นางสาวแพรพิไล ชัยธรรมเป็นสาวเนื้อหอม...นอกจากจะเป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาหนุ่มๆ แล้ว หญิงสาวยังมีนิสัยเจ้าชู้ไปทั่ว...ไม่ว่าเจอหนุ่มหล่อที่ไหนก็จะตกหลุมรักไปซะหมด ไม่เว้นเชื้อชาติภาษา
แพรพิไลมีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์ ใบหน้าสวยงดงามนั้นไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมตกแต่งเหมือนนางเอกหน้าจอสมัยนี้ ที่โหมกระหน่ำทั้งฉีดทั้งเสริมกันเป็นว่าเล่น เค้าโครงหน้าตาเหมือนหลุดออกมาจากบล็อกเดียวกัน
ผิดกับแพรพิไล หญิงสาวมีรูปร่างหน้าตาสวยสง่างดงามตามธรรมชาติ
ความสวยงดงามของหญิงสาวติดตาตรึงใจบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ จึงพากันแย่งรุมจีบ หากแต่หญิงสาวสนใจเพียงชายหนุ่มหล่อและร่ำรวยเท่านั้น
แพรพิไลยอมรับกับตัวเองว่าตนเองเป็นโรคแพ้ความหล่อแต่ขี้เบื่อ เพราะความเบื่อง่ายนี่เองทำให้แพรพิไลเปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า
แต่ละคนที่แพรพิไลควงออกหน้าออกตา ทำให้บรรดาสาวๆ ในวงสังคมพากันอิจฉาด้วยกันทั้งนั้น แต่แพรพิไลไม่เคยจริงจังกับใครแม้แต่คนเดียว จนเลื่องชื่อลือนามว่าเป็นคาสโนวี่สาว
หากแต่แพรพิไลไม่เดือดร้อน...
แพรพิไลเหมือนไม้เลื้อย เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้ ต้องโผเข้าซบ
กลายเป็นว่าหญิงสาวหักอกผู้ชายเป็นว่าเล่นตามประสาสาวเจ้าชู้ เจอผู้ชายรูปหล่อเป็นหลงรักไปซะหมด
ตั้งแต่โตเป็นสาวจนอายุย่างเข้าสิบเก้าปีปีนี้...แพรพิไลไม่เคยมีปัญหากับหนุ่มคนไหน ส่วนใหญ่ก็จะอกหักรักคุด หลบไปเลียแผลใจกันไปตามระเบียบ ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นโวยวาย ต่อยตีแย่งชิงหญิงสาวเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้หญิงสาวได้ใจ หักอกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไปทั่ว ไม่เว้นเชื้อชาติภาษา
จนเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา...แพรพิไลได้พบกับหนุ่มอาหรับคนหนึ่ง เมื่อครั้งไปเที่ยวเกาะชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศไทย
เช้านั้นเป็นเช้าที่สดใส ท้องฟ้าเป็นสีครามระยับล้อกับน้ำทะเลสีฟ้าเข้มอย่างงดงามน่าประทับใจ
แพรพิไลรอเรือที่ท่าเทียบเรือที่เข้าเทียบท่าช้ากว่าปกติร่วมครึ่งชั่วโมง แพรพิไลเริ่มหงุดหงิด ทำหน้าเหม็นเบื่อ แทบอยากจะกลับ หากแต่ผู้เป็นน้องสาวค้านเอาไว้
เพียงขวัญ ชัยธรรมเป็นน้องสาวคนเดียวของแพรพิไล
