นางกำนัลที่เดินตามหลังมาพยายามจะก้าวเดินให้ทัน แทบทุกนางจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะอ้ายหลิงเดินไวขนาดนั้น ที่จริงแล้วอ้ายหลิงอยากจะวิ่งเสียด้วยซ้ำ แต่หากทำแบบนั้นพวกนางกำนัลคงตามไม่ทันแน่ และหากเหล่าทหารยามเห็นพระมเหสีเสด็จอย่างรีบร้อนเช่นนั้นคงจะตกใจกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาจนถึงพระราชวังชุนอิง นางกำนัลที่นั่นต่างออกมาต้อนรับอ้ายหลิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
?เสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ พระมเหสี?
?ไม่เป็นไรเพคะ ฝ่าบาทยังมิเสด็จกลับมาเลย?
?จะ....จริงเหรอ??
อ้ายหลิงหายใจหอบพลางมองไปรอบห้อง เมื่อไม่เห็นฮุ่ยจวิ้นอยู่ตรงนั้นจึงโล่งใจ
?ค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้ตรัสว่าจะเสด็จกลับมาเร็ว ข้าเลยคิดว่าจะเลิกซ้อมรำให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังช้าอยู่ดี....?
?อะไรกัน นึกว่านานๆ ทีข้าจะได้คอยต้อนรับอ้ายหลิงกลับมาบ้าง?
?เอ๊ะ!??
เมื่ออ้ายหลิงและนางกำนัลหันกลับไปก็เห็นฮุ่ยจวิ้นยืนพิงประตูห้องอยู่
?อ๋า สะ....เสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ ขอประทานอภัย หม่อมฉันเพิ่งจะกลับมาเดี๋ยวนี้เอง....จะชงชาถวายนะเพคะ....แต่ถ้าไม่เปลี่ยนชุดก่อนล่ะก็....เอ่อ....แต่ว่า?
?อ้ายหลิง....อ้ายหลิง?
ฮุ่ยจวิ้นส่งเสียงเรียกแล้วลูบหัวอ้ายหลิงที่ลนลานจนหน้าแดงก่ำ
?ไม่ต้องรีบร้อนแบบนั้นหรอก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาก่อนเถอะ ชาไว้ทีหลังก็ได้?
?พะ....เพคะ?
?พระมเหสี น้ำร้อนสำหรับสรงเตรียมพร้อมแล้วเพคะ?
?อื้อ....ขอบใจมาก! อ๊ะ เซียงเฉวียน ต้มน้ำร้อนสำหรับชงชาไว้ให้หน่อย! แล้วก็เฟิงเซี่ยไปพักก่อนก็ได้ ขอโทษทีนะที่ทำให้เจ้าต้องวิ่งมาด้วย!?
เหล่านางกำนัลวิ่งตามหลังอ้ายหลิงที่วิ่งพรวดพราดออกไปที่ห้องอาบน้ำ ฮุ่ยจวิ้นมองตามพลางหัวเราะ
?น่าจะทรงรออีกสักนิดค่อยส่งเสียงทักนะเพคะ....?
เซียงเฉวียนพูดน้ำเสียงปนขำ ฮุ่ยจวิ้นเอียงคอด้วยท่าทางทะเล้น
?ระหว่างทางกลับมาที่นี่ข้าเห็นอ้ายหลิงกำลังรีบเดินกลับ เลยพยายามค่อยๆ เดินช้าๆ ไม่ให้แซงแล้วเชียวนะ?
?อย่างนั้นหรือเพคะ??
?ถ้าข้ากลับมาถึงก่อนแม้แต่นิดเดียว อ้ายหลิงก็จะรู้สึกแย่ใช่มั้ยล่ะ??
?นั่นสิเพคะ เพราะการชงชาและเฝ้ารอฝ่าบาทเสด็จกลับมาเป็นสิ่งที่ทำให้พระมเหสียินดีที่สุด....?
เพราะฉะนั้นเซียงเฉวียนจึงคิดว่าถ้าจะกลับมาให้ช้ากว่าอยู่แล้วล่ะก็ ค่อยส่งเสียงทักตอนที่เตรียมชาเสร็จแล้วก็น่าจะดีหรอก
?แต่นานๆ ทีจะได้เห็นอ้ายหลิงลนลานแบบนั้นก็น่ารักดี?
