New Release : Sassy Boy Next Door แกล้งรัก แกล้งร้ายฯ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Sassy Boy Next Door แกล้งรัก แกล้งร้ายฯ

โพสต์ โดย Gals »

Sassy Boy Next Door แกล้งรัก แกล้งร้าย ป่วนหัวใจคุณชายข้างห้อง

บทนำ

ถนนย่านพักอาศัยส่วนใหญ่มักคดเคี้ยวไปมาหรือไม่ก็สลับซับซ้อนไปตามจำนวนสิ่งปลูกสร้างและประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ แต่ถนนสายนี้กลับทอดยาวตรงดิ่ง ธรรมดาแล้วพอเลี้ยวเข้ามาจะมองเห็นได้ไกลหลายร้อยเมตร...ทว่าตอนนี้ถนนตรงหน้ากลับไม่ว่างโล่ง
ฟากหนึ่งมีตึกสี่ชั้นหน้าตาเหมือนกันเรียงรายนับสิบหลัง ซึ่งไม่ค่อยเข้ากับย่านพักอาศัยไฮโซ แต่คงต้องทำใจเพราะเป็นที่พักพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ตึกเหล่านี้สร้างมาเนิ่นนานก่อนรอบบริเวณกลายเป็นย่านหรู นานทีถึงจะซ่อมแซมดูแลบ้าง เช่น ทาสีภายนอกใหม่ หรือไม่ก็สร้างบ่อทรายขนาดเล็กให้เด็กๆ และยังคงใช้เป็นที่พักสำหรับพนักงาน
แต่ทว่าปัจจุบันรอบด้านถูกล้อมด้วยคฤหาสน์สุดไฮโซ ชวนให้รู้สึกว่าไม่เหมาะกับคนธรรมดาพักอาศัย เหตุผลมีอยู่ว่าที่ดินแถบนี้ราคาต่อตารางเมตรก็หลายแสนอยู่ ดีไม่ดีอาจทะลุหลักล้าน!
คนอาศัยอยู่แถบนี้จึงมีแต่เศรษฐีซูเปอร์รวย!
มองไปยังฝั่งตรงข้ามคือกำแพงยาวพรืด กำแพงที่ทั้งสูงและยาวร่วมสามร้อยเมตร ถึงขนาดมีคนคิดว่าเป็นคุกเสียด้วยซ้ำ
แต่ความจริงคือบ้าน... คือคฤหาสน์ของตระกูลฮาเซงาวะ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทยและญี่ปุ่น
ที่พูดมาทั้งสองอย่างช่างแตกต่างเหมือนอยู่กันคนละโลกทั้งที่ห่างกันแค่ถนนกั้น
เมื่อมองไปตอนนี้มีรถจอดเลียบกำแพงเยอะจนนับไม่ถูกว่ากี่คัน บอกได้คำเดียวว่าอลังการ
พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หนึ่งวันในฤดูฝนเตรียมต้อนรับยามราตรี...

?ชินจัง! แขกมาพร้อมแล้ว แต่งตัวเสร็จหรือยัง?
เสียงโพล่งถามดังขึ้นพร้อมกับประตูเปิดเข้ามา ขณะที่ผมนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างหน้าต่างเหม่อมองทิวทัศน์ด้านนอกที่บรรยากาศเริ่มมืดมิด
?ชินจังเป็นอะไรหรือเปล่า?
?ไม่ได้เป็นอะไรครับ? ผมหันไปมองพี่ชายก่อนจะลุกขึ้นอย่างช้าๆ ?ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้?
ตอนนี้ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว พี่ชายคนเดียวของผมเลือกผ้านำเข้าจากฝรั่งเศสสั่งตัดสูทชุดนี้ให้เป็นพิเศษ ทั้งยังผูกเนคไทของดิออร์ รองเท้าเทสโทนีเลิศหรูอย่างสุดๆ
?หล่อจังเลย ชินจังหล่อที่สุดในสามโลกเลยนะ? พี่ชายพูดพร้อมกับยิ้มร่า ?หล่อจนไม่รู้จะพูดยังไงเลย หล่อพอๆ กับพี่ชายเลยด้วยล่ะ >O<?
