New Release : Rozenkreuz โรเซนครอยส์ ตอน เจ้าหญิงแห่งเอเบลไฮ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Rozenkreuz โรเซนครอยส์ ตอน เจ้าหญิงแห่งเอเบลไฮ

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

รถม้าสามคันและทหารม้าองครักษ์นับสิบบึ่งทะยานผ่านป่าลึกมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก
ที่นี่คือแคว้นเอเบลไฮต์ จุดเล็กๆ ในแผนที่แผ่นดินใหญ่ซึ่งมีเขตแดนซ้อนทับกับฟาเลน ชไวซ์และลอมบาร์เดีย ทะเลแห่งผืนป่านามบาวมุซมีอาณาเขตครอบคลุมเกือบหนึ่งในสี่ของอาณาจักรฟาเลน และแผ่กว้างไปจนถึงชายแดนอากิแตน
ในบรรดารถม้าทั้งสาม หัวและท้ายขบวนมีเหล่านางกำนัลเต็มคันรถ ส่วนคันกลางซึ่งหรูหราเป็นพิเศษนั้นมีเพียงเด็กหญิงและหญิงชราเท่านั้น
เด็กหญิงมีนามว่ามาร์การีต ผู้เปลี่ยนบรรดาศักดิ์จากดัชเชสมาเป็นแกรนด์ดัชเชสหมาดๆ ดัชเชสมีความหมายต่างกับแกรนด์ดัชเชสมาก เพราะนางมีฐานะเทียบเท่า ?แกรนด์ดยุค? กล่าวคือ เด็กน้อยกลายเป็นเจ้าของแคว้นหนึ่ง แม้เป็นเพียงพื้นที่ลุ่มเหมือนแอ่งกระทะล้อมรอบด้วยภูเขาก็ตาม
ปีนี้มาร์การีตย่างเข้าสิบขวบ เจ้าหญิงและเจ้าผู้ครองแคว้นเอเบลไฮต์ที่แม้จะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ก็ภาคภูมิใจที่ได้จารึกประวัติศาสตร์ไว้บนผืนแผ่นดินใหญ่ ยามสงบนิ่งร่างนั้นดูเฉยชาดุจตุ๊กตาในอ้อมกอดเหล่าบุตรีขุนนางวัยเดียวกัน...ด้วยผิวขาวเนียน พวงแก้มสีกุหลาบ เรือนผมสีทองหม่น และนัยน์ตาดุจน้ำในทะเลสาบ
ตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ นางได้ชื่อว่าเลอโฉมที่สุดในตระกูลซึ่งสืบทอดสายเลือดสูงศักดิ์มารุ่นสู่รุ่น รูปโฉมงดงามไร้ที่ติราวกับผ่านการคัดเลือกสายพันธุ์นี้ หากเติบใหญ่คงตราตรึงใจใครต่อใครในฐานะตุ๊กตาแสนสวยเป็นแน่
จู่ๆ นางใช้มือป้องริมฝีปากจุ๋มจิ๋ม

ฮ้าวววว.....

อ้าปากหาวหวอดใหญ่
?เจ้าหญิง!? แม่นมเอ็ดด้วยสายตาตำหนิมาร์การีตว่า ?เสียมารยาท!?
?มันช่วยไม่ได้นี่ ก็หนังสือฆ่าเวลาที่เอลี่อ่านให้ฟังมันไม่ช่วยฆ่าเวลาสักนิด? นางพูด ?นิทานพวกนี้ข้าฟังมาตั้งแต่เด็ก เบื่อจะตายอยู่แล้ว?
?แต่เจ้าหญิงยังสิบชันษาอยู่นะเพคะ?
?ใครว่า ข้าเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ถึงต้องไปเป็นเจ้าสาวนี่ไง?
ใช่ ขบวนรถม้านี้เป็นขบวนเจ้าสาวที่กำลังมุ่งหน้าสู่อากิแตน
?ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งต้องสำรวม หาวหวอดใหญ่เช่นนั้นจะถูกพระสวามีในอนาคตหมดรักนะเพคะ?
?ถ้าต้องร่วมหอลงโลงกันไปอีกนาน หาวแค่ครั้งสองครั้งคงไม่ทำให้บ้านแตกหรอก ถึงจะเป็นเจ้าฟ้า ถ้าจะให้นั่งสำรวมตลอดเวลาทั้งที่อยู่ตามลำพังคงเซ็งตายพอดี?
?........?
เอลี่ถอนหายใจราวกับจะบอกว่า ?เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ? เจ้าหญิงที่นางรับใช้อยู่ในวัยแก่แดดแก่ลมพอดี
?เอาเป็นว่าข้าไม่อยากฟังนิทาน ไหนๆ แล้วก็อ่านนิยายรักในราชสำนักที่กำลังนิยมในอากิแตนดีกว่า ให้ความรู้กว่าตั้งเยอะ?
?จะ...เจ้าหญิง! เรื่องบัดสีบัดเถลิงพรรค์นั้น!?
?อย่างมากก็แค่จูบไม่ใช่รึ? ถ้าเป็นนางกำนัลสาวๆ ยังพอว่า แต่แม่นมกลับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแบบนี้แสดงว่า....?
?เจ้าหญิง!?
เอลี่เสียงเขียว พอมาร์การีตยักไหล่ไม่สนใจ รถม้าก็หยุดกะทันหันจนหน้าคะมำ
?เกิดอะไรขึ้น!??
เอลี่เปิดประตูรถม้าออกไปถาม ทหารม้าองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ ควบม้าเข้ามาใกล้และตอบว่า ?เหมือนจะมีต้นไม้ล้มขวางทางอยู่ขอรับ?
?สั่งให้คนไปเอาออกเดี๋ยวนี้ เพราะเราต้องเข้าที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกดิน?
เส้นทางใกล้ที่สุดจากเอเบลไฮต์ถึงอากิแตนคือเส้นทางผ่านเขตแดนฟาเลน แต่ครั้งนี้มีเหตุสุดวิสัยใช้เส้นทางนั้นไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องข้ามภูเขาผ่านดินแดนไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างชไวซ์ ซึ่งการนั่งรถม้าไม่ใช่การเดินทางที่จรรโลงใจสำหรับเจ้าหญิงและเหล่านางกำนัลเลย
อีกทั้งชายแดนของฟาเลน ชไวซ์ และเอเบลไฮต์นั้นซ้อนทับกัน การหยุดกลางป่าเขาไร้กรรมสิทธิ์แน่ชัดทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง ทุกคนจึงอยากเข้าเขตแดนชไวซ์ให้เร็วที่สุด
คนขับรถม้าและผู้ช่วยพากันยกต้นไม้ให้พ้นทาง เหล่าทหารม้าองครักษ์เองก็มัวนั่งเก๊กไม่ได้จึงลงจากหลังม้าไปช่วยอีกแรง
ทว่า.....
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ชายคนขับรถม้านำขบวนร้องเสียงหลงล้มลงและกดแผลห้ามเลือดที่ขา กลุ่มชายฉกรรจ์ขี่ม้ากระโจนออกจากป่าเข้าล้อมทุกคนที่กำลังตกตะลึง ในมือต่างถือปืนไม่ก็ดาบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนอันตราย
?โจรป่า!?
ใครบางคนตะโกนขึ้น เหล่านางกำนัลในรถม้าพากันกรีดร้อง แม่นมเอลี่ตัวสั่นกอดมาร์การีตแน่นด้วยความกลัว
โชคร้ายที่ทหารม้าองครักษ์ลงจากม้ามาช่วยยกต้นไม้กันหมด แม้จำนวนคนสูสีแต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายที่อยู่บนหลังม้าได้เปรียบกว่า เพราะถ้าไม่อยู่บนหลังม้าก็ไม่เรียกทหารม้า
ดูเหมือนการโค่นต้นไม้ขวางถนนจะเป็นกับดักที่พวกโจรป่าวางไว้ ถึงพวกเขาจะเสียใจว่าควรอ้อมไปทางอื่นก็สายไปแล้ว กระนั้นก็ยังมีคนชักดาบข้างเอวออกมาสู้อย่างอาจหาญ แต่เกือบถูกม้าของอีกฝ่ายเหยียบจนล้มและไล่เหยียบดาบในมือนั้น คนอื่นจึงพากันยกมือยอมจำนนต่อโจรป่า
ทหารม้าผู้กล้านายหนึ่งยังสู้จนถึงที่สุดจึงถูกเหล่าโจรทมิฬซ้อมจนน่วม โจรคนหนึ่งควักปืนจ่อขมับเขาเพราะโมโหที่ทำให้พรรคพวกเจ็บตัวและตั้งท่าจะเหนี่ยวไก ไม่มีใครคิดหยุดโจรคนนั้น ชีวิตของทหารม้าผู้นั้นคงจบลงตรงนี้
ทันใดนั้น
?ช้าก่อน!?
