?เขม...เขมมาดูนี่สิ...มีคนเอาหน้ากบฏทมิฬรูปหล่อมาลงในเน็ตด้วยล่ะ ดูสิ...หล่อบาดหัวใจชะมัดเลย?เสียงแจ้วๆ ของมินสุดาทำให้สาวน้อยร่างเพรียวบางอดไม่ได้ที่จะเอี้ยวหน้าไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเพื่อนสาว ซึ่งแทนที่จะโชว์ภาพงานที่ทำอยู่ กลับมีภาพบุรุษหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ไรขนเขียวครึ้มชวนสะดุดตา สร้างความอ่อนเพลียละเหี่ยใจให้หญิงสาวเป็นอย่างมาก
นึกในใจว่าเดี๋ยวเถอะ ถ้าพี่ชายเธอมาเห็นว่ามินสุดาอู้งาน...มัวแต่เข้าไปเล่นในเน็ตอยู่ล่ะก็ คงได้ถูกเอ็ดพะเรอเกวียนแน่ๆ
?เขมดูสิ?
มินสุดาเซ้าซี้จนเขมมิสราจำต้องหันไปมองตรงๆ ทั้งที่ไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนสาวพูดถึงเลยแม้แต่น้อย
?โจรอะไรหน้าหล่อชะมัดเลย น่าเสียดายนะเขมว่าไหม หล่อแบบนี้เป็นพระเอกดังฮอลลีวู้ดได้สบายเลย?
มินสุดาวิจารณ์ สายตาไม่ละจากใบหน้าคมสันที่ผุดขึ้นมาหน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด
เขมมิสราถอนใจออกมาเบาๆ
?มัวแต่เล่นเน็ตเดี๋ยวพี่นิลออกมาเห็นเข้าก็โดนเล่นงานหรอก? เขมมิสราเตือนเพื่อน แต่มินสุดากลับฉีกยิ้มกว้าง
?โธ่...แค่พักตานิดหน่อยเองน่า ไม่เห็นเป็นไรเลย วันๆ เอาแต่ทำงานไม่ได้โผล่ไปไหนก็ขอท่องในเน็ตเล่นบ้าง คงไม่เป็นไรหรอกน่า?
เขมมิสราส่ายหน้าอ่อนใจเพื่อนสาว
?งั้นดูไปคนเดียวเถอะ เราต้องทำงาน?
?โธ่...น่า ดูหน่อยสิ นายคนนี้หล่อจริงๆ นะ...น่าเสียดายที่เป็นพวกกบฏ ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน?
?เป็นกบฏใช่ว่าจะไม่เป็นคนดีนะมิน เพียงแต่อุดมการณ์ทางการเมืองของพวกเขาแตกต่างไปจากรัฐบาลเท่านั้นเอง?
?เขาว่าพวกนี้หัวรุนแรงมากไม่ใช่หรือ เขาปล้นฆ่าได้ย่.?
?ช่างเขาสิ...นั่นมันปัญหาภายในของพวกประเทศพวกเขา ไม่เกี่ยวกับเราสักนิด?
?แหม...แต่มันเสียดายความหล่อนี่นา ถ้าได้แฟนหน้าตาหล่อแบบนี้สักคนก็คงจะดีหรอก? มินสุดาพูดเสียงเคลิ้มฝัน เขมมิสราส่ายหน้ายิ้มขบขันเพื่อนสาว
?ลืมแล้วหรือจ๊ะว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว? เขมมิสราหัวเราะ
?ทำไมหึงแทนพี่ชายตัวเองหรือไง แหม...ของแบบนี้มันก็ต้องมีออกนอกลู่นอกทางกันบ้างล่ะ พี่นิลน่ะหล่อที่สุดอยู่แล้วสำหรับมิน แต่จอมกบฏนี่หล่อระดับเทพเลยเชียวนะ คนบ้าอะไรหล่อบาดหัวใจชะมัดเลย?
