ผู้หญิงที่กำลังยืนถือแก้วเครื่องดื่มจิ้มอาหารเข้าปากอยู่เพียงลำพังนั้นมีนามว่า...บุหลัน
วันนี้บุหลันมางานแต่งงานของใครสักคนที่หล่อนเองก็ไม่รู้จัก...รู้เพียงแต่ว่าเจ้าบ่าวชื่อกันต์ธีร์ เจ้าสาวชื่อแสนโสภา
แสนโสภาเป็นลูกพี่ลูกน้องของกาหลงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอ แม่ดอกกาหลงเพื่อนซี้ของบุหลันได้เล่าให้ฟังก่อนมางานว่า...แสนโสภาเป็นลูกสาวของน้าอ๊อดซึ่งเป็นพ่อม่าย ชื่อจริงชื่อนายมนตรี เป็นน้องชายของนางมณฑา ป้าสะใภ้ของกาหลง สามีของนางมณฑาเป็นพี่ชายของนายพิธา บิดาของเพื่อนเธอ
นั่นหมายถึงเจ้าของงานวันนี้เป็นเพียงแค่ลูกพี่ลูกน้องของกาหลงเท่านั้น...จะว่าไม่ได้สลักสำคัญก็คงใช่
อันที่จริงกาหลงรู้จักกับครอบครัวนี้ในฐานะญาติพี่น้องของป้าสะใภ้ พ่อแม่ของหล่อนสนิทกันแต่กาหลงมิได้สนิทชิดเชื้อด้วยสักเท่าไหร่ เอาเข้าจริงหล่อนไม่ต้องมางานเลี้ยงนี้เลยก็ยังได้ หล่อนไม่รู้จักกับเจ้าสาวที่ชื่อแสนโสภาคนนี้เลยสักนิด รู้จักกันครั้งนี้เป็นครั้งแรก...หนแรกเลยล่ะ!
เพื่อนเธอบอกว่าเหม็น...เบื่องานเลี้ยง...ขี้เกียจออกมาพบเจอผู้คน ผิดกับบุหลัน...เธอกลับชื่นชอบงานเลี้ยงเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะงานเลี้ยงหรูหราแบบงานเลี้ยงแต่งงานของแสนโสภาที่ว่านี้ มันช่างถูกใจบุหลันผู้หลงใหลในงานเลี้ยงเลิศเลอยิ่งนัก
วันนี้กาหลงมาทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว และสงสัยว่าเพื่อนเจ้าสาวอย่างกาหลงคงจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวที่หน้างอหงิกที่สุดในโลกแล้วตอนนี้เพราะเจ้าตัวไม่ยิ้มตลอดทั้งงาน
บุหลันรอคอยเพื่อนอยู่อีกด้านเพียงลำพัง ไม่ได้มีความทุกข์ร้อนอาทรต่อสิ่งใดสักเท่าไหร่ เรื่อยๆ อยู่กับการเดินกินของฟรีไปตลอดทั้งงาน ชีวิตของบุหลันรักความอู้ฟู่หรูหรา
ที่หล่อนชอบเพราะว่าไม่เคยเจอะเคยเจอ พอได้เห็นแล้วก็อยากจะเป็นเสียให้ได้ อยากเป็นคนรวย...เกิดมารวย ชีวิตหล่อนคงสมบูรณ์แบบจนน่าอิจฉา ชีวิตที่แท้จริงของบุหลันห่างไกลคำว่าหรูหราเป็นร้อยโยชน์พันโยชน์
หล่อนเกิดมาเป็นคนจน...คนจนผู้ซึ่งถึงจะรักความเลิศหรูแต่ก็ไม่เคยลืมกำพืดของตนเอง
ท่ามกลางงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ แขกเหรื่อโดยเฉพาะสาวๆ แต่งตัวสวยใสกันทั้งนั้น บุหลันเองวันนี้ก็ขอแต่งตัวสวยมาประชันรูปโฉมโนมพรรณกับคนอื่นเขาบ้าง แต่งตัวกะจะมาอวดสายตาบรรดาหนุ่มๆ เพื่อนเจ้าบ่าว หวังว่าจะมีสักคนที่สนใจกันบ้าง แต่นี่ก็รอนานจนเกือบจะเลิกงานอยู่แล้วยังไม่มีมนุษย์ตนไหนมีท่าทีอยากได้เบอร์โทรศัพท์แล้วขยับมาขอเบอร์เธอสักราย คิดแล้วน่าใจหาย...คนหัวใจเดาะอย่างเธอมีหวังได้ครอบครองความโสดไปอีกนาน
หล่อนเซ็ง เบื่อหน่าย...สาวไม่ใสวัยทำงานเลยแก้เซ็งโดยการเดินกินอาหารไปทั่วสารทิศ กินจนอิ่มไปครึ่งกระเพาะเพราะอีกครึ่งกระเพาะจะเหลือไว้บรรจุเค้กก้อนโตที่วางเรียงชั้นกันอย่างน่ารับประทาน รีรอเจ้าของงานเปิดพิธีตัดเค้ก
บุหลันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะกินได้ทั้งชั้น ไม่ใช่แค่ชั้นเดียวที่เหลือเป็นก้อนโฟมอะไรไปเทือกนั้น
บุหลันหยุดเดินมาปักหลักอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องจัดงานเลี้ยงฉลองสมรส เลือกที่จะยืนรอตรงมุมนี้เพื่อคอยกาหลงจบภารกิจ เพราะหลังจากนี้ทั้งคู่มีความคิดจะอยู่เที่ยวต่อกันแล้วค่อยกลับ
ความจริงบุหลันก็ไม่ได้นิยมชมชอบการเที่ยวเตร่เป็นกิจวัตร แต่เป็นเพราะช่วงนี้ชีวิตของเธอไม่ค่อยพบพานกับความสุข หล่อนเป็นคนมีทุกข์...ทุกข์ทั้งปี!