น้ำเสียงอ่อนวัยทว่าเฉียบขาดหยุดเหล่าโจรไว้ พวกเขาถึงกับหน้าถอดสีเมื่อหันกลับมา
เพราะมาร์การีตลงจากรถม้าพร้อมเอามีดสั้นปลายแหลมจ่อคอหอยตัวเองอยู่
?ข้าจะไม่ยอมให้ใครเสี่ยงอันตรายเพื่อข้าอีก! พวกเจ้าคงต้องการตัวข้าสินะ ถ้าข้ายอมตามไปแต่โดยดีก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายบริวารเหล่านี้ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ?
?โอ้ เจ้าหญิงน้อย ไม่คิดว่าพวกข้าหวังทรัพย์สมบัติของขบวนเจ้าสาวนี้รึ?? ชายไว้หนวดท่าทางเหมือนหัวหน้าเอ่ย
?ถ้าพวกเจ้าเป็นโจรป่าจริงๆ คงพูดว่า ?ถ้าไม่อยากตายก็ทิ้งของมีค่าแล้วไสหัวไปซะ? ต่างหาก โทษของการปล้นอาจไม่ถึงชีวิต แต่โทษของการฆ่าคนย่อมหนักเหมือนกันทุกประเทศ ยิ่งเป็นขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ยิ่งแล้วใหญ่ เรื่องพวกนั้นแม้แต่โจรเถื่อนต้องรู้ดีอยู่แล้ว?
?........?
หัวหน้าโจรเถียงไม่ออก ได้แต่จ้องมองเจ้าหญิงน้อย...ผู้ใจใหญ่กว่าตัว
?ถ้าคิดจะฆ่าปิดปากทุกคนไม่ให้บอกใครว่าเจ้าลักพาตัวข้าไป ข้าก็เตรียมใจตายไว้แล้ว อยากมอบร่างไร้ชีวิตของข้าให้คนที่จ้างวานพวกเจ้ารึไง รับรองว่าเขาต้องโกรธไม่ยอมจ่ายพวกเจ้าสักแดงแน่ เพราะถ้าข้าตายไปก็ไม่มีค่าอะไร?
?เข้าใจแล้ว เราจะทำตามที่เจ้าหญิงต้องการ ถ้างั้นก็ตามไปที่รถม้า....?
?ไม่! ข้าจะรอดูจนกว่าทุกคนจากไป จากนั้นถึงจะยอมไปกับพวกเจ้า?
เขาแอบเดาะลิ้นเมื่อได้ยินคำของมาร์การีต เพราะเขาคิดจะพานางไปก่อนและให้ลูกน้องสังหารบริวารทุกคน คำพูดดักคอของมาร์การีตทำให้เขาคิดว่าเธอสุขุมลุ่มลึกจนไม่คิดว่าเป็นเพียงเจ้าหญิงน้อย
คนเจ็บที่ขยับตัวไม่ได้กับเหล่านางกำนัลและเอลี่ถูกผลักเข้าไปในรถม้าสองคันที่เหลือ เอลี่ยืนกรานจะไปกับมาร์การีตให้ได้ แต่เด็กน้อยพูดเด็ดขาดว่า ?ถ้าไม่ฟังข้าจะไล่ออก!? เอลี่จึงจากไปทั้งน้ำตา เพราะมาร์การีตไม่รู้ว่าถ้าไปด้วยกันจะรักษาชีวิตหญิงชราได้หรือไม่
?เจ้าหญิง!?
มาร์การีตยิ้มให้เหล่าองครักษ์ที่เป็นห่วง ?ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะมาร์ชันเนสแห่งฟาเลนคงต้อนรับขับสู้ข้าอย่างดี? ดูเหมือนมาร์การีตจะระแคะระคายว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม มาร์การีตมองส่งขบวนรถม้าและทหารม้าที่อยู่กับตนมาจนลับตาเข้าสู่ป่าลึกและไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
?เอาล่ะ เจ้าหญิง เราจะออกเดินทางกันได้รึยัง?
นางเหลือบมองหัวหน้าโจรหนวดครึ้มก่อนส่งมีดที่ตัวเองใช้จี้คอให้แล้วเดินขึ้นรถม้าที่เปิดประตูอยู่ ไร้ร่างแม่นมขี้บ่นแต่รักสุดหัวใจอีกต่อไป
รถม้าวิ่งห้อออกไป มาร์การีตกอดหมอนและแนบแก้มป่องกับหมอนยัดขนนกเป็ดน้ำนุ่มนิ่มใบโปรดแอบอยู่หลังม่านโดยไม่ให้พวกโจรเห็น
เจ้าหญิงที่ทำตัวกล้าหาญมาตลอด...บัดนี้ดูเปราะบางเสียเหลือเกิน มือที่กำหมอนสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้มสีกุหลาบ
?ข้ากลัว...กลัวเหลือเกิน...เอลี่ ฟาน...ช่วยข้าด้วย....?
แกรนด์ดัชเชสตัวน้อยผู้พยายามช่วยชีวิตบริวารร้องไห้ตัวสั่นขณะรถม้ามุ่งหน้าสู่ทิศตรงข้ามกับบ้านเกิดและปลายทางของขบวนเจ้าสาว
มันเข้าไปในป่าลึกมุ่งหน้าสู่ฟาเลนซึ่งอยู่อีกฟากของป่าบาวมุซ

บทที่ 2

ย้อนกลับไปเกือบหนึ่งเดือนก่อน
ณ กรุงอองช์ อาณาจักรอากิแตน ภายใน ?ตำหนักขาว? ที่พำนักของดยุคและดัชเชสแห่งมงฟอรต์ในเขตพระราชฐาน
ได้ยินเสียงสนทนาอย่างออกรสในสวนสีเขียวท่ามกลางแดดอบอุ่นยามบ่าย ผู้คนถือถ้วยชาควันกรุ่นในมือจับกลุ่มคุยเรื่องมีสาระกันอย่างเพลิดเพลิน ไร้เรื่องล่อแหลมอย่างเล่นพนันจีบสาวเหมือนในงานเลี้ยงกลางคืน
?คอยดูอย่าให้ขนมบนโต๊ะขาด มาดามเลวีเย่มารึยัง เตรียมช็อกโกแลตร้อนใส่น้ำตาลเยอะๆ เอาไว้ แต่รอให้อุ่นก่อนล่ะ เพราะนางลิ้นแมว?
นายหญิงแห่งตำหนัก เซซิล ดัชเชสแห่งมงฟอรต์ชี้แนะซูซานน่าหญิงรับใช้อย่างคล่องแคล่ว
การแต่งตัวของเซซิลวันนี้เหมาะกับปาร์ตี้น้ำชายามบ่ายยิ่งนัก ทั้งยังดูกระฉับกระเฉงในฐานะแม่งาน ชายกระโปรงสั้นเผยให้เห็นถุงเท้าปักลายดอกกุหลาบวับๆ แวมๆ ดูมีเสน่ห์ บวกกับผ้ากันเปื้อนโปร่งดูสมเป็นภรรยายังสาว
เรือนผมสีน้ำผึ้งเป็นประกาย นัยน์ตากลมโตสีเทาอมฟ้าเปี่ยมชีวิตชีวา ริมฝีปากช่างจำนรรจาจุ๋มจิ๋มสีแดง ผิวขาวเนียนดุจกระเบื้องเคลือบมีสีเลือดฝาด รวมทั้งแขนขาเพรียวระหงปราดเปรียวดุจภูตจิ๋ว
เจ้าหญิงเลอโฉมผู้ลือเลื่องไปทั่วอากิแตนแท้จริงเป็นบุรุษเพศ และเรื่องที่เขาคือจอมโจรโรเซนครอยส์ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทุกหัวระแหงเป็นความลับที่รู้เฉพาะสามีและคนสนิทเท่านั้น
?งั้นรึ ถ้าอัดอากาศอุ่นๆ จนเต็มถุงก็สามารถบินในท้องฟ้าได้น่ะสิ?
