกขึ้นไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ หูฟังที่ต่อกับไอโฟนถูกนำมาใช้เพื่อดึงตัวเองสู่โลกส่วนตัว ปิดกั้นบรรยากาศน่าเบื่อหน่ายภายในห้องผู้โดยสารชั้นบิสสิเนสคลาส ปล่อยให้ดนตรีคลาสสิคเบาๆ ชวนฟังผ่านประสาทหูของเธอเพียงเท่านั้น เที่ยวบินจากภูเก็ตไปกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า เธอคงมีเวลางีบหลับสักหน่อย บุหรงคิดพลางปิดเปลือกตาลง
แต่เมื่อดวงตาสีน้ำผึ้งล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวปิดได้เพียงชั่วครู่ภาพของบุรุษในชุดโบราณกลับเด่นชัดขึ้นมาในความทรงจำจนทำให้บุหรงไม่สามารถบังคับให้ตนเองหลับได้ น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อยที่พบว่าการกลับมารับมรดกจากคุณยายในครั้งนี้จะนำเรื่องอันน่าหวาดหวั่นมาสู่เธอ เป็นครั้งแรกที่บุหรงได้เห็นวิญญาณตัวเป็นๆ และเธอคาดหวังให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตด้วยเช่นกัน
หญิงสาวทอดตามองไปยังกลุ่มเมฆบางเบานอกหน้าต่างเครื่องบินขณะสมองทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อันนำมาสู่สถานการณ์ชวนระทึกที่บ้านไม้สักหลังนั้น
?พิธีศพคุณยายก็เสร็จไปตั้งนานแล้ว เนยน่าจะไปจัดการเรื่องบ้านเรือนไทยที่คุณยายมอบให้นะ จะหาคนมาดูแลหรือจะทำอะไรก็ทำสักอย่างเถอะลูก?
นี่เป็นประโยคที่มารดาพูดกับบุหรงเมื่อหลายวันก่อนซึ่งทำให้เธอจำเป็นต้องลงมาที่ภูเก็ตเพื่อจัดการโอนชื่อเจ้าของบ้านมาเป็นชื่อเธอและหาคนมาดูแลบ้านซึ่งคุณยายระบุในพินัยกรรมว่ายกให้บุหรง
ในบรรดาสมบัติที่คุณยายสร้อยครอบครองอยู่บ้านเรือนไทยเป็นสิ่งเดียวที่ลูกหลานของท่านไม่ปรารถนาจะได้เพราะเคยมีคนเห็นวิญญาณในเรือนหลังนั้นบ่อยครั้ง คุณยายสร้อยเป็นคนธรรมะธรรมโม ท่านจึงยังอยู่ที่เรือนแห่งนั้นอย่างปกติสุขโดยไม่สนใจคำพูดของคนอื่นเกี่ยวกับบ้านของท่านและไม่เคยบอกใครด้วยว่าท่านเคยเห็นวิญญาณตามคำกล่าวอ้างของคนภายนอกหรือไม่
เพราะบิดามารดาของบุหรงย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เธอยังเด็ก หญิงสาวจึงไม่ได้สนใจนักหลังจากได้ยินว่าบรรดาลูกๆ ของพวกลุงป้าต่างปรีดาเมื่อได้ห้องแถวในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นมรดกที่คุณยายสร้อยมอบให้ในขณะที่เธอได้สิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นบ้านผีสิง
และเพราะไม่ค่อยเชื่อในเรื่องลี้ลับนอกจากจะเห็นด้วยตาตนเอง ในตอนแรกที่เธอเหยียบเรือนไทยซึ่งดูเงียบเชียบจนน่าวังเวงในเวลาโพล้เพล้ บุหรงจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด
ทว่าการปรากฏตัวของบุรุษโบราณในชุดเสื้อแขนกระบอกสีตองอ่อนผูกเอวด้วยผ้าเนื้อดีทับโจงกระเบนสีเข้มนั้นทำให้บุหรงแทบจะหยุดหายใจในวินาทีแรกที่ได้เห็น ร่างสูงกำยำถือดาบซึ่งมีด้ามประดับด้วยทองคำงดงามอยู่ในมือ วงหน้าคมสันประกอบด้วยคิ้วเข้มพาดยาวอยู่เหนือดวงตาสีสนิมเหล็กคู่คมซึ่งกำลังจับจ้องมายังเธอนั้นทำให้ขนทุกเส้นบนกายพากันตั้งชันอย่างพร้อมเพรียงทีเดียว
?เรไร เจ้ากลับมาหาพี่แล้วรึ พี่ดีใจนัก?
