New Release : สึซึกิคุง I Love You!! ?WITH PRECIOUS HEART?

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : สึซึกิคุง I Love You!! ?WITH PRECIOUS HEART?

โพสต์ โดย Gals »

Prologue A side

นัตสึกิ โอคาวะ

ฉัน....นัตสึกิ โอคาวะ กำลังมองดูชินโงะ คุราตะที่อยู่ในร้านขายเครื่องประดับและของกุ๊กกิ๊กต่างๆ ในตึกแฟชั่นที่เครื่องทำความเย็นดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพดีเกินไป ฉันจ้องมองนิ้วของเขาซึ่งกำลังเลือกของขวัญสำหรับจะมอบให้อันริ อุจิมุระ
ก่อนปิดเทอมฤดูร้อน ม.3 ฉันกับชินโงะและเพื่อนอีกสองสามคนมาซื้อของขวัญอำลาให้อันริซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้อง อันริจะย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่นทันทีที่ปิดเทอมฤดูร้อน เนื่องจากอยู่กันสองคนแม่ลูก และแม่ของอันริทำงานยุ่งมาก อันริจึงต้องย้ายไปอยู่กับยายที่คิวชู
ฉันเป็นเพื่อนกับอันริ และตั้งใจว่าวันที่อันริเดินทางจะไปส่งที่สนามบิน และจะมอบของขวัญให้ตอนนั้น
ที่กำลังหาซื้ออยู่นี่ก็คือของขวัญที่ตั้งใจจะให้อันรินั่นเอง
?เจอแล้ว! เห็นเขียนในเน็ตว่ามีขายอยู่ที่ร้านนี้ แล้วก็มีจริงๆ ด้วย?
ชินโงะคว้าสายห้อยโทรศัพท์จากชั้นโชว์สินค้าขึ้นมาด้วยท่าทางดีใจ มันเป็นสายห้อยโทรศัพท์มือถือที่มีชาร์มเป็นรูปหัวใจ
ว่าแต่จะให้ชาร์มรูปหัวใจแก่อันริงั้นเหรอ สืบทางเน็ตมาก่อนด้วยว่ามีขายที่ไหน แล้วคิดว่าแฟนที่กำลังคบกับนายอยู่เป็นใครกันหา?
ฉันนะ?
ฉันนัตสึกิ โอคาวะนะ?
ชินโงะเคยบอกว่าอันริเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เหรอ ยิ่งกว่านั้น อันริเองก็เคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับชินโงะด้วย
ว่าแต่ทำไมต้องให้หัวใจนะ
ฉันจับข้อมือของชินโงะ
?หัวใจเหรอ? ชินโงะ?
?อ๊ะ อือ นี่ไม่ใช่แค่หัวใจนะ แต่แนวคิดในการออกแบบมีชื่อว่าคลาดาห์ คล้ายชื่อผมเลย น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?
?....แต่ว่าจะให้หัวใจอันริเนี่ยนะ??
?เพราะเป็นเครื่องรางของความผูกพันระหว่างเพื่อนไง เห็นไหม มีมือสองข้างประคองหัวใจ นี่เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ แฮะๆ? ชินโงะพูดแล้วหัวเราะซื่อๆ
ใครกันนะที่เคยบอกว่าชินโงะใจดี อบอุ่น ความจริงแล้วคนคนนี้ก็แค่ซื่อบื้อเท่านั้นเอง คนที่คิดว่าเขาอ่อนโยนก็คือฉัน
ไม่ว่าจะคบกันนานแค่ไหน ชินโงะก็ไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจกับสิ่งที่ฉันพูดเลยจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้หงุดหงิดเสมอเวลาอยู่กับชินโงะ คงเป็นเพราะเขาใจดีเกินไป ไม่ใช่แค่กับฉัน แต่ว่ากับทุกๆ คน ชินโงะใจดีเกินไป พูดง่ายๆ ก็คือเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี
....จะว่าไปแล้วฉันก็ซื่อบื้อเหมือนกัน ซื่อบื้อที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ทั้งที่ฉันแค่อยากจะให้ชินโงะใจดีกับฉันคนเดียวเท่านั้นแค่นั้นเอง ทั้งที่แค่อยากจะรู้สึกว่า ?ฉันเท่านั้นที่พิเศษสำหรับชินโงะ?
แต่ถึงแม้จะพูดจาเอาแต่ใจตัวเองยังไง ถึงเขาจะยอมทำตามความเอาแต่ใจของฉันทุกอย่าง ฉันก็ยังคงหงุดหงิดอยู่ดี
เพราะอะไรกัน....