มินสุดาพูดอย่างอดหลงใหลได้ปลื้มถึงคนที่ตัวเองกำลังพูดถึงไม่ได้ ก็เขาหล่อจริงๆ นี่นา มินสุดาอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายชาวอาหรับหล่อแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ เขาว่าคนพวกนี้รวยมากจริงหรือเปล่านะ?
?เป็นกบฏนี่รวยหรือเปล่านะเขม? มินสุดาออกปากถามเพื่อน
?ไม่รู้สิ? เขมมิสราตอบขำๆ ?ไม่เคยมีแฟนเป็นพวกกบฏทมิฬซะด้วย เอาไว้เป็นแล้วจะกลับมาตอบให้?
มินสุดาเบิกตาโต
?บ๊อง...ฟังพูดเข้า ทำไมพูดเป็นลางแบบนั้น ไม่เอาหรอก แค่ชื่อก็ฟังน่ากลัวแล้ว...เราไม่อยากให้เพื่อนต้องตายในสนามรบหรอก?
เขมมิสราส่ายหน้ายิ้มกับท่าทางจริงจังของเพื่อนสาว
?โธ่...พูดเป็นตุเป็นตะยังกับเรื่องจริงไปได้ เรากับเขาอยู่ไกลกันตั้งครึ่งโลกจะมาเจอกันได้ยังไง?
มินสุดากะพริบตาปริบๆ มองเพื่อนสาวสีหน้าครุ่นคิด
?ไม่แน่นะ ขอแบบนี้พูดเล่นได้ที่ไหน เขาว่าพูดแล้วมันจะเข้าตัว จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราอย่าพูดดีที่สุด?
?งั้นก็ปิดเน็ตแล้วทำงานต่อได้แล้ว? เขมมิสราว่า อดไม่ได้ที่จะปรายตามองใบหน้าคมเข้มหล่อจัดของอีกฝ่าย...ชายในรูปอยู่ในเสื้อผ้าคลุมรุ่มร่ามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขามีรูปร่างสูง มีอะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ดึงดูดความสนใจของผู้หญิงได้ แม้แต่เขมมิสราเองก็เถอะ หล่อนยังแทบถอนสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาไม่ขึ้นเลยทีเดียว
เขามีไหล่กว้าง จมูกโด่งเป็นสัน เท่าที่เห็นแต่หน้ากับลูกนัยน์ตาของเขายังดูหล่อบาดหัวใจขนาดนี้ เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาด ผ้าโพกศีรษะลายสก็อตสีแดงขาวรัดไว้ด้วยเสวียนสีดำ ทำให้เขาดูเด่นคมชัดมากๆ
ผู้ชายคนนี้ถูกเรียกว่ากบฏ แต่เขากลับดูเนี๊ยบอย่างไม่มีที่ติ มันทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ชาวอาหรับธรรมดาสามัญที่เดินถนนโดยทั่วไป
หากแต่เขามีตำแหน่งเป็นถึงผู้นำที่มีคำนำหน้าว่า ?จอม? เลยทีเดียว แค่ได้ยินคำนำหน้าว่าจอมกบฏก็หนาวเยือกไปถึงไขสันหลังแล้ว...หล่อนมองสบไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น เขาจ้องตอบกลับมา ราวกับอีกฝ่ายมีตัวตนจริงๆ ตรงหน้า
จู่ๆ เขมมิสราก็รู้สึกเคอะเขินขึ้นมา ขณะถูกอีกฝ่ายเฝ้ามอง ทั้งที่มันคือภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์แท้ๆ แต่หล่อนกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างดึงดูดอย่างรุนแรง แววตาคมคู่นั้นช่างร้ายกาจนัก
เขาชื่ออะไรนะ?
