กลางดึกในถนนที่ไร้ซึ่งผู้คนอาศัย สายฝนมากมายกระหน่ำเทลงมาจากท้องฟ้า นักเรียนชายจำนวนหนึ่งร้อยคนยืนถืออาวุธครบมือมองหน้ากันอย่างท้าทาย ฝั่งขวามีจำนวนห้าสิบคน เท่ากับฝั่งซ้ายที่มีจำนวนห้าสิบคนเช่นกัน ฝั่งซ้ายอยู่ในชุดสีขาว ฝั่งขวาอยู่ในชุดสีดำ หัวโจกของทั้งสองโรงเรียนต่างยืนอยู่หน้าสุดของแต่ละฝั่ง
?ตรงเวลาดีนี่ ทาเฟล?
ฟอลคอน หัวโจกฝั่งขวาอยู่ในชุดสีดำทั้งตัวเอ่ยขึ้น เขายืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ทั้งสองข้าง ไร้อาวุธใดๆ ในตัวทั้งสิ้น ผมสีดำขลับราวกับอีกาเข้ากับสีชุดที่สวมใส่ นัยน์ตาเขานิ่งสนิทไม่มีใครเหมือน ผิวขาวราวกับมีแสงส่องประกายอยู่รอบๆ ตัว
?สงครามเพิ่งจะเริ่มไม่ใช่หรือไง?
ทาเฟล หัวโจกฝั่งซ้ายที่อยู่ในชุดสีขาวทั้งตัวตอบกลับ เขายืนกอดอกโดยที่ตัวของเขาไม่มีอาวุธใดๆ ทั้งสิ้นเหมือนกัน ผมสีดำสนิท นัยน์ตาลึกลับน่าค้นหาแต่ทว่าอ่อนโยนเกินคาดคิด ผิวขาวพอๆ กับฟอลคอน เขากำลังเหยียดยิ้มอย่างท้าทาย
?รีบๆ มาทำให้มันจบๆ ไปดีกว่า สงครามระหว่างแกกับฉันน่ะมันยืดเยื้อมานานเกินไปแล้ว?
ฟอลคอนบอกเสียงเรียบ ทาเฟลแสยะยิ้ม
?แกไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอกฟอลคอน?
?นั่นมันคำพูดของฉันต่างหาก?
?หึๆ...?
?ฉันจะต้องเป็นพระเจ้าให้ได้!?
ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน...
ฟอลคอน...หัวโจกที่เต็มไปด้วยพละกำลังเหลือล้นของโรงเรียนมัธยมปลายชายล้วน Tanggen และ ลูซิเฟอร์ คือฉายาที่เขาได้รับ ด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน ไม่มีใครในโรงเรียนสู้ชนะเขาแม้แต่คนเดียว อีกทั้งยังความหยิ่งผยองและลำพองตนกว่าใครๆ ทำให้ฉายาลูซิเฟอร์เหมาะสมกับเขามากที่สุด
ทาเฟล...หัวโจกที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของโรงเรียนมัธยมปลายชายล้วน Midori I และ มิคาเอล คือฉายาที่เขาได้รับ ด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่เฉียบไว ไหวพริบที่เฉียบแหลม อีกทั้งยังลักษณะภายนอกที่ดูอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วโหดร้าย ไร้ซึ่งความปรานี ทำให้ฉายามิคาเอลเหมาะสมกับเขามากที่สุด
ทั้งสองคนเป็นหัวโจกของทั้งสองโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนในตำนาน ที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่โรงเรียนเริ่มก่อตั้ง เพราะก่อตั้งในวันเดียวกัน ปีเดียวกัน ทำให้ต้องกลายเป็นโรงเรียนที่แข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ทั้งสองโรงเรียนก็มีอายุครบ 47 ปีเท่ากัน และหัวโจกของแต่ละโรงเรียนคนปัจจุบันก็คือ ฟอลคอนกับทาเฟล ทั้งสองยกพวกตีกันเพื่อหาคนที่จะได้รับตำแหน่ง ?พระเจ้า? นับครั้งไม่ถ้วน แต่การต่อสู้ของพวกเขาก็ยังคงไร้ซึ่งผลการตัดสิน เนื่องจากพวกเขา...เสมอกันทุกครั้งนับตั้งแต่ที่ต่อสู้กันมา!