ถ้าฉันไม่ได้รักชินโงะมากขนาดนี้ก็คงดีหรอก มันทรมานใจเกินไป ฉันรู้สึกทรมานใจทุกวัน ทรมานยิ่งกว่าก่อนจะสารภาพรักมากมายทีเดียว

?ฉันตัดสินใจแล้ว นี่แหละ สายห้อยโทรศัพท์ชาร์มนี่แหละ ดูเหมือนจะมีชิ้นเดียว ไม่มีซ้ำอีกแล้ว? ชินโงะยิ้มอย่างเกร็งๆ พลางพูดเหมือนขออนุญาตฉัน
?....งั้นก็ตามใจ ไม่ใช่ของขวัญของฉันอยู่แล้วนี่?
?โอคาวะซัง....?
ฉันทิ้งชินโงะที่ทำสีหน้าลำบากใจเอาไว้ในร้านแล้วเดินออกไป
?นัตสึกิ เป็นอะไรไป ช่างเถอะ ฉันเข้าใจๆ? เพื่อนผู้หญิงที่มาซื้อของขวัญด้วยกันรีบวิ่งตามมาและพยายามจะพูดไกล่เกลี่ย ในขณะที่ชินโงะกลับขอให้ช่วยห่อของขวัญให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนบอกว่าตามใจ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมชินโงะถึงไม่ทิ้งของพรรค์นั้นไว้แล้วตามมาง้อฉันก่อนนะ
ทำไม....

ทั้งที่รักขนาดนี้ แต่ทำไมถึงไปกันได้ไม่ดี ทำไมมีแต่ฉันที่เพ้อฝันถึงชินโงะ ทั้งที่ถ้าเขาทำอะไรให้ฉันมากกว่านี้ก็ดีหรอก
ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งทรมานใจ



Prologue B side
ฮิคารุ สึซึกิ

ผมมองตามหลังโฮชิโนะที่เดินเข้าไปในเกทภายในสนามบินจนกระทั่งร่างของโฮชิโนะลับสายตาไป
ฤดูร้อนตอนอายุ 15 นั่น....เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นซายากะ โฮชิโนะ

วันที่ 2 ของการปิดเทอมฤดูร้อน ถึงแม้พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่อากาศก็ยังร้อนระอุอยู่ แม้ว่าในรถไฟจะติดแอร์ แต่แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างก็ยังแรงจนแสบตา อาจจะเป็นเพราะผม....ฮิคารุ สึซึกิกำลังกลั้นน้ำตาอยู่ก็เป็นได้
แต่ว่าที่สนามบิน เพราะโฮชิโนะร้องไห้ ผมจึงพยายามส่งยิ้มให้ เพราะคนที่รักยิ่งกว่าใครต้องจากไปไกลนับพันกิโลเมตร
สิ่งที่ผมจะมอบให้ได้มีเพียงรอยยิ้มที่โฮชิโนะบอกว่ารัก และคำสัญญาเรื่องอนาคต ผมมอบแหวนที่มีหัวแหวนเป็นหินธรรมชาติรูปหัวใจสีชมพูให้แล้วสาบานกับโฮชิโนะว่า
?ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราจะแต่งงานกันนะ!!?
นั่นเป็นคำสัญญาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเราสองคนที่เพิ่งจะอายุ 15
?อือ! ฉันจะแต่งงานกับสึซึกิคุง!!?
แล้วเราก็จูบสาบานกัน.... สัมผัสของโฮชิโนะยังหลงเหลืออยู่ที่ริมฝีปากของผม มันหวานละไมนุ่มนิ่ม....และชุ่มชื้น
พวกเรายังเป็นเด็ก ไม่สามารถคัดค้านเรื่องที่ต้องแยกไปอยู่ไกลกันเพราะความจำเป็นของพ่อแม่ได้.... อีกอย่างโฮชิโนะอยู่กับครอบครัวคงจะดีกว่า เพราะในที่สุดครอบครัวของโฮชิโนะก็มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นแล้ว การได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันน่าจะมีความสุขที่สุด
แล้วสักวันผมจะได้เป็นครอบครัวเดียวกับโฮชิโนะ....ผมจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น

