New Release ร้อยรัก: พิศวาสนางฟ้า

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก: พิศวาสนางฟ้า

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

การเดินทางไกลบ้านเป็นครั้งแรกในชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ 'พลับพลึง' ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ร่างเล็กแอบย่องลงจากเตียงออกมานั่งห้อยเท้าหน้าชานกลางดึกสงัด ลมพัดกลิ่นดอกไม้ป่ามาพอหอม พลับพลึงสูดเอาๆ เหมือนว่าจะกักตุนเผื่อไปหอมต่อที่กรุงเทพ
'จันทร์สวย' รบเร้าจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ไม่มีใครกล้าขัดใจสาวน้อยนิสัยเหวี่ยงมโหฬารอย่างหล่อนหรอก ทุกคนพะเน้าพะนอเอาใจจนหล่อนเหลิง ลำพองไปว่าหล่อนเกิดมาเพื่อได้ทุกอย่าง มันเป็นความโชคดีด้วยที่ฟ้าประทานความสวยบาดจิตมาให้ ยิ่งโตเป็นสาวก็ยิ่งสวย จนได้ฉายาว่า 'นางฟ้าบ้านสวน'
ตรงกันข้ามกับพลับพลึงที่ยิ่งโตเป็นสาว ความเรียบเชยก็ยิ่งโดดเด่น แต่เธอก็ไม่นึกน้อยใจที่เกิดมาแล้วมีวาสนาแตกต่างจากญาติผู้พี่ เธอเจียมตัวเสมอว่าเป็นลูกกำพร้า มารดาหนีไปกับชายชู้ทิ้งเธอในวัยหกขวบไว้กับบิดาขี้เหล้า ตอนหลังก็เมามายไม่ได้สติ เดินแอ่นอกไปท้าชนกับรถบรรทุกสิบล้อ ไม่ถึงอึดใจ ท่านก็จากเธอไปไม่กลับมาอีกเลย
"นั่นใคร"
"พลับพลึงเองจ้ะป้าวิไล"
'ป้าวิไล' เป็นป้าสะใภ้ของเธอ นางเป็นภรรยาของ 'ลุงผู้ใหญ่เต๋อ' ซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของเธอ สามีภรรยาคู่นี้อุปการะเลี้ยงดูเธอต่อจากบุพการี
"มานั่งห้อยเท้ารอกระสือมากินตับหรือวะนังพลับพลึง ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่หลับไม่นอน"
"พลับพลึงนอนไม่หลับจ้ะ"
เธอกระโดดลงจากชานอย่างคล่องแคล่ว ช่วยรับเข่งใบย่อมไปวางใต้ถุน ป้าวิไลไปงานแต่งเพื่อนต่างหมู่บ้าน ขากลับคงซื้อหาผักผลไม้มาตุนไว้ขายสักสองสามวัน อันที่จริง ด้วยฐานะมั่งคั่งตามประสาเศรษฐีบ้านสวน ป้าวิไลไม่ต้องตากหน้าขายของในตลาดอีกก็ได้ แต่นางก็อยู่เฉยๆ ไม่เป็น อีกอย่างก็เป็นนิสัยงกส่วนตัวด้วย
"งานสนุกไหมจ๊ะ" เธอถามพลางเดินตามนางขึ้นมาบนชาน แล้วตักน้ำในตุ่มให้ดื่มแก้เหนื่อย
"ก็พอไหว" น้ำเสียงตอบคล้ายดูแคลนนิดๆ "นี่นะ ไม่ใช่ป้าแอบนินทานะ ลองว่าเป็นงานแต่งหนูจันทร์สิ รับรองเลยว่างานไอ้มั่นคืนนี้ชิดซ้ายลงคลองเว้ย"
