New Release : อสูรกระชากรัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : อสูรกระชากรัก

โพสต์ โดย Gals »

ตอนที่ 1
หัวใจดวงแกร่งเต้นรัวผิดจังหวะ ฝ่ามือผุดเม็ดเหงื่อไม่อาจบังคับกะเกณฑ์อะไรได้ ทั้งที่ตั้งมั่นไว้กับสิ่งที่ดึงดูดให้เขากลับมายังประเทศที่เขาจากไปร่วมยี่สิบสามปีเต็ม เขาไม่ได้คิดถึงที่นี่จนตัวสั่น แต่เพราะเรื่องราวในอดีตและสมุดบันทึกเล่มหนาของมารดาบังเกิดเกล้าซึ่งเฟียตซิโอ้ มาร์ซ็องไม่เคยให้ห่างกาย
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ผิวสองสีชวนมองเซ็กซี่ขยี้ใจสาวน้อยสาวใหญ่ให้พวกหล่อนเล่นหูเล่นตายั่วยวนเพื่อให้เขาหันมามองด้วยแววตาเจือไฟพิศวาส หล่อนทั้งหลายหลงเสน่ห์ในตัวเขาโดยง่ายดาย ทว่าคนอย่างเฟียตซิโอ้กลับแล้งรอยยิ้มจนเรียกได้ว่าหายากยิ่งบนดวงหน้าเต็มไปด้วยความหล่อเหลาไร้ที่ติของเขา
?จัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยใช่ไหมบาต? ชายร่างสูงใหญ่ขาดแคลนรอยยิ้มหันไปถามผู้ช่วยมือซ้ายในทันทีที่ย่างก้าวลงจากเครื่องบินส่วนตัว
?ครับ? อัลบาโต้ บาต้าริโน่รายงานความเรียบร้อย ขณะอิสโก้ ดาบิดเปิดประตูรถรีมูซีนคันหรูรอเจ้านายมาดนิ่งไร้รอยยิ้มอยู่แล้ว ตั้งแต่คนสนิททั้งสองได้ย่างก้าวเข้ามาร่วมงานกับบริษัทมาร์ซ็อง ทรานส์ ในบทบาทผู้อารักขาเฟียตซิโอ้ มาร์ซ็อง ผู้บริหารคนใหม่แห่งมาร์ซ็อง ทรานส์ นับรวมระยะเวลาสิบปี หน่วยอารักขาทั้งสองไม่เคยค้นพบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเฟียตซิโอ้ บุตรชายบุญธรรมของอันเดรสและซาบีน่า มาร์ซ็อง เจ้าของบริษัทคมนาคมครบวงจรอย่างมาร์ซ็อง ทรานส์ได้เลย
กิจการโลจิสติกส์รับส่งสินค้าทั่วโลกภายใต้ปีกของมาร์ซ็องผุดขึ้นทุกมุมโลกและนั่นทำให้เฟียตซิโอ้ ทายาทเพียงหนึ่งเดียวเป็นที่จับตามองของคนทั่วไป
หากว่าเฟียตซิโอ้กลับต้องการครอบครองบริษัทผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกเล็กๆ ซึ่งขาดสภาพคล่องอาจล้มไม่ล้มแหล่มาอยู่ในกำมือ พวกเขาไม่เข้าใจ แต่หากนั่นคือความประสงค์ของเจ้านาย ผู้ช่วยทั้งสองจำต้องปฏิบัติตามโดยไร้กติกายุ่งยากใดๆ
เครื่องบินส่วนตัวที่มาจากกิจการทรานสปอร์ตภายใต้ปีกของมาร์ซ็องจึงร่อนตรงจากสเปนลงจอดยังสนามบินพาณิชย์บนแผ่นดินไทยหลังจากคำสั่งลั่นจากปากเฟียตซิโอ้เท่านั้น
?ไม่เลว? ทันทีที่สืบเท้าเข้าไปในห้องพักสุดหรูในโรงแรมดีที่สุดในเมืองหลวงของไทย เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางเดินสำรวจห้องพักบนโรงแรมเจ็ดดาวไร้ที่ติด้วยสายตาเยือกเย็น นับได้ว่าเลขาฯ ผู้คล่องงานของเขาจัดการได้ดีมากเพียงเขาเอ่ยปากเท่านั้น
เฟียตซิโอ้ทิ้งกายลงนั่งกับโซฟาสีขรึมตัวนุ่ม อ้าแขนกว้างพิงพนักโซฟาก่อนพรูลมหายใจอย่างพึงใจออกมา
?พอใจไหมครับเจ้านาย?
?พอใจ?
?อาบน้ำเลยไหมครับ ผมจะไปเตรียมน้ำให้?
?อาบเลยแต่ไม่ต้องเตรียม ฉันไม่อยากแช่ แต่จะอาบฝักบัว อิสกับบาต...นายสองคนออกไปได้แล้ว พวกนายคงต้องการพักผ่อน ไม่ต้องห่วงฉันแล้ว?