เพียงขวัญมีผิวสีน้ำผึ้ง ไม่ขาวสวยเหมือนหยวกอย่างแพรพิไล อีกทั้งวัยที่อ่อนกว่าถึงสามปี ทำให้ทุกคนมองข้ามเพียงขวัญไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าที่ไหนมีแพรพิไล ความสวยของแพรพิไลจะกลบรัศมีของน้องสาวไปจนหมดสิ้น ทั้งด้วยวัยที่ยังอ่อนเดียงสา ผนวกกับผิวสีน้ำผึ้งทำให้ดูไม่โดดเด่น ไม่กลายเป็นจุดสนใจอย่างพี่สาว แต่เพียงขวัญไม่เดือดร้อน
ในวัยสิบหกปี ทำให้เพียงขวัญมองพี่สาวอย่างชื่นชมมากกว่าจะอิจฉาตาร้อน
เด็กสาวมองพี่สาวด้วยความรักใคร่และเคารพยิ่ง เพราะเพียงขวัญมีพี่สาวเป็นเสมือนทุกอย่าง และเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่
เพียงขวัญรักพี่สาวมาก ผิดกับแพรพิไลที่ไม่ค่อยสนใจน้อง ห่วงแต่ตัวเองจนถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว
แต่กระนั้นเพียงขวัญก็ไม่เดือดร้อน เด็กสาวไม่น้อยใจที่ใครมองเหมือนตัวเองเป็นลูกไล่ของพี่สาว
เพียงขวัญเต็มใจทำทุกอย่างให้แพรพิไล โดยไม่บ่นแม้แต่คำเดียว
เพียงขวัญไม่เคยใช้ของใหม่ ข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองส่วนใหญ่เป็นของเหลือใช้ที่โละทิ้งมาจากพี่สาวที่ไม่อยากได้อีกแล้ว เพียงขวัญกับพี่สาวจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แพรพิไลฟุ้งเฟ้อ ใช้แต่ของหรูหรา โก้หรู ทำตัวเป็นคุณหนูไฮโซ ขณะที่น้องสาวเป็นเหมือนคนรับใช้ส่วนตัวของตัวเอง
แพรพิไลชอบจิกหัวใช้น้องสาวราวกับเป็นข้ารับใช้ต้นห้อง แต่เพียงขวัญกลับไม่บ่นแม้แต่คำเดียว จนญาติๆ พากันเอือมระอา พากันส่ายหน้า
ไม่มีใครอยากยุ่งวุ่นวายกับแพรพิไล เพราะแพรพิไลค่อนข้างปากจัด ว่ากล่าวใครไม่เกรงใจ
หลายคนพากันสงสารเพียงขวัญ ว่าพี่สาวผลาญสมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้หมด ไม่เหลือให้น้องสาวบ้างเลย
เพียงขวัญก็ไม่ว่าอะไร เพียงขวัญไม่เคยเข้าไปยุ่งกับทรัพย์สมบัติที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ ปล่อยให้พี่สาวเป็นคนจัดการทุกอย่าง
จนหลายคนพูดว่าเดี๋ยวเพียงขวัญก็เหลือแต่ตัวหรอก ทว่าเพียงขวัญไม่เดือดร้อน ทุกวันนี้เพียงขวัญมีความสุขดีอยู่แล้ว
ถ้าเงินเดือนที่พี่สาวหยิบยื่นให้ไม่พอใช้ เพียงขวัญก็หารายได้จากการทำเบเกอรี่ไปขาย
เพียงขวัญมีความสุขกับการทำขนม จนแพรพิไลล้อว่าเพียงขวัญจะเอาเงินไปใช้อะไร อยู่แต่หน้าเตาอบแบบนั้น
แพรพิไลแต่งตัวเก่ง ชุดบางชุดของแพรพิไล เพียงขวัญไม่กล้าแม้แต่จะหยิบขึ้นมาทาบตัวด้วยซ้ำ
อย่างมาทะเลเที่ยวนี้ แพรพิไลขนชุดว่ายน้ำมาเป็นสิบๆ ชุด แต่ละชุดล้วนเปิดหน้าเปิดหลังชวนหวาดเสียว
แพรพิไลเห็นสีหน้าขยาดแขยงของน้องสาวแล้วหัวเราะขำ
?นี่น่ะหรือโป๊...โธ่ยายขวัญ หัวโบราณชะมัดเลย นี่มันยุคไหนแล้วจ๊ะ จะให้มาใส่ผ้าซิ่นลงน้ำทะเลคงไม่ไหวหรอกจ้ะ?
