*:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* Part 5

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ajinkazuya_love
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 27 ก.พ. 2008 2:26 pm
ที่อยู่: in kamenashi conankong

*:*:*: Dream in Love my Friend *:*:* Part 5

โพสต์ โดย ajinkazuya_love »

โรงอาหาร
ในตอนกลางวันนี้เกตต์จะต้องมากินข้าวกับมาริสาเพื่อไม่ให้พวกแคธีแกล้งอีก ที่เธอได้ยินมาริสาพูดเมื่อวานรู้สึกว่าเธอข่มขืนมาก วันนี้เกตต์เห็นว่าบนโต๊ะกินข้าวที่โรงอาหารมีของระเกะระกะซึ่งเป็นสมบัติของมาริสาทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์วาดเขียน แล้วเกตต์ได้สังเกตว่ามีรูปภาพที่วาดระบายสีเอาไว้ก็ดูสวยดี แล้วเกตต์ได้หยิบรูปภาพรูปหนึ่งขึ้นมาดู
?นี่รูปนี้เธอวาดเองเหรอ?มาริสาพยักหน้าตอบ
?ก็วาดเก่งดีนิ แล้วจะวาดไปทำไมล่ะ?เกตต์เอ่ยถามเพราะว่าเห็นรูปภาพมีหลายใบ
?อ่อ...จะเอาไปส่งอาจารย์นะเพราะฉันอยู่ชมรมศิลปะนะ...เอ๊ะ...นั้นเค้าเปิดรับชมรมดนตรีสากลแล้วนี่น่า?มาริสาพูดจบเกตต์ก็รีบหันไปดูเห็นพวกเรียวกำลังจัดแจงนำโต๊ะมาเรียงไว้เพื่อให้ลงชื่อสมัคเข้าชมรมแล้วเกตต์ก็รีบเร่งกินข้าวทันทีโดยไม่รอมาริสาเลยเพราะถ้าไปช้าจะเต็มพอดี จากนั้นเธอได้กินข้าวจนอิ่มแล้วเกตต์ได้วิ่งมายังบริเวณที่สมัคโดยลากมาริสามาด้วย แล้วพอมาถึงเกตต์มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเพราะแถวมันไม่ยาวเลยพูดง่าย ๆ คือไม่ค่อยมีคนมาสมัคมากกว่า
?ทำไมไม่ค่อยมีคนเลยล่ะ...แต่ไม่เป็นไรไม่มีคนเยอะก็ดีแล้ว?
?ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้?
?ทำไมล่ะ?
?เพราะกลัวว่าตัวเองจะโดนไล่ออกนะซิ เรียวนะไม่ชอบคนที่เล่นดนตรีเหยาะแยะ เล่นไม่ได้เรื่อง...บางคนก็เข้ามาโดยที่ไม่ชอบดนตรี แต่เข้ามาเพราะอยากอยู่ใกล้ ๆ พวกเรียวมากกว่า เพราะกลุ่มเรียวมีแต่คนที่รวย หล่อ Perfect ซึ่งเรียวไม่ชอบ?
?ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่น่าไล่เค้าออกเลย ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ หมอนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใคร?เกตต์พูดย่างหงุดหงิดกับพวกที่ใช่อำนาจเบ่งคนอื่น
?แต่แคธีนะทำแรงกว่าเรียวด้วยซ้ำ เค้าแกล้งคนสารพัด แถมยังขู่ว่าห้ามเข้ามาในชมรมอีก...เกตต์ ชมรมนี้ ไม่ใช่ว่าจะเข้ากันได้ง่าย ๆ หรอกนะ ก่อนหน้านี้พ่อของเรียวไม่ให้มีชมรมนี้หรอก แต่เพราะถูก ผ.อ. ยื่นข้อเสนอให้เรียว ถึงได้เปิดชมรมได้?
?ข้อเสนออะไร? เกตต์ถามกลับด้วยความสงสัย
?ก้อเรื่องที่ต้องให้ลูกสาวของเค้า อยู่ในชมรมนี้ด้วยยังไงล่ะ...ที่สำคัญมีคนลือกันนะ บอกว่าที่ ผ.อ. ทำไปเพราะอยากให้แคธีอยู่ใกล้ ๆ เรียว อย่างนี้หละน้า...ลูกพ่อแม่ตามใจ? เกตต์ได้ยินดังนั้นแล้วไม่คิดว่าแคธีจะร้ายกาจอย่างนี้
?หึ...ฉันรู้แล้ว แคธีแอบชอบหมอนั้น...ต่อไปฉันจะต้องรับมือกับแคธี เรียวกับพวกเพื่อนของหมอนั้นใช่ไหม?
