New Release : Love Reaction กั๊กหัวใจเธอมากิ๊กรัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Love Reaction กั๊กหัวใจเธอมากิ๊กรัก

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

เดิน เดิน เดิน!!!
นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันบอกกับตัวเองในตอนนี้ การบอกให้ตัวเองเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นเป็นสิ่งเดียวที่ป้องกันไม่ให้ฉันหันไปหาใครสักคนที่เดินอยู่ใกล้ๆ และจับใครคนนั้นมาบีบคอให้ตายคามือ เพื่อระบายความอึดอัดในอกที่ใกล้จะระเบิดเต็มที
ให้ตายสิ เดินเร็วกว่านี้อีกสิปาร์คยูจิน!!!
ฉันบอกตัวเองอีกครั้ง พร้อมทั้งเพิ่มสปีดฝีเท้ามากขึ้นอีก โดยไม่สนว่าตอนนี้ท่าทางการเดินของตัวเองจะตลกแค่ไหน หรือคนที่เดินสวนผ่านไปจะมองฉันด้วยสายตาอย่างไร
ก็ใครจะไปมีเวลาสนใจล่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการไปให้ถึงที่นั่นเท่านั้นก็พอแล้ว!!!
และผลของการเดินจ้ำอ้าวแบบตามหาควายที่หายไปของฉันก็ได้ผลในไม่ช้า เมื่อสวนหย่อมเล็กๆ ปรากฏขึ้นในสายตาในระยะที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ฉันยิ่งเร่งฝีเท้าขึ้นอีกจนเกือบจะเป็นวิ่งเลยทีเดียว
ปัง!
เมื่อเข้ามาถึงสวนหย่อมลอยฟ้าแห่งนี้แล้ว ฉันก็จัดการปิดประตูกระจกใสและรีบตรงดิ่งไปยังมุมลับตาคนหลังต้นไม้ค่อนข้างใหญ่ต้นหนึ่ง กระแทกก้นนั่งลงที่ขอบกระถางนั้นและพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่ภายในหัวใจ
ฉันเริ่มจากการสูดหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนออกมาแรงๆ พยายามมองไปยังท้องฟ้าสีฟ้าสดใสซึ่งอยู่เบื้องหน้า ให้ภาพนั้นค่อยๆ ซับความอึดอัดและความขุ่นเคืองให้หมดจากหัวใจ
คนอื่นจะระบายอารมณ์ยังไงฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าสำหรับฉันแล้ว ต้นไม้และภาพท้องฟ้าสดใส กับภาพวิวของกรุงโซลมักจะทำให้จิตใจที่สับสน ขุ่นเคืองของฉันสงบได้เสมอ
สวนหย่อมลอยฟ้าแห่งนี้อยู่บนชั้น 22 ของตึก JM เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มันมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พื้นที่ประมาณ 10?10 เมตรเท่านั้น แม้มันจะเล็ก แต่ด้วยการตกแต่งจากฝีมือคนจัดสวนค่าจ้างแสนแพงก็ทำให้สวนหย่อมเล็กๆ แห่งนี้สวยงามและเต็มไปด้วยต้นไม้ ซึ่งให้ความรู้สึกสบายใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และถึงแม้ฉันจะลงความเห็นแบบให้ใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสวนหย่อมนี้สวยและเหมาะสำหรับการมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ ในบริษัทแห่งนี้จะไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉัน เพราะในบรรดาพนักงานกว่าพันคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ น้อยคนนักที่จะมานั่งพักผ่อนที่นี่ ส่วนมากพวกเขาจะไปนั่งดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ ที่คาเฟ่ต์ชั้นล่างมากกว่า แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าคนอื่นๆ ชอบมาที่นี่ด้วยล่ะก็ สวนหย่อมนี้คงไม่ใช่ที่ที่น่ามาสงบสติอารมณ์แน่ๆ
?เฮ้อออ?
ฉันถอนหายใจอย่างแรง พร้อมกับอารมณ์ที่เดือดปุดๆ เมื่อก่อนหน้านี้ค่อยๆ สงบลงช้าๆ

...ที่อวดเก่งได้แบบนี้ก็เพราะพ่อกับแม่ที่เป็นนักร้องชื่อดัง แถมพวกเขายังเป็นเพื่อนกับท่านผู้อำนวยการอีก...ที่ทุกคนให้ความเคารพ ให้ความเกรงใจก็เพราะแบบนั้นเหมือนกัน...โธ่ เด็กอายุแค่นั้นความสามารถมันจะขนาดไหนกันเชียว ทำไมใครๆ ถึงได้เอาใจนัก...

คำพูดต่างๆ มากมายที่เพิ่งได้ยินมากลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง คำพูดที่ทำให้ฉันได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดแรง
ฉันรู้ว่าฉันควรจะชินกับประโยคทำนองนี้ได้แล้ว เพราะฉันได้ยินมันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ฉันก้าวเท้าสู่บริษัทแห่งนี้ ถึงฉันจะพยายามบอกให้ตัวเองไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น บอกตัวเองให้ปล่อยผ่านมันไป แต่ทุกครั้งที่ได้ยินก็ทำให้ฉันแทบอยากจะเดินเข้าไปแสดงให้คนที่พูดประโยคนั้นได้เห็นความสามารถของฉัน และทำให้พวกเขาต้องก้มหัวลงคารวะฉันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงจินตนาการเพื่อความสะใจของฉันเท่านั้นแหละ เพราะความเป็นจริงก็คือฉันมักจะเดินหนีและมานั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองที่นี่เสมอ
จริงๆ แล้วฉันก็รู้ว่าไปต่อว่าอะไรพวกเขาที่คิดแบบนั้นไม่ได้หรอก ก็แหม...ถ้าคิดว่าฉันอยู่ในฐานะพวกเขาและมองกลับมา ฉันเองก็เข้าใจได้อย่างดีเชียวล่ะ
ไม่มีใครอยากเคารพและนับถือเด็กอายุสิบแปดในฐานะโปรดิวเซอร์หรอก
และก็อย่างที่บอกว่าโทษพวกเขาไม่ได้หรอกที่ว่าฉันแบบนั้น เพราะเกือบจะทุกคนนั่นแหละที่คิดว่าฉันได้ตำแหน่งนี้มาเพราะฉันเป็นลูกสาวของศิลปินชื่อดัง ที่เพียงแค่เอ่ยชื่อทุกคนก็ต้องร้องอ๋อ และแถมฉันยังรู้จักสนิทสนมกับเจ้าของบริษัทราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันอีก
?ทั้งๆ ที่ผ่านมาตั้ง 2 ปีแล้วแท้ๆ ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่ยอมรับฉันสักทีนะ? ฉันพึมพำออกมาอย่างเหนื่อยใจ
ปัง!!!