เพียงขวัญแก้มแดงอย่างอายๆ
?ทำไมสายมันเล็กแบบนี้ล่ะคะ?
เพียงขวัญมองกางเกงบิกินี่ตัวจิ๋วที่เกาะสะโพกเอาไว้ด้วยสายขอบกางเกงเส้นจิ๋วชวนหวาดเสียว แค่เห็นเพียงขวัญก็อายแทนแล้ว อย่าว่าแต่กล้าใส่หรือเปล่าเลย
แพรพิไลปล่อยคิกเสียงสดใสออกมา
?เขาเรียกจีสตริงจ้ะ บิกินี่สมัยใหม่ก็แบบนี้แหละ ใครๆ เขาก็ใส่กันแบบนี้ทั้งนั้น ไอ้แบบกางเกงเต็มตัวปิดหมดแบบนั้นมันหมดสมัยแล้ว เราอยากได้สักชุดไหม พี่ให้...เอาไหม จะได้ใส่ไปว่ายน้ำเป็นเพื่อนกัน?
เพียงขวัญรีบส่ายหน้าดิก
?ไม่เอาหรอกค่ะ...ขวัญไม่กล้าใส่หรอก โป๊ออกขนาดนั้น ขวัญหุ่นไม่สวยเหมือนพี่แพรนี่คะ?
?อุ๊ย...ปากหวาน ก็แหงสิจ๊ะ เราจะมาเหมือนพี่ได้ยังไง ของเราน่ะไม่มีอะไรน่าอวดสักอย่าง หน้าอกยังกับไข่ดาว ยี้...แบนเป็นกระดาน พี่โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เกิดมาเป็นแบบเรา ถ้าพี่เป็นแบบเรา พี่ขอกระโดดตึกตายดีกว่า?
เพียงขวัญยิ้มเจื่อนๆ ไม่เดือดร้อน
เพียงขวัญรู้จักและรู้นิสัยพี่สาวเป็นอย่างดี ไม่คิดถือสา แพรพิไลเป็นญาติสนิทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวที่ตัวเองมี
หลังจากพ่อกับแม่ตาย แพรพิไลก็เข้าจัดการทุกอย่าง
เพียงขวัญรักพี่สาวตนเองมาก ไม่ว่าใครจะพูดว่าร้ายพี่สาวยังไง เพียงขวัญมิได้ลดความรักที่ตนเองมีต่อพี่สาวลงได้เลยแม้แต่น้อย
อย่างครั้งนี้แพรพิไลชวนเพียงขวัญมาเที่ยวทะเล บอกว่าเบื่อ อยากมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ
แพรพิไลไม่ได้บอกว่าตัวเองนัดแนะกับเจ้าของรีสอร์ทหรูเพื่อมาสวีทหวานกัน หากแต่เกรงข้อครหาเลยลากน้องสาวมาเป็นกันชน
พอมาเจอเรือเทียบท่าช้าแบบนี้แพรพิไลก็ชักเซ็ง
แพรพิไลคิดว่ารู้อย่างนี้นั่งเครื่องมาซะดีกว่า สะดวกกว่าตั้งเยอะ แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าแพรพิไลจองตั๋วไว้ที่เดียวเท่านั้น
แพรพิไลคงไม่เดือดร้อน ถ้าไม่กลัวทางบ้านศานติมองเสียๆ หายๆ
แพรพิไลไม่ชอบใจแต่ก็พยายามอดทนเอาไว้ เพราะตนเองสนใจศานติมากกว่าผู้ชายคนอื่นที่ผ่านมา
แพรพิไลคิดว่าตัวเองน่าจะลงหลักปักฐานกับใครสักคนสักที ตัวเองอายุจะยี่สิบอยู่แล้ว อีกอย่างฐานะทางการเงินของครอบครัวเริ่มกระท่อนกระแท่น ไม่มีเงินใช้จ่ายสะดวกมืออย่างแต่ก่อน ทั้งที่แพรพิไลใช้เงินมรดกส่วนของน้องสาวไปจนเกือบหมดแล้ว