?ถูกต้องพระเจ้าค่ะ?
ระยะนี้ บริเวณซุ้มหย่อนใจสไตล์วิหารโบราณในสวนมักมีเหล่านักคิดนักเขียนและนักวิชาการมารายล้อมรอบตัวเรอเน่ ยุวกษัตริย์วัยสิบชันษา เพื่อสนทนาเรื่องราวน่าสนใจต่างๆ สมัยรัชกาลก่อนมีโครงการทำหนังสือสารานุกรม แต่ถูกเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์คัดค้านเพราะไม่ต้องการให้ชาวเมืองรับความรู้และภูมิปัญญาง่ายๆ นั่นเอง
แต่เมื่อสามีของเซซิล ออสการ์ได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ จึงให้ความเห็นว่า ?ความรู้ไม่ควรเป็นของชนชั้นสูงอย่างเดียว แต่ควรเผยแพร่ให้กว้างขวาง? บังเอิญว่าออสการ์และกลุ่มนักวิชาการสนิทชิดเชื้อกัน จึงขอคำปรึกษาด้านการเมืองได้ และมีหลายคนถูกเลือกมาเป็นอาจารย์สอนเรอเน่ด้วย
เรื่องที่เรอเน่กำลังฟังอยู่คือเหตุการณ์วุ่นวายในการทดลองของนักประดิษฐ์และนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง จนเซซิลฟังแล้วยังเผลอยิ้ม เรอเน่ซึ่งฟังอย่างสนอกสนใจถึงกับออกปากว่าอยากขึ้นไปบนสิ่งประดิษฐ์ลอยฟ้าที่ได้ชื่อว่าบอลลูนอากาศร้อนด้วย
เซซิลละสายตาจากเรอเน่เดินเข้าไปในกลุ่มแขกเหรื่ออย่างสง่างาม พลางทักทายและร่วมวงสนทนาเพื่อให้งานปาร์ตี้ครึกครื้น
?สวัสดีค่ะ เซอร์คูปรัง ดีใจจริงๆ ที่ท่านมาร่วมงานได้ วันนี้ข้าเตรียมขนมอัลมอนด์ของโปรดท่านไว้ด้วยนะคะ?
?อ้าว มาดามเซเลียน หนังสือที่เพิ่งตีพิมพ์ของท่านน่าสนใจมากเลยค่ะ ข้าเองก็คิดว่าเราควรพิจารณาเกี่ยวกับการศึกษาของผู้หญิงให้มากกว่านี้?
?ท่านโครตอนจะกลับแล้วหรือคะ เสียดายจัง แต่ถ้ามีธุระก็ช่วยไม่ได้ แค่ได้มีโอกาสทักทายท่านก็ดีใจแล้วค่ะ คราวหน้าเราคงได้คุยกันสบายๆ นะคะ โชคดีค่ะ?
ตั้งแต่เรอเน่ขึ้นครองราชย์และออสการขึ้นเป็นอัครมหาเสนาบดี งานเลี้ยงเต้นรำและโอเปร่าที่เคยจัดทุกคืนในพระราชวังลดลงไปถนัดตา ทำให้เขตพระราชฐานมืดมิดจนเหล่าขุนนางรักสนุกพากันโอดครวญ เว้นแต่มีเอกอัครราชทูตจากต่างประเทศมาเยือนหรือมีงานพิธีการภายใน
เมื่อเซซิลกลายเป็นชายาของออสการ์ บรรยากาศกลับสดใสอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเปลี่ยนงานเลี้ยงกลางคืนมาเป็นปาร์ตี้น้ำชายามบ่ายโดยมีเซซิลเป็นเจ้าภาพ ไม่เฉพาะขุนนาง แต่ปัญญาชนอย่างเหล่านักเขียนนักวิชาการต่างมารวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการได้โดยไม่เกี่ยงชาติกำเนิด
แม้ไม่หรูหราอลังการเหมือนงานเลี้ยงเต้นรำ แต่เป็นการชุมนุมแบบผู้ใหญ่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ได้อย่างเพลิดเพลิน ยิ่งระยะนี้ ในวงการศิลปินและวิชาการของกรุงอองช์ การได้รับเชิญมาร่วมงานของเซซิลถือเป็นเกียรติกว่างานไหนๆ
นอกจากนี้ การยกเลิกคำสั่งห้ามตีพิมพ์หนังสือสารานุกรมจะทำให้ความรู้กระจายไปถึงเหล่าภรรยาขุนนางและผู้ดีมีอันจะกิน เมื่อถึงวันนั้นสตรีผู้ไม่เคยแตะหนังสืออาจถือหนังสือปรัชญาเล่มหนามาถกกันเกี่ยวกับสติปัญญาของพระเจ้ากับมนุษย์ แม้เป็นการท่องจำอย่างเอาเป็นเอาตายจากคำอธิบายที่เพื่อนนักวิชาการเขียนให้ก็ตาม
ผ้าคลุมไหล่ของเซซิลปลิวไปตามลมขณะหันไปหาเสียงเรียก
?อ๊ะ!? เซซิลอุทานและเอื้อมมือคว้า แต่ผ้าคลุมบางกลับลอยสูงจนคว้าไม่ถึง
ตอนนั้นเอง เสียงขวับ! ดังแหวกสายลม วัตถุเรียวยาวเกี่ยวผ้าไว้และดึงกลับมาใส่มืออีกข้าง
?เชิญขอครับ ดัชเชส?
?แหม ขอบคุณมากนะคะ?
เซซิลจ้องมองชายหนุ่มผู้ยื่นผ้าคลุมไหล่ให้ หนุ่มรูปงามเจ้าของเรือนผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยิ้มอย่างเป็นมิตร แม้ไม่ได้แต่งกายหรูหราแต่หมวกขนนกและผ้าคลุมของอัศวินนั้นให้บรรยากาศของหนุ่มเจ้าสำอาง คงอายุยี่สิบปลายๆ เท่ากับออสการ์
แต่ที่เป็นเอกลักษณ์กว่าใครคือแส้เรียวยาวสีดำที่ใช้เกี่ยวผ้าคลุมไหล่เซซิล ถ้าเป็นดาบยังพอว่า แต่นับว่าแปลกที่อัศวินมีของเช่นนี้ติดตัว
?พกของใช้สะดวกติดตัวเสียด้วย แถมยังใช้เก่งอีกต่างหาก?
?ขอรับ ไม่มีอะไรที่ข้าใช้มันคว้าไม่ได้ ถึงขนาดปัดถั่วที่วางบนไข่ไก่ให้หล่นได้ด้วยซ้ำ?
อัศวินยืดอกอย่างภูมิใจ
?แหม แต่แค่วางเมล็ดถั่วกลมๆ บนไข่ไก่มนๆ ได้ก็สุดยอดแล้วนะคะ?
?อ๊ะ นั่นสิขอรับ ต่อไปคงต้องจ้างผู้ติดตามที่ใช้มือคล่องแคล่ว จะได้แสดงฝีมือให้เหล่าสุภาพสตรีได้ชื่นชมทุกเวลา เพราะถ้ามัวแต่วางถั่วบนไข่ไก่คงหมดหล่อพอดี?
คำตอบนั้นทำให้เซซิลหลุดหัวเราะ ผู้ชายอะไรแปลกคนจริงๆ
?จะว่าไป ขอโทษด้วยนะคะ เพราะข้ายังไม่ทราบชื่อท่านเลย?
?โอ้ ขอประทานอภัยที่แนะนำตัวช้าขอรับ?