เสียงประตูกระจกถูกกระแทกดังสนั่น ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือกเลื่อนตกจากขอบกระถางที่นั่งลงไปกองจุกอยู่กับพื้น ความเจ็บที่เกิดจากการที่ก้นกระแทกพื้นอย่างแรงทำให้ฉันเกือบจะร้องออกมาอยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะเสียงใครบางคนดังขึ้นซะก่อน
?ทำไมนายถึงต้องทำแบบนี้ด้วย!? เสียงหวานใสดังขึ้น น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยการตำหนิอย่างชัดเจน
?เธอตามฉันมาเพื่อจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย? เสียงทุ้มห้าวดังตอบกลับไป
?มันยากไปหรือไงที่ฉันอยากจะให้นายพูดกับเอริคดีๆ หน่อย? เสียงผู้หญิงคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง และชื่อของคนที่เธอเอ่ยออกมานั้นก็ทำให้ฉันต้องทำหน้ายู่
ก็อีตาเอริคที่ผู้หญิงคนนี้พูดถึงน่ะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักร้องชื่อดัง...เอริคโช ลูกครึ่งฝรั่งเศส-เกาหลี ที่ตอนนี้เป็นกำลังดังเป็นพลุแตก ด้วยหน้าตาที่สวยคมและดวงตาสีเทาดูมีเสน่ห์ น้ำเสียงก็ล้ำลึกจนหลายๆ คนให้ฉายาเขาว่าเสียงสวรรค์ และฉันในฐานะโปรดิวเซอร์คนหนึ่งก็ยอมรับว่าเขามีเสียงที่เพราะจริงๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก สำหรับฉันแล้ว คิดว่าเหตุผลที่เขาดังมากๆ อยู่ตอนนี้ก็เพราะการทำตัวที่แสนจะมีเสน่ห์ของเขานั้นแหละ
แต่ความมีเสน่ห์ของเขาก็มีเฉพาะแค่ตอนอยู่ต่อหน้ากล้องเท่านั้นแหละ เพราะเบื้องหลังจริงๆ แล้วนิสัยเขาน่ะมัน...ห่วยเกินบรรยายเชียวล่ะ โดยเฉพาะนิสัยแสนจะกร่างของเขา
แค่ครั้งเดียวที่ได้คุยกับเขา แค่นั้นก็เป็นความทรงจำที่แย่พอแล้ว...
?เธอชอบหมอนั่นใช่มั้ย?
เสียงทุ้มลึกนั้นดังขึ้นเรียกสติฉันกลับมาอีกครั้ง
?ใครๆ ก็ชอบเอริค?
?แต่เธอชอบเขาแบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งชอบผู้ชายคนหนึ่ง?
?เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวว่าฉัน...?
?เธอเคยมองฉันบ้างหรือเปล่า มองในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง?
โอ๊ะโอ! ฉันเบิกตากว้างและยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น เมื่อรับรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฟังบทสนทนาประเภทไหนอยู่
?ทะ...ทำไม...จู่ๆ...นาย...? เสียงของผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแสดงความตื่นตระหนกอย่างชัดเจน
โอ๊ยยย ตายแล้วๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ตัวได้ยังไงนะว่าผู้ชายคนนี้ชอบเธอ ขนาดฉันไม่รู้จักเขา ฉันยังรู้เลย ก็น้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับเธอน่ะมันอ่อนโยนมากๆ เลยนี่นา และในขณะเดียวกันน้ำเสียงนั้นก็แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดมากๆ เช่นกัน
?ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา ฉันมองเธอมาตลอด?
?อะไร...?
เสียงฝ่ายหญิงยิ่งดูตื่นตระหนกเข้าไปอีก
?เราเป็นเพื่อนกันนะ...นายเป็นเพื่อนสนิทของฉะ...อ๊ะ!?
เสียงที่จู่ๆ ก็หายไปทำให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉันทำงานทันที ทั้งๆ ที่ปกติฉันก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้ความอยากรู้มันวิ่งเข้าเส้นชัยไปแล้ว
และเพราะอย่างนั้นแหละ ฉันจึงค่อยๆ กลับหลังหันอย่างช้าๆ และเงียบที่สุด ก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นเพื่อมองว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ทันทีที่ภาพเหตุการณ์นั้นเข้าสู่สายตา หัวใจฉันก็กระตุกเฮือกพร้อมๆ กับความร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากทุกส่วนของร่างกาย เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ตอนนี้เป็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นเอาซะเลยน่ะสิ...
ภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่ใบหน้าอยู่ชิดกัน โดยที่ฝ่ามือของฝ่ายชายยึดแน่นอยู่ที่บริเวณลำคอของฝ่ายหญิง
มือที่เรียวสวยและเสี้ยวใบหน้าของเขาที่ดูนุ่มนวล...
พลั่ก เพียะ!
ดวงตาทั้งสองของฉันเบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อผู้หญิงผมยาวสวยผลักอกผู้ชาย พร้อมฝ่ามือที่สะบัดกระทบหน้าเขาอย่างแรง ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีไป
ฉันมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึง รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังรักโรแมนติกอยู่ก็ไม่ปาน แต่ต่างกันอย่างเดียวตรงที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมองมาคู่นั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากๆ...