?งั้นหรือครับ?
ผมรู้ดี ลำพังชุดนี้ก็ปาไปหลายแสน ยังไม่รวมนาฬิกาข้อมือรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นจากสวิตเซอร์แลนด์ที่พี่ชายเพิ่งถอยมาให้อีก แม้ผมไม่ได้ยึดติดกับของแพง แต่พอเห็นตัวเองในวันนี้ก็ยังอดชื่นชมไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุ้นชินกับข้าวของเลิศหรู
เพียงแต่... ทั้งความดีใจว่าได้แต่งตัวหรูและงานเลี้ยงในคฤหาสน์กลับทำให้ผมหดหู่ ผมเบื่อกับชีวิตไร้ค่าแบบนี้ ผมเบื่อที่ต้องคอยปั้นหน้าเพื่อให้ได้อยู่ในสังคมหรูเลิศเช่นนี้
ผมออกจากห้องเดินลงบันไดโอ่โถง ในห้องนั่งเล่นเลยจนไปถึงห้องรับแขกมีเด็กสาวแต่งตัวสวยพริ้งเฉียดห้าสิบคนที่มาพร้อมกับครอบครัว เครื่องประดับของพวกเธอสะท้อนแสงโคมไฟระย้าเป็นประกายระยิบระยับแลดูตระการตาสุดๆ
ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนอายุครบ 18 ปีเต็ม ผมเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งเดิม ซึ่งไม่โด่งดังในหมู่คนทั่วไปและรับนักเรียนไม่มากนัก ทั้งหมดเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง จึงรู้จักดีเฉพาะในกลุ่มคนที่มีฐานะ
?อุ๊ย คุณชายชินนี่นา...?
ครับ ผมชื่อ ?คุณชายชิน? เรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ?ฮาเซงาวะ ชินอิจิ? (เอ่อ... นี่เรียกว่าสั้น) เป็นคุณชายเล็กแห่งตระกูลฮาเซงาวะซึ่งมาจากตระกูลนักธุรกิจผู้ร่ำรวย และผมก็มีพี่ชายชื่อ ?ฮาเซงาวะ ชุนอิจิ?
?อยากใกล้ชิดมากกว่านี้จัง?
เสียงของพวกสาวๆ ดังขึ้นทำให้ผมตื่นขึ้นจากภวังค์
?ฉันก็อยากรู้จักกับเขานะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ แถมยังรวยล้นฟ้าอีกด้วย >///<?
?ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีมากๆ เลย?
ท่ามกลางเสียงของสาวๆ ดังเป็นระลอกราวกับคลื่นที่ถาโถมเข้ามานั้นทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า พวกผู้หญิงเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่!? ชีวิตนี้มีความฝันกันบ้างมั้ย? โตขึ้นจะทำอะไร? หรือคิดว่าตัวเองโตพอแล้ว? ถึงได้ทำตัวไร้ค่ากันแบบนี้!
ทั้งที่ผมเกิดมาเพียบพร้อมไปทุกอย่าง มีทั้งเงินทองมากมาย รูปร่างหน้าตาดีจนใครเห็นต้องอิจฉา อีกทั้งฐานะทางสังคมก็สูงส่ง แต่สังคมที่ว่ามีแต่คนจำพวกไม่จริงใจ ใส่หน้ากากเข้าหากัน ถึงภายนอกจะดูเหมือนว่าตัวเองมีพร้อมทุกอย่าง แต่สิ่งที่ผมขาดไปก็คือ... ความสุขที่แท้จริง
สำหรับทุกๆ วันที่แสนน่าเบื่อ ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรเลย -_-*
น่าเบื่อ... ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเลยสักครั้ง ผมอยากทำอะไรแปลกใหม่โดยไม่ดำเนินชีวิตเหมือนเป็นหุ่นยนต์อย่างเช่นในตอนนี้
?ชินจัง เหม่ออะไรอยู่?