ในตอนนั้นเสียงของเขาแทบไม่ได้แทรกผ่านไปยังประสาทการรับรู้ของบุหรงเลย ร่างกายของเธอชาหนึบ ขยับขาไม่ออกเลยเชียว แล้วเจ้าของร่างสูงกำยำก็นิ่วหน้าเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเธอ
?เจ้าจำพี่มิได้ดอกรึ? ? เมื่อบุหรงยังคงเงียบเสียงทุ้มจึงดังขึ้นอีกครั้ง ?ออกญาสุเรนทรบดินทร์ นามนี้เจ้าพอจำได้หรือไม่ เจ้าคือคุณหญิงเรไร เมียพี่อย่างไรเล่า?
ในขณะที่เธอยืนตัวแข็งทื่อ เสียงของเด็กเล็กๆ ข้างบ้านซึ่งวิ่งกวดกันเข้ามาใกล้เรือนไทยก็ช่วยบุหรงได้อย่างไม่น่าเชื่อเพราะร่างสูงใหญ่ในชุดโบราณนั้นหายวับไปในทันที เมื่อออกมาจากเรือนแห่งนั้น คนที่อยู่ในอาการช็อกหลังจากเห็นผีตัวเป็นๆ จึงรีบโทร.ไปแจ้งให้ญาติของเธอรีบปิดประกาศขายบ้านโดยไม่คิดจะครอบครองเรือนไทยซึ่งเป็นมรดกจากคุณยายอีกต่อไป จากนั้นจึงจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับกรุงเทพ ฯ
ความคิดถูกดึงกลับสู่ปัจจุบัน จุดหมายปลายทางอยู่อีกไม่ไกล เธอกำลังจะได้กลับบ้าน และจากนี้ไปเหตุการณ์ระทึกที่บ้านเรือนไทยคงจะเป็นเพียงจารึกหน้าหนึ่งในภาพความทรงจำ หญิงสาวย้ำกับตัวเอง
เครื่องประดับที่ข้อมือส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งยามร่างบางขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อให้อยู่ในท่าที่สบายมากขึ้น ใครๆ ก็ว่าบุหรงเป็นสาวเปรี้ยว เธอเองพอใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้นเพราะนี่เป็นสไตล์ของเธอ เมื่อเรียนจบคณะศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง บุหรงเดินทางไปเรียนต่อด้านการเต้นที่นิวยอร์กสองปีแล้วกลับมาเมืองไทยเพื่อยึดอาชีพเป็นครูสอนเต้น ตอนนี้เธอจึงมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก
บุหรงปรายตาไปยังคนที่นั่งเบาะข้างๆ ติดกับหน้าต่างเครื่องบิน เจ้าของใบหน้าหวานส่งยิ้มกลับมาให้เธอ มยุราเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันก่อนขึ้นเครื่อง หล่อนอายุ 23 อ่อนกว่าบุหรง 4 ปี หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ท่าทางดูเป็นคนอารมณ์ดีขี้เล่น เท่าที่รู้คือหล่อนทำงานอยู่ในโรงแรมชื่อดังที่ภูเก็ต
หญิงสาวละสายตาจากมยุราแล้วเอี้ยวตัวไปทางด้านข้างเพื่อส่งยิ้มทักเนตรอัปสรเจ้าของบุคลิกสง่างามทว่านัยน์ตาสีน้ำตาลกลับดูอมโศกซึ่งเป็นเพื่อนใหม่อีกคนที่นั่งห่างออกไปอีกหนึ่งแถว เนตรอัปสรยื่นใบหน้าเปื้อนยิ้มผ่านแหม่มสาวที่นั่งติดกับหล่อนก่อนยกมือทักทายบุหรง...
เหตุมาจากความเปิ่นแต่น่ารักของมยุราที่ทำกาแฟหกรดใส่เธอและเนตรอัปสรในห้องพักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องจึงทำให้มิตรภาพก่อตัวอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกถูกชะตากับทั้งคู่นี่ล่ะ บุหรงจึงตอบรับอย่างกระตือรือร้นเมื่อมยุราขอแอดเฟรนด์เธอและเนตรอัปสรทางเฟซบุ๊ค
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นนี้ เพราะจากที่ได้พูดคุยกันกับเพื่อนใหม่ก็ได้รู้ว่าชื่อของพวกเธอมีความหมายว่า ?นกยูง? เหมือนกัน
นอกจากนี้ก่อนจะพบว่าพวกเธอได้นั่งเครื่องบินไฟลท์เดียวกัน แถวเดียวกัน เรื่องที่ทำให้ต้องแปลกใจซ้ำสองคือเหตุการณ์ที่ห้องพักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องนั่นล่ะ หลังจากพวกเธอทำความรู้จักกันแล้วและกำลังเตรียมตัวจะแยกย้ายไปรอขึ้นเครื่อง มยุราก็เดินชนกับคุณยายคนหนึ่งซึ่งทำให้บุหรงกับเนตรอัปสรต้องหันมามองหน้ากันพร้อมอมยิ้มเพราะเอ็นดูในความเปิ่นซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของสาวสวยอารมณ์ดีอย่างมยุราไปแล้ว
หลังจากพวกเธอช่วยเก็บข้าวของของคุณยายซึ่งร่วงหล่นจากกระเป๋าและกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นส่งคืนให้เรียบร้อย เจ้าของใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาส่งยิ้มให้พลางก้มลงหยิบของในกระเป๋า จากนั้นจึงยื่นเข็มกลัดซึ่งเป็นรูปนกยูงประดับคริสตัลให้บุหรงและเพื่อนใหม่อีกสองคนเพื่อเป็นการตอบแทน
?ของแพงขนาดนี้... พวกหนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะคุณยาย?