?ไม่ใช่นะ พวกเพื่อนของเรียวไม่เกี่ยว?มาริสาพูดออกมาทำให้เกตต์สงสัยเพราเพราะถ้าได้ขึ้นว่าเป็นเพื่อนของเรียวก็ต้องนิสัยเหมือนกันอยู่แล้ว
?แซมกับเซฟนะเป็นคนดีนะ...เวลาที่เรียวไล่ใครออกเค้าจะไม่ยอมหรอก แต่ที่ห้ามไม่ได้เพราะแซมกับเซฟขี้เกียจทะเลาะกับเพื่อนตัวเอง อีกอย่างเรียวก็เป็นหัวหน้าชมรมด้วย? เกตต์ได้ยินมาริสาพูดดังนั้นเธอจึงนึกไปถึงคนที่ช่วยเธอยกของนั้นอาจจะเป็นเพื่อนเรียวที่แคธีพูดถึงแน่ ๆ ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีน้ำใจคนนั้นจริง ๆ ก็คงเป็นคนไม่หน้ากลัว แต่เกตต์ก็รู้สึกสงสารเค้าจังที่ต้องมาคบกับคนอย่างเรียว
?เฮ้ย...แล้วเค้าทนนิสัยหมอนั้นได้ยังไงนะ?เกตต์พูดพลางถอดหายใจอันแผ่วเบา
?ก็เค้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กนะ ถึงแม้จะเคยทะเลาะกันบ่อยมากโดยเฉพาะแซมกับเรียวแต่ไม่นานก็กับมาคุยกันใหม่ ตอนนี้คนที่ทนนิสัยเค้าได้ก็มีสองคนนี้นี่หละ? มาริสาพูดให้เกตต์ฟังอย่างระเอียด โดยไม่รู้ว่าตอนนี้ ตนเองเดินไปคุยไปจนถึงหน้าชมรมดนตรีแล้ว

?อะไรว่ะเนี้ยจะไม่มีเลยซักคนเลยเหรอไง อุดสาสั่งเครื่องคนตรีมาใหม่ด้วย? เซฟบ่นอย่างหงุดหงิด นั่งเฝ้าโต๊ะรับสมัคคนที่จะเข้าชมรมนานแล้ว ยังไม่มีใครมาสมัครเลยแม้แต่คนเดียว
?เถอะน่า มันก็เป็นอย่างนี้ทุกปี คงไม่มีใครย่างกายเข้ามาพบกับความโชคร้ายหรอก?แซมพูดแล้วหันไปทางเรียวที่กำลังปรับสายกีตาร์ไฟฟ้าอยู่
?จริงไหมเรียว? เรียวได้ยินดังนั้นจึงหันมามองแซม เพราะรู้ตัวว่าแซมคงพูดประชดตัวเค้าอยู่ เซฟเห็นถ้าทีของทั่งสองคนแล้ว จึงตัดบทขึ้น
...อะไรว่ะจะหาเรื่องทะเลาะกันอีกหรือไงไอ้พวกบ้านี่
?เอาเถอะน่า ใจเย็น ๆ สิวะ มันต้องมีซักคนเหละ?เซฟบีบไหล่ให้แซมใจเย็นขึ้น
ทันใดนั้นสายตาของแซมก็ไปหยุดอยู่ตรงผู้หญิงสองคนที่ยืนห่างไปไม่ไกล แซมจึงลุกจากที่นั่ง พร้อมกับสาวเท้าไปหาเป้าหมายอย่างเร็ว
?มาริสายังไม่เข้าชมรมอีกเหรอ...แล้วเกตต์ล่ะ มีชมรมเข้าหรือยัง ถ้าสนใจเล่นดนตรีก็เข้ามาดูก่อนได้นะ? เสียงแซมเข้ามาทักเกตต์อย่างเงียบ ๆ ทำให้เกตต์ตกใจนิดหน่อย
?อ่อ...คือไม่...? มาริสาส่ายหน้า แสดงการปฏิเสธ แต่เกตต์กลับพูดแทรกขึ้นมาทันที
?อืม...ฉันสนใจ?เกตต์พูดแทรกไปก่อน ทำให้มาริสาได้แต่ยืนอึ้ง
?จริงเหรอ...งั้นเข้ามาซิ?แซมทำท่าเชื้อเชิญเกตต์แล้วตนก็เดินนำหน้าเกตต์เข้าไปในชมรม
?นี่พวกเรา...เกตต์เค้าสนใจจะเข้าชมรมของพวกเราล่ะ?แซมพูดจบเซฟและเรียวที่กำลังดัดเสียงกีตาร์ตัวใหม่อยู่ก็หันมามองทางเกตต์อย่างไม่เป็นมิตรเท่าไร
?เธอนะเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวานใช่ไหม? เซฟเอ่ยทักทาย หญิงสาวจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ
?งั้น...เซ็นชื่อในช่องนี้นะ?เกตต์ได้ยินดังนั้นก็ลงมือเซ็นชื่อตัวเองลงในกระดาษเพื่อยืนยันว่าตนได้เข้ามาอยู่ในชมรมดนตรีนี้แล้ว เซฟซึ่งยืนอยู่คิดอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปพูดกับแซมเบา ๆ
?นี่แซม...นายอยากทำความรู้จักผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นไหม?