ตำแหน่งพระเจ้าถือเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โรงเรียนชายล้วนทุกโรงเรียนจะต้องยอมรับคนที่ได้ตำแหน่งพระเจ้าให้เป็นหัวโจกคุมโรงเรียนชายล้วนทุกโรงเรียนอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้มีนักเรียนชายหลายคนพยายามต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ นอกจากฟอลคอนกับทาเฟลที่ได้เป็นหัวโจกของโรงเรียนตัวเองแล้ว โรงเรียนชายล้วนที่อื่นๆ ก็ยังมีหัวโจกเหมือนกับสองคนนี้อยู่อีกเพียบเช่นกัน และหัวโจกของแต่ละโรงเรียนทั่วประเทศจะต้องต่อสู้กันเองจนกว่าจะเหลือผู้ชนะแค่เพียงคนเดียว แล้วหัวโจกที่ชนะคนนั้นก็จะเป็นคนได้รับตำแหน่งพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่นี้ไป!!!
1
?ไหนล่ะแม่ ของที่ต้องส่ง? ฉันถามแม่ในขณะที่กำลังมัดผมตัวเองเป็นหางม้ารวบสูง ผูกผ้ากันเปื้อนไว้ที่เอว เตรียมพร้อมที่จะลุยงานวันหยุดเต็มที่
?แม่วางไว้ที่เคาน์เตอร์แล้ว อ้อ...เฟรย่า ขากลับแวะซื้อผักคะน้ามาให้แม่ด้วยนะ?
?ค่า? ฉันขานรับ
บ้านของฉันเปิดเป็นร้านขายบะหมี่ โดยมีแบบบริการส่งถึงที่เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าด้วย และหน้าที่ส่งบะหมี่ก็คือหน้าที่ของฉัน เฟรย่าคนนี้นี่เอง =____=
ทุกคนอาจจะงุนงงและแปลกใจว่าชื่อของฉันมีความหมายว่าอะไร และทำไมชื่อฉันถึงออกแนวฝรั่งทั้งที่ฉันหน้าไทยแท้ตั้งแต่รากเหง้ายันรากผม ฉันเองก็เคยสงสัยเหมือนกัน เพราะตอนเด็กๆ มักจะโดนพวกผู้ชายที่พ่อแม่ลืมผ่าหมาออกจากปากให้ตอนเกิดล้ออยู่บ่อยๆ กับชื่อที่ค้านกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิงของฉัน ก็เลยลองถามแม่ดู และได้คำตอบมาว่า พ่อของฉันเป็นคนที่ชอบทุกอย่างเกี่ยวกับกรีก ไม่ว่าจะเป็นเทพนิยายกรีกโบราณ หรือประวัติของชาวกรีก และ ?เฟรย่า? ก็คือตัวแทนแห่งความรัก พ่อก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อของฉัน เพราะฉันคือตัวแทนแห่งความรักของพ่อกับแม่ยังไงล่ะ ถึงจะรำคาญเวลาโดนล้อ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้มากนะ เพราะมันเป็นชื่อที่มีความหมายและมีความรักของพ่อกับแม่อัดแน่นอยู่
และเมื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายกับใบหน้าอันแสนสวยเรียบร้อยแล้ว ฉันก็รีบวิ่งไปเอากล่องบะหมี่ที่ต้องไปส่งลูกค้าจากแม่ และวิ่งไปที่รถจักรยานคันโปรดทันที (ความจริงคือมีอยู่คันเดียวนั่นแหละ - -;) ก่อนจะขึ้นคร่อมจักรยานแล้วปั่นออกไปตามแผนที่ที่ได้รับมาจากแม่ด้วย
ตั้งแต่จบชั้นประถม ฉันก็ใช้ชีวิตอยู่กับแม่มาโดยตลอด เพราะพ่อที่เป็นตำรวจตายในหน้าที่ ฉันก็เลยต้องทำงานช่วยแม่ทุกอย่าง เพราะลำพังตัวแม่เองก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ร้านบะหมี่เล็กๆ ของเราสองแม่ลูกก็ไม่พอค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีพวกเจ้าถิ่นมารีดไถเงินที่ร้านของฉันทุกเดือน ถ้าเดือนไหนไม่ให้ พวกมันก็จะพังร้านของฉันจนไม่มีลูกค้าเข้าร้าน
?ทำไมบ้านหลังนี้มันอยู่ไกลจัง -*-?