คนรอบข้างและใกล้ตัวเรียกจันทร์สวยว่า 'หนูจันทร์' แต่ป้าวิไลกลับสอนให้เธอเรียกบุตรสาวโทนหัวแก้วหัวแหวนว่า 'พี่จันทร์สวย'
"เอ้อ แล้วนี่พี่จันทร์สวยของแกหลับแล้วหรือ"
"จ้ะ ตั้งแต่หัวค่ำเลย สงสัยคงดีใจว่าพรุ่งนี้จะได้เข้ากรุงเทพเสียที บ่นๆ เร่งวันเร่งคืนมาตั้งหลายวันแล้วนี่"
"เฮ้อ" ป้าวิไลถอนใจพลางวางขันน้ำไว้ข้างตัว แล้วบ่น "ไม่รู้มันจะดิ้นรนไปเรียนไกลๆ ทำไม เชียงใหม่ของเราก็มีที่เรียนใหญ่ๆ ตั้งหลายแห่ง กรุงเทพมันจะมีดีอะไรนักหนาวะ ร้อนก็ร้อน คนก็เยอะ รถก็ติด สู้เชียงใหม่เราก็ไม่ได้"
เธอยิ้มและฟังไปเงียบๆ ลุงผู้ใหญ่เต๋อสอนเสมอว่าผู้ใหญ่พูดอะไรก็ให้ฟังเฉยๆ อย่าสอด อย่าแสดงความเห็น เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องอวดฉลาดให้ผู้ใหญ่หมั่นไส้ ซ้ำจะกลายเป็นชังน้ำหน้าในภายหลังอีก
แต่บางครั้งเธอก็อดขำไม่ได้เวลาได้ยินลุงผู้ใหญ่เต๋อพร่ำสอนจันทร์สวยให้มั่นใจในตัวเอง ต้องกล้าพูดกล้าทำ คิดอะไรก็ต้องบอกต้องเสนอ อย่าดีแต่ฟังผู้ใหญ่ตะพึดตะพือ เพราะผู้ใหญ่พูดผิดคิดผิดก็มีออกถมไป ถ้าทำได้อย่างที่สอน คนอื่นก็จะไม่มาดูถูกว่าหล่อนสวยแต่ไร้สมอง
"เอ้อ แกก็เหมือนกันนะนังพลับพลึง"
"จ๊ะป้า" ภวังค์ขำช่วงสั้นๆ หายวับไปเลยพร้อมกับเสียงกระทุ้งปุบปับของป้าวิไล
"ไปถึงทางโน้นแล้วก็อย่ามัวแต่เห่อรู้ไหม พี่จันทร์สวยเขาไปเรียนหนังสือ แกก็ต้องอยู่รับใช้ หยิบจับทุกอย่างให้พี่เขาสะดวกสบายที่สุด อย่าให้ป้ารู้นะว่าแกทำตัวเห่อเหิมเสมอพี่เขาน่ะ ป้าจะให้ลุงผู้ใหญ่ลากคอกลับมาเฆี่ยนให้หลังลาย"
"จ๊ะป้า พลับพลึงไม่ทำอย่างนั้นหรอก"
"เออ ดีแล้ว เกิดเป็นคนดีมันก็ต้องดีให้ได้ทุกอย่างและทุกเวลาเว้ย โดยเฉพาะความกตัญญู เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ห้ามมีเงื่อนไข ห้ามมีข้ออ้าง และห้ามมีเหตุผล"
ลุงป้าสามีภรรยามักจะกรอกหูด้วยประโยคซ้ำซากแบบนี้จนท่องได้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจดจำแล้วเจื้อยแจ้วเหมือนนกขุนทอง เธอจำได้และปฏิบัติได้ด้วย เธอระลึกเสมอว่าที่มีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้ก็เพราะข้าวแดงแกงร้อนของลุงป้า เธอจะไม่มีวันคิดคดทรยศ จะไม่เนรคุณ จะไม่อกตัญญู แน่นอน มันต้องไม่มีเงื่อนไขข้ออ้างและเหตุผลตามที่ท่องๆ ไว้นั่นล่ะ
"เฮ้อ" ป้าวิไลถอนใจอีกแล้วตามด้วยบ่น "คิดแล้วก็ใจหายเว้ย เห็นหน้ากันทุกวันๆ แต่พอพรุ่งนี้ไป ก็อีกตั้งสี่ปีแน่ะ กว่าจะได้เห็นหน้ากันอีก ป้าไม่รู้เลยว่าจะทำใจไม่ให้คิดถึงพี่จันทร์สวยของแกได้ยังไง"