?เอ่อ...ว่าแต่? ผู้ช่วยมือขวานึกบางอย่างขึ้นได้ ขยับปากกำลังจะเอ่ยถาม ไม่ว่าไปที่ไหนเจ้านายมักเรียกหญิงบริการชั้นสูงมาบริการปรนเปรอ...ครั้งนี้คงด้วย
?เรื่องผู้หญิงเหรอ? รู้ทันผู้ช่วยมือขวาว่าต้องการถามอะไร อิสโก้ ดาบิดรู้ใจเขาเป็นที่สุด
?ติดต่อมาก็ได้? เขาเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งเฉยไร้ความกระตือรือร้นเช่นชายต้องการบริการแบบนี้จากสาวเลื่องชื่อในแต่ละประเทศ
?ครับ? อิสโก้ปรายสายตาไปทางอัลบาโต้พลางขยับเท้าก้าวออกจากห้องพักของเจ้านายเพื่อไปยังห้องพักของตัวเองที่อยู่ติดกัน ก่อนจัดการเรียกผู้หญิงที่จัดได้ว่าเป็นหญิงบริการชั้นสูง สะอาดสำหรับบริการดูแลเจ้านายเพื่อคลายความตึงเครียด หากว่าเท้าแกร่งต้องชะงักเมื่อเสียงขรึมเข้มจากเจ้านายดังขึ้น
?เดี๋ยว! ฉันเปลี่ยนใจแล้ว อดใจไว้กินอะไรที่ทั้งลุ้นทั้งต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ? แววตาสีรัตติกาลกระตุกเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่อง มุมปากขยับราวกับนึกสะใจลึกๆ
?หมายความว่า...? อิสโก้และอัลบาโต้หมุนกายกลับมาพร้อมกัน
?อย่างที่เข้าใจนั่นแหละ ไม่ต้องเรียกผู้หญิงมา ฉันไม่ต้องการแล้ว? เสียงเข้มจัดบอกความประสงค์เปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเดินทางมาที่นี่เพื่อวัตถุประสงค์ใด
?รับทราบครับ? อิสโก้ถอยหลังจากไปเมื่อรับบัญชาจากเจ้านายผู้เคร่งขรึมเป็นอันรู้กัน เฟียตซิโอ้ใจดีเป็นบางที ร้ายลึกในบางครั้ง ที่สำคัญยิ้มน้อยเต็มที บางครั้งผู้ช่วยทั้งสองยังเคยสงสัยว่าชายหนุ่มเขาเคยยิ้มบ้างหรือไม่ คำตอบคือไม่เคยเห็น ฉะนั้นพวกเขารู้ดี...ควรวางตัวอย่างไรขณะเฟียตซิโอ้อยู่ในอารมณ์ไหน
ลับร่างผู้ช่วยทั้งสอง เฟียตซิโอ้ยกมือกุมล็อกเก็ตที่ห้อยอยู่บนคอแกร่งคลึงไปมาพลางส่ายตามองทัศนียภาพเบื้องหน้า แววตาตึงเครียดชวนให้ผู้ใดก็ตามที่พบเห็นขนลุกจนจับไข้ได้
?ถึงเวลาแล้วสินะครับพ่อแม่? วาจาเอ่ยจากปากได้รูปแผ่วเบา สายตาเพ่งพิศทัศนียภาพเบื้องหน้าฉายแววอาฆาตแค้น เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาในหัวและความทรงจำอันฉายชัดไม่เคยเลือนลางไปจากมโนสำนึกในวัยเยาว์ เรื่องราวทุกเรื่องอันกรีดลึกและฝังรากลงในก้นลึกของหัวใจ เขาเข้มแข็งสู้มาเพื่อสิ่งนี้
กอปรกับแววตาดุดันเจือไปด้วยรอยสลักบางอย่างอ่านยากเหลือคณา ดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้นนิ่งสะท้าน มือใหญ่ปลดเปลื้องสลัดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกาย ไม่สนใจสิ่งรอบด้าน การได้อยู่ลำพังในห้องส่วนตัวไม่เห็นต้องสนใจใคร ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายค่อยๆ สืบเท้าก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ขณะจิตใจมุ่งมั่นในสิ่งที่เก็บกักในใจตลอด
****************************************************************************
ณ บ้านหลังใหญ่ งานเลี้ยงฉลองจบการศึกษาสำหรับบุตรสาวสุดสวาทขาดใจของกนธี อังศุนิตย์ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายในอาณาบริเวณบ้านอังศุนิตย์ บ้านที่ได้มาโดยมิชอบแต่กลับภูมิใจนักหนา
?นี่พี่ข้าว เร็วๆ หน่อยสิ ใกล้เวลางานเลี้ยงแล้วนะ มัวชักช้าอยู่ได้ อืดอาดน่ารำคาญ? ผ้าไหม น้องสาวสะบัดเสียงสะบัดหน้าต่อว่าพี่สาวแสนดี ผู้ไม่เคยมีปากมีเสียง หล่อนข่มและจิกหัวใช้พี่สาวอย่างต้นข้าว ทั้งที่พี่สาวยอมจำนนไปทุกอย่าง เพราะคิดว่าตัวเองเป็นพี่ควรดูแลน้องอย่างที่มารดาอย่างนภิสา มนทิราเคยสั่งสอนเธอบ่อยครั้ง
ต้นข้าวจดจำเรื่อยมา ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีน้องสาวที่อายุห่างกันเพียงสองปีคอยจิกด่า ตะโกนโหวกเหวกใช้งานอยู่ร่ำไป บางทียังลงไม้ลงมือกับเธอ เมื่อเธอไปบอกมารดา ท่านก็ว่ากลับมาแรงๆ บ้าง แม้รู้สึกน้อยใจแต่ต้นข้าวก็รักทั้งบิดาและมารดา
?เร่งมากไม่สวยนะน้องไหม? มือบางจับก้านแกนเกลียวผมให้กับน้องสาวผู้เอาแต่ใจ ด้วยความประณีตทั้งที่เพิ่งกลับขึ้นมาจากในครัวตระเตรียมอาหารเครื่องดื่ม หวังใจว่าจะขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปร่วมงานเลี้ยงจบการศึกษาของน้องสาว หากว่าเอาเข้าจริงก็โดนผ้าไหมเรียกใช้ด้วยถ้อยคำจิกหัว
?กล้าทำให้ไหมไม่สวยเหรอพี่ข้าว คอยดูเถอะ ถ้าคิดทำแบบนั้นไหมจะฟ้องแม่ อิจฉาไหมใช่ไหมที่ไหมสวยกว่า?