?....งั้นหรือเพคะ....?
ขอให้รักกันดีแบบนี้ก็ดีที่สุดแล้วล่ะ
ตั้งแต่ฮุ่ยจวิ้นขึ้นครองราชย์ และอ้ายหลิงขึ้นเป็นพระมเหสี เวลาก็ผ่านมาได้เกือบครบปีแล้ว
ระหว่างนั้นก็พูดได้ว่าแต่ละวันผ่านไปอย่างสุขสงบดี แต่ก็มีการก่อกบฏโดยพวกขุนนางอยู่ครั้งหนึ่งเหมือนกัน แม้จะปราบปรามลงได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น แต่ทุกคนที่ต้องเข้าไปพัวพันด้วยก็เห็นตรงกันว่าไม่อยากให้มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก
ที่ฮุ่ยจวิ้นแกล้งแหย่อ้ายหลิงเล่นแบบนี้ได้ก็แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์เป็นปกติดี
อ้ายหลิงที่กลับออกมาจากห้องเริ่มเตรียมชาโดยที่ยังไม่ได้รวบผม นางทัดผมที่ยาวลงมาไปด้านหลังพลางเลือกใบชาที่ไม่ต้องใช้เวลานานในการชงให้ออกรส รินน้ำร้อนลงไป เห็นอย่างนั้นแล้วฮุ่ยจวิ้นก็ยิ้มเฝื่อนๆ ด้วยรู้สึกผิด
?ถ้าทำให้เจ้าต้องรีบร้อนขนาดนั้นล่ะก็ ข้าน่าจะกลับมาให้ช้ากว่านี้อีกหน่อย?
?เอ๊ะ? เอ่อ....ไม่หรอกเพคะ?
อ้ายหลิงยิ้มพลางวางถ้วยชาลงตรงหน้าฮุ่ยจวิ้น
?หม่อมฉันเพียงอยากจะถวายชาให้ทรงดื่มเร็วๆ เท่านั้นเพคะ....?
?แต่ว่า....ผมเจ้ายังเปียกอยู่เลย?
ฮุ่ยจวิ้นเอื้อมมือใช้ปลายนิ้วม้วนผมช่อหนึ่งของอ้ายหลิง
เซียงเฉวียนและนางกำนัลคนอื่นค่อยๆ ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
ฮุ่ยจวิ้นใช้มือข้างหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นดื่ม พลางใช้อีกมือหนึ่งสางผมของอ้ายหลิงเล่นอย่างสบายอารมณ์
ถ้ายังไม่เอามือออกจากผมจะนั่งลงที่เก้าอี้ก็ไม่ได้ อ้ายหลิงมองดูฮุ่ยจวิ้นด้วยสีหน้าลำบากใจนิดหน่อย
?....ฝ่าบาทเพคะ?
?หือ??
ฮุ่ยจวิ้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ วางถ้วยชาลง แล้วใช้นิ้วเคาะที่เข่าของตัวเอง
?......?
อ้ายหลิงมองหน้าฮุ่ยจวิ้นอย่างงงๆ แต่ฮุ่ยจวิ้นก็ยังคงเคาะเข่าอยู่อย่างนั้น อ้ายหลิงจึงจำต้องนั่งลงบนตักของฮุ่ยจวิ้นอย่างช่วยไม่ได้ ฮุ่ยจวิ้นพยักหน้าแล้วโอบกอดอ้ายหลิงไว้ ระยะนี้ดูเหมือนฮุ่ยจวิ้นจะโปรดปรานการให้อ้ายหลิงขึ้นมานั่งบนตักแบบนี้
?อะ....เอ่อ ฝ่าบาท ผมของหม่อมฉันยังไม่แห้งเลยเพคะ....?
?นั่นสินะ?
?....ฉลองพระองค์จะเปียกนะเพคะ....?
?อ้อ?
แม้จะพูดแบบนั้น แต่ฮุ่ยจวิ้นก็ไม่มีทีท่าจะถอยตัวออกห่าง กลับกอดอ้ายหลิงแน่นขึ้นราวกับจะให้ผมที่ยังเปียกชื้นอยู่แนบสนิทเข้ากับหน้าอกของตัวเอง
ฮุ่ยจวิ้นก้มลงจุมพิตที่ผมของอ้างหลิง
?มะ....ไม่เย็นหรือเพคะ?
