New Release: พิศวาสอาญาซาตาน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: พิศวาสอาญาซาตาน

โพสต์ โดย Gals »

1?
?สัญญานะน้ำ ว่าเมื่อเรียนจบเราจะแต่งงานกัน?
?จ้ะ...น้ำสัญญา แต่วีก็ต้องสัญญากับน้ำเหมือนกันนะว่าจะไม่มีใครอื่นนอกจากน้ำ?
?จ้ะ...วีสัญญา หากวีมีใครอื่นหรือผิดคำมั่นสัญญาขอให้วีมีอันต้องเป็นไป...หากใครผิดสัญญาที่ให้ไว้กับความรัก ขอให้มีอันเป็นไป ขอให้ความรักลงทัณฑ์อย่างสาสม?
วีรภาพและนารีให้คำมั่นสัญญาแก่กันว่าจะไม่นอกใจหรือมีใครใหม่ หลังจากทั้งสองรักมั่นมานานจนตัดสินใจว่าเมื่อเรียนจบจะแต่งงานกัน ถึงแม้ทั้งสองจะยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนก็ตาม วีรภาพจ้องตานารีเป็นประกายวาววับ ทั้งสองสบตากันด้วยความรู้ใจก่อนความรักจะพาทั้งคู่เดินเข้าสู่ประตูความใคร่ โดยที่ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองหาได้รับรู้หรือเป็นสักขีพยานต่อการกระทำอันไร้เดียงสาแม้แต่น้อย
ร่างบางในชุดนิสิตถูกโน้มลงบนเตียงนอนขนาดสามฟุต เธอหลับตาปรือปล่อยให้ชายคนรักเชยชมตักตวงความสุข ลมหายใจขาดช่วงเมื่อลิ้นสากอันร้อนผ่าวโลมเลียไปตามซอกคอเนียนขาว ริมฝีปากหยักหยาบขบเม้มใบหูเพียงเบาๆ ก็กระโจนกอดคอแฟนนิสิตหนุ่มไว้แน่น ความเสียวซ่านเปรียบดั่งน้ำมันที่ราดรดลงไปให้เพลิงกามากระพือขึ้น
?ผมรักคุณนะน้ำ...อย่าทิ้งผมนะ?
เสียงพลอดรักกระซิบข้างหูทำให้นารีสะท้านไหว ร่างกายเธออ่อนแรง ใบหน้าขาวนวลพยักเบาๆ เป็นการยืนยัน เธอจ้องมองหน้าแฟนหนุ่มหล่อก่อนยื่นรสรักอันหอมหวานและร้อนแรงคละเคล้ากันไปให้เขาอย่างเต็มใจ
วีรภาพคือชายหนุ่มผู้แสนดีที่เธอมอบรักให้ด้วยหัวใจ โดยไม่แสดงความรักเกียจรังงอนแม้แต่น้อยว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กวัดยากจนไร้พ่อขาดแม่ ฐานันดรศักดิ์หาได้เป็นอุปสรรคต่อความรักของเธอแม้แต่นิด
ชิวหาสวาทอันหวานนุ่มละมุนละไมพันเกี่ยวจนแทบจะกลืนประสานให้เป็นหนึ่งเดียวเสียให้ได้ เธอกอดก่ายคนรักหนุ่มไว้แน่นขณะที่ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามเนื้อตัวนวลเนียน กระโปรงจีบนิสิตสีดำเลยเข่าถูกปลดออกแล้วรูดออกจากลำตัวอย่างง่ายดายเผยให้เห็นต้นขาเรียวขาวสวย ฝ่ามือหนาเค้นคลึงเนินอวบอูมที่ถูกปิดกั้นด้วยสิ่งปกปิดตัวจิ๋วจนเจ้าของเนินสงวนนอนตัวสั่นสะท้าน เสียงร้องครางดังในลำคอ ร่างบางนอนหายใจหอบถี่ไม่เป็นจังหวะ
?น้ำกลัว...น้ำกลัวท้อง...?
ความกลัวเตือนสตินารีให้ตื่นจากภวังค์สวาท เธอดึงมือวีรภาพออกจากกาย แต่เสียงกระซิบที่ดังข้างหูของเธอก็ทำให้มือเล็กนั้นอ่อนแรงลง
?ไม่ท้องหรอกน้ำ ถ้าท้องวีรับผิดชอบเอง...?