ยามนี้จึงขอดับความทุกข์ด้วยการไปเที่ยวสรวลเสเฮฮาจากที่ก่อนหน้าใช้เวลาบ้างานอยู่พักใหญ่ เพื่อนชวนไม่เคยไปหายหน้าเหมือนคนตายไปจากโลกของใบนี้ จะมีบ้างก็แก้เหงาแก้เซ็งบางเวลาตั้งแต่ได้มาพบกับกาหลง ด้วยความที่นิสัยคล้ายกัน เพื่อนเรียนรุ่นเดียวกัน แถมยังได้มาทำงานอยู่ตึกเดียวกันเลยมีโอกาสได้ทำความรู้จักจนได้สนิทสนมคุ้นเคย จริงๆ บุหลันควรจะจับมือเป็นเพื่อนกินเพื่อนตายกับกาหลงตอนสมัยเรียน ทว่าแม้แต่คุยกันสักครั้งก็ยังไม่เคย
ที่ทำงานของบุหลันเงินเดือนไม่มากสักเท่าไหร่แต่ก็พอเหลือเก็บเดือนละห้าหกพัน เอาเข้าจริงรายจ่ายก็มากกว่านั้นจนบางเดือนก็ไม่พอจะยาไส้ บุหลันเคยคิดว่าอยากมีเงินมากกว่านี้ อยากรวยกว่านี้
อยากรวย...เผื่อรวยแล้วแฟนเก่าจะมากอดเข่าขอคืนดีบ้าง!
ก็คงเป็นเพราะที่หล่อนไม่มีเงินมากพอกระมังถึงโดนแฟนบอกเลิก ใช่ล่ะ! บุหลันเพิ่งเลิกกับคนรักเก่า อกหักช้ำรักจากหนุ่มธนาคารที่บอกเลิกกันโดยที่บุหลันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด
วันที่บอกเลิกกันเขาอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ซึ่งสรุปใจความได้ว่า...เขาอยากอยู่คนเดียวเพราะรู้สึกว่าชีวิตในช่วงวัยทำงานของเขามันควรมุ่งมั่นอยู่ที่การสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่ใช่มาเสียเวลากับเรื่องรักไร้สาระกับเธอ
นายคนนั้นคงอยากตั้งใจเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคตกระมัง คงไม่อยากมาเสียเวลาคบหากับบุหลันที่แลดูจะมีเงินเดือนน้อยนิด ซ้ำยังต้องเลี้ยงครอบครัวที่ต่างจังหวัดอีกด้วย
ครอบครัวงั้นหรือ?
ความจริงเกิดมาตัวคนเดียวก็น่าจะดีกว่านี้สำหรับบุหลัน
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเพื่อถอนหายใจ พยายามจะไล่ความรู้สึกเหนื่อยหน่ายออกไปให้หมด หล่อนกระดิกนิ้วเรียกเด็กที่ถือถาดเครื่องดื่มที่เดินผ่านมา ก่อนจะยกแก้วเนื้อบางขึ้นแตะริมฝีปากเทน้ำในนั้นกราดลงคอรวดเดียวไม่เหลือสักหยด แล้วหล่อนวางแก้วเปล่าของตนคืนให้อีกฝ่าย...เลื่อนมือไปหยิบแก้วใหม่ที่บรรจุน้ำสีใสแต่รสชาติร้อนจัดจ้านขึ้นมาถือแทนแก้วเดิม
หล่อนลอยหน้าเป็นแขกในงานอย่างเดิม มองไปยังเวทีเห็นมีพิธีกรขึ้นมาประกาศลำดับงาน
พอพิธีกรประกาศว่าต่อไปจะตัดเค้ก บุหลันดีใจจะได้กินเค้กงานแต่ง รสชาติมันคงจะหวานละมุนลิ้นดีแท้ เนื้อครีมคงละเอียดลออติดตรึงไปทั่วทุกโคนจรดปลายลิ้น
ครั้นหลังได้ลิ้มลองความหอมหวานของเค้กก้อนนั้นบุหลันก็ได้เห็นการโยนช่อดอกไม้
ดอกไม้จากเจ้าสาวที่จะโยนนั้นได้รับเสียงผู้คนฮือฮา ตื่นตาตื่นใจจากผู้มาร่วมงาน โดยเฉพาะพวกสาวโสดและสาว?โฉด? ทั้งหลาย ต่างวิ่งกรูกันไปหน้าเวทีเหมือนพวกสัมภเวสีขอส่วนบุญ
บุหลันพ่นลมหายใจคล้ายจะเยาะหยัน หล่อนเห็นภาพแล้วก็นึกขันตรงที่ว่าได้ช่อดอกไม้แล้วจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป เป็นความเชื่อที่บุหลันไม่เคยมีอยู่ในหัวสมอง!