แพรพิไลไม่เดือดร้อน คิดว่าเพียงขวัญยังเด็ก จะไปรู้อะไร แค่มีเงินไปเรียนก็พอแล้วจะเอาอะไรมาก เท่าที่แพรพิไลดูแลน้องก็ดีแล้ว
เงินส่วนของเพียงขวัญ แพรพิไลขอหยิบยืมไปใช้ก่อนจะเป็นไรไป
แต่พอเงินเริ่มร่อยหรอ แพรพิไลก็ต้องหาหลักเกาะ
ศานติเป็นหนุ่มรูปหล่อ ฐานะทางครอบครัวดี มั่นคง มีรีสอร์ทใหญ่โต
แพรพิไลตั้งใจแล้วว่าจะจริงจังกับศานตินี่แหละ...มั่นใจว่าเขาจะให้ความสุขความสบายแก่แพรพิไลได้
แต่พอได้มาสัมผัสกับครอบครัวของศานติเข้าจริงๆ แพรพิไลก็นึกว่าไม่ไหว...ศานติเป็นลูกแหง่ อะไรก็แล้วแต่แม่
มารดาของศานติเองก็ดูไม่ค่อยถูกใจแพรพิไลสักเท่าไหร่
แพรพิไลน่าจะรู้อยู่แล้วแต่แรก ถ้าทางบ้านของศานติแคร์คู่รักของลูกชายจริงๆ คงจัดการต้อนรับดีกว่านี้ ไม่ใช่ให้เดินทางมากับเรือเฟอร์รี่ที่ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงแบบนี้
นี่ถ้าแพรพิไลไม่เห็นว่าศานติทั้งหล่อทั้งรวยแล้วล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าแพรพิไลจะมานั่งทนอยู่แบบนี้
ระหว่างที่แพรพิไลกำลังเซ็งคนรักอยู่นั้นก็มีเทพบุตรลงมาโปรด...แพรพิไลไม่เคยเห็นใครที่หล่อบาดหัวใจสาวขนาดนี้มาก่อน
ศานติว่าหล่อแล้วยังหล่อไม่ได้ครึ่งของหนุ่มอาหรับคนนี้เลย...จนถึงบัดนี้แพรพิไลก็ยังไม่เคยเจอใครหล่อบาดหัวใจได้ครึ่งหนึ่งของเขา...
ซาฮิม ชารีฟ อัลราม!
ชื่อนี้ยังติดอยู่ในใจแพรพิไลอย่างไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
จะให้แพรพิไลลืมเขาได้อย่างไร ในเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมากำลังส่งผลกระทบต่อความสงบสุขในชีวิตของแพรพิไลในวันนี้...
บ้าจริงเชียว...ใครจะคิดล่ะว่าเขากำลังจะเป็นตัวปัญหาในชีวิตเธอขึ้นมา...
แพรพิไลคิดอย่างกลัดกลุ้ม
เธอจะทำยังไงดี?
ใครจะคิดเล่าว่า เรื่องเล่นๆ ในครั้งนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา เธอเองเพียงหลงใหลไปชั่ววูบเท่านั้น
ต้องโทษว่าเป็นความผิดของศานตินั่นแหละ
ถ้าเขาไม่ทำให้แพรพิไลหงุดหงิดเสียอารมณ์ แพรพิไลคงไม่ตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ ลงไปแบบนั้น
ทำอะไรน่ะเหรอ?
