?เฮ้อ... เฮ้ออ...เฮ้อออ?
ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแปดได้แล้วล่ะมั้ง ตั้งแต่เห็นบิลทวงหนี้ค่าห้องพักที่เจ้าของหอพักเอามาแปะประจานความหน้าหนาหน้าทนของฉันไว้ที่หน้าประตูห้องหราให้คนห้องข้างเคียงมีเรื่องไปเม้าท์กันสนุกปากอีกรอบ แต่ที่ทำให้ฉันต้องนั่งหน้าเครียดเหมือนประจำเดือนมาไม่ปกติอย่างนี้ ก็เพราะในบิลทวงหนี้นี่มีตัวหนังสือสีแดงสดระบุแจ่มแจ้งชัดเจนว่า...
ภายในสิ้นเดือนนี้หากไม่ชำระค่าเช่าให้ครบ จำเป็นจะต้องให้ย้ายออกโดยไม่คืนเงินค่ามัดจำ เนื่องจากหักเป็นค่าปรับที่จ่ายค่าเช่าล่าช้า
ให้ย้ายออกยังพอเข้าใจ แต่ไอ้ยึดค่ามัดจำห้องนี่มันหมายความว่ายังไงฮะ! เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะให้ตายเหอะ เจ้าของหอพักนี้หน้าเลือดชะมัด -*-
ถึงอย่างนั้นฉันก็ทำได้แค่บ่นงึมงำไปตามประสา มือก็วางบิลทวงหนี้ยับๆ ลงบนโต๊ะคอมฯ เปลี่ยนมาคว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาบีบให้แตกแล้วแกะถุงกรอกเข้าปากอย่างหิวโหย ก่อนจะคว้าขวดน้ำมากระดกดื่มน้ำตามอึกใหญ่ด้วยหวังว่าบะหมี่กรอบนั้นจะไปบานในท้องแล้วมันจะอิ่ม... -_-
เหอๆ อนาถาดีใช่มั้ยล่ะ จริงๆ แล้วฉันเป็นแบบนี้ไม่บ่อยหรอกนะ นอกจากช่วงที่กระเป๋าเริ่มแบน แฟนไม่มีมันนี่ซัพพอร์ต ฉันถึงจะเข้าสู่โหมดยาจกเช่นนี้ ยิ่งนึกถึงเงินค่าสอนในกระเป๋าตังค์ก้อนสุดท้ายที่ผู้ปกครองเด็กที่ฉันสอนพิเศษประจำจ่ายมาก่อนเลิกจ้างแล้วก็อดถอนหายใจพรืดไม่ได้
เฮ้อออ... ไม่รู้ว่าวันนี้มันเวรซ้ำกรรมซัดอะไร ถึงได้ถูกเลิกจ้างแล้วก็ถูกทวงหนี้ในวันเดียวกันแบบนี้ =w=;;
เอ้อ เกือบลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ ?ละอองฟอง? ปัจจุบันเป็นนักศึกษากินทุนเรียนของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง เนื่องจากบุพการีที่อยู่ต่างจังหวัดไม่มีเงินถุงเงินถังจะส่งเสีย ฉันเลยต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ใช้ชีวิตรวยต้นเดือน กลางเดือนกินแกลบมาสองปีกว่าๆ แล้ว
งานที่ทำหลักๆ สำหรับนักศึกษาอย่างฉันก็หนีไม่พ้นเป็นติวเตอร์สอนพิเศษตามที่บอกตอนแรก และในเมื่อถูกเลิกจ้าง ฉันก็เดินหน้าหางานใหม่ทันที ปากก็เคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตุ้ยๆ ในขณะที่มือเลื่อนสกอร์บาร์เม้าส์ไล่ดูประกาศรับสมัครติวเตอร์ในเว็บไซต์การศึกษาเจ้าประจำ
แต่ดูๆ แล้วมีแต่งานสอนที่เงินน้อยแฮะ ไอ้ที่ราคาสูงหน่อยก็อยู่ไกลจากที่พักเสียจริง นั่งรถไปกลับทีก็หมดเงินอื้อ เฮ้อออ... ไม่มีงานที่เงินดีๆ สักชั่วโมงละพันสองพันบ้างเลยหรือไงนะ =_=;;
ความคิดไม่ทันหายไปจากสมองดี พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแบนเนอร์สีเหลืองสดใส มีตัวหนังสือสีดำประกาศด้วยประโยคสั้นๆ แต่ทำให้ฉันเบิกตากว้างทันที
รับสมัครติวเตอร์หญิง สอนตัวต่อตัว
ทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น.
