บทที่ 3 คืนแห่งการสูญเสีย ของนิยาย Y.W.A.T.

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
ic
โพสต์: 367
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 21 ต.ค. 2006 11:39 pm
ติดต่อ:

บทที่ 3 คืนแห่งการสูญเสีย ของนิยาย Y.W.A.T.

โพสต์ โดย ic »

บทที่สาม : คืนแห่งการสูญเสีย

หลังจากการตัดสินใจของโฮอึนในฐานะผู้นำแห่งหน่วยลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐแล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เรนจะได้ออกปฏิบัติภารกิจเป็นกลุ่มครั้งแรก ซึ่งโดยปกติแล้วเรนจะไปไหนหรือปฏิบัติภารกิจใดก็ตัวคนเดียวเสมอ แต่เขาก็ไม่ขัดข้องในการตัดสินใจของโฮอึน เรนเชื่อว่าโฮอึนได้คิดไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว

ทั้งเฟรย์และฟินเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ต่างก็น้อมรับคำสั่งของโฮอึนทันที พวกเธอต่างก็ชินกับสมาชิกหน่วยอื่นๆเกือบจะทุกคนแล้ว เว้นเสียก็แต่เรนที่ไม่เคยกลับฐานลับของหน่วยลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐที่ตั้งอยู่ในนครแห่งศูนย์กลางเอนญ่าที่เขตที่ 37 มาได้สองปีแล้ว ส่วนฟินและเฟรย์นั้นเข้ามาร่วมงานได้แค่ปีกว่า ถัดจากการเข้ามาร่วมหน่วยลับของนาเดียที่ขอตามเรนมาเพียง 2-3 เดือน

และเนื่องด้วยเนื้อหาการประชุมเมื่อวานนี้เอง ก็ทำให้เรนเกิดความสงสัย คงไม่เพียงแค่เรนหรอกที่จะนึกสงสัย เป็นใครก็ต้องงงกันทั้งนั้น ก็ในเมื่อเผ่าแห่งแสงสว่างเป็นเผ่าศูนย์รวมแห่งนักรบและนักเวทย์ที่ใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่สมัยอดีต เป็นแกนนำในการนำกำลังเข้าสู้กับเผ่าแห่งความมืดที่คอยมารุกรานเผ่าต่างๆหลังเหตุการณ์สงครามพันปี แล้วทำไมถึงล่มสลายไปได้ อีกอย่างทำไมสหพันธรัฐแห่งวินดั้มที่เป็นพันธมิตรกลับไม่ส่งกำลังทหารไปช่วยฟื้นฟูเผ่าแห่งแสงสว่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยจนทำให้เรนตัดสินใจที่จะไปถามฟิน เขาไม่ต้องการที่จะได้คำตอบแบบห้วนๆหรืออาการนิ่งเงียบที่ไม่ขอตอบคำถามนี้จากเฟรย์

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 21 กุมภา ครบรอบอาทิตย์นึงจากเหตุการณ์ปีศาจบุกที่ Rock Village พอดี ได้ข่าวว่าสหพันธรัฐแห่งวินดั้มได้ส่งทหารไปฟื้นฟูหมู่บ้าน กลบเรื่องที่มีคำสั่งให้ทหารทิ้งชาวบ้านให้เผชิญชะตากรรมกันเองจนหมดสิ้น เรนรู้สึกเซ็งๆกับข่าวที่ไม่เป็นความจริงเมื่อได้ดูทีวีในตอนเช้า มันทำให้เรนเกิดความคลางแคลงใจในการกระทำของสหพันธรัฐเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งทำให้เรนพยายามหาโอกาสที่จะได้คุยกับฟินโดยเร็ว

ในช่วงเวลาบ่ายแสงแดดสาดส่อง มีลมเย็นเอื่อยๆ สบายๆ เป็นเวลาที่เหมาะกับการพักทานของว่างเป็นอย่างยิ่ง ฟินที่ว่างจากการขายและจัดดอกไม้แล้วนั้น ก็ตัดสินใจที่จะมานั่งพักหลังร้านโดยฝากให้โฮอึนช่วยเฝ้าหน้าร้านแทน เธอจัดแจงต้มน้ำชาและเตรียมขนมปังไส้ฟักทองจากร้านขนมปังตรงป้ายรถเมล์(ร้านนี้อร่อยที่สุดในเขตที่ 37) เธอวางขนมปังไว้บนโต๊ะพลาสติกสีขาว พร้อมกับหย่อนตัวลงบนเก้าอี้หวายเพื่อรอให้น้ำชาเดือด ไม่เพียงแค่ฟินจะเตรียมของว่างสำหรับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอยังเตรียมไว้เผื่อคนอื่นอีกด้วย เรนสบโอกาสที่จะเข้าไปคุยกับเธอทันที

ขณะที่ฟินกำลังวุ่นอยู่กับการรินน้ำชาอยู่นั้น เรนก็ได้เข้าไปทักเธอ
?งัยฟิน เตรียมของว่างอยู่หรือ วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเนอะ ค่อยมีเวลาพักสบายๆหน่อย?

?55 ช่ายเลย มาทานด้วยกันสิเรนคุง หนมปังไส้ฟักทองจ้าวนี้อร่อยนะ?
ฟินชวนเรนอย่างอารมณ์ดี

?อื้อ Thanks you จ้ะ? เรนเดินเข้าไปขยับเก้าอี้เพื่อจะนั่งด้วย

ทั้งเรนและฟินกินขนมปังด้วยกันอย่างอร่อย ขนมปังที่มีความกรุบกรอบด้านนอกเนื่องจากโรยเกล็ดขนมปังไว้ ผสมผสานกับความหอมหวานของฟักทองที่มีรสละมุนละไม

?เอ่อ ฟิน ผมอยากจะถามอะไรบ้างอย่างหน่อยสิ?
เรนเอ่ยถามฟินทันทีที่กินเสร็จอย่างรวดเร็ว(ฟินยังกินขนมปังไม่ถึงครึ่งเลย)

?เอ๊ะ อะไรรึ? ถามมาสิ? ฟินยังกินขนมปังไม่ถึงไหนซักที

?คือว่า ทั้งเธอและเฟรย์มาอยู่ในหน่วยลับนี้ได้งัย แล้วเอ่อ การล่มสลายของเผ่าแห่งแสงสว่าง?
เรนเอ่ยถามอย่างกึ่งๆเกรงใจ

?ก็เพราะพวกเราอยากจะรู้ว่าทำไมสหพันธรัฐแห่งวินดั้มถึงได้ทอดทิ้งเรา ก็ในเมื่อเราส่งสัญญาณเตือนภัยพิเศษไปแล้ว แม้แต่การเยียวยาหลังจากเกิดเรื่องแล้วก็ยังไม่เคยมีซักครั้งเดียว ทั้งๆที่เผ่าแห่งแสงสว่างเป็นพันธมิตรที่ดีมาโดยตลอดแท้ๆ?
เสียงของเฟรย์ดังมาจากบันไดหลังร้าน เธอคงจะพึ่งเดินลงมาได้ยินคำถามของเรนพอดี และก็ตอบคำถามแทนฟินซึ่งนั่งหน้าซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับเฟรย์ที่หน้ายังคงเรียบเฉยและเย็นชาอย่างเคย

?การบุกโจมตีอย่างกะทันหันของเผ่าแห่งความมืด ทำให้พวกเรารับมือไม่ทัน กองทัพที่พวกมันส่งมา ไม่ใช่แค่ปีศาจธรรมดา หรือสัตว์อสูรกิ๊กก๊อกเหมือนกับที่เราเจอใน Rock Village หรอกนะ พวกมันส่งมาแต่ระดับหัวหน้าหน่วย รวมทั้งคนของเผ่าแห่งความมืดที่มีความสามารถระดับจอมเวทย์ผู้สูงส่ง และนักรบเวทย์ที่ถนัดทางด้านการรบระยะประชิดและการใช้เวทย์ระยะไกล แค่นี้ก็พอที่จะทำให้เราล่มสลายได้แล้ว คงจะกระจ่างแล้วสินะ พ่อหนุ่มช่างสงสัย?

เรนอึ้งนิดๆกับเรื่องที่ได้ฟังและยังอึ้งที่โดนเฟรย์ประชด เห็นได้ชัดว่าเฟรย์ยังคงโกรธเรื่องที่ตามเธอไปที่เขตนครขาวอยู่พอสมควร

ฟินที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ลุกขึ้นทันที เธอคงจะไม่อยากฟัง และก็ไม่อยากนึกถึงเรื่องในอดีตอีก ก็ในเมื่อเธอเป็นลูกสาวอดีตหัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่างที่มีฐานะที่จะต้องรับสืบทอดภาระหน้าที่หัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่างแทนพ่อของเธอ

?อืม งั้นฉันขอตัวไปเฝ้าหน้าร้านแทนหัวหน้าลีก่อนนะ รู้สึกว่าท้องจะอิ่มแล้ว?
ฟินฝืนยิ้ม แล้วเดินจากไปทันที

เรนรู้แล้วว่าทำไมเฟรย์ที่ทำท่าไม่อยากตอบคำถามอยู่เสมอถึงตอบคำถามแทนน้องสาวฝาแฝดของเธอ เขาไม่ทันนึกจริงๆ เป็นใครก็ต้องเจ็บปวดทั้งนั้นที่สูญเสียบ้านเกิดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่จะต้องแบกภาระของผู้อื่นในอนาคตอย่างฟินด้วยแล้ว เรนยิ่งรู้สึกผิดไปอีกที่ถามอะไรไปโดยไม่ยั้งคิด ใจร้อนที่อยากจะรู้คำตอบ อยากจะทำความสนิทสนมกับเพื่อนไวไวจนทำให้ผู้อื่นเสียใจ และเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดนี้เองที่จะเป็นบทเรียนที่ดีต่อเรนในอนาคต

เฟรย์เดินตรงเข้ามาหยิบขนมปัง และรินน้ำชาใส่ถ้วย เดินขึ้นไปบนห้องที่เธอพักอยู่บนชั้นสาม เฟรย์ไม่ได้ว่าอะไรเรนต่อ เธอรู้ดีว่าเรนคงจะรู้สึกผิดมากพอแล้ว และเชื่อมั่นว่าเขาจะปรับปรุงตัวเองได้ในอนาคต เหมือนกับที่เมื่อวาน เธอไม่ได้ว่าเรนก็เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย

?โฮ่ แล้วยังงี้จะเป็นกลุ่มที่สนิทกันได้อย่างไรล่ะ ท่านเด็กน้อยเรน?
โฮอึนกระซิบที่ข้างหูของเรน

?วะ เหวอ ทำอะไรครับเนี้ยหัวหน้า? การกระทำของโฮอึนทำให้เรนสยิวไปทั้งตัว

?หัวหน้าคงจะไม่ใช่พวกเกย์หรอกนะ? เรนเริ่มกลัวโฮอึนหน่อยๆแล้วสิ

โป๊ก โฮอึนเขกหัวเรนอย่างแรง

?อะ อู๊ย ไม่ใช่สินะห้า? ทั้งๆที่เจ็บหัวแต่เรนก็ยังล่อโฮอึนอยู่

?อยากโดนอีกโป๊กหรือเจ้าบ้านิ? โฮอึนเริ่มโมโหนิดๆ

?แต่ก็น่ารักดีเหมือนกัน? คำพูดของโฮอึนทำให้เรนถึงกับสะดุ้ง(ฮะเฮ้ยล้อเล่นใช่มะเนี้ย)

?อยากรู้อดีตของเพื่อนๆที่จะร่วมงานด้วยสินะ? โฮอึนเริ่มพูดต่อโดยที่ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเรนเลยแม้แต่น้อย

?ก็นะการรู้อดีตของเผ่าแห่งแสงสว่างทำให้รู้ถึงการกระทำอันไร้ความรับผิดชอบ
ของสหพันธรัฐแห่งวินดั้มด้วยนี้นา?