?ถามทำไม?
?ฉันช่วยนายได้?เมื่อเซฟพูดจบก็เดินไปทางที่เกตต์กำลังเซ็นชื่ออยู่บนโต๊ะ
?เออ...เกตต์ เดี๋ยวเขียนประวัติส่วนตัว ของที่ชอบ งานอดิเรก แล้วที่สำคัญ เบอร์โทรศัพท์ด้วยนะ?ถึงแม้เกตต์จะสงสัยว่าจะต้องเขียนประวัติส่วนตัวทำไม แต่เกตต์ก็ยอมเขียนบอกไป เพราะถึงแม้จะเขียนไปเพื่ออะไร ใจจริงของเกตต์แค่อยากจะเข้าชมรมนี้ด้วยใจจริง สักพักก็มีเสียงของใครบางคน ที่นั่งจ้องเกตต์ด้วยสายตาเย็นชาดังมา
?ไอ้เซฟแกนี้รับคนมัวเลยนะ ไม่คิดบางเหรอว่าเค้าเหมาะสมกับชมรมนี้หรือเปล่า? เสียงของใครบางคนที่ดังมาจากข้างหลังของแซม ที่นั่งฟังอยู่นานแล้วอดที่จะพูดไม่ได้
?ไอ้เรียว!!? แซมพูดตระวาตออกไปเพื่อไม่ให้เรียวพูดอะไรที่ไม่ดี ในขณะที่เกตต์หมั่นไส้กับท่าทางและกิริยาของเรียว
ในความคิดของเรียวตอนนี้มีแต่คำพูดของแคธีอยู่เต็มหัว เมื่อมองเกตต์จากเมื่เช้ากับตอนนี้ มันฟ้องชัดมากขึ้นว่าเกตต์อยากจะเข้ามาใกล้ชิดกับแซม อะไรที่ทำให้เธอทำแบบนั้นได้ถ้าไม่ใช้เงินทองที่เค้ามี จะให้ฉันเชื่อเหรอว่าเธอจะชอบดนตรีจริง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังอะไร สายตาที่แซมมองเธอเมื้อกี้นี่ก็ฟ้องชัดอยู่แล้วว่าแซมต้องรู้สึกยังไงกับเธอร้อยเปอร์เซ็น ก็เพราะเธอคงไปปล่อยเหยื่อไว้นะซิ คนอย่างแซมนะ ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนมาก่อน แสดงว่าเธอต้องทำอะไรซักอย่างให้แซมติดกับ อย่าหวังเลย ถ้าฉันยังอยู่เธอไม่มีทางได้จับเพื่อนฉันแน่
ที่เธอทำเป็นผู้หญิงธรรมดา ทำให้ฉันคิดว่าเป็นคนที่น่ารักในสายตาฉัน ที่จริงมันเป็นแค่การแสดงสินะ ทำให้ฉันเข้าใจว่าเธอไม่มีพิษสง เหมือนที่เธอกำลังแสดงกับแซมตอนนี้ แต่ก็ถือว่าเธอมีความสามารถและชำนาญมาก ทำให้ฉันติดกับใบหน้าที่มีแต่ความหลอกลวงของเธอ และ
เคยคิดกับเธอในทางที่ดีได้
?เธอเข้าใจคำว่าเล่นดนตรีหรือเปล่า ดนตรีนะไม่ใช่ว่าจะเล่นให้มันมีเสียงเพลงที่ไพเราะอย่างเดียวมันต้องมีความเอาใจใส่ในเพลงที่จะเล่นรวมถึงความตั้งใจอันเต็มร้อยและความรักในเสียงเพลง ดูตัวเธอให้ดีดีก่อนดีกว่าว่ามีสมบัติพวกนี้อยู่ในตัวหรือเปล่า?เกตต์ได้ยินอย่างถึงกับพูดไม่ออก แต่เมื่อเห็นแววตาที่เรียวมองเหมือนดูถูกและนึกถึงเธอในแง่ลบเธอจึงยอมไม่ได้ต้องทำอะไรให้เค้าไดรู้ว่า เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เค้า และการที่เธอทำทุกอย่างก็เพื่อทำฝันของเธอให้เป็นจริง แต่ที่ฉันมั่นใจเต็มร้อยเลย
...ก็คือฉันรักในเสียงเพลงและเสียงดนตรีมากกว่าอะไรทั้งสิ้น...
