ที่ผมกล่าวถึงนั้นคืองบประมาณทั้งหมดของสภานักเรียน มูลค่าของเงินแปดร้อยล้านเยนนี่พอๆ กับงบประมาณประจำปีของบริษัทขนาดย่อมได้เลย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้กับคนที่ไม่รู้จักโรงเรียนเรามาก่อน ก็คงไม่มีใครเชื่อทันทีที่รับฟัง อย่างตอนที่ผมคุยเรื่องนี้กับพี่สาว เธอหัวเราะเยาะพร้อมถามว่า ?นับหน่วยผิดหรือเปล่า??
แต่พออธิบายถึงความใหญ่โตของโรงเรียน ที่มีมัธยมต้นและมัธยมปลายซึ่งรวมนักเรียนกว่าแปดพันคน อีกชมรมทั้งสายกีฬาและสายวัฒนธรรม รวมแล้วมากกว่าสามร้อยชมรม ซึ่งหลายๆ ชมรมได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ค่าซ่อมบำรุงอาคารบางส่วนก็ต้องอาศัยงบประมาณจากสภานักเรียนนี้ด้วย ก็กลับถามด้วยความเป็นห่วงว่า ?ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะพอใช่ไหม??
ซึ่งก็จริงตามนั้น แม้ฟังดูจะเป็นยอดเงินมหาศาลในมุมมองของผมก็ตาม แต่กลับอันตรธานหายไปในพริบตา เมื่อต้องจัดสรรปันส่วนให้กับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการหรือชมรมที่มีมากจนน่าเหนื่อยหน่าย
พอเข้าสู่เดือนพฤษภาคม เหล่าตัวแทนคณะกรรมการและชมรมต่างๆ ก็จะพากันเขียนใบของบประมาณตามใจชอบ แล้วนำมาส่งยังห้องสภานักเรียน เพื่อดำเนินการจัดสรรงบประจำปี และสิ่งที่น่าตกใจก็คือขั้นตอนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณา ตรวจสอบโดยละเอียด ตัดสิน เย้ยเยาะ เพิกเฉยนั้นดำเนินการโดยเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว
ผมเคยลองถามดูว่า ไม่แบ่งกันทำหรือ?
?ก็ทำคนเดียวมันสะดวกกว่านี่?
เธอตอบออกมาเบาๆ ไม่แม้แต่ปรายตามองผม
?คุยกับพวกไม่ฉลาด รังแต่จะทำงานช้าเข้าไปอีก!!?
ที่กำแพงด้านในของห้องสภานักเรียน กว้างขวางขนาดมีประตูเรียงกันอยู่ 5 บาน โดยด้านซ้ายมือสุดเป็นห้องของเธอ เสียงพัดลมในห้องที่มืดสลัว พร้อมแสงไฟสีขาวนวลจากหน้าจอมอนิเตอร์ทั้ง 6 เครื่อง ส่องไปยังด้านหลังของร่างเล็กๆ ที่กำลังนั่งชันเข่าบนเก้าอี้กลางห้อง มองดูแล้วชวนขนลุกอยู่เหมือนกัน ทั้งเส้นผมกระเซอะกระเซิงยาวประบ่า เสื้อคลุมเบลเซอร์หลุดลุ่ยมาอยู่ที่ระหว่างหัวไหล่และข้อศอกดูแล้วไม่เป็นระเบียบ และเสียงทำงานดังก๊อกแก๊กๆ ที่ดังก้องในความมืด เธอมักจะใช้มือซ้ายหยิบขนมเข้าปากอย่างมูมมามพร้อมกับใช้มือขวาจิ้มแป้นคีย์บอร์ดที่วางอยู่บนตัก แม้ว่าผมจะเข้าไปในห้องแต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไร
เธอคือ ฮิจิริบาชิ คิริกะ สาวน้อยผู้กุมอำนาจการบริหารเงินทั้งโรงเรียนไว้ในมือ
ผมจึงกระแอมแล้วพูดเบาๆ จากทางด้านหลังของเธอ
?ผมได้รับใบร้องเรียนมา....จากแผนกจราจร คณะกรรมการห้องสมุด และกรรมการหอพักนักเรียนมัธยมต้น เอ่อ ขอโทษที คงกำลังยุ่งอยู่สินะ งั้นวางไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน?
?อ่านหน่อยสิ?
ผมตกใจจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเธอพูดพึมพำออกมา
?หมายถึงอ่านให้ฟังน่ะเหรอ? กำลังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?
?เสียงเธอนี่มันนุ่มนิ่มฟังแล้วรำคาญหูชะมัด ถึงฉันจะทำอะไรอยู่ ฉันก็ฟังรู้เรื่องหมดแหละ เอาเป็นว่าอ่านมาเถอะน่า?
ฟังแล้วไม่แน่ใจว่ากำลังถูกชมหรือถูกด่า....ไม่สิ กำลังด่าอยู่กระมัง แต่จะมาตีความหมายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผมจึงพลิกเอกสารเพื่อที่จะเริ่มอ่าน
?งั้นเริ่มจากคณะกรรมการห้องสมุดนะ ตอนนี้ชั้นวางหนังสือแบบเคลื่อนที่ได้ในห้องสมุดที่สี่ทรุดโทรมไปมาก จะต้องใช้แปดล้านเยนในการซ่อมแซมทั้งหมด....?
