อนัญพรเข่าแทบทรุด...พยายามกะพริบตาถี่ๆ ภายใต้ม่านตาอันพร่าเบลออีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้ามันยังเป็นเรื่องจริง ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไปจากเดิมสักนิด
?เลว...เลวทั้งคู่!?
หญิงสาวกัดฟันกรอด ด่าลอดไรฟันออกมา หางตาของหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความโมโหสุดชีวิต นี่ถ้าวันนี้อนัญพรไม่ได้มางานประกาศรางวัลนักแสดงมือทองจากท้องพระโรง หล่อนก็คงจะไม่ได้เห็นภาพตรงหน้าอย่างนี้...
ภาพที่ ?คู่กัด? หันมาใช้วิธีสกปรกแย่ง ?ว่าที่สามี? ไป ทั้งๆ ที่จะมีงานแต่งเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
?พูดอะไรกันอย่างนั้นล่ะจ๊ะเพื่อนรัก ของแบบนี้มันไม่เกี่ยวหรอกนะจ๊ะ ว่าใครจะมาก่อนหรือมาหลัง ของแบบนี้...ใครดีใครได้!?
?อัญชนี? นางเอกดาวรุ่งพุ่งแรงประจำปีพุทธศักราชนี้เดินเข้ามาสะบัดบ๊อบโชว์ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์ยาสระผม ก่อนจะยักไหล่ให้อย่างแสดงความเป็นผู้ชนะ
?ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าแกจะใช้วิธีสกปรกได้ขนาดนี้?
?ไม่เอาจ้ะที่รัก ไม่พูดแบบนี้นะจ๊ะ? สุภคมเดินเข้ามาสมทบ
?แฟนเก่า? อย่างหล่อนได้ทีจึงท้วงทักเสียงแข็งว่า ?แล้วเงินเกือบห้าแสนที่แกยืมฉันไปล่ะ...จะคืนชาติไหน?
?อ้าว...พี่นึกว่าน้องพรลืมไปแล้วซะอีก แหม...เงินแค่ห้าแสน ขนหน้าแข้งน้องพรไม่ร่วงหรอกจริงมั้ย?
ชายหนุ่มหน้าใสโปรยยิ้มที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดออกมา ก่อนจะพูดต่อ
?ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้พี่ก็ขอพูดบ้างละกันนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าน้องพรไม่ดีหรอก...แต่พี่เบื่อ!?
เพียะ! ใบหน้าของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเอกอันดับหนึ่งของประเทศถูกผลักเบี่ยงไปอีกทางด้วยมือนุ่มๆ ของหญิงสาว
?นั่นสินะ...เบื่อ!?
เพียะ! ตวัดมือตบไปอีกทางอย่างผู้มีความชำนาญ
?นั่นสินะ...กล้าดียังไงมาว่าฉันมีขนหน้าแข้ง หยาบคายที่สุด?
และเพียะ!
?ตบสามฉาดสำหรับผู้ชายลวงโลก พวกแกนี่ไม่รู้จักอายฟ้า อายดิน อายหิน อายทรายกันเลยนะยะ กล้ามาก...ที่มาทำอะไรกันในห้องแต่งตัว สกปรกทั้งกายและใจ ขอให้มีภาพหลุดออกมาสักวันเถอะ แม่จะหัวเราะให้เหงือกแห้ง?