?ไม่มีอะไรครับพี่ชาย? ผมบอกพี่ชายเสียงเรียบ
พี่ชายมักจะเรียกผมว่า ?ชินจัง? อยู่เสมอ แต่ชื่อแบบนี้ผมขอสงวนสิทธิ์ไว้ให้พี่ชายเรียกคนเดียวเท่านั้นนะครับ คนอื่นห้ามเรียกผมว่าชินจังเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือนไม่ได้นะ!
?แต่ชินจังทำหน้าเหมือนคนไม่สบายเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือเจ็บป่วยตรงไหน ปวดท้องมั้ย หรือว่าปวดหัว เอ๊ะ หรือว่าปวดฟันล่ะ?
?ไม่ใช่ทั้งหมดครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมสบายดี พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงนะ?
?จริงๆ นะ ชินจังไม่ได้โกหกพี่ชายใช่มั้ย??
?จริงๆ ครับ ^^? ผมตอบพี่ชายพร้อมกับอมยิ้ม
ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพี่ชายถึงได้เป็นห่วงผมมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่พี่น้องที่เกิดในตระกูลใหญ่ส่วนมากพวกเขาจะแย่งทรัพย์สมบัติกัน
หากว่าจะสนใจกัน...ก็คงจะเป็นแค่หวังให้อีกฝ่ายรีบตายๆ ไปซะเร็วๆ!
แต่ครอบครัวของเรากลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยความที่แม่จากไปตั้งแต่ผมเกิดมาได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ แถมยังมีพ่อที่บ้างานจนเกินพอดี ทำให้ชีวิตของผมเติบโตมาโดยมีเพียงแค่พี่ชายเท่านั้น ซึ่งเขาเป็นทั้งพ่อและแม่ เมื่อยามที่ผมมีปัญหา พี่ชายมักจะเป็นคนจัดการให้ทุกๆ อย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไรพี่ชายก็มักจะคิดถึงผมก่อนอยู่เสมอ หนำซ้ำเขายังโอ๋ผมมากเป็นพิเศษ จนดูเหมือนว่าผมเป็นลูกติดของพี่ชายยังไงยังงั้น

?ทำไมคุณชายใหญ่ถึงได้ใส่ใจคุณชายเล็กขนาดนี้ล่ะครับ ถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่พี่น้องทั่วไปก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายขนาดนี้หรอกนะครับ?
?ตั้งแต่ฉันเห็นชินจังเกิด เขาก็ตัวเล็กเท่านี้เองนะ และเขาก็ไม่มีแม่คอยอุ้มปลอบใจเหมือนกับฉัน พอเห็นแบบนั้นฉันก็เลยต้องคอยอุ้มเขา คอยปลอบใจเมื่อยามที่เขาร้องไห้ และป้อนนมเขา พยายามกล่อมเขาให้นอนหลับ ลองคิดดูสิโทมัส... ทั้งๆ ที่เขาอ่อนแอขนาดนั้น แต่เขากลับไม่มีคนคอยดูแลเหมือนฉันเลยนี่นา?
?ผมเข้าใจแล้วครับ คุณชายเล็กคือลูกชายของคุณชาย?
?ชินจังเป็นน้องชาย...?
?ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นจริงๆ ผมก็แค่คิดว่าคุณชายเลี้ยงคุณชายเล็กด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นคุณชายเล็กก็เหมือนเป็นลูกชายของคุณชายต่างหากล่ะครับ?
?ใช่ๆ นายพูดถูกแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องของชินจังสำหรับฉันจะมาก่อนเป็นอันดับแรก?

บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างพี่ชายกับโทมัส (บอดี้การ์ดร่างยักษ์) ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนผมมาโดยตลอดว่าพี่ชายมีความสำคัญกับผมมากแค่ไหน
แต่ว่าเรื่องที่ผมเบื่อการใช้ชีวิตแบบนี้...มันเป็นคนละเรื่องกัน
วันนี้ปาร์ตี้เลิกดึกมาก กว่าผู้คนจะทยอยออกไปจากคฤหาสน์ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนกว่า
?ชินจัง ฝันดีนะ?