เขมมิสราหลุบตามองใต้ภาพ มันระบุว่าบุรุษผู้นี้ชื่อ อาร์มาทรีส อัส ฮีริม หัวหน้ากลุ่มกบฏแห่งฮีริมข่าน
มีอะไรบางอย่างในตัวชายผู้นี้ที่ทำให้เขมมิสรารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมา ราวกับชายผู้นี้จะคือตัวปัญหาของเธอในอนาคต
เขมมิสราบอกตัวเองท่าทางจะบ้าตามมินสุดาไปกันใหญ่แล้ว มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอกับชายผู้นั้นอยู่ห่างไกลคนละซีกโลก และที่สำคัญที่สุดคือ...ไม่มีทางเลยที่เธอกับชายผู้นั้นจะโคจรมาพบกัน
เขมมิสราไม่เคยโผล่หน้าไปไหนไกลจากกรุงเทพฯ ชีวิตของเธอมีแต่งงานกับงานเท่านั้น อย่างดีพี่ชายก็ชวนไปเที่ยวเปิดหูเปิดตายามค่ำคืนสักที
?สนใจเหรอ?? มินสุดาถามล้อๆ เมื่อเห็นเพื่อนไม่ละสายตาจากภาพใบหน้าหล่อที่หน้าจอคอมพิวเตอร์จนเขมมิสราแก้มแดง
?บ๊อง...ใครไปสนกันล่ะ??
มินสุดาเลิกคิ้วล้อๆ
?ไม่สนแต่จ้องตาเป็นมันเลยนะจ๊ะ ว่าแต่เขมเถอะ เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาสักที? มินสุดาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
?อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่อยากหาห่วงมาแขวนคอ?
?ห่วงอะไรที่ไหน มีแฟนทำให้หัวใจเรากระชุ่มกระชวยนะจะบอกให้ แล้วจะหาว่าไม่เตือน?
?ไม่ล่ะ อยู่คนเดียวนะดีแล้ว ตัวเองอย่ามาชวนคนอื่นเขาเป็นเพื่อนเลย?
มินสุดาหัวเราะคิกออกมา
?ที่เตือนนี่เพราะห่วงว่าเพื่อนจะแห้งเหี่ยวเฉาตายต่างหากล่ะ?
เขมมิสราส่ายหน้าไปมา เห็นได้ชัดว่าใบหน้าสวยไม่เห็นด้วยกับเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย หล่อนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหี่ยวเฉาเลยแม้แต่น้อย
?คุยอะไรกันหาสาวๆ อู้งานอีกแล้ว เดี๋ยวก็ตัดเงินเดือนซะเลย? นิลพัฒน์โผล่หน้าออกมาเห็นสองสาวกำลังคุยกันพอดี
มินสุดารีบพูดออกไปว่า
?ใครบอกว่าอู้คะ เขาเรียกว่าพักตาต่างหากล่ะ เราสองคนเป็นพนักงานนะคะไม่ใช่ทาส ถึงต้องก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว?
นิลพัฒน์เดินยิ้มๆ ออกมากับคำพูดแดกดันของคู่หมั้นสาว
?ครับ...เข้าใจแล้วครับ...ผมกลัวแล้ว ผมไม่กล้าดุแล้วครับ? นิลพัฒน์ล้ออย่างอารมณ์ดี จนเขมมิสราแปลกใจที่พี่ชายอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
?ทำไมพี่นิลอารมณ์ดีจัง? เขมมิสราขมวดคิ้ว นิลพัฒน์หัวเราะเสียงสดใสออกมา มินสุดาเองก็งงไปเหมือนกัน
?เมื่อเช้ากินอะไรไปคะนี่? มินสุดาถาม นิลพัฒน์หัวเราะเสียงเริงรื่น
?นี่ดูออกขนาดนั้นเลยหรือ? พี่อารมณ์ดี...ลูกค้าตอบรับมาแล้วนะว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของเรา?
?ข้าวสวยบรรจุกระป๋องน่ะหรือคะ? มินสุดาทำเสียงแปลกใจ นิลพัฒน์หัวเราะรื่นออกมาอย่างมีความสุข
?ครับ...สั่งห้าหมื่นกระป๋องเลยนะ?
คำตอบของนิลพัฒน์ทำให้สองสาวพากันเบิกตาโต ใครจะคิดล่ะว่าความคิดแปลกแหวกตลาดของนิลพัฒน์จะขายได้
?จริงหรือคะ??
