ตึก ตึก ตึก
อาคารเรียนที่เงียบเหงาและไร้เงาของสิ่งมีชีวิตในช่วงวันปิดเทอมทำให้ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองที่กำลังเดินอยู่ในตัวอาคารชัดเจน ฉันไม่เคยคิดชอบความวุ่นวายก็จริงอยู่ แต่พอมองดูซ้ายแลขวาแล้วไม่เจอใครสักคนเลยแบบนี้มันก็ชักจะโหยหาความวุ่นวายที่ว่านั่นขึ้นมาตงิดๆ เหมือนกันนะ
ยังไงก็แล้วแต่...เป้าหมายของฉันก็ยังเป็นห้อง 11-C ที่อยู่ชั้นสองของตึกนี้ไม่เปลี่ยนแปลง!
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้วก็คือว่า ฉันมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องไปเอาของที่อยู่ใต้โต๊ะเรียนของน้องสาว...ก็ห้อง 11-C นั่นล่ะ แถมของที่ว่านั่นก็ไม่ได้เอามาให้ตัวฉันเองด้วย แน่นอนอยู่แล้วว่าพี่สาวที่แสนดีอย่างฉันต้องทำเพื่อน้อง แต่ดูเหมือนน้องของฉันอาจจะคิดแตกต่างกันคนละองศาก็ได้ ถึงไม่ยอมรับฟังเลยว่าอีกไม่กี่วันก็เปิดเทอมแล้ว ไว้รอมาเอาตอนนั้นเลยก็ได้ และเพราะเป็นอย่างนั้นฉันถึงมาที่นี่...ตรงนี้ เอ่อ วิเวกวังเวงเกินไปป่ะ?
ฉันคิดไปพร้อมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคล้ายฝีเท้าคนดังมาจากชั้นสูงกว่า ไม่รู้ด้วยเหตุนี้หรือเพราะอะไรอื่นด้วยหรือเปล่าฉันถึงได้รู้สึกตื่นตระหนกจนใจเต้นแรงรัวจนชักจะเจ็บชีพจรนิดๆ
ไม่ได้การ...ต้องรีบแล้ว! ฉันบอกตัวเองแล้วรีบวิ่งให้เร็วและเบาที่สุดเข้าไปยังห้อง 11-C ต่อด้วยวิ่งลนลานไปยังโต๊ะเรียนของน้องสาวที่จำได้แม่นว่าอยู่ติดริมหน้าต่าง ก่อนจะรีบล้วงมือไปหยิบถุงสีชมพูตามคำสั่งของน้องบังเกิดเกล้าออกมา เสร็จจากนั้นฉันก็ตั้งใจจะรีบออกไปจากห้องและกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด ทว่า...
?อย่าวิ่งในอาคารเรียนสิฟะเจ้าบ้า!?
ใช่...เสียงเล็กแต่ห้าวที่ดังขึ้นเมื่อครู่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจ ไม่ใช่จะเปลี่ยนใจเป็นไม่ออกไปจากที่นี่หรือไม่กลับอะไรหรอกนะ แต่ว่าฉันอยากจะอยู่นิ่งๆ ตรงนี้เพื่อพิจารณาสถานการณ์สักนิดก่อนว่าควรเอาไงดี แล้วตอนที่ฉันกำลังคิดแบบนี้อยู่นั้นเสียงหัวเราะจากใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฟังไม่ผิดเสียงที่ว่ามันดังอยู่ใกล้ๆ นี่เองไม่ใช่เรอะ!?
?ผมว่าพวกเราคุยกันตรงนี้ให้จบๆ เลยดีมั้ยลีดเดอร์ จะได้ไม่ต้องไปห้องซ้อมให้เสียเวลา ยังไงที่นี่ก็คงไม่มีคนอยู่แล้ว?
?อือ เอางั้นก็ได้?
?ดีเลย งั้นรีบคุยให้เสร็จเถอะครับ แล้วจะได้ไปเที่ยวกัน?