หล่อนยืนมองเหตุการณ์สนุกสนานเหล่านั้นอยู่ลำพัง ในขณะที่เสียงล้งเล้งเซ็งแซ่ของบรรดาหนุ่มสาวสรวลเสเฮฮา พวกเขายื้อแย่งฉุดกระชากกันอยู่หน้าเวที ต่างชูมือโบกไสวเตรียมตัวแย่งช่อดอกไม้ที่ว่านั่น แล้ววินาทีนั้นเจ้าสาวก็โยนดอกไม้ขึ้นกลางอากาศ ช่อดอกไม้สีขาวลอยหวือจากบริเวณนั้นตกลงตรงหน้าบุหลันพอดิบพอดี บุหลันหรี่ตามองปลายเท้าเมื่อเห็นว่ามีดอกไม้ช่อใหญ่นอนนิ่งอยู่ที่ปลายเท้า หล่อนย่อตัวลงไปเก็บ กะว่าจะส่งคืนให้คนที่อยากได้ ปรากฏว่าไม่มีใครอยากรับมันแล้วเพราะเห็นว่ามันตกเป็นของหล่อน พวกเขาปรบมือยินดีที่จะมีเจ้าสาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในอนาคต
บุหลันทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อเอียงคอมองช่อดอกไม้ตัวตายตัวแทนช่อนี้
?ขอแสดงความยินดีกับคุณผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยครับ เธอจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป ปรบมือแสดงความยินดีให้เธอด้วยครับ เย้!?
บ้าโดยแท้...มีแต่คนปรบมือร่วมแสดงความยินดีกับความโชคดีของเธอ หล่อนไม่เห็นจะดีใจสักเท่าไหร่เลยได้แต่ฝืนยิ้มดึงช่อดอกไม้มาเก็บไว้ใต้รักแร้หนีบไว้ข้างลำตัว และไม่ใส่ใจรักษามันแต่หันไปคว้าของกินมาใส่ปากต่อ
?เมาหรือยัง?
กาหลงมาแล้ว ท่าทางเหนื่อยล้าหลังจากเพิ่งหมดหน้าที่ของเพื่อนเจ้าสาว
?ยังหรอก? บุหลันตอบ
กาหลงเริ่มต้นบ่น...
?เหนื่อยเป็นบ้า ยืนจนขาจะแข็ง?
?เป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วไม่อยากเป็นเจ้าสาวบ้างหรือ? บุหลันหันมาถามเพื่อน กาหลงย่นจมูก
?นรกชัดๆ แต่งงานอีกหน่อยก็ต้องมีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ ไม่เอาหรอก...ไม่ชอบ?
?มันโหดร้ายขนาดนั้นเชียว? สงสัยชีวิตแกก็ไม่ต่างจากชีวิตฉัน เป็นโสดตลอดกาลขึ้นคานตลอดปี? บุหลันกล่าวราวภูมิใจนักหนา ทั้งที่ก่อนหน้ายังเคยคิดว่าจะแต่งงานกับผู้ชายที่ตนเองคบหามาร่วมเจ็ดปี
?ย่ะ! โสดตอนนี้น่ะใช่ แต่โสดตลอดไปน่ะไม่เอา...อย่ามาแช่ง?
กาหลงเอื้อมไปหยิบเครื่องดื่มจากบริกรเดินผ่านมาพอดี เครื่องดื่มของกาหลงเป็นสีม่วงเข้มผิดกับของบุหลัน หล่อนดื่มสีขาว หล่อนว่ามันอร่อยดีและดูสีเหมือนน้ำเปล่าอีกต่างหาก
?เอ้า...ฉันนึกว่าแกอยากแต่งงานเสียอีก?
?บ้าสิ! แกไม่ต้องมาแช่ง...ตอนนี้ฉันยังไม่อยาก อย่าเหมือนคุณแม่นะที่คอยแช่งชักให้ฉันแต่งงานวันละหลายหนสามเวลาก่อนและหลังอาหาร ฉันนี่แทบจะกระโดดขึ้นไปบนขื่อผูกคอตาย?
?จะตายก่อนมีผัว??
บุหลันใช้คำพูดที่แสนธรรมดากับเพื่อนสนิทเสมอ คำพูดธรรมดาที่ประเภทว่าสมัยพ่อขุนรามฯ ขึ้นกูมึงมิให้ขาด หล่อนทั้งสองว่ามันถนัดปากนักจึงใช้กันโดยมิมีขุ่นเคือง
?เออ...ถ้ามันหายากๆ นักก็ตายๆ ไปเลยเสียดีกว่า อย่าไปเสียดงเสียดายให้เหี่ยวแห้งแล้ง บางทีผู้หญิงอย่างเราๆ ก็ต้องทำใจว่าผู้ชายสมัยนี้หล่อๆ เขาไปกินกันเองหมด?
?เออ...ก็จริง?