2,000 บาทต่อชั่วโมง
สถานที่สอนใกล้โรงแรมแกรนด์เซบาสเตียน มีรถรับ-ส่ง
ไม่ต้องเตรียมบทเรียนก่อนสอน
สนใจติดต่อ 080-xxx-xxxx เพื่อสมัครและรับการสัมภาษณ์
วะ...ว่าไงนะ สะ...สองพันบาทต่อชั่วโมงงั้นหรือ! =O=!
ฉันทิ้งซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงพื้นทันใด นิ้วไล่ไปตามหน้าจอโดยไม่สนว่าผงชูรสจากซองบะหมี่จะเลอะเทอะขนาดไหน พร้อมอ่านทวนประกาศนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าที่ฉันเห็นไม่ได้ตาฝาด
พระเจ้า... ให้เงินเยอะพร้อมสวัสดิการชุดใหญ่ขนาดนี้ สงสัยคงเป็นลูกคนรวยล่ะมั้ง
จะว่าไปไอ้โรงแรมแกรนด์เซบาสเตียนนี่ก็รู้สึกว่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่พักฉันเท่าไหร่แฮะ แต่มีการสัมภาษณ์ด้วย คงจะไม่ธรรมดาแน่ แล้วหัวขี้เลื่อยอย่างฉันจะสัมภาษณ์ผ่านหรือเนี่ย -_-
บ๊ะ! เอาก็เอาวะ ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย
เท่านั้นฉันก็คว้าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่ากึ้กขึ้นมากดเบอร์ที่ให้ติดต่อกลับทันใด เสียงสัญญาณระหว่างรอดังขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวระส่ำ ก่อนที่ครู่หนึ่งเสียงนุ่มทุ้มจากปลายสายจะดังขึ้นตอบรับวัตถุประสงค์ของฉันอย่างทันใจ
[สวัสดีครับ]
?สวัสดีค่ะ ที่ประกาศรับสมัครติวเตอร์หญิงในเว็บ xxx ใช่มั้ยคะ คือว่า...?
1
ไม่อยากจะเชื่อว่าการคุยในเบื้องต้นเพื่อขอรับการสัมภาษณ์เป็นติวเตอร์ตามประกาศนั้นจะง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่บอกความวัตถุประสงค์ของฉันไม่กี่ประโยค ปลายสายก็ตอบรับพร้อมนัดสถานที่ให้มาสัมภาษณ์ในวันรุ่งขึ้นเสร็จสรรพ และตอนนี้ฉันก็มาอยู่ยังสถานที่นัดแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากโรงแรมแกรนด์เซบาสเตียน โรงแรมที่มีเครือข่ายมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และที่น่าตกใจอันดับแรกเมื่อมาถึงหน้าห้องสัมภาษณ์คือ...
หนึ่ง... คนมาสัมภาษณ์เยอะมากกก! เยอะเว่อร์! เยอะกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แถมเป็นชะนีโบ๊ะหน้าจัดเต็ม มากันแบบสวยๆ ทั้งนั้น บางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตาว่าเป็นดารานางแบบหางแถวด้วยเถอะ ว่าแล้วก็เหลือบมามองสภาพตัวเองในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทยาวคลุมเข่า ...สุดจะไม่เข้าพวกเลย -_-
สอง... คนประกาศรับสมัครและตอบรับให้ฉันมาสัมภาษณ์เมื่อคืนนี้เป็นผู้ช่วยของประธานโรงแรม อันนี้ฉันได้ยินสาวๆ เม้าท์กันระหว่างรอน่ะ
และสาม... หากผ่านสัมภาษณ์ นักเรียนที่จะได้สอนคือลูกชายคนเดียวของตระกูลอัครเทวา ผู้เป็นเจ้าของเครือข่ายโรงแรมเซบาสเตียนทั้งหมดนี้!