ฉันไม่รู้เลยว่าเจ้าของเสียงทุ้มที่พูดกันเมื่อครู่เป็นใครบ้าง รู้แต่ว่ามันทำให้ฉันสับสนและเริ่มลังเล ทั้งที่ฉันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูของฝั่งด้านในแล้ว หากฉันก็ยังไม่รู้และไม่แน่ใจเลยว่าควรจะเปิดประตูออกไปตอนนี้ดีมั้ย?
?มันจะดีได้ไงฟะเจ้าบ้า!?
ผัวะ!
ฉันสะดุ้งสองต่อเมื่อได้ยินเสียงตวาดและเหมือนเสียงคนต่อยตีกันดังขึ้น แล้วฉันก็แน่ใจเลยว่าเสียงเมื่อครู่เกิดจากการประทุษร้ายหรือใช้กำลังอย่างแน่นอน เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องโอดครวญอย่างต่อเนื่อง
?โอ๊ยๆๆ มาทำร้ายใบหน้าอันงดงามที่แสนสำคัญของฉันทำไมล่ะนี่ T0T#?
?ลีดเดอร์ ฉันขอฆ่าไอ้บ้านี่จะได้มั้ย?
?ใจเย็นน่า?
คนที่ถูกเรียกว่า ?ลีดเดอร์? ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นที่ฟังดูสบายๆ ถึงไม่ได้เห็นสีหน้าแต่ฉันก็พอจะเดาออกว่าเขาคงจะเป็นผู้ชายที่สุขุมนุ่มลึกไม่เบา...ล่ะมั้ง
?แต่ว่า...?
?ไม่เป็นไรหรอก คุยกันตรงนี้แหละ ตอนแรกฉันก็ว่าจะชวนคุยตั้งแต่เอาของเสร็จตอนอยู่ชั้นบนแล้ว?
?แล้วมันจะดีเหรอลีดเดอร์ ฉันว่าเราลงไปคุยกันในห้องซ้อมไม่ดีกว่าเหรอ อีกอย่างถ้าเกิดมีคนมาได้ยินเข้าพวกเราไม่ซวยแย่หรือไง ไม่สิ...ซวยกันยกก๊วนแน่ๆ?
ยะ...แย่ล่ะ! นี่มันเป็นเรื่องถ้าคนอื่น...(อย่างฉัน) ได้ยินเข้าแล้วพวกเขาจะซวยกันหมดยกก๊กเลยงั้นเรอะ แล้วฉันจะทำไงดีล่ะ? ออกไปตอนนี้เลยดีมั้ยเนี่ย...ถ้าไม่รีบแล้วเกิดได้ฟังเรื่องที่คนพวกนี้คุยกัน ฉันไม่ซวยยิ่งกว่าเหรออออ
?อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอก?
?ถ้าเกิดมีคนมาได้ยินเข้าจริงยิงทิ้งซะก็สิ้นเรื่องใช่มั้ยล่ะลีดเดอร์?
แว้กกกกก ยิงทิ้ง! จะยิงกันทิ้งเลยงั้นเร้ออออ!?
?ก็พูดเกินไป?
?แต่ยังไงลีดเดอร์ก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?
?ฮึ...แล้วฉันเคยทำให้พวกนายผิดหวังรึไง?
ฉันกำลังจะอกแตกตายเพียงเพราะการมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาของตัวเอง แล้วเมื่อตระหนักได้ว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อต้องเป็นเรื่องแน่ๆ ฉันจึงรีบยื่นมือไปจับลูกบิดประตูอย่างลนลาน หากไม่กล้าเปิดออกไปเมื่อได้ยินพวกเขาพูดประโยคต่อมาว่า...
?เอาเป็นว่ามาคุยเรื่องไลฟ์ที่จะแสดงคราวหน้ากันเถอะ พวกนายคงไม่คิดจะให้วง Chocolate kiss ของพวกเราลิปซิงค์กันตลอดหรอกใช่มั้ย?