ฉันขมวดคิ้วอย่างงงๆ บ้านหลังแรกที่ฉันจะต้องไปส่งบะหมี่ให้อยู่ห่างจากบ้านฉันเกือบ 7 กิโล นี่ฉันปั่นจักรยานจนน่องปูดหมดแล้วนะ ทำไมบ้านมันไกลอย่างนี้ T^T
พลั่ก! พลั่ก!
เอี๊ยด!
ฉันเบรกจักรยานอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากซอยที่ฉันเพิ่งขี่ผ่านมาเมื่อกี้ ฉันค่อยๆ ถอยหลังจักรยานกลับไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าในซอยที่ฉันขี่จักรยานผ่านมาเมื่อกี้มีนักเรียนชายอัดแน่นกันอยู่ยิ่งกว่าปลากระป๋องประมาณ 30 กว่าคน พวกเขาทำอะไรกันนะ -*- มาประชุมอะไรกันในซอยแคบๆ ล่ะเนี่ย แถมวันหยุดแบบนี้ยังจะใส่ชุดนักเรียนกันอีก
?นายไม่มีวันชนะฉันหรอกฟอลคอน!?
?นั่นมันคำพูดของฉันต่างหากล่ะ ทาเฟล?
ตุ้บ! พลั่ก! ผัวะ!
และพอจบบทสนทนาแปลกๆ เมื่อกี้ปุ๊บ ฉันก็ได้ยินเสียงตุ้บๆ ตั้บๆ ดังตามมา ก่อนที่นักเรียนชายที่หันหลังให้ฉันอยู่จะแหวกตัวออกมายืนด้านข้างกันหมด ทำให้ฉันเห็นผู้ชายสองคนกำลังสู้กันนัวเนีย โดยที่ผู้ชายใส่ชุดขาวยืนกอดอก และใช้เท้าทั้งสองข้างสู้แทน กับผู้ชายชุดดำที่มือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงและสู้ด้วยมือขวามือเดียว พวกเขากำลังตะลุมบอนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
?ทาเฟล! ใช้มือสู้สิ นายชนะแน่นอน!? หนึ่งในนักเรียนชายชุดสีขาวตะโกน
ใครคือทาเฟล -*-
?ฟอลคอน เอามือซ้ายออกมาสู้สิ รับรองว่ามันแพ้ราบคาบแน่!? นักเรียนชายชุดดำตะโกนบ้าง
แล้วใครคือฟอลคอน -*-
พลั่ก! ตุ้บ! พลั่ก!
ทั้งสองคนยังคงนัวเนียกันโดยไม่ฟังเสียงตะโกนของใครเลย พวกเขาดูเอาจริงเอาจังในการต่อสู้ครั้งนี้มาก ฉันส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับพวกเด็กที่ชอบใช้ความรุนแรง ก่อนจะปัดขาตั้งจักรยานขึ้นและขึ้นคร่อมเพื่อจะขี่ไปส่งของต่อ แต่ทว่า...
พลั่ก! ตุ้บ! โครม!
?โอ๊ยยยยยย!!!!? ฉันร้องลั่น เมื่อจู่ๆ ผู้ชายสองคนที่สู้กันอย่างนัวเนียในวงล้อมเมื่อกี้ต่อสู้กันจนมาถึงตัวฉันและชนเข้ากับรถจักรยานจนฉันล้มกลิ้ง บะหมี่ที่อยู่ในถังทั้งหมดกระเด็นหลุดออกมาเกลื่อนเต็มถนน บางถ้วยก็ยังมีบะหมี่เหลืออยู่บ้างเล็กน้อย ไม่นะ! บะหมี่ของฉัน TOT
พลั่ก! ตุ้บ!