ผ้าไหมจีบปากจีบคอกล่าวหาพี่สาวทั้งที่ต้นข้าวเป็นลูกไล่ผ้าไหมทุกฝีก้าว เผยอไม่ได้ราวกับเธอไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ บางทีต้นข้าวแอบคิดด้วยความน้อยใจ ทำไมพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ผ้าไหมทำผิดท่านไม่ดุ ทว่าเป็นเธอผิดนิดเดียวเหมือนผิดใหญ่โต ถูกทำโทษเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ ในวัยเยาว์
?พี่ไม่เคยอิจฉาไหมเลยนะ? เธอกล่าวเช่นนั้นด้วยสัตย์จริง ใครจะไปอิจฉาน้องสาวตัวเองได้ อย่างไรก็สายเลือดเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่เธอคิดมาตลอด ท่านคงมีเหตุผลที่ตามใจน้องขณะที่เธอถูกเลี้ยงอย่างเจียมตัว
?ให้มันจริงเถอะ? อีกฝ่ายที่นั่งบนตั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งยังไม่วายจิกกัด ตามนิสัยถูกตามใจจนเคยชิน ผ้าไหมมักถูกแม่พร่ำบอกให้เรียกใช้ต้นข้าวได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ ไม่ว่าเอ่ยปากวานใช้เรื่องอะไร หากต้นข้าวอิดออดให้รีบบอกแม่ นภิสาพร้อมจัดการกับลูกคนนี้ทันที
?สาบานได้ พี่รักน้องและพ่อกับแม่อยู่แล้ว จะอิจฉาได้ไง? ใจเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ แม้บางครั้งแอบคิดว่าตัวเองอาจเป็นลูกเก็บมาเลี้ยงหรือลูกเมียเก็บคนใดของพ่อก็ตาม นั่นก็เพียงอารมณ์น้อยใจ แต่เมื่อคิดได้จึงกลับมายิ้มแย้มสดใสเหมือนเดิม
ป้าสมพรแม่ครัวคอยปลอบใจเธออยู่ในครัวบ่อยๆ เหมือนรู้อะไรบางอย่าง หากแต่ถามทีไรป้าสมพรไม่เคยบอกอะไรนอกจากบอกว่าน้องเล็กกว่า เป็นธรรมดาที่พ่อแม่มักเอาใจลูกคนเล็ก
?เป็นไงไหม แต่งตัวเสร็จยัง? นภิสาเดินเข้ามาในห้องลูกสาวคนเล็ก ?แขกมากันเยอะแล้วนะ เจ้าของงานรีบลงไปต้อนรับได้แล้ว? ผู้เป็นแม่เบียดกายเข้ามาใกล้ พยุงลูกสาวคนเล็กให้ลุกเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าหน้าผมไม่มีส่วนใดบกพร่อง ด้วยฝีมือการจัดการของต้นข้าว
?วันนี้แกไม่ต้องลงไปนะยัยข้าว? นภิสาเตือนเสียงเข้ม ห้ามเสนอหน้าลงไปร่วมงานเด็ดขาดเพราะวันนี้กนธีสามีของตนจะแนะนำผู้ชายตระกูลดีให้กับผ้าไหมได้รู้จัก ด้วยกลัวฝ่ายชายเขวจึงต้องห้ามลูกสาวคนโตซะก่อน เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าต้นข้าวสวยไร้ที่ติ ใบหน้าเรียวรูปไข่ ริมฝีปากเฉี่ยวคม จมูกโด่งเล็กรั้นจิ้มลิ้มรับกับดวงตากลมโตกระเดียดไปทางแขกขาว ไม่เหมือนนภิสากับกนธีเลยสักนิด
?ทำไมคะคุณแม่? ต้นข้าวเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทั้งที่วันนี้เธอตั้งใจไปร่วมงานของน้องเต็มที่ ชุดก็ซื้อมาแล้วด้วยเงินเก็บของตัวเอง