จูบ.... ผมเคยจูบกับโฮชิโนะหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้มันทั้งหวานและเค็มที่สุด อ่อนโยนที่สุด และเจ็บปวดในอกที่สุด
โฮชิโนะ ฉันรักเธอมาก รักยิ่งกว่าใครทั้งนั้น และจะรักตลอดไป

ผมกลับจากไปส่งโฮชิโนะที่สนามบินฮาเนดะ โตเกียว เครื่องบินที่พวกโฮชิโนะโดยสารไปจะถึงฟุคุโอกะตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าในฤดูร้อนที่เหมือนจะดูดเครื่องบินลำที่พวกโฮชิโนะโดยสารให้หลอมละลาย ผมก็รู้สึกแสบตาจนแทบจะร้องไห้ออกมา
หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
เมื่อมองไปทางทิศตะวันตก....เห็นพระอาทิตย์กำลังจะลับสายตา ผมคิดว่าตั้งแต่วันนี้ไปโฮชิโนะคงจะอยู่ภายใต้ท้องฟ้าทางนั้นสินะ
รถไฟโคลงเคลง ทั้งจิฮิโระ อิโต้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของโฮชิโนะและเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่เด็ก กับอาจารย์ฮาจิโอจิซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ที่ไปส่งโฮชิโนะมาด้วยกัน ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าพูดอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วจะทำให้นึกถึงโฮชิโนะ จึงไม่กล้าพูด และไม่มีบทสนทนาใดๆ ที่จะเรียกรอยยิ้มได้
ภาพด้านหลังของโฮชิโนะที่ผมเห็นเป็นครั้งสุดท้ายยังลอยขึ้นมาเมื่อยามหลับตา โฮชิโนะสวมชุดวันพีซลายตารางหมากรุก มัดผมหลวมๆ สองข้าง
จอภาพเหนือประตูรถไฟมีข่าวพิเศษวิ่งอยู่ มีข่าวการเปิดโปงการรับสินบน รัฐมนตรีถูกจับ เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในต่างประเทศ รวมทั้งการประกาศเฝ้าระวังสึนามิ
สำหรับผมในตอนนี้ ข่าวเหล่านั้นล้วนแต่ทำให้รู้สึกรำคาญใจ เพราะแค่พยายามกอบกู้จิตใจของตัวเองที่ทำท่าเหมือนจะดิ่งลงไปในหุบเหวลึกก็หนักหนาเกินกว่าจะไปสนใจเรื่องอื่นแล้ว

ทั้งที่เราจะต้องได้พบกันอีกแท้ๆ

การบินใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที ถ้าเครื่องบินไปถึงคิวชูแล้ว หลังจากนี้อีก 1 ชั่วโมง โฮชิโนะซึ่งไปถึงสนามบินฟุคุโอกะก็น่าจะส่งเมลมา
แต่ถ้ายังอยากจะได้ยินเสียง ถึงจะเปลืองค่าโทรศัพท์ก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้คุยกันก็พอ ผมเชื่อว่าความรักของพวกเราจะไม่มีวันพังทลาย แม้จะอยู่ห่างกันนับพันกิโลเมตร แต่หัวใจของเราอยู่ใกล้กัน
ผมเชื่อว่าอนาคตผมจะต้องได้พบกับโฮชิโนะอีกครั้ง

จริงสิ ผมจะส่งเมลหาโฮชิโนะ ถ้าโฮชิโนะจะส่งเมลหาผม จะได้อ่านมันก่อน
ผมเปิดโทรศัพท์มือถือ ภาพหน้าจอรอรับสายเป็นภาพของโฮชิโนะที่ถ่ายที่ห้องชมรมการแสดงของโรงเรียนมัธยมต้นซึ่งถ่ายเมื่อเช้า
โฮชิโนะสวมชุดแต่งงานมองดูผมอย่างเขินๆ
ผมมองภาพนั้นแล้วพิมพ์เมล
<รสจูบในวันนี้ ฉันไม่มีวันลืมเลย จะรอจนกว่าจะได้จูบกันอีกนะ>
จูบ....ที่มีรสน้ำตาของโฮชิโนะปนอยู่ด้วย



