prelude to the end (เอาlinkของภาคต่อมาลงครับ)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
freedom_destiny
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 27 ส.ค. 2006 9:00 am

prelude to the end (เอาlinkของภาคต่อมาลงครับ)

โพสต์ โดย freedom_destiny »

http://my.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=113964#






Chapter 28
Resiana beginning part (รีเซียน่า ภาคต้น)

ณ วังหลวงแห่งโลกปีศาจเมื่อหลายพันปีก่อน ที่นั่นยังคงมีหญิงสาวผมดำสลวยยาวไปถึงสะโพก ตาสีเขียวใส ผิวขาวเนียนหน้าตาสละสวยที่ถึงขนาดกล่าวได้ว่าถ้าชายใดมองหญิงสาวคนนี้แล้วไม่คิดอะไรกับเธอ ชายผู้นั้นคงไร้ซึ่งความรู้สึกในการเป็นผู้ชายไปแล้ว อายุประมาณสิบแปดปี บัดนี้เธอกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงทางด้านนอกวังอย่างเหม่อลอยเพราะเธอเอาแต่นั่งเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาที่เศร้าแต่ก็แฝงไปด้วยความสุขปนอยู่ราวกับเธอถวิลหาอะไรสักอย่างที่มีความสุขแต่ในความเป็นจริงเธอไม่อาจเอื้อมถึงได้ หญิงสาวผู้นั้นมีนามว่ารีเซียน่าซึ่งตอนนี้เธอนั้นมีศักดิ์เป็นธิดาบุญธรรมของชายผู้ซึ่งเป็นผู้นำของโลกปิศาจ

?ท่านรีเซียน่า? เสียงของทหารหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอเรียกสติเธอกลับมาแบบที่ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับการเรียกที่ไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

?อะไรเหรอทานาธอส? รีเซียน่าพูดแล้วหันหน้ากลับไปมองทหารหนุ่มคนนั้นทันทีที่เธอตั้งสติได้จนทำให้ผมปลิวสยายไปตามแรงเหวี่ยงของตัว สร้างภาพบาดใจให้ทหารหนุ่มนามทานาธอสจนเขาต้องก้มหลบสายตาอย่างกลัวว่าจะหักห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วเขาไปกอดหญิงสาวที่ตรงหน้าเขา

ทหารหนุ่มที่ชื่อทานาธอสเป็นทหารองครักษืประจำตัวของรีเซียน่านำตั้งแต่หญิงสาวมาอยู่ในวังแห่งนี้ในวันแรก เขาเป็นชายหนุ่มผมสั้นรองทรงสีน้ำตาล ตาสีเขียว ผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาพอทำให้สาวหลงได้พอตัว อายุอานามคงไม่เกินยี่สิบกว่าปีตัวสูงกว่ารีเซียน่าเล็กน้อยและพกดาบสีดำไว้ข้างกายตลอด

?คือท่านลูเซียเรียกท่านรีเซียน่าไปพบที่ห้องหนังสือครับ? ทานาธอสตอบคำถามของรีเซียน่า

?ท่านลูเซียเรียกฉันไปพบ? รีเซียน่าทวนคำ

?ครับผม? ทานาธอสพูด

?ท่านลูเซียให้เรียกฉันไปทำไมนายรู้หรือเปล่า? รีเซียน่าพูดถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ทานาธอสจนทำให้ทานาธอสต้องก้มหน้าให้ต่ำลงแต่ทว่าแทนที่เขาก้มหน้าแล้วความรู้สึกจะดีขึ้นแต่ว่ามันกลับทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมเพราะกลิ่นน้ำหอมที่รีเซียน่าใส่นั้นที่หอมเย้ายวนมากนักมันดันมากระทบประสาทรับกลิ่นเขาแล้วปลุกกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มผมทองอย่างไม่ได้ตั้งใจ

?ไม่ทราบครับผมทราบแต่เพียงว่าท่านลูเซียให้มาตามท่านไปที่ห้องหนังสือก็เท่านั้นครับ? ทานาธอสตอบพร้อมสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจไว้ไม่ให้กระทำออกไป

?งั้นเหรอ? รีเซียน่าพูดอย่างครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไปว่า ?ถ้าอย่างนั้นไปบอกท่านลูเซียก็แล้วกันว่าเดี๋ยวฉันไป?

