*:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* Part 6

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ajinkazuya_love
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 27 ก.พ. 2008 2:26 pm
ที่อยู่: in kamenashi conankong

*:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* Part 6

โพสต์ โดย ajinkazuya_love »

เกตต์กับมาริสาออกมาจากชมรมดนตรีสากลแล้วก็ได้ไปนั่งพักอยู่ที่โต๊ะม้าหิน ตรงนี้มีอากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายเพราะมีเงาจากต้นไม้ที่มีดอกหอมอบอวนอยู่ ทั่งบริเวณช่วยเป็นร่มบังแสงแดดแล้วบนพื้นโต๊ะม้าหินยังเต็มไปด้วยดอกไม้จากต้นร่วงหล่นลงมา
?นี่เกตต์ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เธอนะเป็นคนเข้มแข็งฉันเชื่อว่าเกตต์ต้องได้เป็นอย่างที่ฝันไว้แน่?มาริสาพูดปลอบเกตต์เพราะเห็นเกตต์ทำหน้าเสียและซึม ๆ อยู่ข้างเธอ
?ถึงใครจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่ฉันคนนึงหละที่เชื่อเธอ?เกตต์ได้ยินดังนั้นก็หันมาทันที ว่ามีคนที่ยังเชื่อคนอย่างเธออีก
?ขอบคุณ...นะ?เกตต์พูดเสียงเบามากเหมือนกระซิบให้มาริสาฟังอาจเป็นเพราะว่าเธอเขินก็เป็นได้ เธอคงไม่เคยพูดคำที่จริงใจนี่ให้แกใครมาก่อน มาริสาได้ยินเสียงนั้นเสียงที่เพื่อนของเธอกล่าวออกมาซึ่งมาริสาดีใจมาก
...เธอเขินแบบนี้ดูน่ารักดีนะ...
?ไม่เป็นไรหรอกนะ...เออฉันร่างภาพไว้ภาพนึงยังทำไม่เสร็จเลยเดี๋ยวจะเอาให้ดูนะ?พูดจบมาริสาจึงได้จัดการปัดกวาดดอกไม้บนโต๊ะเพื่อให้มีที่นั่งสำหรับผักผ่อนตามอัธยาศัย จากนั้นมาริสาก็นำภาพที่ได้ทำค้างไว้มาให้เกตต์ดูฝีมือของตน
?อ๊ะ นี่สวยไหม?เกตต์รับภาพของมาริสามาดู ภาพของมาริสาที่ร่างไว้มันก็ค่อนข้างเสร็จแล้วต่อไปก็เหลือแต่ลงสี ภาพวาดของมาริสามันเป็นภาพของทุ่งหญ้าและแม่น้ำที่อยู่ถัดออกไปจากทุ่งหญ้าซึ่งตอนนั้นมีภาพของพระอาทิตย์ตกในยามเย็นทอแสงไปยังแม่น้ำทำให้มีความระยิบระยับแต่จุดเด่นก็คือมีเด็กผู้หญิงสองคนยืนจับมือกันซึ่งเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและทั่งสองคนในภาพก็ยังกาแขนกว้างเพื่อรับลมแล้วทุ่งหญ้าก็ปลิวไสว นี่แค่เป็นภาพร่างยังสวยขนาดนี้แล้วถ้าลงสีจะขนาดไหน
?อืม? เกตต์เอ่ยพร้อกับพยักหน้าช้า ๆ
?ฉันเอง ก็มีความฝันเหมือนกันน้า...สักวันนึง ฉันจะต้องเกรอรี่ภาพวาดเป็นของตัวเองให้ได้ จากนั้นก็จะเป็นจิตกรระดับโลกให้ผู้คนได้ทึ่งกับผลงานของฉัน? มาริสาบรรยายอนาคตของตนเองจนเห็นภาพ ถ้าเกิดเป็นเป็นนั้นได้จริง ๆ ก็คงดี คนนึงเป็นนักดนตรี อีกคนเป็นจิตกร อนาคตตอันยาวไกลข้างหน้า ยังคิดไม่ไดเลยว่า จะเป็นเช่นไรต่อไป

?โอย!! เจ็บนะ เบา ๆ หน่อยไม่ได้เหรอ มือหนักเป็นบ้า?เรียวร้องด้วยความเจ็บปวดกับการทำแผลของเซฟ
?เถอะน่า...เจ็บแค่นี้ร้องอยู่ได้ แต่ตอนต่อยกันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย?เซฟพูดประชดเรียว
?ยังมาพูดมากอีกเพราะนายนั้นเหละ...บอกให้ช่วยแยกแซมออกจากเรียวหน่อยก็ไม่ยอมทำดูซิหน้าเรียวดูไม่ได้เลย? แคธีพูดตัดบทขึ้นมา
?นี่ถ้าเกิดฉันเข้าไปห้ามศึกของไอ้เรียวเนี้ย รับรองฉันโดนลูกหลงแน่...อีกอย่างถ้าเกิดฉันดูไม่ได้อย่างแซมกับไอ้เรียวฉันคงมองหน้าน้องเชอร์รี่ไม่ได้แน่?