ชายหนุ่มถอดหมวก เอามือแนบอกแล้วคำนับอย่างสง่างาม
?ข้าชื่อฟาน เลอ เดอ ดิวตี้ เรียกฟานเฉยๆ เถอะขอรับ เป็นอัศวินไร้นามที่ลอบเข้ามาเพราะอยากยลโฉมของท่านหญิงที่ลือกันว่างดงามเหลือคณาสักครั้ง?
?ต๊าย....?
เซซิลเบิกตาตกใจ แค่ลักลอบเข้ามาในเขตพระราชฐานก็มีโทษหนักแล้ว นี่ถึงกับเข้าประชิดตัวดัชเชสแห่งอากิแตน ช่างเป็นหนุ่มที่บ้าระห่ำยิ่งนัก
?คุยกันออกรสเชียวนะ?
เซซิลสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง ก่อนหันกลับไปเจอออสการ์ยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงนั้น
?เสร็จงานแล้วหรือคะ?
?อืม เลยโผล่หน้ามางานปาร์ตี้น้ำชาของเจ้าสักหน่อย เจ้าบอกให้ข้าออกมาพบแขกเหรื่อบ้างไม่ใช่รึ?
อัครมหาเสนาบดีรูปงามเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำและอาภรณ์สีดำคลุมร่างสูงชะลูดนั้นทำให้นานาประเทศให้ฉายาเขาว่าดยุคดำ ผู้สำเร็จราชการชุดดำผู้เปี่ยมความสามารถจ้องฟานที่ยืนอยู่หน้าเซซิลหัวจรดเท้าด้วยนัยน์ตาสีนำเงินเข้ม
?ท่านนี้คือ??
เขาต้องการคำอธิบายจากเซซิล
?เซอร์ดิวตี้ค่ะ เอ่อ....?
เซซิลลำบากใจเพราะไม่กล้าบอกว่าชายหนุ่มลักลอบเข้ามาในพระราชวัง เพราะคิดจะกล่อมให้เขากลับไปอย่างละมุนละม่อม
ถึงอย่างไรออสการ์ก็มักทำหน้ายักษ์ใส่พวกผู้ชายที่เข้าใกล้ตนอยู่แล้ว จะเรียกว่าหึงแรงก็ได้ ยิ่งหลังจากเหตุการณ์กับมกุฎราชกุมารแห่งอัลเบียน อาการหึงหวงก็ยิ่งหนักข้อขึ้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นเลวร้ายมาก เพราะเซซิลถูกจับตัวไปอัลเบียน ส่วนออสการ์ที่บุกเข้าไปช่วยก็ถูกจับขังคุกน้ำใต้ดินจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงทำให้ออสการ์มีความรู้สึกไวกับแมลงร้ายที่เข้าใกล้เซซิล
พอเซซิลพูดไม่ออก ฟานจึงหันไปคำนับให้ออสการ์
(ภาพหน้า 21)
?ขออภัย ท่านคือดยุคมงฟอรต์ ผู้สำเร็จราชการแห่งอากิแตนใช่รึไม่?
?ว่าแต่ท่านเถอะ เป็นอัศวินสังกัดตระกูลไหน เสียใจด้วยที่ข้านึกชื่ออัศวินนามเซอร์ดิวตี้ไม่ออก?
?ข้าไม่ใช่ชาวอากิแตนหรอกขอรับ ซ้ำยังลักลอบเข้ามาในพระราชวังโดยไม่ได้รับเชิญ?
?ว่าไงนะ??
ออสการ์ขมวดคิ้ว เซซิลหน้าถอดสี ซวยแล้ว! ไม่เห็นต้องพาซื่อบอกความจริงเลย เซซิลมองใบหน้าผุดยิ้มบางๆ ของฟานที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
?จะบอกว่าลอบเข้ามาในนี้โดยรู้ว่าโทษหนักแค่ไหนงั้นรึ??
?ขอรับ แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้คงไม่มีโอกาสได้พบท่านดยุคดำผู้เลื่องชื่อตัวต่อตัว ข้ารีบรุดมาจากบ้านเกิดจึงไม่ได้นำหลักฐานแสดงตัวหรือหนังสือรับรองของเจ้านายมา แต่ข้าได้รับคำสั่งลับจึงไม่อาจกลับไปมือเปล่า ยังไงก็ต้องพบท่านให้ได้ทั้งที่ทราบว่าต้องได้รับโทษหนักเพียงใด?
ชายหนุ่มไม่หลบสายตาเอาจริงของออสการ์ที่แม้แต่ทูตเฒ่าเจ้าเล่ห์ยังขยาด และแก้ต่างให้ตัวเองอย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับนักแสดงที่ท่องบทมาอย่างดีโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย
ออสการ์ยิ้มชั่วร้าย ในใจคิดว่าประมาทชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ แต่ก็ชอบใจอยู่เหมือนกัน
?เข้าใจพูดนี่ ว่าแต่เจ้านายของเซอร์เป็นใคร?
?แกรนด์ดัชเชสมาร์การีต กษัตรีแห่งเอเบลไฮต์ขอรับ เรื่องที่ข้าอยากปรึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเอเบลไฮต์และอากิแตน โปรดรับฟังด้วยเถิด?
?ท่าทางคงเป็นเรื่องใหญ่ เราไปคุยกันเงียบๆ เถอะ ตามมา!?
?ขอรับ!?
ออสการ์เดินนำหน้าฟานเข้าไปในตำหนัก คงเข้าไปคุยในห้องหนังสือ
แต่ชายหนุ่มผู้ประกาศตัวว่าชื่อฟานจะปรึกษาเรื่องอะไร เซซิลตะขิดตะขวงใจขณะถูกไล่ให้กลับไปรับรองแขกในงานเลี้ยง

**********

ชั้นหนังสือสีอำพันแวววาว มีหนังสือหุ้มปกหนังตกแต่งทองคำเปลววางเรียงรายอยู่ ในบรรดาห้องหนังสือของพวกขุนนาง ดูเหมือนจะมีห้องหนังสือน่าสมเพชที่เรียงหนังสือให้ดูดีแต่ภายในเป็นกระดาษเปล่า แต่เจ้าของห้องนี้ไม่ใช่คนเช่นนั้น เพราะบนชั้นมีตั้งแต่หนังสือปรัชญา ศาสนศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และอีกหลายแขนงไม่เว้นบทกวีร้อยแก้วร้อยกรอง แสดงถึงความเป็นสัจนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดี
ผู้สำเร็จราชการชุดดำนั่งไขว่ห้างหลังโต๊ะอ่านหนังสือตัวเขื่องที่สลักลวดลายวิจิตรบรรจง แม้ดูสูงศักดิ์แต่สายตาที่จ้องมองชายหนุ่มตรงข้ามโต๊ะนั้นคมกริบราวกับเหยี่ยวจ้องมองเหยื่อจากที่สูง เห็นแล้วไม่ชวนให้เคลิบเคลิ้มฝันหวานแม้แต่น้อย
?แล้วไง เรื่องสำคัญอะไรที่เกี่ยวข้องกับเอเบลไฮต์และอากิแตน?
?ที่จริงมีเรื่องสำคัญในประเทศมากมาย แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องสำคัญที่สุดกับเอเบลไฮต์ อากิแตน และชไวซ์เพื่อนบ้านของเราก็มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น?
พูดจาวางมาดไม่ใช่เล่น ออสการ์คิดในใจว่าโทนเสียงนี้คล้ายใครบางคนจึงตัดสินใจจะยุติการสนทนาให้เร็วที่สุด
อนึ่ง อย่างที่ฟานกล่าว ชไวซ์เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีดินแดนด้านตะวันตกติดกับอากิแตน ส่วนตะวันออกติดเอเบลไฮต์ ไม่มีกษัตริย์เหมือนประเทศอื่นบนแผ่นดินใหญ่ และมีการปกครองแบบสาธารณรัฐโดยการเลือกตัวแทนจากเมืองและหมู่บ้านต่างๆ มาเป็นผู้แทนในรัฐสภา หลายปีก่อน เอนสเดล ประเทศเกาะทางทิศเหนือก็ปกครองระบอบเดียวกัน แต่ถูกโลกริสเพื่อนบ้านเข้ายึดและรวมประเทศจนกลายเป็นอาณาจักรอัลเบียนในปัจจุบัน
ส่วนอากิแตนกับเอเบลไฮต์มีกษัตริย์และดยุคปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าพูดถึงเรื่องสำคัญที่สุดของสองประเทศนี้คือ
?การอภิเษกสมรสของกษัตริย์ ถ้าจำไม่ผิด เจ้าหญิงมาร์การีตแห่งเอเบลไฮต์เพิ่งสิบชันษา เท่ากับฝ่าบาทของข้า?