?รับทราบครับ? ทานาธอสพูดรับคำพร้อมกับเดินถอยหลังเพื่อที่จะออกจากห้องนี้ไปทันที

แต่ว่าทันใดนั้นเองรีเซียน่ากลับเรียกทานาธอสให้รอก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปว่า ?เดี๋ยวก่อนทานาธอส?

?ครับ? ทานาธอสรับคำอย่างยืนตัวตรงทันทีซึ่งทำให้รีเซียน่ามองภาพนั้นอย่างยิ้มๆ

?คราวหน้าเวลาคุยกับฉันอย่าก้มหน้าได้ไหม ถึงเธอจะไม่ชอบหน้าฉันเท่าไรก็เถอะ? รีเซียน่าพูดขึ้นด้วยอาการที่เหมือนจะน้อยใจเล็กน้อย

?ท่านรีเซียน่าเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้ไม่ชอบหน้าเธอเลยแม้แต่น้อยเลย? ทานาธอสรีบพูดแก้ตัว

?แล้วทำไมเวลาที่นายคุยกับฉันนายถึงชอบก้มหน้าตลอดล่ะ? รีเซียน่าพูดถาม

?เรื่องนั้นก็เพราะว่า...ผม... ผม...? ทานาธอสพูดอย่างตะกุกตะกักแบบอายๆ

?ผมทำไมเหรอ? หญิงสาวแสนสวยเอียงหน้าถามชายหนุ่มผมทองด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรยิ่งเพิ่มดีกรีความน่ารักของเธอให้ขึ้นไปหลายเท่าในสายตาของทานาธอสจนต้องเบนหน้าหลบไปอีกครั้ง

?เอาเป็นว่าผมไม่ได้เกลียดท่านรีเซียน่าเลยแม้แต่น้อยเลยนะครับเพราะอย่างนั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ? ทานาธอสพูดพร้อมกับวิ่งออกจากห้องไปทันที

รีเซียน่ามองภาพเหตุการณ์นั้นอย่างขำๆด้วยรอยยิ้มที่พยายามซ่อนอยู่นาน อันที่จริงรีเซียน่านั้นรู้อยู่แล้วว่าทานาธอสนั้นทำไมถึงพยายามไม่มองหน้าเธอแต่ที่เธอถามไปแบบนั้นก็เพราะว่าเธอต้องการแกล้งทานาธอสเล็กน้อยแบบประมาณว่าเธอไม่มีอะไรจะทำก็ว่าได้และการได้แกล้งทานาธอสที่เป็นทหารองครักษ์ประจำตัวของเธอเองนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไปไม่ได้แล้วสำหรับรีเซียน่า

จากนั้นประตูห้องเธอก็เปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เธอกำลังจะไปเตรียมตัวเพื่อไปพบท่านลูเซียที่เรียกตัวเธอไปพบ เมื่อรูเซียน่าหันไปที่ประตูเธอก็พบว่าหญิงสาวผมเทาอมทองยาวไปถึงหลัง ตาสีแดง ผิวขาว หน้าตาสละสวยแบบเด็กคนหนึ่งอายุประมาณสิบหกปีเดินเข้ามาในห้องของเธอก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงของเธออย่างสบายๆรสวกับห้องนี้เป็ห้องของเธอเอง

?คราวหลังหัดเคาะประตูก่อนแล้วค่อยเข้ามาบ้างได้ไหมเซลฟีเรีย? รีเซียน่าพูดขึ้นหลังจากเห็นเซลฟีเรียเดินเข้ามาในห้องและไปนั่งบนเตียงของเธอ

?ก็แหม... เรื่องแบบนั้นอย่าไปคิดมากน่าพี่รีเซียน่าเรามันคนกันเอง? เซลฟีเรียพูดย้อนกลับอย่างไม่สนใจคำพูดตอนแรกของรีเซียน่าแม้แต่น้อย

เซลฟีเรียคือน้องสาวต่างบิดามารดาของรีเซียน่า เนื่องจากพ่อแม่ของรีเซียน่านั้นหายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอยซึ่งเธอก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ซักเท่าไร เอเลยต้องอาศัยอยู่ข้างถนนของโลกปิศาจมาตลอดจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ชายที่เป็นผู้นำแห่งโลกปิศาจผู้มีนามว่าลูเซียได้เก็บเธอมาอยู่ด้วยกันกับเขาด้วยความรู้สึกที่สงสารปนเห็นใจและรวมถึงผลประโยชน์ที่ว่าตอนนี้เธอคือหนึ่งสี่เทวฑูตเหมือนลูกสาวทั้งสองของเขา พร้อมกับขัดเกลาให้รีเซียน่ากลายเป็นสาวแสนสวยทรงเสน่ห์แบบนี้ซึ่งคิดได้ว่าแม้กระทั่งลูเซียเองก็หวั่นไหวในเสน่ห์ของรีเซียน่าไม่ใช่น้อยซึ่งทำให้ตอนที่รีเซียน่าตอนที่เพิ่งเข้าวังมาใหม่ๆนั้นเป็นที่ไม่พอใจของเซลฟีเรียมากนักเพราะกลัวว่าลูเซียจะหยิบเอารีเซียน่ามาเป็นแม่ใหม่ของเธอ