วีรภาพกระซิบข้างหูเบาๆ นารีก็ต้องปล่อยมือออก ราวกับเธอเหมือนต้องมนต์คาถา หากแต่ว่าคาถาบทนี้คือความรักที่ทำให้เธอยอมพลีกายมอบให้ด้วยใจภักดิ์ วีรภาพเลื่อนใบหน้าหล่อคมเข้มลงต่ำ มือทั้งสองข้างปลดกระดุมเสื้อนิสิตออกทีละเม็ดจนเผยหน้าอกอวบอูมที่ปกปิดด้วยบราสีขาวชายลูกไม้ นิสิตหนุ่มหล่อผู้โชคดีจ้องมองตาไม่กะพริบจนนารีอายหน้าแดงระเรื่อ
?อย่าจ้องแบบนั้นสิวี...น้ำเขิน?
?ก็ได้จ้ะ...?
วีรภาพรับปากพร้อมโน้มใบหน้าลงต่ำเชยชมความหอมของดอกบัวตูมอูมใหญ่ทั้งสอง นารีแอ่นกายสะท้านเฮือก มือทั้งสองข้างของเธอกดหัวชายคนรักอย่างลืมตัว เสื้อขาวแขนสั้นถูกถอดออกอย่างง่ายดายพร้อมตะขอบราเซียร์ที่ปกปิดหน้าอกอวบใหญ่ วีรภาพโน้มใบหน้าลงต่ำพร้อมริมฝีปากหยักหยาบที่ขบเม้มเม็ดบัวสีชมพูระเรื่อ
?อือ...อือ....?
นารีครางเบาในลำคอเมื่อมือข้างหนึ่งของวีรภาพเค้นคลึงหน้าอกอวบ ส่วนปากของเขาก็ขบเม้มยอดถันสลับไปมา ใบหน้าสวยส่ายไปมาราวจะขาดใจ เธอสะท้านสุดตัวทุกครั้งไปเมื่อเขาใช้ฟันขบเบาๆ บัดนี้ไฟราคะในกายเธอลุกโชนโชติช่วงเกินกว่าใครจะดับไหว เสียงคำสอนของแม่ คำเตือนของพ่อหายไปจากมโนสำนึกจนสิ้น รักแรกของเธอทำให้เธอยอมพลีทุกอย่างเพื่อเขา
นารีหายใจหอบเหนื่อยเมื่อแฟนหนุ่มเลิกทรมาน แต่แล้วเธอก็ต้องเกร็งทั่วท้องน้อยอีกครั้งและเผลอร้องสุดเสียงเมื่อวีรภาพลากชิวหาอันช่ำชองไปตามหน้าท้องแบนราบ เขาตวัดปลายลิ้นเบาๆ ลงบนจุดกึ่งกลางหน้าท้องของเธอ มือเล็กๆ ทั้งสองข้างกดหัวเขาไว้แน่น เพียงแค่นี้เธอก็เห็นสวรรค์อยู่รำไรแล้ว
วีรภาพเงยหน้ามองคนรักอย่างพึงพอใจก่อนปลายนิ้วของเขาจะสอดผ่านลิงตัวจิ๋ว แหวกกลีบกุหลาบแดงระเรื่อ วีรภาพยิ้มออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นของเกสร ใบหน้าหล่อคมเลื่อนต่ำลงเชยชมความหอมหวาน ชายหนุ่มตวัดปลายลิ้นเบาๆ นารีก็ต้องกรีดร้องลั่นห้องอย่างลืมตัว เธอส่ายเอวร่อนไปมาราวนกหงส์หยกเมื่อปลายลิ้นสากร้อนผ่าวตวัดโดนจุดกระสันเสียว
?พอเถอะวี...น้ำไม่ไหวแล้ว?