ฉันคิดว่าฉันพลาดแล้วจริงๆ ที่ไม่รีบเปิดประตูออกไปตั้งแต่แรก เท่าที่ได้ฟังและสมองวิเคราะห์ผลออกมาได้นั้น...ฉันว่าฉันไม่สมควรจะได้ฟังเรื่องพวกนี้ของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าพวกคนที่คุยกันอยู่ด้านนอกจะเป็นคนจากวง Chocolate kiss หรือที่เรียกย่อๆ ว่าวง CK วงดนตรีอินดี้ของเด็กโรงเรียนเดียวกันกับฉันที่กำลังโด่งดังสุดๆ อยู่ในตอนนี้ ได้ยินมาว่าแฟนคลับของพวกเขามีทั้งในและนอกโรงเรียนเลยนะ
?แต่คราวหน้าเราก็คงต้องลิปซิงค์กันอีกอยู่ดีไม่ใช่เหรอลีดเดอร์?
?อ๊ะ ริคุพูดถูกเผงเลย?
?นายน่ะหุบปากไปเลยไอ้นักร้องห่วยแตก คืนนี้ไปฝึกลิปซิงค์มาให้คล่องเลยนะเฟ้ย?
...แล้วที่น่าเหลือเชื่อกว่าอะไรทั้งหมดนั่นก็คือ เรื่องที่วงดนตรีสุดเจ๋งและได้รับคำยกย่องชมเชยจากคนมากมายใช้วิธีลิปซิงค์ในการแสดงสด (ไลฟ์) นี่แหละ ฉันไม่ใช่แฟนคลับของพวกเขาก็จริง แต่เท่าที่เคยฟังเพลงของพวกเขาก็ยอมรับนะว่าทำเพลงได้ดีมากๆ ...ดีมากซะจนคิดไม่ถึงสักนิดว่าพวกเขาจะแหกตาคนดูด้วยการลิปซิงค์แบบนั้น!
นี่ถ้าอีฟนิ่ง...น้องสาวสุดที่รักของฉันรู้เข้าต้องใจสลายแน่ๆ เลยอ่ะ ยัยนั่นแฟนคลับตัวยงคนพวกนี้เลยนะขอบอก!
?พวกนายสองคนเลิกทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ซะทีเถอะน่า ว่าแต่นี่มีใครติดต่ออึนโดได้บ้างรึเปล่า?
สิ้นเสียงเมื่อครู่ฉันสะดุ้งโหยงพร้อมร้องขึ้นลั่นเมื่อมีใครสักคนเข้ามาแตะบ่าจากทางด้านหลัง จากนั้นฉันก็เห็นประตูห้องถูกเปิดพรวดเข้ามา โดยมีหลายเสียงประสานกันดังขึ้น
?นั่นใครน่ะ!!?
หายนะบังเกิดแล้วววว แถมยังมาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบนี้อีก TOT;;
?อึนโด...นั่นนายไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น?
คนที่ตัวเล็กสุดในกลุ่มร้องถามขึ้นพร้อมกับมองมายังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉัน เอาเถอะนะ...ถึงเจ้าตัวจะไม่ตอบ แต่อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้ฉันรู้นั่นแหละว่าคนที่ทำให้ฉันตกใจไม่แพ้กับพวกคนที่เปิดประตูพรวดเข้ามาก็คือ นายอึนโดหรือคังอึนโด...หนึ่งในสมาชิกของวง Chocolate kiss นั่นเอง
แล้วอยู่ๆ คังอึนโดก็คว้าแขนฉันไว้หมับพร้อมส่งเสียงออกมา
?ถามได้ริคุ ฉันก็มาดักจับพวกคนที่ชอบแอบฟังเรื่องของคนอื่นไง?
?ปะ ปล่อยฉันนะ?
