?ลูกหินชื่อของเธอ เพตรามันแปลว่าอะไรเนี่ย ฉันว่าจะถามตั้งหลายครั้งแล้ว?? เสียงเพื่อนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
เพตรา เหมมาภรณ์ พ่อแม่ของหล่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หล่อนไม่สวยสะดุดตา แต่น่ารัก รูปร่างอวบอัด โครงหน้ารูปไข่ ผิวขาวนวลละเอียด คิ้วเข้ม ตาโต ปากนิดจมูกหน่อยน่าเอ็นดูไปทั้งเนื้อทั้งตัว
?เท่าที่ฉันรู้และเคยอ่านความหมายในหนังสือ มันหมายถึงนครสีชมพู เป็นนครศิลาโบราณที่มีความสวยสดงดงามมาก มีชื่อในภาษาอารบิกว่าซิกอัลบาริด ซิกคือโตรก แต่ในภาษากรีกแปลว่าหิน ถามทำไมเหรอเพรา"
เพราพิลาสเด็กสาวกำพร้าเพื่อนสาวคนสนิทของเพตราที่รู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย สนิทและรักกันมาก หล่อนมีรูปร่างผอม ผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้ม หล่อนมาอยู่กับเพตราเพื่อเป็นการประหยัดค่าห้องพักไปในตัวและช่วยกันหารค่าน้ำค่าไฟ
"ฉันก็แค่อยากรู้น่ะว่าทำไมเธอถึงมีชื่อเล่นว่าลูกหิและเห็นชื่อแปลกดี เออนี่! ฉันว่าเราสองคนมาเปิดบริษัทตกงานฟีเวอร์กันมั้ย เพราะตกงาน เปลี่ยนงาน มาเป็นสิบบริษัทแล้วนะ"
เพราพิลาสเสนองานใหม่ให้กับตัวเองและเพื่อนที่เพิ่งตกงานมากันทั้งคู่
"เออแฮะ เข้าท่า น่าจะดี ฟังแล้วคงจะรุ่งไม่น้อย"
เพตราเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนแบบปลงตก เพราะไม่ว่าจะทำงานที่ไหนๆ ทำได้ไม่เท่าไหร่ก็เปลี่ยนงานใหม่กันเป็นว่าเล่น
?นี่ถ้าเงินมันเข้ากระเป๋าเป็นว่าเล่นเหมือนตกงานคงจะรวยไม่น้อยเลยเนอะ? เพราพิลาสว่า
?แต่ที่เป็นอยู่... เงินมันวิ่งออกนอกกระเป๋าทุกวันนี่สิ? เพตรากล่าว
ขณะสองสาวนั่งพูดคุยกันอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้นหลังเล็กๆ เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อกับแม่ของเพตราทิ้งไว้ให้ลูกสาวคนเดียว ทำให้สองสาวหันไปมองเสียงที่คุ้นชินของเพื่อนรักอีกคนที่อยากจะเป็นสาวเหมือนพวกหล่อนเสียเหลือเกินพร้อมๆ กัน
"ฮัลโหล...ว่าไงจ๊ะชะนีทั้งสอง...คนสวยมาแล้วจ้ะ"
มกรธวัชหรือมาร์กี้ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันซึ่งสนิทสนมกับสองสาวเป็นพิเศษ เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ยอมจะเป็นชายสักเท่าไหร่...หน้าตาหล่อเหลาจนผู้หญิงมากมายหลงเดินตาม เอาของกำนัลมาให้ แต่หารู้ไม่ว่าภาพแอ๊คแมนตรงหน้าที่เห็นนั้นเป็นภาพลวงตาชนิดหน้ามือกับหลังเท้าเลยเชียว
มาร์กี้เดินด้วยท่าทางตุ้งติ้งนวยนาดจนน่าหมั่นไส้ เข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านที่สองสาวนั่งกันอยู่ เพื่อนำข่าวที่ได้รู้มาป่าวประกาศ เพราะไม่ว่าเรื่องใดที่มาร์กี้ได้รู้มักจะนำมาบอกเล่าเก้าสิบเพื่อนเสมอ
"ดู้ดู ดูมันเดิน...นี่ถ้าส่งเข้าประกวดให้ไปเดินบนเวที สงสัยความกว้างของเวทีคงไม่พอมันเดิน"
เพตราแขวะเข้าให้เพราะความเอ็นดูแกมหมั่นไส้และชอบใจที่เพื่อนคนนี้ดินนวยนาดดัดจริตได้ถึงใจ
มาร์กี้ค้อนขวับที่เพื่อนรักแขวะใส่อย่างจงใจ แล้วเชิดหน้า คอตั้ง ไหล่ผึ่ง บิดก้น ก้าวขาไขว้เป็นเลขแปดไม่สนใจใครด้วยประการใดๆ เพราะเธอมั่นมาก...สาวสีม่วงจะแสดงท่าทางความเป็นตัวเองเฉพาะเวลาอยู่กับเพื่อนสองคนนี้เท่านั้น และไม่ได้โกรธเคืองเพราะเพื่อนมักจะหยอกล้อและชอบแซวเสมอๆ
?ตอนนี้แฟนของฉันกำลังจะไปทำงานที่เมืองฟัยรูซติดกับทะเลทรายซาฮาร่า?