แล้วก็พากันหัวเราะกันอย่างครึกครื้น ไม่ได้สนใจผู้หนึ่งผู้ใดว่าจะมองทั้งสองราวกับเห็นคนแต่งตัวสกปรกยืนแคะขี้มูกอยู่ข้างถนน พวกหล่อนเป็นตัวของตัวเองไม่เคยยี่หระกับสายตาของใครเวลามอง อยากหัวเราะเสียงดังน่าเกลียดก็ไม่ได้หนักหัวใคร สนุกกันไปตามประสาเพื่อนฝูง
สำหรับบุหลันนั้นไม่เท่าไหร่เพราะทำอยู่เป็นประจำ แต่กาหลงหากพ่อแม่ของหล่อนมาเห็นคงได้แปลกใจที่ลูกสาวชอบทำตัวออกนอกกรอบนอกเกมอยู่บ่อยๆ
กาหลงเป็นคนเรียบร้อยต่อหน้าพ่อแม่ แต่แก่กร้านเริงร่าเสมอเมื่ออยู่กับเพื่อน เรียกได้ว่าหล่อนเป็นพวกเก็บกดก็ไม่ผิดนัก หากก่อนเที่ยงคืนกาหลงมีกฎว่ากระโปรงต้องยาวเลยหัวเข่าไปถึงเท้าได้เลยยิ่งดี แต่ถ้าผ่านพ้นเที่ยงคืนไปเมื่อไหร่กระโปรงของกาหลงต้องห้ามยาวเลยเข่าลงมาแม้แต่เซ็นต์เดียวเป็นอันขาด มันต้องหดสั้นเสมอก้นทุกทีไป คนตั้งกฎนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเจ้าตัวผู้ใส่นั่นเอง
?นั่นใครน่ะ?? มองไปยังเวทีเห็นบุรุษรูปงามกำลังยืนถือไมโครโฟนอยู่บนเวที พอเห็นว่าเป็นใครกาหลงก็ยกยิ้มให้เพื่อน เพราะเธอจำได้ว่าหนุ่มผู้นั้นคือ...
?น้าเรศ...นั่นน่ะน้าเรศ น้องชายของป้ามณฑา?
น้าเรศงั้นหรือ? ฟังดูแก่พิลึก...
บุหลันครุ่นคิดพินิจพิจารณามองดูบุคคลที่เพื่อนสาวสาธยายให้รู้จัก
ผู้ชายร่างสูงตัดผมสั้นที่ถูกหวีเรียบเเปล้เสยไปด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากราบเรียบเด่นชัดด้วยคิ้วดำดก จมูกโด่งเป็นสันตรงเฉียบลงมากึ่งกลางริมฝีปากหยักหนาที่ปิดเม้มตรงสนิท กิริยาเหมือนพระรามกำลังยืนขบคิดการรบชิงตัวนางสีดา ดูเขาเครียดนักหนาแค่ถูกเชิญให้ขึ้นไปอวยพรคู่บ่าวสาวแค่นี้
?ผม...ไม่รู้จะอวยพรอะไรนะครับ? หันไปทางคู่รักพระนางของงาน ?งั้นก็ขอให้หลานทั้งสองมีความสุข?
สั้นๆ แค่นั้นล่ะคำอวยพร บุหลันปรบมือเปาะแปะอยู่คนเดียวเหมือนถูกอกถูกใจกับคำอวยพรคร่ำครึนั่นนักหนา หารู้ไม่ว่ามีสายตานับสิบหันขวับมามอง
หล่อนงุนงง...มองทำไม?
?ยังพูดไม่จบ? กาหลงหันมาสะกิดบุหลันถึงเพิ่งรู้ สงสัยทำเรื่องขายหน้าเข้าให้แล้วแต่หล่อนก็ ?ด้าน? เกินกว่าจะสนใคร กลับยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
?เดี๋ยวทุกคนได้มองว่ามาป่วนงานหรอก?
?เอ๋? ทำไมถึงคิดว่าอย่างนั้นล่ะ จะว่าฉันสวยกว่าเจ้าสาวที่ยืนหัวโด่รึก็ไม่น่าใช่?
?ก็ป้ามณฑาเขาไม่ได้ชื่นชอบหลานเขยเต็มร้อยมาแต่ไหนแต่ไร ชอบกล่าวหาว่าฝ่ายชายจะมีหญิงเล็กหญิงใหญ่ตามติดรอบข้างรอบเอว หลานเขยแกน่ะสแกนแล้วสแกนอีกกว่าจะยินยอมให้แต่งงานกับพี่แสนโสภาเพราะเห็นหลานรัก ก็ลุงพจน์สามีแกก็สันดาน เอ้ย! นิสัยออกจะเจ้าชู้ปานนั้น ไหนจะน้าเรศน้องชายแกอีกคน แกก็เลยคิดว่าผู้ชายจะสันดานเหมือนกัน จนป่านนี้แกยังไม่เลิกกล่าวหาว่าหลานเขยเจ้าชู้อีกนะ แกว่ารอวันจิ้งจอกหางโผล่ วันนั้นล่ะแกจะเล่นงานให้อ่วมอรทัย?
ฟังไปบุหลันก็หน้าเหยเก
?ตายจริง...ป้าสะใภ้เธอนี่ท่าทางจะเกลียดผู้ชายขนาดหนักนะ แล้วนี่ยังสู้อุตส่าห์มีสามี?