ดวงตาสีน้ำตาลที่ไหวระริกคู่นั้น...มันเหมือนจริงมากๆ...
ความคิดนั้นทำให้ฉันได้สติกลับมาแทบจะทันที และสิ่งที่ฉันคิดว่าเหมือนจริงมากนั้นมันก็ไม่ใช่ในฟิล์มภาพยนตร์แต่อย่างใด แต่เป็นดวงตาของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองตรงมาทางฉัน!!
เขากำลังจ้องตรงมาทางฉัน! เขารู้แล้วว่าฉันแอบดู!!
ฉันรีบลงนั่งซุกมุมมืดตามเดิมพร้อมกับเอามือทาบหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเพื่อระงับหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ตอนนี้ แต่มันเป็นไปได้ยากเหลือเกิน เพราะเสียงฝีเท้าที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นั่นแหละ และสุดท้ายฝีเท้านั้นก็มาหยุดยืนตรงหน้าฉัน
?เธอ...?
อ๊ากกก >O< ทำไงดีล่ะ!!! ทำไงดี!!!!
ฉันแหกปากร้องในใจ โดยที่ไม่คิดจะมองหน้าเขา
?นี่...?
พรึ่บ!!!
ฉันไม่รู้ว่าอะไรสั่งให้ฉันทำ แต่ที่รู้ๆ คือฉันลุกพรวดขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนทำให้เขาสะดุ้งถอยหลังไปเล็กน้อย มือข้างขวาสอดเข้าไปในกระเป๋ากระโปรง ล้วงเอายาแก้ฟกช้ำที่ฉันมักจะพกติดตัวเสมอเนื่องจากฉันเป็นประเภทซุ่มซ่าม ชอบเดินชนโน่นชนนี่เป็นประจำ ยื่นส่งไปให้คนตรงหน้า
?อะไร??
ฉันไม่สนใจคำถามเขา แต่เอื้อมไปดึงมือเขาแล้วยัดยาแก้ฟกช้ำใส่มือให้
?สู้ๆ นะคะ >///<?
พูดจบฉันก็รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที จนชนเข้ากับประตูกระจกอย่างจัง ฉันได้แต่สบถในใจ แล้วรีบเปิดประตูอย่างลนลาน และเพราะฉันคือคนซุ่มซ่ามที่สะดุดได้แต่แม้แต่ขี้ฝุ่น หลังจากตั้งตัวได้และเริ่มออกวิ่งมาได้ไม่ถึงห้าก้าว ฉันก็สะดุดลมล้มป้าบลงไปกองกับพื้น TOT
แม้จะทั้งจุกและทั้งเจ็บ แต่ฉันก็รีบดีดตัวขึ้นมายืนพลางเซนิดๆ เนื่องจากเจ็บหัวเข่า
?เธอไม่เป็นอะไรนะ??
เสียงทุ้มนั้นถามขึ้น พร้อมกับที่หางตาฉันรู้สึกว่าเขากำลังเดินเข้ามาใกล้ แม้ว่าจะเจ็บหัวเข่าจนต้องกัดริมฝีปากแน่น แต่ฉันก็หันไปมองเขาพร้อมยิ้มกว้าง
?เรื่องปกติน่ะค่ะ แล้วฉันก็ไม่เจ็บอะไรมากด้วย ไปก่อนนะคะ ^0^?
พูดจบฉันก็โบกมือให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังและออกวิ่งอีกครั้ง โดยไม่สนเสียงเรียกทุ้มๆ ที่ชวนให้ใจละลายนั่น ไม่สนอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งฉันเข้ามายืนปลอดภัยอยู่ในลิฟต์ที่กำลังจะลงไปยังชั้นล่าง
ฉันลอบกลืนน้ำลายขณะที่มองภาพสะท้อนของตัวเองซึ่งอยู่ภายในลิฟต์
ภาพใบหน้าฉันที่แก้มแดงก่ำทั้งสองข้างเพราะเลือดที่สูบฉีดจากการวิ่ง ริมฝีปากที่แดงช้ำจากการที่ฉันกัดมันเอาไว้แน่น และหน้าผากที่แดงจัดซึ่งเกิดจากการเอาหัวชนประตูกระจก
มือทั้งสองข้างของฉันประสานกันไว้ตรงหน้าอก...มือที่สัมผัสกับมือข้างนั้น มือที่นุ่มอย่างไม่น่าเชื่อของเขา...ผู้ชายที่มีน้ำเสียงนุ่มลึกและแสนเศร้าที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมา

1

เสียงหวานใสที่ดังมาตามลำโพงทำให้ฉันอดยิ้มออกมาไม่ได้ เสียงหวานๆ ที่ทำให้รู้สึกสบายใจ สบายหูทุกครั้งที่ได้ฟัง และไม่เพียงแค่นั้นหรอกนะ เพราะแม้น้ำเสียงจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ก็ไม่อาจสะกดอารมณ์คนฟังได้หรอกหากคนร้องไม่ใส่อารมณ์กับเพลงนั้นอย่างเต็มที่
ซึ่งสำหรับผู้หญิงที่ชื่อลีอินฮยอนแล้ว เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงออกมาได้อย่างดีทีเดียว ทุกครั้งที่เธอเข้าห้องอัดจึงไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน รางวัลมากมายจากหลายเวทีที่เธอสามารถคว้ามาตลอด 2 ปีในฐานะศิลปินหญิงนั้นการันตีความสามารถของเธอได้อย่างดี
และแน่นอนว่ามันทำให้ฉันในฐานะโปรดิวเซอร์ส่วนตัวของเธออดที่จะภูมิใจไม่ได้เช่นกัน
ฉันรู้จักอินฮยอนเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่ฉันเรียนต่อในชั้น ม.ปลาย ปี 1 อินฮยอน...ชื่อแสนน่ารักที่แปลว่าตุ๊กตา ซึ่งเหมาะกับรูปลักษณ์ของเธออย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยดวงตากลมโตสีดำสนิท ผมสีดำยาวเกือบจรดสะโพก หน้ารูปไข่รับกับริมฝีปากบางเล็กน่ารัก ทั้งหมดนั้นทำให้ผู้ชายทุกคนหลงรักได้อย่างง่ายดาย
...ถ้าเพียงแต่เธอจะเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยน่ารักเหมือนหน้าตาน่ะนะ