ตอนที่ 1 Memorial Heart
ซายากะ โฮชิโนะ

สัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยดับลงแล้ว ผู้โดยสารที่อยู่ในเครื่องบินซึ่งออกจากสนามบินฮาเนดะและกำลังบินไปฟุคุโอกะส่งเสียงพึมพำเหมือนจะโล่งอก
วันที่ 2 ของการปิดเทอมฤดูร้อนสำหรับการเป็นนักเรียนชั้น ม.3 ฉัน ซายากะ โฮชิโนะ พร้อมกับพ่อและแม่ กำลังจะจากเมืองที่คุ้นเคยไปยังคิวชูที่แสนไกล เพราะเหตุผลเรื่องงานของพ่อ
เมื่อไหร่จะได้กลับมา ฉันเองก็ยังไม่รู้ แต่อย่างน้อยมัธยมปลายก็คงต้องเรียนที่ฟุคุโอกะ
ฟุคุโอกะที่เกาะคิวชู.... ฉันไม่เคยเดินทางไปทางตะวันตกเลย นอกจากเกียวโตที่เคยไปทัศนศึกษา ที่จริงแล้วฉันเคยคิดว่าเมืองฟุคุโอกะกับฮาคาตะเป็นคนละที่กัน แต่ที่จริงแล้วเป็นเขตฮาคาตะ เมืองฟุคุโอกะ พวกเราจะไปอาศัยอยู่ที่แมนชั่นซึ่งอยู่ในเขตฮาคาตะ หรือเขตจูโอในฟุคุโอกะนี่แหละ แต่คุณพ่อก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นที่ไหนแน่ ตอนนี้จึงต้องฝากข้าวของที่ขนย้ายมาเอาไว้ในโกดังของบริษัท และต้องพักที่โรงแรมชั่วคราวไปก่อน
?ซายากะ จะดื่มอะไรไหม เขาเริ่มให้บริการในเครื่องแล้วนะ?
คุณแม่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้นมา แต่คุณพ่อพูดแทรกคุณแม่ขึ้นมา
?อ๊ะ เดี๋ยวพ่อสั่งให้เอง มาริโกะล่ะจะดื่มอะไร กาแฟไหม??
?ค่ะ กาแฟดำค่ะ ซายากะดื่มอะไรหวานๆ ดีกว่านะ?
ทั้งคุณพ่อและคุณแม่มองตาฉันที่น่าจะบวมและแดงเป็นแน่
?อือ.... ไม่ล่ะค่ะ ไม่เอาหวานๆ ขอเป็นชาดีกว่า?
ถูกมองแบบนั้นฉันก็เขินไปเหมือนกัน ทั้งที่หลายวันมานี้เสียน้ำตาไปมากแล้ว แต่วันนี้ก็ยังมีน้ำตาไหลออกมาอีกมากมาย เหมือนเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กๆ บนเครื่องบิน เพราะอยากเห็นอ่าวโตเกียวและที่ราบคันโต เด็กสาวผมยาววัยไล่เลี่ยกับฉันนั่งอยู่ที่นั่งถัดไปซึ่งมีทางเดินคั่นอยู่ ส่วนที่นั่งอีกข้างซึ่งติดหน้าต่างนั้นว่างอยู่ ใช่แล้ว เป็นเพราะพวกเรานั่งติดกัน 3 ที่นั่งที่อยู่ตรงกลาง จึงอยู่ห่างจากหน้าต่าง แทบจะไม่รับรู้บรรยากาศภายนอกเลย รู้แค่ว่าท้องฟ้าเป็นสีฟ้า
ทั้งที่คิดว่าจะได้เห็นแท้ๆ
ฉันอยากจะบอกตัวเองในใจว่า สักวันฉันจะกลับมาที่คันโตอีก แต่พอมองไม่เห็น....ก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อยู่ๆ ก็เศร้าขึ้นมา
วันนี้ที่สนามบินฉันก็เสียน้ำตามากมายตั้งแต่เช้า ....ไม่สิ ความจริงฉันร้องไห้มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ 1 เดือนก่อนที่รู้ว่าจะต้องไปอยู่เมืองอื่นที่อยู่ไกลและไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย แต่ตอนนี้น้ำตามันก็เอ่อขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เพราะฉันไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นคนที่อยู่ตัวคนเดียวอีก แม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่ใจของฉันก็เชื่อมถึงคนที่สำคัญกับฉันทั้งหลาย ใบหน้าและน้ำเสียงของแต่ละคนลอยขึ้นมาในห้วงคำนึง