เสียงอ้อนวิงวอนดังขึ้น ใบหน้าสวยใสเปียกชุ่มเหงื่อกาฬ ดวงตากลมโตหยาดเยิ้มพอๆ กับกลีบกุหลาบ เธอหายใจหอบเหนื่อยจนเกินกว่าที่เขาจะทรมานเธอต่อไปไหว วีรภาพเลื่อนตัวขึ้นพร้อมพรมจูบพวงแก้มอิ่มเป็นการปลอบใจ ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากนวลของแฟนสาวออก นารีสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้งเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งกำยำ เธอผวากอดคอวีรภาพแน่น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น วีรภาพกดแช่แก่นกายแกร่งไว้ ใบหน้าหล่อคมเข้มเหยเกเมื่อถูกตอดรัดก่อนเขาจะค่อยๆ ขยับบั้นท้ายแกร่งเข้าออกเบาๆ ทำให้เธอรับรู้ถึงกลีบดอกที่ร้าวระบม แต่เพียงไม่นานเกสรนั้นก็ฉ่ำเยิ้ม
วีรภาพถาโถมกดแก่นกายอย่างถนัดถนี่ขณะที่นารีเริงร่อนอย่างลืมตัว ลีลารักเป็นไปอย่างเร่าร้อน เขากำลังเข้าสู่แดนสวรรค์ที่รอคอย ขณะที่นารีแอ่นกายตอบสนอง ทั้งสองรับรุกอย่างรู้ใจก่อนเสียงกรีดร้องของนิสิตหนุ่มสาวจะดังลั่นห้อง วีรภาพนอนหายใจหวิวเหมือนคนเป็นลม หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนนักวิ่งทางไกล ร่างกายของทั้งคู่เปียกปอนเหมือนตากฝน แต่ฝนนี้คือฝนแห่งรักที่หลั่งชโลมกายของทั้งคู่ วีรภาพพรมจูบใบหน้านวลของนารีอีกครั้ง
?น้ำจะท้องไหมวี...น้ำยังท้องตอนนี้ไม่ได้นะ...ขืนท้องขึ้นมาพ่อแม่น้ำเอาตายแน่?
นารีสะอึกสะอื้นเมื่อความรักทำให้เธอทำเรื่องผิดจารีตประเพณี เธอกลายเป็นของวีรภาพด้วยความรักขณะที่ฝ่ายชายได้แต่ปลอบประโลมแฟนสาว ฝ่ามือหนาลูบไล้เรือนผมดำขลับเพื่อให้เธอคลายจากความเศร้าเสียใจ
ริมฝีปากหยักหยาบพรมจูบหน้าผากขาวนวลครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อนารีก็ดังขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งเฮือก ก่อนจะลนลานควานหาโทรศัพท์ พลันดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างเมื่อตัวเลขสิบหลักนั้นเป็นของคนสำคัญที่เธอเคารพ
?คุณพ่อโทรมา.ทำยังไงดีวี...หรือว่าคุณพ่อจะรู้ว่าน้ำอยู่ที่นี่?
?ไม่หรอก...รับสิน้ำ...เดี๋ยวท่านจะสงสัย?
?จ้ะ...?
นารีเสียงสั่นพร้อมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เพื่อทำตัวให้เป็นปกติ มือเล็กๆ สั่นเทายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่ทอประกายหวาดหวั่น
?สะ...สวัสดีค่ะคุณพ่อ...?
?อยู่ไหนน้ำ...ทำไมไม่รับสายพ่อ?
เสียงทุ้มดุดันที่ดังผ่านลำโพงโทรศัพท์มือถือทำให้นารีแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอนั่งเงียบกลืนเสียงสะอื้นลงคอก่อนตอบกลับไป
?พอดีหนูทำกิจกรรมที่มหาลัยอยู่น่ะค่ะ...?
?เดี๋ยวพ่อไปรับ...วันนี้พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย?
?ระ...เรื่องอะไรคะ...พอบอกได้มั้ย?
?เดี๋ยวค่อยมาคุยกันที่บ้าน?
?ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นหนูจะรอที่คณะนะคะ?
สิ้นเสียงทุ้มห้วนที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดของผู้เป็นบิดาจบลง นารีถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวนั่งกับพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง หยาดน้ำใสๆ พรั่งพรูอาบแก้มอิ่มจนเปลี่ยนนัยน์ตาวาวใสให้กลายเป็นสีแดง
?เกิดอะไรขึ้นเหรอน้ำ??