โฮกกก! อกอีแป้นจะแตก =

ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากประเมินคู่แข่งที่รอสัมภาษณ์ แต่ละคนดูดีมีชาติตระกูลทั้งนั้น อย่างฉันมาแบบโลโซงี้คงไม่ได้หรอก จะถอดใจกลับตอนนี้ก็อุตส่าห์มาแล้ว เลยจำใจนั่งรอสัมภาษณ์อย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆ ที่พอจะเดาได้ว่าคงตกสัมภาษณ์เป็นแน่แท้
ไม่นานคนที่มีคิวสัมภาษณ์ก่อนหน้าฉันก็รับการสัมภาษณ์เสร็จ เสียงประตูที่เปิดออกเป็นสัญญาณให้ฉันรู้ว่าถึงตาฉันเข้าไปในห้องเย็นนั้นแล้ว
?ต่อไปขอเชิญคุณละอองฟองครับ?
ชายหนุ่มในชุดสูทท่าทางภูมิฐานขานชื่อฉัน ฉันอึ้งไปเล็กน้อยกับใบหน้าคมของเขา ก่อนสติจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเขาหันมาพูดกับฉัน
?คุณคือคุณละอองฟองใช่มั้ยครับ ถ้าใช่ขอเชิญเข้าไปด้านในเลย?
?ค่ะๆ... >_<?
ฉันหลับหูหลับตาผงกหัวปลกๆ เดินตามคำเชื้อเชิญอย่างว่าง่าย
บรรยากาศภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์ยุควิคตอเรีย ฉันนั่งลงตรงข้ามกับผู้ชายคนนั้น ลอบสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสมาธิ ก่อนแนะนำตัวออกไปตามมารยาทในการสัมภาษณ์งาน
?สะ...สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อนางสาวละอองฟอง ปุณฑริก ชื่อเล่นก็ชื่อละอองฟองค่ะ แต่คนส่วนใหญ่เรียกว่าอองฟองเฉยๆ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัย...?
?ผมทราบประวัติส่วนตัวเบื้องต้นของคุณทั้งหมดจากเอกสารแนะนำตัวที่คุณยื่นให้ตอนลงทะเบียนขอรับการสัมภาษณ์แล้วครับคุณละอองฟอง ไม่ต้องแนะนำตัวหรอก เสียเวลา?
พูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนเบรกกลางอากาศ เคยพูดๆ อยู่แล้วจู่ๆ อ้าปากค้างพูดต่อไม่ออกมั้ย = = นั่นแหละฉันตอนนี้เลย บอกให้เลยนะ ฉันล่ะไม่ชอบเวลาพูดอยู่แล้วมีคนแทรกขึ้นมาหักหน้าอย่างนี้มากที่สุดเลย
?อ่ะ...เอ่อ... ได้ค่ะ อย่างนั้นเริ่มการสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ ดิฉันพร้อมแล้ว?
ความ Alert ในตอนแรกพลันมลายหายสิ้น ฉันกลายเป็นผู้หญิงอมทุกข์ทันที ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เหอะ... ถ้าเขายิ้มแบบนี้ก่อนที่ฉันจะไม่สบอารมณ์ ฉันก็คงละลายไปแล้ว
ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่หล่อมากเลยทีเดียวนะล่ะ ผมรองทรงสูงปัดเสยแบบทันสมัยรับกับรูปหน้าเรียวตามแบบฉบับหนุ่มตี๋เกาหลีกิมจิเสียเหลือเกิน แถมยังเข้ากั๊นเข้ากันกับสูทสีกรมที่เขาสวมอยู่เสียอีก ดูจากหน้าตาท่าทางแล้วน่าจะอายุไม่มากกว่าฉันเท่าไหร่นัก ถ้าให้เดาก็คงอายุประมาณยี่สิบกลางๆ ได้
?ผมชื่อธาม เป็นเลขานุการของคุณหญิงปรางค์ รองประธานเครือโรงแรมแกรนด์เซบาสเตียน รับหน้าที่มาสัมภาษณ์คุณแทนคุณหญิงท่านนะครับ ยังไงผมขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่ธาม แล้วเรียกคุณว่าน้องอองฟองแล้วกันนะครับ จะได้คุยกันได้สบายๆ?