ไม่ว่าจะเป็นจิฮิโระจังเพื่อนสนิท อาจารย์ฮาจิโอจิที่สอนให้ฉันรู้จักกับความสนุกในการแสดง ทุกๆ คนในชมรมการแสดง และสึซึกิคุงที่ฉันรักมาก
ฉันรัก....สึซึกิคุง ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกล ถึงแม้จะไม่ได้เจอกัน แต่ฉันก็ยังรัก เพราะตั้งแต่ได้พบสึซึกิคุง ฉันก็ไม่รู้สึกเดียวดายอีกต่อไป มีแต่ความรักที่ให้สึซึกิคุงอยู่เต็มหัวใจ แค่คิดน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
....ทำไมพวกเรา....ต้องห่างกันด้วยนะ พรุ่งนี้จะไม่ได้เจอ มะรืน มะเรื่อง หรืออีก 1 เดือนต่อจากนี้ก็จะไม่ได้เจอ
ฉันกัดริมฝีปากตัวเอง เพราะกลัวว่าคำพูดที่พยายามจะไม่นึกถึงเหล่านั้นจะพร่างพรูออกมา
?....ขอโทษนะ ซายากะ?
คุณแม่พูดพลางแตะมือฉันอย่างเป็นห่วง
?ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะย้ายไปเพราะงานของพ่อ ลูกไม่เคยโกรธ ไม่เคยต่อว่าพ่อแม่เลยสักครั้ง แต่ความจริงแล้วลูกต้องอดทนมากสินะ....?
ฉันส่ายหน้า ใช้นิ้วแตะริมฝีปากของคุณแม่ไว้
ฉันไม่ได้โกรธจริงๆ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกว่าถึงจะเห็นหน้าพ่อแม่ก็ยังรู้สึกเหงามากมายเหมือนอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว
ตอนนี้ถึงฉันจะไม่ต้องพยายามอดทนทำตัวเป็นเด็กดีก็ไม่เป็นไร.... ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูกอย่างสบายใจและเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดว่าอยากจะย้ายไปอยู่คิวชู
?ไม่หรอกค่ะ หนูคิดว่าอยู่กับพ่อกับแม่ดีกว่า แม่เองก็อุตส่าห์ลาออกจากงานที่ตั้งใจทำมาถึงขนาดนั้น แม่คงจะเจ็บปวดมากกว่าหนูใช่ไหมล่ะคะ?
?ลูกไม่ได้ฝืนใจใช่ไหม เพราะลูกเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย และคอยเป็นห่วงพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว?
?ไม่หรอกค่ะ เพราะไม่ใช่ว่าจะไม่ได้พบกันอีกนี่คะ ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยังพบกันได้อีก?
?ถ้าได้เจอสึซึกิตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วคงตื่นเต้นนะ? คุณพ่อซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ คุณแม่พึมพำออกมา
?แหม คุณคะ ถึงตอนนั้นถ้าสึซึกิคุงมาบอกว่า ?ยกลูกสาวให้ผมนะครับ? จะว่ายังไงล่ะ??
?เมื่อกี้เขาก็พูดเหมือนขอไปแล้วนี่นา?