วีรภาพรีบลุกขึ้นประคองแฟนสาวพร้อมถามด้วยความเป็นห่วง เขาพยุงร่างบางนั่งลงบนเตียงพร้อมปลอบประโลมให้เธอคลายความเศร้าเสียใจ
?น้ำไม่รู้เหมือนกัน...แต่ฟังจากน้ำเสียงของพ่อแล้วพ่อเครียดมากเลย หรือว่าท่านจะรู้เรื่องของเราสองคนแล้วคะวี...?
?คงไม่มั้ง...ทำใจดีๆ ไว้ วีว่าท่านไม่รู้หรอก เอาเป็นว่าตอนนี้เรารีบแต่งตัวแล้วกลับไปรอพ่อน้ำที่คณะดีกว่า?
วีรภาพยังมองโลกในแง่ดีขณะที่นารีฟุ้งซ่านคิดไปต่างๆ นานา ก่อนทั้งสองจะรีบแต่งตัวใส่ชุดนิสิตแล้วรีบเดินออกจากห้องพักที่ทั้งคู่เช่าไว้เพื่อเป็นวิมานรังรัก โดยพวกเขาหาได้รู้ไม่เลยว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้พร่ำพลอดรักและปรนเปรอความสุขให้กัน เพราะกามเทพและพรหมลิขิตกำลังจะเล่นตลกกับทั้งสองในอีกไม่ช้านานนี้
**************************************************************************************************
ร่างบางสั่นสะท้านทุกครั้งที่สะอื้นฮัก หยาดน้ำใสๆ ไหลคลออาบหน้านวลขณะที่หญิงวัยกลางคนแต่งกายภูมิฐานคอยปลอบประโลมครั้งแล้วครั้งเล่า นัยน์ตากลมโตแดงช้ำ ขอบตาบวมเป่ง ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มกดกลั้นเสียงสะอื้นของความเสียใจที่มันพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายไว้
?อย่าร้องนะลูก...พ่อกับแม่ก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่มันไม่มีทางเลือก ทางนู้นเขาต้องการแบบนี้...แม่ขอโทษ?
?แต่น้ำยังเรียนอยู่นะคะ...พ่อกับแม่จะให้น้ำแต่งงานได้ยังไง...?
?มีถมไป เดี๋ยวนี้เขาก็แต่งงานมีครอบครัวมีลูกมีสามีก็ยังใส่ชุดนิสิตไปเรียนได้ แกแต่งงานเสร็จแล้วก็กลับไปเรียนก็ได้...แค่ปีสองปีไม่ถูกไล่ออกหรอก อีกอย่างตอนนี้แกก็เรียนปีสี่แล้ว บอกความจำเป็นกับอาจารย์ซะ และพ่ออยากจะบอกอะไรไว้อย่างนะน้ำ แกอย่าดูถูกว่าพ่อแม่โง่นะ เรื่องที่แกทำผิดอะไรกับพ่อกับแม่ไว้ พ่อรู้แต่ไม่อยากพูด ไอ้นั่นน่ะมันมีอะไรดี เป็นแค่เด็กวัดกินข้าวก้นบาตร ลูกไม่มีพ่อมีแม่ อนาคตไม่มีทางจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้หรอก ขืนแกไปแต่งงานกับมัน...คงอดตายกันพอดี?
?คุณพี่คะ คุยกับลูกดีๆ หน่อยได้มั้ย...ตอนนี้ลูกเรากำลังเสียใจอยู่นะคะ อย่าให้ลูกเครียดไปมากกว่านี้เลย น้องสงสารลูก?
?เสียใจ...แล้วพี่ไม่เครียดเหรอ ไปเรียนมหา?ลัยโก้หรูทำตัวเป็นคุณหนู แต่รู้มั้ยว่าพ่อแม่เครียดจนหัวจะระเบิดแล้ว ธุรกิจเป็นยังไงเคยรู้บ้างไหม เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนแล้วก็คบกับไอ้เด็กวัดไร้อนาคตนั่น?