?จริงซิจ๊ะ ใครจะโกหกล่ะน้องรัก คราวนี้เรารวยไม่รู้เรื่องแล้ว เขาเซ็นสัญญาซื้อเป็นปีเลยนะ?
เขมมิสราหันไปมองสบตากับมินสุดาอย่างประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าความคิดแผลงๆ ของพี่ชายจะขายได้จริงๆ
?งานนี้พวกเราคงต้องเหนื่อยหน่อยล่ะ?
?ลูกค้าแถบไหนคะ??
?อาหรับจ้ะ?
คำตอบที่รับทำเอาทั้งสองสาวหันหน้าไปมองหน้ากันด้วยแววตาแปลกๆ ก่อนเขมมิสราจะกลืนน้ำลายลงคอ
?เขามีออเดอร์แน่นอนมาแล้วหรือคะ??
?มีไม่มีไม่รู้ แต่เขาจ่ายเงินมาแล้ว? นิลพัฒน์ตอบเสียงล้อๆ ทำให้สองสาวเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
?ตายจริง แล้วเราจะผลิตให้เขาทันหรือคะ?? เขมมิสราอดเป็นห่วงไม่ได้
?ทันสิ...ของของเรามีในสต็อกเป็นหมื่นกระป๋องอยู่แล้ว เราแค่เร่งโรงงานผลิตให้เร็วขั้นอีกหน่อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะขายได้? นิลพัฒน์แสดงอาการประหลาดใจออกมา ?เอาล่ะสาวๆ ต้องเร่งมือทำงานกันหนักหน่อยแล้ว...เขมไปตรวจดูโรงงานผลิตที่เราจ้างไปที ให้เขาผลิตให้ทันกำหนด นี่ถ้าเราขายได้ดีล่ะก็ พี่ว่าจะสร้างโรงงานผลิตของเราเอง จะได้ไมต้องไปจ้างใครเขาแบบนี้? พี่ชายคิดเป็นฉากๆ
นิลพัฒน์ตวัดสายตาไปเห็นรูปหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคู่หมั้นสาวเข้าพอดี ก่อนจะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
?นั่นไง คนที่เราซื้อขายด้วย!?
เขมมิสราหันขวับไปมองหน้ามินสุดาที่ตาค้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เขมมิสราแก้มแดง
พี่ชายหล่อนซื้อขายกับพวกกบฏนี่นะ? เขมมิสราอยากจะบ้าตาย มินสุดาแสดงอาการตื่นเต้นออกมาทันที
?พี่นิลติดต่อซื้อขายกับเขาหรือคะ? ว้าว...สุดยอดไปเลย เขาจะมาเมืองไทยไหมคะ มินอยากเห็นตัวจริงเขาจังเลย?
นิลพัฒน์ส่ายหน้ายิ้มๆ
?เขาไม่มาหรอก จะมาทำไม แค่ซื้อขายกันแค่นี้?
?แต่เขาเป็นพวกกบฏนะคะพี่นิล? เขมมิสราติงขึ้นอย่างไม่สบายใจนัก ที่พี่ชายตัวเองไปค้าขายกับพวกหัวรุนแรงพวกนี้ หล่อนเกรงว่านิลพัฒน์จะเกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ท่าทางนิลพัฒน์กลับไม่เดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย
?พี่ไม่สนหรอกว่าเขาเป็นกบฏหรือเปล่า แค่เขาซื้อของเราก็พอแล้ว เราขายข้าวนะไม่ได้ขายอาวุธถึงจะต้องคิดมากด้วย?
นิลพัฒน์ชักสีหน้าใส่น้องสาว ซึ่งมินสุดาเองก็เห็นจริงไปกับคู่หมั้นหนุ่มไม่ได้
?จริงด้วยเขม เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่นา?