พอคิดถึงตรงนี้แล้วฉันก็อดที่จะขำไม่ได้จริงๆ เพราะนิสัยของอินฮยอนไม่ได้เหมือนกับหน้าตาหรือชื่อเธอเลยสักนิด อินฮยอนน่ะเป็นผู้หญิงที่ชอบลุยทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แม้แต่มีเรื่องกับอันธพาลเธอก็ยังไม่สน
แม้เรื่องนิสัยของเธอจะค่อนข้างคล้ายๆ เด็กผู้ชาย แต่เธอก็เป็นคนที่จริงใจที่สุดคนหนึ่งที่ฉันเคยพบ และเพราะฉันเห็นความสามารถของเธอ จึงตัดสินใจชวนเธอเข้ามาเดบิวต์ที่บริษัท และก็แน่นอนว่าอินฮยอนผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดายเชียวล่ะ และเพราะคำยืนยันของอินฮยอนอีกเช่นกันที่ทำให้ฉันมาอยู่ในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ส่วนตัวของเธอ
เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เมื่ออินฮยอนดันมาเห็นเพลงที่ฉันแต่งเล่นๆ ในยามว่างเข้าพอดี เธอถูกใจมากและยืนยันเสียงแข็งว่าจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงโปรโมทอัลบั้มใหม่ของเธอ แน่นอนว่าการยืนยันของอินฮยอนทำให้เกิดการโต้แย้งที่ดุเดือดและกินเวลาเกือบเดือนทีเดียว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่สามารถชนะความดื้อของเธอได้ อินฮยอนได้สิ่งที่ต้องการเสมอ และมันเป็นโชคดีมากๆ ที่เพลงนั้นดังเปรี้ยง โกยสถิติได้ทุกชาร์ตเพลง
ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ ฉันคิดว่าป่านนี้ฉันคงถูกดีดกระเด็นออกนอกวงโคจรวงการนี้ไปแล้วล่ะ
เฮ้อ...พอคิดถึงตรงนี้แล้วฉันก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ ถ้าพูดกันตามตรงฉันก็ไม่ได้อยากจะรับผิดชอบหน้าที่นี้สักเท่าไหร่นัก เพราะฉันรู้ดีว่าทุกคนในบริษัทนี้พูดถึงฉันว่ายังไง และเพราะอย่างนั้นนั่นแหละที่ทำให้ฉันเกือบจะหันหลังให้กับวงการนี้อยู่แล้ว หากไม่เพราะไปเจออินฮยอนซะก่อน
แต่จะไปโทษคนพวกนั้นก็ไม่ได้หรอก มนุษย์เรามันก็มีความอิจฉากันทุกคนนั่นแหละ
ฉัน ปาร์คยูจิน อายุ 18 ปีเต็มในปีนี้ ตอนนี้เป็นนักเรียน ม.ปลาย ปี 3 และมีตำแหน่งเป็นโปรดิวเซอร์ส่วนตัวของนักร้องหญิงยอดนิยมของเกาหลี ตำแหน่งที่ใครๆ ก็ว่าฉันเป็นเด็กเส้น เนื่องจากพ่อของฉันคือปาร์คจุนซา อัจฉริยะด้านดนตรีที่หลายๆ คนต้องน้อมคารวะ แม่ฉันคือชินฮานา อดีตศิลปินหญิงชื่อดัง เพลงของเธอติดชาร์ตอันดับหนึ่งของเกาหลีทุกรายการนานหลายสัปดาห์ เป็นศิลปินหญิงที่จะเรียกว่าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเพลงในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้
และที่ยิ่งส่งเสริมความเป็นเด็กเส้นของฉันก็คือเพื่อนสนิทของครอบครัวเป็นเจ้าของบริษัทมีเดียชื่อดัง JM เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทที่ฉันกำลังร่วมงานอยู่ด้วยในขณะนี้นั่นเอง
และทั้งหมดนั้นแหละที่ทำให้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาทำให้ฉันเริ่มท้อแท้กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ฉันชอบดนตรี ชอบมาตั้งแต่เล็กๆ ฉันไม่ปฏิเสธว่าอิทธิพลส่วนใหญ่นั้นมาจากพ่อแม่ การเห็นพวกท่านเล่นดนตรีด้วยกันด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆ มันทำให้ฉันสนใจที่จะเล่นดนตรี เพลงของพวกท่านที่สื่อถึงความรู้สึกอย่างชัดเจนเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ฉันอยากจะเดินตามรอยเท้าพวกท่าน
ฉันไม่ได้ต้องการเป็นนักร้องอันดับหนึ่งเหมือนแม่ หรือเป็นอัจฉริยะทางดนตรีเหมือนพ่อ ฉันเพียงแต่แค่รักการที่จะเรียบเรียงคำและตัวโน้ตให้เป็นเพลงก็เท่านั้น แค่นั้นสำหรับฉันมันเป็นความสุขอย่างที่สุดแล้ว
แต่เส้นทางสายนี้ก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามจริงๆ และมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ฉันจะรู้สึกห่อเหี่ยวสุดๆ เมื่อคำพูดและสีหน้าของคนเหล่านั้นผุดขึ้นในสมอง
เฮ้อออ...หยุดคิดเรื่องนี้ได้แล้วน่า ขืนเธอคิดแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ล่ะก็ เธอต้องเป็นบ้าสักวันแน่ๆ
ฉันสลัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่ความคิดไม่ดีออกจากหัว และพยายามดึงความคิดอื่นๆ เข้ามาแทน ฉันพยายามจะคิดถึงเสียงเพลงอันไพเราะของอินฮยอน แต่สิ่งที่ผุดขึ้นในหัวฉันกลับเป็นดวงตาสีน้ำตาลสวยคู่หนึ่ง
กึก!