นายธนกรโพล่งออกมาด้วยความเครียด หลังจากธุรกิจที่ทำมาหลายชั่วอายุคนกำลังประสบปัญหาเรื่องขาดทุนเพราะรัฐบาลขึ้นค่าแรง ทำให้บริษัทและโรงงานต้องแบกรับต้นทุนที่มากขึ้น และซ้ำร้ายไปกว่านั้นน้ำยังท่วมโรงงานจนเครื่องมือเครื่องจักรต้องจมน้ำเสียหาย ขณะที่นางวนิดาผู้เป็นแม่นารีและภรรยาของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ต้องปรามสามีให้สงบสติอารมณ์ลง
?ทำไมคุณพ่อไม่บอกน้ำตั้งแต่แรกว่าบริษัทกำลังประสบปัญหา?
?พ่อบอกไปแล้วแกจะช่วยอะไรพ่อได้...?
?ตอนนี้น้ำรับรู้ปัญหาแล้ว พ่อจะให้น้ำทำยังไงคะ?
?แต่งงานกับลูกชายคุณธานินซะ?
?แต่...?
?ถ้าแกไม่อยากให้พ่อแม่ต้องตาย แล้วถูกชาวบ้านประณามว่าแกเป็นลูกอกตัญญู ก็จงแต่งงานกับลูกชายของคุณธานินซะ?
นายธนกรประกาศกร้าวเสียงดังลั่นจนนารียากจะหาข้อโต้แย้งใดๆ หยาดน้ำตาพรั่งพรูไหลอาบแก้มนวลเนียนครั้งแล้วครั้งเล่า
?แต่น้ำมี...?
?ฟังคำพ่อนะ...แฟนของแกไอ้ที่เป็นเด็กวัดน่ะ ชาตินี้ยังไงมันก็ไม่มีวันรวย และถ้ามันรวยขึ้นมาได้นะแต่กว่ามันจะมาแต่งงานกับแก โรงงานของพ่อไม่เจ๊งกันพอดีเหรอ พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อสักครั้ง แต่งงานกับลูกชายของคุณธานินเถอะนะ?
?แต่หนูยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย แล้วจะให้เรารักกันได้ยังไงคะคุณพ่อ?
?ไม่ต้องห่วง อยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ สมัยพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เห็นหน้ากันมาก่อนก็ยังรักกันได้ ลูกชายคุณธานินเป็นคนดีเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง?
นายธนกรเริ่มเสียงอ่อนเมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เขารู้ดีว่านี่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของลูกสาวเป็นอย่างยิ่ง แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาทำได้ เพราะนายธานินซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ยื่นข้อเสนอว่าเรือล่มในหนองเงินทองจะไปไหนเสีย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาต้องการให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวนายธนกรให้จงได้
ใบหน้าหยาบย่นตามวัยค่อยๆ ผ่อนคลายลง ก่อนนักธุรกิจหนุ่มใหญ่จะดึงตัวลูกสาวเข้ามาสวมกอดพร้อมปลอบประโลมให้เธอคลายความเศร้าสะเทือนใจ
******************************************************************************************
ใบหน้าสวยขาวนวลผ่องไร้รอยยิ้มนั่งนิ่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมจัดการแต่งองค์ทรงเครื่อง เพื่อเตรียมถ่ายภาพชุดวันวิวาห์ภายในสตูดิโอโดยช่างภาพชื่อดังของเมืองไทย
นารีสวมชุดราตรีสีขาวเกาะอกกระโปรงฟูฟ่อง นั่งรอการมาของว่าที่เจ้าบ่าวที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ทำให้นารีสะดุ้งแล้วหยิบมันขึ้นมา ใบหน้าสวยใสถอดสีทันทีทันใดเมื่อเห็นรูปของวีรภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ นารีเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นก่อนกดปฏิเสธการรับสาย แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ความเสียใจเริ่มทำให้ม่านตาเปียกชื้นก่อนเธอจะกดตัดสายอีกครั้ง แต่นั่นหาทำให้วีรภาพลดละความตั้งใจ เขายังกดโทร.หาแฟนสาวอันเป็นที่รักครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดเธอก็ต้องรับสายของเขา
?ฮัลโหล...น้ำเหรอนี่วีนะ...ทำไมไม่รับสายวี...ไม่สบายหรือเปล่า แล้วทำไมไม่มาเรียน รู้มั้ยว่าวีเป็นห่วงน้ำมากแค่ไหน?