พูดจบ หล่อนก็พาร่างระหงเดินออกจากห้องแต่งตัวไปด้วยมาดนางพญาที่สามารถจับเชลยหักคอได้ทุกเมื่อ
วันนี้เป็นงานประกาศผลรางวัลนักแสดงมือทองจากท้องพระโรง แม้หญิงสาวจะมีชื่อเข้าชิงในรายการ ?นางร้ายมือทอง? แต่หล่อนก็หาแคร์ไม่ ไม่มีอารมณ์แล้วล่ะ...เข้ามาในห้องแต่งตัวว่าจะมาเติมหน้าซะหน่อย กลับต้องมาเจอภาพบาดตาบาดใจ ไอ้ผู้ชายที่หลงคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกกับกลายเป็นว่าหักหลังกันได้ลงคอ หักหลังไปกับใครยังไม่ว่า...ดันไปร่วมมือกับยัยอัญชนี ศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาลของหล่อนน่ะสิ
ยัยนั่นเป็นนางเอกดาวรุ่งที่หล่อนพยายามแช่งให้ร่วง เห็นหน้าตาใสๆ สวยๆ อย่างนั้น ตัวจริงมารยาสุดเหลือจะบรรยาย ภาพในจอเป็นอย่าง...ตัวจริงเป็นอีกอย่าง น่าสงสารพวกแฟนคลับจริงๆ ที่ไปหลงชอบคนแบบนี้
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ยัยนั่นมีแฟนคลับมากกว่าหล่อนเสียอีก ก็นะ...นางร้ายหรือจะไปมีคนชอบเท่านางเอก
สิ่งที่น่าเจ็บใจมากที่สุดคือไอ้ ?สุภคม? นี่แหละ เมื่อเช้าเพิ่งจะโทรศัพท์คุยกันมาหมาดๆ ถึงเรื่องชุดที่จะใส่ในงานแต่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พอตกเย็นกลับแปลงร่างกลายเป็นผู้ชายหัวงูมายืนถูๆ ไถๆ กับยัยนางเอกหน้าใสนั่นได้ ไม่คิดเลยว่าภาพผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งประเทศจะกลายเป็นคนแบบนี้
เขาเป็นพระเอกดัง...ส่วนยัยนั่นก็เป็นนางเอกที่กำลังมาแรง ส่วนอนัญพรเป็นนางร้าย...พูดง่ายๆ เจ้าหล่อนก็คือส่วนเกินนั่นแหละ!
?อ้าว ทำไมถึงทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างนั้นล่ะยัยพร เดี๋ยวหนูจะต้องเข้างานแล้วนะ? สมจิตต์หรือที่เจ้าหล่อนพยายามเรียกตัวเองเสียงเพี้ยนๆ ว่า ?ส้มจี๊ด? วิ่งกราดเข้ามารั้งแขนของหญิงสาวไว้ด้วยสายตาฉงน
?เจ๊ขา...? อนัญพรรีบสวมกอดผู้จัดการส่วนตัว กระแทกเสียงหนักๆ ว่า ?ไอ้เลว!?
สมจิตต์ขมวดคิ้ว ถามเสียงแหบกร้าน ?หนูด่าเจ๊หรือคะ??
?เปล่าค่ะ หนูด่าสุภคม มันหลอกหนูค่ะเจ๊ ที่แท้แล้วมันเป็นพวกของนังอับชะนี มันสุมหัวกันหักหลังหนู? น้ำใสๆ เริ่มถูกขับออกมาจากตาที่ถูกกรีดด้วยมาสคาร่าเสียคมกริบ
ชายไม่จริงหญิงไม่แท้ถอนอ้อมกอดออก พลางปาดน้ำตาให้ดาราสาว ?โถๆ ยัยพร แกนี่น่าสงสารจริงๆ เลย?
?ฮือๆ? หล่อนสะอื้นเบาๆ เกรงสื่อรอบข้างจะได้ยิน ใจจริงหล่อนอยากจะตะโกนกู่ร้องให้ดังลั่นไปทั่วปฐพีเลยด้วยซ้ำ
?ตอนนี้แกอย่าเพิ่งเครียดเลยนะยัยพร...มานี่มา? สมจิตต์พาร่างระหงหลบมานั่งบนเก้าอี้ไม้เล็กๆ ที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน พลางหยิบเครื่องสำอางราคาแพงในกระเป๋ามาปัดเสริมเติมแต่งใบหน้าอันซีดหมองของอนัญพรให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
แต่ผู้ถูกแต่งกลับทอดเสียงต่ำบอก ?หนูอยากกลับบ้าน?
?อะไรนะ! กลับไม่ได้?
?หนูไม่อยากพบเจอใครทั้งนั้น...หนูขี้เกียจฉีกยิ้มตอนออกสื่อ หนูไม่มีอารมณ์ปั้นหน้า?
?ไม่ได้นะ แกมีชื่อเข้าชิงรางวัลนางร้ายมือทองประจำปีนี้?