?ก็เออสิ...ทุกวันนี้ลุงพจน์แกเบื่อเมียหนีไปนอนกับอีหนูไม่กลับบ้านกลับช่อง แกว่าเมียแกเป็นเหมือนพวกมูลนิธิเพื่อสตรี?
?น่ากลัวว่าน้องชายจะไม่มีเมีย เพราะมีเครื่องจับเท็จคุณภาพดี?
บุหลันหยิบขนมใส่ปาก ตามองชายหนุ่มผู้เป็นหัวข้อสนทนาที่กำลังเดินลงมาข้างเวที สวมกอดเจ้าบ่าวและเจ้าสาวอย่างผู้ใหญ่ที่มีน้ำจิตน้ำใจต่อบุตรหลาน พานคิดไปถึงตัวเอง...จะเป็นอย่างไรนะถ้าเขามีมิตรกระจิตมิตรกระใจแบบนั้นกับเธอบ้าง
?น้าเรศน่ะ ร้ายกว่าลุงพจน์เยอะ ก็ผู้หญิงของน้าเรศนั่นล่ะที่เผื่อแผ่ไปยังพี่เขย ป้ามณแกเลยเอือมระอาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่น้องชายกับสามีเข้ากันได้ดียิ่งกว่าปี่กว่าขลุ่ย?
?น้าเรศอะไรนี่ร้ายมากขนาดนั้นเชียว??
?โอ๊ย! ร้ายยิ่งกว่าร้าย เจ้าชู้จนผู้หญิงไม่อยากได้เป็นสามีล่ะเธอ ฉันคนหนึ่งล่ะไม่อยากได้ ให้ฟรียังไม่เอา?
?ท่าจะร้ายหนัก เธอพูดไม่รักษาเกียรติให้น้าตัวเองเลย?
กาหลงส่งขนมฝรั่งที่หวานเลี่ยนเข้าปาก หลังจากละเลียดถึงรสชาติมันว่าหวานจัดเธอจึงส่งน้ำเปล่าที่วางอยู่ข้างกันลงไปกลั้วคอ
?น้าเรศร้ายฉันก็พูดตามความจริง ถ้าให้นับถือกันเป็นญาติน่ะฉันไม่มีปัญหา น้าเรศรักและใจดีกับหลานมาก แต่ถ้าให้รักในเชิงชู้สาวก็รักชอบไม่ลง หล่อเพียงแต่รูปกายแต่หัวใจมีหลายห้อง กลัวจะไปเบียดเสียดแน่นเอี๊ยดกับคนอื่นน่ะสิ ไม่เอาหรอก!?
***************************
ตอนที่ ๑
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว บุหลันและกาหลงก็ยังไม่กลับทว่าขึ้นลิฟต์ไปสนุกสนานกันต่อที่ชั้นดาดฟ้าอันมีผับบาร์ให้คนรักสนุกได้เที่ยวกันต่อ
กาหลงพาบุหลันมาสนุกสนาน ต่างคนต่างเต้นกันหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่กระดากอายต่อท่าเต้นสักเท่าไหร่ ครั้นเมื่อเหนื่อยล้าขาอ่อนก็ยืนเกาะโต๊ะกอบโกยลมหายใจเข้าเต็มปอด กาหลงนั้นเริ่มเมามาย ส่วนบุหลันนั้นไม่ต้องพูดถึงไร้สติคึกคะนองจนเผลอรูดแสงเสเซอร์ไปหลายยกเลยทีเดียว
?หลัน ไปกันยัง...รู้สึกจะเริ่มมึนแล้ว? กาหลงชวนเพื่อน
บุหลันยังไม่อยากกลับ
?นี่กะจะเที่ยวยันเช้าจริงๆ ใช่ไหม ห้องหับที่เปิดเอาไว้กะจะไม่นอนเลยเชียว??
กาหลงส่งเสียงคัดค้าน สองสาวขี้เมายังคงยืนถกกัน
?ถ้าง่วงก็ขึ้นไปก่อน เดี๋ยวตามขึ้นไป?
?เออ...นั่นล่ะที่อยากได้ยิน? อีกฝ่ายสรุปแล้วก็ลากขาออกจากสถานบันเทิงโดยไร้วี่แววของบุหลันตามออกมาอย่างที่ตกลงว่าจะยังไม่กลับ เจ้าตัวยังสนใจที่จะปักหลักอยู่ในนั้นเพราะอยากสนุก...ยังไม่หายสนุก
เนิ่นนานผ่านไปเกือบชั่วโมงหลังจากที่เปลี่ยนจากจังหวะสนุกสนานมานั่งฟังเพลงเหงาๆ เศร้าไปเงียบๆ
บุหลันลุกออกจากที่นั่งในสถานบันเทิงแห่งนั้นเพื่อกลับลงไปยังห้องพัก พาตัวเองลงลิฟต์มายังชั้นที่จำได้ว่ากาหลงได้เปิดเป็นห้องพักไว้ก่อนเมื่อตอนเช้า พาหนะรูปทรงสี่เหลี่ยมที่โดยสารมาจอดปุ๊บบุหลันก็ลากขาพาตัวเองเดินหาห้อง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเลี้ยวซ้ายมาสักสี่ห้าก้าวก็ถึง ลองสำรวจหยุดดูก็น่าจะใช่ห้องของตัวเองเลยลงมือเคาะประตูเรียกคนข้างในจนลืมมารยาทอันดีไปเลย
?กาหลง...เปิดประตู? เจ้าตัวคงลืมไปว่าที่นี่มีกริ่งให้กดอำนวยความสะดวก ไม่ต้องส่งเสียงเรียกคอแทบแตกคนข้างในก็สามารถเดินมาเปิดประตูได้
ไม่นานก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่ลูกบิดประตูเดาว่าคนที่อยู่ข้างในคงมาเปิดให้เธอ แล้วหญิงสาวยืนคอยไม่ไหวจนต้องพึ่งผนังเป็นที่ยึดเกาะ ครั้นพอประตูเปิดออกก็ไม่รีรอแทรกกายเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว ความเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องทำให้บุหลันขนลุกเกรียว หญิงสาวเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ขมวดคิ้วสงสัยทั้งที่ยังหลับตา
?หนาวจังกาหลง?