?ฉันบอกไม่ได้หรอกว่ามีคุณสมบัติพวกนั้นหรือเปล่า แต่ที่ฉันจะบอก ก็คงพูดได้แค่ว่า ทั้งชีวิตนี้ ฉันขออยู่กับเสียงเพลงที่ฉันรักไปตลอด และจะทุกอย่างที่จะให้ไปยังจุดสูงสุดอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ได้...บุรุษคนนึงเคยบอกฉันไว้ว่า จงทำความฝันของตนเองอย่างตั้งใจ แล้วจงไปให้ถึงให้ถึง ไม่อย่างนั้น ความฝันที่วาดไว้ ก็จะเป็นเพียงความทรงจำที่เลือนลาง? พอเกตต์พูดจบ เธอจึงค่อย ๆ ยืนมือของเธอจับสร้อยที่อยู่ภาย ในเสื้อของเธอที่อยู่ตรงหน้าอก เพื่อเรียกกำลังใจ
เกตต์สลับปรับเปลี่ยนภาพในอดีตขึ้นมาเท่าที่นึกได้ ในฤดูร้อนของปี มีผู้ชายกลางคนเข้ามาหาเธอ เค้าเป็นคนใจดีมากเลยทีเดียว รู้สึกว่าจะมาหลังจากที่พ่อเธอจากไปแล้ว ชายผู้นี้มาหาเกตต์ที่บ้านทุกวัน ตอนแรกเธอไม่ยอมพูดกับเค้าเลยเอาแต่กลับตัวเงียบ คิดแค่ว่าเค้าเป็นคนแปลกหน้าคนนึง จนวันหนึ่งเค้าได้เล่นกีตาร์ของพ่อเธอให้ฟัง จนทำให้เด็กตัวน้อย ๆ จึงสนใจสิ่งนั้นขึ้นมา เธอเฝ้าแอบฟังชายผู้นั้นเล่นกีตาร์ทุกวัน แต่ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกนึกคิดของตนเองที่สนใจอะไร แต่แล้วก็ตัดสินใจงขอร้องให้คนผู้ชายผู้นั้นสอนเธอให้เล่นดนตรี ตอนแรกถึงแม้เธอจะท้อแท้กับสิ่งที่เธอสนใจไปบ้าง แต่เพราะคำพูดเมื่อสักครู่ ทำใหเธอมีความตั้งใจจนทำกีตาร์ตัวนั้นมีเสียงเพลงจากความตั้งใจของเธอจนได้
อยู่มาวันหนึ่งเค้ากลับเงียบไปเฉย ๆ ไม่มาหาเธออีกเลย เด็กน้อยเฝ้าคิดถึงชายผู้นั้นจังยังไม่รู้เลยว่าเค้าชื่ออะไร พอถามยายขึ้นมา วันนั้นเธอจึงได้รู้เลยว่าคนที่เธอคิดว่าเป็นคนแปลกหน้ากลับเป็นคนที่พ่อของเธอรู้จักดี ทุกวันนี้เธอก็ยังคิดถึงชายผู้นั้นอยู่ตลอดเวลาเล่าไป เกตต์ก็นำมือจับเส้นเส้นที่ห่วงที่สุด กำมันไว้อย่างกระชับ จนทำให้ความ รู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นมา เพียงอยากพูดคำ ๆ หนึ่งให้เค้าได้รับรู้
...ขอบคุณมากค่ะ...