?ก็ใช่ว่าหนูจะได้รับรางวัลซะหน่อยนี่คะ แค่ได้เข้าชิงเฉยๆ แต่ถ้าเกิดได้รับรางวัลจริงๆ ก็ให้คนอื่นรับแทนไปสิ เจ๊ก็ได้...บอกไปเลยว่าหนูติดธุระ...ไม่สบาย เป็นไข้กะทันหันอะไรก็ว่าไป?
?แต่ฉันบอกสื่อไปหมดแล้วว่าวันนี้แกมาด้วยตัวเอง?
?โถ...เจ๊!? หล่อนอิดออด
?ยังไงแกก็ปฏิเสธไม่ได้...เสร็จละ กลับมาสวยเช้งดูดีเหมือนเดิมแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่แกแล้วล่ะยัยพรว่าจะฉีกปากยิ้มออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติได้มากแค่ไหน อย่าลืมนะ แกเป็นนักแสดงมืออาชีพ เป็นคนของสังคม จะมาทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้?
?แต่หนู...?
?ไปเถอะ เชื่อฉัน?
?ค่ะ? อนัญพรกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ กับตัวเองว่า ?เป๊ปซี่? เพียงเท่านั้น...ปากของเจ้าหล่อนก็เผยอออกยิ้มได้ ประหนึ่งว่าลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทั้งหมด
ดวงตาของหล่อนนั้นถูกกรีดกรายด้วยมาสคาร่าสีดำเข้ม ใครๆ ที่มองมาก็ต้องเห็นถึงความมีเสน่ห์อันแรงกล้า จะมีใครบ้างหนอที่ดูออกว่าตาดวงนี้เพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ
ชุดกระโปรงสีดำยาวขลิบตรงปลายสีดำสลับแดงนั้นแสดงถึงความแรงเร่าร้อนของเจ้าหล่อน ใครจะรู้บ้างว่าตอนนี้ภายในใจของอนัญพรกำลังอ่อนแรงแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
****************************************************************************************************
?รางวัลนางร้ายมือทองประจำปีพุทธศักราชนี้ ได้แก่...คุณอนัญพร อมรราลวิเวศน์ครับ?
เสียงพิธีกรหนุ่มประกาศชื่อดังลั่นสนั่นฮอลล์ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากสื่อทุกแขนงรวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่าอนัญพรสมควรได้รับตำแหน่งนี้จริงๆ
หญิงสาวผู้ถูกประกาศชื่อลุกขึ้นยืนน้อมรับเสียงปรบมือและคำชื่นชมเหล่านั้น พลางโปรยสายตาอันคมกริบที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดให้ตากล้องทุกตัวในงานจับภาพ เมื่อพอใจแล้วก็ค่อยๆ เดินออกมาเพื่อขึ้นไปรับรางวัลบนเวที
หล่อนรู้ว่าเวลานี้หล่อนอยู่ท่ามกลางสายตาของสื่อ หากพลาดแม้แต่ชั่ววินาทีเดียว หล่อนอาจกลายเป็นข่าวได้ หญิงสาวจึงต้องวางมาดนางพญา ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองดูดีที่สุดเสมอ จะได้ไม่ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน และที่สุด...จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อคำนินทาของยัยอัญชนี
?ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งนะครับ? พิธีกรกล่าวสมทบเมื่อเห็นว่าหญิงสาวได้รับโล่รางวัลขนาดใหญ่มาอยู่ในมือ ก่อนจะยื่นไมโครโฟนของตัวเองให้หล่อนได้พูดขอบคุณสื่อ
?ค่ะ...?
อนัญพรเว้นช่วงไว้นิดหนึ่ง ทุกๆ คนจะได้นึกว่าหล่อนเป็นคนขี้ตื่นเต้น...ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย หล่อนเก่ง มีความสามารถพิเศษพอที่จะกล่าวรัวจนจบได้ในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีโดยไม่มีคำว่าตื่นตระหนกตกใจด้วยซ้ำ
?พรก็อยากขอบคุณทุกคนสำหรับรางวัลครั้งนี้ เป็นอีกรางวัลหนึ่งที่พรภูมิใจมาก และพรขอสัญญาเอาไว้ตรงนี้เลยว่า พรจะตั้งใจในการทำงานในวงการบันเทิงต่อไป ตราบใดที่ประชาชนทุกคนยังให้โอกาสกับพร?