?แล้วเธอล่ะ ไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไมไม่มาทำแผลให้เรียวล่ะ ฉันจะได้ไปทำแผลให้แซมบ้าง?เซฟเอ่ยด้วยความสงสัย เลย เมื่อมองระยะห่างของแคธีที่ยืนห่างออกไปมันน่าสงสัย แคธีได้ชื่อว่าเป็นคนที่พยายามทำตัวใกล้ชิดกับเรียวที่สุด แต่นี้กลับไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาช่วยเลย
?ก็ฉันกลัวเลือดนี่?เซฟได้ยินดังนั้นถึงกับสายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย โธ่...ลูกคุณหนูแคธี
?โอย!! เจ็บนะโวย?เรียวร้องโวยวายอีกครั้ง จนทำให้เซฟทนไม่ไหวแล้ว
?โธ่โวย!! น่ารำคาญ ร้องอยู่ได้ทำเองเลยไป?เซฟพูดจบก็ยื่นยาให้เรียวทาเอง แล้วก็เดินไปทำแผลให้พี่ชายตนเองที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
?เออ...ทำเองก็ได้...อู้ย!! โอย?เซฟละจากเรียวมาหาพี่ชายที่นั่งทำแผลอยู่หน้ากระจกบานเล็ก ที่ถูกตั้งไว้อยู่กับโต๊ะในชมรมที่เพิ่งยืมมาจากแคธี
?ไงพี่ชายทะเลาะกันเพราะผู้หญิงคนเดียว นี่คือการทะเลาะกันมีเหตุผลในรอบปีเลยมั่งทุกทีเห็นต่อยกันเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งนั้นเลย?เรียวและแซมได้ยินเซฟพูดดังนั้นถึงกับหันมามองเซฟเป็นตาเดียว รวมทั้งแคธีซึ่งรู้สึกโมโหมากที่เซฟเอ่ยแบบนั้นขึ้นมา
?ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ พูดอะไรผิดเหรอ? เออ...คือ ฉันไม่ได้ตั่งใจพูดนะมันหลุดมาเอง?เซฟรู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังพูดอะไรที่ผิด ๆ ออกไป
?แกพูดยังนั้นก็ไม่ถูกเซฟเพราะฉันไม่มีวันรักผู้หญิงคนเดียวกับไอ้แซมมันหรอก?เรียวพูดอย่างยิ้มเยาะในสิ่งที่เซฟพูด พลางหันมองหน้าแซมที่นั่งอยู่ไม่ไกล ที่ตัวเองมั่นใจเช่นเพราะว่ามันไม่มีวันเกิดขึ้นอยู่แล้ว จะมารักผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนนะเหรอเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จากนั้นเรียวก็จะเดินออกจากไปจากห้อง
?ใช่...นายนี่คิดอะไรบ้า ๆ คนอย่างเรียวคงไม่ลดตัวลงไปคบกับนังนั้นหรอก? แคธีพูดเสริมขึ้นมา
?เดี๋ยวก่อน!!?แซมตะโกนตามหลัง เรียวได้ยินดังนั้นจึงหยุดเดินในทันที
?จำคำแกไว้นะเรียว แล้วอย่ากลับคำล่ะ?เรียวได้ยินอย่างนั้นถึงกับชะงักสีหน้าในทันที แต่ในเมื่อเค้าไม่คิดที่จะสนใจเกตต์อยู่แล้ว จึงหันหลังมาทางแซมแล้วยิ้มเยาะอีกครั้ง
?แน่นอน?เรียวพูดจบก็มุ่งหน้าเดินออกจากห้องไปทันที ขณะที่มีแคธีเดินตามไปด้วย เรียวยังไม่รู้เลยว่าที่พูดออกมานั้นตัวเองคิดว่าเป็นแค่อารมณ์โมโหในตอนนั้นหรือว่าไม่คิดที่จะรักผู้หญิงคนเดียวกับแซมตั่งแต่แรกแล้ว ฉันไม่วันรักผู้หญิงคนเดียวกับแกแน่ ไม่มีวัน! โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างนั้น
...ผู้หญิงที่ฉันไม่มีวันชอบ...

ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
เสียงออดดังขึ้นเพื่อบอกเวลากลับบ้านของโรงเรียน แต่ในขณะนั้นมาริสาได้เร่งฝีเท้าวิ่งเพื่อไปยังห้องชมรมศิลปะของมาริสาเพราะมาริสาต้องการนำงานไปส่งอาจารย์ ที่มาริสาต้องวิ่งมาก็คือเธอเลยเวลาส่งนะสิ อาจารย์นะรับส่งตอนบ่ายซึ่งในขณะนั้นเธอพูดคุยกับเกตต์อยู่ที่โต๊ะม้าหินจนลืมตัว
...แย่แล้วฉันโดนตีตายแน่เลย...
มาริสาได้มาถึงห้องศิลปะแล้วยังไม่ทันไรก็หอบอย่างหมดแรงเพราะวิ่งตั่งแต่ห้องเรียนมายังห้องศิลปะซึ่งมันอยู่ ไกลกันมากพอสมควร แล้วมาริสาก็ได้เดินตรงไปยังโต๊ะอาจารย์เพื่อจะส่งงาน
?เออ...นี่ค่ะงานที่สั่ง? มาริสาพูดขณะที่ตัวเองสั่นเพราะกลัวอาจารย์
?ไม่ทราบฉันให้ส่งงานในเวลาไหน หัดดูเวลาบ้างหรือว่าไม่มีนาฬิกา?อาจารย์ว่ามาริสาที่เธอส่งงานไม่ตรง...ฉันโดนว่าแน่เลย
?ขอโทษค่ะวันหลังจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว?มาริสาพูดจบอาจารย์ก็ทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะมาริสาได้เคยเอ่ยคำว่าขอโทษนี้เป็นร้อย ๆ ครั้งแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอซุ่มซ่ามและเชื่องช้า
?คราวหลังอย่าเป็นแบบนี้นะ ไปได้?
มาริสาเดินลงบันไดจากตึกที่เธอไปส่งงานศิลปะ ขณะที่เธอกำลังเดินลอย ๆ ทันใดมาริสาได้สะดุดขาตัวเองล้ม
สวบ!!