ปีนี้กษัตริย์เรอเน่แห่งอากิแตนจะมีอายุครบสิบปี แม้ทั้งสองจะคู่ควรกัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนเล่นยังพอว่า เพราะยังเร็วเกินไปที่จะแต่งงาน
ทว่า นั่นเป็นกรณีหนุ่มสาวสามัญชน ในกรณีของขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ การหมั้นหมายกันตั้งแต่ยังอยู่ในท้องนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก
?สมเป็นอัครมหาเสนาบดีผู้ปราดเปรื่องจนเลื่องชื่อไปทั่วแผ่นดินใหญ่ คาดเดาได้รวดเร็วนัก?
?ไม่ต้องชมหรอก ต่อให้เป็นประเทศไหนๆ ถ้ามีทูตจากเอเบลไฮต์มาเยือนก็ต้องคิดถึงเรื่องนั้นก่อนอยู่แล้ว เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเอเบลไฮต์กำลังเฟ้นหาเจ้าบ่าวให้แกรนด์ดัชเชสอยู่?
แกรนด์ดยุคเกวนเธอร์ โลเบล บิดาของมาร์การีตจากโลกนี้ไปเมื่อครึ่งปีก่อนด้วยโรคปัจจุบัน* และมีธิดาคนเดียวคือมาร์การีต ต่อให้อายุเพียงสิบขวบก็เป็นเจ้าหญิงและต้องสืบบัลลังก์ในฐานะแกรนด์ดัชเชส
ทว่า ทั้งความเยาว์วัยและเป็นสตรีจึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ในฐานะประเทศเล็กๆ ที่มีชายแดนด้านเหนือติดกับฟาเลน มหาอำนาจแห่งตะวันออก ซ้ำยังถูกประเทศที่ประมาทไม่ได้อย่างชไวซ์และลอมบาร์เดียล้อมรอบ จึงต้องการเจ้าบ่าวมาเป็นกองหนุนเสริมความแข็งแกร่ง
?แต่ข้าได้ยินว่าปริ๊นซ์คนหนึ่งของฟาเลนเสนอตัวเป็นเจ้าบ่าวแล้ว ด้วยการสนับสนุนของมาร์ชันเนสท่านหนึ่ง?
ใช่ ผู้เสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกก่อนใครคือฟาเลน มหาอำนาจที่เอเบลไฮต์หวั่นเกรงที่สุด มาร์ชันเนสแห่งฮันโนเวอร์ มารดาแท้ๆ ของเซซิล ภรรยาออสการ์ นางถีบตัวจากภรรยาสามัญชนขึ้นเป็นสนมจักรพรรดิและกลายเป็นสนมเอก บัดนี้กลายเป็นสตรีเปี่ยมความสามารถที่ได้ฉายาว่าจักรพรรดินีผู้กุมบังเหียนแท้จริงของฟาเลน
ฟานขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำของออสการ์
?จริงอยู่ว่าชาติกำเนิดนั้นเหมาะสม แต่ปริ๊นซ์เคสต์เนอร์ ว่าที่ลูกเขยล่วงเข้าวัยสามสิบห้าชันษา ส่วนเจ้าหญิงมีวัยเพียงสิบชันษา กว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันได้คงอีกนานหลายปี จะให้รอนานก็....?
?พูดตรงๆ คือไม่ถูกใจลูกเขยที่ฟาเลนยัดเยียดให้สินะ แถมถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแกรนด์ดัชเชสที่อภิเษกฯ แล้วไม่มีรัชทายาท เอเบลไฮต์ก็จะตกเป็นของปริ๊นซ์ซึ่งถือเป็นผู้ปกครองร่วม ดีไม่ดีอาจถูกผนวกกับฟาเลน อีกอย่าง ฟาเลนก็อยู่ใกล้เกินไป บ้านเกิดของปริ๊นซ์จึงเข้าแทรกแซงได้ อากิแตนยังถือว่าห่างเพราะมีชไวซ์กั้นกลาง ต่อให้เจ้าหญิงต้องออกเรือนมาอยู่ทางนี้ก็ยังคงเอกราชเอาไว้ได้?
ออสการ์มองตาฟานด้วยสายตาค้นหา นักการทูตเหลี่ยมจัดที่ภายนอกดูเป็นหนุ่มไร้พิษสงจ้องนัยน์ตาสีท้องฟ้าใกล้รุ่งของออสการ์อย่างไม่หวั่นไหวและยักไหล่
?....ในเมื่ออ่านออกถึงขั้นนั้นก็ช่วยไม่ได้ ยังไงทางเราก็จะบอกปัดปริ๊นซ์ของฟาเลน ถ้าต้องได้จักรพรรดินีจอมกระหายอำนาจพ่วงมาอีกคน?
?จักรพรรดินีจอมกระหายอำนาจรึ...ปากร้ายไม่เบานี่?
?ขออภัยขอรับ มันเป็นสันดานแก้ไม่หาย ยังไงก็ตาม ข้าแนะนำเจ้าหญิงเองว่าถ้าจะดองกันทั้งที ดยุคดำแห่งอากิแตนย่อมดีกว่านางปีศาจแห่งฟาเลน?
?เจ้าทูลเจ้าหญิงน้อยโดยตรงรึ?
?ขอรับ น่าเสียดายที่ในปราสาทเอเบลไฮต์มีเพียงเจ้าหญิงที่ทรงรับฟังคำบริวารผู้ซื่อสัตย์อย่างข้า ที่เหลือก็มีแต่พวกงี่เง่าที่ไม่คิดถึงอนาคตของประเทศชาติ?
กล้าพูดเต็มปากว่าตัวเองเป็นบริวารผู้ซื่อสัตย์ ส่วนคนอื่นไม่ได้เรื่อง จะเรียกว่าปากคอเราะร้ายหรือหลงตัวเองดี
?แล้วเจ้าหญิงรับสั่งว่ายังไง?
?ท่านรับสั่งว่า ?ให้ตายก็ไม่แต่งกับลุงอายุสามสิบห้าหรอก!? ขอรับ?
?........?
ให้ตายสิ มีเจ้าหญิงที่ไหนพูดกับข้ารับใช้แบบนั้นบ้าง ถ้าพูดอย่างนั้นจริง คงเป็นเด็กอวดดีไม่เบา
แต่ความอวดดีและหลงตัวเองนั้นกลับสร้างความประทับใจให้ออสการ์ไม่น้อย เพราะการปกครองประเทศไม่ว่าใหญ่หรือเล็กต้องมีความมั่นใจและหยิ่งทระนงในตัวเอง คำกล่าวของจักรพรรดิรุ่นดึกดำบรรพ์ที่ว่าหน้าที่ใหญ่หลวงของผู้นำประเทศคือการนั่งบนบัลลังก์ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม คงไม่ใช่เรื่องโกหกเสียทีเดียว
ทว่า ฐานะผู้นำประเทศ ความชอบส่วนตัวใช้ตัดสินอะไรไม่ได้
?แต่ถ้ารับเจ้าหญิงแห่งเอเบลไฮต์เป็นเจ้าสาว อากิแตนจะได้ผลประโยชน์อะไร? ประเทศเล็กๆ ห่างไกลจากอากิแตน ไม่เห็นมีอะไรน่าดึงดูดเลย?