ฉันเหลือบมองแล้วพยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย -_- จะเรียกอะไรก็เอาเหอะ ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับการสัมภาษณ์นี้สักเท่าไหร่อยู่แล้ว ยิ่งมาโดนอีตาพี่ธามนี่ทำเสียเซลฟ์ ยิ่งหมดอารมณ์เข้าไปใหญ่
?ถ้าอย่างนั้นพี่ขอเริ่มเลยนะครับ... ขอทราบเหตุผลหน่อยได้มั้ยครับว่าทำไมน้องอองฟองถึงได้สนใจเข้ารับการสัมภาษณ์เป็นติวเตอร์งานนี้ครับ?
?เงินเยอะดี?
ตอบเสียงห้วน ตาไม่ชำเลืองแลมองคนตรงหน้าสักนิด แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าเขาคงอึ้งกับคำตอบขวานผ่าซากของฉันพอสมควร
?แล้วพอมีเหตุผลอื่นนอกจากนี้มั้ยครับ? พอตั้งสติได้ก็ถามต่อ
?ไม่มีค่ะ ดิฉันมาเพื่อเงินเท่านั้น?
?ถ้าเหตุผลของน้องอองฟองมาเพื่อค่าจ้าง แสดงว่าน้องอองฟองคงมีภาระทางการเงินพอสมควรสินะครับ ถึงได้หางานพิเศษทำระหว่างเรียนอย่างนี้?
คำถามนี้ทำให้ฉันเหลือบมองเขาเล็กน้อย
?ใครๆ เขาก็ทำงานเพื่อเงินกันไม่ใช่หรือคะ อีกอย่าง ภาระค่าใช้จ่ายของฉันมันเกี่ยวอะไรกับประเด็นการสัมภาษณ์ไม่ทราบ?
น้ำเสียงของฉันเริ่มเป็นมะนาวไม่มีน้ำมากขึ้น ไม่พอใจที่ถูกละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวทั้งๆ ที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงดีอย่างนี้
ทว่าคู่สนทนากลับอมยิ้มน้อยๆ จนเห็นลักยิ้มปรายบนใบหน้า
?ไม่เกี่ยวหรอกครับ พี่เห็นว่าในบรรดาผู้รับการสัมภาษณ์ มีน้องอองฟองคนเดียวที่ใส่ชุดนักศึกษา พี่เลยเดาว่าน้องอองฟองคงอยากทำงานหาเงินไว้เป็นทุนเรียนแน่ๆ ใช่มั้ยครับ??
?คิดว่าใช่ก็ใช่ คิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่?
?สรุปว่าใช่แล้วกันนะ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอถามคำถามอีกสักข้อนึง สมมติว่าน้องอองฟองไม่ผ่านการสัมภาษณ์และไม่ได้รับงานนี้ แต่พี่จะให้น้องอองฟองรับงานอีกงานนึง น้องอองฟองพอสนใจมั้ยครับ?
?งานอะไรคะ เป็นอีหนูให้ป๋าขาเลี้ยงหรือไง -_-?
ฉันรีบดักคอ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็เอะใจในน้ำเสียงและถ้อยคำของอีตานี่ขึ้นมาตงิดๆ จนต้องหันไปมองหน้า ยิ่งเห็นสายตากรุ้มกริ่มนั่นแล้ว ยิ่งแน่ใจขึ้นมาหน่อยๆ ว่าเขาจะพูดอะไรต่อจากนี้
ฮึ! แม้ฉันจะใส่แว่นสายตาอันใหญ่เทอะทะก็ตามที แต่ก็ใช่ว่าฉันจะขี้ริ้วขี้เหร่เลวร้ายอะไรเสียหน่อย ฉันก็แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนสาวๆ ทั่วไปนะ ผมฉันยาวถึงกลางหลังได้ แถมย้อมสีแดงประกายม่วงพร้อมดัดลอนอ่อนๆ ตามแฟชั่น หน้าตาก็จิ้มลิ้มเป็นสาวหมวยอินเทรนด์ไม่น้อย อย่าว่าหลงตัวเองเลย ฉันก็น่ารักน่าหยิกใช่ย่อยล่ะ (อวยตัวเอง) และไอ้ฟอร์มการพูดแบบนี้ ฉันเองก็เคยเจอพวกหัวงูก้อร่อก้อติกเวลาทำงานพาร์ตไทม์ก่อนมาเป็นติวเตอร์มาเยอะเหมือนกัน แค่นี้ทำไมจะไม่รู้
?จุ๊ๆ พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับน้องอองฟอง อย่าเรียกว่าอีหนูกับป๋าขาเลย เรียกว่าเป็นสปอนเซอร์ดีกว่า?