?เย็นดี?
ฮุ่ยจวิ้นหัวเราะเล็กน้อย แล้วเลื่อนใบหน้าลงมาที่ริมฝีปากที่เย็นกว่าปกติ แต่เมื่อจุมพิตสองสามครั้งซ้ำๆ ก็ทำให้อุ่นขึ้นเหมือนเดิมได้
?....ซ้อมรำยุ่งมากเหรอ??
เสียงกระซิบถามขณะจุมพิตทำให้อ้ายหลิงลืมตาขึ้น
?เอ๊ะ....?
?ไปซ้อมทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ?
?อ่า....เพคะ ใกล้จะถึงเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยแล้ว?
เทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยเป็นวันที่รำลึกถึงการเฉลิมฉลองความสำเร็จราบรื่นในการสืบทอดบัลลังก์จากฮ่องเต้องค์ก่อนสู่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ถึงแม้วันที่มีการเปลี่ยนรัชกาลในแต่ละครั้งจะไม่ตรงกัน แต่เทศกาลประจำปีนี้จะจัดต่อจากเทศกาลเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวข้าว และในวันที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ของทุกปี แต่ละที่จะมีการเฉลิมฉลองซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ผู้คนจะหยุดงานแล้วสนุกสนานรื่นเริงกับการการแสดงร่ายรำและดนตรีรวมถึงงานเลี้ยงที่มีการดื่มสุราด้วย
แน่นอนว่าในพระราชวังเองก็มีการจัดงานเลี้ยงโดยเชิญบรรดาขุนนางข้าราชบริพารมาร่วมเฉลิมฉลองด้วย ผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือบรรดานางรำแห่งราชสำนัก นักดนตรี นักแสดงกายกรรม ดังนั้นสำนักนาฏศิลป์จึงมีการฝึกซ้อมกันอย่างหนักในช่วงนี้
?....ปีที่แล้วหม่อมฉันได้เป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น....?
ในงานเลี้ยงเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยเมื่อหน้าร้อนปีที่แล้วที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของฮุ่ยจวิ้น อ้ายหลิงที่เคยเป็นนางรำ เมื่อได้ขึ้นเป็นพระมเหสี จึงแน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายชมการแสดง
แต่เมื่อตอนเกิดกบฏขึ้นคราวก่อน ความงดงามของ ?เสว่เยว่เหมยฮัว? ที่อ้ายหลิงร่ายรำท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายนั้นเป็นที่เลื่องลือในหมู่ทหารที่อยู่ด้วยในเหตุการณ์ตอนนั้น จนทำให้เหล่าขุนนางพากันมาขอร้องรองเจ้ากรมคลังเวินฉือหยุน คนใกล้ชิดของฮุ่ยจวิ้น ว่าอยากจะชมสักครั้ง เมื่อฉือหยุนเข้ามาปรึกษาด้วย อ้ายหลิงจึงตกลงรับปากว่าจะรำเพลง ?เสว่เยว่เหมยฮัว? ในงานเลี้ยงเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ย และฮุ่ยจวิ้นคือคนที่อนุญาตอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
?ขอทรงอภัยที่หม่อมฉันทำอะไรเอาแต่ใจ?
ฮุ่ยจวิ้นยิ้มพลางลูบผมของอ้ายหลิงที่ก้มหน้านิ่ง
?ไม่หรอก คนที่เก็บรำของอ้ายหลิงไว้ดูคนเดียวอย่างข้าต่างหากที่เอาแต่ใจ แล้วอ้ายหลิงเองก็ยังไม่เคยรำในงานเลี้ยงเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยเลยใช่มั้ยล่ะ?
?เพคะ เพราะออกจากการเป็นนางรำราชสำนักไปเสียก่อน....?