?นั่นเป็นมุมมองของอากิแตน แต่ผิดจากประเทศที่มีชายแดนติดกับเราอย่างฟาเลนขอรับ ท่านอาจทราบแล้วว่าเอเบลไฮต์ของเรามีภูมิประเทศเป็นแอ่งและมีภูเขาล้อมรอบ มีเส้นทางเก่าแก่ตัดผ่านหุบเขาซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรสำคัญของสามประเทศอย่างฟาเลน ชไวซ์ และลอมบาร์เดีย มันมีความหมายอย่างไร คนหลักแหลมอย่างท่านน่าจะทราบดี?
ปัจจุบันมีการขุดลอกคูคลองทั่วแผ่นดินใหญ่ การขนส่งส่วนใหญ่จึงใช้เรือ แต่การสัญจรดั้งเดิมอย่างการเดินเท้าและขี่ม้ายังคงมีความสำคัญอยู่
?ถ้าฟาเลนเข้าควบเอเบลไฮต์อย่างที่ท่านว่า จุดยุทธศาสตร์นั่นจะตกเป็นของประเทศมหาอำนาจนั้น และอากิแตนยักษ์ใหญ่แห่งตะวันตกคงไม่ยินดีเป็นแน่?
?จริงของเจ้า แต่ต่อให้ฟาเลนยึดเอเบลไฮต์ได้ ก็ใช่ว่าชไวซ์กับลอมบาร์เดียจะลุกขึ้นโจมตีทันที ต่อให้ฟาเลนสู้สองประเทศพร้อมกันไม่ไหว ก็ยังมีกองทัพใหญ่อยู่ในมือพอสมควร?
?แต่ข้ามีข้ออ้างที่ฟังขึ้น นั่นคือตัวของท่านมาร์การีตเอง ไม่ว่าใครก็ยอมรับว่าตระกูลของเจ้าหญิงเป็นตระกูลที่มีสายเลือดเก่าแก่ตระกูลหนึ่งในแผ่นดินใหญ่และย้อนไปไกลถึงสมัยตำนานเทพปกรณัมเลยทีเดียว?
?เรื่องนั้นข้ารู้ ไม่ว่าดูแผนที่เก่าแค่ไหนก็มีแต่เอเบลไฮต์ที่ยังคงอาณาเขตไว้เท่าเดิม ถ้าเทียบจากเชื้อสายวงศ์ตระกูลของเอเบลไฮต์แล้ว กษัตริย์ประเทศไหนๆ ในแผ่นดินใหญ่คงกลายเป็นคนต่ำต้อยไปเลย?
ด้วยภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยเขาสูงชัน ทำให้ความสามารถทางด้านการทูตของกษัตริย์แต่ละรุ่นยอดเยี่ยมไปด้วย ในบรรดานานาประเทศที่ทรงอำนาจขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงประเทศเล็กๆ ที่อ่อนแอที่สุดอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
?ดังนั้นสายเลือดของทุกราชวงศ์จึงไหลรวมอยู่ในร่างเล็กๆ ของเจ้าหญิง แน่นอนว่าสายเลือดของอากิแตนและฟาเลนด้วย ย่าทวดของเจ้าหญิงก็เป็นเจ้าหญิงแห่งอากิแตน ส่วนมารดาก็เป็นดัชเชสแห่งฟาเลน นอกนั้นยังสืบเชื้อสายของลอมบาร์เดียและชไวซ์ด้วย....?
?สรุปคือหากกษัตริย์ประเทศใดเกิดสวรรคตโดยไร้รัชทายาท เจ้าหญิงน้อยก็สามารถอ้างสิทธิ์ในการครองบัลลังก์ได้สินะ??
?ขอรับ แน่นอนว่ารวมถึงรัชทายาทของเจ้าหญิงด้วย?
การทำสงคราม ต่อให้เหตุผลที่แท้จริงคือความอยากได้อยากมีและกระหายในอำนาจ แต่เป็นเหตุผลที่ถูกต้องตามหลักการ และในเมื่อประเทศบนแผ่นดินใหญ่ปกครองด้วยกษัตริย์ จักรพรรดิ ไม่ก็อาร์คดยุค รัชทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงมีสิทธิอันชอบธรรมในการครองบัลลังก์
ไม่มีสายเลือดไหนมีสิทธิชอบธรรมยิ่งไปกว่าราชวงศ์เอเบลไฮต์ เดี๋ยวนี้ประเทศที่ปกครองด้วยกษัตริย์ต่างได้รับความเห็นชอบจากสันตะปาปาแห่งลอมบาร์เดียในการสถาปนาประเทศ การรับสายเลือดจากประเทศแห่งหุบเขาเข้ามา ทำให้มั่นใจว่าจะมีสิทธิอันชอบธรรมในการสืบทอดบัลลังก์ประเทศเหล่านั้น อีกอย่าง ถ้าไร้สายเลือดโดยตรง สายเลือดข้างเคียงก็มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ ถ้ารับเจ้าหญิงแห่งเอเบลไฮต์มาเป็นสะใภ้ สายเลือดสูงศักดิ์อันเข้มข้นก็จะไหลเวียนอยู่ในตัวรัชทายาทชายหญิงที่จะลืมตาดูโลกด้วย
นั่นเป็นความลับที่ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างเอเบลไฮต์อยู่รอดมาได้ เหล่าเจ้าหญิงที่ออกเรือนไปต่างเอื้อประโยชน์ให้บ้านเกิดในฐานะอุปทูตชั้นดี ด้วยการโน้มน้าวชักจูงสามีหรือลูกของตนและส่งข่าวกลับบ้านเกิดเรื่อยมา ทำให้ผู้นำเอเบลไฮต์รู้ข่าววงในของประเทศต่างๆ เป็นอย่างดี และสามารถเจรจาต่อรองได้อย่างชาญฉลาดเพื่อให้ประเทศเล็กๆ ของตัวเองอยู่รอด
พูดได้ว่าสินค้าส่งออกสำคัญของเอเบลไฮต์คือบรรดาเจ้าหญิงว่าที่เจ้าสาว ดังนั้นสถานการณ์นี้จึงถือเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อเอเบลไฮต์ เพราะมีรัชทายาทเพียงคนเดียว แถมเป็นเจ้าหญิงด้วย อีกทั้งกษัตริย์รัชกาลก่อนก็เป็นลูกโทน ผิดกับราชวงศ์อื่นที่มีลูกเป็นโขยง ซึ่งเท่ากับไม่มีญาติสนิทเลย
?เซอร์ดิวตี้ ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว แต่มันไม่สำคัญเฉพาะสองประเทศแต่มันเปลี่ยนชีวิตคนสองคนด้วย ยังไงก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน?
?หมายความว่ายังไงขอรับ?
?ข้าหมายถึงฝ่าบาทเรอเน่ เหมือนที่เซอร์ถามเจ้าหญิงมาร์การีต ถ้าฝ่าบาทรับสั่งว่า ?ต่อให้เอ๊าะแค่ไหน ให้ตายข้าก็ไม่เอาสาวสวยหน้าอกแฟบ!? ล่ะก็ อย่าโกรธกันล่ะ?
ออสการ์หัวเราะเสียงต่ำเมื่อเห็นทูตจากเอเบลไฮต์เบิกตาโตกับคำแหย่ผิดวิสัยดยุคดำผู้น่าเกรงขาม

**********

?การอภิเษกฯ ของเรา??
หลังปาร์ตี้น้ำชาและงานเลี้ยงอาหารค่ำกับเหล่านักวิชาการที่เหลืออยู่ เรอเน่ซึ่งนั่งเล่นอยู่ในตำหนักขาวเอียงคอฉงน
?พระเจ้าค่ะ กับเจ้าหญิงมาร์การีตแห่งเอเบลไฮต์ วัยสิบชันษาเท่าฝ่าบาท ยังไงทางนั้นคงส่งภาพเหมือนมาประกอบการดูตัว แต่ถ้าถึงเวลานั้นก็เท่ากับก้าวเข้าไปแล้วครึ่งตัว การอภิเษกสมรสของเชื้อพระวงศ์ไม่ได้ตัดสินที่หน้าตา เพราะมีหลายคู่ที่ร่วมหอลงโลงโดยไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน?