?ครับพี่ชาย?
พี่ชายมาส่งผมและบอกลาเหมือนทุกวันถึงหน้าประตูห้อง แต่ทว่าตอนนี้ผมกลับหยุดยืนหน้าห้องของตัวเองโดยที่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
?ต้องหนีไปจากชีวิตที่อยู่ในกรอบแบบนี้ให้ได้?
ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ ผมเป็นคุณชายตัวจริงที่ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็น CEO ในรุ่นต่อไป ทำให้ผมจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบสูง คิดมาก คิดมาย คิดจริง คิดจังกับหลายสิ่งก่อนที่จะลงมือทำอะไร เป็นผลทำให้ชีวิตของผมอยู่ในกรอบเป๊ะๆ ต้องเก่งทั้งเรื่องดนตรี กีฬา การเรียน และต้องวางตัวให้เหมาะสม
เพราะความเป๊ะในชีวิตของผมนั่นเอง ผมจึงอยากจะลองเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดากับเขาบ้าง จนมานึกถึงวิธีการสุดครีเอทที่จะหลุดพ้นวิบากกรรมเช่นนี้ ผมแค่อยากทำตามใจชอบของตัวเอง จะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาปั่นหัวของผมได้อย่างเด็ดขาด ผมจะต้องใช้ชีวิตด้วยความตั้งใจของตัวเองเท่านั้น!
พ่อครับ ผมให้สัญญาว่าจะทำตัวให้ดี จะรักษาหน้าตาและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลไม่ให้ด่างพร้อย ผมพูดกับพ่อในใจ เพราะพ่อไม่อยู่ให้ผมได้พูดกับเจ้าตัวนี่นา
เมื่อคิดได้แบบนี้ปฏิบัติการหนีออกจากกรงทองก็อุบัติขึ้น!
ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าเป้สีดำสลับแดงยี่ห้อดังที่เป็นผลงานลิมิเต็ดอิดิชั่นอย่างเร่งรีบ การเดินทางผจญภัยเผชิญโลกใบใหม่ของผมผู้มีรูปเป็นทรัพย์กำลังรออยู่ ผมฉีกยิ้มก่อนจะเขียนจดหมายทิ้งเอาไว้ให้พี่ชายดูต่างหน้า
?ถึงเวลาที่ผมต้องออกไปฟัดโลกแล้ว...ลาก่อนครับพี่ชุน?

1

เวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมานั้นถือเป็นช่วงที่สำคัญกับชีวิตของฉันมาก แต่ไม่ใช่ว่าฉันได้ผ่านการผจญภัยเสี่ยงตายมาหรอกนะ ฉันแค่ใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ เหมือนคนเดินดินธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นหากใครได้ฟังเรื่องราวของฉันตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่คงบ่นอุบว่าไร้สาระ
ชื่อของฉันคือ ?น่านฟ้า? ฉันเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า พออายุครบสิบห้าปี นายแพทย์ใหญ่ท่านหนึ่งก็รับฉันเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรม และปัจจุบันพ่อบุญธรรมของฉันก็เสียชีวิตไปแล้ว
ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนดวงดีนัก แต่ยิ่งชีวิตเป็นแบบนี้ก็ยิ่งน่าหัวเราะ TOT~~
จำได้ว่าสมัยมัธยมฉันเคยถูกรถชน รถคันนั้นชนร่างของฉันกระเด็นไปราวสิบเมตร ตอนแรกฉันนึกว่าคงไม่รอด แต่โชคดีแค่ได้แผลบนหน้าผากต้องเย็บถึงสิบเข็ม หลังตรวจร่างกายอย่างละเอียด ทั้งเช็คด้วยสนามแม่เหล็ก ทั้งตรวจดูคลื่นสมอง หมอยังแปลกใจที่ฉันรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ถึงขนาดเอ่ยปากชมว่าดวงดี =O=
อีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงซื่อ หลงเชื่อคนอื่นง่ายๆ จนถึงขนาดมีคนพูดว่า...