?ฉันสั่งไม่ต้องลงไปก็ไม่ต้องลง อยู่บนห้องนี่ล่ะ เกะกะ วันนี้วันของน้องไม่เกี่ยวกับแก? นภิสาเหยียดปากถากด้วยตาบอกต้นข้าวลูกสาวคนโต เธอถูกเบียดให้ตกขอบเช่นนี้บ่อยๆ จนเป็นเรื่องคุ้นเคยทั้งต้นข้าวและคนรับใช้ในบ้าน ป้าสมพรช้อนตามองต้นข้าวด้วยความสงสาร
?ค่ะแม่? หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่งมารดาด้วยเสียงอ่อย รู้สึกผิดหวังอยู่มาก วันๆ หนึ่งต้นข้าวไม่ค่อยได้ออกสังคม ต่างจากผ้าไหมที่ออกงานสังคมกับแม่ตั้งแต่อยู่อนุบาล พอเธอขอไปด้วยมักโดนดุโดนด่าให้เฝ้าก้นครัวอยู่ร่ำไป
ดีหน่อยเมื่อเรียนจบบริหารจากมหาวิทยาลัยของรัฐ ต้นข้าวได้เข้าไปทำงานที่บริษัทฟู้ดโปรดักส์ ดูแลด้านงานบริการและงานด้านบุคคลด้วย จึงเป็นการเปิดโลกทรรศน์นอกบ้านของเธอให้กว้างมากขึ้น ยิ่งเมื่อได้ออกจากรั้วบ้าน เสน่ห์และความสวยน่ารักกอปรกับนิสัยดีมีอัธยาศัยต่อผู้คน ทำให้ช่วงเวลาไม่นานผู้คนรอบข้างต่างหลงรัก และปลื้มความน่ารักมีน้ำใจงามของต้นข้าวกันถ้วนหน้า
นภิสารู้ก็ไม่พอใจลูกสาวคนโตทุกครั้งที่ได้ยินหลายๆ คนชื่นชมต้นข้าว แทนที่จะเป็นผ้าไหมลูกสาวสุดสวาทขาดใจ วันนี้ยังไงคงไม่ให้ต้นข้าวลงไปร่วมงานเพื่อดึงความสนใจไปจากผ้าไหมเด็ดขาด
?เข้าใจก็ดีแล้ว งั้นไปกันนะคะหนูไหมคนสวยของแม่? เหยียดน้ำเสียงบอกลูกสาวคนโต หันมาจูงมือลูกสาวคนโปรดก้าวออกไปจากห้อง ส่วนต้นข้าวเดินตามออกไป แยกเข้าห้องตัวเองด้วยท่าทีเจียมตัว
ป้าสมพรเดินเข้ามาชิดร่างเย้ายวนในชุดมอมแมม เพราะทั้งวันต้นข้าววิ่งเข้าวิ่งออกในห้องครัวราวกับนางซินก้นครัวไม่ปาน ไหนต้องรีบมาแต่งตัวแต่งหน้าให้กับผ้าไหมอีก สุดท้ายก็ไม่ได้ออกไปร่วมงานเลี้ยง นับว่าเป็นนางซินของแท้จริงๆ
ป้าสมพรพยุงร่างเย้ายวนไปส่งถึงในห้อง ได้แต่สั่นศีรษะ ไม่กล้าพูดอะไรนอกจากถอนหายใจแล้วแยกจากไปด้วยความสงสารสาวสวยอาภัพ นภิสาแสดงออกกับลูกทั้งสองแตกต่างกันจนเห็นได้ชัด ป้าสมพรคันปากอยากพูดทุกอย่างที่รู้ที่เห็นแต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวตกงาน ด้วยอยู่กับครอบครัวนี้มานาน
?ไงป้า...คุณข้าวไม่ได้ไปร่วมงานอีกตามเคยสิ ทั้งที่ไปเลือกซื้อชุดสวยเตรียมไว้แล้ว? อิงอรสาวใช้อีกคนที่ช่วยต้นข้าวตระเตรียมอาหารต้อนรับแขก เดินเข้ามาสมทบกับป้าสมพร เมื่อเห็นป้าแม่บ้านแสดงท่าทีหนักอกหนักใจ
?คุณผู้หญิงคงกลัวคุณข้าวสวยเกินหน้าเกินตาคุณไหมสิ คุณข้าวไม่แต่งหน้าไม่แต่งตัวก็สวยไร้ที่ติ ถ้าแต่งตัวซะหน่อยมีหรือคุณไหมจะติดฝุ่น?
?ว่าแต่ฉันสงสัยมานานแล้วป้า คุณข้าวหน้าตาเหมือนแขกตาโต ขนตางอน ยิ้มหวานนิสัยดี แต่คุณไหมสิ หน้าหมวยๆ ตาเล็กๆ ชั้นเดียว ตกลงสองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ หรือเปล่า?