แม้ในตอนนั้นเธอบอกปฏิเสธแต่นอกจากหญิงสูงวัยจะไม่รับของมีค่าคืนแล้วยังพูดประโยคแปลกๆ กับเธอเสียอีก
?หนูมีเรื่องเก่าที่ต้องสะสางให้จบ มันเป็นชะตากรรม จงจำคำยายไว้ว่าอย่าทดท้อเป็นอันขาด แล้วทุกอย่างจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเอง?
แน่ล่ะว่าบุหรงไม่เข้าใจอะไรเลยในความหมายของคำพูดนั้น แต่ยังเอาเข็มกลัดรูปนกยูงรำแพนหางที่ได้รับมาติดไว้ที่อกเสื้อเพราะมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าสิ่งนี้จะช่วยคุ้มครองให้เธอปลอดภัยนั่นเอง
คนตกอยู่ในภวังค์คิดสะดุ้งเมื่อเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในห้องโดยสาร เสียงเครื่องยนต์ที่เครื่องบินปีกซ้ายกำลังดังกระหึ่มราวเสียงฟ้าผ่า ผู้โดยสารอุทานด้วยความตระหนกเมื่อมองผ่านออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นไฟลุกท่วมปีกเครื่องบิน เสียงหวีดร้องของคนที่กำลังตกใจสุดขีดผสานเสียงร้องไห้ของเด็กเล็กๆ ทำให้เหตุการณ์น่าสยดสยองมากขึ้นไปอีก กลิ่นควันไฟผสมกับกลิ่นน้ำมันก๊าดกระจายไปทั่วลำเรือ บุหรงโผเข้ากอดมยุรา ทั้งคู่ตัวสั่นเทา
?เนย! ?
เป็นเสียงของเนตรอัปสรที่ดังขึ้นเตือนสติท่ามกลางเสียงอึงอลของเครื่องยนต์และผู้คนที่กำลังเสียขวัญ บุหรงและมยุราหันไปหาเนตรอัปสรพร้อมกัน คำสั่งต่อมาของคนที่ดูจะควบคุมอารมณ์ของหล่อนเองได้อย่างไม่น่าเชื่อคือบอกให้ก้มตัวลงกอดขาเพื่อป้องกันไม่ให้ลำตัวส่วนบนโดนกระแทกซึ่งบุหรงก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดแม้สติจะหลุดจนทำอะไรไม่ถูกแล้วก็ตามที
ไม่มีวินาทีใดในชีวิตที่น่าหวาดหวั่นกว่านี้อีกแล้ว นกยักษ์กำลังทะยานอยู่เหนือท้องฟ้า หากเกิดปัญหาขึ้นสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคงเป็นความตายเพียงประการเดียว ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำ ตัวเครื่องบินก็เอียงวูบ เมื่อส่วนโครงปริออกจึงทำให้อากาศแทรกเข้ามาภายใน ข้าวของปลิวกระจายภายในห้องโดยสาร จากนั้นวัตถุหนักก็กระแทกใส่ศีรษะของบุหรงอย่างแรง เธอเจ็บปวดจนชาไปทั่วโพรงกะโหลกรวมทั้งใบหน้า
ความรู้สึกสุดท้ายก่อนสติจะดับหายคือความร้อนจัดซึ่งมาปะทะผิวกาย เสียงร้องไห้และเสียงสวดมนต์ของผู้คนที่แทรกเข้ามาในโสตประสาท ทว่าเสียงที่ดังที่สุดคือคำวิงวอนจากเบื้องลึกในใจของบุหรงเองต่อเพชฌฆาตแห่งความตายซึ่งรออยู่เบื้องหน้า
เธออยากบอกลาพ่อและแม่เป็นครั้งสุดท้าย
อยากซึมซับอ้อมกอดอุ่นของผู้ให้กำเนิดอีกสักครั้งซึ่งเธอไม่เคยรู้เลยว่ามีค่ามากมายเพียงไหน
... จนเมื่อตระหนักว่าจะไม่มีวันได้สัมผัสความรู้สึกนั้นอีกต่อไป
1
สองหัวใจในหนึ่งร่าง
ภาพร่างแบบบางในชุดเสื้อแขนกระบอกสีม่วงเม็ดมะปรางห่มทับด้วยสไบสีนวล สวมซิ่นยาวกรอมเท้าซึ่งยืนอยู่หน้าร้านขายแพรพรรณสีสวยจากเมืองจีนกำลังอยู่ในคลองจักษุของออกญาสุเรนทรบดินทร์เจ้าเมืองหนุ่มที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีหมอกในตลาดอันจอแจไปด้วยผู้คน
?หญิงที่ใส่เสื้อสีม่วงเม็ดมะปรางนั่นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้รึไม่ไอ้ชิด? เสียงทุ้มทรงอำนาจหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปของออกญาสุเรนทรบดินทร์หรือนายคำแสน
?นางชื่อเรไรขอรับ คนทั้งคุ้งน้ำบางกอกน้อยรู้จักเพราะงามนัก บิดาของนางเป็นคนเดินสาส์นอยู่ในกรมอาลักษณ์ขอรับ? นายชิดชักม้าเข้าใกล้ มองหน้าผู้เป็นนายอย่างรู้ใจแล้วจึงพูดต่อไปว่า ?ให้ผมไปพูดทาบทามให้ไหมขอรับ บิดานางคงมิขัดหากบุตรสาวจักได้เข้ามารับใช้อยู่ในเรือนท่านเจ้าเมืองอย่างนายท่าน?