?น่านฟ้า... เธอซื่อเกินไปหรือเปล่า?
?น่านฟ้า... เธอนี่หลงเชื่อคนง่ายเกินไปแล้วนะ?
ตลอดเวลาตั้งแต่ยังเล็กมีแต่คนพูดแบบนี้กับฉันตลอด เพราะฉันมักถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ บางครั้งก็กลายเป็นตัวตลกของคนอื่น
และมีเรื่องหนึ่งที่ฉันจดจำมันได้ดี ในตอนนั้นฉันได้รับจดหมายรักเป็นครั้งแรก และคนที่ส่งจดหมายก็ให้ฉันมารออยู่ที่สนามเด็กเล่น ฉันมายืนรอเจ้าของจดหมายด้วยความตื่นเต้นตั้งห้าชั่วโมงจนฟ้ามืดแต่ก็ไม่มีใครมา
สุดท้ายก็ได้รู้ว่า...โดนหลอกอีกแล้วสิเรา TOT
จนกระทั่งมาอีกครั้งหนึ่งที่ฉันดันไปหลงเชื่อพวกนักต้มตุ๋นที่โทรมาบอกว่าได้จับตัวน้องชายฉันเอาไว้ และต้องการเงินค่าไถ่ตัว ฉันก็ลนลานหาเงินเพื่อเอาไปไถ่ตัวน้องชาย จนผ่านไปเกือบๆ สิบนาทีถึงค่อยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีน้องชายเสียหน่อย
ทำไมนะ การที่ฉันเป็นคนมองโลกในแง่ดีนี่มันผิดมากเลยหรือไง
ทำไมฉันถึงได้ถูกหลอกง่ายๆ แบบนี้ด้วย กระซิก... กระซิก...
เอาเถอะ จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้จะมาเสวนาปัญหาชีวิตของตัวเองหรอกนะ ก็แค่จะบอกว่าตัวฉันเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เกิด และทั้งๆ ที่มีประสบการณ์ถูกหลอกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่เคยจำและยังถูกหลอกซ้ำๆ และตอนนี้ชีวิตเรียบง่ายของฉันก็กำลังจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วกะทันหันพอสมควร
เพราะว่ามันก็เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้...
........
....
ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มแบบที่ฉันชอบ อากาศกำลังสบายไม่หนาวขนาดขั้วโลกเหนือและร้อนเหมือนเตาอบไมโครเวฟ ลมพัดค่อนข้างแรง เมื่อมองจากหน้าต่างของหอพักก็เห็นต้นไม้เอนลู่ตามแรงลมที่ส่งเสียงหวีดหวิว ใบไม้ตามกิ่งก้านสั่นกระพือดังพึ่บพั่บ
ตั้งแต่พ่อบุญธรรมเสียชีวิต ฉันได้มาอาศัยอยู่ที่หอพักเจริญศรี ซึ่งเป็นอาคารไม้สองชั้น หลังคาเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยม เก่าแก่ดูทรุดโทรม และคงไว้ซึ่งความโบราณของวัตถุ ซึ่งตั้งอยู่กลางซอยของชุมชนไก่งวง ที่บริเวณด้านล่างเป็นพื้นหินราบเรียบ กำแพงรอบหอพักก่อด้วยอิฐบล็อก ที่พื้นกำแพงทำเป็นช่องไว้สำหรับปลูกต้นไม้ โดยมีต้นกุหลาบและไม้หอมอื่นๆ ทั้งที่ออกดอกก็มี ที่แห่งเหี่ยวไปก็มี ซ้ำตรงหน้าประตูสีครีมปนเทาก็ยังมีรอยถลอกมากพอสมควร แถมยังมีร่องรอยงานสถาปัตยกรรมของจิตรกรชั้นยอด (ด้านคำหยาบคาย) ที่พวกมือบอนฝากรอยจารึกเอาไว้อีก -O-^^
ส่วนภายในห้องก็เป็นไม้ฝาปล่อยโล่ง แม้จะไม่ได้สุขสบายนักแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ทว่าตอนนี้ภายในห้องที่มีเพียงของใช้จำเป็นของฉันกำลังมีสิ่งแปลกปลอม =O=;;