ทว่าไม่ใช่แค่อิงอรที่สงสัย ผู้คนรอบข้างที่ได้เจอต้นข้าวกับผ้าไหมก็มักคิดแบบนี้กันทั้งนั้น อิงอรเพิ่งมาใหมไม่ถึงปีย่อมสงสัยเป็นธรรมดา เพราะสองสาวต่างกันสุดขั้ว
?อย่ายุ่งเรื่องเจ้านาย ไปรับใช้คุณๆ ตรงงานเลี้ยงโน่น? ป้าสมพรตัดบทด้วยอาการน้ำท่วมปาก ไม่ใช่แค่อิงอรที่ถามป้าสมพรในฐานะคนเก่าคนแก่ แม้แต่บ้านข้างเคียงที่เพิ่งย้ายมาอยู่ก็ยังคิดแบบนั้น ลากแกไปถามบ่อยๆ เวลาเจอกันที่ตลาด แต่แกก็บอกเพียงว่าต้นข้าวหน้าเหมือนกนธีซึ่งจริงๆ ห่างไกลกันลิบลับ กนธีหน้าตี๋ขาว ยิ่งแก่ตัวก็เหมือนเจ้าสัว ส่วนนภิสาสวยแบบสาวไทยแท้ ไม่ได้มีส่วนคล้ายต้นข้าว ผ้าไหมสิเหมือนกนธีอย่างสำเนาถูกต้อง นิสัยเหมือนแม่ขี้อิจฉา รักสวยรักงาม ขี้เกียจไม่ยอมหยิบจับ นี่เรียนจบมาได้คงใช้เงินกันน่าดูเพราะจบมหาวิทยาลัยเอกชน ต่างจากต้นข้าวที่มุ่งดี สอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้ จบมายังได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอีกด้วย
?แหม...ป้า ถามทีไรอย่างนี้ทุกที?
?มันก็จริงนี่ ไม่ใช่เรื่องของเรา?
ป้าสมพรผลักแผ่นหลังสาวใช้อิงอรให้ไปทำงานตามหน้าที่ ตอนนี้แขกเหรื่อต่างทยอยเข้ามาในงานเลี้ยงฉลองวันจบการศึกษาของลูกสาวคนโปรดเจ้าของบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ แขกส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพื่อนวัยรุ่นของผ้าไหม เสียงเพลงดังกระหึ่มจังหวะเร้าใจจากมุมหนึ่ง แขกของพ่อแม่มีไม่กี่คนที่มาร่วมงานเพราะปฏิเสธกนธีไม่ได้
จุดประสงค์ในการจัดงานไม่ได้ต้องการเลี้ยงฉลองที่ลูกสาวคนโปรดจบการศึกษา หากแต่ต้องการหาคู่ที่เหมาะสมให้กับลูกสาวมากกว่าวัตถุประสงค์อื่น ผลพลอยได้คือช่วยกอบกู้และพยุงกิจการที่ปกปิดไว้ ด้วยตอนนี้ฟู้ดโปรดักส์เริ่มขาลงขาดสภาพคล่องด้วยพิษเศรษฐกิจและการบริหารงานที่ผิดหลักการ รวมทั้งการใช้เงินฟุ้งเฟ้อของสองแม่ลูกโดยกนธีไม่ได้ทักท้วงเลยสักนิด
?มากันแล้วครับ? กนธีมองไปทางภรรยาและลูกสาวที่เดินจูงมือกันมา ขณะเขายืนอยู่กับเพื่อนร่วมธุรกิจที่รู้จักกันมานานหลายสิบปี บัดนี้ลูกชายของเพื่อนคนนี้เดินทางกลับจากเรียนต่อปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้เข้าไปเป็นผู้บริหารในบริษัทสหพัฒนา ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของตึกสูงแถวสีลม สาทร และย่านธุรกิจอีกมากมาย ภายใต้ปีกตระกูลสหบดินทร์
กนธีหมายมั่นปั้นมือให้ลูกสาวได้รู้จักคนตระกูลดีตระกูลดังโดยเฉพาะลูกชายของเพื่อนร่วมธุรกิจ เคยรู้จักจากก๊วนตีกอล์ฟ จากนั้นสานความสัมพันธ์กันมาเรื่อย คราวนี้คงได้พึ่งพากันยาวหากเดชาวัต สหบดินทร์รู้สึกพอใจผ้าไหมบ้าง
?มานี่มาผ้าไหม มารู้จักกับคุณลุงคุณป้าและพี่เดชไว้?
?ค่ะคุณพ่อ? ร่างอิ่มเอิบนวยนาดมากับมารดา แต่งหน้าแต่งตาจัดผิดกับวัยสาวที่เพิ่งจบการศึกษา ผ้าไหมปรายตาไปทางผู้ชายใส่สูทสีดำดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ยืนนิ่งอยู่ข้างผู้อาวุโสชายหญิงทั้งสอง
?ผ้าไหม นี่คุณลุงดีเลิศ และนั่นคุณป้ากนก? กนธีแนะนำเพื่อนรักพร้อมภรรยาให้กับบุตรสาวได้รู้จัก ผ้าไหมพุ่มมือไหว้ด้วยท่าทียิ้มแย้ม หากแต่สายตากลับจดจ้องทิ้งอาการเชิญชวนเย้ายวนให้หนุ่มหล่อมากกว่าสนใจผู้ใหญ่ทั้งสองที่ถูกแนะนำ
?ส่วนนี่พี่เดช เดชาวัต รู้จักกันไว้สิลูก หลานเดชครับ นี่ลูกสาวอา น้องผ้าไหม?