ถึงจะเป็นงานเลี้ยงใหญ่แต่ใช่ว่านางรำทุกคนจะได้ขึ้นแสดง อ้ายหลิงเองกว่าจะได้เป็นหนึ่งในนางรำที่ได้แสดงก็สามปีหลังจากเข้ามาเป็นนางรำแห่งวังหลวง หากนับกันที่ความสามารถจริงๆ อาจจะได้ขึ้นแสดงเร็วกว่านี้ เรื่องนี้มารู้ภายหลังจากเจินฉิน อาจารย์สอนรำ ว่าลูกสาวชาวนาที่เข้ามาเป็นนางรำอย่างอ้ายหลิงแทบจะไม่ได้รับโอกาสให้แสดงในงานใหญ่
หลังจากได้ขึ้นแสดงในงานเลี้ยงจึงมีโอกาสได้พบกับฮุ่ยจวิ้นอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ และเมื่อถึงฤดูร้อนปีเดียวกันนั้น ฮุ่ยจวิ้นก็ได้ขึ้นครองราชย์ และอ้ายหลิงได้เป็นพระมเหสี จึงไม่มีโอกาสได้รำอีกเลย ทั้งในงานเลี้ยงเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยเมื่อต้นฤดูใบไม้ร่วงในรัชสมัยฮ่องเต้พระองค์ก่อน เทศกาลเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวข้าว หรือแม้ในงานเลี้ยงปีใหม่
?....อยากจะขึ้นแสดงในงานเลี้ยงแบบนี้ดูสักครั้งเพคะ?
หากได้ออกแสดงในงานเลี้ยงจะต้องได้พบกับฮุ่ยจวิ้นแน่ๆ ถึงจะคิดแบบนั้น แม้แต่การได้ออกแสดงในงานเลี้ยงยังไม่อาจทำได้เลย ในตอนนั้นการได้แสดงในงานเลี้ยงของพระราชวังถือเป็นความใฝ่ฝันของอ้ายหลิง
ฮุ่ยจวิ้นหรี่ตาลงเล็กน้อย ใช้นิ้วสางผมที่แห้งขึ้นหน่อยแล้วอย่างอ่อนโยน
?นั่นสินะ เสว่เยว่เหมยฮัว ถ้าจะให้รำให้ดูในห้องแบบนี้ก็คงจะยากหน่อย คราวก่อนที่เห็นก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมได้อย่างสบายใจนัก คราวนี้แหละจะได้เพลิดเพลินกับรำของเจ้าได้อย่างเต็มที่?
?....รำในห้องก็ได้เพคะ?
?เสว่เยว่เหมยฮัวน่ะนะ??
?เพคะ?
อ้ายหลิงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มน้อยๆ
?....เสว่เยว่เหมยฮัวพิเศษกว่าอย่างอื่นใช่มั้ยล่ะ?
?พิเศษเพคะ เพราะแบบนี้หากฝ่าบาทมีพระประสงค์ หม่อมฉันจะรำถวายในห้องนี้ก็ได้เพคะ?
มือที่สางผมอยู่ลดลงมาประสานกับมือของอ้ายหลิง
?แต่ว่านี่น่ะ เก็บเป็นความลับนะเพคะ ....หม่อมฉันอยากจะลองรำในงานเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยดูสักครั้ง นั่นน่ะที่จริงแล้วเป็นเพราะนี่เป็นความฝันของหม่อมฉันมาตลอด ตั้งแต่สมัยที่เฝ้ารออยากจะพบกับพระองค์ในงานเลี้ยงแล้วล่ะเพคะ กับท่านฉือหยุนก็ให้เหตุผลไปว่า เป็นเพราะทุกคนขอร้องมา....?
?....ที่จะรำในเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยก็เพื่อข้างั้นเหรอ??
?ทั้งหมดเพื่อพระองค์เพคะ ....ที่อยากจะรำในงานเลี้ยงเป็นความเอาแต่ใจของหม่อมฉันเอง....?
?ความเอาแต่ใจนั่นก็เพื่อข้าใช่มั้ยล่ะ??
คำพูดที่ทำให้รู้สึกดีใจที่กระซิบเบาๆ นั่นทำให้อ้ายหลิงเอียงคอด้วยความเขิน ฮุ่ยจวิ้นยิ้มแล้วจุมพิตที่แก้มของอ้ายหลิง
?จะรอดูเจ้าในงานซ่าวจี้เจี๋ยนะ?
?เพคะ....?
ขณะที่กำลังจะพูดต่อว่าหม่อมฉันก็อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ เช่นกัน ริมฝีปากก็ถูกประกบเบาๆ เสียก่อน
ตั้งแต่เหล่าแมกไม้ในสวนจนกระทั่งถึงภายในห้องถูกย้อมไปด้วยสีแดงของแสงอาทิตย์อัสดง ฮุ่ยจวิ้นยกชายแขนเสื้อขึ้นโอบเหนือหัวของอ้ายหลิงราวกับจะป้องกันแสงแดดให้
?อ้ายหลิง....?