คุณพ่อยิ้มฝืดๆ ฉันก้มลงมองแหวนที่มีหัวแหวนเป็นหินธรรมชาติสีชมพูรูปหัวใจซึ่งสวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย แล้วค่อยๆ ใช้มือขวาประคองมันขึ้นมาแนบอก
แหวนวงนี้มีขนาดพอดี ทำไมสึซึกิคุงถึงได้รู้ขนาดนิ้วของฉันนะ ทั้งที่ฉันไม่เคยบอกเขาเลย
?ใส่ไว้มือซ้าย แล้วรอจนกว่าฉันจะโตขึ้นแล้วไปรับนะ?
สึซึกิคุงบอกอย่างนั้น นี่เป็นของขวัญที่เมื่อครู่นี้สึซึกิคุงมอบให้ฉันเนื่องในโอกาสที่เราต้องจากกัน มันจึงเป็นแหวนหมั้นของฉัน สัญญาว่าจะแต่งงานกัน....นี่ไม่ใช่แค่การพูดอย่างวาดฝัน แต่เป็นครั้งแรกที่สึซึกิคุงพูดออกมาจากใจจริงและจริงใจอย่างที่สุด ถ้าฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจะแต่งงานกับเขา
?พ่อเองก็จะไม่ยกให้ผู้ชายอื่นนอกจากสึซึกิคุงหรอก?
?พ่อนี่ล่ะก็....? แม่หัวเราะขำๆ
การที่ครอบครัวของเรากลับมามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นอีกครั้งก็เพราะสึซึกิคุง เขาเป็นห่วงฉันจริงๆ เขาทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อฉัน และสิ่งที่เขาทำก็ทำให้พ่อกับแม่แปลกใจอยู่บ่อยๆ แต่สุดท้ายสึซึกิคุงก็ทำให้พวกเราทั้งครอบครัวหัวเราะได้
ในแหวนวงนี้อัดแน่นไปด้วยความอ่อนโยน อบอุ่น และความมีน้ำใจของสึซึกิคุงที่ส่องประกายระยิบระยับ
ช่วงที่ฉันยกแหวนขึ้นมาดูนั้น
?เหลือเชื่อ อะไรกัน!??
เสียงร้องของเด็กสาวคนนั้นดังขึ้นพร้อมกับอะไรบางอย่างที่กระดอนมากระทบเท้าของฉัน เมื่อฉันเก็บขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นสายห้อยโทรศัพท์ที่ทำจากเงินออกแบบเป็นหัวใจสวมมงกุฎโดยมีมือสองข้างประคองไว้เป็นสไตล์เจ้าหญิงที่ดูน่ารักมาก
?เอ่อ ทำหล่นเหรอคะ??
ฉันหยิบสายห้อยโทรศัพท์หัวใจสไตล์เจ้าหญิงให้เด็กสาวที่นั่งอยู่อีกข้างโดยมีทางเดินคั่น เด็กสาวคนนั้นสวมเสื้อทูนิค กับกางเกงสามส่วน เธออายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันแต่ตัวเล็กน่ารัก ในมือทั้งสองข้างยังกางกระดาษลักษณะคล้ายจดหมายค้างอยู่และสั่นเทาเล็กๆ ฉันคิดว่าเสียงของฉันยังเบาไปจึงลองเรียกดูอีกสักครั้ง แต่เด็กคนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
?........ทำไมเรื่องนั้น....ถึงมาพูดเอาป่านนี้นะ....คุราตะคุง....?
เด็กสาวคนนั้นพึมพำ แล้วอยู่ๆ ก็ขยำกระดาษนั้นเป็นก้อนกลมและขว้างลงบนพื้น กระดาษนั้นกลิ้งมาอยู่แทบเท้าฉัน เมื่อฉันเก็บมันขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นก็สบตากับเด็กสาวคนนั้นตรงๆ
?ขะ....ขอโทษค่ะ!? เด็กคนนั้นหน้าแดง เอ่ยขอโทษ ก่อนจะคว้ากระดาษที่เป็นก้อนกลมไปจากมือของฉัน
?เอ๊ะ?
ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดยังไงดี
?อ๊ะ....เอ่อ คือว่า....? ฉันพยายามคิดหาเรื่องคุย แต่เพราะเป็นเด็กสาวที่ไม่รู้จักจึงรู้สึกตื่นเต้นจนใจเต้นรัว เกรงว่าถ้าทำอะไรให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีจะทำอย่างไร....
เด็กสาวคนนั้นจ้องมองฉัน ขณะที่ฉันพยายามคืนของที่เก็บได้ให้
?คะ....คือว่า นี่ก็ตกเหมือนกันน่ะ?
เมื่อเห็นสายห้อยโทรศัพท์รูปหัวใจ เด็กสาวคนนั้นก็กัดริมฝีปากเอ่ยปาก ?ขอบคุณ? ก่อนที่จะรับคืนไป เธอจับสายห้อยโทรศัพท์ด้วยท่าทีที่ไม่รู้จะทำยังไงดี.... แต่แล้วอยู่ๆ เด็กคนนั้นก็พุ่งมาหาฉันจนผมที่ยาวประบ่าสะบัด
?ฉันให้คุณ ถ้าไม่รังเกียจ กรุณารับไว้เถอะนะคะ?
?เอ๊ะ....หา??
?มันน่ารักใช่ไหมล่ะคะ?
เด็กสาวคนนั้นจับสายห้อยโทรศัพท์นั้นยัดใส่มือฉัน
?มะ....มันก็ใช่น่ะ แต่ว่า....ฉันไม่มีเหตุผลที่จะรับไว้นี่นา?
?ก็ฉันอยากให้นี่?
เด็กสาวคนนั้นตื๊อไม่ลดละ ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ แต่ปรากฏว่าท่านทั้งสองกำลังมองดูพวกเราอย่างสนใจ เด็กสาวคนนั้นจึงทำคอย่นอย่างเขินๆ แล้วกระซิบว่า
?ถ้าอย่างนั้นเราเป็นเพื่อนกันก็ได้ เธอจะกลับฟุคุโอกะเหรอ?
ฉันส่ายหน้า อย่างกับเด็กๆ เลยนะนี่ จริงๆ ฉันควรจะตอบกลับไปให้ชัดเจนสินะ
?เอ่อ....ฉันกำลังย้ายไปอยู่ที่นั่นน่ะ?
?ถ้างั้นก็เหมือนกับฉันเลยน่ะสิ มาจากที่ไหนล่ะ โตเกียวเหรอ??
ฉันส่ายหน้าอีกครั้งก่อนจะตอบว่า ?โยโกฮามะ?
เด็กคนนั้นยิ้ม ?เหมือนกันเลย ฉันชื่ออันริ อุจิมุระ ชื่อเป็นผลไม้รวมเลยนะ มีทั้งแอปปริคอตและสาลี่ ฉันคงอายุพอๆ กับเธอล่ะมั้ง ฉันเพิ่งจะอายุสิบห้าน่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ!?
อายุเท่ากันจริงๆ ด้วย เด็กคนนั้น....อันริ อุจิมุระซัง จ้องมองฉันด้วยแววตาที่มีความหวัง ทำให้ฉันต้องแนะนำตัวเองบ้าง
?....อะ....เอ่อ ฉันก็อยู่ ม.3 เหมือนกัน ชื่อโฮชิโนะ ซายากะนะ ซายากะที่เขียนเหมือนคำว่าร้องเพลงด้วยความสดใสน่ะ แต่ว่าฉันคงไม่ได้รู้สึกสดชื่นอย่างนั้นหรอกนะ....?
?เอ๊ะ ชื่อน่ารักดีนี่นา ซายากะจัง?
อะ....เอ่อ.... ฉันควรจะตอบว่ายังไงดีนะ


-----------------------------------------------------------------------
ความเป็นจริงที่จะถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรก!! อันริคือเด็กผู้หญิงคนแรกที่เป็นเพื่อนกับซายากะในระหว่างที่ซายากะนั่งเครื่องบินจากสนามบินฮาเนดะไปฟุคุโอกะหลังจากที่แยกกับฮิคารุ สิ่งที่อันริมองเห็นคือครอบครัวที่อบอุ่นของซายากะ... ต่อมาซายากะขาดการติดต่อไปหลังจากเดินทางไปฟุคุโอกะ ฮิคารุจึงมาตามหา แต่ว่า...ซายากะอยู่ที่ไหนกันแน่...? พบกับนิยายออริจินัลสตอรี่ที่น่าประทับใจ
รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”