?สวัสดีค่ะพี่เดชาวัต? หล่อนเอ่ยทักทายชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสูงโปร่ง เรียบหรูทุกระเบียดนิ้วกับทรงผมจัดทรงเป็นระเบียบ ดวงหน้าคมสัน คิ้วเข้มดกดำเสริมโครงสร้างใบหน้าให้เปี่ยมเสน่ห์ ดึงดูดเพศตรงข้ามโดยเฉพาะเพศตรงข้ามที่ไวต่อความรู้สึกเช่นผ้าไหม
?สวัสดีครับน้องผ้าไหม ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกพี่เดชก็ได้ เดชาวัตเป็นทางการเกินไป?
?อ๋อ...ค่ะพี่เดช? ผ้าไหมสงวนท่าทีทั้งที่ในใจอยากกระโดดขย้ำคอเดชาวัตจนเลือดในกายสาวร้อนระอุ ผู้ชายคนนี้ดูดีกว่าคู่ควงทั้งหมดในรั้วมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยของหล่อนหลายร้อยเท่า พวกนั้นก็แค่ควงเล่นแก้เหงาแก้ขัดไปวันๆ ไม่เห็นความสลักสำคัญอะไร
ขณะทำความรู้จักกับผ้าไหม พลันสายตาเดชาวัตเหลือบขึ้นไปบนระเบียง เห็นเงาของร่างบอบบางชวนฝันร่างหนึ่งดึงดูดความสนใจให้เขาอยากรู้ว่าเจ้าของเงาร่างน่ารักสมส่วน ดวงหน้าสวยเฉี่ยวกลมโตสุกสกาว ทว่าแฝงแววเศร้าสะท้อนในดวงตานั้นเป็นใคร
?พาน้องไปหาที่นั่งคุยกันสิตาเดช? ดีเลิศเตือนลูกชายด้วยเห็นว่าคล้ายกับเหม่อมองไปยังจุดอื่น
?อ๋อ...ครับคุณพ่อ?
เดชาวัตรู้สึกตัวจึงหันมาสนใจผ้าไหม พยักหน้ารับปากกับบิดาของตนแล้วเดินนำผ้าไหมไปยังมุมโต๊ะเก้าอี้
?เอ่อ...น้องไหมครับ พี่ขอเรียกน้องไหมนะครับ?
?ได้สิคะพี่เดช? หล่อนแสดงท่าทีเอียงอายทั้งที่ในใจไม่ใช่เช่นนั้น ยิ้มหวานไร้เดียงสาต่อหน้าเดชาวัต หากแต่ส่งสายตาเชิญชวนอย่างเห็นได้ชัด ช่างขัดกันโดยสิ้นเชิง
?ว่าแต่ถ้าสมมติว่าต่อไปพี่จะขอมาเยี่ยมน้องไหมที่บ้านบ่อยๆ ได้ไหมครับ? ขณะปากขยับขอผ้าไหมหากว่าสายตากลับกวาดมองทัศนียภาพอื่นเพื่อพบความสวยในความสลัวบนระเบียง ที่เดชาวัตคาดว่าเธอต้องสวยมากแน่ๆ ขนาดมองจากระยะไกลผู้หญิงบนระเบียงนั้นยังตรึงตราเขาได้ขนาดนี้ หากได้เห็นชัดตาจะสวยขนาดไหน
?แหม...พี่เดช ได้สิคะ บ้านนี้ต้อนรับครอบครัวพี่เดชอยู่แล้ว ก็พ่อพี่เดชเป็นเพื่อนกับพ่อไหมนี่คะ?
?ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอถือโอกาสมาเยี่ยมน้องไหมบ่อยๆ นะครับ? ทว่าสายตาของเดชาวัตยังไม่ให้ความสนใจกับผ้าไหมเช่นเดิมจนคู่สนทนาสงสัย
?ว่าแต่พี่เดชมองหาใครหรือคะ นี่ค่ะ หน้าไหมอยู่นี่? หล่อนแอบเคืองนิดๆ ทั้งที่นั่งคุยกันแต่เดชาวัตดันไปสนใจจุดอื่น ผ้าไหมชี้นิ้วตรงหน้าตัวเอง กวาดสายตามองตามที่ชายหนุ่มมองบ้างเธอกลับไม่พบใคร หรือเพราะเดชาวัตไม่คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้จึงมองทัศนียภาพรอบกายไปเรื่อยๆ
?เปล่านี่จ๊ะ พี่แค่กำลังคิดว่าบ้านไหมสวยดีนะครับ เสียดายอยู่กันไม่กี่คน ว่าแต่ไหมมีพี่น้องหรือเปล่า?
?อ๋อ พี่เดชสนใจบ้านหรือคะ บ้านนี้เป็นบ้านเก่าแก่มากค่ะ สร้างหลายปีแล้วก่อนไหมเกิดหลายปีเลยล่ะคะ แต่พ่อก็แต่งเติมปรับปรุงอยู่เรื่อยนะคะ?
?อ๋อครับ ไหมเป็นลูกคนเดียวหรือครับ?
?ไม่หรอกค่ะ ไหมมีพี่สาวคนหนึ่งอายุห่างกันแค่สองปี สงสัยแม่มีลูกหัวปีท้ายปี?
?อ้าว แล้วพี่สาวไปไหนซะล่ะครับ ไม่เห็นมาร่วมงานด้วย?