แต่เมื่อเซลฟีเรียรู้ว่าลูเซียไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นกับรีเซียน่าเธอก็เริ่มสนิทกับหญิงสาวผมดำผู้เป็นเทวฑูตเหมือนเธอมากขึ้นด้วยความรู้สึกที่ว่ารีเซียน่านั้นเหมือนแม่ของเธอแต่เธออยากให้รีเซียน่าเป็นพี่สาวมากกว่าเป็นแม่ของเธอ

?ถึงจะเป็นคนเองอย่างไงมันก็ต้องเคาะบอกก่อน? รีเซียน่าพูดสวนทันที

?แต่แบบนี้หนูก็เห็นว่ามันไม่มีอะไรเสียหายนี่อีกอย่างเราก้เป็นผู้หญิงเหมือนกันถึงพี่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่หนูก็ไม่คิดว่าเป็นไรนี่? เซลฟีเรียยังคงเถียงตอบ

?แต่มันถือเป็นมารยาทที่ดีก่อนเข้าห้องคนอื่น? รีเซียน่าพูดเสียงเข้ม

?จ้าๆ คราวหลังจะเคาะประตูก่อนแล้วค่อยเข้ามาคะ? เซลฟีเรียพูดอย่างยอมแพ้เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ดวงตาของรีเซียน่าจะหรี่มองเซลฟีเรียด้วยอารมณ์ที่โมโหเล็กน้อย

?ดีมาก? รีเซียน่าพูดอย่างพึงพอใจก่อนตะหันไปหยิบเสื้อคลุมมาคลุมตัวเธอเองเพื่อที่จะเดินออกไปหาท่านลูเซีย

?ว่าแต่แม้กี้นี้พี่แกล้งทานาธอสอีกแล้วใช่ไหมเห็นเขาวิ่งออกจากห้องพี่ไปด้วยอารมณ์อายๆอย่างไงพิกลก็ไม่รู้? เซลฟีเรียพูดถามขึ้น

?เอาน่าของเล่นประจำตัวก็ต้องมีไว้เล่นสิ? รีเซียน่าพูดพร้อมกับเดินไปที่ประตูเพื่อที่จะออกจากห้องซึ่งเซลฟีเรียก็เดินตามตัวเธอไปทันที

?เรื่องนั้นช่างมันเถอะหนูไม่ยุ่งด้วยดีกว่า ว่าแต่ทานาธอสมาหาพี่ทำไมเหรอ? หญิงสาวผมเทาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยหลังจากเดินออกมาที่ระเบียงหน้าห้อง

?มาสารภาพรักพี่มั้ง? รีเซียน่าตอบอย่างกวนๆ

?พี่อย่ามาพูดเล่นน่า หนูอยากรู้จริงๆ? เซลฟีเรียพูดถาม

?ท่านลูเซียเรียกฉันไปพบ? รีเซียน่าตอบ

?เหรอคะเหมือนหนูเลยท่านพ่อก็เรียกหนูไปพบเหมือนกัน? เซลฟีเรียพูดซึ่งรีเซียน่าก็พยักหน้าอย่างบ่งบอกว่างั้นเหรอ ?ว่าแต่พ่อจะเรียกตัวพวกเราสองคนไปทำไมกันน้า?