ที่ระเบียงทางเดิน วันนี้ก็อีกเช่นกันที่บรรดานางกำนัลต่างเกี่ยงกันทำหน้าที่ในการไปแจ้งว่าอาหารเย็นเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
?....ก็ฮูหยินของรองเจ้ากรมพิธีการหม่าน่ะสิที่พูดแบบนั้นออกมา ที่แท้ก็อยากจะบ่นเรื่องที่สามีตัวเองไม่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแล้วก็แค่นั้นแหละ?
?บ่นอะไรไร้สาระจริง ใช่มั้ยเพคะพระมเหสี?
ถูกถามความเห็นในเรื่องที่ตอบยากแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือหัวเราะกลบเกลื่อนไป อ้ายหลิงทำเป็นค่อยๆ ดื่มชา พลางภาวนาให้สองคนนี้รีบๆ กลับไปเสียที
ไม่ว่าจะเห็นสักกี่ครั้งก็น่าแปลกใจอยู่ดี
อดีตนางรำแห่งราชสำนักที่เรียนรำมาด้วยกันที่สำนักนาฏศิลป์และแข่งกันเป็นที่หนึ่งมาตลอดอย่างจูเอี้ยนกับยู่ลี่ กลับมาคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างสนิทสนมต่อหน้าอ้ายหลิงเช่นนี้
ทั้งสองคนต่างเป็นลูกสาวขุนนาง ฝีมือการร่ายรำก็ไม่มีใครเป็นรองใคร จูเอี้ยนและยู่ลี่ที่เคยหมายมั่นจะเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และได้เข้าตำหนักนางในน่ะหรือจะมาร่วมโต๊ะดื่มชากันเช่นนี้ได้ ทั้งที่เคยไม่ถูกกันขนาดที่แค่เดินสวนกันที่ระเบียงทางเดินก็เขม่นกันเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ระยะนี้ถึงได้พร้อมใจกันมาเข้าเฝ้าฯ ที่พระราชวังชุนอิง โดยอ้างว่ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
สำหรับจูเอี้ยนและยู่ลี่แล้ว สมัยที่เป็นนางรำ อ้ายหลิงก็เป็นเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่ง ทั้งสองคนคงจะโกรธแค้นที่ตอนนี้อ้ายหลิงกลับได้ดิบได้ดีเกินหน้าตัวเองเป็นถึงพระมเหสี ถึงทั้งสองคนจะไม่ถูกกันยังไง แต่เพราะได้รับความอับอายเหมือนๆ กันเลยเข้ากันได้ดีไปโดยปริยาย
ตำหนักนางในก็ถูกยกเลิกไปแล้ว จูเอี้ยนและยู่ลี่ต่างก็ออกเรือนไปกับขุนนางในวังหลวง
?แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของฮูหยินคนนั้นหรอกนะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าทุกเรื่องต่างก็ต้องมีลำดับขั้นตอนเหตุผลของมันน่ะ?
?ใช่ ใช่.... เล่นโยกย้ายกันแบบผิดคาดแบบนี้จะกลายเป็นสร้างความสับสนให้มากกว่าเนอะ?
จะพูดถึงเรื่องนั้นกันอีกแล้ว....