?เอ้า งั้นกระผมจะเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้เองและกัน?

?เหอๆ คราวนี้แลกกับการชิมอมยิ้มรสอะไรอีกละครับ?
เรนพูดอย่างรู้ทัน แต่เค้าก็พร้อมที่จะแลกกับข้อเสนอนี้

?หุหุ อมยิ้มของกระผมอร่อยน๊า มีวิตามินจากผักต่างๆอีกด้วย กระผมยังอมวันละแท่งเลย?

(อร่อยกับผีดิ ขมซะขนาดนั้น) เรนนึกเถียงในใจ

?ตามกระผมมาสิ?

และในไม่ช้าโฮอึนก็เดินนำเรนไปยังชั้นใต้ดินที่ซึ่งเป็นห้องประชุมลับเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อมาถึงประตูลับทางเข้าห้องประชุม โฮอึนก็ได้ดึงสลักเชิงเทียนที่ติดอยู่บนฝาผนัง ทันทีที่สลักถูกดึง ผนังห้องก็เลื่อนออกเป็นช่องเล็กๆปรากฏเป็นเครื่องคอมระบบอัตโนมัติที่ใช้สแกนรหัสลับในการเข้าห้องประชุมนี้อีกที

?กลีบคาร์เนเลียสีน้ำเงินที่บานกลางทุ่งหิมะในคืนวันเพ็ญหลังฝนตก?
โฮอึนกล่าวรหัสลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ(ก็เค้าเป็นคนคิดนิ)

?เป็นดั่งใจท่านปรารถนา จงประดับไว้กลางหทัย?
คอมพิวเตอร์ขานรับรหัสลับของโฮอึน

หลังจากที่เครื่องคอมขานรับรหัสลับแล้วนั้น ประตูที่ดูภายนอกแล้วเหมือนกับตู้หนังสือธรรมดาก็เลื่อนออก ห้องลับนี้มีทั้งระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย และระบบความปลอดภัยที่วางใจได้ถึงแม้ว่าตัวร้านกาแฟและร้าน Just 4 U จะถูกวางระเบิด หรือยิงขีปนาวุธใส่ก็ตาม ตัวห้องลับที่ทนแรงกระเทือนและผนังที่ทำจากวัสดุกันไฟก็ยังคงอยู่ เรนรู้เพียงแค่ว่า ห้องลับนี้ถูกออกแบบโดยเพื่อนเก่าของโฮอึนซึ่งเป็นถึงระดับด็อกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบอดีตคนของสหพันธรัฐแห่งวินดั้มอีกทีนึง

โฮอึนพาเรนมายังพื้นที่ว่างภายในห้อง แล้วขอให้เรนนอนลงกับพื้น เพื่อที่จะทำพิธีถ่ายทอดความทรงจำ

?เอ่อ ต้องนอนเฉยๆอย่างนี้รึครับ? เรนเริ่มกังวลหน่อยๆ

?ไม่ต้องกังวลหรอก กระผมไม่ทำอะไรพิสดารแบบนั้นแน่ แค่ว่าการเล่าอดีตธรรมดาทั่วไป มันไม่ได้อารมณ์ การทำพิธีถ่ายทอดความทรงจำนั้นจะทำให้ผู้ที่เชื่อมต่อด้วยได้เห็นภาพของอดีตนั้นเหมือนกับว่าเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นเอง ความทรงจำที่ถ่ายทอดไปก็ไม่มีการขาดตอน ได้เนื้อหาครบถ้วนกระบวนความ เป็นไงฟังแล้วเข้าใจบ้างรึยัง?
โฮอึนแก้ข้อสงสัยที่เรนกำลังคิด

?ความทรงจำที่เธอจะได้เห็นอาจจะย้อนเวลาคลาดเคลื่อนไปหน่อย
ทนรอซักนิดแล้วกัน?
โฮอึนพูดไปพร้อมกับถอดถุงมือสีขาวข้างซ้ายไปด้วย

เรนกลืนน้ำลายอึกนึงอย่างตื่นเต้น

แล้วโฮอึนก็เอาฝ่ามือข้างซ้ายของเค้าประทับลงบนหัวของเรนทันที การกระทำนั้นทำให้ปรากฎแสงจากวงแหวนแห่งเวทย์ขึ้นมา
?วงล้อแห่งชะตากรรม จงเปิดประตูสู่อดีต ไปยังความทรงจำที่ยังหลับใหลภายในตัวข้าบันทึกแห่งความทรงจำ?

เมื่อสิ้นเสียงร่ายเวทย์ของโฮอึนแล้ว เรนรู้สึกได้ทันทีถึงพลังบางอย่างที่ไหลผ่านตัวเขาไป เรนเริ่มรู้สึกง่วงนอน และหลับไปในไม่กี่วินาทีต่อมา ในภาพที่เรนเห็นในตอนที่หลับตานั้น แรกๆเป็นเพียงภาพของความมืด แล้วจึงค่อยมีแสงสีวูบวาบไหลเข้ามาเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว จนท้ายที่สุดภาพการเคลื่อนไหวแห่งแสงสีนั้นก็ได้หยุดลง ปรากฎเป็นแค่แสงสว่างจ้าแสบตา

?ลืมตาสิ? เสียงกระซิบหนึ่งดังขึ้นมาภายในหัวของเค้า
เรนทำตามที่เสียงกระซิบนั้นบอก

เมื่อเรนลืมตาขึ้นเขาก็พบว่า ได้เห็นภาพสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เด็กๆทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ตอนนี้เรนอยู่ภายในห้องๆหนึ่งที่ข้างหน้าห้องมีกระดานไวท์บอร์ด และทั้งห้องก็เต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ใช้สำหรับเรียนหนังสือ รอบๆตัวของเรนมีเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 17-18 ยืนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และมีบางคนที่จับกลุ่มกันนั่งทานขนมและข้าวกล่องด้วยกัน สงสัยนี่จะเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงซะละมั้ง ใช่แล้วละที่นี่คือโรงเรียนมัธยมปลายแกรนด์ฟอร์ดไฮสคูล โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งเมืองแกรนด์ฟอร์ด เมืองที่เป็นที่ตั้งของเผ่าแห่งแสงสว่าง

ช่วงเวลาที่เรนย้อนอดีตไปนั้นเป็นช่วงเวลาสองปีก่อนที่เผ่าแห่งแสงสว่างจะล่มสลาย เป็นช่วงเวลาเดือนกุมภาพันธ์ เดือนที่เป็นปลายเทอมและการสอบครั้งสุดท้ายของปีการศึกษาพอดิบพอดี ซึ่งคาดเดาได้ว่าตอนนั้นฟินและเฟรย์อายุประมาณ 16 ปี

และเมื่อเรนเดินออกไปชะโงกหน้าดูก็พบว่าที่นี่คือห้องเรียน 3A เป็นห้องเรียนของชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 ซึ่งมองดูภายในห้องแล้วก็คิดว่าห้องนี้มีนักเรียนกว่า 40 คนด้วยกัน ขณะที่เรน กวาดสายตาไปรอบๆห้องอยู่นั้น เขาก็หันไปสะดุดตากับกลุ่มเด็กผู้หญิงที่จับกลุ่มคุยกัน 3 คนหลังห้องริมหน้าต่างอยู่กลุ่มหนึ่ง(ไม่ใช่ว่าแอบปิ๊งหรอกนะ) ก็ในกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นมีเด็กสาวคนหนึ่งที่มีผมยาวสลวยสีดำ ผมข้างหน้าตัดเป็นผมม้าเสกไปทางด้านขวา และมีตาสีฟ้าอมน้ำเงินเข้มที่เขารู้จักเป็นอย่างดี จะใครซะอีก ฟิน ไงละ เรนจำเธอได้อย่างแม่นยำ เขาเดินเข้าไปใกล้กลุ่มนั้นทันที(ไม่ต้องสนว่าจะมีใครสนใจ เพราะไม่มีใครเห็นตัวเรนอยู่แล้ว)

?เฮ้อ พรุ่งนี้ก็จะสอบแล้ว ยังท่องหนังสือไม่ถึงไหนเลย?
เสียงของเด็กผู้หญิงภายในกลุ่มคนหนึ่งดังขึ้น

?โอ๊ย แล้วทำไมจะต้องสอบเลขกับฟิสิกซ์วันพรุ่งนี้ด้วย?
เสียงของเด็กสาวอีกคนเสริมขึ้นมาทันที

?เอาน่าๆ ไม่เห็นจะต้องกลุ้มใจเลย โซเฟีย มีอา?
เสียงของฟินปลอบใจเด็กสาวสองคนก่อนหน้านั้น

?น่าอิจฉาคนบางคนนะที่ป่านนี้ยังนั่งกินเยลลี่รูปหมีสบายใจเฉิบ ทั้งๆที่หัวดีขนาดไม่ต้องอ่านหนังสือก็คงจะติดระดับ Top Five ของระดับชั้นได้?
โซเฟียประชดเพื่อนทันที

?อ่าฮะ นั้นหมายถึงใครรึ? ฟินแกล้งถามทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าแล้วก็หยิบเยลลี่รูปหมีใส่ปากต่อ

?ก็เธอน่ะสิถามได้? โซเฟียย้อนอย่างเซ็งๆ

?โฮ่ ฉันอ่านนะจ้ะเพื่อนๆ คนเราอาศัยแค่หัวดีไม่ได้หรอก ต้องขยันด้วย หุหุ?
ฟินชี้แจงอย่างอารมณ์ดี

?ฮึ ที่น่าอิจฉากว่าก็คือเฟรย์ พี่สาวฝาแฝดของเธอนั้นแหละ คนอะไรทำงานตัวเป็นเกลียว ไหนจะเป็นทั้งประธานชมรมเคนโด้ ไหนจะเป็นกรรมการนักเรียนฝ่ายสารวัตรนักเรียน แล้วเห็นว่าจะต้องซ้อมวิชาดาบทุกเย็นอีก แต่ยังติด 1 ใน 3 ของระดับชั้น?
เสียงของมีอาดังขึ้นอย่างน้อยใจในความเก่งของเพื่อนด้วยอีกคน