?เรื่องนั้นพี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันคงต้องรอไปเจอท่านลูเซียก่อนถึงจะทราบได้? รีเซียน่าพูดด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมก่อนจะก้าวเดินไปตามระเบียงด้วยท่วงท่าที่ดูแล้วสง่างามไม่สนใจสิ่งใด ทำให้ทหารชายหลายคนที่เดินอยู่แถวระเบียงวังที่เธอเดินผ่านนั้นหันกลับมามองเธอเป็นแถบราวกับต้องมนตร์สะกดของเธอ

?สมกับเป็นหญิงสาวที่ผู้ชายในโลกปิศาจทุกคนหมายปองจริงๆเลยนะพี่รีเซียน่านี่? เซลฟีเรียพูดหลังจากสังเกตเหตุการณ์รอบๆได้สักพักหนึ่ง

?อย่างไงเหรอ? รีเซียน่าพูดถามอย่างสงสัย

?ก็ไม่ว่าพี่จะเดินไปทางไหนก็ต้องเป็นเป้าสายตาคนได้ตลอดเลยโดยเฉพาะผู้ชาย? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดอธิบาย

?ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะที่จริงพี่ก็ไม่ค่อยชอบซักเท่าไรหรอกชีวิตแบบนี้? รีเซียน่ากล่าวพร้อมกับเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อยก่อนหันไปพูดว่า ?รีบไปหาท่านลูเซียกันดีกว่าเดี๋ยวท่านจะรอนานเกินไปและอีกอย่างฉันก็อยากรู้ว่าเรื่องที่ท่านลูเซียจะพูดกับพวกเรานั้นมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรกัน?

?คะ? เซลฟีเรียรับคำอย่างว่าง่าย



....................................................................................................................................................................



ที่ห้องหนังสือในวังหลวงของโลกปิศาจนั้นที่นั่นเต็มไปด้วยชั้นหนือสือที่สูงชนหลังคาในวังหลายตู้และบรรจุหนังสือมากมายไว้ทุกชั้นอย่างไร้ที่ว่างและประกอบด้วยแสงที่ส่องสว่างแค่เพียงพอให้อ่านหนังสือไม่เสียสายตา ทำให้ในห้องนั้นดูมีมนตร์ขลังอย่างน่าประหลาด เมื่อทั้งสองสาวเดินเข้าไปในห้องก็พบว่าที่โต๊ะใหญ่ตรงกลางห้องนั้นได้มีชายหนุ่มผมขาวยาวไปถึงหลัง เครายาว ดวงตาสีแดงอายุประมาณสี่กว่าปีนั่งอ่านหนังสือรอพวกเธออยู่อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างอันใดมากนักโดยมีทหารสองคนยืนอยู่ข้างตัวเขาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์แต่ว่าสายตานั้นจ้องมองมาที่รีเซียน่าอย่างควบคุมไม่ได้ด้วยอารมณ์ที่ตะลึงในความสวยของหญิงสาวผมดำคนนี้

?ท่านพ่อ? เสียงของเซลฟีเรียดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น ทำให้ชายผมขาวเงยหน้ามามองสองสาวที่พึ่งเดินเข้ามาในห้อง

?มาแล้วเหรอรีเซียน่าและก็เซลฟีเรียลูกพ่อ? ชายผมขาวเอ่ยพูดขึ้นเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวทั้งสองซึ่งสองสาวก็พยักหน้ารับคำและเป็นเชิงทำความเคารพด้วย

?ทหารจัดเก้าอี้ให้สองคนนี้ด้วย? ลูเซียสั่งการทหารสองคนที่ยืนอยู่ข้างตัวเขาด้วยเสียงที่เฉียบขาด

ทหารสองคนนั้นรับคำสั่งและรีบดึงเก้าอี้มาให้สองสาวทั้งสองนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะของชายผมขาวทันทีซึ่งสองสาวนั้นก็ยิ้มให้ทหารทั้งสองเป็นเชิงขอบคุณสำหรับเก้าอี้เล่นเอาหัวใจของทหารที่ดึงเก้าอี้ให้รีเซียน่านั่งใจละลายไปเลยก็ว่าได้ ก่อนที่เขาจะกลับไปยืนประจำที่แต่ดูเหมือนว่าหัวใจเขาจะไม่ตามกลับไปด้วยเพราะสายของนายทหารคนนั้นยังคงจับจ้องไปที่รีเซียน่าอย่างที่มิอาจถอนสายตาออกจากเธอได้แล้ว

?ท่านลูเซียเรียกดิฉันกับเซลฟีเรียมามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ? รีเซียน่าพูดถามขึ้นหลังจากที่เธอจัดแจงตัวเองนั่งเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

?ใช่ฉันที่ฉันเรียกพวกเธอมาเพราะฉันมีธุระกับพวกเธอทั้งสองเล็กน้อยและดูเหมือนว่าจะเป็นธุระที่สำคัญกับเธอทั้งสองเป็นอย่างมากเลย เอาล่ะฉันจะขอกล่าวตามตรงแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ? ลูเซียพูดแล้วสูดหายใจเข้าปอดเขาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า ?ธุระที่ฉันจะพูดกับพวกเธอก็คือเรื่องการดูตัวเลือกคู่ครองให้พวกเธอ?