ทันใดนั้นเองเสียงประหลาดก็ดังขึ้นในหัวใจฉัน ตลอดเวลาที่ฉันนึกถึงดวงตาสวยคู่นั้น และพร้อมๆ กับที่เสียงประหลาดนั้นดังขึ้น หัวใจฉันก็ค่อยๆ เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เลือดในกายสูบฉีดอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกร้อนฉ่าไปหมด โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า
ฉันยกมือสองข้างขึ้นประกบแก้มตัวเอง ในใจก็พยายามร้องสั่งให้หัวใจหยุดเต้นรัวสักที แต่ทว่ามันก็ไม่เป็นผล
ตึกตัก ตึกตัก
ฉันค่อยๆ เลื่อนมือที่ประกบแก้มตัวเองมาประสานกันแน่นอยู่ที่หน้าอกข้างซ้าย และสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะปล่อยออกมาช้าๆ เพื่อพยายามระงับสติที่ดูเหมือนจะกึ่งๆ กระเจิงไปแล้ว
?.....?
ปาร์คยูจิน หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เธอจะหัวใจวายตายเพราะหัวใจเต้นแรงเกินไป
?ปาร์ค...?
หายใจเข้า...ฮึบ! หายใจออก...ฟู่!
?ปาร์คยูจิน!!!!?
?แว้กกกกกกก? ฉันแหกปากร้องลั่นตกใจสุดขีดเมื่อจู่ๆ ใครบางคนก็ตะโกนกรอกหูเสียงดังลั่น เสียงนั้นสะเทือนไปถึงตับเลยทีเดียว
ฉันใช้นิ้วกดที่หูตัวเองเล็กน้อยเพื่อแก้อาการหูอื้อ ก่อนจะหันไปมองคนต้นเหตุ ซึ่งกำลังยืนกอดอก หรี่ตามองฉัน ในดวงตาคู่นั้นไม่มีแววสำนึกผิดเลยสักนิด
?ถ้าฉันหูหนวกเธอจะรับผิดชอบยังไง!?
ฉันบ่นพึมพำขณะที่มือก็ยังกดหูตัวเองไปด้วย ให้ตายสิ อินฮยอนนี่สมกับเป็นนักร้องเสียงดีจริงๆ แก้วหูฉันยังสะเทือนอยู่เลย YOY
อินฮยอนโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องถอยหลังหนี และไม่แค่นั้นนะ เธอยังหรี่ตามองฉันราวกับจะสำรวจเข้าไปถึงสุดขั้วของหัวใจเลยทีเดียว สายตาอันน่ากลัวของเธอทำให้ฉันต้องหลุบเปลือกตาลงและหันไปมองทางอื่นแทน
และเป็นตอนนี้เองที่ฉันเอะใจบางอย่าง พอกวาดตามองไปรอบๆ และก็ต้องตกใจนิดๆ เมื่อรับรู้ว่าภายในห้องอัดเสียงแห่งนี้เหลือเพียงฉันและอินฮยอนเท่านั้น
อา...คุณโปรดิวเซอร์กับพี่ๆ สตาฟฟ์หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
?จึ๊ๆ ปาร์ค-ยู-จิน?
?อะ...อะไร? ฉันถามกลับด้วยเสียงอึกอักอย่างประหม่าสุดๆ
?เธอไม่รู้เลยหรือไงว่าฉันอัดเสียงเสร็จแล้ว แถมคนอื่นๆ ก็พากันออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เธอ!? อินฮยอนเน้นเสียงพร้อมชี้นิ้วตรงมาที่ฉัน ?กำลังนั่งหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ อายม้วนเหมือน...?
?มะ...เหมือนอะไร?
?เหมือนคนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักไงล่ะ!?
?บ้า!? ฉันแว้ดลั่นพร้อมลุกพรวดขึ้น หน้าร้อนฉ่าขึ้นอีกเท่าตัวอย่างช่วยไม่ได้ ?พูดอะไรบ้าๆ ฉันไม่ได้ตกหลุมรักใครสักหน่อย >///<?
?จึ๊ๆ ปาร์คยูจิน เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังแสดงท่าทีมีพิรุธอย่างชัดเจน?
?ฉันไม่ได้แสดงพิรุธสักหน่อย!? ฉันเถียงพร้อมถอยหลังหนีอินฮยอนที่สาวเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนกระทั่งหลังฉันชนเข้ากับแผงคอนโซลของห้องอัดเสียง ?เธอ...มีนัดต่อไม่ใช่เหรอ?
?ยังเหลือเวลาอีกเยอะ? อินฮยอนเอ่ยพร้อมยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ แต่สายตาที่จับจ้องมองตรงมาที่ฉันมันบอกได้อย่างดีว่าเธอจะไม่มีวันถอยถ้าไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการ
?เอ่อ...เธอว่าเพลงต่อไปของเธอจะเอาแบบไหนดีล่ะ?
อินฮยอนหรี่ตามองฉันเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นกอดอก ก่อนจะตอบ
?เอาเป็นแบบ ผู้หญิงที่กำลังตกหลุมรัก เป็นไง??
อึก!
ฉันสะอึกเฮือกทันทีกับสิ่งที่อินฮยอนตอบกลับมา หัวใจฉันมันยิ่งเต้นรัวขึ้นอีกเท่าตัว
ผู้หญิงที่กำลังตกหลุมรักอย่างนั้นเหรอ? ฉันตอนนี้ดูเหมือนแบบนั้นจริงๆ เหรอ?
?นี่ๆ ปาร์คยูจิน เธอกับฉันน่ะไม่เคยมีความลับระหว่างกันมาก่อนนะ เพราะฉะนั้นเธออย่าคิดจะเริ่มมีความลับกับฉันตอนนี้เลยน่า เพราะเธอเองก็น่าจะรู้ว่าต่อให้เธอไม่บอก ฉันก็จะขุดมันขึ้นมาได้อยู่ดีนั่นแหละ?