มาริสาได้ถูกรับไว้ด้วยมือของชายผู้หนึ่ง ที่กำลังผ่านมาพอดี
?เป็นไงบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?เสียงชายที่รับเธอไว้เอ่ยอย่างนุ่มนวล มาริสาขยับแว่นแล้วมองหน้าชายผู้นั้นอย่างชัด ๆ ว่าคือใคร
?ห๊า!! พี่เคน?มาริสาเห็นนั้นถึงกับดันตัวเองออกจากเคนทันที
เคนเป็นหนึ่งในนักเรียนของชมรมศิลปะที่มาริสาอยู่เช่นกัน เคนเป็นคนที่ผู้ใหญ่ สุขุม รอบคอบ ฐานะทางบ้านก็ถือว่าใช่ได้ ที่สำคัญเคนเป็นอีกคนหนึ่งที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ เพราะเคนมักจะให้ความสำคัญต่อผู้อื่นเสมอ เคนจัดได้ว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกโหวดว่าหน้าตาดีเป็นอันดับสี่ของโรงเรียนเลย (อันดับ 1 2 3 คงไม่พ้นสามหนุ่มของเรา) มีความเก่งในหลาย ๆ ด้าน เรียนการเรียนก็ไม่เป็นรอง เรียนกีฬาก็เก่งใช่ได้ ไหนจะเรื่องวาดรูปอีก กินขาดไปเลย จนมาริสาก็แอบที่จะชื่นชมไม่ได้ ถึงแม้จะอยู่ต่างห้องกัน เคนก็คอยที่จะเป็นห่วงเป็นใยมาริสาอยู่เสมอ เวลามาริสาไม่มีเพื่อน เคนก็จะคอยมาเป็นเพื่อนคุย เวลาที่อยากได้คำปรึกษา คำปลอบใจเมื่อถูกรังแก ก็จะมีเคนนี้หละที่คอยอยู่ใกล้ ๆ ให้กำลังใจ พูดง่าย ๆ ที่ทำให้มาริสาอยู่ในโรงเรียนนี้ได้อย่างมีความสุข เป็นเพราะมีเคนอยู่ด้วย
?อะไรกัน...พูดเหมือนเห็นผีไปได้?เคนพูดแล้วก็หัวเราะซึ่งมาริสาก็ยิ้มแห้ง ๆ
...เมื่อกี้มันยิ่งกว่าเห็นผีอีกนะสิ...
?มาริสา...บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเดินก้มหน้าก้มตาเห็นไหมเมื่อกี้เกือบตกบันได...แล้วนี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?เคนพูดจบก็ดึงแขนมาริสามาตรวจดูร่างกายจนมาริสาหน้าแดงฉานไปหมด
?เออ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากค่ะ?
?นี่พี่เคนเอางานไปส่งมาเหรอค่ะ ทำไม่ตอนที่มาริสาไปส่งงานไม่เห็นพี่เลย แล้วที่พี่ไปส่งมาอาจารย์ไม่ว่าเหรอค่ะที่ส่งงานไม่ตรงเวลา?มาริสารีบถามไถ่เคนอย่างรวดเร็วเพราะเธอไม่เห็นเลยว่าพี่เคนอยู่ในชมรมเลยในหัวสมองเธอมันวุ่นไปหมดอยากจะรู้เรื่องว่าพี่เคนจะโดนว่าเหมือนเธอหรือเปล่าเพราะธรรมดาเธอเป็นคนขี้สงสัยอยู่แล้ว
?โธ่มาริสาถามทีละอย่างได้ไหม ถามอย่างนี้ใครจะตอบทัน?
?ขอโทษค่ะพี่เคน?มาริสาเอ่ยขอโทษกับเคนกะอย่างหน้าเศร้าเหมือนกับรู้ว่าพี่เคนคงไม่ชอบที่เธอพูดออกไป
?เฮ้ยไม่ต้องขอโทษ เรื่องแค่นี้เอง...แล้วไอ้เรื่องที่ถามว่าไปส่งงานมาเหรอนั้นนะใช่นี่ไงได้คะแนนเต็มด้วย ที่มาริสาไม่เห็นพี่เพราะพี่ขึ้นไปบนดานฟ้ามาเพราะจะไปวาดรูปใหม่พอดีเห็นวิวมันสวยนะ?
?เฮ้ย...โล่งอกไปที?พอเคนพูดจบทำให้มาริสาโล่งอกทันที เคนจึงคิดสงสัยขึ้นมาทันที
?แต่เอ๊ะ!! ที่มาริสาพูดแบบนี้หรือว่าโดนอาจารย์ดุมา? มาริสาได้ยินอย่างนั้นถึงกับจุกท้องทันที ถ้าคิดจะปิดเรื่องกับเคน คงไม่ได้นานจริง ๆ ด้วย
...โธ่เอ้ยถ้าบอกไปอายพี่เคนแน่...
?คือว่า...ก็...ใช่นะค่ะ เออ....พอดีส่งงานไม่ทัน?