?อะไรนะคะท่านพ่อ หนูฟังอะไรผิดไปหรือเปล่าคะว่าท่านพ่อพูดถึงเรื่องเลือกคู่ครองของพวกหนู? เซลฟีเรียพูดถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองส่วนรีเซียน่านั้นยังคงนั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยแต่ทว่าทหารทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างตัวของลูเซียสีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินเรื่องนี้

?ลูกฟังไม่ผิดหรอกพ่อพูดถึงเรื่องเลือกคู่คริงของพวกหนูจริงๆ? ลูเซียพูดตอบ

?ทำไมอยู่ๆท่านพ่อถึงคิดเรื่องนี้คะ? เซลฟีเรียถามอย่างสับสนที่อยู่ๆท่านพ่อของเธอก็มาตัดสินใจแบบนี้

?ก็ไม่มีอะไรหรอกพ่อก็แค่อยากเห็นลูกและรีเซียน่าเป็นฝั่งเป็นฝาซักทีเพราะพวกลูกก็โตกันแล้วโตจนเป็นสาวสวยและเป็นที่หมายปองของชายหลายคนโดยเฉพาะเธอรีเซียน่า พ่อก็เลยคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาที่พวกลูกๆน่าจะเลือกคู่ครองได้แล้ว? ลูเซียพูดอธิบายพร้อมทั้งมองไปที่รีเซียน่าซึ่งตอนนี้เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่

?หนูยังไม่พร้อมหรอกคะ? เซลฟีเรียพูดสวนขึ้นมาทันที

?เรื่องของลูกพ่อไม่เครียดมากนักหรอกเซลฟีเรียแต่คนที่พ่อเป็นกังวลก็คือรีเซียน่าเธอนั้นแหล่ะเพราะเธอก็โตมากแล้วน่าจะเลือกคู่ครองซักทีได้แล้วนะ? ลูเซียพูดพร้อมจ้องมองมาที่หญิงสาวผมสีดำ

?เรื่องนี้ดิฉันขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหมคะท่านลูเซีย? รีเซียน่าเอ่ยตอบขึ้นมาเบาๆ

?อืม... งั้นจะว่าไหมถ้าฉันจะแนะนำผู้ชายคนหนึ่งให้เธอรู้จักเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกของเธอ? ลูเซียพูดถามขึ้น

?ยินดีคะ? รีเซียน่าพูดรับแบบไม่ปฏิเสธลูเซียซึ่งทำให้ลูเซียยิ้มน้อยกับคำตอบของรีเซียน่าที่ไม่ปฏิเสธความหวังดีของเขาจากนั้นเขาก็หันไปหาทหารที่ยืนอยู่ข้างตัวเขาพร้อมกับพูดสั่งอะไรบางอย่างเบาๆก่อนที่ทหารคนที่รับคำสั่งนั้นจะเดินออกจากห้องไปเพื่อทำตามคำสั่ง

?รอสักครู่ก็แล้วกันนะ? ลูเซียพูดอย่างสบายๆปนรอยยิ้ม

?คะ? รีเซียน่าพูดรับคำแล้วก็ยิ้มตอบลูเซียเช่นกันโดยที่มีเซลฟีเรียมองหน้ารีเซียน่าอย่างกังวลเล็กน้อย

จากนั้นทั้งห้องก็เงียบลงไปอย่างที่ไม่อะไรจะพูดกันอีกเพราะตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นกำลังรอคอยคนที่ลูเซียให้ทหารไปเรียกอย่างใจจดใจจ่ออยู่

?นี่ท่านพ่อคะ คนที่พ่อจะแนะนำให้พี่รีเซียน่ารู้จักนี่เป็นผู้ชายอย่างไงเหรอคะ? เซลฟีเรียถามขึ้นอย่างอดทนเก็บไว้ไม่ไว้

ลูเซียหันมามองหน้าลูกสาวของตัวเขาเองเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจแบบงงๆว่าทำไมลูกสาวของตนเองจึงถามคำถามนี้กับเขา