?พ่อของนางเป็นข้าราชการมิใช่รึ แม้นว่ายศมิใหญ่โตแต่ก็ทำงานเป็นข้ารองบาทขององค์เหนือหัว จักให้ข้าเรียกลูกสาวเขามาทำงานเหมือนไพร่ทาสได้เยี่ยงไร?
?กระผมหมายถึงรับใช้ให้ท่านสบายตัวในห้องนอนน่ะขอรับ? ไอ้ชิดร้องโอดโอยเมื่อคำแสนยกด้ามดาบขึ้นกระแทกศีรษะมันหนึ่งโป๊ก
?ทะลึ่งนักนะไอ้กะล่อน หากทำเช่นนั้นข้าคงถูกครหา คนทั้งบางคงลือกันว่าข้าทำตัวเยี่ยงโจรป่า หาใช่เจ้าเมืองที่พวกเขาควรนับถือไม่?
ไอ้ชิดมองสายตาพราวหวานของท่านเจ้าเมืองที่ทอดมองเจ้าของผิวนวลละมุนแล้วจึงกล่าวออกมาว่า ?นายท่านพอใจนางมิใช่รึขอรับ อยากให้กระผมทำเยี่ยงไรก็บัญชามาเถิด ไอ้ชิดยินดีทำถวายหัว?
คำแสนเงียบไปอึดใจก่อนจะเอ่ยถ้อยคำซึ่งทำให้คนสนิททำหน้าราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ?ส่งคนไปสู่ขอนาง?
?นายท่าน! หูกระผมฝาดไปหรืออย่างไร พูดใหม่อีกทีเถิดขอรับ?
คำแสนมิได้แปลกใจแต่อย่างใดที่เห็นสีหน้าทั้งงงงันทั้งตื่นตกใจของนายชิด ด้วยตัวเขายังคงไร้แม่เรือนจนอายุล่วงเข้า 30 วรรษา บรรดาญาติผู้ใหญ่แนะนำหญิงงามจากในรั้วในวังอยู่เนืองๆ มิได้ขาด พวกทำตัวเป็นแม่สื่อหวังเบี้ยก็เฉกเดียวกันมักเข้ามาเสนอหญิงวัยละอ่อน หน้าแฉล้มแช่มช้อยให้เป็นอนุทั้งที่เขายังไม่มีภรรยา ทว่าข้อเสนอของคนเหล่านั้นกลับถูกปฏิเสธเสียทั้งสิ้น
แม้นจักมีหญิงสาวได้เข้าไปปรนนิบัติรับใช้ในยามราตรีบ้างนานๆ ครั้ง ทว่าคำแสนมิเคยคิดเลี้ยงดูหญิงใดไว้ในเรือน การที่ได้เจอสตรีที่พึงพอใจเพียงแวบเดียวแล้วส่งให้คนไปสู่ขอจึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดอยู่มิใช่น้อย
?ข้าถูกใจนาง มิเคยรู้สึกกับหญิงใดเฉกเช่นนี้ คงเพราะเคยทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันมาแต่กาลก่อนกระมัง ความรู้สึกในหัวอกเพลานี้มันรุนแรงมากนักไอ้ชิดเอ๋ย ข้าก็อธิบายมิถูกว่าเป็นเยี่ยงใด รู้เพียงแต่ว่าหากผิดจากนางแล้วไซร้ บนแผ่นดินนี้คงมิมีหญิงใดที่ข้าอยากร่วมเรียงเคียงเขนยด้วยอีก?