ขณะที่ผมกำลังอ่านออกเสียงอยู่นั้น ยังคงมีเสียงพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดพร้อมกับเสียงเคี้ยวมันฝรั่งอบกรอบอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผมอ่านจบแล้ว คิริกะก็ชี้มาที่กระเป๋าของผม
?ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อ่านเนื้อหาที่จะออกสอบของเดือนพฤษภาคมให้ฟังหน่อยสิ?
?นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับสภานักเรียนเลยไม่ใช่เหรอ จะเป็นงานของผมรึก็ไม่ใช่?
?อ่านเร็วๆ เข้า?
ผมไม่ปริปากอะไรพร้อมกับวางกองหนังสือร้องเรียน และหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋า
คิริกะเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าเรียนเลย ที่ผมรู้ดีเพราะว่าผมเรียนอยู่ห้องเดียวกับเธอ อีกทั้งยังมีที่นั่งติดกันอีก เป็นนักเรียนที่ชอบโดดเรียน ไม่ใช่แบบที่หนีเรียนไปอยู่ห้องพยาบาล แต่หนีเรียนมาอยู่ห้องสภานักเรียน
?วรรณกรรมร่วมสมัย I บทที่ 15-16, ประเทศของเรา บทที่ 2 บทเดียว, อ่านอังกฤษ บทที่ 2, เขียนอังกฤษตั้งแต่แรกจนจบพาร์ท C, สนทนาภาษาอังกฤษ ยูนิตที่ 2, คณิตศาสตร์ I....?
เธอยังคงไม่หยุดมือ แม้จะอดห่วงไม่ได้ว่ากำลังฟังอยู่จริงหรือเปล่า แม้ว่าไม่เคยเข้าเรียนเลยตั้งแต่เข้าชั้นมัธยมต้น แต่ผลการเรียนอยู่ในระดับแนวหน้าทุกครั้ง เลยทำให้คนที่เข้าเรียนตลอดอย่างผมกลายเป็นพวกงี่เง่าไปโดยปริยาย
หลังจากที่ผมอ่านจบและปิดสมุดแล้ว คราวนี้คิริกะชี้ไปที่ชั้นหนังสือ
?งั้นต่อไป อ่านหนังสือประกอบภาพให้ฟังหน่อย?
?ทำไมกัน คุยกันท่าไหนถึงออกมาเป็นอย่างนี้ได้ล่ะเนี่ย? มันเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสภานักเรียนหรือโรงเรียน แล้วก็ไม่เกี่ยวกับชีวิตของผมแล้วใช่มั้ย?
?เอาน่า อ่านๆ ไปเถอะ ถึงยังไงตอนนี้เธอก็ยังว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ อยู่ฝ่ายธุรการทั่วไปก็ทำๆ ตามที่บอกไปเถอะ?
ผมเหลือบไปมองปลอกแขนสีกรมท่าปักตัวหนังสือด้วยด้ายสีทองที่แขนซ้ายของตนเอง
<สภานักเรียน ฝ่ายบริหารงานธุรการ ธุรการทั่วไป>
คิดว่างานธุรการทั่วไปเป็นงานยังไงกัน มันไม่ใช่งานจับฉ่ายอย่างที่ต้องไปล้างส้วม จ่ายตลาด ชงกาแฟหรอกนะ เอ๊ะ ไม่สิ เพราะตอนนี้ก็ทำทุกอย่างที่พูดมาอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น เธอเป็นหัวหน้าของผม และหากผมทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัวอาจจะส่งผลเสียกับงานด้วย ก็คงต้องทำตามที่เธอบอก
ผมหยิบเอาหนังสือเรื่อง ?เจ้าชายน้อย? มาจากชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือประเภท ?กุริกับกุระ? หรือ ?บาร์บ้าปาป้า? ออกมา แล้วพลิกเปิดที่หน้าแรก สูดหายใจลึกๆ แล้วเริ่มอ่านออกเสียง
?....เมื่อตอนอายุ 6 ขวบ ฉันได้เห็นรูปภาพมหัศจรรย์ใจรูปหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับป่าดงดิบ ชื่อว่าประวัติชีวิตธรรมชาติ....?
?....ฟรี้ ....ฟรี้?
?หลับเร็วชะมัด!?
คิริกะหลับไปโดยที่กอดคีย์บอร์ดตัวกลมดิก พร้อมกับส่งเสียงหายใจขณะนอนหลับ เสื้อคลุมเบลเซอร์หลุดลงไปกองจนเกี่ยวกับก้นเก้าอี้ ผมจึงไปดึงออกมาเบาๆ
ทันใดนั้น เธอก็ขยับร่างกายครึ่งท่อนบนลุกขึ้นมา ทำให้ผมลนลานว่าทำให้เธอตื่นหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเธอเพียงแค่ขยับตัว คิริกะนอนหลับโดยมีเก้าอี้ปรับเอนไปด้านหลังคอยประคองร่างอยู่ เธอหลับตาพริ้มเอนศีรษะไปทางด้านขวา แล้วก็เริ่มได้ยินเสียงเธอหายใจขณะนอนหลับดังขึ้นอีกครั้ง
สิ่งที่กำลังพันคอของเธออยู่นั้นก็คือปลอกแขนสีกรมท่า
ปลอกแขน 2 ผืนเชื่อมต่อกันแล้วพันคอราวกับเป็นผ้าพันคอ มองเห็นตัวอักษรคำว่าเหรัญญิกอยู่ตรงกลางคอพอดี
ผมจึงนำเสื้อคลุมเบลเซอร์ไปห่มให้ทางด้านหน้า เพื่อบังไม่ให้เห็นตัวอักษรนั้น
หลังจากที่ออกมาจากห้องบัญชี จู่ๆ ก็มีเงาคนปรากฏตรงโต๊ะในห้องสภานักเรียน และเดินมาหาผมช้าๆ แบบไม่ให้รู้สึกตัว
?คุณคิริกะเป็นยังไงบ้างคะ อารมณ์ดีอยู่หรือเปล่าคะ??