ต้องใช่ผู้หญิงสวยๆ ตาโตๆ ที่อยู่บนระเบียงด้านโน้นแน่เลย เดชาวัตแอบคิด
?พี่ข้าวขี้อาย ไม่กล้าออกงานสังคม นี่คุณแม่ก็ชวนลงมาต้อนรับแขกด้วยกันนะคะ แต่พี่ข้าวปฏิเสธ อย่าไปสนใจเลยค่ะ? ผ้าไหมปดต่อชายผู้หมายตาตรงหน้า ใครกันจะยอมให้ต้นข้าวเสนอหน้ามาในงาน แม่นั่นปรากฏกายทีไรเรตติ้งหล่อนตกทุกที
?งั้นหรือครับ พี่คิดว่าไหมเป็นลูกคนเดียวซะอีก? เขาเข้าใจไปเช่นนั้น
?ไม่ค่ะ ว่าแต่อย่าพูดถึงคนอื่นเลยนะคะ เราไปร่วมวงกับเพื่อนๆ ของไหมดีกว่าค่ะ มุมโน้นสนุกกว่าคุยแบบผู้ใหญ่เยอะค่ะ? ผ้าไหมยังไม่ทันให้เดชาวัตได้ตอบรับ หล่อนคว้าต้นแขนกำยำของเขาลากชายร่างสูงใหญ่ให้ตามไปสมทบยังกลุ่มเพื่อนของหล่อนซึ่งต่างทยอยมาร่วมงานกันหนาตาในยามเริ่มดึก
ขณะเดชาวัตยังสนใจอยู่ที่มุมระเบียงซึ่งเขามองเห็นนางฟ้าแสนสวยอยู่บนนั้น เท้าสาวไปตามแรงฉุดจากมือผ้าไหมตรงข้ามกับสายตาคมที่จับจ้องไปทางระเบียงชั้นบนของบ้านหลังใหญ่โต
เดชาวัตถูกแนะนำให้กับเพื่อนๆ ของผ้าไหมรู้จักทุกคน สายตาที่มองผ้าไหมกับเดชาวัตเหมือนจ้องจับคู่ให้พวกเขาไม่ต่างจากผู้ใหญ่ฝ่ายผ้าไหม หากว่าหัวใจและสายตาที่ไม่ได้สนใจผ้าไหมยังคงกลอกกลิ้งไปมา ทำความรู้จักกับเพื่อนของหล่อนแบบงั้นๆ ไม่นานเมื่อเห็นว่าผ้าไหมพอใจและสนุกกับการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ เขาจึงปลีกตัวออกไปเดินเล่น
กระทั่งร่างสูงมาอยู่ในสวนค่อนข้างห่างจากวงสังสรรค์เสียงดังของเพื่อนผ้าไหม พ่อกับแม่พามาด้วยทำไมกันนะ น่าเบื่อชะมัด หย่อนก้นลงนั่งตรงม้านั่งไม้ในสวนพลางพรูลมหายใจอย่างโล่งอกที่เร้นกายหนีมาได้ ผ้าไหมเกาะเขาแจไม่ต่างจากชะนีเกาะต้นไม้ทั้งที่เพิ่งพบกัน
ทว่าก่อนที่จะระบายลมหายใจครั้งที่สอง สายตาคมได้ปะทะกับความเริงใจ ร่างสะคราญของนางฟ้าบนระเบียงปรากฏเบื้องหน้าเขาไม่ไกล ริมฝีปากเดชาวัตแย้มยิ้มยิ่งกว่าได้เจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เขาดีดกายจากม้านั่งไม้ด้วยความรวดเร็วถลันกายไปหานางฟ้าที่ใฝ่หา
?อุ๊ย...? เสียงหวานหลุดจากปากด้วยอาการตกใจเมื่อจู่ๆ ใครก็ไม่รู้โผล่ออกมาจากหลังกระถางต้นวาสนาที่แตกกิ่งก้าน
?นางฟ้าชัดๆ ? คนที่โผล่มาโน้มใบหน้าเข้าใกล้นางฟ้าที่เขาคิดว่ายังไงก็ต้องใช่ เอ่ยเรียกต้นข้าวด้วยเสียงพร่าราวกับอยู่ในวิมานความฝัน
?คุณเป็นแขกของคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่หรือคะ มาทำอะไรอยู่ที่นี่?
?ว่าแต่ผมยังไม่ตายใช่ไหมครับ? ไม่เพียงไม่ตอบแต่กลับเอ่ยถาม
?ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ?
?ก็ผมเจอนางฟ้า นางฟ้าต้องอยู่บนสวรรค์ แต่ถ้าผมเจอนางฟ้าแสดงว่าผมคงตายแล้ว?
?ข้าวไม่ใช่นางฟ้านะคะ ข้าวเป็นคน? หญิงสาวบอกแขกผู้ที่ตนไม่รู้จัก ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าท่าทีเจ้าชู้ต่อเธอ เท้าเรียวบนรองเท้าแตะเดินในสวนขยับหนี เธอตั้งใจลงมาสูดอากาศก่อนจะขึ้นนอน เสียงอึกทึกจากเครื่องเสียงดังไปถึงห้องเธอเพราะจากหน้าต่างห้องก็มองเห็นส่วนจัดงานเลี้ยงในสวนพอดี ต่อให้ข่มตานอนอย่างไรก็ไม่อาจหลับได้
?ถ้าไม่ใช่นางฟ้าแล้วชื่ออะไรล่ะครับ? ข้าวที่เขาจำได้ว่าผ้าไหมเรียกนางฟ้าแสนสวยแบบนั้น เธอยังแทนชื่อนั้นกับเขาด้วยเมื่อกี้
?ต้นข้าวค่ะ?