แพรพิไลคิดอย่างหงุดหงิด...ถ้าตอนนี้เธอไม่ได้กำลังพบกับความรักครั้งใหม่กับคนตระกูลดังอย่างคนตระกูลจิระเขต แพรพิไลคงไม่เดือดร้อนแบบนี้
ใครบ้างล่ะจะอยากทิ้งความสุขสบายทุกอย่างไปอยู่เมืองเถื่อน...
ถึงแม้ซาฮิม ชารีฟ อัลรามจะร่ำรวยมากมายมหาศาลกว่าเด่นภูมิก็เถอะ แต่สิ่งที่แพรพิไลได้ยินมาเกี่ยวกับชารีฟทำให้แพรพิไลชักขยาดขึ้นมา
ตอนได้เจอชารีฟใหม่ๆ แพรพิไลกำลังหลงใหลได้ปลื้มในความหล่อของเขา จนไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง จึงตกปากรับคำเรื่องการแต่งงานออกไป...
ก็ใครจะคิดล่ะว่าคนต่างชาติต่างภาษาอย่างเขาจะจริงจังกับรักหน้าร้อนแบบนั้น เขาเองหายหน้าไปเป็นปี
แพรพิไลคิดว่าเขาลืมแพรพิไลไปแล้วด้วยซ้ำ จู่ๆ ชารีฟกลับติดต่อมาตามคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน
แพรพิไลแทบล้มทั้งยืน จะทำยังไง
เขาทวงสัญญามา แพรพิไลเองรับของหมั้นเขาไว้แล้วด้วย
จะทำยังไงดี จะคืนเขาไปก็เสียดาย
เพชรพลอยเงินทองมากมายขนาดนั้น ใครคืนให้ก็โง่แล้ว แพรพิไลไม่ยอมคืนเด็ดขาด แต่ก็ไม่อยากแต่งงานกับชารีฟอีกต่อไปแล้ว
หลังจากมีเวลาหยุดคิดแพรพิไลก็คิดว่าไม่ไหวหรอก แต่งงานแล้วต้องไปอยู่ทะเลทราย ต้องยอมรับวัฒนธรรมของชาวอาหรับ ตัวเองต้องกลายเป็นเมียคนที่เท่าไหร่ของเขาก็ไม่รู้
ไม่ไหว ยอมรับไม่ได้จริงๆ
แพรพิไลไม่อยากแต่งงาน แต่ไม่อยากคืนของหมั้นเหมือนกัน แล้วจะเอายังไงดี ตัวเองก็กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
แพรพิไลอยากแต่งงานกับเด่นภูมิมากกว่า เด่นภูมิกับแพรพิไลเป็นอะไรที่ลงตัวกันมาก เขาไม่มีพ่อแม่มาคอยบงการเหมือนศานติ แต่ติดตรงที่ว่ามีคำสัญญาที่ให้ไว้กับชารีฟค้ำคออยู่ เลยไม่รู้จะเอายังไงดี
แพรพิไลโมโหตัวเอง เธอไม่น่าด่วนวู่วามตัดสินใจอะไรโง่ๆ ไปแบบนั้นเลย ที่นี้จะทำยังไงดี
ตอนนั้นเธอคิดแต่ว่าชารีฟรูปหล่อน่าหลงใหล เธอจะทำให้ศานติอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว ถ้ารู้ว่าเธอจะแต่งงานกับหนุ่มอาหรับรูปหล่อที่ศานติไม่มีทางเทียบชั้นได้เลย แต่ตอนนี้ศานติไม่อยู่ในวงโคจรชีวิตเธอแล้ว
หมอนั่นไปเรียนต่อต่างประเทศเพราะอกหักจากเธอ
แพรพิไลไม่เดือดร้อน แต่โมโหที่การตัดสินใจของเธอไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แถมนำความเดือดร้อนมาให้ตัวเองอีกต่างหาก
บ้าชะมัด เธอโง่มากๆ เลย
โง่ที่ตัดสินใจอะไรไม่เข้าท่า เธออยากปฏิเสธกลับไป แต่นั่นหมายความว่าเธอต้องคืนของหมั้นทุกอย่างให้ชารีฟ...