ทั้งสองคนยังไม่รู้ตัวว่าชนฉันกับจักรยานและบะหมี่ของฉันจนเสียหาย พวกเขายังคงตะลุมบอนกันต่ออย่างไม่ลดละ ท่ามกลางนักเรียนชายคนอื่นๆ ที่เดินตามออกมาดูการต่อสู้ โดยไม่สนใจฉันเลยสักนิด นี่พวกเขาจะสู้กันกลางถนนแบบนี้เลยหรือไง!
?นี่นาย!? ฉันตะโกนเรียก แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงฉันสักคน อย่าว่าแต่ได้ยินเสียงเลย ฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตเห็นบ้างมั้ย
?นี่นาย! พวกนายทำบะหมี่ของฉันหกหมดแล้วนะ!? ฉันป้องปากตะโกน แต่ก็ยังไม่มีใครหันมามองฉันสักคน มันจะบังอาจมากเกินไปแล้วนะ จะทะเลาะกันแล้วทำไมต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยเล่า!
ฉันกัดฟันตัวเองอย่างโกรธจัด ก่อนจะก้มลงเก็บถ้วยบะหมี่สองถ้วยที่ยังคงมีบะหมี่หลงเหลืออยู่พอสมควร ก่อนจะหยิบถุงน้ำซุปที่อยู่ในถังออกมาแกะแล้วเทใส่ในชามพร้อมจะเสิร์ฟเต็มที่ โชคดีจังที่น้ำซุปยังไม่เย็นชืดไปซะก่อนน่ะ - -*
?หลบหน่อยๆ ขอทางหน่อยสิ?
ฉันแหวกวงล้อมของพวกนักเรียนชายคนอื่นๆ จนสามารถเข้ามายืนอยู่ในวงล้อมได้สำเร็จ เจ้าบ้าสองคนนี้ยังสู้กันอยู่เลย ไม่คิดจะแหกตาดูบ้างหรือไงว่าไปทำความเดือดร้อนให้ใครไว้!
?นี่!!!?
ฉันตะโกนเรียก แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ยิน นี่ขนาดฉันอยู่ใกล้พวกเขาจนแทบจะกระโดดขี่หลังได้อยู่แล้วนะ ให้ตายสิ...เจ้าพวกบ้านี่ทำฉันเดือดถึงขีดสุดแล้ว!
ฉันวางชามบะหมี่ลงบนพื้นก่อนจะวิ่งเข้าไปหาสองคนนั้นที่กำลังสู้กันอยู่ แล้วจัดการแยกพวกเขาออกจากกันด้วยกำลังที่มีทั้งหมด ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้สั่งสอนไอ้เจ้าบ้าสองคนนี้ให้หลาบจำ ก็อย่ามาเรียกฉันว่าเฟรย่าเลย ฮึ่ย! สุดจะทนแล้ว!!!
?หยุดเดี๋ยวนี้นะ! หยูดดดด!?
ฉันดึงแขนผู้ชายชุดดำไว้ก่อนจะใช้ขายันหน้าท้องผู้ชายชุดขาวแล้วตะโกนลั่น ได้ผล! พวกเขาทั้งสองคนเลิกสู้กัน พร้อมกับส่งสายตางงๆ มาที่ฉัน
?เธอเป็นใคร? ผู้ชายชุดขาวถาม
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ทุกคนในทีนี้มองเห็นการมีตัวตนของฉันแล้ว ฉันก็เอาเท้าตัวเองกลับมาวางบนพื้นตามเดิม รวมถึงปล่อยมือที่ล็อกแขนผู้ชายชุดดำไว้ด้วย
?ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์มองเห็นฉัน!? ฉันตะคอกก่อนจะเดินกลับมาหยิบชามบะหมี่ที่ตั้งอยู่บนพื้นแล้วเดินกลับไปหาพวกเขาสองคนอีกครั้ง แค้นนี้ต้องชำระคืนทันที!
?มีธุระอะไรกับพวกฉันหรือไง? คราวนี้เป็นผู้ชายชุดดำถาม
เสียดายจริงๆ หน้าตาก็ดีทั้งคู่ ไม่ได้ดีธรรมดานะ แต่มันดีมากกกก! ราวกับเทวดาจากสวรรค์เลยแหละ แต่นิสัย...ปรับเปลี่ยนด่วน!