?เอ๋ แล้วถ้าเฟรย์น่าอิจฉาแล้วซิกซ์ล่ะ? ฟินย้อนถามเพื่อนๆบ้าง

?นั้นไม่เรียกว่าน่าอิจฉาแต่เรียกว่าปลาบปลื้มใจต่างหาก?
โซเฟียรีบแย้ง

?เค้าเป็นนักเรียนดีเด่นแห่งปีเชียวนะ นักเรียนใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามาเมื่อกลางเทอมของปีที่แล้ว ด้วยข้อสอบเข้าที่ยากกว่าการสอบเข้าต้นเทอม แต่ซิกซ์ก็ยังทำคะแนนเต็มอีก ต้นเทอมนี้ก็ได้เป็นถึงที่ 1 ของระดับชั้นด้วย กีฬาก็เก่ง อ๊าง ใจละลาย? มีอาพูดถึงข้อดีของซิกซ์

?ก็นะหนุ่มหล่อคมเข้ม ผิวขาว ใส่แว่น สาวไหนจะไม่กรี๊ดบ้างละ เค้าป็อบจะตาย?
โซเฟียเห็นด้วยกับมีอา

?อืม พวกเธอสนเค้ารึ ฉันบอกให้เอามะ?? ฟินยื่นข้อเสนอ

?จะบ้ารึ เธอก็รู้นิว่าซิกซ์ไม่เคยสนใจคุยกับผู้หญิงคนไหนนอกจากเธอและเฟรย์เลยนะ?
มีอาแย้ง

?นี่แหละที่น่าอิจฉาที่สุด? คราวนี้โซเฟียกับมีอามีความเห็นตรงกันแบบสุดๆ

เรนที่ไม่ชินกับการพูดคุยของกลุ่มเด็กผู้หญิง ถึงกับเซ็งนิดหน่อย มันทำให้เขาอยากรู้ตะหงิดๆแล้วสิว่า ซิกซ์ นั้นคือใคร?

ไม่ทันไรห้วงเวลาก็เกิดการบิดเบือนนำพาเรนมายังช่วงเวลาตอนเย็นของวันสุดท้ายแห่งการสอบ เขาพบว่าตัวของเค้าเองยืนอยู่ใกล้ฟิน(เด็กสาวที่ผูกโบสีแดง) เฟรย์(เด็กสาวที่ผูกเนกไทสีแดง) และอีกหนึ่งหนุ่ม

เรนจ้องมองอีกหนึ่งหนุ่มนั้นทันที ไม่ต้องสงสัยนั้นต้องเป็นซิกซ์แน่ๆ(เรนเริ่มไม่ถูกชะตาหน่อยๆ) หนุ่มน้อยอายุประมาณ 16 สูงประมาณ 179 ซ.ม. หนัก 72 ผิวขาว หน้าตาดี ใส่แว่น สีผมและตาเป็นสีดำ หูข้างหนึ่งใส่หูฟัง ฟังเพลงอยู่ ชื่อของเขาคือ ซิกซ์ แบล็คเชน(Sixth Blackchain)

ฟิน เฟรย์และซิกซ์กำลังเดินออกนอกประตูโรงเรียน พวกเค้ากินไอศกรีมกันซะด้วย เห็นว่าฟินและเฟรย์กินรสสตรอเบอร์รี่ ส่วนซิกซ์กินรสช็อคโกแลต(ทำให้เรนอยากกินมั่ง)

ฟินเริ่มต้นพูดคุย ?ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เรียนด้วยกันแล้วนะ ไปเที่ยวด้วยกันสามคนมั้ย?

?อืม นั้นสิผ่อนคลายความเครียดจากการสอบก็ดีนะ? เฟรย์เห็นด้วย

ไม่ทันที่ซิกซ์จะพูดอะไรฟินก็พูดต่อทันที
?ผ่าง เห็นมั้ยตั๋วหนัง วันนี้เราไปดูหนังกัน ฉันจองไว้หมดแล้ว ไปกันนะ นะ?
ฟินพูดอย่างตื่นเต้น เธอรอคอยเวลานี้มานานแล้ว

?ฮึ 55? ซิกซ์หัวเราะ
?อุตส่าห์วางแผนไปเที่ยวก่อนพวกเราอีกนะ เธอนิเยี่ยมจริงๆ?
ซิกซ์พูดพลางลูบหัวฟินไปพลาง

?ง่ะ ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ? ฟินอายหน้าแดง
เธอยังไม่ยอมรับหรอกน่ะ ว่าอายุ 16 จะเป็นเด็ก

หลังจากที่พวกเค้าดูหนังเสร็จฟินก็หยิบอะไรบางอย่างออกมา มันก็คือ ใบโควฟเวอร์สี่แฉก ที่ถูกเคลือบอยู่ในป้ายพลาสติกใสทำเป็นที่ร้อยมือถือ 3 อัน เธอรู้ดีว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอซิกซ์อีกแล้ว เพราะหลังเรียนจบมัธยมปลายที่แกรนด์ฟอร์ดไฮสคูลแล้ว ซิกซ์จะย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิด เธออยากให้เขาเก็บมันไว้เพื่อระลึกถึงความเป็นเพื่อนกันของพวกเค้า(หรืออาจจะมากกว่านั้นในความรู้สึกของฟิน)

ใช่แล้วทุกคนอาจจะยังสงสัยว่าทำไมพวกเขาสามคนถึงเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่สามทั้งๆที่ยังอายุ 16 อยู่เลย นั้นก็เพราะว่าพวกเขาทั้งสามคนเป็นเด็กที่สอบเทียบไล่ระดับชั้นขึ้นมา และเรนเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเขาเองก็เรียนจบในปีเดียวกันกับทั้งสามคนนั้น
ที่จริงแล้วเรนก็ใช้เวลาช่วงปิดเทอมออกเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ และเป็นสมาชิกอย่างไม่เป็นทางการของหน่วยลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐตั้งแต่อยู่มัธยมปลายปีสองเทอมสอง และได้รับการยอมรับเป็นสมาชิกเต็วตัวเมื่อเขาเรียนจบ

หลังจากที่ซิกซ์รับเอาของขวัญจากฟินแล้ว ห้วงเวลาก็บิดเบือนขึ้นอีก มันนำพาเรนไปยังช่วงวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์พอดี คราวนี้กลายเป็นว่าเขาต้องตามติดเฟรย์(เย้) และดูเหมือนว่าซิกซ์จะลากลับไปยังบ้านเกิดแล้ว

วันนี้เฟรย์ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนส์เข้ารูปเหมือนปกติที่เฟรย์ชอบใส่อยู่ในร้าน Just 4 U ดูท่าเธอจะมีธุระบางอย่างอยู่ เรนเดินตามเฟรย์อย่างไม่ลดละ ที่ที่เธอเดินมานี้เริ่มเป็นสวนผัก และไร่ชาเล็กๆผิดกับบรรยากาศในตัวเมืองแกรนด์ฟอร์ด(ก็นี้อยู่แถบชานเมืองนิ) คราวนี้เมื่อเรนแหงนมองไปข้างหน้าก็พบว่ามีบ้านเล็กๆทำด้วยไม้ หลังคากระเบื้องอยู่ตรงสุดไร่ชา เธอเดินเข้าไปยังหน้าประตูบ้านแล้วสั่นระฆังที่แขวนอยู่ตรงหน้าประตูเป็นสัญญาณบอกเจ้าของบ้านว่ามีแขกมาเยือน

?แกร่ง แกร่ง?

?อุ้ย มาแล้วหรือเจ้าคะ รอแป๊บนะเจ้าคะ?
เสียงแหลมใสของผู้เป็นเจ้าของบ้านดังขึ้น

?วะ ว้าย?

โครม!

ในที่สุดเจ้าของบ้านที่แสนจะซุ่มซ่ามคนนี้ก็มาเปิดประตูบ้านต้อนรับแขกจนได้

?แหะๆ ขอโทษที่ให้รอนะ เจ้าคะ?
เจ้าบ้านสาว(หรือเปล่า)เปิดประตูบ้านต้อนรับเฟรย์โดยสภาพเงอะๆงะๆ

?ท่านแม่เฒ่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? เฟรย์ถามอย่างเป็นห่วง

คราวนี้เรนเจอคนประหลาดๆอีกคนซะแล้ว ทำไมน่ะรึ? ก็เจ้าบ้านคนนี้สวมผ้าคลุมสีม่วงเข้มปกคลุมทั้งตัว คลุมแม้กระทั่งใบหน้าครึ่งหนึ่ง แล้วใครบอกว่าจะได้เห็นหน้าคุณเธอ คิดผิดซะล่ะ แม่เฒ่าผู้นี้รสนิยมเดียวกับหัวหน้าโฮอึนเลย ใส่หน้ากากสีขาวพิลึกเหมือนกัน(หรือว่าผู้สูงอายุสมัยนี้จะนิยมกัน)?!!

แต่มีสิ่งที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทำไมเสียงของท่านแม่เฒ่ายังฟังดูสาวๆอยู่เลย หรือว่าแค่แกล้งบอกว่าเป็นแม่เฒ่างั้นหรือ? ในความเป็นจริงแล้วเจ้าบ้านผู้นี้เป็นแม่เฒ่าของเผ่าแห่งแสงสว่างจริงๆ เธอมีชีวิตอาศัยตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แกรนด์ฟอร์ดมาร่วมร้อยกว่าปีแล้ว โดยที่ไม่มีใครรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของเธอเลย แม้แต่หัวหน้าเผ่ารุ่นก่อนหรือหัวหน้าเผ่ารุ่นปัจจุบันอย่างพ่อของฟินและเฟรย์ก็ตามที!!! แต่อย่างน้อยก็ได้รู้จักชื่อของแม่เฒ่าผู้นี้ก็ยังดี ชื่อของเธอคือ โชว คูลลิน(Sow Coollin) แต่ก็ยังไม่มีใครเรียกชื่อเธอคนนี้จริงๆอีกนั้นแหละ ใครๆก็เรียกแต่ว่าท่านแม่เฒ่ากันก็เท่านั้น

เฟรย์เองก็เรียกคูลลินว่าท่านแม่เฒ่าเช่นกัน ปกติจะไม่ค่อยมีใครคบค้าสมาคมกับคูลลินซักเท่าไร ก็ด้วยความแปลกพิลึกกึกกือของเธออีกนั้นแหละ มีเพียงแค่เฟรย์ที่ชอบแวะมาที่บ้านของคูลลินบ่อยๆ เธอคิดว่าคูลลินเป็นผู้ใหญ่ที่ดี สามารถคบหากันได้อย่างสบายใจ

เมื่อเฟรย์เดินตามคูลลินเข้าไปในบ้านเรนก็ตามเข้ามาด้วย เขารู้สึกแปลกใจหน่อยๆที่ดูเหมือนกับว่าคูลลินรอให้เขาเดินเข้าประตูไปก่อนแล้วจึงปิดประตูตามหลังของเค้า(แต่คงคิดไปเองแหละมั้ง) ในไม่ช้าคูลลินก็จัดแจงเอาน้ำชามาเสิร์ฟพร้อมกับคุกกี้ช็อคโกแลตชิปทันที กลิ่นใบชาหอมตลบอบอวนไปทั้งห้อง ใบชาที่ได้ก็มาจากไร่ชาที่เห็นก่อนจะถึงกระท่อมนั้นเอง คูลลินนั้นเป็นคนปลูกเอง เก็บเองกับมือ เป็นการใช้เวลายามว่างที่เธอชอบมากที่สุด รองลงมาจากเวลาดื่มชายามบ่าย