ผู้หญิงร่างสูงเหมือนนางแบบ นัยน์ตาสีอำพันและผมสีบลอนด์เทา มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นลูกครึ่ง มีความโดดเด่นสะดุดตาชนิดที่ว่าแค่ยืนเฉยๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงเพลงประกอบโฆษณาลอยขึ้นมา
คุณทาเคะอุจิ มิโซโนะ รุ่นพี่มัธยมปลายปี 2 ที่มีปลอกแขนปักเอาไว้ว่า ?ฝ่ายบริหารงานธุรการ รองตัวแทน? หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ รองประธานสภานักเรียน
?ถ้าตอนนี้อารมณ์ดีอยู่ ก็จะได้ขอประชุมเกี่ยวกับการเจรจางบประมาณน่ะค่ะ จริงๆ แล้วตั้งใจว่าตั้งแต่ปีนี้อยากจะเรียกสัมภาษณ์ทีละคนเลย แต่ถ้าทำอย่างนั้นแล้วทั้งฉันทั้งคุณคิริกะก็คงลำบากกันน่าดูนะคะ?
?อ่า คิริกะหลับไปแล้วครับ?
รุ่นพี่มิโซโนะทำตากลมโตด้วยความประหลาดใจ
?หลับ? ตอนนี้น่ะเหรอ??
?เมื่อสักครู่นี้เองครับ? ผมตอบแล้วหันไปมองที่ประตูห้องเหรัญญิก
?หลับต่อหน้าคุณฮิคาเงะเลยหรือคะ??
?ฮะ ผมอ่านหนังสือให้ฟังแล้วเธอก็ผล็อยหลับไป คงเป็นเพราะอยู่โต้รุ่งอีกแล้วมั้งครับ?
?แหม....? รุ่นพี่มิโซโนะพูดพร้อมโน้มตัวลงมา แล้วจ้องมองใบหน้าผมจากด้านล่างพร้อมกับทำหน้าตาดีใจ ?เยี่ยมไปเลยนะคะ คุณฮิคาเงะ อ่านหนังสือภาพ ป้อนนมลูบหัวให้คนอย่างคุณคิริกะหลับได้?
ไม่ได้ทำ ไม่ใช่ลูกซะหน่อย
รุ่นพี่มิโซโนะหัวเราะพร้อมพูดว่า ดีจังที่คุณฮิคาเงะเข้ามาทำงานที่ฝ่ายธุรการ ผมจึงแก้เขินด้วยการเข้าไปชงกาแฟในห้องครัวซึ่งกั้นฉากเป็นห้องขนาดเล็กบริเวณมุมห้องสภานักเรียน มีตั้งแต่ตู้เย็น อ่างล้างจาน ไปจนถึงชั้นวางภาชนะและเตาไฟฟ้าบนโต๊ะ
?ถ้าอย่างนั้นคุณฮิคาเงะช่วยจัดกำหนดการให้หน่อยได้ไหมคะ?
รุ่นพี่พูดขึ้นมาพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คขณะที่ผมกำลังเสิร์ฟกาแฟ
?ที่ว่าจะสัมภาษณ์รายคน ตกลงเอาจริงหรือครับ? ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีใครที่จะไม่บ่นเรื่องงบประมาณกันนะครับ?
เพราะนั่นคือการพูดคุยรายตัวกับประธานชมรมหรือประธานคณะกรรมการจำนวนหลายร้อยที่พากันแห่มา คงเป็นเรื่องที่คนสติดีๆ ไม่ทำกัน
ที่ผ่านมา แม้จะเรียกว่าเป็นการปรึกษาหารือก็เถอะ แต่ได้ยินมาว่าเป็นการต่อรองที่แทบจะโต้แย้งไม่ได้เลย เพราะในความเป็นจริงแล้วการเจรจาต่อรองงบประมาณเป็นการแจ้งให้ทราบโดยฝ่ายบริหารงานธุรการของสภานักเรียน ?ขอให้ที่ประชุมนักเรียนผ่านร่างข้อเสนองบประมาณนี้ด้วยนะคะ ถ้าหักหลังกันแล้ว คงจะรู้ใช่ไหมว่างบประมาณของปีหน้าจะออกมาเป็นยังไง? ซึ่งแน่นอนว่าการให้คนหลายๆ คนมาประชุมพร้อมๆ กันเลยต้องดีกว่าอยู่แล้ว เพราะจะก่อให้เกิดบรรยากาศที่ไม่สามารถเสนอความประสงค์ของตนเองได้ แม้จะอยากขอให้เพิ่มหรือลดตรงไหนก็ตาม
แต่รุ่นพี่มิโซโนะกลับบอกว่าอยากจะโน้มน้าวทีละคน
รุ่นพี่กล่าวว่า ?สุดท้ายแล้ว หากงบไม่พอก็ต้องใช้เงินชมรม หรือไม่ก็ต้องทนไปก่อนใช่ไหมล่ะคะ เราก็ต้องพูดคุยโน้มน้าวกันจนกว่าจะยอมรับกันได้?
?....ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแบ่งกันทำใช่ไหมครับ อย่างผม กับคิริกะ....?
?ไม่ได้หรอกค่ะ!?