คนเมาถามพลางสะบัดรองเท้าส้นสูงออกจากเท้าไปแสนไกล
?ง่วงจัง นอนล่ะนะ เอ...ผ้าห่มอยู่ไหน??
พูดอยู่คนเดียวเหมือนคู่สนทนาเป็นใบ้
ภายในห้องที่มืดมิดไร้แสงไฟบุหลันพยายามควานหาสวิตช์ไฟหัวเตียง อย่างน้อยแสงสีเรืองรองของมันน่าจะทำให้บุหลันพอมองหาเครื่องนอนได้ ไม่ต้องงมโข่งกับความมืดหาผ้านวมให้ไออุ่นแบบนี้
ด้วยความมึนก็หาอยู่นานก่อนจะสะเปะสะปะคว้าได้กดเปิดแล้วไฟก็สว่างวาบ บุหลันมองเห็นสภาพภายในห้อง
อันดับแรกมองเห็นข้าวของบนโต๊ะหัวเตียง เห็นกระเป๋าเงินหนังสีน้ำตาลของใครก็ไม่ทราบ ข้างๆ กันเป็นนาฬิกาโรเล็กซ์ที่ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูก็รู้ว่ามิใช่นาฬิกาสำหรับสตรี หล่อนสำรวจมัน...ด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำเอามันเย็นจัดปานกับกำลังกำก้อนน้ำแข็งก็ว่าได้ บุหลันวางมันลงก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองกล่องหนึ่งที่วางอยู่ข้างๆ กัน เธอเพ่งมองมันอยู่พักใหญ่กว่าจะนึกออกว่ามันคืออะไร...
แปลกนัก...กาหลงพกถุงยางอนามัย? แถมยังมีตะปุ่มตะป่ำมากมายราวกับพลาสติกรองกระแทก
บุหลันรู้สึกที่ข้างกายเตียงยวบไหว หล่อนพลิกกายมาดูเห็นผู้ชายร่างยักษ์กำลังตะกุยขึ้นมาหาเธอ แล้วแสงไฟเรืองรองก็ทำให้บุหลันมองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน
?คุณ??
หล่อนจ้องเขาตาเบิกกว้าง นี่มันพ่อหนุ่มขุนแผนแสนสะท้านของสาวๆ ที่กาหลงเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้นี่นา แล้วเขามาอยู่ที่ ?ห้องของเธอ? ได้อย่างไร
บุหลันพยายามนึกและหยัดกายลุกขึ้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยินยอมให้เธอตะกายลงจากเตียงไปไหน เขาตะครุบตัวหล่อนเอาไว้จนหญิงสาวได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายละมุนกรุ่นจมูกยิ่งนัก
?ฉันฝันอยู่แน่ๆ?
จมูกของนเรศคลอเคลียอยู่ข้างใบหูบุหลัน หนวดไรเป็นตอครูดไถลทิ่มตำลำคอระหงจนชักแสบร้อน
?ฉันฝันว่าฉันเห็นผู้ชายเหมือนเทพบุตรที่ยืนอยู่บนเวทีอยู่ตรงนี้ล่ะกาหลง ชื่ออะไรนะจำไม่ได้เลยแฮะ?
?นเรศครับ...ผมชื่อนเรศ? ให้คำตอบก่อนขบลงเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ บุหลันหดคอเหมือนเต่ามุดลงกระดอง
?อ้อ...นั่นล่ะ นเรศของแกน่ะกาหลง เขากัดฉันด้วย...กัดทำไมนะ? ฉันเจ็บรู้ไหม?
ยังคิดว่าตัวเองฝัน และคิดว่าคนที่อยู่ข้างๆ นั้นคือกาหลง นเรศช้อนสายตามองหญิงสาว
?เจ็บหรือ งั้นไม่กัดแล้วเปลี่ยนมาเป็นทำอย่างอื่นแทนได้ไหม?