ภายในกระท่อมที่คูลลินอยู่แบ่งเป็นสามห้องเล็กๆ โดยห้องที่เธอพาเฟรย์เข้ามานั่งนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นทั้งห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก และห้องครัวภายในตัว จึงดูมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาทั้งสามห้อง ถัดเข้าไปจึงเป็นห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ

และภายในห้องรับแขกอเนกประสงค์ที่พวกเขาอยู่นั้นก็ถูกตกแต่งด้วยหน้ากากไม้โบราณติดผนังก็ดี หุ่นตุ๊กตาฟางแปลกๆ หรือแม้กระทั่งลูกแก้วกลมๆลูกใหญ่ๆที่ใช้ในการทำนายดวงของหมอดูยิปซีที่ตั้งไว้บนโต๊ะกลมเล็กๆ ที่กลางห้องจะเป็นโต๊ะกลมใช้สำหรับทานข้าวซึ่งมีเก้าอี้เพียงสองตัวเท่านั้น นั้นก็หมายความว่าที่นี่ไม่ค่อยมีแขกมาเยือนจริงๆ ถัดไปตรงมุมหลังห้องจะเป็นเตาแก๊สอันเล็กที่วางติดอยู่กับพื้น บนผนังจะมีหม้อ กระทะ ตะหลิว และทัพพีแขวนอยู่ ถัดมาอีกหน่อยจึงจะเป็นตู้ใส่กับข้าว บริเวณตรงนั้นแหละที่เรนเรียกมันว่าห้องครัว

คูลลินเริ่มพูดคุยกับเฟรย์ทันที
?ทานเยอะๆนะเจ้าคะ ท่านเฟรย์
ยังมีคุกกี้ช็อคโกแลตชิปอีกเยอะเลย?
เรนคิดว่าหาข้อประหลาดที่คูลลินและโฮอึนมีร่วมกันอีกข้อนึงได้แล้ว นั้นก็คือการติดพูดคำที่คนธรรมดาเค้าไม่พูดกัน ซึ่งโฮอึนจะเรียกตัวเองว่า กระผม ส่วนคูลลินจะพูดด้วยคำลงท้ายว่า เจ้าคะ

?เอ่อ มากขนาดนั้นคงไม่ไหวหรอกคะ ท่านแม่เฒ่า?
เฟรย์รู้สึกเกรงใจ

?ก็ข้ารู้ว่าท่านเฟรย์จะมาวันนี้ ข้าก็เลยดีใจเผลอทำซะเยอะนิเจ้าคะ?
คูลลินพูดมาจากใจจริง เธอคิดว่าเฟรย์เป็นเพื่อนที่ดีโดยที่ไม่สนถึงความต่างของอายุเลยแม้แต่น้อย

?ท่านแม่เฒ่าแอบดูอนาคตอีกแล้วสินะคะ?

?เอ๋ข้าไม่ได้แอบดูนะเจ้าคะแต่มันเห็นได้เองก็เท่านั้น?
คูลลินแก้ตัว

?เดี๋ยวสิ ท่านแม่เฒ่าคนนี้เห็นอนาคตงั้นรึ??
เรนตกใจกับบทสนธนาของทั้งคู่ เขาหันหน้าไปมองคูลลิน และคูลลินก็ทำท่าเหมือนผงักหน้าตอบมาทางเขา ! (บังเอิญมั้ง)

?พอดีเลยนะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากจะพูดถึงความสามารถพิเศษอันนี้อยู่พอดี?
คูลลินเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ทันความคิดของเรน
(สงสัยเรนจะคิดไปเองอีกแล้วมั้ง)

?ท่านเฟรย์ ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่ดีเลยนะเจ้าคะ?

?เอ๋ เรื่องอะไรหรือคะ ท่านแม่เฒ่า?
เฟรย์ตกใจในสิ่งที่คูลลินเริ่มจะกล่าวถึง

?ข้าเห็นเจ้าคะ ข้าเห็นถึงภยันอันตรายอันใหญ่หลวงที่จะเกิดโดยใกล้ ภาพที่ข้าเห็นคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงดาวทอประกายระยิบระยับบนผืนฟ้านั้น และเสียงหวีดร้องของความกลัว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ท่านเฟรย์แม้แต่ท่านเอง ข้าก็เห็นเพียงเงาหัวที่เลืองลางเท่านั้น? คูลลินกล่าวด้วยความกลัวต่อภาพที่เธอเห็น นั้นทำให้เฟรย์กังวลใจอย่างมากก็ในเมื่อคูลลินไม่เคยทำนายพลาดเลยซักครั้ง เฟรย์ตัดสินใจที่จะไปปรึกษาพ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าเผ่าทันที

เรนที่ยืนฟังอยู่ด้วยถึงกับเหงื่อตก ทั้งเรื่องความสามารถที่น่าทึ้ง และเรื่องราวที่ได้รับฟังจากคูลลิน คูลลินหันมาผงกหัวเล็กน้อยทางด้านที่เรนยืนอยู่ คราวนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่ความบังเอิญเธอรู้จริงๆว่าเรนก็อยู่ที่นั้นด้วย และไม่ทันที่เรนจะเอ่ยปากถามอะไรคูลลิน ห้วงเวลาก็บิดเบือนขึ้น คราวนี้มันพาเขาไปอยู่ในคืนที่ 16 ซึ่งเป็นคืนเดือนมืดพอดี

เป็นช่วงเวลาเที่ยงคืนได้ที่คนเมืองแกรนด์ฟอร์ดเข้านอนกันหมดแล้ว เมื่อเรนแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าก็พบว่า ท้องฟ้านั้นมืดสลัวมีเพียงแสงดาวระยิบระยับที่ทอประกายแสงเพียงเล็กน้อยอยู่บนผืนฟ้านั้น(ซักคุ้นๆแล้วสิ) และแล้วเรนก็เห็นแสงสว่างวูบใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า จะว่าดาวตกก็ไม่ใช่ เหมือนเป็นดาวหางมากกว่า แต่นั้นก็ไม่ใช่ดาวหางอีก แต่กลับเป็นแสงที่ใช้วาร์ปเดินทางมาของเผ่าแห่งความมืด !!!

(อีกช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะเกิดแสงสว่างบนท้องฟ้า)ทางด้านเฟรย์ที่ยังคงตื่นอยู่นั้น ตอนนี้เธอยังคงนั่งมองท้องฟ้าอยู่บนห้องดูดาว ณ วิหารเทพศักดิ์สิทธ์ ด้วยสีหน้าที่วิตกกังวลกับคำทำนายของคูลลิน ซักพักเธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามา เมื่อเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นชายวัย 54 รูปร่างสูงใหญ่ ผมสีน้ำเงินเข้มที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี เขาเป็นคนสนิทที่สำคัญของท่านพ่อของเธอนั้นเอง

?ท่านเฟรย์ยังไม่นอนอีกหรือครับ? เสียงของชายผู้นั้นถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

?ท่านริคเคียวเองก็ยังไม่นอนเหมือนกันนิคะ ฉันน่ะ ยังอยากอยู่ต่ออีกหน่อยคะ?
เฟรย์ตอบคำถามที่ริคเคียวถามอย่างกังวลนิดๆ

?เฮ้อ สมกับเป็นท่านเฟรย์จริงๆ?
?ถึงท่านจะเป็นลูกครึ่งเผ่าแสงจันทร์มากกว่าก็เถอะ แต่เล่นไม่หลับไม่นอนอย่างนี้
ร่างกายจะไม่ไหวเอาได้นะครับ?
ริคเคียวเตือนอย่างเป็นห่วง เขารู้ดีถึงขีดจำกัดของคนเผ่าแสงจันทร์
เพราะเขาเองก็เป็นคนเผ่าแสงจันทร์เหมือนกัน

?เพราะเป็นลูกครึ่งเผ่าแสงจันทร์นี่แหละที่ทำให้ฉันสามารถอยู่ดึกได้ดี ตอนนี้ฉันออกจะกังวลหน่อยๆ ถ้าหากว่าเผ่าแห่งแสงสว่างของเราจะต้องรับมือกับศึกในช่วงเวลากลางคืนอย่างนี้ ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะพอมีแผนสำรองไว้ก็เถอะ? เฟรย์เองก็รู้ถึงขีดจำกัดของตนเองดี แต่เธอก็ยังจะดึงดันที่จะอยู่ต่อ

?ไม่ต้องห่วงหรอกครับท่านเฟรย์ เรามีโล่จตุรทิศแสงแห่งเทพอยู่ หากว่ามีศัตรูบุกรุกเข้ามาจริงๆแล้ว ก็คงจะโดนเวทย์ฝนดาวตกโจมตีเข้าเอง ถึงเวลานั้นพวกศัตรูคงไม่เหลือซากให้เราเห็น?
ริคเคียวพูดให้เฟรย์คลายความกังวล แต่เขาเองก็รูสึกโล่งใจยังงั้นจริงๆ

?ท่านริคเคียวก็รู้ดีไม่ใช่หรือคะ ว่าไม่ว่าจะเป็นโล่จตุรทิศแสงแห่งเทพ หรือแม้กระทั่งนักรบของเรา พลังจะอ่อนแอลงในเวลาอาทิตย์ตกดินไปแล้ว โดยเฉพาะคืนเดือนมืดอย่างเช่นวันนี้ไม่ใช่หรือคะ? เฟรย์ค้านในความคิดของริคเคียว

?เรื่องนั้นข้าก็ทราบดีแต่ทว่าคนนอกไม่มีใครทราบเรื่องนี้นิครับ ทั้งความอ่อนแอของเราในคืนเดือนมืด ทั้งที่ตั้งของวงแหวนเวทย์โล่จตุรทิศแสงแห่งเทพ ถ้าไม่รู้ถึงที่ตั้งที่แท้จริงแล้ว ก็ไม่อาจทำลายโล่จตุรทิศแสงแห่งเทพได้หรอก ถึงแม้ในหมู่พวกเราเผ่าแห่งแสงสว่างก็เถอะ คนที่รู้ก็มีเพียงข้า ท่านหัวหน้าเผ่า สภาท่านอาวุโสของเผ่าเรา และก็ท่านฟินและท่านเฟรย์ไม่ใช่หรือครับ?