รุ่นพี่ปิดพับโน้ตบุ๊คดังปับ พร้อมลุกขึ้นมาส่ายหน้า
?เดี๋ยวคุณฮิคาเงะเครียดลงกระเพาะกันพอดี!?
?เว่อร์ไปฮะ?
?ไม่ได้เว่อร์ไปหรอกค่ะ เพราะจะมีทั้งคนที่โวยวาย และคนที่ร้องไห้ออกมาด้วย ถ้าปล่อยให้คุณฮิคาเงะหรือคุณคิริกะตกเป็นเป้าโจมตีอย่างนั้น ฉันคงจะเป็นห่วงมากจนแน่นนม?
อยู่ดีๆ นมมันจะแน่นได้ยังไงกัน
?ไม่.... ไม่ได้นะคะ คุณฮิคาเงะ เรื่องพรรค์นั้นน่ะ แน่นนม มันน่าอายมากนะ?
?ก็รุ่นพี่พูดเองไม่ใช่รึไง! ว่าแต่นั่นหมายถึงแน่นอกใช่มั้ยครับ??
รุ่นพี่ทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือ แน่นอนว่าดูก็รู้แล้วว่าจงใจพูดผิด
?ไม่สิ จะแน่นอะไรก็ช่างเถอะครับ แต่ถ้ารุ่นพี่ทำคนเดียวแล้วล่ะก็ โรคกระเพาะก็คงจะถามหาด้วยเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ?
รุ่นพี่น่ะเป็นคนขี้กังวลมากจนน่าเอือม
?ไม่เป็นไรหรอกค่ะ? รุ่นพี่มิโซโนะกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม ?ถึงนักเรียนทั่วๆ ไปมาร้องไห้โวยวายเรื่องโดนตัดงบไปขนาดไหน ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อยค่ะ ถ้าเป็นคุณฮิคาเงะกับคุณคิริกะสุดที่รักของฉันทั้งคู่ก็ว่าไปอย่าง กลับรู้สึกดีเสียอีกเวลาที่มีคนมาพูดวิงวอน?
โหดร้ายอะไรขนาดนี้.... โฉมหน้าแท้จริงของผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่ามาดอนน่าแห่งโรงเรียนฮาขุจุไดนั้น คงมีแต่สมาชิกของสภานักเรียนเท่านั้นที่รู้ คิดว่าในโลกแห่งการเมืองคงขาดความอวดดีแบบนี้ไม่ได้เลย คิริกะฝ่ายเหรัญญิกก็เป็นแบบนั้น รองประธานก็เป็นแบบนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้น....
ประตูของทางเข้าออกห้องสภานักเรียนถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
?ทุกคน! พวกเราชนะครั้งใหญ่แล้ว!?
คนที่เข้าห้องมาพร้อมเสียงเอะอะโวยวายได้ทิ้งทิ้งตัวลงที่โต๊ะของประธานด้านในของห้องและหันออกมายังประตูเข้าห้องสภานักเรียนคือ ผู้หญิงที่มีดวงตาดุดันและรวบผมยาวดำด้วยการมัดแกละอย่างลวกๆ มีตัวอักษรสีทองระยิบที่ปลอกแขนว่า<ตัวแทน ฝ่ายบริหารงานธุรการ>
?ได้รับอนุญาตให้ใช้อาคารดนตรีตอนกลางคืนสำหรับงานโรงเรียนปีนี้แล้ว เพราะฉันเข้าไปพบทั้ง PTA และพวกชาวบ้านที่เป็นกังวลเรื่องนี้ที่บ้านทีละหลังๆ จนในที่สุดก็ยอมกันทุกคน เราสามารถแสดงดนตรีสดทั้งคืนก่อนวันงานและคืนหลังวันงานได้ด้วย ตอนนี้กำลังจะเริ่มรับสมัครเข้ามาออดิชั่นแล้วนะ!?
แค่พูดธรรมดาๆ ก็เหมือนกับมีลมแห้งๆ ตอนที่อากาศสดใสหลังพายุเพิ่งผ่านไปไหลเข้ามาในห้องสภานักเรียน
?....อ้อ....คงจะเหนื่อยน่าดูนะครับ ขอบคุณครับ?
ที่ผมพอจะพูดได้คงมีเท่านั้น ส่วนรุ่นพี่มิโซโนะเอาแต่ส่ายหัวทำหน้าเอือม
เท็นโนจิ โคะเท็ตสึ บุคคลผู้มีชื่อซึ่งไม่น่าจะเป็นชื่อผู้หญิงได้นั้น แค่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นประธานสภานักเรียน ช่างเป็นคนที่เกิดมาเพื่อที่จะเป็นประธานสภานักเรียนโดยแท้ ขนาดที่คิดว่าเสียงร้องตอนแรกเกิดน่าจะเป็นเสียงปราศรัยลงสมัครตำแหน่งประธานเลยก็ว่าได้
?ถึงแม้ว่าปีนี้จะจัดไม่ทันก็เถอะ แต่ในงานกีฬาปีหน้า ถ้าจัดการแข่ง F1 ในโรงเรียนของเราโดยที่ให้นักเรียนลงแข่งล่ะ คิดว่าเป็นยังไง?
?แล้วใบขับขี่ล่ะครับ....?
?ไม่ต้องห่วงนะ ก่อนที่จะห่วงเรื่องใบขับขี่ รถฟอร์มูล่าร์น่ะไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยอยู่แล้ว เอามาวิ่งตามท้องถนนไม่ได้หรอก?
?มันก็เอามาวิ่งในโรงเรียนไม่ได้เหมือนกันนี่!?