?แน่นอน ฉันมีแน่!?
สิ้นคำพูดฉันก็เขย่งตัวให้สูงพอๆ กับพวกเขา ก่อนจะเทบะหมี่ร้อนๆ ราดหัวพวกเขาทั้งสองคน และปาชามบะหมี่ทิ้งลงพื้นอย่างหัวเสีย
?โอ๊ย! ร้อนๆๆ?
ทั้งสองคนโอดครวญ พวกเขาสะบัดตัวและหัวไปมาเพื่อไล่น้ำซุปร้อนๆ ฉันยืนเท้าสะเอวมองทั้งสองคนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แหม...เสียดายจริงๆ ที่เสื้อนักเรียนแขนยาว ไม่อย่างนั้นล่ะก็...คงได้ลวกแขนพวกอันธพาลบ้านี่ไปแล้ว!
?เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!? ผู้ชายชุดดำโวย เขาชี้หน้าฉันแล้วจ้องมาด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว แต่คนอย่างฉันน่ะเหรอจะกลัว ในเมื่อพวกเขาเป็นคนทำบะหมี่ของฉันเสียหายก่อน!
?ทำบ้าเหรอ! พวกนายน่ะสิบ้า! หัดแหกตาดูรอบข้างซะบ้างนะ นายสองคนสู้กันจนมาชนจักรยานของฉันล้ม บะหมี่ที่ฉันจะต้องเอาไปส่งลูกค้าในอีกสามนาทีนี้เละหมดเลย!?
ฉันชี้ไปที่จักรยานซึ่งมีเส้นและน้ำบะหมี่เกลื่อนกลาดเต็มถนนไปหมด ยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บใจ T^T ไอ้พวกบ้านี่ทำบะหมี่ที่ฉันบูชาเสียหายหมดเลย!
?เท่านั้นยังไม่พอนะ ดูนี่! ข้อศอกของฉันเป็นแผลหมดแล้ว! มันมาจากฝีมือพวกนายทั้งนั้น จะสู้กันน่ะฉันไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนไม่ได้หรือไง รู้มั้ยว่าบะหมี่พวกนั้นสำคัญสำหรับฉันมากแค่ไหน ไอ้พวกทุเรศ!!!?
ฉันด่าแบบไม่ยั้ง ก่อนจะหยุดด่าเพื่อเว้นจังหวะให้ตัวเองได้หายใจ ทั้งผู้ชายชุดดำและผู้ชายชุดขาวต่างยืนมองฉันด้วยความงุนงง ดูเหมือนพวกเขายังปรับสถานการณ์ไม่ทัน
?เอาล่ะ...ถ้าไม่อยากโดนบะหมี่ราดหัวอีกถ้วย ก็ชดใช้ค่าเสียหายมาซะ บะหมี่ทั้งหมดสิบสองชาม ทั้งหมดก็...สองพันพอดีเป๊ะ!?
?หา??
ผู้ชายชุดดำเลิกคิ้วสูงอย่างงงๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน
?เธอชื่ออะไร? เขาถาม
ฉันเชิดหน้าสู้กับเขาอย่างไม่เกรงกลัว เกิดเป็นลูกผู้หญิงต้องไม่กลัว! ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาข่มเหงแน่นอน!
?เฟรย่า! จำชื่อฉันไว้ให้ดีล่ะ ไม่ต้องพูดมาก จ่ายเงินมาได้แล้ว สองพันบาทถ้วน!?
ฉันแบมือไปตรงหน้าเขาสองคน ความจริงสิบสองชามมันก็แค่สามร้อยหกสิบบาทเท่านั้นแหละ แต่ที่เหลือก็ถือซะว่าเป็นค่าเสียเวลาและค่าทำขวัญฉันก็ได้นี่!
?ฮะๆ เฟรย่าเหรอ เธอเป็นต้นกำเนิดความรักที่งดงามสินะ ^^~? ผู้ชายชุดขาวพูดพลางฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
?ฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดเล่นด้วย! จ่ายเงินมาเดี๋ยวนี้สองพันบาท ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ถึงตำรวจแน่?