"ก็ใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์สิจ๊ะ พี่จันทร์สวยสอนให้แล้วไม่ใช่หรือ"
"เอ๊ะ นังนี่เดี๋ยวเถอะ ยังจะมาย้อน" นางขึงขังจะเขกหัว ตวัดค้อนฉุนๆ แล้วว่าเสียงอ่อยๆ "สอนแล้วยังไงวะ ก็มันใช้ไม่ค่อยคล่องนี่หว่า จำก็ไม่ค่อยได้ไอ้อะไรนะ เวิดๆ เหวิดๆ น่ะ"
"พาสเวิร์ดจ้ะ"
ป้าวิไลพ่นลมใส่หน้าทะเล้นของเธอ เขกหัวหนึ่งตึกหนักๆ แล้วกระฟัดกระเฟียดหุ่นท้วมกลับเข้าข้างใน ทิ้งเธอนั่งยิ้มกริ่มกับดาวเดือนไปตามลำพัง กำลังนึกว่าในกรุงเทพอาจจะไม่มีดาวเดือนเต็มฟ้าเหมือนที่นี่ ดังนั้น คืนนี้ก็ควรมองให้เต็มอิ่มเสียหน่อย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไกลออกไปอีกฟากของหมู่บ้าน 'ครูรัมภ์' ก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน เขาเป็นครูคนยากขวัญใจนักเรียนในหมู่บ้านแห่งนี้ และเป็นครูในดวงใจของสาวพลับพลึงอาภัพ
ไม่มีใครล่วงรู้ความลับอันน่าตื่นเต้นว่าครูรัมภ์แอบหลงรักลูกศิษย์วัยสิบสี่ของตน เขาเก็บความรู้สึกลึกล้ำไว้ในใจอย่างมิดชิด เพราะถ้าเผอเรอแพร่งพรายแม้เพียงในดวงตา พลับพลึงคงต้องหมดศรัทธาต่อครูในดวงใจคนนี้เป็นแน่
หัวใจมันเศร้าและอ่อนแอลงนับตั้งแต่ได้ยินเด็กๆ คุยกันในโรงอาหารว่าพลับพลึงต้องติดตามจันทร์สวยเข้ากรุงเทพ เธอไม่ได้ไปเรียนต่อเหมือนญาติผู้พี่หรอก แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฟ้าคงรั่วปล่อยฝนเทโครมๆ จนท่วมหมู่บ้านแน่
ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าลุงผู้ใหญ่เต๋อเลี้ยงดูพลับพลึงในฐานะเบี้ยล่างของบุตรสาวนางฟ้ามากกว่าจะเกื้อกูลในฐานะหลานกำพร้า จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพลับพลึงจึงได้รับความเอ็นดูจากคนอื่นมากกว่าจันทร์สวย
"คนดีของครูจะหลับหรือยังหนอ"
เขาบ่นกับดาวดวงหนึ่งที่อยู่ใกล้ตาที่สุด บนตักก็เคาะโทรศัพท์มือถือคล้ายชั่งใจว่าควรโทรหาดีไหม มันดึกมากแล้ว เกือบตีหนึ่งแล้วนี่ ลูกศิษย์คนดีน่าจะหลับปุ๋ยแล้วล่ะ
เธอเหนื่อยออกใช่ไหม ชีวิตของเธอไม่สุขสบายเหมือนคนอื่น ต้องตื่นเช้ามืดก่อนทุกคนในบ้าน เข้าครัวเตรียมอาหารเช้า เตรียมผักผลไม้พร้อมสำหรับให้ป้าวิไลนำออกขายในตลาด และเธอก็จะกินข้าวเป็นคนสุดท้ายในบ้านหลังนั้น
"อดทนหน่อยนะครับ ครูสัญญาว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสม วันที่พลับพลึงโตเป็นผู้ใหญ่ และพร้อมจะฟังคำสารภาพจากใจ ครูจะบอกว่าครูรักพลับพลึง"