พอผมพูดขัด ประธานก็ทำหน้าบึ้งราวกับเด็กน้อย
?ถ้าจัดแล้วต้องได้กำไรเห็นๆ เลยแท้ๆ....?
คุณมิโซโนะคงทนไม่ไหวเลยเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน้ตบุ๊คแล้วพูดขึ้นมา
?หยุดเพ้อเจ้อทีเถอะ โคะเท็ตสึ แทนที่จะห่วงเรื่องนั้นน่ะ ตั้งแต่จันทร์หน้าจะเริ่มเจรจางบประมาณแล้วนะ ช่วยหาอะไรมาใส่กำหนดการของตัวเองเอาไว้ด้วยนะ แล้วก็อย่ากลับมาที่ห้องสภานักเรียนก่อนหกโมงโดยเด็ดขาด?
?ทำไมล่ะ??
?ก็พอโคะเท็ตสึอยู่จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นน่ะค่ะ?
?แค่พวกต่ำๆ มาตำหนิร่างงบประมาณที่เหรัญญิกที่น่ารักของเราทำโต้รุ่งมาสองคืนเท่านั้นเอง คิดว่าฉันจะโกรธเหรอ??
?คิดสิคะ?
?ฉันไม่ต่อยคนอื่นหรอกน่ะ นอกจากชมรมมวยกับชมรมคาราเต้?
?ห้ามต่อยทุกกรณีค่ะ?
อาจจะเป็นเพราะโดนทั้งผมและคุณมิโซโนะรวมหัวกันสวนกลับ ประธานเลยมีท่าทีอ่อนลง ประธานเอนเก้าอี้ไปด้านหลังแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดาน
?ไม่ยอมให้ประธานอย่างฉันเข้าร่วม แต่กลับยอมให้เจ้าหน้าที่ธุรการทั่วไปอย่างฮิโตชิช่วยงั้นเหรอ ขี้โกงนี่ ฉันก็อยากเข้าร่วมด้วยนะ?
?เปล่าครับ ผมไม่ได้เข้าร่วมการเจรจานะครับ ผมแค่ช่วยจัดตารางเท่านั้นเอง แล้วก็อีกอย่างนะครับ ประธาน?
?หืม??
?ผมฮิคาเงะต่างหากครับ ไม่ใช่ฮิโตชิ ช่วยจำให้ถูกด้วยครับ?
ผมรู้สึกอายเมื่อต้องพูดเน้นชื่อตัวเองแบบนี้ เป็นเพราะว่าผมเกลียดชื่อนี้มากๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ทุกครั้งที่ประธานอ้าปากก็จะเรียกผมด้วยชื่ออื่นทุกที ไม่มีอะไรจะยุ่งยากมากไปกว่านี้อีกแล้ว
?....ฮิโตคาเงะ??
?นั่นมันเรื่องโปเกมอนแล้วครับ?
?ลิซาร์ด?
?ไม่ต้องมาแปลงร่างให้ผมหรอกครับ มีไม่ถูกอยู่ตัวนึง?
?แต่ที่สำคัญ งานนี้ยังใหม่สำหรับฮิโรชิอยู่นะ?
เออ จะเรียกอะไรก็ตามใจเถอะ....
?ช่วยรวบรวมแบบสอบถามนักเรียนที่ย้ายโรงเรียนที แล้วถ้ามีคำถามอะไรที่คิดว่าน่าจะเพิ่มลงในปีหน้าก็ให้เสนอมาเยอะๆ เลยนะ ฮิโรชิเองก็เป็นนักเรียนที่ย้ายโรงเรียนเหมือนกัน น่าจะมีเรื่องที่คิดเอาไว้ในใจอยู่แล้วใช่ไหม?
ขณะที่เอากองแบบสอบถามขนาด A4 มาวางไว้ตรงหน้านั้น ผมรู้สึกเหมือนกับถูกความรู้สึกอบอุ่นประหลาดๆ ครอบงำไปชั่วขณะ กระทั่งไม่สามารถยกมือที่กำลังจับปากกาอยู่ขึ้นมาได้ ในห้องสภานักเรียนที่กว้างขวางนั้นมีเสียงคุณมิโซโนะเคาะแป้นพิมพ์ และเสียงหายใจขณะนอนหลับของประธานซึ่งตอนนี้ได้เข้านอนกลางวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเป็นนักเรียนใหม่ที่ย้ายเข้ามาตอนมัธยมปลาย เป็นคนที่มาจากภายนอก ทำให้รู้สึกว่าเสื้อคลุมเบลเซอร์ที่สวมใส่ เนคไท ตราโรงเรียน และปลอกแขน มันช่างดูไม่เข้ากับผมอย่างบอกไม่ถูก
หากมองย้อนไปที่สาเหตุของความรู้สึกนั้นแล้ว ก็เป็นเพราะชื่อประหลาดๆ อย่าง ?ฮิคาเงะ? นี่เอง
*
พอผมบอกว่าพี่สาวของผมชื่อ ?ฮินาตะ? ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะคิดว่าผมพูดเล่น
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อแม่คิดอะไรอยู่ถึงได้ตั้งชื่อแบบนี้ ทว่าตั้งแต่ผมจำความได้ก็ถูกเลี้ยงดูมาพร้อมการถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวที่ทำอะไรก็ดีไปเสียทุกอย่าง
ในประวัติการเรียนของพี่สาวมีรายชื่อสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเต็มไปหมด อย่างโรงเรียนประถม A, โรงเรียนมัธยมต้น B, โรงเรียนมัธยมปลาย C โดยทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนต่างเครือกันทั้งหมด แถมตอนเข้ามหาวิทยาลัยยังเลือกสถาบันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ ก็คือ พี่สาวไม่เคยเลื่อนชั้นเรียนโดยใช้ระบบเลื่อนชั้นอัตโนมัติแบบไม่ต้องสอบเข้าเลย
?พอทำอย่างนี้แล้วทำให้ประวัติดูยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ ก็เลยตั้งใจทำให้เป็นแบบนั้นแหละ แล้วเวลาที่จะเตรียมสอบ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็จะพากันเอาใจ ถ้าเลื่อนชั้นอัตโนมัติแบบไม่ต้องเข้าสอบก็เสียดายแย่สิ?