?อืม? ไม่ทันสิ้นเสียงเฟรย์ ทั้งเธอและริคเคียวก็ได้เห็นแสงสว่างวูบใหญ่คล้ายแสงของดาวหางผ่านไป แต่พวกเขาก็รู้ดีว่านั้นไม่ใช่ดาวหางธรรมดาแน่นอน

?ท่านริคเคียว บริเวณนั้นมัน? ริคเคียวพยักหน้ากับเฟรย์อย่างรู้กัน ทั้งเขาและเฟรย์ต่างก็มุ่งหน้าไปทางบ่อน้ำพุใหญ่ทางด้านตะวันออกของเมืองแกรนด์ฟอร์ด เรนซึ่งเห็นเฟรย์และริคเคียวก็ตัดสินใจวิ่งตามไปด้วย เขาชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิ ทั้งๆที่เขาก็รู้ดีว่าเหตุการณ์ต่อไป มันน่าจะเกิดอะไรขึ้น

แสงสว่างวูบใหญ่ที่ว่านั้นมาตกยังบริเวณหน้าบ่อน้ำพุใหญ่ รวมกลุ่มกันเป็นก้อนแสงสว่างขนาดใหญ่ ขณะที่โล่จตุรทิศแสงแห่งเทพกำลังจะยิงเวทย์ฝนดาวตกใส่ผู้บุกรุกนั้น ก็ปรากฏลูกไฟดวงใหญ่จากกลุ่มแสงสว่างนั้นยิงใส่บ่อน้ำพุใหญ่ที่ตั้งแห่งโล่จตุรทิศแสงแห่งเทพซะก่อน ลูกไฟดวงใหญ่นั้นเป็นพลังเวทย์ของหญิงสาวคนที่อยู่ในแสงสว่างเมื่อกี้คนหนึ่ง หญิงสาวผมยาวสีม่วงมัดเป็นทรงหางม้าไว้ ตาของเธอเป็นสีฟ้าส่องประกายสวย สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความหยิ่งทระนงในชัยชนะต่อโล่จตุรทิศแสงแห่งเทพ ที่บัดนี้ถูกทำลายไม่เหลือสิ้น เธอผู้นี้ก็คือ อเลน เอลีส(Alen Aleas) สาวน้อยที่ดูท่าทางว่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฟินและเฟรย์ หญิงสาวผู้ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการนำทัพของเผ่าแห่งความมืดในครั้งนี้ ความสามารถของเธอจัดอยู่ในระดับแนวหน้าแม้ในเหล่าชนชั้นสูงของเผ่าแห่งความมืดก็ตาม และสิ่งที่เธอทำไปเมื่อตะกี้นั้นก็คือ การยิงเวทย์ลูกไฟยักษ์ที่ไม่ต้องร่ายเวทย์ น้อยคนนักที่จะทำได้ในวัยเพียงเท่านี้

?ฮึ นี่รึโล่จตุรทิศแสงแห่งเทพ ไม่เห็นจะเท่ารั้ยเลย? อเลนยิ้มเยาะอย่างดูถูก

?อย่าได้ประมาท อเลน เธอจงปฏิบัติตามคำสั่งตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด?
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กล่าวออกมาจากกลุ่มของแสงสว่างนั้นดังขึ้น ไม่นานกับที่เขาได้เดินออกมาปรากฏอยู่ข้างๆอเลน ชายผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการในการนำทัพครั้งนี้อย่างแท้จริง

?รับทราบคะ ท่านซิกซ์ ข้าจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
จัดการคนของเผ่าแห่งแสงสว่างและตามหาสิ่งที่ท่านผู้นั้น จ้าวแห่งความมืดต้องการ ถ้าไม่จำเป็นอย่าพึ่งจัดการลูกสาวและหัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่าง?
อเลนน้อมรับคำของผู้บัญชาการหนุ่มทันที
ท่าทางเธอผิดไปจากความหยิ่งทระนงที่มีอยู่เมื่อตะกี้อย่างสิ้นเชิง

ชายหนุ่มผู้นั้นให้สัญญาณแก่ก้อนแสงสว่างนั้นให้ออกปฏิบัติการได้ และแล้วแสงสว่างนั้นก็คลายตัวลงกลายเป็นกองทัพสัตว์อสูร ปีศาจ และเหล่านักรบชั้นแนวหน้าของเผ่าแห่งความมืดอย่างมากมายเป็นจำนวนหลายร้อย พวกมันออกปฏิบัติหน้าที่อย่างกระหายต่อสงครามทันที ชายหนุ่มได้แต่ยืนดู เขาตัดสินใจว่าจะไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จโดยเพียงลำพัง อเลนได้แต่ขอตัวไปบ้าง เธอนึกอยากจะอาละวาดให้หน่ำใจเลยทีเดียว

ชายหนุ่มที่ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทัพครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือซิกซ์ ! ใช่แล้วซิกซ์ แบล็คเชน ผู้ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อใส่แว่น นักเรียนทุนดีเด่นแห่งแกรนด์ฟอร์ดไฮสคูล และยังเป็นถึงเพื่อนสนิทของฟินและเฟรย์นั่นเอง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ใส่แว่นอีกต่อไปเป็นแค่เพียงผู้นำทัพเผ่าแห่งความมืดที่มีแววตาที่เยือกเย็น เย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์เหมือนนักฆ่าในชุดเสื้อโค้ทสีดำทั้งตัวก็ไม่ปาน เขามาเรียนต่อที่แกรนด์ฟอร์ดก็เพื่อที่จะเป็นสายลับก็เท่านั้นเอง ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะไปยังบ้านของหัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่างพ่อของฟินและเฟรย์เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เค้าต้องการ

ในระหว่างทางที่เฟรย์ ริคเคียวและเรนวิ่งไปนั้นก็เริ่มประจันเข้ากับกองทัพปีศาจบางส่วนเข้าแล้ว

?ด้วยนามแห่งข้า นายของเจ้า จงปรากฎกาย ดาบเงาจันทรา?
เฟรย์คลายสะกดดาบทันที เรนก็ยังมองไม่เห็นตัวดาบที่แท้จริงอยู่ดี เพราะดาบเงาจันทราสามารถล่องหนได้ในที่มืด และในเวลากลางคืน

?ด้วยนามแห่งข้า นายของเจ้า จงปรากฎกาย Crimson Sword?
และนั้นก็เป็นเสียงคลายสะกดดาบสีแดงเลือดของริคเคียว

ซึ่งเผ่าแสงจันทร์มีความสามารถในการสะกดดาบไว้ที่ร่างกายตัวเองอยู่แล้ว จึงสามารถพกพาอาวุธไปยังที่ต่างๆได้สบายกว่าเผ่าอื่นๆ และบัดนี้ทั้งริคเคียวและเฟรย์ก็พร้อมสู้ศึกครั้งนี้อย่างเต็มที่

?ท่านริคเคียวช่วยไปส่งสัญญาณพิเศษให้เหล่าพันธมิตรของเรามาช่วยด่วน แล้วเรียกนักรบของเราทันที ถ้าเห็นตรึงมือก็ให้ช่วยอพยพชาวบ้านไปที่วิหารเทพศักด์สิทธิ์ ที่นั้นสามารถวาร์ปไปยอดเขาด้านตะวันออกได้ ไม่ต้องห่วงท่านพ่อเตรียมการกางพลังเวทย์คุ้มกันยอดเขาด้านตะวันออกไว้แล้ว? เฟรย์สั่งการไปพร้อมกับฟันเหล่าปีศาจที่วิ่งเข้ามาจัดการเธอไปด้วย

?รับทราบครับ ท่านเฟรย์ กรุณาดูแลตัวเองด้วย
ถ้าหากว่าไม่จำเป็นท่านเฟรย์อย่าพึ่งคลายมนต์สะกดตนเองนะครับ?
ริคเคียวเตรียมทำตามคำสั่งเฟรย์ เขายังเป็นห่วงที่จะปล่อยเฟรย์ไว้คนเดียว

?ไม่ต้องห่วงคะ คราวนี้ฉันจะไม่ฝืนตัวเองแน่นอน ท่านริคเคียวเองก็เช่นกันนะคะ?
เฟรย์ให้สัญญาแก่ริคเคียว

ภาพที่เรนเห็นในตอนนี้ช่างเหมือนกับบรรยากาศที่ Rock Village จริงๆ พวกชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ตอนนี้เหล่านักรบเผ่าแห่งแสงสว่างเริ่มเข้าสู้กับเหล่านักรบเผ่าแห่งความมืดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทั้งความพร้อมและพละกำลังที่เผ่าแห่งแสงสว่างมีอยู่นั้นจะสู้เผ่าแห่งความมืดไม่ได้ เรนรู้สึกเสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะนี่เป็นแค่เพียงภาพแห่งอดีตที่เขาย้อนเข้ามาดูเท่านั้น เรนได้แต่กำมือแน่นด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด เขาไม่อยากจะทนดูสงครามครั้งนี้ เขาหวังว่าภาพเหตุการณ์นี้จะจบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เฟรย์เองที่ตอนนี้กำลังวิ่งเข้าไปใกล้บริเวณบ่อน้ำพุใหญ่ทางฝั่งตะวันออกนั้น ก็เกือบจะถูกยิงธนูใส่จากทางด้านหลัง พอดีกับที่นักรบหนุ่มเผ่าแห่งแสงสว่างยิงธนูเวทย์แห่งแสงช่วยเธอไว้ทันท่วงที ธนูนั้นเสียบเข้าตรงกลางหัวใจของศัตรูพอดี

?ท่านเฟรย์ไม่ระวังหลังอีกแล้วนะครับ? เสียงของนักรบหนุ่มพูดทักเฟรย์

?ไค!? เฟรย์ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นี้ชื่อ ไค ทาคาซึยะ(Kai Takasuya) เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านริคเคียว แต่เขาเป็นลูกครึ่งเผ่าแห่งแสงสว่างที่ได้รับมาจากแม่ด้วย เขาสูง 184 ซ.ม. หนัก 77 ผมสีน้ำเงินเข้มเหมือนพ่อ แต่ทว่าตาของเค้าบอดมาตั้งแต่กำเนิด สิ่งที่น่าประหลาดก็คือเขาสามารถลืมตาเพื่อมองเห็นได้ในที่มืดเหมือนคนเผ่าแสงจันทร์

?ท่านเฟรย์ น่าจะรีบไปนะครับ ดูท่า ถ้าไม่ใช่พวกที่เป็นลูกครึ่งอย่างพวกเราแล้วจะต้านทานพลังเจ้าพวกนั้นไม่อยู่กัน? ไคพูดอย่างที่เขาคิด แต่มันก็กำลังจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

?คลายสะกดดีมั้ย ตอนนี้อาจจะทัน? เฟรย์คิดที่จะทำในสิ่งที่ริคเคียวเตือนไว้

?ท่านเฟรย์ หากเราคลายสะกดตอนนี้ จะคุมตัวเองไม่อยู่นะครับ ท่านก็รู้ว่าในสภาพนั้นเราจะสนุกกับการต่อสู้จนไม่สนใจในสิ่งรอบข้าง อาจจะติดกับดักของศัตรูเข้าโดยง่ายก็ได้? ไคเตือนให้เฟรย์ได้คิด เขารู้ดีว่าเฟรย์ร้อนใจเป็นอย่างมาก

ตู้ม เสียงระเบิดดังสนั่น !!!