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวขึ้นอีกครั้งด้วยความชื่นชม
?และสุดท้ายนี้ พรอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า...ถึงพรจะเป็นนางร้าย แต่พรก็ร้ายได้แค่เพียงในจอ ไม่เหมือนนางเอกบางคน ที่เป็นนางเอกได้แค่เพียงในจอเท่านั้น จิตใต้สำนึกในชีวิตจริง...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทบาทที่เราได้รับในละครค่ะ ขอบคุณค่ะ?
คราวนี้เสียงปรบมือดังก้องกว่าเก่าหลายเท่า ผู้ชมบางคนถึงกับลุกขึ้นยืนชื่นชมในคำพูดปริศนาที่แฝงไปด้วยนัยอะไรหลายอย่างของหญิงสาว
อนัญพรยกมือไหว้ขอบคุณทุกคนที่อยู่ในงานด้วยทีท่าชะมดชม้อยประหนึ่งนางสาวไทยที่เพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศมาหมาดๆ ท่านี้สงวนลิขสิทธิ์เอาไว้แล้วเรียบร้อย เพราะกว่าจะคิดค้นได้ หญิงสาวใช้เวลาอยู่หน้ากระจกนานถึงครึ่งวัน เพราะฉะนั้นก็คงไม่แปลก หากมันจะออกมาดูดีมีเสน่ห์ไร้ที่ติ
หล่อนเดินลงจากเวที ก่อนจะกลับไปยังที่นั่งเดิม...หากยังมีท่านผู้ชมอีกหลายคนต่างตั้งข้อสงสัยถึงประโยคที่เจ้าหล่อนพูดเมื่อกี้นี้ มันหมายความถึงอะไรกันแน่? อนัญพรหลอกด่าใครหรือเปล่า?
?ผู้พูด? แอบหลบมุมกล้อง แสยะยิ้มให้กับคำถามเหล่านี้ ของแบบนี้...มีแต่เจ้าตัวที่รู้อยู่แก่ใจ...คู่รักชายโฉดหญิงชั่วเท่านั้นแหละที่รู้ความหมายของมันจริงๆ
*********************************************************************************************
งานประกาศผลนักแสดงมือทองจากท้องพระโรงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หญิงสาวเดินควงเจ๊สมจิตต์ออกมาด้วยรอยยิ้มดุจนางพญาเช่นเคย
ตากล้องหลายตัววิ่งมารุมล้อมหญิงสาวแล้วก็จากไปสัมภาษณ์คนอื่นต่อตามหน้าที่ ซึ่งอนัญพรก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เจ้าหล่อนยังคงยิ้ม...ยิ้ม...ยิ้ม...เมื่อเห็นว่าเหล่านักข่าวเริ่มจะซาลงไปบ้างแล้ว อนัญพรก็ดึงแขนสาวประเภทสองข้างกายให้ขึ้นรถเบนซ์สีดำประจำตัว และทันทีที่ประตูรถปิดลง หล่อนก็ตัดสินใจ?
?กรี๊ดดดดดดด!?
อะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่อัดอั้นอยู่ในอกมานาน เพิ่งจะมาถูกปลดปล่อยเอาก็คราวนี้แหละ
?กรี๊ดดดดดดด!?
ใบหน้าของนางร้ายประจำปีที่เมื่อกี้นี้เป็นคนช่างยิ้มช่างเจรจากลับกลายเป็นปีศาจร้ายในดงผีดูเลือด แตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน ถ้าใครได้มาเห็นสภาพของอนัญพรตอนนี้ คงนึกว่าองค์ลงหรือไม่ก็ผีเข้าแน่ๆ
สมจิตต์ที่ไม่ได้ตั้งตัว แทบถอยร่นไปจนติดผนังประตูรถอีกฝั่งด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้แล้ว ผู้จัดการส่วนตัวผู้โชคร้ายก็รีบใช้มือป้องหูตัวเองทันที...หูพังแน่ๆ คราวนี้
ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ในลานจอดรถต่างพากันตกใจ แม้ว่าจุดสั่นสะเทือนเริ่มต้นของเสียงจะมาจากภายในรถเบนซ์สีดำ แต่คนข้างนอกทั่วไปก็ยังสามารถรับรู้ได้ โชคดีที่ไม่มีใครตกใจอะไรมาก เพราะทุกคนพากันคิดว่าเป็นแค่เสียงสัญญาณเตือนภัยของรถยนต์เท่านั้น
?ใจเย็นๆ ก่อนสิยัยพร ฉันยังไม่อยากหูหนวก? สมจิตต์ตบบ่าของดาราสาวเจ้าบทบาทเบาๆ
เมื่อกรีดร้องจนลมหายใจในปอดหมด หญิงสาวก็หอบแฮกๆ เล็กน้อยพองาม พลางสตาร์ทรถเบนซ์ขับออกจากพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าสมจิตต์ดูไม่ผิด สาวประเภทสองคิดว่าตัวเองสังเกตเห็นหยาดน้ำใสๆ บนใบหน้าของอนัญพรด้วย โลกจะแตกไหมนี่...ยัยพรร้องไห้ถึงสองครั้งในวันเดียว!