....เป็นคำพูดที่พี่สาวพูดออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง ช่างเป็นคนที่เก่งมากจนน่าหงุดหงิด
คำพูดที่แม่มักจะพูดกับผมบ่อยๆ ก็คือ ?ไม่ได้บอกว่าให้ทำเหมือนกับฮินาตะหรอกนะ? ส่วนพ่อก็ ?ฮินาตะนี่ไม่เหมือนลูกเลย? ทำให้ผมรู้สึกเอือมกับทั้งคู่ เริ่มคิดหาวิธีที่จะออกจากบ้านอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนเข้าเรียนมัธยมต้น
ที่ต้องการย้ายเข้ามาในโรงเรียนที่มีทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายซึ่งตั้งอยู่ที่ชานเมืองอย่างโรงเรียนฮาขุจุไดนั้น ไม่ได้เป็นเพราะชื่นชอบในตัวโรงเรียน และไม่ใช่เพื่อการเรียนต่อหรือหางานทำในอนาคต แต่เพราะเป็นโรงเรียนเดียวที่มีหอพักและน่าจะเข้าเรียนในฐานะนักเรียนทุนได้เลยส่งเอกสารคำร้องไป โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเป็นโรงเรียนแบบไหน อีกทั้งยังไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมโรงเรียนเลย ปริมาณเนื้อหาที่เรียนเพื่อเตรียมสอบตอนที่อยู่มัธยมต้นปี 3 นั้นเรียกได้ว่าเอาที่ผมเรียนมาทุกๆ ปีรวมกันชั่วชีวิตยังไม่มากเท่านั้นเลย
หลังจากที่สอบผ่านแล้วก็เพิ่งจะมารู้ตัวว่าฮาขุจุไดเป็นโรงเรียนที่เหลือเชื่อในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่อาจารย์แนะแนวสมัยมัธยมต้นได้ถามซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ?ที่เลือกมานี่คิดดีแล้วเหรอ? แถมยังอุตส่าห์รวบรวมเอกสารต่างๆ มาให้ผมดูแล้วแท้ๆ แต่ตัวผมมัวแต่คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ทำให้เมินเฉยต่อความปรารถนาดีของอาจารย์ไป ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยครับ
ถึงแม้จะรู้เรื่องจำนวนของนักเรียนที่มีมากพอๆ กับมหาวิทยาลัยและเรื่องวิทยาเขตมาก่อนหน้าแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้มาเห็นของจริงก็รู้สึกละลานตามาก โรงเรียนกินพื้นที่หน้าสถานีของเมืองที่จัดว่ามีขนาดใหญ่เป็นบริเวณกว้าง จนเผลอคิดไปแวบนึงว่านี่คือพระราชวังหรือเปล่า ผู้ก่อตั้งที่นี่คงไม่ได้สนใจเรื่องค่าที่เลยรึเปล่านะ
ถึงแม้ฮาขุจุไดจะแบ่งออกเป็นฝ่ายมัธยมต้นและฝ่ายมัธยมปลาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นโรงเรียนที่มีระบบการศึกษาแบบ 6 ชั้นปี จึงมีตำราเรียนในแบบของตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการศึกษาแบบ 6 ชั้นปี ทำให้นักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอย่างผมนั้น หากจะพูดตามตรงแล้วก็คือเรียนตามคนอื่นไม่ทันเลย และอาคารเรียนก็ไม่ได้แยกตามฝ่ายมัธยมต้นและฝ่ายมัธยมปลาย แต่กลับแบ่งตามภาควิชา
โครงสร้างของอาจารย์ผู้สอนก็รวมเอาทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายเอาไว้ด้วยกัน และสภานักเรียนก็เช่นเดียวกัน คือรวมมัธยมต้นและมัธยมปลาย ทำให้อยากจะบ่นออกมาว่า ถ้าเป็นโรงเรียนลักษณะแบบนี้ปกติเขาไม่รับนักเรียนมัธยมปลายจากที่อื่นเข้ามาใหม่ไม่ใช่เหรอ แต่ก็ไม่รู้จะไปบ่นกับใคร
นักเรียนมัธยมปลายที่ย้ายมาจากที่อื่น มีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทั้งหมด แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องรู้สึกเคว้งคว้างอย่างไม่มีทางเลี่ยง ก็เพราะว่านักเรียนคนอื่นในห้องเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วนี่
ไม่สิ เพราะว่ามีนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาแต่ก็ได้เพื่อนแล้วด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ดีเองก็ได้
แถมดวงก็ไม่ค่อยดีด้วยนิดหน่อย หอพักนักเรียนเป็นห้องแบบพักกันสองคน แต่มีแค่ผมที่พักอยู่ลำพังคนเดียว เพราะนักเรียนมัธยมปลายที่พักในหอมีจำนวนคนไม่ครบคู่ แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ถือเป็นความโชคดีด้วย เพราะได้ครอบครองห้องหรูขนาดสิบสองเสื่ออย่างไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียโอกาสที่จะหาเพื่อนคุยไปโดยปริยาย
ผมคิดว่าการที่อาจารย์ประจำชั้นมาขอให้ผมนำของไปส่ง คงเพราะเหตุผลที่ว่าผมนั่งข้างๆ ฮิจิริบาชิ คิริกะ อีกทั้งผมเป็นนักเรียนใหม่เลยยังไม่รู้จักสภานักเรียนสักเท่าไหร่
?เอกสารที่จะต้องส่งอย่างวิชาเลือกเทอมสอง หรือแบบสอบถามเส้นทางในอนาคตกองเพียบเลย ต้องส่งให้ถึงมือแล้วให้เขียนในตอนนั้นเลยนะ แล้วเอามาส่งที่ห้องพักครู?