มาร์กี้เริ่มเรื่องเมื่อนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าบ้านที่สองสาวนั่งกันอยู่เรียบร้อย
?ฮ้า! ไปทะเลทราย...ไปทำอะไร" สองสาวพูดออกมาพร้อมกันราวกับนัดกันไว้
?ใช่...พี่ชายของเขาเป็นองครักษ์ของเจ้าชายแห่งเมืองฟัยรูซ และตอนนี้กำลังหาผู้ช่วยเพิ่ม...พวกเธอสนใจมั้ยล่ะ?
มาร์กี้เอ่ยปากชวนเนื่องจากกิจการร้านเสริมสวยของตนเองดูท่าจะพัฒนาลงคลองไปเรื่อยๆ จึงมองหางานใหม่ ทั้งเพตราและเพราพิลาสนั่งฟังคำบรรยายแล้วมองตากัน
?ทางโน้นต้องการคนอยู่พอดี ส่วนที่พักไม่มีปัญหาและเรื่องกินกับค่าเดินทางรวมถึงเอกสารเรื่องอื่นๆ นิมมานจะสำรองจ่ายไปก่อน เมื่อพวกเรางานทำได้แล้วค่อยคืนและหารกันอีกที?
มาร์กี้สาธยาย...สองสาวจึงตั้งคำถามมากมายที่ถามไม่หยุดเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศในครั้งนี้ โดยทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าการเดินทางของเธอในครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเธอไปตลอดกาล
******************************************************************************************************
เมื่อถึงวันเดินทางทั้งสองคนถึงกับนั่งไม่ติด เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องรับรองของผู้โดยสารเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง ทำให้นิมมานและมาร์กี้มองหน้ากันทำตาปริบๆ สงสัยว่าเพื่อนทั้งคู่ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงไปได้ยังไง ไหนจะสัมภาระที่ขนกันมาเหมือนบ้าหอบฟางยังไงยังงั้น จนนิมมานอดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยแซวเพื่อนสาวคนสนิทอย่างออกรส
"นี่ลูกหิน จะไปแล้วไปลับไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย...โห ขนซะ ฉันพาไปต่างประเทศนะเว้ย ไม่ได้ย้ายบ้าน"
นิมมานคือเพื่อนหนุ่มหน้าคมคายแบบไทยเป็นที่หมายปองของสาวๆ แต่ติดตรงที่ว่ามีรสนิยมชอบของแปลกอย่างมกรธวัชหรือมาร์กี้ ซึ่งมีแต่เพตราและเพราพิลาสเท่านั้นที่รู้
"แล้วมันหนักส่วนไหนหรือไงฮะ" เพตราค้อนตากลับให้วงใหญ่พร้อมแขวะกลับทันทีไม่ยอมแพ้
"เอ้า ก็ดูขนมาสิ โอ้โฮ! นี่ถ้าไม่ได้ไปด้วยกันมีหวังฉันต้องคิดว่าแกจะต้องย้ายบ้านแหงมๆ หรือไม่ก็ไปเข้าค่ายลูกเสือสักสามเดือนได้มั้ง" นิมมานอธิบายตามภาพที่เห็นตรงหน้าเพื่อให้เพื่อนรู้ตัว
?ฉันเคยอ่านในหนังสือว่าการจะซื้อข้าวของแต่ละทีต้องออกไปซื้อในตัวเมืองแล้วค่อนข้างแพง ฉันจึงเลือกที่จะประหยัดโดยการขนข้าวของไปให้เยอะที่สุดไง? เพตราให้เหตุผล
"นี่จะอยู่เฝ้าบ้านเป็นนางห้องไม่ไปไหนกับพวกฉันเลยใช่มั้ย?" นิมมานแขวะ
"ไอ้ไปน่ะไปเว้ย...แต่ไม่ซื้อไง"
เพตราเหลือบตาขึ้นมองเพื่อนหนุ่มหาเรื่องตามสไตล์ที่ทำเป็นประจำ แถมยักคิ้วข้างซ้ายให้สองสามทีกับท่าทางยียวน ที่ทำให้คนเห็นอยากจะลุกขึ้นเตะเสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนเป็นผู้หญิงล่ะก็