วิญญาณหนุ่มซึ่งกำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีตลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกแสนทรมาน ล่วงกาลผ่านมาหลายร้อยปีหัวใจของเขายังคงผูกพันกับนางผู้นี้มิเคยจืดจาง ร่างโปร่งแสงของหญิงสาวในชุดแปลกตาซึ่งนั่งอยู่บนพื้นเรือนเรียกความคิดของคำแสนกลับมาหยุดอยู่ ณ ปัจจุบัน ในที่สุดเขาก็พาวิญญาณของคนที่เขารักกลับมาที่เรือนหลังนี้จนได้
ในคราแรกเมื่อเห็นหน้ากันแล้วนางเตลิดไป เขาจมอยู่ในความโทมนัสเพราะไม่ว่าจะกี่ชาติกี่ภพแม่หญิงเรไรยังคงเกลียดเขา ซ้ำยังต้องการหนีให้ไกลห่าง
จริงอยู่ที่นางมิได้เสียชีวิต เพียงแค่วิญญาณหลุดออกจากร่างเท่านั้น แต่คำแสนก็ตั้งใจว่าจะไม่บอกความจริงให้เรไรได้รับรู้ นอกจากนี้การที่นางจำเรื่องราวในอดีตชาติมิได้นั้น คำแสนก็พอใจนัก เรไรจักมิมีวันรู้ว่าเขาเคยร้ายกาจกับนางเยี่ยงไร และนางเคยเกลียดเขามากมายเพียงไหน ท่านเจ้าเมืองหนุ่มต้องการแก้ไขสิ่งผิดพลาดเมื่อในครั้งอดีต อยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางรักเขาให้จงได้
ขณะกำลังครุ่นคิดดวงตาสีสนิมเหล็กปรายมองวิญญาณสาว ร่างสูงกำยำเคลื่อนกายเข้าใกล้นางอีกนิดแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า
?มิต้องกลัวอันใดนะแม่เรไร พี่จักปกป้องเจ้าเอง ตราบใดที่พี่ยังอยู่ วิญญาณตนใดก็มาทำร้ายเจ้ามิได้?
ร่างโปร่งแสงซึ่งนั่งชันเข่าซุกหน้าลงกับท่อนแขนของตน ไม่สนใจผู้ที่กำลังเอ่ยปลอบเลยแม้แต่น้อย ?เรื่องที่เกิดขึ้นต้องไม่จริงแน่ๆ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันตายแล้ว มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ?
?ก็แค่เปลี่ยนภพชาติเท่านั้นหนาเจ้า ภูมิที่เราอยู่ก็เป็นอีกภูมิหนึ่ง เราเพียงมีร่างที่เป็นโอปปาติกะ มิต้องเจ็บ มิต้องแก่เฉกเช่นพวกมนุษย์...?
?คุณเลิกพล่ามซะทีได้ไหม เลิกพูดอะไรที่มันเข้าใจยากๆ แบบนั้นด้วย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับฉันตอนนี้ก็คือคุณนี่แหละ?
บุหรงตวาดแว้ดใส่วิญญาณหนุ่ม รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุดเมื่อคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอพ่อและแม่อีก เธออายุยังน้อยแต่ผู้บังเกิดเกล้ากลับต้องมางานศพของเธอจากเหตุการณ์เครื่องบินตก เพียงนึกภาพว่าท่านทั้งสองคงกำลังจมอยู่ในธารน้ำตา ความทุกข์ก็เอ่อท้นในหัวใจดวงน้อยจนเกินจะทนไหวแล้ว ยิ่งนึกทบทวนเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น ความเศร้าก็ยิ่งไหลบ่าท้นอยู่ในอก เธอหนีวิญญาณที่สิงอยู่ในบ้านเรือนไทยไปกรุงเทพ ฯ แต่สุดท้ายกลับต้องเสียชีวิตแล้วกลายเป็นผีมาเฝ้าบ้านตัวเอง อยู่เป็นเพื่อนวิญญาณที่เธอตั้งใจจะหนีเขาซะอีก
?นี่น่ะรึหญิงที่ท่านรออยู่น่ะ พี่คำแสน?
บุหรงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง หญิงสาวในชุดโจงกระเบนลายดอก ห่มผ้าสไบสีแดงชาดกำลังยืนยิ้มเย็นมองบุหรงอยู่ ผมสลวยดำขลับของหล่อนยาวจรดแผ่นหลังล้อมกรอบใบหน้าหวานซึ่งซีดขาว กลิ่นดอกกล้วยกระจายฟุ้งออกมาจากกายโปร่งแสงนั้น
ดวงตาที่กำลังจับจ้องเธออยู่ไม่เป็นมิตรเลยสักนิด บุหรงคิดเช่นนั้น เธอเดาว่าหญิงในชุดโบราณซึ่งน่าจะเป็นผีอีกตนหนึ่งในเรือนไทยแห่งนี้คงจะชอบนายคำแสน และอาจกลัวว่าบุหรงจะมาแย่งคนที่หล่อนรักไป คนคิดส่ายหน้าอย่างปลงๆ โลกของผียังวุ่นวาย เต็มไปด้วยกิเลสไม่แพ้โลกมนุษย์เลยสินะ
?มิผิดที่เจ้าพูดดอกพิไล ฉันรอนางมานานนักแล้ว? คำแสนคลี่ยิ้มกว้างแล้วหันไปทางบุหรง ?นี่คือพิไล นางเป็นพรายตานี เจ้าสองคนเป็นหญิงเช่นกัน คงคุยกันได้กระมัง ครานี้เจ้าคงหายเหงาได้นะแม่เรไร?