?เอ่อ...พอดีน้ำมีธุระยุ่งนิดหน่อยน่ะวี ตอนนี้น้ำติดธุระอยู่นะ เดี๋ยวน้ำทำธุระก่อนเสร็จแล้วจะรีบโทร.หานะจ๊ะ...น้ำรักวีนะ?
นารีน้ำตาซึมเมื่อวีรภาพโทร.มาหา เธอไม่อาจบอกกับเขาได้ว่าคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้นั้นทำไม่ได้แล้ว วันนี้เธอยอมตกเป็นจำเลยข้อหาทรยศต่อความรัก นั่นเพราะเธอไม่อาจนิ่งดูดายให้ธุรกิจครอบครัวล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาได้ นารีได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นไห้โดยไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของเธอเจ็บช้ำเพียงใด เพราะนี่คือรักแรกของเธอแต่เธอกลับทำลายมันด้วยมือของเธอเอง
?ฮ่าๆๆ ไหนว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน...?
เสียงหัวเราะครื้นดังขึ้นทำให้นารีต้องรีบปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มโดยเร็ว เธอเงยหน้ามองชายวัยหกสิบที่เดินเข้ามายังห้องแต่งตัวก่อนเธอจะปั้นหน้ายิ้มรับ
?น้ำ...นี่คุณลุงธานิน...?
?สวัสดีค่ะ...คุณลุง?
นารียกมือไหว้นายธานินอย่างนอบน้อมตามคำแนะนำของนายธนกร เธอมองชายวัยหกสิบที่หัวเราะร่วนตาปริบๆ
?โอ๊ย...จะเรียกลุงทำไมอีก ไม่กี่วันก็จะเป็นพ่อแล้ว เรียกพ่อวันนี้เลยดีกว่า...ไหนเรียกพ่อซิลูก?
นารีหันไปมองหน้าวนิดาและธนกรที่พากันพยักพเยิดให้เธอยอมทำตามคำสั่งของนายธานิน
?ค่ะ...คุณพ่อ?
?ดีมากๆ อย่างนี้มันค่อยสมกับคนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของพ่อหน่อย...ฮ่าๆๆ ไม่ต้องกลัวนะลูก ถึงจะมีครอบครัวแต่ก็ยังเรียนได้ เด็กสมัยนี้มีเมียมีลูกก็ไปเรียนกันทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องกลัวๆ เอ...ป่านนี้ทำไมลูกชายตัวแสบถึงยังไม่มานะ?
นายธานินพูดปลอบใจจนนารียิ้มเจื่อนออกมาเมื่อเห็นท่าทีโอบอ้อมอารีของว่าที่พ่อสามี แต่แล้วนักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่าสี่สิบปีก็ต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เมื่อลูกชายตัวแสบยังไม่โผล่หัวโผล่หางมาเสียที
?ใคร ลูกชายตัวแสบเหรอครับคุณพ่อ...?
เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งท่าทีขี้เล่นที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาแต่ไกล ริมฝีปากหยักหยาบฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี การแต่งกายแลดูภูมิฐาน เสื้อกางเกงล้วนแต่มียี่ห้อทั้งสิ้น เครื่องประดับเฟอร์นิเจอร์ตามข้อมือล้วนบ่งบอกถึงรสนิยมได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาสีนิล คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ใบหน้ารูปไข่ออกไปทางจีนนิดๆ ทำให้นารีตะลึงเมื่อแรกเห็น
?แกไปไหนมาหือ...ตาพจน์...?
?ก็แวะไปสั่งเสียสละโสดกับเพื่อนๆ มาน่ะครับ เห็นว่ามันดึกก็เลยนอนค้างที่คอนโดฯ?
พจน์สารภาพหน้าระรื่นเมื่อนายธานินถาม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหัวเราะครื้น เขาไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเลยแม้แต่น้อยที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักหน้าตากันมาก่อน
?เฮ้อ...นี่ฉันอ่อนใจกับแกจริงๆ เลยเจ้าพจน์ นี่งานแต่งของแกนะ ไม่ใช่ของฉัน...ใจคอแกจะให้ฉันแต่งงานแทนเลยมั้ย หือ...?
?ก็ดีครับ...ถ้าคุณพ่อจะกรุณา?