คราวนี้ทั้งไคและเฟรย์มองหน้ากันอย่างตกใจ เสียงระเบิดที่ดังขึ้นนั้นมาจากบริเวณบ้านของหัวหน้าเผ่าแห่งสว่าง บ้านของเฟรย์นั้นเอง เฟรย์วิ่งตรงไปยังบ้านของเธอทันที โดยมีไคตามติดไปด้วย แต่ทว่าระหว่างทางเฟรย์ได้บอกให้ไคช่วยโซเฟียที่กำลังจะโดนปีศาจทำร้าย แล้วเธอก็วิ่งออกไปต่อ

โซเฟียที่ถูกไคช่วยไว้ได้ขอร้องให้ไคไปช่วยน้องสาวของเธอที่พลัดหลงกัน ไคจึงได้แต่ขอให้โซเฟียไปยังวิหารเทพศักดิ์สิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเขาจะช่วยน้องสาวของเธอให้เอง

ทางด้านเฟรย์ที่วิ่งออกมาก่อน ตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าหมายเหยื่อที่แสนสนุกของอเลน อเลนตั้งใจจะเก็บแต้มคนที่เก่งๆทันทีที่เธอเจอโดยไม่สนว่าเฟรย์จะเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าหรือไม่ เธอแค่คิดว่าจะอ้างด้วยเหตุจำเป็นจึงฆ่าทิ้งก็เท่านั้น อเลนไม่พูดพล้ำทำเพลงเธอเล็งลำแสงเวทย์ไปที่ด้านหลังของเฟรย์ทันที แต่เฟรย์เองก็รู้ได้ถึงจิตสังหารของอเลนจึงคิดที่จะหลบแล้วจัดการเธอในทีเดียว ด้วยความบังเอิญกับที่อเลนยิงเวทย์ไปทางด้านหลังของเฟรย์แล้วก็ให้ปรากฎว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเฟรย์

?พี่เฟรย์? เด็กหญิงวิ่งเข้าไปหาเฟรย์ด้วยความดีใจ
โดยที่ไม่รู้ว่าเธอกำลังวิ่งเข้าไปโดนพลังเวทย์อันชั่วร้ายของอเลน
ซึ่งเธอเป็นน้องสาวของโซเฟียนี่เอง

ตายละ ไม่ทันแล้ว อเลน ตื่นตระหนก
เมื่อกลายเป็นว่าการโจมตีของเธอจะไม่โดนเป้าหมายที่เธอตั้งไว้

เฟรย์ที่เห็นดังนั้นจึงเอาตัวเข้าบัง แอมิเรีย น้องสาวของโซเฟีย เธอรับพลังเวทย์นั้นเข้าไปเต็มๆ!

?ไม่เป็นไรนะ แอมิเรีย? เฟรย์ฝืนยิ้ม เธอรู้สึกเจ็บที่หลัง

?คะ?? แอมิเรียยังงงอยู่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเฟรย์เอาตัวมาบังแทนเธอ

เฟรย์ยังพูดให้แอมิเรียหนีไปก่อน เพราะเธอไม่อยากให้แอมิเรียโดนลูกหลงไปด้วย โดยเฟรย์บอกให้เธอวิ่งไปทางที่ไคอยู่ แล้วให้แอมิเรียบอกไคว่าให้พาเธอหนีไปโดยไม่ต้องวกกลับมาหาเฟรย์อีก เมื่อแอมิเรียรับทราบข้อความที่เฟรย์บอกแล้วก็วิ่งจากไปพร้อมกับให้เฟรย์รักษาตัวเองให้ดี

คราวนี้เฟรย์หันมาเผชิญหน้ากับอเลน เธอพยายามข่มความเจ็บปวดจากแผลที่กลางหลัง เฟรย์ตั้งท่าที่จะสู้ทันที อเลนที่ทำท่าหยิ่งทระนงตนมาตั้งแต่ทีแรก บัดนี้หน้าซีดลงเพราะการกระทำของเฟรย์เมื่อกี้ทำให้เธอนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดของตนเอง อเลนไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเด็ก เธอจึงเริ่มรู้สึกผิดที่ถูกเฟรย์จ้องมองด้วยความโกรธ

?ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้? เฟรย์กัดฟันพูด เวลานี้เธอโกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว

?อย่าเข้าใจผิด ข้า ไม่ได้อยากจัดการเด็กนั้น? อเลนเอ่ยปากแก้ตัว

?ข้าไม่ได้หมายความถึงว่าเจ้าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ข้าหมายถึงเจ้าน่าจะรู้ดีว่ามีเด็กอยู่แถวนี้ เจ้ามันแค่นึกสนุกอยากฆ่าคนจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถ้าหากเจ้าบอกว่าไม่อยากฆ่าเด็ก คนที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งอย่างเจ้าก็น่าจะรู้ อย่าได้อ้างไปหน่อยเลย? เฟรย์ตวาดใส่อเลน เธอไม่เชื่อในคำแก้ตัวของอเลนเลยแม้แต่น้อย

?อึก? คำพูดของเฟรย์ทำให้อเลนชะงัดไป เธอหมดอารมณ์ที่จะสู้กับเฟรย์แล้ว อีกนัยหนึ่งเธอรู้ดีว่าแผลที่หลังของเฟรย์ชี้ผลแพ้ชนะกันพอสมควร อเลนจึงเป็นฝ่ายจากไป ก่อนจะไปเธอได้พูดสั่งลาเฟรย์ ?ยังไงซะเจ้าก็จำชื่อคนที่สังหารเจ้าไว้หน่อยแล้วกัน ข้าอเลน เอลีส?

เฟรย์ที่เจ็บแผลมากขึ้นกว่าเดิมถึงกับทรุดลงทันที เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงกลับไปหาพ่อกับน้องได้อีก เฟรย์ค่อยๆหมดสติอยู่ตรงนั้น เรนที่ได้แต่เฝ้ามองจึงร้องเรียกเฟรย์ให้ลุกขึ้นมาแต่ไม่ได้ผลในเมื่อเขาไม่มีตัวตนอยู่ในช่วงเวลานั้นจริงๆ ไม่ทันไรเรนก็ถูกห้วงเวลาที่บิดเบือนพาเขาไปยังบ้านของฟินและเฟรย์

ทางด้านที่บ้านของหัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่างเอง อิลฟอร์ดพ่อของสองสาวฝาแฝดกำลังรับศึกอย่างตรึงมือ เขาเป็นนักรบเวทย์ชั้นยอดของเผ่าแห่งแสงสว่าง เป็นทั้งอาจารย์สอนดาบคนแรกของเฟรย์ และอาจารย์สอนเวทมนต์คนแรกของฟิน แต่ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาเกือบหกสิบบวกกับโรคประจำตัวที่เค้าเป็นอยู่ ทำให้การรบครั้งนี้เป็นเรื่องลำบากเลยทีเดียว

?พร้อมยังฟิน? อิลฟอร์ดถามลูกสาวคนเล็ก เขาให้ฟินร่ายเวทย์พิเศษอยู่

?พร้อมแล้วคะท่านพ่อ? ฟินขานรับพ่อ เธอเริ่มร่ายเวทย์ทันที โดยที่วงแหวนเวทย์ที่เธอวาดขึ้นเปล่งแสงตอบสนองกับคาถาที่เธอร่าย

?เหล่าเทพบนสรวงสวรรค์ทั้งหลาย จงตอบสนองต่อเสียงเรียกของข้า
จงลงมาชำระล้างบาปที่พวกเขาได้ก่อไว้ แสงแห่งการชำระล้าง?

เมื่อสิ้นเสียงของฟินรอบๆตัวของเธอแผ่รัศมีไปอีก 500 เมตร ก็บังเกิดแสงสว่างสีขาวที่อบอุ่นค่อยๆหลอมละลายพวกปีศาจและคนของเผ่าแห่งความมืดที่อยู่ในอาณาเขตนั้นจนหมดสิ้น ว่ากันว่าพวกที่ได้รับการชำระล้างด้วยเวทย์นี้จะตายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเปรียบดั่งได้ขึ้นสรวงสวรรค์ แต่ด้วยความแรงของเวทย์นี้ทำให้วันหนึ่งใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะกำจัดศัตรูไปในระยะ 500 เมตรแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเหลือศัตรูอยู่อีกมาก ทั้งนี้เวทย์นี้อาจไม่สามารถจัดการกับนักเวทย์ชั้นสูงที่รู้วิธีป้องกันได้

ไม่ทันที่ฟินกับพ่อจะได้พัก พวกเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันพลังเวทย์อันมหาศาลของเผ่าแห่งความมืดที่ชั่วร้าย ถ้าตอนนี้พวกเค้าเผชิญหน้ากับเจ้าของพลังเวทย์นั้นอาจจะสู้ไม่ไหวก็ได้ อิลฟอร์ดที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ดีจึงตัดสินใจปกป้องลูกสาวด้วยความรักที่มีต่อลูก และไม่ทันที่ฟินจะอ้าปากถามอะไร เธอก็โดนอิลฟอร์ดสะกดการเคลื่อนไหวของเธอไว้พร้อมกับร่ายเวทย์ต้องห้ามสายป้องกันที่รุนแรงที่สุด

?ด้วยนามแห่งข้า อิลฟอร์ด อัลวาร์ล ข้าขอปกป้องนางผู้นี้
ลูกสาวอันเป็นที่รัก ขอให้เทพแห่งการปกป้องทั้งร้อยแปด
ได้โปรดปกปัดรักษา โดยแลกกับพลังเวทย์ แลพลังชีวิตทั้งหมดที่ข้ามี?

อิลฟอร์ดร่ายมนต์พร้อมกับเอามีดที่พกติดตัวเฉือนนิ้วให้เป็นแผลเลือดออกเขียนเป็นเขตแดนรอบตัวฟิน บัดนี้เวทย์ต้องห้ามได้สมบูรณ์แบบแล้ว

?ท่านพ่อๆ ท่านทำอะไรนะ ข้ายังสู้ต่อได้ ท่านพ่อ?
ฟินพยายามดึงดันที่จะออกจากเขตแดนแต่ไม่สำเร็จหลังจากที่
อิลฟอร์ดคลายมนต์สะกดการเคลื่อนไหวไปแล้ว

?ขอโทษนะฟิน มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ พ่อสัญญากับปู่ไว้แล้ว
พวกมันคงจะมาเอาสิ่งนั้น? อิลฟอร์ดพูดสั่งลาฟินด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย
โดยที่ยังเก็บงำความลับสำคัญของของสิ่งนั้นไว้

เมื่ออิลฟอร์ดสั่งลาลูกสาวจบ เขาก็เดินออกมาให้ห่างจากเขตแดนทันที เขารู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของพลังเวทย์ที่ชั่วร้ายนั้น

?ไม่ยักกะรู้เลยว่าเธอจะมีพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่นั้น ที่ผ่านมาสะกดมันไว้ยังไงหรือ? ซิกซ์?
อิลฟอร์ดพูดทักทายชายหนุ่มผู้นำทัพเผ่าแห่งความมืดมาในครั้งนี้

!!!
ไม่จริง นั่นไม่จริงใช่มั้ย ซิกซ์
ฟินตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่ซิกซ์จะเป็นคนอย่างนั้นไปได้
ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึ?