"เออๆ ...เจริญสุราเถอะโยม" นิมมานตัดบทเพราะรู้ว่าเถียงไปก็แพ้อยู่ดี
*******************************************************************************************************
ณ เมืองฟัยรูซอันมีความหมายว่ารัตนชาติอันมีค่าแห่งทะเลทราย เพราะมีทองคำสีดำ (น้ำมัน) มากมาย แถมยังมีเหมืองเพชรอยู่ใจกลางทะเลทรายอีกด้วย เมืองฟัยรูซจึงนับเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งเมืองหนึ่ง แถมเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในขณะนี้ เพราะอยู่บนเส้นทางค้าขายหลักกับหลายประเทศ
ดิมิธีสต์องครักษ์ประจำพระองค์ของกษัตริย์ส่งผู้ช่วยของเขาให้มารับน้องชายและเพื่อนๆ เพราะชายหนุ่มติดภารกิจสำคัญมารับด้วยตนเองไม่ได้ โดยบอกนิมมานไว้ล่วงหน้าแล้ว กระทั่งรถยนต์ได้เลี้ยวเข้ามาในเขตพระราชฐานฝ่ายนอกของวังหลวงฟัยรูซอย่างช้าๆ ในเวลาโพล้เพล้ ทั้งหมดในรถต่างตกตะลึงในความสวยงามของราชวังที่มีแสงไฟส่องสว่างโดยรอบไปทั่ว โดยไม่คิดว่าในทะเลทรายอันไกลโพ้นที่ร้อนระอุจะมีสถานที่งดงามได้ถึงเพียงนี้
จนเมื่อรถได้จอดเทียบลงที่หน้าบ้านพักองครักษ์หนุ่ม ทุกคนจึงค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถ มายืนมองดูพระราชวังอันงดงามนั้นอย่างไม่ยอมขยับไปไหน จนกระทั่งได้ยินเสียงแม่บ้านวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดด้วยภาษาอังกฤษแปร่งๆ เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
"คุณนิมมานใช่ไหมคะ และนี่คงเป็นเพื่อนๆ ของคุณ"
ทุกคนได้สติรีบหันไปมองตามเสียงนั้นพร้อมกัน นิมมานรับคำพร้อมค่อมศีรษะลงเล็กน้อยต่อผู้อาวุโสเป็นเชิงตอบรับ แม่บ้านจึงยิ้มให้และเรียกให้เด็กรับใช้มาพาทุกคนขึ้นไปพักผ่อน
บ้านพักองครักษ์ในวังเป็นคฤหาสน์หลังย่อมๆ ที่ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ขณะเดินเข้าไปในตัวบ้านมาร์กี้พูดด้วยอาการตื่นเต้นพร้อมมองไปรอบๆ คฤหาสน์อย่างตื่นตาตื่นใจ
"ที่รัก...ที่นี่เหรอบ้านพักที่ตัวเองบอก เค้าว่ามันไม่ใช้บ้านมั้ง มันน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่านะ แล้วนี่เค้ายังไม่เห็นหน้าพี่ชายตัวเองเลย เมื่อไหร่จะได้เห็น"
"นั่นสิ...ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าใครหล่อกว่ากัน"
เพตราถามเพื่อนรักพร้อมกวาดตามองไปรอบๆ ขณะมาร์กี้รีบเอ่ยดักคอเพื่อนสาวไม่ให้มาแย่งชายหนุ่ม
"ตาย! งานนี้มีตบ คิดจะชิงรักหักสวาทกับฉันหรือยะ ฝันไปเถอะ"
เพตราหัวเราะลั่นกับวาจาเชือดเฉือนของเพื่อนรักสีม่วงจึงเอ่ยเชียร์เพราพิลาส
?เพรา...เธอไม่สนใจลงสนามรบชิงรักหักสวาทกับมาร์กี้เหรอ...เอาให้อกแตกตายกันไปข้างหนึ่งเลยเมื่อเจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด?