ขณะนี้ฉันกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและจ้องมองร่างหนึ่งที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงของฉัน หากมองให้ดีจะเห็นขนตางอนยาว จมูกโด่งสัน เครื่องหน้าคมชัด ผิวขาวเนียน จัดว่าเป็นหนุ่มหล่อระดับขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นได้สบาย และเมื่อแสงแดดส่องเข้ามาก็ทำให้ผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มสลวยเป็นประกายงดงามมากยิ่งขึ้น
ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก สิ่งแปลกปลอมที่ว่านี้เป็น...ผู้ชาย O///O
ความทรงจำเลวร้ายค่อยๆ ผุดขึ้นในหัวของฉันอย่างช้าๆ... เมื่อคืนช่วงเวลาที่ฝนตกหนัก ขณะที่ฉันกำลังกลับจากทำงานพิเศษ ฉันได้พบกับชายหนุ่มผู้นี้กำลังนั่งคุดคู้กอดกระเป๋าเป้ใบโตอยู่ข้างกองขยะ เขาดูเหมือนลูกหมาที่กำลังหลงทางยังไงยังงั้น =O= และไม่รู้ว่าอะไรที่มันดลใจให้ฉันเข้าไปทักทายเขา ซ้ำร้ายฉันยังชวนเขามาที่หอพักอีกด้วย
แล้วทีนี้เป็นยังไง ฉันก็ต้องมานั่งจิตตกอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ TOT~~
หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นพวกชอบใช้กำลัง ดมทินเนอร์ หรือพี้ยาอะไรทำนองนี้หรือเปล่านะ
แค่คิดก็สยองแล้ว... ไม่น่าเลยน่านฟ้า เธอไม่น่าเก็บเขามาจากกองขยะเลยให้ตายเถอะ!
?อ๊ะ...?
ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อเขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาของตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ
?ที่นี่ที่ไหน หรือว่าฉันถูกจับตัวมาเรียกค่าไถ่?
เขาลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง แววตาที่ดูเข้มแข็งและมั่นใจในตัวเองของเขาออกอาการตกใจเล็กน้อย ซึ่งสายตาของเขามองเลยผ่านฉันที่นั่งอยู่บนพื้นไปอย่างไม่ไยดี
O_O แต่เมื่อกี้เขาว่าไงนะ
?ไม่ใช่นะ...? ฉันส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน ทำไมเขาถึงได้คิดว่าตัวเองถูกลักพาตัวมาล่ะ
?.....? แต่พอได้ยินเสียงของฉันเท่านั้นแหละ เขาจึงค่อยๆ หันมามองอย่างช้าๆ ก่อนที่เรียวคิ้วจะขมวดมุ่น
?เมื่อคืนฉันไปเก็บนายมาจากข้างกองขยะ? ฉันบอกพร้อมกับกุมมือทั้งสองข้างของตัวเองแน่น
?เก็บฉันมาจากข้างกองขยะ??
?ใช่... เมื่อคืนนี้ไง... นี่นายจำไม่ได้เหรอ??
สิ้นคำพูดของฉัน เขาก็หลับตาลงคล้ายกำลังสาวเส้นด้ายแห่งความทรงจำ ฉันได้แต่นั่งมองอย่างใจตุ้มๆ ต่อมๆ หวังว่าเขาจะจำได้นะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
?จริงสิ...? เขาทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้จากนั้นก็พึมพำออกมาเสียงเบา จำได้แล้วสินะ
?ละ...แล้วนายจะลุกจากที่นอนของฉันได้หรือยัง -///-?
?ที่นอน?? เขากระเด้งตัวลุกขึ้นยืนอย่างอัตโนมัติก่อนจะกอดอกจ้องเตียงของฉันอย่างไร้มารยาท ?ไอ้ของแบบนี้น่ะเหรอเรียกว่าที่นอน?