?แค่พูดอย่างเดียวคงพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก?เรียวเอ่ยอย่างเย็นชา เมื่อเกตต์ได้ยินดังนั้นจึงมองไปรอบ ๆ ตัว พลางเหลือบไปเห็นกีตาร์ที่อยู่ใกล้ตัว มาเล่นเพลงที่ชายผู้นั้นแต่งขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเธอ และเป็นเพลงแรกที่เธอสามารถเล่นเป็น เธอใช้เวลาส่วนใหญ่กับเสียงดนตรีที่เธอรัก เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเล่นไม่ได้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอได้นำเพลง ๆ นี้ เพลงที่เป็นสื่อระหว่างชายผู้นั้นกับเกตต์ เป็นเพลงที่ขัดเกลาด้วยความหวังดีของชายผู้นั้นที่แต่งให้เกตต์เล่นเป็นพิเศษ แซมและเซฟยืนฟังด้วยความตั้งใจ เป็นเพลงที่มีความไพเราะและจังหวะแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยฟังที่ไหนมาก่อน แต่สำหรับเรียว เพลงนี้กลับทำให้เค้าเบิกตากว้าง ด้วยความอึ้ง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างพร้อมเพียง
...เพลงนี้มันฉันเคยฟังที่ไหนนะทำไมถึงคุ้นหู แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยฟังมาจากไหน...

แซมที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ มีความรู้สึกได้เลยว่าไพเราะมากและเป็นเพลงที่ไม่เคยฟังที่ไหนมาก่อน ทันใดนั้นได้มีเสียงคนตบมือแล้วหัวเราะเยอะเธออย่างหมั่นไส้อยู่ด้านหลังประตู
?เนี้ยนะเพลงเธอฉันยืนฟังอยู่นานแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษตรงไหน แต่ฉันก็ขอชมเชยในเรื่องที่เธอแต่งนะ เก้งเก่งนะคิดได้ยังไง...ซึ้งมากเลยล่ะ?
?นี่แคธีเธอมาสายอีกแล้วนะ?เสียงเซฟต่อว่าแคธี แต่แคธีก็ไม่รู้สึกกลัวแถมยังทำหน้าเมินเฉยแล้วเดินตรงมายังเกตต์ทันที
...โธ่เอ้ยทำตัวเป็นใหญ่อยู่ได้...
?เธอจะเข้าชมรมนี่เหรอ ไม่ดูฐานะตัวเองเลยนะ...ต่ำ ๆ อย่างเธอน่าจะไปชมรม...อืม...อะไรดีละ...อ้อ...ก็ชมรมพวกรักษาสิ่งแวดล้อมไงล่ะ จะได้ไปเก็บขยะตามโรงเรียนไง ดีออกนะ...เหมาะสมกับเธอมากเลย...อิอิ?
?นี่เธอ!!?แคธีพูดแล้วก็ขำใส่เกตต์ ซึ่งเกตต์ก็มีความอดทนมีขีดจำกัดเหมือนกัน ทนไม่ไหวแล้ว วันนี้จะต้องมีเรื่องกับแคธีให้เค้าหลาบจำซะที เรื่องอะไรที่จะถูกว่าอยู่ฝ่ายเดียว เกตต์กำลังจะไปเล่นงานแคธี ซึงเธอก็ไม่มีความเกรงกลัว ยังเอาหน้าคมยืนรับอีกต่างหาก น่าหมั่นไส้จริง ๆ แต่ถ้าไม่ถูกมาริสาดึงมือไว้ล่ะก็โดนดีแน่ แต่พอเห็นแววตาของมาริสาที่ไม่อยากให้เกตต์ทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร เกตต์เข้าใจความรู้สึกของมาริสาเลยใจเย็นลง
?กลับไปก่อนเถอะนะบรรยากาศมันไม่ค่อยดี?เซฟพูดให้มาริสาพาเกตต์ออกไปก่อนไม่งั้นมีเรืองกันที่นี่แน่ มาริสาจึงลากตัวเกตต์ออกไปจากชมรมทันที
?โธ่เฮ้ย พูดแทงใจดำละซิท่า?เมื่อเกตต์ออกไปแซมมองตามเกตต์ที่ออกไป แล้วคิดว่าเรียวกับแคธีพูดเกินไปแล้วถ้าเป็นเค้าก็คงรับไม่ได้เช่นกัน เรียวก็เพียงแต่คิดด้วยความไม่แน่ใจว่าแค่เกตต์จะมีความฝันแบบที่เธอพูดจริง ๆ เหรอ
?นี่ไอ้เรียวทำไมนายต้องพูดตัดรอนเค้าขนาดนั้นด้วย ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริง ๆ?แซมพูดกับร่างสูงพร้อมกับกระชากเสื้อเชิ้ตที่ถูกรีดเรียบอย่างดี แต่เรียวก็ยังทำเฉยเหมือนแกล้งทำไม่ได้ยิน แซมเห็นอย่างนั้นถึงกับทนไม่ไหวกับการกระทำที่เรียวแสดงออกแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง
...ทำไมต้องมีเพื่อนอย่างแกด้วยวะเนี้ย!! ...