"ไอ้บ้า พูดยังกับพี่ชายนิมมานเป็นตัวพระราชทานอย่างงั้นแหละ" เพราพิลาสต้องแหวใส่ฉุนๆ
"เออแฮะเข้าท่า...ฟ้าอาจจะพระราชทานมาให้เธอก็ได้ใครจะรู้?
เพตราพูดขึ้นอย่างชอบใจในคำแปลกๆ ของเพื่อนที่สรรหามาพูดเสียจริง แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปจัดการกับตัวเอง
พอถึงเวลาอาหารค่ำทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ห้องของเพตราแล้วเดินลงบันไดมาพร้อมๆ กัน นิมมานตะโกนเรียกพี่ชายทันทีเมื่อเห็นว่าใครมายืนหันหลังอยู่ตรงหัวโต๊ะอาหาร เพราะจำด้านหลังของพี่ชายได้
"พี่ดรีม"
ดิมิธีสต์หันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงน้องชายเรียกสาวๆ ที่เดินตามหลังมาก็ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นคนตรงหน้า ชายหนุ่มลูกครึ่งรูปร่างสูงเพรียว อกกว้าง ตาสีเขียว ผมสีน้ำตาลเข้ม โครงหน้ามนรีได้รูป ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นต้องตกตะลึง ขณะเดียวกันดิมิธีสต์ยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะเอ่ยถามน้องชายด้วยความอาทร
"ว่าไงนิมมาน มาถึงนานแล้วหรือ แล้วกินอะไรหรือยัง?
"มาถึงสักพักแล้วครับพี่...และนี่เพื่อนๆ ผม...มาร์กี้...เพตรา...และเพราพิลาส? นิมมานแนะนำพี่ชายให้รู้จักเพื่อนๆ
"สวัสดีครับ...ยินดีต้อนรับน้องๆ ทุกคน...แล้วคนไหนแฟนนายล่ะ"
ดิมิธีสต์ทักทายทุกคนด้วยภาษาไทยพร้อมยกมือรับไหว้ พร้อมกับคำถามที่ทำให้น้องชายต้องสะอึกตอบไม่ถูกไปชั่วขณะ
"เอ่อ...คือ?
นิมมานอึกอักไม่รู้จะตอบพี่ชายยังไงถึงรสนิยมชอบของแปลกของตัวเอง ได้แต่มองหน้าเพื่อนและคนรักสลับกันไปมา ทำให้ทั้งเพตราและเพราพิลาสต้องหันไปมองหน้ามาร์กี้ซึ่งตอนนี้หน้าสลดเหลือไม่ถึงสองนิ้ว ได้แต่เงียบพูดไม่ออก
"คนนี้ค่ะ"
เพตราโพล่งออกไปพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเพราพิลาสเพื่อนสาวที่ยืนข้างๆ ซึ่งทำให้เพื่อนทุกคนมองมายังเพตราอย่างงงๆ ว่าจะทำอะไรกันแน่
"นี่เธอเล่นอะไรของเธอลูกหิน" เพราพิลาสกระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนคิดจะทำอะไร
?เฉยไว้ก่อน...เดี๋ยวอธิบายทีหลัง? เพตรากระซิบตอบ
นิมมานเข้าใจทันทีและรีบรับสมอ้างไปด้วย ?เอ่อ...ครับ คนนี้?