ฉันร้องออกไปก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรออกมาเสียอีก แต่อย่างที่คิดคือ คังอึนโดไม่ยอมทำตามที่ฉันบอก แล้วที่น่าเจ็บใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลยก็คือ เรี่ยวแรงของฉันมันมีไม่เพียงพอที่จะสลัดมือของเขาได้อย่างที่ต้องการนี่แหละ
?พูดเอาดีเข้าตัวเลยนะ -*-? ผู้ชายอีกคนที่ฉันจำได้ว่าเขาเป็นนักร้องนำของวงพูดแล้วเข้าไปกระโดดเกาะไหล่ริคุ ?ทั้งที่ก่อนหน้าติดต่อไม่ได้แท้ๆ เนอะริคุ?
?มาน้งมาเนอะอะไรของนาย ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร -?-;;? ริคุถามพร้อมเหลือบมามองฉันตาดุ
?เรื่องนั้น...ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน?
?โด่...ไม่รู้สินะเจ้าบ้าอึนโด แล้วที่อวดดีเมื่อกี้มันอะร้ายยยย เล่นมุกตลกหรอกเหรอ?
?ตลก? แกคิดว่าฉันทำอย่างนั้นเหรอ ก็ได้ จัดไป?
?จัดไป? ที่คังอึนโดบอกคือกำปั้นตั๊นไปบนใบหน้าหล่อใสของอีกฝ่าย ฉันอยากจะกราบขอบคุณพวกเขาทั้งสองคนงามๆ ที่ตอนนี้เข้าสู่การวิวาทกันเต็มรูปแบบ แถมยังทำให้ริคุต้องเข้าห้ามทัพอีกด้วย ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายที่พวกเขาสร้างกันขึ้นเองทำให้ฉันใช้โอกาสนี้ย่องหนีออกไป
?จะไปไหนเหรอ?
เสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกพร้อมชะงักกึก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างกล้าๆ กลัวๆ
?ว่าไง จะรีบไปไหนเหรอ?
คนที่ถามย้ำและกำลังทำให้ฉันตัวสั่นน้อยๆ อยู่นี้คือ จูเจียเหว่ย ลีดเดอร์หรือหัวหน้าวงผู้สง่างามและมากความสามารถของวง Chocolate kiss ส่วนสาเหตุที่ทำให้ฉันกลัวเขาจนพูดอะไรไม่ออกเลยก็คือข่าวลือที่ได้ยินมาอย่างหนาหูว่า ผู้ชายคนนี้แหละที่เป็นตัวอันตรายที่สุดในวง ทั้งเย็นชาและเลือดเย็น จนแม้กระทั่งพวกเด็กเกเรทั้งหลายทั้งปวงก็ยังเข็ดขยาดเลย คิดดู!
?ถามก็ไม่ตอบ งั้นแสดงว่าคงไม่รีบไปสินะ?
จูเจียเหว่ยถามพร้อมตบท้ายด้วยรอยยิ้มเย็น ขณะที่ฉันได้แต่ยิ้มอย่างฝืดเฝื่อนและต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะสบตาคู่นั้นของเขาตรงๆ
และเป็นอีกครั้งที่ฉันอดทึ่งไม่ได้กับใบหน้าที่สุดแสนเพอร์เฟกต์ของเขา พลางคิดในใจไปด้วยว่าคนเรามันเกิดมาได้หน้าตาดีขนาดนี้เชียวเหรอ?
...ดวงหน้าเรียวได้รูป นัยน์ตาสีดำอมเทานั่นทั้งคมและหวาน ไหนจะมีพลังดึงดูดและเย้ายวนไปในคราวเดียวกันอีก จมูกก็โด่งแหลมสวยรับกับปากหยักสีสดชุ่มชื้น ผมสีเทาเข้มของเขายาวไล่ระดับต้นคอนั่นน่าจะเซ็ตพอเป็นพิธี แต่กลับดูดีอย่าบอกใคร ส่วนผิวขาวจั๊วะอย่างกับมาร์ชเมลโล่ยังไงยังงั้นเลยล่ะ
?ถ้าอย่างนั้นมาคุยกันหน่อยละกัน?
ฉันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ จูเจียเหว่ยยื่นมือมาฉุดข้อมือฉันไปอย่างหน้าตาเฉย...ใจจริงฉันก็อยากจะรีบสะบัดมือเขาออกแล้วรีบหนีอยู่หรอกนะ แต่นอกจากร่างกายจะไม่อำนวยให้ทำแบบนั้นแล้ว ฉันยังคิดขึ้นได้อีกว่าการทำแบบนั้นมันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ ถึงจะอยากรีบหนีแต่โทษทีเถอะ ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงหรอกนะ
?ขะ...ขอร้องล่ะ T.T ปล่อยฉันไปเถอะนะ? ฉันใช้การเจรจาพร้อมตีหน้าเศร้าประกอบฉาก
?แบบนั้นจะดีเหรอ?
?ดีสิ ดีสุดๆ เลยล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันสาบานก็ได้ว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหละ?
ทันทีที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นจูเจียเหว่ยก็ยิ้มเย็นยะเยือก...เป็นยิ้มที่ชวนให้ขนลุกขนพองและสยองเกล้าจนฉันนึกถึงหน้าพ่อกับแม่ขึ้นมาทันทีทันใดเลยล่ะ
?ToT อะ...เอ่อ?
?ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันคงจะปล่อยเธอไปไม่ได้หรอก? จูเจียเหว่ยพูดแล้วหันไปหาอีกสามคนที่ไม่รู้ว่าเลิกทะเลาะกันแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็กำลังเดินเข้ามาสมทบด้วย ?พวกนายเห็นด้วยใช่มั้ย?
พอถูกถามแบบนั้นสามชีวิตที่เหลือก็หันไปมองหน้ากันเอง แล้วหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มที่ดูแล้วน่าสงสัยสุดๆ
?เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ?
จูเจียเหว่ยพูดเหมือนจำใจ แต่ก็เข้ามาช้อนร่างฉันขึ้น ฉันตกตะลึงจนลืมไปเลยว่าตัวเองมีเสียง แล้วทันทีที่ได้สติฉันก็กรีดร้องลั่นพร้อมดิ้นขลุกไปมาในวงแขนของลีดเดอร์แห่งวง Chocolate kiss
...งานนี้วิกฤตซะแล้ว วิกฤตสุดๆ เลยล่ะ โฮ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพราะถูกน้องสาวขอร้องให้ช่วยไปเอาของที่ลืมไว้ เลยทำให้ ?มอร์นิ่ง? ต้องกลายเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์บางอย่างของ 4 หนุ่มสมาชิกแห่ง Chocolate kiss วงดนตรีชื่อดังของโรงเรียนเข้าโดยไม่ตั้งใจ แล้วยังถูกพวกเขากล่าวหาว่าเป็นแฟนคลับโรคจิตที่สะกดรอยตามมา (-_-") จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ยังไงล่ะ ก็ของที่ฉันมาเอามันคือซีดีอัลบั้มเพลงวง Chocolate kiss น่ะสิ =[]= หลักฐานมัดตัวขนาดนี้พวกเขาเลยไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ ซ้ำร้ายยังบังคับให้ฉันเลือกว่าจะยอมเป็นผู้หญิงของใครใน 4 คนนี้อีก TTOTT นี่มันเรื่องบ้าบออะไรก๊าน! ขืนทำอย่างนั้นฉันต้องตกเป็นเป้าถูกแฟนคลับพวกเขารุมทึ้งแน่ๆ แต่โวยวายไปก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายฉันก็ถูกพวกเขาลากเข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายอยู่ดี โฮ~ แล้วฉันจะหนีจากพวกบ้านี่ยังไง ใครก็ได้บอกฉันที!