หลังเลิกเรียนในวันที่อากาศแจ่มใสช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผมเข้าเรียนได้เป็นวันที่สาม อาจารย์จิฮายะซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดขึ้นมา
เป็นอาจารย์สาวที่สวมกระโปรงรัดติ้วและสวมเสื้อที่เหมือนกับจิ๊กกี๋โดนบังคับให้ใส่ อาจเป็นเพราะว่าอยู่ในชั่วโมงเรียนล่ะมั้งเลยใช้คำพูดแบบนี้
?....ทำไมต้องเป็นผม?
?ก็ครูไม่อยากไปสภานักเรียน วุ่นวาย เธอนั่งข้างๆ กันก็รับผิดชอบด้วย?
ต้องรับผิดชอบอะไรกันล่ะนั่น?
?ที่ว่านั่งข้างๆ ใครที่ไหนล่ะครับ? ทำไมต้องสภานักเรียนด้วย?
ที่นั่งด้านขวามือของผมเป็นที่ว่างมาตลอดนับตั้งแต่เริ่มเรียน เวลาที่อาจารย์เช็คชื่อคนเข้าเรียนทุกๆ คาบ ต่างพากันทำหน้าท้อใจ พร้อมกับขานชื่อ ?ฮิจิริบาชิ? ออกมา แล้วขานชื่อนักเรียนคนต่อไปทันทีโดยไม่ทันจะได้ตรวจสอบเลยว่าเข้าเรียนหรือไม่ ทำให้ผมรู้สึกค้างคาใจมาโดยตลอด หรือว่าจะเป็นเด็กโดดเรียนกันนะ
แต่อาจารย์จิฮายะก็กอดอกแล้วพูดต่อว่า
?ช่างเถอะน่า ถ้าไม่ทำตามที่ครูบอก ครูให้เกรด 5 แค่วิชาเพศศึกษาลงในสมุดพกแล้วเอาไปอวดให้ทุกคนดูนะ?
กรุณาหยุดคำขู่แบบง่ายๆ แต่ได้ผลแบบนั้นเถอะ!
หลังจากที่อาจารย์ออกจากห้องไปแล้ว ผมก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมห้อง แถมยังมีบางคนพนมมือสวดมนต์อีก นี่มันอะไรกัน
?....รู้รึเปล่าว่าสภานักเรียนอยู่ที่ไหน?
เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นกรรมการห้องเดินเข้ามาถามผมอย่างหวาดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เพื่อนร่วมห้องเดินเข้ามาคุยด้วย
?ไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะหาเจอ?
?อยากไปเป็นเพื่อนอยู่นะ แต่พวกผมเสียดายชีวิตน่ะ พยายามเข้านะ? นักเรียนชายอีกคนพูดออกมา
พูดอะไรกันอยู่นะ แล้วพวกผู้ชายก็ทยอยเข้ามารุมล้อมผม
?ฟังนะ มากิมุระ? มีคนนึงพูดแบบหรี่เสียง จำชื่อผมได้ด้วยเหรอ ?นายเองเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่อาจจะยังไม่รู้ แต่โรงเรียนนี้น่ะมีสิ่งที่เรียกว่า ?การดูดวงด้วยสภานักเรียน? อยู่ด้วยนะ?
?หา?
?พอไปถึงสภานักเรียนแล้วเปิดประตู ถ้าหากมีแค่รองประธานอยู่ในนั้นถือว่าดวงดีมาก?
?ผมนะ เคยได้ดวงดีมากแค่ครั้งเดียวเอง?
?แต่ก็อยากมองรุ่นพี่มิโซโนะใกล้ๆ จังเลยแฮะ?
?ผมเอารูปถ่ายของรุ่นพี่มาเป็นเครื่องรางด้วยล่ะ?
?ขอดูหน่อย?
?ขอซื้อหน่อย!?
?ผมยังไม่เคยดวงดีมากเลยแม้แต่ครั้งเดียว....?
?ถ้างั้นนายก็ไปเป็นเพื่อนสิ?
?ไม่เอาล่ะ ใจเย็นๆ คอยงานแข่งว่ายน้ำดีกว่า?
ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับการที่จู่ๆ เพื่อนร่วมห้องก็พูดคุยกันอย่างครื้นเครง คนแรกที่เข้ามาพูดกระแอมออกมาแล้ววกกลับเข้าเรื่องเดิม
?ถ้าในห้องมีทั้งรองประธานและคนอื่นๆ อย่างเช่นประธานแล้วล่ะก็ ถือว่าดวงปานกลางนะ?
?เพราะว่าอาจจะไม่ได้คุยกับรุ่นพี่มิโซโนะด้วยน่ะสิ?