เขาเว้นจังหวะกดเบอร์ของสาวที่ตนแอบคะนึงหา ปรากฏใบหน้าเรียบเชยในสายตาคนอื่น แต่งดงามหมดจดในความรู้สึกรักหมดใจของเขากระจ่างบนหน้าจอ แล้วเขาก็มองกลั้วยิ้มลึกซึ้ง พูดต่อไปว่า
"ครูจะขอพลับพลึงแต่งงาน จะดูแลพลับพลึงให้มีความสุข ชดเชยกับวันเวลาที่เหนื่อยแสนเหนื่อยตลอดมาของพลับพลึง รอก่อนนะครับ"
แล้ววาจาซาบซึ้งก็จบลงที่พรมจูบรูปงามบนหน้าจอนั่นเอง ครูรัมภ์หัวเราะเบาๆ ขำว่าตัวเองพร่ำเพ้อเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่น ทั้งที่อีกสามปีข้างหน้า อายุก็เข้าเลขสามแล้ว ต้นรักที่เขาแอบปลูกไปตามลำพังก็สามขวบแล้วเหมือนกัน
จริงอยู่ว่าเวลานี้ดอกสวยยังไม่ผลิ ใบอ่อนก็แค่แตกยอดบ้าง แต่สักวันหนึ่งเถอะ มันก็จะเติบโตเป็นต้นสูงดอกสวยรากมั่นคงและใบเขียวชอุ่มคุ้มค่ากับที่เฝ้ารดน้ำพรวนดินด้วย 'หัวใจซื่อสัตย์'
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รอยยิ้มเริงร่าหุบลงทันทีที่เห็นครูรัมภ์ยืนเยื้องหลังบิดา จันทร์สวยไม่ชอบให้ใครมาแสดงความห่วงใยอาทรพลับพลึง โดยเฉพาะครูคนยากที่หล่อนชังน้ำหน้านักหนา เพราะเขามักจะตอกย้ำความไม่ชอบของหล่อน ด้วยการยกย่องชมเชยญาติผู้น้องให้ได้ยินบ่อยครั้ง ในความรู้สึกของหล่อนเรียกมันว่า 'หักหน้า'
"แกบอกครูรัมภ์ว่าเราจะเข้ากรุงเทพวันนี้หรือยะ ดัดจริตจริงๆ นึกว่าตัวเองโด่งดังมาจากไหนยะ"
"เปล่าจ้ะ ครูคงจะรู้มาจาก.. "
"ไม่ต้องมาแก้ตัว"
จันทร์สวยแหวหน้าเข้ม แถมยังตบตักดังตึก หล่อนเกลียดนักเวลาที่ด่าอะไรออกไปแล้วพลับพลึงแก้ตัวพัลวัน เพราะมันจะถูกแปลความหมายว่าหล่อนหาเรื่อง
"แกไม่ต้องโผล่หน้าออกไป" หล่อนแหวอีก "อย่านึกว่าฉันไม่รู้ข่าวที่ลือๆ กันว่าแกกับครูรัมภ์แอบมีอะไรๆ กันนะยะ ฉันไม่ฟ้องพ่อให้เฆี่ยนหลังลายก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
พลับพลึงเม้มปากอดทนกับกระแสเจ็บรุนแรงบนต้นขา จันทร์สวยไม่ได้พูดเฉยๆ หล่อนหยิกทารุณมากเลย ตาก็ถลึงเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย จะปัดมือหล่อนออกก็เกรงว่าจะยิ่งกระตุ้นให้หล่อนโมโหหนักขึ้น ถ้าจันทร์สวยโกรธจัด หล่อนจะดุร้ายมาก ตบแล้วตบอีกจนกว่าจะพอใจหรือมีคนมาจับแยกออกไปนั่นล่ะ