เสียงแหบพร่าคล้ายขอร้อง แต่ยังไม่ทันที่บุหลันจะตอบชายหนุ่มก็ก้มลงมากอดหอมเธอ บุหลันพยายามผลักไสอีกฝ่ายที่กำลังระดมจมูกซุกไซ้ซอกคอ ฝ่ามือหนาของฝ่ายชายถูกวางลงมาที่สะโพกผายลูบไล้ขึ้นไปจนถึงสะเอว สูงขึ้นมาเรื่อยจนบุหลันสะดุ้งวาบเมื่อเขาตะปบลงที่ก้อนเนื้อสองลูกของเธอ
บุหลันเริ่มงงงวยว่าหาใช่ความฝันหรือไม่? เหตุใดมันถึงเหมือนกับความจริงเช่นนี้ หากเป็นนิมิตมันคงเป็นนิมิตที่แสนสุขยิ่งเพราะบุหลันยิ้มกริ่ม
ยิ้มกริ่มเมื่ออีกฝ่ายมะรุมมะตุ้มหาที่ปลดซิปปลิดกระดุมของเธอ หญิงสาวคงกำลังสำราญใจกับความฝันหอมหวานเลิศล้ำที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต
ฝ่ายนเรศเริ่มรำคาญสาบเสื้อของสตรี เขาไต่มือไปรอบอกและเอวก็เจอกับซิปที่ถูกเก็บตัดเย็บอย่างแนบเนียน เขารูดมันลงรวดเดียวชุดเดรสสีส้มอ่อนของบุหลันก็คลายจากลำตัว นเรศยิ้มกริ่มไม่พูดพล่ามทำเพลงจุมพิตริมฝีปากของเธอ...ครอบครองพื้นที่ๆ เล็กที่ปกติบุหลันจะเอาไว้พูดและเคี้ยวอาหารเพียงอย่างเดียว แต่มาบัดนี้หล่อนเพิ่งรู้ว่ามีมันไว้ทำ ?อย่างอื่น? ได้ด้วย สองคนโรมรันพันตูกันอยู่นานจนกระทั่งเหนื่อยหอบ
นเรศยลโฉมความงามของหญิงสาวก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปสะกิดตะขอบราเซียร์ของเธอจนหลุดลุ่ย บุหลันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกคลี่คลายช่วงทรวงอก...หล่อนใจหายวาบ เริ่มรู้สึกว่าความฝันนี้มันเหมือนจริงเข้าไปทุกที ยิ่งเมื่อมีมือมือหนึ่งที่ยื่นมาเชิญชวนให้เธอลองกระโดดลงไปในเหวลึก...บุหลันลังเล หากใจหนึ่งก็นึกสนุกใจหนึ่งก็นึกกลัวตายกับความสูงนั่น
แล้วสุดท้ายบุหลันก็ตัดสินใจกระโดดโลดแล่นไปกับเขา ยอมกระโดดลงไปในเหวลึก ซึ่งหลังจากปลงใจก็ได้รู้ว่ามันแสนตื่นเต้น แปลกใหม่ มันคล้ายกับกำลังฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง ก่อนหน้านี้บุหลันหาญกล้าที่จะเสี่ยงตาย แต่มาถึงตอนนี้ความรู้สึกของเธอกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หวาดกลัวว่าตัวเองจะตายอย่างทรมาน
ก็หล่อนมันคน ?ไม่เคย? ตาย ความตายช่างน่ากลัว มันเจ็บปวดไปทั้งเรือนร่างเหมือนร่างกายจะดับสูญ หล่อนไม่รู้ว่ามนุษย์ทั่วไปจะรู้สึกเหมือนที่หล่อนรู้สึกหรือไม่ แต่สำหรับหล่อน...เหมือนกระโดดเหวฆ่าตัวตายตกลงไปกระแทกกับกรวดหินดินทราย...เจ็บปวดสารพัดเลยทีเดียว!
เจ็บปวดจนต้องร้องไห้ รู้อย่างนั้นหล่อนไม่น่าอยากตายเลย บุหลันพยายามยุดยื้อขอร้องให้ปลดปล่อย แต่ดูเหมือนคนที่หลอกล่อหล่อนให้ไว้เนื้อเชื่อใจคงกำลังสนุกในการนำทางหล่อนไปนรก ราวกับเขามีหอกไว้พรากวิญญาณที่พร้อมจะกระหน่ำซ้ำเติมบุหลันจนร่างกายแทบจะย่อยยับไม่มีชิ้นดี คร่าฟันจนหล่อนเลือดสาดกระเด็น เมื่อเขานำทางหล่อนไปจนถึงขุมนรกขุมสุดท้ายเขาก็พาหล่อนปีนป่ายขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ เตรียมส่งวิญญาณบุหลันให้พบกับความสุข
บุหลันผวาเฮือกตัวเกร็งเมื่อมีโอกาสเดินทางมาถึงเมืองสวรรค์เป็นครั้งแรก หล่อนมองเห็นมวลหมู่ดอกไม้ลู่ลมพลิ้วไสว มีสายน้ำชุ่มชื้นมาสู่ร่างกาย หล่อนรีบสูดหายใจอย่างกลัวว่าตัวเองจะตายจริงๆ แล้วภาพสวยงามของหล่อนหลังจากนั้นก็ดับสูญค่อยเลือนหาย ความรู้สึกต่างๆ ค่อยๆ คลี่คลาย สุดท้ายเหลือเพียงบรรยากาศภายในห้องที่มืดอึมครึมเหมือนเดิม
บุหลันกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง แถมหล่อนยังได้ยินเสียงครวญครางจากเขาที่กระซิบบอกข้างหูว่า...
?ที่รัก...คุณสวยงามเหลือเกิน?