ดิมิธีสต์เหลือบตามองสาวน้อยตรงหน้าอย่างละเอียดและพอใจไม่น้อยที่เห็นหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก หล่อนไม่สวยสะดุดตาอย่างสาวๆ ที่เขาควงอยู่...แต่เขาก็คิดว่าน้องชายหาผู้หญิงมาเป็นแฟนได้ไม่เลวนัก ดิมิธีสต์ก้มศีรษะให้เล็กน้อยพร้อมยื่นมือมาแสดงความเป็นมิตรด้วย
"ยินดีที่รู้จักครับคุณ...เพราพิลาส...ใช่มั้ย"
"เอ่อ...ค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าเพราก็ได้ค่ะ?
เพราพิลาสแนะนำตนเองพร้อมยกมือสวัสดีผู้ที่มีอาวุโสแทนการสัมผัสมือ
ดิมิธีสต์ถึงกับหน้าตึง เหลือบตาขึ้นมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างสนใจ หล่อนดูเรียบร้อยสงบเสงี่ยมแต่กล้าหักหน้าเขา เพราะถ้าเป็นสาวอื่นมีแต่จะยินดีสัมผัสมือของเขาพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้อย่างเต็มใจ แต่สาวน้อยคนนี้กล้าปฏิเสธการสัมผัสมือ...เหมือนจงใจสอนให้เขารู้จักวัฒนธรรมไทย...ไม่ใช่เขาไม่รู้ ตรงกันข้ามเขารู้ดีเพราะแม่เป็นคนไทย แต่เพราะชายหนุ่มเติบโตในต่างประเทศที่ใช้วัฒนธรรมต่างกัน และคนไทยที่ชายหนุ่มเจอหรือรู้จักก็มักจะใช้วัฒนธรรมของต่างประเทศเกือบทั้งนั้น
ขณะเดียวกันดิมิธีสต์เริ่มเบนสายตาไปมองหญิงสาวอีกคนที่ยืนข้างๆ กัน ซึ่งก็น่ารักแต่ท่าทางจะทโมนไม่น้อย เพราะดูทะมัดทะแมงแต่ไม่เรียบร้อย ท่าจะเอาเรื่องน่าดู
?เอ่อ คือ ผะผะ...ผมหิวแล้วล่ะ?
นิมมานรีบขัดขึ้นชวนทุกคนกินข้าวเพื่อตัดบทการสนทนาของพี่ชายและเพื่อนรัก เมื่อสังเกตเห็นสายตาของพี่ชายที่มองมายังเพื่อนสาวแล้วเสียวสันหลังวูบแทน
ดิมิธีสต์จึงละสายตาจากสาวน้อยตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นปรบมือสองที เหล่าสาวใช้ก็ทยอยกันลำเลียงอาหารมาไว้บนโต๊ะเต็มไปหมด ทั้งอาหาร ไทย จีน ฝรั่งและอาหารพื้นเมืองอาหรับ แล้วทั้งหมดก็นั่งทานข้าวกันอย่างสนุกสนาน
ดิมิธีสต์สังสรรค์กับน้องชายที่นานๆ จะเจอกันที แต่หญิงสาวที่ชื่อเพราพิลาสกลับทำให้เขาหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่หล่อนจ้องมองมา ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน เพราะโดยปกติเขาไม่เคยหงุดหงิดเรื่องไร้สาระแบบนี้...เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเรียบร้อย...ชายหนุ่มจึงชวนคุยเรื่องงาน
?พี่จะให้นิมมานและมาร์กี้ไปทำงานธุรการในเหมืองเพชร โดยให้เข้าไปช่วยก่อน เพราะจุดนั้นมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่แล้ว แต่เพราะงานเยอะและต้องการคนเพิ่ม พี่จะให้เราสองคนเข้าไปทำด้วยกัน? ดิมิธีสต์อธิบายคร่าวๆ
นิมมานถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เพราะเขากำลังจะขอให้พี่ชายหางานให้กับคนรักได้ทำงานที่เดียวกัน ชายหนุ่มคอยเหลือบมองมาร์กี้ตลอด เพราะตอนนี้สาวเทียมที่พูดเก่ง กรี๊ดกร๊าด ชอบแหย่คนโน่นแซวคนนี้กลายเป็นหมาหงอย นั่งเงียบ ไม่มีอะไรสักคำหลุดออกมาจากปาก
?แล้วพี่จะให้เพกับเพราทำงานอะไร" เพตราถามขึ้นบ้าง
"มีสองงานให้เลือก...ถ้าเพเลือกงานหนึ่ง เพื่อนเพอีกคนต้องทำอีกงานหนึ่ง"
ดิมิธีสต์บอกขณะที่สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะอยากทำงานด้วยกันที่เดียวกัน เพตรามองหน้าเพราพิลาสเป็นเชิงถามเพื่อนว่าจะเอายังไง เพราพิลาสทำหน้าไม่ถูกเหลือบตาขึ้นมองบุรุษตรงหน้า ที่ตอนนี้มีรอยยิ้มที่มุมปากมากขึ้นและกำลังจ้องมองมายังหล่อนแถมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกด้วย ทำให้เพราพิลาสเริ่มไม่พอใจดิมิธีสต์ขึ้นมาซะเฉยๆ ทั้งที่เขาก็รูปหล่อ การงานก็ดี แต่ทำไมถึงได้เกลียดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
"ลูกหิน...เอาไง? เพราพิลาสกระซิบถาม
"งานที่ว่าให้เลือก...คืออะไรคะ" เพตราถามอย่างใคร่รู้
"หนึ่งงานในครัว...สองงานเลขาฯ? ดิมิธีสต์ตอบสั้นๆ
"เพขอเลือกงานครัวค่ะ ส่วนเพรา..." เพตราเอ่ยยังไม่ทันจบก็ต้องหุบปากลงฉับ
"ให้เขาตอบเองดีมั้ยว่าจะทำอะไร" ดิมิธีสต์ขัดขึ้น
เพราพิลาสถึงกับเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามด้วยท่าทางที่สงบแต่สายตาเหมือนอยากจะลุกขึ้นหาเรื่องให้รู้แล้วรู้รอดไป ดูเหมือนชายหนุ่มจะมองออกแต่แรกแล้วเพราะแอบมองแฟนน้องชายที่เขาเข้าใจผิดอยู่นั้นเกือบตลอดเวลา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อกระแสตกงานฟีเวอร์เข้ามาเยี่ยมเยือนหญิงสาวที่ไม่สวยสะดุดตาแต่น่ารักโดดเด่น ข้อเสนอที่ถูกยื่นมาดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับเพตรา เหมมาภรณ์เสียแล้ว เธอต้องเดินทางไปทำงานในดินแดนแห่งผืนทรายอันไกลโพ้นและร้อนระอุ งานของเธอคือผู้ช่วยพ่อครัวแต่แล้วความรับผิดชอบนี่เองที่ทำให้ชีวิตเจ้าหล่อนเปลี่ยนไปเมื่อชีคดามีร ศอฮาบีย์ ฟัยรูซ รีฮานนึกอยากเสวยอาหารไทยในวันที่พ่อครัวใหญ่ไม่อยู่ เพตรามั่นใจว่าฝีมือการทำอาหารของเธอไม่ได้ย่ำแย่ขนาดรับประทานไม่ได้จึงลงมือทำ และแล้วชีคหนุ่มก็เรียกหาด้วยความโกรธกริ้วที่ต้องลิ้มรสอาหารรสชาติแย่ คำสั่งร้ายแรงถึงโทษประหารแต่มีหรือคนปากกล้าอย่างเพตราจะไม่ทวงความยุติธรรมให้แก่ตน ทว่าทันทีที่ทักท้วงยังไม่ทันจบคำปากบางก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากนุ่มของชายหนุ่มเสียมิด จากนั้นดอกรักค่อยๆ ผลิบานกลางท้องทะเลทรายพร้อมด้วยหัวใจหินสีชมพูที่แต่งแต้มระบายไปทั่วท้องฟ้า