ครูรัมภ์หรี่ตามองหน้าดุร้ายของนางฟ้าบ้านสวนอย่างไม่สบายใจนัก เขาเห็นหน้าลูกศิษย์คนดีแวบเดียวเอง เกือบจะส่งยิ้มให้อยู่แล้วเชียว แต่ดูเหมือนว่าจันทร์สวยจงใจเลื่อนตัวมาบัง ซ้ำยังปรายตาเยาะหยันให้เขาร้อนวูบวาบอีกเล็กน้อย
ในสายตาของสาวสวย เขาไม่เคยเป็นครูที่น่าเคารพ ตรงกันข้าม หล่อนมองเขาเป็นศัตรู เพราะเขามักจะออกโรงปกป้องพลับพลึงไม่ให้โดนหล่อนรังแกอย่างไร้เหตุผลเสมอ
"มาส่งลูกศิษย์หรือครูรัมภ์" ผู้ใหญ่เต๋อตบบ่าทักทาย หน้าตาเบิกบานมากทีเดียว
"เพิ่งได้ข่าวจากเด็กๆ เมื่อเย็นวานครับ ขอโทษด้วยที่ไม่มีของติดไม้ติดมือ"
"โอ๊ย ของติดไม้ติดมืออะไรกัน แค่มาส่งก็ขอบใจมากแล้วละครู อ้อ รถออกแล้ว หนูจันทร์ลูกพ่อ ถึงแล้วก็โทรมาบอกด้วยนะลูก พ่อจะได้หายห่วง เดี๋ยวพ่อจะโทรกำชับอาเขาให้อีกที"
ครูรัมภ์ลอบผิดหวังที่ไม่ได้เห็นหน้าพลับพลึงจนได้ เขายืนหงอยๆ ฟังผู้ใหญ่เต๋อตะโกนไล่ตามท้ายรถทัวร์ไปอย่างครึกครื้น กำลังชั่งใจว่าจะโทรหาคนดีดีไหม แต่เมื่อนึกว่าจันทร์สวยนั่งข้างๆ คงจะขัดขวางอยู่ดี เขาจึงทิ้งความคิดนั้นไป แล้วอาศัยรถกระบะของผู้ใหญ่เต๋อกลับโรงเรียน
การเดินทางหลายชั่วโมงสิ้นสุดลง เมื่อ 'บ้านสุพิศาล' มาปรากฏเบื้องหน้า มันเป็นบ้านหลังใหญ่และสวยงามเกินกว่าภาพที่วาดไว้คร่าวๆ ในใจของจันทร์สวย หล่อนตื่นเต้นกับความโอ่อ่าของมันจนมือไม้สั่น อีกใจก็ฮึกเหิมลำพองว่าที่นี่ล่ะ คือที่อยู่ที่คู่ควรกับนางฟ้าบ้านสวนอย่างหล่อน
บิดาน่ารักจริงๆ รู้จักเลือกเพื่อนที่มีบ้านช่องใหญ่โต ไม่ทำให้หล่อนต้องอับอายขายหน้า คอยดูเถอะ หล่อนจะถ่ายรูปแล้วร่อนลงอินเทอร์เน็ต ให้เพื่อนบ้านนอกสุมหัวกันอิจฉาตาร้อนผ่าวเสียให้สะใจ อยากกระด้างกระเดื่องไปเอาใจใส่พลับพลึงหน้าเชยเกินหน้าเกินตาหล่อนดีนัก
"นี่น่ะหรือจ๊ะบ้าน" พลับพลึงเปรยขลาดๆ เธอมองว่ามันเป็นวังเสียมากกว่า
"แกนี่โง่จริงๆ ตอนเข้ามาก็เห็นป้ายแล้วนี่เขาเขียนตัวโตเบ้อเร่อว่าบ้านสุพิศาล ตาถั่วหรือยะ"
"มันใหญ่มากเลย แล้วเราจะอยู่กันยังไงจ๊ะ พลับพลึงคงทำตัวไม่ถูก"
"ก็แน่ล่ะ แกมันบ้านนอกนี่ จะไปทำตัวถูกได้ยังไง อ้อ แต่แกก็ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ อย่างแกก็คงจะป้วนเปี้ยนแถวๆ ห้องคนใช้กับห้องครัวนั่นแหละ"
พลับพลึงยิ้มเจื่อนตอนโดนจิ้มหน้าผากจนหน้าหงาย เธอรู้สึกอายคนขับรถบ้านสุพิศาลที่ไปรอรับที่ท่ารถ แกแนะนำตัวว่าชื่อ 'สุเทพ' เธอเรียกแกว่า 'ลุงเทพ' แต่จันทร์สวยกลับจิกเรียกแกนั่นแกนี่อย่างหยาบคาย ตอนนี้แกยืนสำรวมและมองหน้าแห้งของเธอด้วยแววตาเห็นใจ