?ฉันรู้สึกว่ายัยนั้น นายจะห่วงเป็นพิเศษนะ...ทำเป็นยินดีออกหน้าออกตา อยากให้ยัยนั้นเข้าชมรม จนตัวสั่นเลยหรือไง? เรียวพูดใส่หน้าแซม ประชดประชันด้วยความโมโหไม่แพ้กัน
?ใช่...ฉันห่วงเค้า นายไม่มีสิทธิ์ไปว่าเค้าแบบนั้น ทุกทีเลยที่คนจะมาเข้าชมรมนี้ก็ต้องพูดบ้า ๆ อะไรออกไป...หึ...ที่ชมรมนี้ไม่มีคนอยากเข้าก็คงเพราะมีคนที่ไม่ได้เรื่อง!!อย่างนี้เอง?แซมพูดอย่างโกรธเคืองเรียวทำให้เรียวเกิดอาการไม่พอใจเป็นอย่างมากที่แซมพูดว่าเค้าแบบนั้น
?ไอ้แซมนี่นายว่าฉันเหรอ...อ่อออยากมีเรื่องใช่ไหม...ได้?
พลั่ว!!
เรียวชกแซมไปอย่างเต็มแรงทำให้แซมถึงกับทรุดลงกับพื้น แคธีซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ กรี๊ดโวยวายใหญ่ จากนั้นก็รีบเข้าไปห้ามแซมทันที เพราะไม่อยากให้เรียวเจ็บตัว เรียวเข้าไปค่อมบนตัวของแซมแล้วชกแซมไปอีกยก แซมรู้ว่าตัวเองกำลังให้เรียวชกอยู่ข้างเดียวแซมจึงพลิกตัวของเรียวให้ล้มลงอย่างเต็มแรงทำให้เรียวเจ็บหลัง จากนั้นแซมก็ชกเรียวคืนไปหลายหมัดแล้วทั้งสองก็ชกแลกหมัดกันอยู่หลายหมัด
?เออ...เอากันเข้าไป...โธ่อะไรกันว่ะจะไม่ต่อยกันซักวันได้ไหม?
?เซฟ...นายเข้าไปห้ามสิเห็นไหมต่อยกันใหญ่เลย ว๊าย!! เรียว...เร็วสิมัวทำอะไรอยู่เซฟ หยุดนะแซม...ว๊าย!!?แคธีบอกเซฟให้ไปห้ามแซมกับเรียวเพราะไม่อยากให้เรียวได้รับบาดเจ็บ แต่เซฟก็ไม่ฟังเพราะตนรู้อยู่แล้วว่าห้ามแล้วคงไม่ฟังแน่ทั้งคู่นะทะเลาะกันถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะถ้าวันไหนสองคนนี้ไม่ทะเลาะกันนั้นเหละคือเรื่องแปลก แต่ที่น่าแปลกก็คือทะเลาะต่อยกันจนเลือดแตกยางออกยังไงทั้งสองก็ไม่เคยโกรธกันซักทีเพราะต่อยกันเสร็จก็จะคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเพราะเรียวกับแซมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คงคิดว่าการที่ทะเลาะกันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบไม่ได้ตั้งใจจะทะเลาะกัน คือผ่านมาแล้วก็ผ่านเลย
akazuya

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”