?ใช่สิ ทำไมล่ะ?
เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงหว่า~
?แต่ที่บ้านของฉันเรียกว่าพรมเช็ดเท้า -_-? เขาพูดด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
?O_O อะไรนะ?
เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ผิดหรอกใช่มะ เขาพูดว่าพรมเช็ดเท้าใช่ป่ะ
?นี่ฉันนอนไอ้ที่แบบนี้เข้าไปได้ไง -_-?
?O[]O~? ฉันได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ผู้ชายคนนี้มันยังไงกันเนี่ย
?ดูสิ เวลาเดินยังมีเสียงแปลกๆ อีก -_-?
จากนั้นร่างสูงก็เดินวนไปวนมาก่อนจะกระเด้งตัวกระโดดโหยงๆ อย่างตื่นเต้น...เอ่อ... =_=
?มากไปแล้วนะ!? ฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะตะโกนด้วยสีหน้าโกรธจัด
?อะไรที่เรียกว่ามากไป?? เขาย้อนถามเสียงเรียบ ?ก็ที่นี่มันแปลกจริงๆ ไม่ใช่หรือไง?
?แต่นายไม่ควรจะมาวิจารณ์ห้องของคนอื่นแบบนี้? ฉันย้อนเขาออกไปอย่างเหลืออด ทำไมถึงได้พูดจาไร้มารยาทขนาดนี้นะ
?ห้อง...??
?ใช่สิ ก็เห็นๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง?
ทำไมเขาเป็นคนเข้าใจอะไรยากเย็นแบบนี้นะ ไม่น่าเก็บเขามาจากกองขยะเลยจริงๆ ให้ตายเถอะน่านฟ้า
?มันไม่ใช่กรงขังสุนัขเหรอ -_-?
?O[]O อะไรนะ!? ทำไมฉันถึงได้แต่ตะโกนประโยคนี้ล่ะเนี่ย
?-_- กรงขังไง?
?ฉันขอพูดเพื่อให้นายเข้าใจหน่อยก็แล้วกันนะ ที่นี่คือห้องพักของฉัน ที่อยู่ในย่านชุมชนไก่งวง และเป็นหอพักชื่อเจริญศรี ซึ่งเจ้าของหอพักชื่อพี่กอหญ้า ไม่ใช่กรงขังสุนัขอะไรสักหน่อย?
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงฉุนกึก ก่อนจะเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อหายใจแล้วพูดต่อ
?แล้วถ้านายไม่พอใจที่จะมาอยู่ในห้องของฉันล่ะก็ เชิญออกไปจากห้องของฉันได้เลย!?
สิ้นคำพูดของฉัน เขาก็นิ่วหน้าอย่างเครียดๆ ก่อนจะเปิดประตูแล้วชะโงกหน้าออกไปมองด้านนอก จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาภายในเสี้ยววินาที และก็ตามด้วยเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมในห้องของฉันอย่างไร้มารยาทเป็นที่สุด
TOT~~ น่านฟ้าเอ๋ย... เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่าเนี่ย
ไม่น่าเลย... ไม่น่าคิดว่าเขาเหมือนลูกหมาลงทางผู้น่าสงสาร ไม่น่าเลยที่ฉันดันไปคิดแบบนั้นเสียได้
ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ซึ่งเป็น ?คน? ไม่ใช่สัตว์น้อยน่ารักที่จะเก็บมาเลี้ยงง่ายๆ เสียหน่อย TOT
และหลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ ฉันก็ต้องตกอยู่ในสภาวะอึ้งกิมกี่ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเขาหมุนตัวกลับไปกลับมาสำรวจทุกอย่างที่อยู่ในห้องพักแห่งนี้อีกสามรอบ
(O.O )( O.O) (O.O )( O.O)
?สุดยอด! ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน? เขาทำตาโตพร้อมกับพูดประโยคนี้ออกมา ทำอย่างกับว่าได้เจอซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยยังไงยังงั้น
?นอร์มอลสุดๆ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่อยากจะเชื่อ!?