อ้ายหลิงเหลือบตาขึ้นมองดูจูเอี้ยนและยู่ลี่ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ประดับเพชรนิลจินดาหรูหรายิ่งกว่าตัวเองที่เป็นพระมเหสีเสียอีก สีหน้าท่าทางของพวกนางเหมือนกันกับตอนที่ออกคำสั่งกับลูกทานูกิจากบ้านนอกยังไงยังงั้น อ้ายหลิงพยายามสะกดกลั้นที่จะไม่ถอนหายใจออกมา
ทั้งสองคนเริ่มมาหาอ้ายหลิงพร้อมๆ กันแบบนี้ตั้งแต่ประมาณฤดูใบไม้ผลิปีนี้ หลังเกิดเหตุการณ์กบฏที่อ้ายหลิงถูกจับตัวไปคราวก่อน จากเหตุการณ์คราวนั้นทำให้มีการปลดขุนนางบางส่วนที่เป็นแกนนำ จึงทำให้มีตำแหน่งว่างเกิดขึ้น มีการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ ขุนนางบางคนได้เลื่อนขั้นไปรับตำแหน่งสูงๆ อย่างไม่คาดคิดก็มี แต่ขุนนางที่เป็นสามีของทั้งสองคนไม่ได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งใดๆ นั่นทำให้พวกนางไม่พอใจหรืออย่างไร จึงได้พากันมาพูดจาส่อเสียดเหน็บแนมอ้ายหลิงอย่างอ้อมๆ แบบนี้ เป็นต้นว่า เป็นถึงพระมเหสีแต่ถูกลักพาตัวไปง่ายๆ แบบนี้จะดีเหรอ หรือแต่เดิมเป็นแค่ลูกสาวชาวนาใครๆ เขาก็พากันดูถูก
?แต่พระมเหสีเองก็ทรงเติบโตขึ้นมาแบบไม่ค่อยรู้เรื่องการบ้านการเมืองมากนักหรอกนะ....?
?ความยากลำบากกว่าจะหาขุนนางที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งได้น่ะคงจะไม่ทรงทราบสินะเพคะ พระมเหสี??
แค่การพูดเน้นเสียงช้าๆ ตรงคำว่าพระมเหสี ก็รู้สึกได้ถึงการประชดประชันแล้วล่ะ
ชาก็ดื่มจนหมดแล้ว ต่อไปจะทำยังไงให้พ้นจากตรงนี้ไปเสียทีนะ ระหว่างที่อ้ายหลิงกำลังคิดอยู่ เซียงเฉวียนก็เดินเข้ามาเงียบๆ
?ขออภัยเพคะ ฮูหยินของรองเจ้ากรมคลังเวินมาขอเข้าเฝ้าฯ เพคะ?
เจียเย่นี่ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย อ้ายหลิงเงยหน้าขึ้น แต่จูเอี้ยนกับยู่ลี่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกจากที่นั่งเลย
?แหม ฮูหยินของรองเจ้ากรมคลังเหรอ?
?ใช่ รองเจ้ากรมคลังเนอะ?
จริงสิ สามีของทั้งจูเอี้ยนและยู่ลี่เป็นผู้ช่วยองคมนตรีซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงกว่ารองเจ้ากรมคลัง ที่ยังไม่ยอมกลับอาจเพราะจะให้ผู้ที่มีตำแหน่งต่ำกว่ารอไปก่อนก็ได้
เซียงเฉวียนกระแอมไอแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
?ฮูหยินท่านรองเจ้ากรมคลังเวินมาขอเข้าเฝ้าฯ ในนามของฮูหยินของท่านเสนาบดีกระทรวงเลขาธิการเพคะ?
คราวนี้ทั้งสองคนมองหน้ากัน ....ถ้าเป็นเสนาบดีกระทรวงเลขาธิการล่ะก็ ถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง
อ้ายหลิงยิ้มให้กับทั้งสองคนที่ทำหน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันที
?ขอโทษทีนะ แต่แขกคนต่อไปมารอแล้วล่ะ....?
จูเอี้ยนและยู่ลี่กล่าวลาด้วยน้ำเสียงราวกับจะบ่นอะไรบางอย่าง แล้วเดินออกจากห้องไปพลางมองเขม่นเจียเย่ที่เดินสวนเข้ามา
?เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย?
อ้ายหลิงฟุบหน้าลงบนโต๊ะ พวกนางกำนัลเก็บถ้วยชาบนโต๊ะออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วนำขนมและชาสำหรับเจียเย่เข้ามา
?หายนะชัดๆ เลยนะ ยัยสองคนนั่นมาพร้อมๆ กันแบบนี้?
?พักนี้มาด้วยกันตลอดเลยน่ะสิ....?
?สองคนนั่น ถ้าสามีใครได้เลื่อนตำแหน่งก่อน มีหวังได้เริ่มเขม่นกันอีกแน่
ถ้าคราวหน้ามาอีกก็ไม่ต้องสนใจหรอก บอกว่าฮูหยินท่านเสนาบดีมา แล้วก็ไล่กลับไปซะเลย ใช้ตำแหน่งใหญ่โตให้เป็นประโยชน์ไง ท่านแม่สามีข้าก็พูดแบบนี้แหละ เนอะ เซียงเฉวียน?