พจน์ทำท่ายียวนกวนประสาทนายธานินอีกครั้ง จนอีกฝ่ายอ่อนเพลียละเหี่ยใจกับลูกชาย
?เอาล่ะๆ ฉันอ่อนใจกับแกแล้ว มา...ฉันจะพาแกไปรู้จักกับพ่อแม่เจ้าสาว แล้วก็คนที่จะมาเป็นเมียของแก?
นายธานินเดินนำหน้าพาลูกชายหน้าทะเล้นเข้ามาทำรู้จักกับว่าที่พ่อปู่แม่ย่า และภรรยาในอนาคตที่ยืนรอแนะนำตัว
?นี่ครับลูกชายผม?
?สวัสดีครับ?
พจน์ยกมือไหว้นายธนกรและนางวนิดาก่อนเขาจะเหลือบตามองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ
?นี่เหรอครับเจ้าสาวผม...?
พจน์ไม่รอให้นายธานินแนะนำตัว เขารีบชิงตัดบทเป็นคนถามเสียเองจนนารีต้องรีบยกมือไหว้ ใบหน้าสวยใสไร้ความสุขเงยขึ้น ดวงตากลมโตวาวจ้องมองหนุ่มหล่อหน้าตี๋
?สวัสดีค่ะ...?
?สวัสดีครับ...?
พจน์ระบายยิ้มออกมาบางๆ พร้อมท่าทีเป็นกันเองทำให้นารีคลายอาการเกร็งได้ไม่น้อย ว่าที่เจ้าสาวยิ้มเจื่อนๆ เมื่อพบหน้าคนที่จะมาเป็นเจ้าบ่าวของเธอครั้งแรก เขาเป็นคนหล่อหน้าตาดีไม่แพ้วีรภาพ แต่หัวใจของเธอหาได้หลงใหลชื่นชอบเขา เพราะหัวใจทั้งสี่ของเธอได้มอบให้วีรภาพจนหมดสิ้นแล้ว
?แกรีบไปแต่งตัวซะ เดี๋ยวจะได้มาถ่ายรูป หัดมีความรับผิดชอบหน่อยสิเจ้าพจน์ อายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้าจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต?
?คร้าบบบ ผมผิดไปแล้วคร้าบบบ?
พจน์ยังทำเป็นเล่นเป็นหัวก่อนเขาจะเดินเข้าห้องแต่งตัวไปพร้อมเสียงถอนหายใจที่ดังไล่หลังเขาไป
?เฮ้อ...คิดแล้วมันเครียด เมื่อไหร่มันจะโตสักทีนะเจ้าลูกคนนี้?
?ผมว่าคุณพจน์เป็นคนอารมณ์ดี อยู่ใกล้แล้วมีความสุข ไม่น่าจะเครียดนะครับคุณธานิน?
?มันก็จริงอย่างที่คุณธนกรว่านั่นแหละครับ แต่ผมอยากให้มันจริงจังกับชีวิตสักนิด เพราะผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองจะอยู่ยืนยาวได้สักเท่าไหร่ ตอนนี้ผมถึงอยากได้ลูกสะใภ้เพื่อจะได้อุ้มหลานชายตัวเล็กๆ ก่อนตาย และผมก็อยากได้ผู้หญิงที่เหมาะสมกับมัน ที่จะมาทำให้มันเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบเสียที?
นายธานินทำหน้าสร้อยเมื่อพูดถึงลูกชายที่ทำตัวเป็นเพลย์บอย จนนายธนกรต้องเข้ามาพูดให้กำลังใจเจ้าหนี้ของเขา ทั้งสี่รอคอยการเปิดตัวของพจน์อย่างใจจดใจจ่อ จนในที่สุดเสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้น
?เป็นยังไงครับหล่อมั้ย...?
พจน์ถามบรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพร้อมตาใสแบ๊วฉายประกายอย่างรอคำตอบ เช่นเดียวกับนารีที่เงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งด้วยความชื่นชม เพราะพจน์จัดเป็นผู้ชายที่หล่อหน้าตาดี แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งเขาใส่ชุดทักสิโด้สีครีมยิ่งทำให้เขาเป็นผู้ชายที่หล่อหาตัวจับได้ยาก จนบางครั้งนารีเองก็ถึงกับเคลิ้มในความหล่อของเขา ติดแต่เพียงว่าเธอมีชายคนรักอยู่แล้ว
?เอ้อๆๆ ดูเข้าท่า เจ้าบ่าวก็หล่อเจ้าสาวก็สวย เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปถ่ายรูปกันดีกว่า ช่างภาพรอนานแล้ว ไปจูงมือน้องสิเจ้าพจน์?