บุหรงยังคงทำหน้าตึง เธอไม่ยินดีที่ได้สหายเป็นผี และไม่มีทางยอมรับด้วยว่าเธอตายแล้ว หญิงสาวเห็นนางพรายตานีเคลื่อนกายเข้าใกล้คำแสน ทั้งคู่สนทนากันเรื่องอะไรบุหรงไม่ได้ใส่ใจ แต่จังหวะที่นางพรายตานีดึงความสนใจของคำแสนไปจากเธอเป็นโอกาสที่บุหรงคิดว่าเธอควรหนี ร่างโปร่งแสงรีบก้าวลงบันไดเรือนอย่างรวดเร็ว ทว่าพอเท้าเหยียบพื้นเสียงเอะอะของนายคำแสนก็ทำให้บุหรงเร่งฝีเท้าสุดชีวิต
?แม่เรไร เจ้าจักไปที่แห่งใดรึ แม่เรไรรอพี่ก่อน?
ม่านของรัตติกาลคลุมทับอาณาบริเวณที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้ทั้งยืนต้นและล้มลุกนานาพันธุ์ ร่างโปร่งแสงของบุหรงวิ่งทะลุวัตถุทุกชนิดที่เธอผ่าน ห่างจากเรือนไทยมาได้มากพอดู บุหรงเห็นบ้านหลังโตตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
คำแสนที่ยังคงวิ่งไล่กวดเธอมาทำให้วิญญาณสาวเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังสิ่งก่อสร้างใหญ่โตที่ปรากฏอยู่ในทันที พอพาตัวเองขึ้นมาถึงชั้นบนจึงหยุด ใบหน้าหวานหันซ้ายหันขวาด้วยท่าทางตื่นๆ ดวงตาสีน้ำผึ้งกวาดมองรอบกาย ที่ฟากหนึ่งภายในห้องกว้างมีผู้หญิงนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงไม้ขนาดใหญ่ ร่างสูงสง่าของผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ขอบเตียง นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งบุรุษกำลังยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ
?ผมเสียใจด้วยครับคุณคณิณ เธอเสียชีวิตแล้วครับ?
?ขอโทษนะหยง ผมดูแลคุณไม่ได้ ทั้งที่ทยากรฝากฝังผมไว้กับคุณแท้ๆ ? เจ้าของร่างสูงสง่าในชุดสูทเอื้อมมือไปลูบเส้นผมเล็กละเอียดล้อมกรอบวงหน้าซีดขาวของร่างที่นอนนิ่งอย่างอ่อนโยน
?เธอเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วครับ พอรู้เรื่องสะเทือนใจคงจะช็อกกะทันหันน่ะ?
บุหรงไม่ได้สนใจคำสนทนาของทั้งคู่อีกเมื่อหันมาเห็นคำแสนปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ
?เจ้าจักหนีพี่ไปที่แห่งใดรึเรไร ต้องเป็นเยี่ยงนี้อีกกี่ภพชาติที่เจ้าอยากหนีให้พ้นไปจากพี่?
มนุษย์ทั้งสองยังคุยกันตามปกติ ไม่มีใครเห็นบุหรงและนายคำแสน บรรยากาศจึงดูน่าประหลาดนักเมื่อในห้องนั้นมีผู้ที่อยู่ต่างภพภูมิสองกลุ่มซึ่งกำลังสนใจกับคู่สนทนาของตนเพียงเท่านั้น
?ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ? บุหรงกรีดเสียงร้อง หลังจากเห็นคำแสนท่องคาถาบางอย่างแล้วมือหนาของเขาก็คว้าหมับที่ข้อมือของเธอ ร่างโปร่งแสงไม่สามารถสัมผัสวัตถุได้ บุหรงจึงคิดว่าภาษาแปลกๆ ที่วิญญาณหนุ่มเปล่งออกมาเมื่อครู่คงทำให้กายละเอียดสัมผัสกันตามที่เจ้าของมนตราต้องการ ?เราไม่เคยรู้จักกัน ฉันชื่อบุหรงไม่ใช่เรไร แต่ถึงแม้ชาติก่อนฉันจะเป็นเรไรจริง ตอนนี้ฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้ว คุณเลิกยึดติดกับอดีตแล้วไปเกิดซะทีเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามฉันอยู่แบบนี้หรอก คุณจะเจ็บปวดเปล่าๆ นะ เพราะฉันไม่มีทางจำเรื่องราวในอดีตชาติได้ และที่สำคัญฉันก็ไม่อยากจะจำได้ด้วย?