?ไม่มีทางได้ถ่ายรูปแน่นอนเลย?
ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อมิโซโนะซึ่งเป็นรองประธานจะเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากเลย
เป็นเพราะฮาขุจุไดไม่ได้คิดเรื่องการแยกเป็นฝ่ายมัธยมต้นและฝ่ายมัธยมปลายที่ชัดเจน ทำให้ไม่มีงานพิธีประเภทที่ว่า ?พิธีเข้าศึกษาของฝ่ายมัธยมปลาย? เพราะฉะนั้นผมจึงไม่เคยเห็นกลุ่มคนที่เรียกกันว่ากรรมการสภานักเรียนเลย
?แล้วก็ ถ้าไม่มีใครอยู่เลยก็ดวงดีเล็กน้อย?
หืม? ไม่มีใครอยู่เลยนี่เรียกว่าดวงดีเล็กน้อยเหรอ? แล้วมันมีอะไรที่แย่กว่านั้นอีกเหรอ?
?ถ้ามีประธานอยู่คนเดียวนี่ อภิมหาซวย ให้คิดเลยว่ากำลังจะตาย?
ความตึงเครียดได้แผ่ขยายออกไปยังเหล่าเพื่อนร่วมห้อง ผมเองยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก จึงมองมองไปรอบๆ แล้วถามออกไปเบาๆ
?....ประธานนักเรียนนี่ มีแต่คนเกลียดเขาขนาดนั้นเลยเหรอ??
?เปล่าหรอก ถ้ามีแต่คนเกลียดก็คงไม่ชนะการเลือกตั้งหรอก? เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่
เท่าที่ฟังคำอธิบาย (ที่ไม่รู้ว่าทำไมดูเหมือนการโอ้อวด) จากเหล่าเพื่อนร่วมห้องแล้ว จับใจความได้ว่า เท็นโนจิ โคะเท็ตสึ คือบุคคลที่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานนักเรียนตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนมัธยมต้นปีที่ 1 ถือว่าเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์สี่สิบกว่าปีของสภานักเรียนโรงเรียนฮาขุจุไดแห่งนี้ ซึ่งเรื่องนั้นถือว่าสุดยอดจริงๆ เป็นบุคคลที่รับได้การคัดเลือกจากนักเรียนในโรงเรียนให้เป็นประธานนักเรียนหลังจากที่เข้าเรียนได้แค่ครึ่งปี โดยสภานักเรียนแห่งนี้เป็นสภานักเรียนร่วมกันของมัธยมต้นและมัธยมปลาย เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประธานนักเรียนที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่จะถูกคัดเลือกมาจากนักเรียนฝ่ายมัธยมปลาย ส่วนคนที่เป็นนักเรียนจากฝ่ายมัธยมต้นนั้น ถ้ารวมประธานคนปัจจุบันด้วยแล้วก็มีอยู่แค่สามคนเท่านั้น
แล้วหลังจากนั้น เท็นโนจิ โคะเท็ตสึก็ได้รับการรับเลือกอย่างท่วมท้นต่อเนื่องกัน 4 ปีซ้อน จนกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโรงเรียน
?แต่ว่า ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ได้รับความนิยมขนาดนั้น ทำไมทุกคนต้องทำท่าทางหวาดๆ กันด้วยล่ะ?
?....สิงโตในสวนสัตว์ก็ได้รับความนิยมนะ แต่ก็คงไม่มีใครอยากจะเข้าไปแตะใช่ไหมล่ะ?
หวา ขอบคุณมากเลยที่ยกตัวอย่างจนมองเห็นภาพได้ชัดเจน
?แต่ถ้าผ่านตรงนั้นไปไม่ได้ก็ไม่ได้เจอฮิจิริบาชินะ พยายามเข้า?
ผมถูกส่งออกมาจากห้องเรียนด้วยความรู้สึกแบบนั้น
ที่สำคัญที่สุด พอถามว่าฮิจิริบาชิ คิริกะเป็นคนยังไงแล้ว ทุกคนพูดแต่เพียงว่า ?เจอแล้วก็จะรู้เอง? โดยที่ไม่ยอมบอกรายละเอียดใดๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรงเรียนที่ผมเข้าเรียนนั้นเป็นโรงเรียนขนาดที่มีนักเรียนกว่า 8,000 คน โดยผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลสภานักเรียนประกอบไปด้วยเด็กสาวเพียงแค่สามคน ได้แก่ ประธานนักเรียนจอมกดขี่ที่ชอบผู้หญิงทั้งที่ตนเองเป็นผู้หญิง รองประธานมาดอนน่าของทั้งโรงเรียน และฮิจิริบาชิ คิริกะ เด็กจอมโดดเรียน ผู้กำงบประมาณสภานักเรียนแปดร้อยล้านเยนเอาไว้ ผมซึ่งถูกประธานนักเรียนบังคับฝืนใจให้เข้าสภานักเรียนกลายเป็นผู้ช่วย ?งานอีกตำแหน่ง? ของคิริกะ....จึงเป็นการเริ่มต้นวันแห่งการต่อสู้กับปัญหาและเหล่าผู้คนประหลาดๆ ที่เข้ามายังห้องสภานักเรียนครั้งแล้วครั้งเล่า! เรื่องราวความรักสนุกสนานและลึกลับในโรงเรียนสุดไฮเปอร์ที่ผสมปนเประหว่างความรัก ความต้องการ กองธนบัตร การแต๊ะอั๋ง ได้เปิดฉากขึ้นอย่างสง่างาม!