?ชื่อเพราะจัง นางฟ้าชื่อน่าฟังอย่างนี้ทุกคนไหมครับ?
?บอกแล้วไงคะข้าวไม่ใช่นางฟ้า เอาเป็นว่าข้าวขอตัวนะคะ ดึกแล้วค่ะ?
?เดี๋ยวก่อนสิครับ อยู่คุยกันก่อน พอดีผมเซ็งๆ เดินออกมารับอากาศบริสุทธิ์ในสวน โชคดีได้เจอข้าว ผมขอเรียกน้องข้าวนะครับ ผมคิดว่าผมเป็นพี่อย่างแน่นอน?
ปีนี้เดชาวัตอายุยี่สิบเจ็ดปี เรียนจบทำงานดูแลกิจการช่วยครอบครัว ท่านหมายมั่นให้เขาพบผู้หญิงดีๆ แต่ถ้าให้แบบผ้าไหมเขาก็ยังไม่ปักใจชอบเธอ ถ้าเป็นนางฟ้าคนนี้ก็ไม่แน่
?ค่ะ...แต่...?
?นะครับ อยู่คุยกันก่อน? เขาอ้อน
?ก็ได้ค่ะ ไม่นานนะคะ?
?ครับ ผมรบกวนข้าวไม่นาน? แต่อยากอยู่ด้วยทั้งคืน...เขาคิดในใจ เดชาวัตจัดอยู่ในผู้ชายมากรัก สนใจใครง่ายๆ แต่มักเลือกอยู่สักหน่อย ฉะนั้นเขาจึงอ่านผู้หญิงหลายแบบทะลุปรุโปร่ง ต้นข้าวค่อนข้างไว้เนื้อไว้ตัว ดูจากกิริยาต่างจากผ้าไหมโดยสิ้นเชิง รายนั้นถึงเนื้อถึงตัวเขาไวเกินไป แม้เรียนต่างประเทศเขายังมองหญิงไทยแบบไทยอยู่ ไม่เอาไปเปรียบเหมือนสาวต่างชาติ
ทั้งคู่นั่งสนทนากันจนกระทั่งรู้จักกันในเบื้องต้น เดชาวัตได้รู้ว่าต้นข้าวคือลูกอีกคนของกนธีกับนภิสา แต่ทำไมหน้าตาไม่มีเค้าเหมือนกันเลยแม้แต่น้อย หากจะให้ซักมากกว่านี้เกรงจะละลาบละล้วงกันเกินไป เขาจึงผลักเรื่องนี้ให้ผ่านไปและหันมาสนใจหญิงสาวมากกว่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อยี่สิบสามปีก่อน ?ธัญ มธุรส? คือเด็กชายที่มารดาจากไปด้วยโรครุมเร้า มีเพียงสมุดบันทึกที่ถ่ายทอดเรื่องราวการคดโกงหักหลังและยักยอกทรัพย์ บัดนี้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มใหญ่ในฐานะบุตรบุญธรรมของนักธุรกิจชาวสเปน ?เฟียตซิโอ้ มาร์ซ็อง? คือคนคนเดียวกับธัญผู้ซึ่งมีแต่ความโกรธขึ้งเต็มหัวใจ เขาสืบทราบว่าคู่กรณีมีบุตรสาวสองคนแผนการปั่นหัวและหลอกให้รักจึงเริ่มขึ้น ?ต้นข้าว? หญิงสาวแสนสวยถูกดึงเข้ามาในวังวนแค้นด้วยข้อเสนอแสนหฤโหดจากเขา หญิงสาวต้องเป็นนางบำเรอชั่วคราวระหว่างที่เขาอยู่ในเมืองไทยและจนกว่าเขาจะพอใจ
หล่อนจำยอมตอบรับข้อเสนออัปยศเพราะไม่ต้องการให้ทุกคนผจญกับสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว เฟียตซิโอ้ผู้.้นจึงจัดการกับสาวสวยดุจนางฟ้าที่เขาหวังแค่ย่ำยีให้เจ็บปวด หากแต่เมื่อได้สัมผัสกับความเดียงสาจากโนมเนื้อสาวแล้วชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกในใจได้ แม้ใช้ทิฐิส่วนตัวสกัดกั้นความรู้สึกมากมายหลายประการในใจก็ตาม...เขาก็พ่ายรักต้นข้าวอยู่ดี
?ขอมัดจำก่อนแต่งงานได้ไหมครับ?
เสียงทุ้มเอ่ยขอต่อหญิงสาวแหบพร่า ไม่ทันให้หญิงสาวเอ่ยอนุญาตร่างบางปลิวปะทะอกแกร่ง
?บอกซะก่อนนะอย่าร้องเสียงดังถ้าไม่อยากอายเพื่อนบ้าน?


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”