แต่แพรพิไลเสียดายนี่นา ของสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น ถ้าเธอไม่ยกเลิกคำสัญญา เธอจะต้องกลายเป็นเมียของซาฮิม ชารีฟ อัลราม และบินไปอยู่ยังดินแดนอาหรับที่มีแต่การรบราฆ่าฟัน ผู้คนน่ากลัว ล้วนแล้วแต่หัวรุนแรง
แพรพิไลรับไม่ได้จริงๆ
เธอไม่อาจทนอยู่ในบ้านเมืองที่มีแต่พวกหัวรุนแรง เต็มไปด้วยการฆาตกรรม โจรกรรม และอาชญากรรมต่างๆ มากมาย
แพรพิไลกัดริมฝีปาก กำลังนึกอยู่ว่าจะเอายังไงดี
เธอไม่เดือดร้อนหรอกถ้าต้องเป็นเมียคนหล่อบาดใจอย่างชารีฟ แต่ชีวิตไม่ได้สนุกแค่บนเตียงเท่านั้นนี่นา
แพรพิไลยังอยากใช้ชีวิตหรูหรา เดินเที่ยวช้อปปิ้งตามห้าง อยากกินอาหารร้านหรู อยากเที่ยวกลางคืน อยากกินเหล้าเฮฮากับเพื่อนฝูง...
ถ้าเธอแต่งงานกับชารีฟ แพรพิไลต้องมีชีวิตอยู่ไปวันๆ จะหาความสุขในชีวิตได้ที่ไหน แค่จะกินเหล้าเที่ยวกลางคืนก็ไม่ได้แล้ว
แพรพิไลอกระเบิดตายแน่
หญิงสาวมีสีหน้าทุกข์ร้อน กำลังคิดว้าวุ่นใจอยู่ว่าจะทำยังไงดี
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่จัดการงานและความวุ่นวายแล้วตอนนี้ชารีฟพร้อมที่จะแต่งงาน ชายหนุ่มตระเตรียมทุกสิ่งไว้รอเจ้าสาวแต่แล้วฝันหวานก็ล่มไม่เป็นท่า เมื่อผู้หญิงที่เขาคว้ามากอดจูบด้วยความคะนึงหากลับไม่ใช่เธอผู้นั้น เพียงขวัญพยายามร้องและบอกกล่าวชารีฟแล้วว่าเธอมาแจ้งข่าว ข่าวที่ว่าก็คือพี่สาวของเธอมิอาจใช้ชีวิตคู่กลางทะเลทรายร้อนกับเขาได้ ความโกรธแค้นทำให้เขาเกิดพยาบาทเขาจึงกักตัวเธอไว้จนกว่าจะสาแก่ใจ อีกทั้งยามนึกย้อนไปครั้งที่เธอแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าซุ่มดูบทรักของเขากับพี่สาวเธอแล้ว ชารีฟแน่ใจเหลือเกินว่าเพียงขวัญคงช่ำชองรสรักไม่มากก็น้อยและพร้อมที่จะบำเรอสุขให้แก่เขา มันก็สาสมแล้วล่ะถ้าเพียงขวัญคือตัวประกันแทนของหมั้นมูลค่ามหาศาลที่พี่สาวเธอไม่ยอมคืน
?หนูน้อยที่รัก ฉันเป็นผู้ชายที่พี่สาวเธอส่งให้มาแต่งงานแทน หรือว่าเธอจะปฏิเสธ?? ไม่มีเสียงตอบ เธอได้แต่ก้มหน้าสีหน้าเศร้าสร้อย ?และฉันจะเป็นผู้ชายที่จะให้ความสุขรัญจวนกับเธอ...สัญญาได้เลยว่าเธอจะต้องชอบมัน?