ฉันกลืนน้ำลายเอื๊อกอีกครั้ง เพราะสิ่งที่อินฮยอนพูดมามันถูกต้องทุกอย่าง แม้ว่าเราจะรู้จักกันเพียงแค่ 3 ปี แต่ความสนิทสนมของเรามีมากกว่าเพื่อนที่รู้จักกันมาทั้งชีวิต และที่สำคัญก็คือ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยปกปิดความลับใดๆ เอาไว้ได้เลย แม้แต่ความลับที่สำคัญสุดยอดในชีวิต
ความลับที่มีเพียงแค่ครอบครัวฉันเท่านั้นที่รู้ ความลับเรื่องนักแต่งเพลงชื่อดังที่ใครๆ ก็อยากได้เพลงของเขาไปร้อง นักร้องหลายคนถึงขนาดลงทุนคุกเข่าต่อหน้าผู้อำนวยการฮันมีโซ อาของฉัน ซึ่งเป็นเจ้าของ JM เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพื่อขอให้จาพิคยูนแต่งเพลงให้สักเพลง ซึ่งไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จสักราย
ความจริงก็คือจาพิคยูนคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่เลย เพราะคนที่แต่งเพลงพวกนั้นก็คือฉัน ปาร์คยูจินคนนี้ และความจริงฉันก็ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไรนักหรอกนะ กว่าเพลงที่ฉันแต่งจะผ่านความเห็นชอบจากทีมโปรดิวเซอร์หลักก็เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน
จากความเห็นของฉันแล้ว เพลงจะดังหรือไม่ดังไม่ได้อยู่กับนักแต่งเพลงเพียงคนเดียว เพราะความดีความชอบส่วนใหญ่เป็นของนักร้อง คนที่เป็นอัจฉริยะจริงๆ คือลีอินฮยอน ไม่ใช่ฉัน เพราะเธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงออกมาได้อย่างสวยงามไม่มีที่ติ
และไม่ใช่ฉันไม่อยากแต่งเพลงให้คนอื่น ฉันเคยแต่งให้ไปแล้ว เพียงแต่ไม่บอกว่าจาพิคยูเป็นคนแต่ง และผลก็คือเพลงนั้นไม่ได้ดังเปรี้ยงเหมือนเพลงที่อินฮยอนเป็นคนร้อง ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงไม่คิดจะแต่งเพลงให้ใครก็ตามที่ไม่เข้าใจเนื้อหาของเพลงอีก
ก็คงเหมือนที่พ่อกับแม่ฉันชอบพูดเสมอว่า ถ้าคนร้องไม่เข้าใจเนื้อหาของเพลงที่ต้องถ่ายทอด มันก็จะเป็นแค่เพลงที่ไร้จิตวิญญาณ และเข้าถึงคนฟังไม่ได้
?ว่ายังไงละปาร์คยูจิน? เสียงของอินฮยอนทำให้สติฉันกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ?คายความจริงออกมาเถอะว่า ใครกันที่ทำให้เพื่อนที่แสนน่ารักของฉันมานั่งอมยิ้มหน้าแดงก่ำได้ขนาดนี้?
?ไม่มีใครสักหน่อย? ฉันตอบกลับไป แต่ไม่ยอมสบตากับอินฮยอน เพราะทันทีที่อินฮยอนถาม ภาพใบหน้าหล่อๆ และดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็กลับเข้ามาในสมองแทบจะทันทีเชียวล่ะ
และมันก็ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงยิ่งขึ้นไปอีก
อินฮยอนหรี่ตามองฉันมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่จู่ๆ เธอจะถอยหลังไป และยกมือทั้งสองข้างขึ้นในท่ายอมแพ้
?เอาเถอะๆ ฉันไม่แกล้งเธอดีกว่า?
ฉันเหลือบไปมองเธออย่างไม่ไว้ใจนัก เพราะปกติลีอินฮยอนไม่ใช่คนที่จะถอดใจง่ายๆ แบบนี้นี่นา
?เธอไม่อยากรู้แล้วจริงๆ เหรอ?
?อยากรู้สิ?
อินฮยอนตอบกลับมาทันที ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือกถอยหลังหนีเธออีกครั้งและกลับไปมองเธออย่างระแวงอีกรอบ
?ฉันน่ะอยากรู้อยู่แล้วว่าเขาคนนั้นของเธอเป็นใคร และเป็นคนแบบไหน เพราะจากที่รู้จักเธอมา แม้แต่พระเอกที่ฮอตที่สุดในประเทศอย่างคิมจุนจิน ที่ขึ้นชื่อว่าหน้าตาดีมากที่สุดคนหนึ่ง เธอยังเมินเขาเหมือนเขาเป็นแค่กำแพงมนุษย์เลยนี่นา?
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของอินฮยอน จริงอยู่ว่าฉันทำแบบนั้นจริงๆ แต่นั่นก็เพราะว่าในสายตาของอีตานั่นน่ะเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างชัดเจนเลยนี่นา
?นายคิมจุนจินอะไรนั่นเข้ามาตีสนิทกับฉันก็เพราะอยากให้ฉันพาไปพบอามีโซ เพื่อที่เขาจะได้ขอบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของบริษัทต่างหาก? ฉันตอบแล้วต้องลอบถอนหายใจให้กับโชคชะตาของตัวเอง
คนที่ทำงานที่นี่ส่วนใหญ่อาจจะไม่พอใจและนินทาว่าร้ายว่าฉันเป็นเด็กเส้น ในขณะที่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำตรงกันข้าม พวกเขาทำดีกับฉัน พวกเขาดูเหมือนจะอยากเป็นเพื่อนฉัน...แต่เป็นเพื่อนที่หวังผลอะไรสักอย่างจากฉัน ในฐานะที่ฉันเป็นลูกสาวของอดีตนักร้องนักดนตรีชื่อดัง และเป็นหลานสาวของท่าน ผอ.