อีตาธามว่า พลางลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะมายังฝั่งที่ฉันนั่ง ก่อนทรุดตัวนั่งบนโต๊ะใกล้ๆ ฉัน วางมาดเป็นอาเสี่ยสุดฤทธิ์
...เหอะ ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ -_-;; น่าตกใจตรงที่ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาดีอย่างเขาชนิดแค่กวักมือ ผู้หญิงก็วิ่งมาหาเป็นโขยงก็เป็นอาเสี่ยแล้ว โลกนี้มันชักอยู่ยากขึ้นทุกวันแฮะ
?จะสปอนเซอร์ ลิโพ เอ็มร้อยอะไรก็เอาเถอะค่ะ ดิฉันขอบายดีกว่า ขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์วันนี้นะคะ?
พอเห็นท่าไม่ดีฉันก็รีบตัดบทถอยทัพหนี ทว่าเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันจะลุกหนี ไม่ทันได้ลุกขึ้น มือใหญ่ก็คว้าบ่าฉันและกดให้นั่งลงดังเดิม ทำเอาฉันถึงกับเบิกตาโพลง
?ทะ...ทำอะไรน่ะ O_O;;?ฉันถามเสียงแอบสั่นน้อยๆ มีลางสังหรณ์ขึ้นมาว่าหากอยู่ที่นี่นานกว่านี้คงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
?จะรีบไปไหนล่ะครับน้องอองฟอง พี่ให้ค่าขนมได้ไม่อั้นเลยนะ เผลอๆ มากกว่าค่าจ้างรายชั่วโมงที่คุณหญิงปรางค์ให้อีก ไม่สนใจจริงๆ หรือ?
ไม่ว่าเปล่า หมอนี่เลื่อนมือจากบ่าของฉันไล่มาตามท่อนแขน ทำเอาฉันขนลุกเกรียวทันใด อ๊ากกก! นี่มันเข้าข่ายลวนลามแล้ วนะ =O=!!
?ละ...แล้วมาสนใจอะไรดิฉันกันเล่า นางบงนางแบบผู้หญิงคนอื่นสวยๆ มีเยอะแยะ ทำไมไม่ไปถามฮะ!?
ฉันสะบัดตัวเบี่ยงออกแล้วรีบลุกขึ้นยืน เขายอมปล่อยแต่โดยดีโดยมีท่าทีเสียดายนิดๆ ก่อนจะยกมือข้างที่จับแขนฉันเมื่อครู่ขึ้นมาอังจมูกคล้ายๆ สูดดมกลิ่นอะไรอย่างนั้น... โรคจิตชัดๆ -_-;;
?ก็... คนอื่นไม่น่ารักโดนใจพี่นี่นา อีกอย่างพี่ชอบผู้หญิงน่ารักใสๆ ไม่ต้องโบกเครื่องสำอางหนา เวลาจูบจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะกินสารอะไรต่ออะไรเข้าไป แต่งหน้าน้อยๆ ริมฝีปากชมพูใสๆ แบบน้องอองฟองสิดี ไม่ต้องกินลิปสติกเข้าไป ไม่เสี่ยงเป็นมะเร็งง่ายๆ?
หมอนั่นว่าพลางทำตาหวานเยิ้ม ขณะที่ฉันชำเลืองมองหาทางหนีทีไล่ไปยังประตู บอกตัวเองให้รีบออกจากห้องนี้ก่อนที่หมอนั่นจะหาทางมากินเครื่องสำอางบนหน้าฉัน -_-;;
?ถ้าคุณยังขืนลวนลามฉันด้วยคำพูดอยู่ล่ะก็ ฉันแจ้งความคุณข้อหาหมิ่นประมาทแน่?
ไม่รู้จะขู่อะไรก็เอากฎหมายเข้าขู่ซะเลย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือเปล่า =w=;;
?ฮึๆ ก็เอาสิครับ ถ้าน้องอองฟองอยากจะแจ้งนะ เสียเงินไม่เท่าไหร่แลกกับได้จูบน้องอองฟองสักจูบก็ถือว่าคุ้ม?