ดวงตาคมวาบของออกญาสุเรนทรบดินทร์แฝงรอยตัดพ้อชัดเจน ?มิมีวันที่พี่จักปล่อยเจ้าหรอก แม่เรไร?
ข้อมือบางถูกกดแล้วเขาก็ออกแรงกระชาก บุหรงดิ้นรนจนกระทั่งมือเป็นอิสระจากการเกาะกุมของร่างสูงใหญ่ในชุดโบราณ ในจังหวะที่ก้าวถอยร่างบางผงะหงายไปยังด้านหลัง บุหรงหลับตาปี๋เมื่อตระหนักว่าร่างที่จะรองรับแรงกระแทกของเธอคือหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง แต่สภาวะบางอย่างก็เกิดขึ้น ร่างโปร่งแสงรับรู้ถึงอาการวูบเช่นเดียวกับเวลาที่เธอเคลื่อนผ่านวัตถุ ทว่าคราวนี้ต่างออกไปเล็กน้อยเพราะมีความรู้สึกแห่งการหลอมรวมอยู่ในนั้นด้วย...
***
คณิณหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กวางบนหน้าผากนวลอย่างเบามือ ลมหายใจถูกผ่อนออกมาขณะทิ้งสายตาลงบนใบหน้าผุดผาดของคนซึ่งยังคงหลับตาพริ้มอยู่ ชายหนุ่มนึกเสียใจเมื่อการเดินทางมาภูเก็ตในครั้งนี้นำมาซึ่งเรื่องราวชวนสลดใจอย่างที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาเดินทางมาจัดการเรื่องธุรกิจและมาพักผ่อนในตัวเมืองภูเก็ต ทยากรซึ่งเป็นเพื่อนสนิททั้งยังเป็นเพื่อนร่วมทำธุรกิจให้ตันหยงภรรยาของเขาเดินทางมาพร้อมคณิณ โดยตกลงกันว่าทยากรจะตามมาทีหลังเมื่อจัดการกับปัญหาลูกค้าที่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว
ทว่าข่าวเครื่องบินตกที่สุราษฎร์ธานีทำให้คณิณและตันหยกหมดเรี่ยวแรงแม้จะหยัดร่างให้ฟังข่าวร้ายนั่นจนจบ เมื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเที่ยวบินที่ทยากรเดินทางมาและสอบถามรายชื่อผู้โดยสารที่เสียชีวิตตันหยงก็เป็นลมล้มพับไปในทันทีเพราะมีรายชื่อสามีของเธออยู่ในนั้นด้วย
เมื่อหญิงสาวหยุดหายใจกะทันหันคณิณจึงโทร.เรียกรถพยาบาล แล้วข่าวดีก็ห่างจากข่าวร้ายเพียงชั่วเสี้ยววินาทีจนชายหนุ่มปรับตัวไม่ทัน หลังจากที่หมอแจ้งว่าตันหยงเสียชีวิตแล้วเพราะโรคหัวใจซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเธอ แต่ตันหยงกลับฟื้นขึ้นมาราวปาฏิหาริย์
รอยยิ้มระบายบนใบหน้าคมสันของคณิณเมื่อคนที่เขาเฝ้าดูแลขยับตัว แพขนตางอนยาวของหญิงสาวกะพริบถี่ก่อนเปิดเปลือกตาขึ้น
?รู้สึกดีขึ้นไหมหยง? เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
บุหรงหรี่ตาเมื่อยังปรับให้สู้กับแสงจ้าไม่ได้
?น้ำ ขอน้ำ? เสียงแหบแห้งหลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ
แขนแข็งแรงประคองร่างหญิงสาวให้ลุกขึ้น ?ค่อยๆ ดื่มนะหยง?