?เอ่อ... =_=? อะไรของเขานะ
?นั่นจานดาวเทียมเหรอ? หลังจากพูดประโยคแปลกๆ เขาก็หันเหความสนใจไปยังอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงฝาห้องของฉันแทน
?-O- มันเรียกว่ากระทะก้นหลุม?
?นั่นล่ะ ใช่แปรงขัดรองเท้าหรือเปล่า?
?แปรงขัดส้วมต่างหากเล่า!?
?แล้วไอ้นี่ล่ะ ชามให้อาหารสุนัขเหรอ?
?มันคือถ้วยที่ฉันเอาไว้ใส่กับข้าว!?
-_-* นี่เขาคิดว่าที่นี่เป็นกรงขังสุนัขจริงๆ หรือไง กรี๊ด!
?แล้วนั่น...? เขากำลังชี้นิ้วไปยังพัดลมตั้งโต๊ะ อย่าบอกนะว่าขนาดพัดลมเขายังไม่รู้จัก นี่หลุดมาจากโลกไหนเนี่ย!
?พอเลยนะ! นี่นายไม่เคยเห็นของพวกนี้หรือไง? ฉันปรามเขาเสียงหลง
?ไม่เลย -_-? เขาส่ายหน้าดิกเพื่อเป็นการปฏิเสธ
?อย่ามาตลก นี่มันของใช้ธรรมดาๆ เองนะ?
?O_O ธรรมดาเหรอ? เขาตกใจเมื่อฉันพูดคำนี้ออกมา คำว่าธรรมดามันแปลกตรงไหนงั้นเหรอ
?ใช่สิ ทุกบ้านก็ต้องมีทั้งนั้นแหละ คนที่อยู่ที่นี่เขาก็ใช้แต่ของพวกนี้กันทั้งนั้น -_-*?
?แสดงว่าถ้าฉันอยู่ที่นี่ก็จะธรรมดาใช่มั้ย?
?อือ (_ _) (-_-)?
แม้จะไม่เข้าใจ แต่ฉันกลับพยักหน้ารับอย่างซื่อๆ ผู้ชายคนนี้ไปอยู่โลกไหนมา ทำไมถึงได้ดูตื่นเต้นจนโอเวอร์มากขนาดนี้ ของใช้พวกนี้เขาก็มีกันทุกบ้านนั่นแหละ ทำอย่างกับว่าไม่เคยเห็นไปได้ =_=
?งั้นเธอจะช่วยให้ฉันได้ใช้ชีวิตธรรมดาได้มั้ย??
?O[]O...หา!??
?ฉันอยากใช้ชีวิตธรรมดา... ชีวิตที่อยู่ในกรงขังแบบนี้น่ะ?


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่น่าเลยน่านฟ้า >O< เพราะความใจดีไม่เข้าท่าของตัวเองแท้ๆ ถึงทำให้ชีวิตวุ่นวายแบบนี้ ก็ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายที่ฉันเห็นนั่งจ๋องเป็นลูกหมาหลงทางอยู่กลางสายฝนเลยช่วยเอาไว้ จะเป็นคุณชายไฮโซที่หนีออกจากบ้านมา ด้วยเหตุผลสุดพิลึกว่าต้องการหาความธรรมดาให้ชีวิต =_=? เอิ่ม! อย่าบอกนะว่าที่เขาเกาะติดฉันแจอยู่ตอนนี้เพราะหมายรวมฉันอยู่ในความธรรมดาด้วยน่ะ! นี่ขนาดรู้ว่าฉันมีพี่ภูผาสุดที่รักอยู่แล้วทั้งคนก็ยังวอแวไม่เลิก โอ๊ย! หมอนี่ไม่มียางอายเลยรึไงนะ! และที่แย่กว่านั้น! พี่ชายนายนั่นคิดว่าฉันไปล่อลวงน้องชายเขามา เลยตามประกบไม่ห่างพร้อมด้วยบอดี้การ์ดร่างยักษ์อีกสาม TOT แง้~ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ เลยช้านนน!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”