?นี่...ยัยบ้าจอมเจ้าเล่ห์ บะหมี่สิบสองชามมันแค่สามร้อยหกสิบเองไม่ใช่เหรอ คิดเกินไปตั้งหนึ่งพันหกร้อยสี่สิบบาทเลยนะ -_-!? ผู้ชายชุดดำพูด
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยที่เขารู้ทัน เอาไงดีล่ะ =____=;;;
?อ้าวๆ เล่นคิดเกินราคาไปตั้งเยอะแบบนี้ พวกเราก็แจ้งตำรวจได้เหมือนกันนะ ^^? ผู้ชายชุดขาวซ้ำต่ออีกยก
ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้วนะ จะไปไม้ไหนต่อดี แงๆ ไอ้สองคนนี้มันกำลังรวมหัวกันรุมฉัน T^T!
?กะ...ก็...ก็ค่าทำขวัญไง! พวกนายทำให้ผู้หญิงบอบบางและตัวเล็กๆ อย่างฉันตกใจจนขวัญเสีย แถมยังทำให้ข้อศอกที่แสนนุ่มนวลต้องมีรอยแผล?
ฉันแกล้งก้มหน้าลงยกมือเช็ดน้ำตา และเล่นบทโศกเศร้าเต็มที่ อายตัวเองจริงๆ T^T แต่เอาเถอะ เพื่อหาหนทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้ ฉันต้องทำมันต่อไป แม้ว่าจะน่าอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแค่ไหนก็ตาม =__=//
?พอๆ หยุดแหกปากได้แล้ว สองพันใช่มั้ย เอาไปเลยสามพัน แล้วหุบปากสักที!? ผู้ชายชุดดำพูด ก่อนจะดึงมือฉันไปหาเขาแล้ววางเงินลงให้สามพัน
?แหม...นายนี่เป็นคนดีจริงๆ เลย ขอบใจมาก ไว้ว่างๆ ล่ะก็อย่าลืมแวะไปที่ร้านของฉันนะ อยู่ถัดไปอีกเจ็ดซอยนี่เอง?
ฉันเปลี่ยนโหมดอย่างรวดเร็วและรีบเก็บเงินลงกระเป๋า ยิ้มกว้างให้เขาอย่างเป็นมิตร ก่อนจะส่งรอยยิ้มประดุจนางสาวไทยให้กับนักเรียนชายทุกคนที่ยืนมุงอยู่
?ยัยนี่มันตัวอะไรกัน?
ผู้ชายชุดดำพึมพำขึ้น แต่ฉันได้ยินชัดเจน เขามองฉันราวกับว่าฉันเป็นตัวประหลาด เอาเถอะ...เห็นแก่เงินสามพันที่เขาให้ ฉันจะถือซะว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน
?งั้นไว้เจอกันนะทุกคน ลัคกี้!?
ฉันเดินไปเก็บข้าวของใส่ในถังอีกครั้งแล้วขี่จักรยานกลับไปที่ร้านตามเดิม เสียไปสามร้อยหกสิบบาทแต่ได้กลับมาสามพันแบบนี้ มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกนะ >_<!!!
?เอาไงต่อทาเฟล? หนึ่งในนักเรียนชายชุดสีขาวถามทาเฟลหรือผู้ชายชุดขาวที่ยืนกอดออกมองตามเฟรย่าไปด้วยแววตาทะเล้น
?วันนี้โดนขัดลาภซะได้ กลับกันก่อนก็แล้วกัน ^^?
ทาเฟลฉีกยิ้มหวานละไมก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง
?เอาไงล่ะฟอลคอน? นักเรียนชายชุดดำพูดขึ้นบ้าง
ฟอลคอนหรือผู้ชายชุดดำนิ่งคิดเล็กน้อย
?กลับก่อนแล้วกัน การเจอยัยตัวประหลาดนั่นอาจจะทำให้ฉันโชคร้าย -_-?
ฟอลคอนแสยะปากแบบที่ชอบทำ ก่อนจะเดินเข้าไปในซอยที่เขาต่อสู้กับทาเฟลเมื่อกี้เพื่อไปเอามอเตอร์ไซค์คู่ใจ
?เจอกันที่โรงเรียน?