?เจ้าค่ะ คราวต่อไปก็ขอใช้ชื่อท่านอีกนะคะ?
เซียงเฉวียนวางจานใส่ขนมและผลไม้ที่หั่นไว้แล้วลงตรงหน้าเจียเย่ แล้วออกจากห้องไปพร้อมกับนางกำนัลคนอื่นๆ อ้ายหลิงชงชาพลางเหลือบมองเจียเย่
?มีอะไรที่ไม่อยากกินมั้ย??
?ไม่เป็นไร กินได้หมดนี่แหละ ทุกคนที่นี่เอาใจข้ามากเกินไปแล้ว?
?แต่ได้ยินจากคุณชายฉือหยุนว่าเจ้าไม่ค่อยสบายนะ?
อ้ายหลิงวางถ้วยชาลงตรงหน้าเจียเย่แล้วนั่งลง
?อืม....ก็ใช่แหละที่ข้าไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่?
พูดอย่างนั้นแล้วเจียเย่ก็เท้าคางลงบนโต๊ะอย่างเนือยๆ สีหน้าของนางดูซีดเซียวกว่าปกติจริงๆ
?ช่วงนี้ส่วนใหญ่ก็มักมีอาการแบบนี้ แต่ก็แล้วแต่คนสินะ?
?เหมือนจะอย่างนั้นนะ อย่างแม่ข้านอกจากตอนท้องพี่สาวคนโตแล้ว นอกนั้นก็ปกติดี ส่วนท่านแม่สามียิ่งแพ้มากกว่านี้อีก?
?....เด็กทารกเหรอ....?
อ้ายหลิงพึมพำออกมาพลางมองไปที่ท้องของเจียเย่ ท้องของเจียเย่ที่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าตั้งครรภ์ดูยังไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย
เจียเย่เอียงคอมองดูอ้ายหลิงที่พูดเหมือนอิจฉาแล้วหัวเราะ
?ข้าว่าเดี๋ยวเจ้าก็คงจะมีเหมือนกันแหละ?
?....จะเป็นอย่างนั้นรึเปล่านะ?
?ต้องอย่างนั้นสิ แล้วก็นะ อ้ายหลิง เจ้าน่ะได้แต่งงานก่อนข้าใช่มั้ยล่ะ แล้วถ้าเจ้ายังมีลูกก่อนอีก ทีนี้ข้าจะทำยังไงล่ะ?
เจียเย่พูดพลางยักไหล่ อ้ายหลิงยิ้มตอบ
ถึงตอนนี้อยากจะมีแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว เจียเย่รู้ดีกว่าใครว่าอ้ายหลิงกังวลเรื่องนี้ ดังนั้นที่ตัวเองตั้งครรภ์ก่อนแบบนี้จึงรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ความรู้สึกนี้ของเจียเย่ อ้ายหลิงก็รู้ดี
?....แต่ว่าไม่เป็นไรเหรอ? อาการไม่ค่อยดีแบบนี้ยังออกมาข้างนอก....?
?ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยดีแต่วันนี้ก็นับว่ายังดีนะ แล้วก็ถ้าไม่ออกมาข้างนอกบ้างล่ะก็นะ?
ก่อนหน้านี้เจียเย่มักจะแวะมาหาอ้ายหลิงที่พระราชวังชุนอิงบ่อยๆ แต่เพราะมีอาการไม่ค่อยสบาย ระยะนี้จึงไม่ค่อยได้แวะมา วันนี้เพิ่งจะได้มาหลังจากที่ห่างหายไปนาน
?งั้นงานเลี้ยงเทศกาลซ่าวจี้เจี๋ยล่ะ....??
?ถึงตอนนั้นคงจะดีขึ้นกว่านี้แล้ว ข้าจะมาร่วมงานด้วย อ้ายหลิง เจ้าจะรำใช่มั้ยล่ะ?
?อื้อ แค่เพลงเสว่เยว่เหมยฮัวนะ?
?เมื่อกี้ข้าแวะไปสำนักนาฏศิลป์มา แม่นางหมิงเอี้ยนกำลังปวดหัวเลย บอกว่าทั้งที่จะต้องคิดท่ารำใหม่ๆ ออกมา แต่ก็คิดไม่ออกสักที?