"อุ๊ย สระว่ายน้ำสวยมากเลย"
พลับพลึงพลอยตื่นเต้นตามเสียงอุทานใสๆ ไปด้วย เธอสาวเท้าเร็วตามหลังญาติผู้พี่ไปหยุดใกล้เก้าอี้ผ้าใบสีสดใต้ร่มคันใหญ่และสีสดเหมือนกัน น้ำในสระสีฟ้าใสแจ๋ว สะท้อนฟ้าเกลี้ยงที่แต้มนิดๆ ด้วยริ้วเมฆเส้นบางๆ เท่านั้นเอง
"คอยดูนะ ฉันจะว่ายเช้าว่ายเย็น ให้ทุกคนรู้กันไปเลยว่าฉันว่ายน้ำเก่งแค่ไหน แล้วหุ่นฉันก็ดีมากด้วย"
"แล้วพลับพลึงลงไปว่ายด้วยได้ไหมจ๊ะพี่จันทร์สวย"
"เอ๊ะ แกนี่ถามโง่ๆ อีกแล้ว"
นายสุเทพชะงักฝีเท้าเพราะเห็นสาวพลับพลึงตัวเล็กโดนผลักไหล่จนเซเกือบล้ม ทั้งที่สองมือก็หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ บนไหล่ก็คล้องอีกสองใบใหญ่ แกอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนเป็นพี่ถึงได้ดุร้ายเอาแต่ใจนัก คำถามซื่อๆ ของคนเป็นน้องก็ไม่ใช่ว่าตอบยาก แค่ตอบว่าได้หรือไม่ได้ ก็เชื่อว่าคนถามน่าจะเข้าใจแล้ว
"อย่างแกน่ะหรือจะสะเออะมาแข่งรัศมีกับฉัน แกมันชนชั้นคนรับใช้นะยะ จะมาลอยหน้าลอยคอในสระของคนชนชั้นเจ้านายได้ยังไง ถามอะไรไม่มีสมอง ต่อไปถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปิดปากนะยะ ใครมาได้ยินเข้า ฉันอายเขา"
นายสุเทพกลืนน้ำลาย รู้สึกสงสารหน้าแห้งของคนเป็นน้องวูบหนึ่ง แกรีบยิ้มให้เมื่อเธอเหลียวมาอวดตาโศก ยิ่งใจแห้งตามไปด้วยเมื่อเธอยิ้มตอบฝืนๆ พลางคิด 'เด็กคนนี้น่าสงสารจัง'
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สองสาวจากเชียงใหม่เดินมาตามทางโรยกรวดสีสวย มองเห็นระเบียงโค้งหน้าตึกร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้สีเขียวสด สาวใช้ร่างผอมคนหนึ่งยืนเหมือนรอต้อนรับอยู่แล้ว หล่อนคลี่ยิ้มกว้างแต่นอบน้อมในทีพลางช่วยแบ่งกระเป๋าเสื้อผ้ามาจากพลับพลึงอย่างมีน้ำใจด้วย
"เป็นคนรับใช้หรือ" จันทร์สวยถามเสียงดูหมิ่น ชายตาแลอย่างหยิ่งๆ
"ค่ะ หนูชื่อดวงใจค่ะ เป็นหลานสาวของป้าดวงจิต เอ้อ ป้าดวงจิตเป็น.. "
"ฉันไม่ได้ถาม ไม่ต้องสาธยาย อ้อ ที่มารอนี่ จะพาไปพบคุณอาใช่ไหม"
"ค่ะ เชิญคุณสองคนทางนี้ค่ะ"
"คนเดียวย่ะ ส่วนนี่น่ะพลับพลึง เป็นคนรับใช้ประจำตัวของฉัน ส่วนแกนะ" นางฟ้าบ้านสวนหันมาทางญาติผู้น้อง "แกไม่ต้องเข้าไปหรอก ข้างในมีแต่คนเป็นเจ้านายทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับแก ตามคนชนชั้นเดียวกับแกไปเถอะ"
"เอ้อ จะดีหรือจ๊ะ อย่างน้อยก็น่าจะให้พลับพลึงเข้าไปทำความเคารพฝากเนื้อฝากตัวก่อน"