ออสการ์กำลังพูดอ้อมๆ ว่าภาพเหมือนที่อีกฝ่ายส่งมาเป็นการลดความตึงเครียด สมัยก่อนเคยมีกษัตริย์ขี้ระแวงส่งจิตรกรตัวเองไปวาดภาพเหมือนเจ้าสาวถึงประเทศนั้น...แต่สุดท้ายแผนกลับล้มเหลว เพราะเจ้าหญิงติดสินบนจิตรกรคนนั้น ภาพจึงออกมาเป็นเจ้าหญิงผู้เลอโฉมหาใดเปรียบ และกลายเป็นของรักของหวงของกษัตริย์องค์นั้นไป แต่นางแบบจะงามอย่างในภาพหรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาดำมืดในประวัติศาสตร์
?สรุปว่าตัดสินเด็ดขาดแล้วรึ??
?หามิได้ นี่เป็นการอภิเษกสมรสของฝ่าบาท เกล้าฯ ตอบทางนั้นไปแล้วว่าตัดสินใจเองไม่ได้ ถึงได้มาเรียนถามความเห็นฝ่าบาท?
?........?
?ฝ่าบาท ถ้าไม่โปรดก็รับสั่งมาตรงๆ เถอะเพคะ? เซซิลพูดพลางวางถ้วยช็อกโกแลตร้อนตรงหน้าเรอเน่
เซซิลคัดค้านอยู่ในใจตั้งแต่ได้ฟังเรื่องราวแล้ว ที่สำคัญ เซซิลไม่อยากให้เรอเน่แต่งงานทางการเมือง และมันเร็วเกินไปสำหรับเด็กอายุสิบขวบ
ทว่า คำตอบของเรอเน่ที่เงยหน้าขึ้นมาหลังใคร่ครวญสักครู่ทำให้เซซิลผิดหวัง
?ภายใต้สถานการณ์ที่มีผู้อยากอภิเษกฯ กับนางอย่างแรงกล้า คงไม่เรียกว่าลำบากนัก แต่อย่างน้อยตัวนางเองก็ดูเหมือนจะไม่โปรดลูกเขยที่ฟาเลนยัดเยียดให้?
ออสการ์อธิบายถึงสถานการณ์ของเอเบลไฮต์อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายให้เรอเน่ก่อนเปิดประเด็นเรื่องแต่งงาน
?เราจะเป็นลุงแก่ในสายตาเจ้าหญิงรึเปล่านะ?
เรอเน่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง ออสการ์เล่าสาเหตุที่เจ้าหญิงเกลียดลูกเขยของฟาเลนตามที่ได้ยินจากอัศวินนามว่าฟาน กล่าวคือ ?เกลียดลุงแก่!? นั่นเอง
?อย่างน้อยคนในแผ่นดินใหญ่ก็ไม่มีใครเรียกฝ่าบาทว่าลุงแก่เป็นแน่ ถ้าเจ้าหญิงมาร์การีตทรงเรียกคนวัยตัวเองว่าลุงแก่ ตัวนางเองก็ย่อมกลายเป็นสาวทึนทึกไปด้วย?
เซซิลอมยิ้มเมื่อเห็นออสการ์พยายามสั่งสอนเรอเน่อย่างระมัดระวังด้วยการใช้คำว่าสาวทึนทึกแทนยายแก่
?อืม งั้นเราก็อยากช่วยเจ้าหญิงมาร์การีตอีกแรง?
?หมายความว่าดำเนินการต่อได้เลยรึพระเจ้าค่ะ?
เรอเน่พยักหน้า เซซิลจ้องเด็กชายตรงหน้าด้วยความตกใจ เจ้าฟ้าองค์น้อยเตรียมใจไว้เช่นไรถึงตัดสินใจเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตเช่นนี้
?ขอประทานอภัย ฝ่าบาท เกล้าฯ ขอถามเหตุผลที่ทรงยอมรับข้อเสนอได้รึไม่?
แต่ดูเหมือนออสการ์คาดไว้แล้วว่าเรอเน่ต้องยอมรับ จึงรอฟังเหตุผลอย่างเยือกเย็น
?ดยุคมงฟอรต์ เราขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ห้าขวบ ที่เด็กตัวเล็กๆ ไร้อำนาจอย่างเราขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะความทุ่มเทของดยุค?
?ตรัสชมเกินไปแล้วพระเจ้าค่ะ?
?สถานการณ์ของเจ้าหญิงมาร์การีตในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับเรา ถ้าพูดถึงข้ารับใช้ที่พึ่งพาได้คงเป็นอัศวินหนุ่มที่ชื่อเซอร์ดิวตี้ แต่ถ้ากำลังของเราช่วยเอเบลไฮต์ได้ล่ะก็....?
?ทรงอ่อนหัดยิ่งนัก?
เสียงทุ้มต่ำของออสการ์ดังขัดเสียงละอ่อนของเรอเน่
?ฝ่าบาท การเมืองเป็นเรื่องที่พูดยากและไม่ขาวสะอาด กษัตริย์จึงควรคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ต่อให้เจ้าหญิงหรือชาวบ้านต่างเมืองอยู่ในสถานการณ์น่าสงสาร บางครั้งก็จำเป็นต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพื่อประเทศของตน ในกรณีนี้ สมมติว่าฝ่าบาทอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเพราะความสงสาร ปริ๊นซ์แห่งฟาเลนก็ย่อมเป็นฝ่ายผิดหวัง และทำให้ความสัมพันธ์อันดีกับฟาเลนหลังเซซิลออกเรือนมาเป็นเจ้าสาวเกล้าฯ ต้องสั่นคลอนไปด้วย?
นั่นสินะ เซซิลฉุกคิดได้ การอภิเษกสมรสของเรอเน่กับมาร์การีตเท่ากับขัดใจมารี มาร์ชันเนสแห่งฮันโนเวอร์ มารดาของเซซิล ถ้ามหาอำนาจแห่งตะวันออกและตะวันตกต้องประจันหน้ากัน แผ่นดินใหญ่คงอยู่ไม่เป็นสุข
?งั้น ดยุคจะไม่ให้เราแต่งงานกับเจ้าหญิงรึ?
?หามิได้ นี่เป็นเพียงมุมมองของเกล้าฯ ถ้ามองจากมุมอื่น เอเบลไฮต์เปรียบเหมือนป้อมปราการสูงชันที่เชื่อมต่อสามประเทศอย่างฟาเลน ชไวซ์ และลอมบาร์เดีย เชื้อสายราชวงศ์ก็สูงส่งที่สุดในแผ่นดินใหญ่ ชาติกำเนิดของเจ้าหญิงมาร์การีตเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทุกประเทศต้องการ ถ้าจะต้องแย่งชิงกัน สู้น้อมรับสิ่งที่อีกฝ่ายใส่พานถวายดีกว่า?
?ถ้างั้นดยุคคิดว่าการแต่งงานนี้จะมีผลดีกับอากิแตนสินะ?
?ถูกต้อง ในฐานะผู้สำเร็จราชการ นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวนัก?
ออสการ์หยุดพูดตรงนั้นก่อนหลับตาครุ่นคิดและลืมตา
?แต่ในฐานะอาของฝ่าบาท เกล้าฯ ยังลังเลเล็กน้อย จริงอยู่ว่าการอภิเษกสมรสของกษัตริย์หรือเจ้าฟ้าไม่ได้ตัดสินที่ความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป เพราะต้องถูกชะตากันด้วยถึงรักกันได้ ฝ่าบาทเองก็ทรงมีคนที่ไม่โปรดขี้หน้าสักคนสองคนใช่รึไม่?
เรอเน่พยักหน้าเออออ
?นั่นคือเรื่องที่เกล้าฯ ห่วง ถ้าเป็นไปได้ เกล้าฯ ก็อยากให้ฝ่าบาททรงมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข เหมือนที่เกล้าฯ ได้เซซิลมาเติมเต็มชีวิต?