เอาแล้วยัยอองฟองเอ๊ย! รีบออกจากที่นี่โดยด่วนเลย!
เท่านั้นฉันก็ไม่รั้งรอที่จะอยู่ต่อไป รีบถลาไปยังประตูหมายจะออกไปข้างนอก แต่ร่างสูงก็ปราดตัดหน้าไปสับกลอนประตูฉับเสียอย่างนั้น ฉันอ้าปากค้าง เหงื่อแตกพลั่กเมื่อเขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้
?คิดว่าจะหนีรอดหรือ?
?ยะ...อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ นะ ไม่งั้นฉันเอาเรื่องคุณถึงที่สุดแน่!?
ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่เสียงดังไว้ก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะเขาเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ ขณะที่ฉันถอยหลังร่นไปเรื่อยๆ และก่อนที่ฉันจะได้หมุนตัวหนี เขาก็ถลามารวบเอวฉันไว้แล้วรั้งเข้าหาตัว
?ฮะ...เฮ้ย! O_O!?
?เรามาสนุกกันดีกว่านะครับน้องอองฟอง ^-^?
ไม่ทันที่ฉันได้ปฏิเสธหรือตอบรับใดๆ หมอนั่นก็โน้มหน้าเขามาใกล้... ใกล้... ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ
แหมมม... มองใกล้ๆ แล้วอีตาพี่ธามนี่หล่อโลกตะลึงอยู่เหมือนกันนะ สนองไปสักทีดีมั้ยเนี่ย =///= เอ๊ะ!?! มะ...ไม่ใช่ละ มันไม่ใช่แล้วโว้ยยย! ต้องหนีต่างหากเล่า! =O=!
?อย่านะ! อย่านะค้า!! พรู่ดดด! =3=!?
จังหวะที่เขาเกือบจะจูบฉันก็ร้องลั่นพลันรวบรวมน้ำลายทั้งหมดที่มีในปากพ่นใส่หน้าเขาทันใด ได้ผลทันควัน หมอนั่นผงะหงาย ปล่อยมือออกจากฉันแล้วขยี้หน้าตาตัวเองเป็นพัลวัน
?เอ้ย! ทำอะไรเนี่ย เหม็นชะมัดเลย บ้าไปแล้วหรือไง!?
คำถามนั้นควรจะเป็นของฉันต่างหากเฟร้ยยย! =O=* แต่ฉันก็ไม่อยู่รอตอบ พอโอกาสมาถึง ฉันก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รี่เข้าไปปลดล็อกประตูแล้วผลุบออกไปด้านนอกอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งให้อีตาอาเสี่ยหน้าหล่อดมน้ำลายฉันอย่างสุขีตามลำพัง
วันนี้รอดมาได้แล้ว ชาตินี้ก็ขออย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยนะตาบ้าเอ๊ย! -_-*
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จะมีใครดวงตกอับโชคเหมือน ?ละอองฟอง? คนนี้อีกมั้ยเนี่ย! นอกจากจะถูกพ่อแม่ปล่อยเกาะให้หาเงินเรียนต่อเองแล้ว ยังถูกเลิกจ้างงานพิเศษพร้อมๆ กับถูกเจ้าของหอทวงหนี้ค่าเช่าห้องในวันเดียวกันอีก Y_Y แต่ยังดีที่มีคนมาเสนองานให้เป็นครูสอนพิเศษ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามตกหลุมรักลูกศิษย์ตัวเองเด็ดขาด ไม่งั้นจะไม่ได้เงินสักบาท และยังถูกปรับเป็นสิบเท่าของค่าจ้างทั้งหมด แหม~ งานสบายรายได้งามแบบนี้ปฏิเสธก็โง่เต็มทีละ ^O^ อีกอย่างฉันก็มีแฟนหนุ่มแสนดีอยู่ทั้งคน ไม่มีทางทำผิดข้อตกลงแน่นอน แต่ใครจะคิดล่ะว่าลูกศิษย์ที่ว่าจะเป็นชายหนุ่มมากเสน่ห์ขนาดนี้ แถมเขายังชอบมาตามเกาะแกะกวนประสาทฉันอีก โฮ~ TTOTT ออกไปไกลๆ เซ่! ไม่รู้หรือไงว่าเซ็กซ์แอพพีลของนายมันทำให้ฉันหวั่นไหวนะยะ!!