บางคนก็ทำมาเป็นตีสนิทกับฉันเพราะต้องการให้ฉันฝากเข้าเป็นศิลปินฝึกหัดของบริษัท แม้แต่อีกตาเอริคโชเองก็เหมือนกัน เขาชอบพูดโอ้อวดใครต่อใครในบริษัทว่าสนิทสนมกับฉันซึ่งเป็นหลานสาว ผอ. บังคับให้คนอื่นต้องยอมก้มหัวให้ คิดแล้วก็น่ารังกียจชะมัด!
จนถึงตอนนี้ น้อยคนนักที่เข้ามาหาฉันเพราะอยากเป็นเพื่อนฉันจริงๆ
?ฉันเชื่อว่าเธอจะดูคนไม่ผิด แต่ถ้าผิด เธอก็รู้ว่าฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ?
คำพูดของอินฮยอนทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองเธอ
?และแน่นอนว่าหมอนั่นจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมจากลีอินฮยอนคนนี้?
ฉันหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นสีหน้าจริงจังและตั้งใจมุ่งมั่นของอินฮยอน
?ฉันพูดจริงๆ นะ เธอไม่เชื่อฉันหรือไง?
?เชื่อสิ เชื่อหมดหัวใจด้วย? ฉันตอบกลับไป พร้อมพยายามกลั้นยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ?คือฉันก็ไม่อยากจะปิดบังอะไรหรอกนะ แต่ฉันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกันแน่ อีกอย่างเขาจะจำหน้าฉันได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย?
?เขาเป็นใคร อยู่ในบริษัทหรือเปล่า?
?เอ่อ...? ฉันหยุดคำพูดเอาไว้ได้ทันเมื่อหันไปพบสายตาเจ้าเล่ห์ของอินฮยอนที่มองส่งมา
?ว่าไงล่ะ คนในบริษัทใช่มั้ย?
ให้ตายสิ นี่ฉันเกือบจะตกหลุมพรางของอินฮยอนเข้าแล้วใช่มั้ยเนี่ย!
?ว่าไงล่ะ?
?เธอน่ะรีบๆ ไปเตรียมตัวดีกว่าน่า มีสัมภาษณ์ต่อไม่ใช่หรือไง? ฉันไล่ส่งพร้อมชิงหนีออกจากจุดอับ ก้มลงคว้ากระเป๋าและรีบวิ่งออกจากห้องอัดเสียง ก่อนที่อินฮยอนจะทันได้คว้าตัวฉัน
เสียงเรียกและเสียงโวยวายของอินฮยอนดังตามหลังมา แต่ฉันไม่สนใจ รีบวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถือเป็นโชคดีของฉันเพราะลิฟต์ตัวหนึ่งเปิดออกทันทีที่กดปุ่มเรียก
ฉันไม่เสียเวลาหันกลับไปมองอินฮยอน แต่รีบก้าวเข้าไปลิฟต์ กดปุ่มไปชั้นล่างสุด และเอนตัวพิงผนังลิฟต์ก่อนจะถอนหายใจเฮือกขณะมองประตูลิฟต์ที่ปิดลงช้าๆ
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ!
กึก!
เสียงอะไรบางอย่างที่ประตูลิฟต์ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมอ้าปากค้าง เพราะที่มาของเสียงนั้นก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่เอื้อมมือมากันประตูลิฟต์ไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิวก่อนที่มันจะปิด และเขาก็พาตัวเองมาประจันหน้ากับฉัน ภายในลิฟต์ซึ่งมีพื้นที่ไม่มากนักทำให้ระยะห่างระหว่างเราต้องจำกัดไปด้วย
ฉันได้แต่มองเขาและลอบกลืนก้อนน้ำลายที่ตอนนี้เหนียวหนืดยิ่งกว่าแป้งโมจิลงคออย่างยากลำบาก
ก็จะไม่ให้ฉันมีอาการตื่นตระหนกแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ฉันกำลังสบตากับดวงตาคู่สีน้ำตาลที่ฉันเพ้อถึงตลอดสองวันที่ผ่านมา ดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองกลับมา ดวงตาคู่สวยที่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ฉันเองก็ควบคุมอะไรไม่ได้เลย
และไม่ใช่เพียงแค่ดวงตาคู่สวยของเขาอย่างเดียวหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะสายตาที่ส่งมา ที่บ่งบอกว่าเขาจำฉันได้เป็นอย่างดีนั่นด้วย
อา...จะทำยังไงดีล่ะปาร์คยูจิน
?เข่าเธอไม่เป็นไรใช่มั้ย? เขาเอ่ยถามขึ้น พร้อมเลื่อนสายตาลงไปที่เข่าของฉัน ซึ่งทำให้ฉันหน้าร้อนซู่ด้วยความอายอย่างที่สุด
?ฉะ...ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เรื่องปกติน่ะค่ะ?
?ได้ยินว่าเธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว วันนั้นฉันเป็นห่วงแทบแย่ แล้วการหาตัวเธอนี่ยากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย? เขาเอ่ยพร้อมริมฝีปากกระตุกยิ้มนิดๆ
?คุณตามหาตัวฉันเหรอ? ฉันถามออกไปอย่างตกใจ
?ก็ใช่น่ะสิ ก็เพราะเรื่องวันนั้นน่ะ...?
?ฉันไม่ได้เอาเรื่องนั้นไปเล่าให้ใครฟังเลยนะคะ ฉันสาบานเลยก็ได้? ฉันรีบบอกทันที
ฉันรู้ว่าเขาตามหาฉันเพราะอะไร เพราะถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปคงไม่เป็นผลดีแน่ ยิ่งถ้าเขาและผู้หญิงคนนั้นคิดจะเดบิวต์เข้าเป็นศิลปินของบริษัทด้วยล่ะก็นะ
?เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงจริงๆ นะ ต่อให้คุณกลายเป็นศิลปินดัง ฉันก็จะไม่เอาเรื่องนี้ไปข่มขู่คุณหรอก...วันนั้นฉันขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง?