"เอ๊ะ แกนี่ยังไง ไม่ต้องมาสะเออะออกความเห็น ฉันสั่งอะไรก็ไปทำตามอย่างนั้นเถอะ นี่เธอ" คนเป็นพี่แหวคนซ้ายจบก็ย้ายไปเบ่งกับคนขวา "ฉันเข้าไปเองได้ รบกวนเธอหาห้องหับให้แม่นี่หน่อยก็แล้วกัน"
'ดวงใจ' ปั้นหน้าเหลอหลา นายสุเทพเห็นเข้าก็หัวเราะเบาๆ เพราะแกก็เจออาการที่ว่านั่นมาแล้ว แกยักไหล่ใส่แววตางงจัดของสาวใช้หน้าหวานพลางเตือนว่า
"อย่ามัวแต่ยืนงงอยู่เลย พาหนูพลับพลึงไปห้องพักดีกว่า เอ้อ มานี่แน่ะ ลุงช่วยหิ้วดีกว่านะ"
ตอนท้ายแกหันไปแสดงน้ำใจ ซ้ำยังแย่งอย่างวิสาสะเพราะสาวน่ารักขืนมือขืนแขนด้วยความเกรงใจ ตอนแย่งมาได้แล้ว ยังเห็นว่ามือสองข้างแดงก่ำเพราะหิ้วของหนักเป็นเวลานาน ใจก็อดเมตตาไม่ได้อีกว่า 'เวรกรรมจริงๆ เกิดมาให้คนอื่นโขกสับแท้ๆ เลย'
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพียงได้เห็นแวบแรก เลือดหนุ่มสูงวัยก็พลันสูบฉีดพลุ่งพล่านตามประสาเจ้าชู้ทันทีทันใดเชียว ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ใหญ่เต๋อเพื่อนรักจะมีบุตรสาวสวยหยาดเยิ้มขนาดนี้ ตอนฟังฝ่ายโน้นโม้แหลกมาทางโทรศัพท์ว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ ก็ยังอดหมั่นไส้ไม่ได้ ซ้ำยังค่อนขอดกลับไปอีกว่า 'ไอ้พ่อเห่อลูก'
แต่พอเจอตัวจริงวันนี้ 'คุณคร้าม' ค่อยเชื่อสนิทใจแล้วว่าผู้ใหญ่เต๋อไม่ได้เห่อลูกเหมือนที่ท่านค่อนขอดหรอก เพราะจันทร์สวยช่างสวยสมชื่อยิ่ง ตาหวานคู่นั้นก็หวานบาดใจ ปากกระจับก็แน่นด้วยเนื้อนุ่ม ถ้าได้ลิ้มลองด้วยจุมพิตเสน่หา แล้วบดขยี้อย่างหนักหน่วง โอ.. ไฟกามคงลุกโชนมหาศาลเกินหน้าเกินตาไฟไหม้ป่าแน่ๆ
"พูดอะไรกับหลานบ้างสิคะ ไปจ้องหน้าแกอย่างนั้นได้ยังไง เด็กประหม่าหมด"
'คุณนวล' ติงสามีที่มัวแต่โลมไล้สาวรุ่นหลานผ่านแสงตากรุ้มกริ่มด้วยเสียงนุ่มเบา ท่านชาชินจนไม่รู้สึกระคายตาหรือเคืองใจเสียแล้ว เพราะเรื่องเจ้าชู้ประตูดินของสามีนั้น ก็นับได้ว่าเลื่องชื่อในหมู่เสือสูงวัยด้วยกันมานานแล้ว ยังดีหน่อยว่าสามียกย่องให้เกียรติ นอกบ้านจะร่อนร่ายส่ายสวาทกับใครก็ช่าง แต่ก็ไม่เคยหนีบใครก็ช่างที่ว่ามาหยามน้ำใจถึงในบ้าน
"ขอโทษที" คุณคร้ามหัวเราะเก้อๆ "แหม ก็อาไม่นึกนี่ว่าเราจะสวยเหมือนที่ไอ้ผู้ใหญ่มันโอ้อวดจริงๆ นึกว่าหน้าตาบ้านๆ ทั่วไป แต่ดูสิ ผิวพรรณหมดจดขาวอมชมพูเนียนเหมือนวันๆ แช่น้ำนมน้ำแร่"