?แต่เงินที่เขาได้มาอาจไม่ใช่เงินสุจริตนะคะพี่นิล...? เขมมิสราอดไม่สบายใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขมมิสราจะไม่นึกรังเกียจพวกหัวรุนแรง หากแต่เขมมิสราอดกังวลไม่ได้ว่าอาจเกิดอันตรายกับพี่ชาย
โบราณบอกว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร การทำการค้ากับโจรย่อมต้องมีความเสี่ยงสูงกว่าค้าขายกับคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะกับพวกที่ถืออาวุธอยู่ในมือแบบนี้...คาดเดาไม่ยากเลยว่าคนพวกนี้ต้องการซื้ออาหารไปกักตุนเอาไว้ระหว่างทำสงคราม
เขมมิสราไม่มีความรู้เกี่ยวกับการค้ากับต่างประเทศเท่าไหร่นัก หล่อนเรียนจบมาทางด้านการบัญชี หลังจากจบการศึกษาพี่ชายก็ให้มาช่วยงานบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ มีพนักงานเพียงแค่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็ดึงเอาคนสนิทๆ มาช่วยงานกัน อย่างเช่นมินสุดาที่เป็นคู่หมั้นของพี่ชาย
โชคดีที่เขมมิสรากับว่าที่พี่สะใภ้เข้ากันได้เป็นอย่างดี เลยไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัว
เขมมิสราใจเต้นระทึก เมื่อนึกว่าสิ่งที่ตัวเองสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเค้ารางของความเป็นไปได้สูงเสียแล้ว จู่ๆ พี่ชายก็ติดต่อค้าขายกับบุรุษซึ่งเขมมิสรารู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาแปลกๆ
เขมมิสรารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาดื้อๆ
หญิงสาวไม่กล้าเอ่ยสิ่งที่คิดกับพี่ชายและมินสุดา เกรงว่าสองคนนั่นจะหัวเราะขบขันและบอกว่าเหลวไหล บางทีเขมมิสราอาจคิดมากไปเอง อาจไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิดก็ได้
เป็นเพราะมินสุดาเชียว...ให้หล่อนดูรูปอะไรก็ไม่รู้ เลยเอามาคิดเป็นตุเป็นตะ เขมมิสราส่ายหัวไปมากับตัวเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?เขมมิสรา? นึกฉุนในใจตั้งแต่พี่สะใภ้ชักชวนให้เธอดูรูปนายกบฏนั่นแล้ว ยิ่งต้องมาเจอตัวจริงเสียงจริงเพราะพี่ชายทำการค้าชายกับเขาอีก แถมยังบังคับให้เขมมิสราดูแลต้อนรับ ?อาร์มาทรีส? เป็นอย่างดีเสียด้วย ชายหนุ่มสุดหล่อก็ออกจะยียวนกวนประสาทไม่ว่างเว้นทำให้เขมมิสรารำคาญใจอยู่บ่อยๆ หญิงสาวจึงงัดไม้ตายขึ้นมาด้วยการยั่วโทสะเพื่อให้อาร์มาทรีสโมโหขึ้นมาบ้าง หากแต่เขานิ่งและประหม่าเสียจนเขมมิสราให้ฉายาเขาว่าไก่อ่อน แต่ความเป็นจริงแล้วอาร์มาทรีสกำลังเก็บกลั้นกิเลสราคะจากการยั่วสวาทของหญิงสาว เขมมิสรายิ่งได้ใจยอมให้ร่างบางมีผ้าขนหนูผืนจิ๋วพันกายแค่เพียงผืนเดียวเพราะคิดว่าเขาไม่ทำอะไรเธอแน่ แต่ที่ไหนได้...อาร์มาทรีสทำให้เขมมิสราเปลือยเปล่าและอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างง่ายดาย ก่อนจะมอบบทเรียนเสน่หาให้เขมมิสรารู้ว่าเขาคือจอมกบฏผู้ยิ่งใหญ่หาใช่ไอ้ขี้ขลาดที่หล่อนปรามาสเขาไว้
จิตใจเขาจดจ่ออยู่แต่กับร่างเปลือยงดงามชวนน้ำลายหก หล่อนตาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเขาพูดว่า ?ขอผมจูบมันนะ? ?อาร์มาทรีส!? เสียงนั้นฟังดูตกใจอย่างแท้จริง ?ไม่...กรุณาเถอะค่ะ...? ?คุณต่างหากควรกรุณาผม?