?อย่าคิดมากเลย เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ? เขาตอบกลับมาด้วยเสียงเศร้านิดๆ ก่อนที่จู่ๆ จะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ฉันได้แต่มองเขาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาขำอะไรนักหนา นี่ฉันซีเรียสมากเลยนะ
?นี่ เลิกทำหน้ายุ่งเถอะน่า ฉันไม่ชอบเห็นคนอื่นทำหน้าเครียดๆ แบบนี้เลยจริงๆ นะ แล้วที่สำคัญ ฉันว่าตอนเธอยิ้มมันน่าจะดูน่ารักกว่านะ? เขาพูดพร้อมขยิบตาให้ด้วย
ฉันได้แต่มองเขาโดยไม่พูดอะไร เพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ แม้ริมฝีปากเขาจะยิ้มกว้าง น้ำเสียงเขาจะฟังดูร่าเริงแล้ว แต่ดวงตาคู่สวยของเขาก็ไม่สามารถปิดบังความเจ็บปวดในใจได้
มันยังคงมีความหมองเศร้า ความเจ็บปวดอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน
?เธอนี่เป็นพวกปั้นหน้าซีเรียสได้อย่างเดียวอย่างที่คนอื่นพูดจริงๆ ด้วยสินะ ปาร์คยูจิน?
กึก!
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นในใจทันทีที่ชื่อฉันออกจากปากเขา และทุกอย่างมันก็เหมือนจะหยุดนิ่งไปเลย
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงที่เขาใช้เรียกชื่อฉันมันทำให้ใจฉันรู้สึกหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้...เขาเรียกชื่อ...เอ๊ะ!
?คุณรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ!!? ฉันร้องถามอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นได้
ผู้ชายตาสวยยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะล้วงหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงมาโชว์ตรงหน้า กระปุกยาแก้ฟกช้ำที่เขาถืออยู่มีชื่อของฉันเขียนติดเอาไว้อย่างชัดเจน
อา...แบบนี้นี่เอง ฉันได้แต่ร้องครางอยู่ในใจและส่งยิ้มแหยๆ ไปให้
ฉันเป็นพวกชอบเขียนชื่อติดไว้ที่ของ ทั้งอุปกรณ์เครื่องเขียน เสื้อผ้า หรือแม้แต่ของใช้ต่างๆ น่ะ
?ปาร์ค ยู จิน? เขาเอ่ยชื่อฉันช้าๆ ทีละคำและเน้นเสียงชัดเจน
บอกตามตรง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกแบบนี้ รู้แต่ว่าหน้ามันร้อนผ่าวไปหมด แถมหัวใจก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นอีกเกือบจะเท่าตัวเลยด้วย มันเต้นเร็วและแรงมากจนหูฉันแทบจะอื้อไปด้วยเสียงหัวใจตัวเอง
ฉันค่อยๆ เอื้อมมือไปรับกระปุกยาคืนมา และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขา แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ >///<
?แทยัง?
?คะ?? ฉันร้องถามอย่างงงๆ
เขายักไหล่นิดๆ ก่อนจะยิ้มให้ฉันอีก
?ฉันชื่อคิมแทยัง มันออกจะดูไม่ยุติธรรมไปสักหน่อยถ้าฉันจะรู้ชื่อเธอฝ่ายเดียว จริงมั้ย?
?คิม...แทยัง? ฉันทวนชื่อเขาช้าๆ อย่างประหม่าสุดๆ
?พี่แทยังต่างหากล่ะ เพราะฉันเป็นพี่เธอสองปี เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นพี่แทยัง?
ฉันมองหน้าเขานิ่ง เขามั่นใจได้ยังไงว่าตัวเองแก่กว่าฉันสองปี? และเหมือนเขาจะเดาความคิดฉันออก จึงพูดต่อว่า
?เธอเป็นคนดังของบริษัทนี่นา แค่พูดชื่อเธอ ฉันก็ได้ข้อมูลยาวเป็นหางว่าวเลย?
อา...นี่เขาพูดประชดหรือกำลังหยอกฉันอยู่กันแน่เนี่ย -_-;;
?อ่อ...พี่แทยัง? ฉันทวนชื่อเขาอีกครั้ง
พี่แทยัง...งั้นเหรอ...พี่แทยัง...อืมมมม ฟังดูดีนะ พี่แทยัง...
ติ๊ง!
เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกเล็กน้อย
?อา...ถึงแล้ว ยังไงก็ขอบใจสำหรับยาของเธอน่ะ แล้วเจอกันยูจิน ^^?
พี่แทยังพูดจบก็เดินออกจากลิฟต์ไป ทิ้งให้ฉันได้แต่ยืนใจเต้นระทึกอยู่ในลิฟต์คนเดียว
ฉันยกมือขวาขึ้นกดลูบบริเวณหน้าอกซ้ายของตัวเองเบาๆ
ปาร์คยูจิน เธอเป็นอะไรไป ทำไมต้องรู้สึกทำตัวไม่ถูกแบบนี้ ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงแบบนี้ และที่สำคัญ ทำไมต้องรู้สึกเขินแบบนี้ด้วย >O<


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพราะเบื่อหน่ายกับคำครหาว่าฉันเป็นโปรดิวเซอร์ได้เพราะใช้เส้นพ่อแม่ที่เป็นศิลปินดัง จึงหลบมานั่งทอดอาลัยเงียบๆ เลยบังเอิญไปเห็นฉากที่ ?คิมแทยัง? แดนเซอร์หนุ่มค่ายเดียวกันถูกสาวสลัดรัก และเพราะได้สบตาเศร้าๆ แต่แสนจะมีเสน่ห์ของเขานั่นแหละ ฉันเลยอาสาจะรักษาแผลใจให้เขาเอง >///< แล้วพอความสัมพันธ์ของเรากำลังไปได้สวย แม่สาวหุ่นเซ็กซี่ที่เคยหักอกเขาก็กลับมาขอคืนดี แถมฉันยังเห็นเต็มสองตาว่าเขากอดกัน ไหนจะข่าวลือที่ว่าจริงๆ แล้วแทยังจัดฉากตีสนิทฉันเพื่อหวังผลบางอย่างอีก T_T ดูเหมือนอุปสรรคจะประเดประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน ฮือ~ ฉันควรจัดการกับความรักครั้งนี้ยังไงดี!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”