บุหลันรางเลือนไปกับความฝัน ฝันว่าเธอได้เสียความบริสุทธิ์ในคืนนั้น!
*****************************
บุหลันนอนลืมตาโพลงหลังจากที่ตื่นขึ้นมาพบสภาพไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเอง หล่อนนอนนิ่งตัวเกร็งอยู่เป็นชั่วโมงหลังจากที่หล่อนมั่นใจแล้วว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันไม่ใช่ฝัน
มันคือความจริง...ความจริงที่น่าอับอายยิ่ง!
บุหลันตัวแข็งทื่อไม่กล้าจะเปลี่ยนท่านอนหรือลุกไปไหนด้วยซ้ำ หญิงสาวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เริ่มต้นของเมื่อคืน เธอเข้าห้องผิด หนำซ้ำยังพลาดท่านอนกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้
รู้เพียงแต่เขาชื่อนเรศ เป็นน้องชายของป้าสะใภ้ของกาหลง บุหลันสำเหนียกถึงความจริงเหล่านี้ได้หล่อนก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา แถมยังรู้สึกถึงความหนักอึ้งไปทั้งร่างที่ถูกพาดทับและหัวสมองที่ถูกความคิดเครียดหนักเข้าครอบงำ
บุหลันค่อยๆ งัดมือของนเรศออกพร้อมทั้งเบี่ยงกายออกมาจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย ตัวของเขาหนักเหมือนช้างแต่ท้ายที่สุดความพยายามของบุหลันก็ประสบผลสำเร็จ พอออกมาจากตัวเขาได้บุหลันก็ถลาลงจากเตียงไปยืนอยู่ไกลๆ เฝ้ามองนเรศอย่างหวาดระแวงกลัวว่าอีกฝ่ายจะลืมตาตื่นขึ้นมา
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้บุหลันเบิกตาตื่นด้วยความตกใจก็คือ...รอยเลือด
เลือดใคร? เลือดหมู เลือดหมา เลือดกา หรือเลือดไก่ ล้วนไม่ใช่ทั้งหมดเพราะมันคือเลือดของเธอ...เลือดของเธอนั่นล่ะมันจะของใค
มิน่าเล่ามันถึงได้ ?เจ็บ? เสียเหลือเกิน ใช่สิ...ก็หล่อนเสียตัวให้เขานี่นา ให้ตายสิ...หล่อนอยากทรุดลงร่ำไห้
เจ็บปวดรวดร้าวเหลือคณา...
หัวใจของบุหลันดับสลาย หญิงสาวรีบเก็บผ้าเก็บผ่อนที่ถอดทิ้งเกลื่อนที่พื้น หล่อนรีบสวมมันแต่โดยเร็วแต่เผอิญขาดอยู่ชิ้นหนึ่งที่หาไม่เจอ
หาย...หายไปไหนชั้นในลายสตรอเบอรี่ตัวโปรดของเธอ? หญิงสาวกวาดสายตามองหาที่พื้นก็ไม่เจอ สายตาเจ้ากรรมเลยเหลือบไปเห็นว่ามันถูกทับแอ้งแม้งอยู่ใต้ขาของคนนอนหลับลึก
แข้งใหญ่เต็มไปด้วยไรขนทับชั้นในลายโปรดของหล่อนแบนราบ บุหลันยื่นมือไปคีบสมบัติของตัวเองออกแรงดึงคิดว่าจะหลุดพ้นแต่ปรากฏว่ามันไม่ยอมออก เหมือนมันจะอยากอยู่กับเขายิ่งกว่าหล่อนหรือกระไรหญิงสาวก็ไม่ทราบได้
บุหลันไม่รู้จะทำอย่างไรสุดท้ายจึงจำใจต้องทิ้งสมบัติชิ้นสุดท้ายไว้ที่นั่น ตอนนี้บุหลันต้องหนีก่อน...หนีออกจากที่นี่ก่อนที่นเรศจะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสภาพที่เขากับหล่อนนอนด้วยกันแบบไม่รู้เรื่อง!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ใครจะไปคิดว่างานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของบ่าวสาวคู่หนึ่ง จะทำให้ ?บุหลัน? ที่อกหักช้ำรักดื่มจนเมามายเผลอไปมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับชายคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก รู้เพียงแต่ว่าเขาชื่อ ?นเรศ? หญิงสาวพยายามหลบหนีส่วนเขาก็พยายามติดตาม หนำซ้ำเจอกันเมื่อไหร่ฝ่ายหญิงก็มักจะปฏิเสธไม่รู้จักเขาอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปพร้อมทั้งเผยอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายดู ใครจะไปคิดเล่าว่านเรศจะเก็บมันเอาไว้ เขาบ้าโรคจิตหรือไรถึงได้เก็บชั้นในสตรีไว้กับตัว!
เขาคลี่มันออกจนกระทั่งหญิงสาวได้เห็นมันเต็มสภาพ ?จำมันได้ไหม? แน่นอนจำได้เพราะมันคืออันเดอร์แวร์ลายสตรอเบอรี่ตัวน้อยของหล่อนที่เขาบอกว่าเป็นของที่ระลึกชิ้นแรกตอนที่เจอกันแต่ไม่รู้จักกัน