เขาโบกมือลาเพื่อนๆ ก่อนจะสวมหมวกกันน็อกสีดำแล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที
ฉันนั่งยิ้มไปล้างจานไปด้วยความอารมณ์ดีที่วันนี้ได้กำไรเป็นพันจากบะหมี่สิบสองชาม >_< แถมวันนี้ลูกค้ายังเยอะกว่าทุกวันอีกด้วย ทำเอาฉันกับแม่แทบจะไม่ได้นั่งพักกันเลยทีเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ทุกๆ วัน ไม่แน่นะ ต่อไปฉันกับแม่อาจได้เป็นคุณนายร้านบะหมี่ก็ได้ >_<
?ยิ้มอะไรน่ะเฟรย่า ไปเจอเรื่องดีๆ มาหรือไงลูก? แม่ถาม ขณะที่มือก็ยังวุ่นอยู่กับการทำบะหมี่ให้ลูกค้า ฝีมือการทำบะหมี่ของแม่ฉันน่ะเป็นหนึ่งในโลกหล้าเชียวนะ หุๆๆ เดี๋ยวจะหาว่าคุย
?ไม่มีอะไรค่ะแม่? ฉันตอบแบบขอไปที ทั้งที่หน้าบานเป็นจานดาวเทียมแบบสุดๆ ก่อนจะดีดนิ้วตัวเองจากในน้ำจนเกิดเสียงดังเป๊าะๆ
?พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วยนะเฟร ห้ามหยุดแล้วนะลูก?
?ไม่ได้นะแม่! พรุ่งนี้เป็นวันที่พวกมันจะเอามาเอาเงินไม่ใช่เหรอ?
?พวกมัน? ที่ฉันพูดถึงก็คือพวกมาเฟียที่ชอบมาเก็บค่าคุ้มครองจากชาวบ้านที่เปิดร้านทำมาหากินกันอยู่ในละแวกนี้ และร้านของฉันก็เป็นเบอร์หนึ่งที่พวกมันจ้องจะมารีดไถเสียด้วย
?แม่อยู่คนเดียวได้ ยังไงพรุ่งนี้เฟรก็ต้องไปโรงเรียน นี่คือคำสั่งของแม่นะ?
?แต่แม่...?
?เฟรจะขัดคำสั่งแม่เหรอ? แม่กดเสียงต่ำลงพลางจ้องฉันด้วยสายตาตำหนิ
?เปล่าค่ะ...?
ฉันก้มหน้าจ๋อยๆ จะให้แม่เผชิญกับพวกลูกน้องมาเฟียคนเดียวได้ยังไงกัน! ครั้งก่อนมันก็ทำร้ายแม่ฉันไปรอบหนึ่งแล้ว เพราะแม่ฉันลืมที่ซ่อนเงินเลยเอาเงินมาให้พวกมันที่รออยู่ช้า แล้วถ้าครั้งนี้พวกมันเกิดทำร้ายแม่ของฉันขึ้นมาอีกล่ะจะทำยังไง! พ่อคะ...ได้โปรดคุ้มครองแม่ด้วย...อย่าให้พวกมันทำร้ายแม่ได้เด็ดขาด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อกสั่นขวัญแขวนแทบตาย กลัวว่า ?ทาเฟล? กับ ?ฟอลคอน? หัวโจกคุมโรงเรียนในเขตนั้นจะมาแก้แค้นที่ฉันเคยเอาบะหมี่ไปราดหัวพวกเขา แต่เรื่องกลับตาลปัตร กลายเป็นว่าพวกเขามาตามจีบฉันซะงั้น เกือบหลงเคลิ้มว่าตัวเองเสน่ห์แรงแล้วเชียว ถ้าไม่บังเอิญรู้ว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อฉัน แสดงว่าที่เขาทำแบบนี้ต้องมีจุดประสงค์แน่ๆ เพื่อสืบหาความจริงฉันเลยต้องแกล้งเล่นตามเกมพวกเขาไป แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายอีกคนโผล่มา แล้วตามล่านายหัวโจกสองคนนี่อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีฉันที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์นี้ TOT เรื่องราวมันเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกที นี่ชีวิตฉันเข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ!