ขอบแก้วน้ำถูกจรดลงที่ปากอิ่ม บุหรงค่อยๆ กลืนน้ำชุ่มฉ่ำลงลำคอซึ่งแห้งผาก พอระลึกได้ว่าตนเองสัมผัสวัตถุได้ ความกังขากับภาวะที่เกิดขึ้นจึงผุดขึ้นมาในความคิด ใจหนึ่งบุหรงยังคาดหวังว่าออกญาสุเรนทรบดินทร์คงโกหกว่าเธอตายไปแล้ว ในความเป็นจริงร่างเธออาจยังอยู่ และในตอนนี้วิญญาณของเธอคงกลับเข้าร่างได้แล้วก็เป็นได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นความเบิกบานจึงไหวเต้นอยู่ในอก ดวงตากลมโตช้อนมองใบหน้าของคนที่เอื้อเฟื้อป้อนน้ำให้ โครงหน้าได้รูปราวจิตรกรเอกปั้นแต่งของชายหนุ่มประกอบด้วยจมูกโด่งคมสันรับกับคิ้วเข้มพาดยาวเหนือดวงตาสีนิลซึ่งฉาบด้วยความมั่นใจอีกทั้งเปี่ยมอำนาจ ผิวสีแทนทำให้เขาดูเป็นชายชาตรียิ่งขึ้น คนที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงใกล้ยิ่งกว่าใกล้ เขาดูสูงใหญ่มากทีเดียว บุหรงคาดว่าคงไม่ต่ำกว่า 185 เซนติเมตร
?พรุ่งนี้หมอจะมาตรวจอีกครั้งนะหยง ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง ถ้ารู้สึกไม่ดีผมจะได้พาคุณไปโรงพยาบาล จะไม่รอให้หมอมาพรุ่งนี้หรอก?
?ฉันชื่อบุหรงค่ะ คุณเรียกฉันว่าหยงหลายครั้งแล้วนะ ฉันไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย? คิ้วเข้มย่นเข้าหากันเมื่อได้ยินเธอเอ่ยแย้ง ?ฉันอยากกลับบ้านค่ะ ที่นี่ภูเก็ตหรือกรุงเทพฯ คะ ถ้าเป็นกรุงเทพฯ ฉันจะได้โทร.ให้คนที่บ้านมารับ?
?คุณยังอยู่ที่ภูเก็ต แต่อีกสามวันเราจะกลับกรุงเทพฯ พร้อมกัน หยงคงต้องอยู่กับผมสักระยะนะ ทยากรบอกผมแล้วว่าคนที่บ้านตัดขาดกับคุณตั้งแต่คุณมาอยู่กับเขา ไม่ต้องกังวลนะ ผมรับรองว่าจะดูแลหยงอย่างดีที่สุด?
ดวงหน้าแสนหวานเริ่มงอง้ำอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าชักจะพูดกันไม่รู้เรื่อง เธอบอกไปแล้วว่าไม่ได้ชื่อ ?หยง? เขาก็ยังดึงดันที่จะเรียกเธออย่างนั้น ส่วนเรื่องครอบครัว พ่อแม่จะตัดขาดลูกสาวสุดแสนจะน่ารักคนนี้ได้อย่างไรเล่า และคนที่ชื่อทยากรนั่นก็อีก เป็นใครเธอก็ยังไม่รู้จัก แล้วเธอจะไปอยู่กับชายคนนั้นได้ยังไงกัน
บุหรงลุกพรวดขึ้นจากที่นอนแล้วสะบัดแขนออกในทันทีเมื่อมือของชายหนุ่มจับต้นแขนของเธอไว้
?จะลุกจะนั่งระวังหน่อยสิหยง คุณไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ ไม่ห่วงยัยหนูบ้างหรือไงกัน?
คนถูกดุยังคงสาวเท้าไปยังประตู คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนหัวเสีย เพราะเธอไม่เข้าใจสักเรื่องที่เขาพูด ทว่ามีบางอย่างซึ่งทำให้บุหรงเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วอย่างที่ควรจะเป็น ขาเรียวหยุดกึกในทันที จากนั้นจึงก้มลงมองสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ เมื่อเห็นภาพซึ่งปรากฏแก่สายตาบุหรงแทบล้มทั้งยืน
?ซาลาเปายักษ์! ใครเอามาแปะไว้ที่ท้องฉันเนี่ย...กรี๊ดดดดดดดด?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การเดินทางไปจัดการบ้านเรือนไทยที่เป็นมรดกตกทอดที่ไม่มีใครอยากได้ ทำให้สาวเปรี้ยวอย่าง ?บุหรง? วิญญาณหลุดออกจากร่างโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หญิงสาวต้องทนดูตัวเองตนเองในร่างของคนอื่นซึ่งร่างร่างนั้นกำลังตั้งครรภ์ท้องโย้ หากแต่ถือว่าเป็นความโชคดีที่บุหรงได้เจอชายคนหนึ่งที่มีรักแท้ แม้ ?คณิณ? จะได้รู้ว่าบุหรงในร่างนี้นั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เขาปรารถนาใฝ่หามาโดยตลอด แต่เขากลับยิ่งทวีความรักความห่วงใยให้เพราะรู้ตัวเองดีว่าเขากำลังหลงรักบุหรง หากแต่อุปสรรคมักยื่นข้อเสนอมาเดิมพันกับความสุขสมหวังที่รออยู่ปลายทางเสมอ นอกจากบุหรงและคณิณจะต้องฝ่าฟันกับความริษยารอบกาย ทั้งสองยังต้องเข้มแข็งกับเรื่องราวที่ถูกเปิดโปงหลังจากที่ถูกปกปิดมาแสนนาน