เซซิลที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ หน้าแดงทันที เพราะแม้แต่คำกระซิบแว่วหวานใดก็ไม่จริงใจไปกว่าคำพูดนี้
?โชคดีที่ทั้งฝ่าบาททั้งเจ้าหญิงมาร์การีตยังทรงเยาว์วัย จึงควรหยุดแค่ฐานะคู่หมั้น ส่วนการอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการนั้นยังอีกยาวไกล ถ้าเจ้าหญิงมาร์การีตเสด็จมาประเทศเราก็เพียงพอที่จะสกัดกั้นประเทศอื่นได้ จนกว่าจะถึงเวลานั้น ขอให้ทั้งสองทรงเรียนรู้กันและกันและสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นไว้ จากนั้นจะตกลงเป็นคู่ชีวิตหรือเดินคนละทางก็แล้วแต่ทั้งสอง และตอนนั้นเจ้าหญิงมาร์การีตจะทรงเติบใหญ่ ต่อให้ไม่มีเราค้ำจุนก็คงปกครองประเทศได้อย่างยอดเยี่ยม?
?นั่นสินะ งั้นก็จัดการตามนั้นแล้วกัน?
?ตามพระประสงค์....?

ออสการ์คาดเดาความต้องการของเรอเน่ออก อีกทั้งใคร่ครวญถึงผลประโยชน์ของประเทศและอนาคตของเรอเน่กับมาร์การีต แต่เซซิลยังยอมรับไม่ได้อยู่ดี
?ยังไงการอภิเษกสมรสก็ยังเร็วเกินไปไม่ใช่รึ?
ก่อนเข้านอน เซซิลถามพลางนั่งลงข้างๆ ออสการ์ที่อ่านหนังสืออยู่บนเตียง
เซซิลอยู่ในชุดนอนลูกไม้สีขาวผิดกับชุดเต็มยศเมื่อตอนกลางวัน เส้นผมสีน้ำผึ้งปล่อยยาวสยายเคลียไหล่บาง เผยให้เห็นเสน่ห์ในความเรียบง่ายนั้น กระทั่งคิ้วที่ขมวดด้วยความกังวลนั้นยังดึงดูดใจ
ออสการ์ผุดยิ้มมุมปากพลางปิดหนังสือที่อ่านอยู่และหันไปหาเซซิล
?ไม่ใช่แต่งงาน หมั้นหมายต่างหาก?
?แต่ในสายตาสังคมมันก็เหมือนแต่งงาน ต่อให้การแต่งงานระหว่างราชวงศ์จะเปราะบางเหมือนกระดาษแผ่นเดียวก็เถอะ?
การแต่งงานระหว่างราชวงศ์ไม่เพียงผูกพันคู่แต่งงาน แต่เป็นการสานสัมพันธ์ครั้งใหญ่ของสองประเทศซึ่งถูกใช้เป็นไพ่ตายในการทูตมาแต่อดีต จนมีเรื่องเล่าร้ายกาจว่าระหว่างเดินทางไปเยี่ยมพันธมิตร มีกษัตริย์ยอมขายลูกสาวเพียงคนเดียวให้เป็นเจ้าสาว และมีผู้เสนอตัวถึงห้าคน แต่สุดท้ายกษัตริย์ที่ถูกทูตจากห้าประเทศต้อนจนมุมก็ตะโกนว่า ?งั้นก็แยกร่างเจ้าหญิงเป็นห้าส่วนแล้วเอากลับไปเลย!? แต่นี่เป็นตัวอย่างที่สุดโต่ง เพราะความเป็นจริงไม่มีฝ่ายใดมีคู่หมั้นพร้อมกันหลายคนเช่นนั้น
?ข้ารู้ดีว่าการหมั้นหมายของฝ่าบาทกับเจ้าหญิงมาร์การีตไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเจ้าหญิงต้องเสด็จมาที่นี่ตอนหมั้นด้วย เพราะอย่างนั้นข้าถึงเป็นห่วง ออสการ์ทูลฝ่าบาทว่าพอโตแล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคนจริงจังอย่างท่านไม่โปรดคู่หมั้นของตนและหันไปรักหญิงอื่น จะไม่เท่ากับเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกรึ??
?ไม่นี่ ข้าว่าคนอย่างฝ่าบาทคงซื่อสัตย์กับเจ้าหญิงเอเบลไฮต์เพียงผู้เดียวในฐานะคู่หมั้น ต่อให้ไม่มีความรักเกิดขึ้นก็คงไม่หักหลังเจ้าหญิงแน่?
?ถ้ารู้อยู่แล้วทำไมถึงทูลว่า ?ค่อยคิดทีหลังก็ได้? ล่ะ พูดให้สบายใจอย่างนั้นรึ?
?การแต่งงานของกษัตริย์ไม่ได้อยู่ที่ความรู้สึกอย่างเดียว?
?ถึงอย่างนั้นก็จะไม่สนความรู้สึกฝ่าบาทงั้นรึ!??
?ข้าไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้คนเดียว ฝ่าบาทเองก็ทรงตัดสินใจแบบนั้น แล้วบอกให้จัดการต่อได้เลย?
?แต่ยังสิบชันษาอยู่แท้ๆ....?
?จะบอกว่าเด็กตัดสินใจเองไม่ได้รึ ถ้างั้นเจ้าต่างหากล่ะที่ไม่รับฟังความคิดเห็นของฝ่าบาท ท่านทรงสมัครใจเลือกแต่งงานเอง หรือเจ้าคิดว่าทรงเห็นการหมั้นและการแต่งงานเป็นเรื่องสนุก??
?........?
ชายหนุ่มเข้าใจสิ่งที่ออสการ์อยากพูด แม้เรอเน่ยังเด็กแต่ก็เตรียมใจและเลือกอนาคตตัวเองในฐานะกษัตริย์ แต่ว่า....
?ยังไงมันก็เร็วเกินไป ฝ่าบาทยังทรงเยาว์ ทรงเยาว์เกินไป....?
เซซิลไม่คิดว่าการแต่งงานของเรอเน่ซึ่งเป็นผู้นำประเทศจะงดงามสวยหรูเหมือนฝัน แต่มันเกินไปที่จะให้เลือกคู่ชีวิตเองด้วยวัยสิบขวบ
?นั่นแหละเหตุผล ยังไงก็ต้องร่วมหอลงโลงกันอยู่แล้ว ก็ให้สนิทสนมคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็กไม่ดีกว่ารึ? ความรักมีหลายรูปแบบ ทั้งความรักเร่าร้อนเพียงชั่ววูบ ทั้งความรักที่ต้องใช้เวลาบ่มจนสุกงอม ดีกว่าเพิ่งรู้จักตอนคืนเข้าหอแล้วมากัดกันบนเตียงตั้งเยอะไม่ใช่รึ? เหมือนข้ากับเจ้าไง....?
เซซิลหน้าแดงเมื่อได้ยินคำนั้น ใครว่าคืนเข้าหอ คืนก่อนวันแต่งงานต่างหาก ผู้ชายที่จู่ๆ ก็บุกเข้ามาสำรวจร่างกายตน แถมยังบังคับให้ยอมรับว่าเป็นผู้ชายแล้วกดตนลงกับเตียง
?ระ เรื่องนั้นออสการ์ต่างหากที่ผิด!?
?ก็จริงของเจ้า ข้าก็สำนึกผิดอยู่ว่าควรอ่อนโยนกับเจ้าให้มากกว่านี้?
?คนบ้า....?
เซซิลถูกอุ้มขึ้นมานอนบนเตียงอย่างแผ่วเบา
?คืนนี้ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า?
?แค่คืนนี้??
?ข้าก็อยากอ่อนโยนกับเจ้าเสมอ ถ้าใครบางคนไม่ทำตัวเป็นม้าดีดกะโหลก?
?ว่าใครม้าดีดกะโหลก! อ๊ะ....?
ชุดนอนไหลหลุดจากหัวไหล่ ริมฝีปากเลื่อนไล้ไปตามลำคออย่างแผ่วเบาดุจขนนก นิ้วพันเกี่ยวประสานกันแนบแน่น....
เรื่องราวภาคต่อของความรักที่พัวพันกับแผนการร้ายของประเทศมหาอำนาจ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ติดตามอ่านใน Rozenkreuz โรเซนครอยส์ ตอน เจ้าหญิงแห่งเอเบลไฮต์ ฉบับเต็ม หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือเว็บไซต์ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=7852

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”