?ยัยพรเอ้ย แค่ผู้ชายคนเดียว แกไม่เห็นจำเป็นจะต้องเสียใจอะไรขนาดนี้เลย แกทั้งสวย รวย มีชื่อเสียง มีผู้ชายหลายล้านคนในประเทศหมายปองรอแกอยู่ แกจะไปเสียดายอะไรมันขนาดนั้น?
?แต่อีกไม่กี่เดือนเราก็จะแต่งงานกันแล้วนะเจ๊ ทำไมเขาถึงหักหลังหนูได้! ไหนจะเงินห้าแสนที่มันยืมหนูไปอีกล่ะ?
?คนจะไปยังไงมันก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหละ แกจะไปรั้งให้มันได้อะไรขึ้นมา คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่ ดีซะอีก แกมารู้ความจริงตอนนี้ ก็ยังดีกว่ามารู้ความจริงในตอนที่สาย ถ้าแกมารู้ความจริงเอาตอนที่แกกับไอ้คมแต่งงานกันแล้ว คราวนี้ล่ะแกเอ๊ย...เป็นข่าวใหญ่โตมโหฬารแน่ๆ?
?แล้วทำไมต้องเป็นยัยอับชะนีด้วย ใครๆ ก็รู้ว่ายัยนั่นกับหนูไม่ถูกกัน?
?ก็ดี...คนชั่วๆ เลวๆ จะได้อยู่ด้วยกันไง? สมจิตต์ยิ้มให้หญิงสาว
?แต่หนู...หนูก็ยังเสียใจอยู่ดี เสียใจที่รู้ไม่เท่าทันแผนการของมัน? หล่อนร้องไห้หนัก ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าจอดริมฟุตบาธข้างทาง แล้วหันมาคุยกับผู้จัดการส่วนตัว ?ที่ผ่านมา...ในขณะที่หนูพยายามจะดำรงชีวิตรักทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ไอ้คมกับยัยชะนีต้องพากันหัวเราะเยาะลับหลังหนูอยู่แน่ๆ?
?ดูท่าทางคราวนี้แกจะเป็นหนักจริงๆ ยัยพรเอ้ย...เอางี้ วันนี้แกไปนอนบ้านฉันมั้ย ขืนแกอยู่คนเดียว มีหวังจะได้ฟุ้งซ่าน กรี๊ดกร๊าดจนกระจกในบ้านแตกแน่?
?แล้วแต่เจ๊เถอะ?
รถเบนซ์คันงามจึงถูกเคลื่อนเข้ามาสู่ตัวบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ หลังหนึ่งในย่านไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองสักเท่าไหร่ ประตูรั้วบ้านสีเขียวน้ำทะเลถูกโอบล้อมไว้ด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด
เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ทั้งสองก็เดินมุ่งเข้าสู่ตัวบ้าน ตลอดทางอนัญพรมองรอบๆ กายอย่างสนอกสนใจ บ้านหลังนี้ดูท่าร่มรื่นไม่น้อย นอกจากจะได้อยู่ใกล้ชิดพืชพันธุ์ธรรมชาติแล้ว หล่อนยังเห็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่หล่อนยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
ก่อนจะก้าวข้ามธรณีประตู สายตาของหญิงสาวพลันเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบบุรุษวางตั้งตระหง่านอยู่ตรงริมทางเดิน ทำเอาหญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง
?นี่รองเท้าของเจ๊ส้มจี๊ดหรือคะเนี่ย!?