"แหม อาคร้ามชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ หนูจันทร์ก็อายแย่สิคะ หนูจันทร์ก็สวยพื้นๆ เอง หน้าตาก็เชียงใหม่จ๋าออก"
"เอ้อแน่ะ ช่างพูดเสียด้วย ถ่อมตัวน่าเอ็นดูนะ เอ้อ ไหนไอ้ผู้ใหญ่มันบอกว่ามากันสองคนไม่ใช่หรือ แล้วอีกคน.. "
"อ้อ อีกคนเป็นเด็กในบ้านค่ะ หนูจันทร์เกรงว่าจะมาทำเปิ่นในนี้ ก็เลยรบกวนดวงใจให้พาไปห้องพัก เอ้อ หนูจันทร์เสียมารยาทไปหรือเปล่าคะที่เข้ามาเคารพผู้ใหญ่คนเดียว"
"โอ๊ะ ไม่หรอก ไม่เลย" คุณคร้ามรีบบอกลิ้นรัว ใจเสน่หาข้างในก็เต้นรัวไม่แพ้กัน "เรื่องหยุมหยิมน่า อากับอานวลไม่คิดเยอะขนาดนั้นหรอก มาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ทำตัวตามสบายเถอะ ให้เหมือนเป็นบ้านตัวเองน่ะ จริงไหมคุณนวล"
"จริงค่ะ"
คุณนวลก็ร้องรับเอาใจอารมณ์กระดี๊กระด๊าของสามี ก็พอจะทราบว่าคุณคร้ามชอบเด็กผู้หญิง แต่ท่านเองเป็นภรรยาไม่เอาไหน ให้กำเนิดบุตรชายได้แค่คนเดียวก็ต้องทำหมัน เพราะสุขภาพไม่แข็งแรงพอที่จะตั้งครรภ์ได้หลายครั้ง พอมาตอนนี้ เจอหลานสาวหน้าหวานและสวยเด็ดขาดบาดใจเข้า ก็ย่อมต้องเห่อเป็นธรรมดา
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ขณะที่สามีปลาบปลื้มกับหลานสาวคนสวย ท่านก็อดที่จะตงิดๆ กับกิริยาชม้ายชายตาของสาวรุ่นไม่ได้ เพราะดูยังไงก็แปลได้อย่างเดียวว่า 'เจ้าชู้' นี่ท่านเป็นผู้หญิงนะ ยังดูออกเลย แล้วมีหรือผู้ชายจะดูไม่ออก โดยเฉพาะคุณสามีเสือสูงวัยอย่าง 'คุณคร้าม'


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผลลัพธ์ที่งดงามเช่นนี้มันคงไม่เกิดแก่พลับพลึงเป็นแน่ นี่กระมังบทสรุปของคนดีที่ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกกล่าวสืบต่อกันมาว่าคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ คามินทร์ไม่มีความเห็นเพราะสำหรับเขาแล้วไม่ว่าพลับพลึงจะเป็นอะไร...เธอก็คือ 'ความรักที่ไม่มีวันจืดจาง'
"ไม่มีวันจืดจางเลยหรือจ๊ะ กล้าพูดนะ" พลับพลึงกระเซ้าเมื่อเขาเผยความในใจเสียงนุ่มซึ้ง
"กล้าทำด้วย" สามีกระเซ้ากลับกลั้วจูบซนแถวต้นคอ
ระเบียงโปร่งต้อนรับสายลมน้ำค้างกลางดึกหน้ากระท่อมลานทรายสีชมพูในยามนี้เรืองแสงเหลืองจางของพระจันทร์ดวงกระจ่าง อกใหญ่อุ่นทั่วแผ่นหลังของพลับพลึงที่เธอเอนซบอย่างมีความสุข อ้อมแขนที่กอดรัดเอวก็มอบความรู้สึกปลอดภัยให้เธอซึ้งทรวงดื่มด่ำ


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”