นายธานินกำกับทุกอย่างไปเสียหมด ท่านสั่งให้ลูกชายตัวแสบไปจูงมือนารีที่นั่งหน้าง้ำ พวงแก้มแดงก่ำด้วยความเขินอาย
?ไปครับ...เราไปถ่ายรูปด้วยกัน?
?ค่ะ...?
พจน์ยื่นมือพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่ทำให้นารีหน้าแดงทุกครั้งไป เธอเอื้อมมือจับฝ่ามือหนานุ่มของว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเขินอาย หัวใจดวงเล็กๆ เต้นระรัวเมื่อวงแขนแกร่งโอบเอวคอดพร้อมใบหน้าขาวตี๋ที่ยื่นเข้ามาใกล้จนแทบจะชนแก้มอิ่ม
?เอาล่ะครับ...เจ้าบ่าวโอบเอวเจ้าสาวหน่อย?
?แบบนี้เหรอ?
?ใช่ครับ...ขยับหน้าเข้าไปอีกหน่อย...แบบนั้นแหละครับ ส่วนเจ้าสาวมองตาเจ้าบ่าวด้วยครับ ดีมากครับอย่าขยับนะครับ หนึ่ง...สอง...สาม?
เสียงของช่างภาพชื่อดังของเมืองไทยที่สั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวทำท่าทางต่างๆ ก่อนปลายนิ้วจะกดลั่นชัตเตอร์ดังระรัวฉากต่างๆ ที่เตรียมไว้
แชะ...แชะ...แชะ
ธนกรและวนิดารวมไปถึงนายธานินที่ยืนดูได้แต่อมยิ้มชอบใจ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น
?ขอบคุณมากครับ...?
ช่างภาพประจำสตูดิโอโค้งคำนับก่อนเดินจากไปพร้อมกับเสียงระบายลมหายใจอย่างโล่งอก นารีผ่อนลมหายใจยาวๆ พร้อมใบหน้าขาวนวลที่เปียกชุ่มเหงื่อ มือเล็กๆ โบกพัดหน้าตัวเองเพื่อไล่ความร้อน แต่แล้วเธอต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อพจน์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
?เหนื่อยเนอะกับการแต่งงาน...?
?ค่ะ...?
นารีพยักหน้าเบาๆ เมื่อพจน์พูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรกแม้แต่น้อย จนอาการเกร็งและกลัวเริ่มหายไป นารีเริ่มพูดคุยกับพจน์ได้มากขึ้น ทั้งสองดูเหมือนคนที่รู้จักและคบกันมานานนับสิบปีในสายตาของผู้พบเห็น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความรักที่วีรภาพมีให้นารีบัดนี้มันแปรเปลี่ยนกลายเป็นความแค้นจนสิ้น จากจูบที่มอบให้ด้วยความเสน่หา ทว่าตอนนี้จุมพิตนั้นกลับเป็นการลงทัณฑ์เพื่อให้สาแก่ใจ เขาไม่อาจจะให้อภัยผู้หญิงหน้าเงินที่ย่ำยีหัวใจและผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับความรักได้ ความรักที่เขาเทิดทูนหล่อนไว้เหนือหัวใจและสิ่งใดๆ ในโลกหล้า หากแต่นารีก็มองเห็นรักนั้นเป็นเพียงเศษธุลีและหาความหมายใดๆ ไม่ได้ หญิงสาวเลือกที่จะแต่งงานกับไอ้หนุ่มหน้าไหนก็ไม่รู้ที่พ่อแม่หล่อนมองว่าเหมาะสม แต่วีรภาพไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่เธอทำไปนั้นมีเหตุผลที่ไม่อาจบอกใครได้ และชายหนุ่มจะรู้หรือไม่ว่าในหัวใจของหญิงสาวผู้นี้มีแต่เขาเพียงผู้เดียว

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”