...ลืมต่างหากเล่า...
มาริสาพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ ทำให้เคนเผยยิ้มนิด ๆ เพราะความซื่อและน่ารักของมาริสา
?อืม...พี่ว่าเราไปกันเถอะเดี๋ยวมาริสาจะกลับบ้านเย็นนะ?เคนพูดจบถึงกับลากมาริสาไปทันที ทั่งสองได้เดินมาด้วยกันจนมาถึงใต้ต้นไม้ตนหนึ่งในสนามข้างโรงอาหารที่ ๆ เกตต์ยืนรอมาริสาอยู่หน้าโรงเรียน ทำไงได้ถูกบังคับให้รอนี่นา ถ้าวันนั้นฉันทำการบ้านเองคงไม่ต้องรอแบบนี้หรอก แต่จะว่าไปเราไม่เคยรอใครเลย นี่จะเรียกว่าเป็นครั้งแรกได้หรือเปล่านะ
เกตต์เห็นมาริสาลงมาจากอาคาร จึงรีบวิ่งเข้าไปถามเรื่องที่มาริสาเอางานไปส่งทันที เพราะกลัวว่ามาริสาจะโดนว่าอะไรอีกที่ส่งงานช้า นี่คงเป็นเรื่องที่พาเกตต์ไปสมัครงานซินะที่ทำให้เธอไปส่งงานช้าแบบนี้
?เป็นยังไงบ้าง อาจารย์ว่าอะไรไหม เธอก็เหลือเกิน จะตามฉันไปทำไมก็ไม่รู้? เกตต์รีบคว้ามือมาริสาขึ้นมาแล้วถามมาริสาทันที
?ไม่มีอะไร อาจารย์ไม่ได้ว่าเลยสักนิด?มาริสาตอบไปอย่างเรียบง่ายเฉย ๆ ทันใดนั้นเกตต์ก็มองไปข้างหลังของมาริสาซึ่งมีชายผู้หนึ่งยืนอยู่
?เออ...นี่?เกตต์ชี้ไปทางเคนสงสัยว่าเป็นอะไรกับมาริสาหรือเปล่า
?อ่อ นี่นะพี่เคนอยู่ ม.6 เหมือนเรานั้นเหละแต่พี่เค้าอายุมากกว่าฉันหนึ่งปี?มาริสากล่าวพูดแนะนำเคน แล้วเกตต์ก็ทำความรู้จักกัน
?หึ...คือมาริสาก็อย่างนี้ทุกทีหละ บอกว่าไม่ต้องเรียกพี่ก็ยังจะเรียกอยู่ดี?ทันใดนั้นเคนก็ดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วทำถ้าเหมือนตกใจทำอย่างกับว่าตกใจที่เวลามันล่วงเลยไป แล้วต้องไปให้ทันเวลาอย่างนั้นเหละ
?อืม งั้นพี่ไปก่อนนะ บ๊ายบายมาริสา?เคนพูดจบก็โบกมือลามาริสาไป ในตอนนั้นทำให้มาริสาหัวใจเต้นรัว แถมยังหน้าแดงฉานด้วย อะไรมันจะมีความสุขขนาดนี้ ทันใดนั้นเกตต์สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าแก้มของมาริสาแดงฉานไปทั่ว
?นี่เป็นอะไร หน้าแดงเชียว...แอบชอบเค้าหรือไง?
?ป...เปล่านะเกตต์?มาริสาบอกปฏิเสธเกตต์เสียงแข็งแต่เกตต์ก็รู้อยู่แล้วเหละว่ามาริสาคิดยังไงอยู่ในใจ มาริสาต้องแอบรักเค้าอยู่แน่ไม่งั้นคงไม่หน้าแดงขนาดนี้ เวลาเกตต์ถามยังมีอาการอายนิด ๆ มันเป็นแบบนี้เหละกับคนมีความรักที่โลกมีแต่สีชมพู ถึงแม้เจ้าตัวยังจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ไม่ว่ายังไงความรู้สึกแบบนี้มันต้องเปิดเผยขึ้นมาสักวัน
akazuya

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”