สาวประเภทสองรีบค้าน ?ว้าย หยาบคายที่สุดเลยยัยพร นี่รองเท้าน้องชายฉันย่ะ?
?อ้าว เจ๊มีน้องชายด้วยหรือคะ?
?มีอยู่คนหนึ่ง แต่มันไม่ค่อยนอนบ้านหรอก มันชอบไปอยู่คอนโดฯ ส่วนตัวของมันนู้น แกไม่ต้องกลัวหรอก เอ่อ...วันนี้แกก็นอนในห้องของมันนะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปทำความสะอาดห้องให้ ไม่ต้องห่วง ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้ตลอดทั้งคืนนะ?
?อ้าวเจ๊ นี่เจ๊จะให้หนูนอนในห้องของผู้ชายเหรอคะ?
?เออน่า ไม่ใช่ใครที่ไหนสักหน่อย น้องชายฉันเอง?
?อี๋ ไม่เอาอ่ะ หนูจะนอนกับเจ๊?
?ฝันไปเถอะยัยพร ขนาดผู้ชายหล่อๆ มาขอนอนด้วยฉันยังไม่ให้...แกก็นอนในห้องน้องชายฉันไปเถอะ อย่ามีปัญหาเลย?
?แต่เจ๊ก็รู้ ว่าหนูไม่ชอบนอนทับที่ของใคร...โดยเฉพาะที่ของผู้ชาย จินตนาการแล้วดูแหยะๆ ยังไงไม่รู้? หล่อนกอดอกยืนยันหนักแน่น
สมจิตต์มองตาดาราสาวแล้วก็ดูออก...คนอย่างยัยนี่ถ้าคิดจะปฏิเสธอะไรแล้วล่ะก็ จะขอยืนกรานค้านต่อไปจนสุดทาง
?ผู้เป็นเจ้าบ้าน? จึงโผเข้าไปกระซิบข้างหูของหญิงสาวเบาๆ ว่า ?น้องชายฉันน่ะ มันไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอก...อย่าไปรังเกียจมันเลย?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อะไรนะ! เขาเป็นผู้ชาย...
ประโยคนี้อาจฟังดูธรรมดาสำหรับคนทั่วไปแต่ไม่ใช่เธอแน่ เพราะ ?อนัญพร? เพิ่งโดนขโมยจูบจากคำท้าทายของตัวเองไปหมาดๆ แถมยังคิดเข้าข้างตัวเองอีกว่า ที่เขาบดปากอุ่นและเสนอลิ้นเรียวเข้ามานั้นเพราะจำยอม ทั้งๆ ที่นักเขียนหนุ่มอย่าง ?ธุวนิช? คอยคัดค้านและยืนกรานมาตลอดว่าเขาไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่อนัญพรไม่เคยเชื่อแถมยังเผลอตัวกอดเขาเมื่อตัวเองสุขใจ และซบอกอุ่นยามน้ำตาไหลไม่มีใครพึ่งพิง ทำเอาชายหนุ่มวาบหวามหัวใจเต้นตึกตักทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดร่างบางที่แต่งตัววาบหวิว ความผูกพันค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาแบบไม่แน่ใจนักของคนทั้งสอง ท่ามกลางข่าวโคมลอยที่ดาราสาวต้องเผชิญ โดยมีธุวนิชพลอยโดนหางเลขไปด้วย แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเขาต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อเปิดโปงความลับบางอย่างของใครบางคนโดยมีดาราสาวเจ้าเล่ห์สั่งการอยู่เบื้องหลัง ธุวนิชเอาหัวใจของเขาเป็นเดิมพันกับแผนการทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากทำสักนิด แต่เพื่อนางร้ายที่เขาหลงรัก...นักเขียนหนุ่มจึงยอมทำตามคำสั่งหัวใจ
หล่อนพลิกกระดาษดูหน้าล่าสุดที่เขาเขียน
?ผมรักคุณ...คุณล่ะ รักผมบ้างหรือเปล่า?
นั่นเป็นเหมือนกระจกที่ทำให้หญิงสาวเริ่มย้อนมองดูสิ่งที่อยู่ภายในใจตัวหล่อนเองตลอดมา