?คนที่สะกดพลังให้กับผมเป็นหัวหน้าเผ่าของผมเองครับ ท่านอิลฟอร์ด?
ซิกซ์ตอบคำถามอิลฟอร์ดด้วยใบหน้าที่เย็นชา

?ไม่ทราบว่าฟิน ลูกสาวคนเล็กของท่านหายไปไหนหรือครับ
ผมว่าเมื่อกี้ยังจับความรู้สึกของเธอได้อยู่เลย?
ซิกซ์รุกถามอย่างรู้ทัน

?ไม่มีประโยชน์แล้วละ ซิกซ์ ฟินไปแล้ว เธอน่าจะถามถึงที่อยู่ของสิ่งที่เธอตามหามากกว่านะ?
อิลฟอร์ดตอบอย่างรู้ทันเช่นกัน

?ผมรู้ว่าท่านคงไม่ยอมบอกง่ายๆ แต่ผมคงต้องบังคับให้ท่านบอกให้ได้?
ซิกซ์ตั้งท่าสู้ทันที

ไม่มีประโยชน์จริงๆที่จะตามหาฟิน ใครก็ตามที่ถูกปกป้องด้วยเวทย์ต้องห้ามนี้แล้ว จะไม่มีทางเป็นอันตรายเด็ดขาดจนกว่าภัยที่คุกคามอยู่นั้นจะหายไป เวทย์นี้จะทำให้ไม่มีใครมองเห็นคนที่อยู่ในเขตแดน ไม่แม้กระทั่งความรู้สึกทางเวทย์ และประสาทสัมผัสทั้ง 5 คนที่อยู่ในเขตแดนก็ไม่อาจขยับตัวออกไปจากเขตแดนนี้ได้จนกว่าจะปลอดภัยจริงๆ

?ด้วยนามแห่งข้า นายของเจ้า จงปรากฎกาย ดาบคุซานางิ?
ซิกซ์ปลดปล่อยการสะกดดาบ ดาบเล่มยาวพิเศษที่เขาสะกดมันไว้กลางหลัง

!
?นิเธอเป็นลูกครึ่งเผ่าแสงจันทร์ด้วยรึ? อิลฟอร์ดอุทานออกมา

ตอนนี้ทั้งฟิน อิลฟอร์ด และเรนต่างก็ไม่นึกถึงจริงๆ

?ครับแค่ 30 เปอร์เซนต์เท่านั้น?
ซิกซ์คลายข้อสงสัย ตอนนี้เขาตั้งท่าสู้แล้วจริงๆ

?หึ ข้าเองก็ควรตั้งท่าสู้ด้วยสินะ?
อิลฟอร์ดชักดาบเล่มใหญ่ ดาบประจำตัวของเค้าเพื่อตั้งท่าสู้ด้วยเช่นกัน

?เดี๋ยวก่อน ซิกซ์ ท่านพ่อ อย่าสู้กันนะ? ฟินร้องห้ามแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอ
นอกจากเรนที่ย้อนอดีตเข้ามาดูเท่านั้น

เรนรู้ดีว่ามันเป็นความเจ็บปวดในเมื่อพ่อของตนเองต้องมาสู้กันกับเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นคนที่ฟินรักมากด้วยกันทั้งสองคน เรนเข้าใจแล้วว่าทำไมฟินถึงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้

เมื่อทั้งคู่เข้าต่อสู้กัน ต่างก็ไม่มีฝ่ายไหนยอมลดละให้แก่กัน ต่างพลัดกันรุกพลัดกันรับอย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่น่าประหลาดที่ซิกซ์ไม่เรียกใช้พลังเวทย์เลยซักครั้ง ทั้งๆที่เค้าก็เป็นนักรบเวทย์ เขารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง อิลฟอร์ดก็รู้แล้วว่าซิกซ์ยังออมมืออยู่มาก

?ทำไม ท่านถึงไม่เอาจริง ขืนยังเป็นแบบนี้ท่านจะโดนผมจับตัวได้โดยง่าย?
ซิกซ์เริ่มหมดความอดทนหลังจากสู้ไปได้เกือบสิบนาที

?หรือว่าท่านจะไม่สามารถใช้ได้ พลังเวทย์ทั้งหมดที่ท่านเคยมีหายไปไหน?
?ท่านเป็นนักรบเวทย์เหมือนกันไม่ใช่หรือ?

?ฮึ ดูออกทะลุปรุโปร่งเลยนะ ถึงจะไม่มีพลังเวทย์เหลืออยู่
แต่ข้าก็ยังมีวิชาดาบอยู่นะ?
อิลฟอร์ดเงื้อดาบตั้งท่าไม้ตายก้นหีบ

?ละอองดาวร่วงโรยนภา?
แสงระยิบระยับเล็กๆกระจายไปรอบๆตัวซิกซ์ ทำเอาซิกซ์ผงะไปทันที

ตะตั้งแต่เมื่อรั้ยกัน
ซิกซ์คิดเช่นนั้น

ถึงตรงนี้เองที่อเลนจะเข้ามาดูการต่อสู้ของซิกซ์ เธอเห็นว่าซิกซ์กำลังมีอันตรายจึงสอดมือเข้ามายุ่ง ซิกซ์ที่พยายามปัดละอองแสงไปให้พ้นตัวอยู่นั้นไม่ทันได้ระวังคมดาบของอิลฟอร์ดที่พุ่งเข้ามา แต่ทว่าอเลนได้ร่ายเวทย์แบบเดียวกันกับที่ลงมือจัดการกับเฟรย์ยิงใส่ไปที่อิลฟอร์ด ผลของการโดนยิงเวทย์ใส่ไปเต็มๆทำให้อิลฟอร์ดชะงักดาบลงทันที ทั้งๆที่ถ้าดาบเล่มใหญ่ของอิลฟอร์ดแทงทะลุกลางลำตัวซิกซ์ได้ ละอองแสงที่เห็นรอบตัวซิกซ์ก็จะพุ่งเข้าใส่ตัวซิกซ์พร้อมกันไปด้วยแท้ๆ ช่วงเวลานั้นอิลฟอร์ดก็จะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ฟินที่ทนดูการต่อสู้นี้ไม่ได้ถึงกับหลบสายตาและเอามือทั้งสองข้างอุดหูเอาไว้ เธอไม่อยากเห็นและไม่อยากได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น จิตใจของเธอสับสนเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีอเลนเข้ามายุ่งกับการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย สิ้นเสียงการปะทะกัน ฟินจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูอย่างกลัวๆกล้าๆถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากรู้จุดจบของการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ตาม แต่แล้ว

!!!
ไม่จริง ไม่น๊า~
ฟินตะโกนก้องสุดเสียงด้วยความช็อก ภาพที่เธอเห็นมันช่างโหดร้ายเลยเกิน น้ำตาค่อยๆเอ่อไหลออกมาจากดวงตากลมโตสีฟ้าอมน้ำเงินเข้มสวยของเธอ ตอนนี้ฟินร้องไห้อย่างกับคนที่เสียสติ ร้องไห้ไม่หยุดน้ำตาไหลพรากดั่งสายน้ำ เธอไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว ทั้งพ่อผู้ใจดีทั้งเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจและรักมากที่สุด ซึ่งอาจจะมากกว่าคำว่าเพื่อนสนิทก็ได้ เธอสับสนไปหมดแล้ว ฟินหมดสติไปในทันที เธอหวังว่าเมื่อเธอฟื้นขึ้นมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดคงจะเป็นเพียงแค่ภาพของฝันร้ายเท่านั้น เรนซึ่งตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็งอยู่อย่างนั้น เขาได้แต่รู้สึกอนาจใจกับภาพโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น น้ำตาค่อยๆไหลพรากออกมาจากตาของเขาเช่นกัน

อิลฟอร์ดถูกซิกซ์เอาดาบแทงทะลุกลางลำตัว ตอนนี้เขายืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ สิ้นลมหายใจไปทั้งอย่างนั้น ส่วนตัวซิกซ์เองก็โดนอิลฟอร์ดแทงแป็นแผลเฉียดๆแต่ตัวเขาเองก็โดนละอองแสงรอบตัวพุ่งเข้าใส่เป็นแผลเจ็บสาหัสไปทั้งตัว ซิกซ์เองก็ช็อกไปกับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ในเมื่อเค้าไม่ตั้งใจที่จะฆ่าอิลฟอร์ด เขาแค่อยากจะจับเป็นก็เท่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้วซิกซ์เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากจ้าวแห่งความมืดที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยที่ไม่ต้องฆ่าใครหากว่าไม่ถูกสั่งมาเป็นพิเศษ และตั้งแต่เริ่มแรกที่ซิกซ์ปฏิบัติหน้าที่มานั้น เขาก็ไม่เคยฆ่าใครเลยซักครั้ง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคน

?ท่านซิกซ์ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? อเลนรีบเข้าไปหาซิกซ์
ในใจจริงแล้วเธอรู้สึกเป็นห่วงซิกซ์มากกว่าใคร เพราะเธอชอบซิกซ์มาตั้งแต่เด็กแล้ว

?เธอมายุ่งด้วยทำไม? ซิกซ์ถามอเลนด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว เขาไม่สนที่จะตอบคำถามของ อเลนเลยแม้แต่น้อย

?แต่ว่าถ้าไม่ทำอย่างนั้น ท่านซิกซ์จะ...? อเลนตอบคำถามซิกซ์ด้วยใบหน้าที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใย เธอไม่อยากให้ซิกซ์เป็นอะไรไปถึงแม้จะเป็นรอยขีดข่วนเล็กๆน้อยๆก็ตาม เธอพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกหากว่าพวกเขาเหล่านั้นจะทำร้ายซิกซ์และจ้าวแห่งความมืด

?ฮึ่ม ไม่เกี่ยวซะหน่อย บอกว่าอย่าขัดคำสั่งไม่ใช่รึ? ซิกซ์หันหน้าไปตวาดใส่ อเลน ตอนนี้เขาโกรธจนเผลอควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนทำให้เกิดเงาดำมืดประหลาดเข้ากระแทก อเลนอย่างแรง จนเธอกระเด็นไปไกล อเลนพยายามตั้งหลักลุกขึ้นมา แต่ว่าด้วยความแรงนั้นทำให้เธอได้แค่พยุงตัวนั่งเท่านั้น เธอจุกจนพูดไม่ออกและกระอักออกมาเป็นเลือด

?ถอนทัพ? ซิกซ์สั่งคำสั่งที่เด็ดขาดออกมา ตอนนี้เขาไม่หันกลับมามองหน้าอเลนอีก เขากลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จะสังเกตได้ว่าซิกซ์ยังสะกดอารมณ์ไว้ไม่ได้ เพราะเงาดำประหลาดนั้นยังวนเวียนอยู่รอบๆตัวของซิกซ์ ซึ่งเงาดำที่ว่าจะสัมพันธ์กันกับสภาพอารมณ์ของซิกซ์ด้วย

?แต่ว่า? อเลนพยายามแย้ง
ความเจ็บปวดจากอาการจุกที่ท้องของเธอค่อยๆเลือนหายบ้างแล้ว

?ข้าบอกให้ถอนทัพ ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่อีก? ซิกซ์ยืนยันคำสั่งเดิม ไม่มีอะไรที่จะรู้สึกแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่อเลนเจ้ากี้เจ้าการทำให้เค้านั้นเป็นการบั่นทอนศักดิ์ศรีที่เขาภาคภูมิใจไปจนหมดสิ้น