เจียเย่ดื่มชาพลางมองออกไปด้านนอก แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ทั้งที่ยังถือถ้วยชาอยู่ สายตามองออกไปทางสวน
?เจียเย่??
?....นั่นน่ะ ท่านลุงอีฝูสินะ??
อ้ายหลิงลุกขึ้นเดินไปที่ขอบหน้าต่าง ทางด้านโน้นของสระน้ำเห็นด้านหลังของคนสวนชรากำลังนั่งยองๆ
?อ๊ะ ใช่จริงๆ ด้วย?
?ข้างๆ นั่นมีใครอยู่ด้วย คนสวนคนใหม่เหรอ??
?เอ๊ะ??
อ้ายหลิงเดินเข้าไปหาเจียเย่ ยื่นตัวออกไปที่ระเบียง ข้างๆ อีฝูมีผู้ชายอีกคนสะพายตะกร้าไว้ที่บ่าจริงๆ ด้วย
?ใครกันนะ.... ไม่เคยเห็นเลย?
อ้ายหลิงตะโกนเรียกอีฝูจากตรงนั้น อีฝูลุกขึ้นยืนหันไปพูดอะไรบางอย่างกับผู้ชายคนนั้น แล้วเดินเลียบสระน้ำมาทางนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ตามมาด้วย
?ถวายบังคมพระมเหสี อ้าว คุณหนู ไม่สิ ฮูหยินน้อยตระกูลเวินก็มาด้วย?
อีฝูเดินมาจนถึงใต้ขอบระเบียงของห้องนั้นแล้วค้อมคำนับให้อ้ายหลิงกับเจียเย่
?สวัสดีท่านลุง คราวก่อนบอกว่าเจ็บขา ตอนนี้ดีขึ้นแล้วเหรอ?
?ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมก็อายุปูนนี้แล้ว....?
อีฝูหันไปหาผู้ชายที่เดินตามมา เขายังเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปด
?ยังไม่ได้แนะนำให้ทรงรู้จักสินะ วันนี้เพิ่งเริ่มจ้างเขาเข้ามาเป็นผู้ช่วยกระหม่อม?
?แหม ท่านลุง นี่คิดจะถอนตัวลาออกจากงานแล้วเหรอ?
?ไม่หรอก ยังขออยู่รับใช้ฝ่าบาทไปอีกสักพัก อ้าว นี่เจ้าเป็นอะไรไป??
ชายหนุ่มคนนั้นยืนแข็งทื่อจ้องมองอ้ายหลิง
อ้ายหลิงเอียงคอด้วยความสงสัยในสายตาที่ไร้มารยาทของชายหนุ่ม เจียเย่กับอีฝูนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
?ทำอะไรของเจ้า ไม่ถวายบังคมพระมเหสีหรือไง?
?....อ้ายหลิง?
?เอ๊ะ??
?อ้ายหลิงจริงๆ น่ะเหรอ?
เจียเย่กับอีฝูมองอ้ายหลิงกับชายหนุ่มสลับกันไปมา
?....อ้ายหลิง เจ้ารู้จักหมอนี่เหรอ??
-------------------------------------------------------------------------
อ้ายหลิง พระมเหสีสุดที่รักของฮ่องเต้ฮุ่ยจวิ้นถูกเหล่าขุนนางชิงชังด้วยเพราะมาจากครอบครัวที่ฐานะยากจน ความไม่พอใจทั้งหลายที่มีต่อฮ่องเต้จึงนำมาลงที่พระมเหสี ในระหว่างที่บรรดาฮูหยินขุนนางต่างพากันมาพบอ้ายหลิงทุกวันเพื่อพูดจาเยาะเย้ยถากถาง ชายหนุ่มจากหมู่บ้านเดียวกับอ้ายหลิงที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยคนสวนในวังเที่ยวพูดไปทั่วว่าตัวเองเคยขออ้ายหลิงแต่งงาน บรรดาฮูหยินขุนนางจึงวางแผนกลั่นแกล้งหวังจะทำให้อ้ายหลิงเสื่อมเสีย ทว่านั่นกลับกลายเป็นยิ่งกว่าแผนกลั่นแกล้งกันธรรมดาเสียอีก...!? พบกับเรื่องราวความรักและความทะเยอทะยานของเหล่าขุนนางในวังในนิยายรักโรแมนติกเรื่องนี้!