และไม่ช้าไม่นานที่เหล่าสัตว์อสูร ปีศาจและนักรบเผ่าแห่งความมืดที่เหลืออยู่ต่างพากันกลับไปยังเผ่าของตนตามคำสั่งของซิกซ์ในฐานะผู้บัญชาการรบด้วยวิธีแบบเดียวกันกับขามา ปฏิกิริยาที่ซิกซ์มีต่ออเลนในครั้งนี้ทำให้อเลนตระหนักดีว่าซิกซ์แคร์คนในตระกูลอัสวาร์ลมากแค่ไหน เธอจึงยิ่งแค้นคนของตระกูลอัสวาร์ลมากขึ้นเท่านั้นโดยเฉพาะฟินคนที่เธอคิดว่าเป็นคนที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายของตระกูลอัสวาร์ล

หลังจากที่ฟินฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอก็ยังพบว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นยังเป็นภาพของฝันร้ายอยู่นั้นเอง และในตอนนี้เวทย์ต้องห้ามที่พ่อของเธอสละชีวิตเพื่อช่วยเธอนั้นได้คลายสะกดออกแล้ว ฟินไม่รอช้า เธอค่อยๆรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมีนำพาตัวเธอไปยังพ่อที่เธอรักมากที่สุด เธอค่อยๆบรรจงประคองร่างที่ไร้วิญญาญของอิลฟอร์ดนอนลงบนตักของเธออย่างทะนุถนอม น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วนั้นบัดนี้กลับไหลพรากขึ้นมาอีกอย่างกลั้นไม่ได้ มือเล็กๆที่บอบบางของฟินค่อยๆสัมผัสใบหน้าของผู้เป็นพ่ออย่างสั่นเครือ เธอค่อยๆบรรจงเอามือปิดตาพ่อของเธอ ใบหน้าของอิลฟอร์ดในยามนี้ก็ยังดูสงบนิ่งและแสดงถึงความอ่อนโยน สีหน้าที่ยิ้มอย่างเป็นสุขก่อนตายภูมิใจที่ได้ปกป้องชีวิตของลูกสาวไว้ ทำให้ฟินโศกเศร้าและโทษว่าเป็นความผิดของเธอมากขึ้นไปอีก

?แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก?

เสียงเหนื่อยหอบที่ฟินได้ยินมาจากด้านหลังมันพร้อมให้ฟินจัดการกับคนผู้นั้นทันทีหากว่ามันคือศัตรูที่มาพรากความสุขไปจากเธอ แต่หาได้เป็นอย่างนั้นไม่ ในเมื่อมันเป็นเสียงหอบเหนื่อยของคนในสายเลือดเดียวกัน คนที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายของตระกูลอัสวาร์ลเหมือนกัน

?ฟิน? เสียงของเฟรย์นั่นเอง เธอเรียกน้องสาวอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพ่อของเธอได้จากเธอไปแล้วอย่างไม่วันกลับมา เธอมาช้าเกินไป

?ขอโทษเฟรย์ ฉันขอโทษ พ่อ ท่านพ่อพยายามปกป้องฉัน ฉันช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย?
ฟินกล่าวโทษตนเอง น้ำตายังคงไหลไม่หยุด

เฟรย์เข้าใจดีถึงสิ่งที่พ่อของเธอทำและความรู้สึกที่เจ็บปวด เธอค่อยๆนั่งลงและโอบกอดน้องสาวด้วยความอ่อนโยน เธอหวังเพียงว่าสิ่งที่เธอทำจะคลายความเจ็บภายในจิตใจของน้องสาวได้

?ฟิน ท่านพ่อไปดีแล้วนะ มองดูสีหน้าท่านสิ ป่านนี้ท่านต้องดีใจมากๆแน่ที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ท่านต้องปรารถนาให้ฟินสืบทอดเจตนารมณ์ของท่านต่อไปอย่างแน่นอน เธอจะเป็นหัวหน้าเผ่าแห่งแสงสว่างคนต่อไป เป็นผู้ที่สืบสายเลือดที่ถูกต้องอย่างแท้จริง? เฟรย์พูดปลอบใจน้องสาวเพื่อที่จะให้ฟินยืนหยัดขึ้นมาได้อีกครั้ง

?แค๊ก ฟินต่อไปนี้ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่กับท่านพ่อจะคอยเป็นกำลังใจให้? เฟรย์กระอักเลือด เธอพยายามพูดประโยคสุดท้ายด้วยเสียงที่สั่นเครือ แล้วสิ้นแรงไปบนแผ่นหลังของฟิน

ทั้งฟินและเรนตกใจเป็นอย่างมาก ฟินที่บัดนี้สูญเสียพ่อไปแล้ว และกำลังจะสูญเสียพี่สาวฝาแฝดของเธอเพียงคนเดียวไปอีก เธอยอมไม่ได้เด็ดขาด เธอจะไม่ยอมสูญเสียคนสำคัญในชีวิตของเธอไปอีกแล้ว ฟินที่พยุงตัวเฟรย์วางไว้กับพื้นแล้วจึงตั้งสมาธิร่ายเวทย์รักษาด้วยพลังเวทย์ทั้งหมดที่เธอเหลืออยู่อย่างไม่รอช้า

?ท่านเทพธิดาแห่งการรักษาเอ๋ย ข้าขอวิงวอน
จงปกปัดรักษาเลือดเนื้อแลกายหยาบของคนผู้นี้ด้วยเถิด เมลเอม?

สิ้นเสียงร่ายมนต์ของฟิน ก็ปรากฏแสงเรืองรองสีทอง พร้อมกับเหล่าภูติตัวเล็กมีปีก บินร่ายล้อมอยู่รอบๆตัวของเฟรย์ ละอองผงเล็กๆสีทองค่อยๆแทรกซึมไปทั่วบาดแผล ไม่ทันไรแผลนั้นก็สมานภายในผลิบตา ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น เฟรย์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้งผิดกับฟินที่ค่อยๆหลับตาลงอย่างหมดแรงเนื่องด้วยความอ่อนล้าจากการใช้พลังเวทย์เกินกำลัง พวกเธอยังคงจับมือกันแน่นด้วยสายใยแห่งความผูกพันธ์ของคนสำคัญภายในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงแค่กันและกันเท่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามพวกเธอจะไม่ยอมแยกจากกันอีก แม้แต่ความตายที่จะมาพรากพวกเธอออกจากกันก็ตาม

เรนที่กำลังจะเข้าไปหาสองสาวฝาแฝดก็ถูกดูดเข้าไปในห่วงเวลาที่บิดเบือน คราวนี้มันไม่ได้พาเรนไปยังอดีตใดๆอีกแล้ว แต่มันพาเรนกลับมาในยุคปัจจุบัน เรนลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งๆที่คราบน้ำตายังคงติดอยู่ เขาคงร้องไห้โดยไม่รู้สึกตัว โฮอึนได้เอามือที่แตะหน้าผากเรนออก เขากำลังใส่ถุงมือกลับเป็นเหมือนเดิม

?กระผม หวังว่าเรนคุงจะเข้าใจจิตใจของสองสาวเป็นอย่างดีเน้อ
อย่าให้กระผมเหนื่อยฟรีละ?
โฮอึนกล่าวทิ้งท้าย เขาเดินออกจากห้องไปก่อน ทิ้งเรนให้ยังคงคิดทบทวนอยู่อย่างนั้น

เมื่อเวลาประมาณทุ่มนึงได้ที่ฟินขอให้โฮอึนเก็บร้านแทนปล่อยให้เฟรย์และนาเดียทำอาหารเย็น ตอนนี้เธอยังคงเก็บตัวอยู่ในห้อง สีหน้าของเธอยังคงเหม่อลอย

?ก๊อก ก๊อก ก๊อก?
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เรนนั่นเอง

ฟินเดินไปเปิดประตูห้อง เธอพบว่าเรนยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด

?เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ฟินพยายามทำน้ำเสียงเหมือนปกติ

?ฟิน เรื่องเมื่อตอนบ่าย ผมขอโทษนะ ผมไม่รู้จริงๆว่าจะทำให้ฟินเจ็บปวดขนาดนี้?
เรนกล่าวคำขอโทษพร้อมกับก้มโค้งให้ต่ำที่สุดเท่าที่เค้าจะทำได้

ฟินยื่นมือเล็กๆของเธอไปกุมมือของเรนไว้
?เรนคุง เรื่องนั้นนะไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ?

ถึงตอนนี้เรนค่อยๆแหงนหน้าขึ้นไปมองฟินที่ยิ้มให้เค้าอย่างอ่อนโยน เรนกุมมือของฟินไว้แน่น เขาตัดสินใจที่จะพูดบางอย่างออกไป
?ฟิน ผมสัญญานะ ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดี ผมจะไม่หักหลังพวกคุณอีก ผมจะช่วยเหลือพวกคุณเอง ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะไม่ทอดทิ้งพวกคุณ? แววตาของเรนดูหนักแน่นและจริงจังเป็นอย่างมาก คำพูดที่พึ่งพูดไปนั้นของเรนเปรียบเสมือนคำสัญญาของลูกผู้ชายที่เขาจะรักษาไว้ด้วยชีวิตและตลอดทั้งชีวิตที่เค้ามี

?คิก ฉันเชื่อ เชื่อจ้ะว่าเรนคุงเป็นคนที่พึ่งพิงได้และจะไม่หักหลังพวกเรา หลังจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะ ทั้งฉันและพี่สาว พวกเราก็จะไม่ทอดทิ้งเรนคุงเหมือนกัน สัญญาจ้ะ? ในที่สุดฟินก็ยิ้มออก เธอเชื่อจากใจจริงว่าเรนจะเป็นเช่นนั้น เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนดั่งในอดีตอีกต่อไปแล้ว ด้วยจิตใจที่ใสบริสุทธิ์เหมือนแก้วที่ฟินมีนั่นเอง

โฮอึนที่คอยเฝ้ามองแสดงท่าทีอย่างพอใจ นาเดียเองก็ดีใจที่ฟินและเรนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ส่วนเฟรย์นั้นก็แค่เงียบๆไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ใจจริงของเธอแล้วก็คงพอใจที่เรนแก้ปัญหาได้ไม่เลว ไม่ทันไรโฮอึนก็กระโดดเข้าไปกอดเรนพร้อมเรียกให้นาเดียเอาเชือกมา ทุกคนต่างช่วยกันแกล้งเรนอย่างสนุกสนาน เรนจึงอดกินข้าวเย็นโดยปริยายในเมื่อเค้าต้องจัดการกับอมยิ้มแสนสยองของโฮอึนให้หมดซะก่อน(เฮ้อ เรนคุงช่างเปรียบเสมือนของเล่นของหน่วยลับพิเศษพิทักษ์สหพันธรัฐเสียจริงๆ)

ภาพประจำตัวสมาชิก
ic
โพสต์: 367
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 21 ต.ค. 2006 11:39 pm
ติดต่อ:

โพสต์ โดย ic »

แหะๆ ยังไงก็ฝากติชมผลงานได้ที่ http://my.dek-d.com/Sixth/story/view.php?id=289941

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ ^ ^

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”