?เป็นห่วงรีเซียน่าเหรอ? ลูเซียพูดถามย้อนกลับ

?แล้วพ่อคิดว่าอย่างไงล่ะคะ? เซลฟีเรียตอบแบบอ้อมๆโดยไม่ยอมพูดตรงๆ

?ฮึๆ เอาน่าไม่ต้องเป็นห่วงผู้ลายคนนี้ลูกรู้จักดีแน่ๆและอีกอย่างพ่อก็...? ลูเซียหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นจากนั้นก็ลดเสียงลงเล็กน้อยก่อนจะเรียกเซลฟีเรียให้เดินเข้าไปใกล้ตัวเองซึ่งเซลฟีเรียก็ทำตามแต่โดยดีแล้วจากนั้นลูเซียก็กระซิบที่ข้างหูของลูกสาวตัวเองว่า ?ไม่คิดจะให้รีเซียน่ายุ่งกับผู้ชายคนนั้นอยู่แล้วพ่อแค่ต้องการให้ไอ้หมอนั้นน่ะ อยู่ที่วังนี้บางโดยใช้รีเซียน่าล่อไว้ก็เท่านั้นเอง?

?หรือว่าผู้ชายคนนั้นที่ท่านพ่อพูดถึงก็คือ...? เซลฟีเรียเอ่ยอย่างไม่เชื่อหูตัวเองอีกครั้ง

?ไม่ผิดหรอกผู้ชายคนนั้นก็คือลูกชายของพ่อ พี่ชายคนโตของลูก เซลฟีรอสอย่างไงละ? ลูเซียพูดบอกอย่างไม่ปฏิเสธ

?ท่านพ่อจะบ้าไปแล้วเหรอจะแนะนำเซลฟีรอสให้รู้จักกับพี่รีเซียน่าเนี้ยนะ พ่อก็รู้นี่ว่าเซลฟีรอสเป็นคนอย่างไงมันอันตรายต่อตัวพี่รีเซียน่าเองเลยนะ ท่านพ่อคิดอย่างไงกันแน่? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดขึ้นอย่างขึ้นเสียงเล็กน้อยทำให้รีเซียน่าที่นั่งนิ่งอยู่นานหันมามองสองพ่อลูกคนนั้นอย่างสงสัย

?มีอะไรหรือเปล่าคะท่านลูเซีย เซลฟีเรีย? หญิงสาวผมดำถามขึ้นด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความฉงนเล็กน้อยหลังจากได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาของสองพ่อลูกคู่นั้น

?เปล่า ไม่มีอะไรหรอก? ลูเซียพูดขึ้นอย่างปฏิเสธซึ่งรีเซียน่ายังคงมองหน้าพ่อลูกทั้งสองคนอย่างมิคลายความสงสัยแต่ทั้งสองคนยังนั่งเงียบไม่พูดอะไร ในที่สุดรีเซียน่าก็ถอนสายตาจากคนทั้งสองอย่างที่คิดว่าถึงจะรอต่อไปอย่างไงก็คงไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี

สองพ่อลูกถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ในที่สุดรีเซียน่าก็เลิกมองเขาทั้งสองด้วยสายตาที่สงสัยในที่สุดก่อนจะหันหน้าไปคุยกันต่อ

?ท่านพ่อคิดอย่างไงถึงจะให้พี่เซลฟีรอสรู้จักพี่รีเซียน่า? เซลฟีเรียถามย้ำคำถามเดิมก่อนหน้านี้

?เอาน่าที่พ่อทำอย่างนี้เพราะพ่อคิดว่าถึงจะเกิดอะไรขึ้นเซลฟีรอสก็ทำอะไรรีเซียน่าไม่ได้อยู่แล้ว? ลูเซียตอบ

?ท่านพ่อหมายความอย่างไงที่พูดแบบนั้น? เซลฟีเรียถามขึ้นอย่างสงสัย

?ก็หมายความว่าเซลฟีรอสอ่อนกว่ารีเซียน่าอย่างไงล่ะ? ลูเซียพูดอธิบายอย่างง่ายๆจนทำให้คนฟังนั้นไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยินจากปากของผู้เป็นพ่อของตัวเองอีกครั้ง

พอลูเซียพูดจบประตูห้องหนังสือก็เปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับการมาของทหารนำทางกับบุรุษหนึ่งคนและสตรีหนึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ



.....................................................................................................................................................................



ทันทีที่เสียงเปิดประตูดังขึ้นทั้งห้องก็หันไปมองว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องทันที พอเมื่อทุกคนหันไปที่ประตูก็พบว่าทหารชายหนุ่มคนที่ลูเซียสั่งให้ไปตามเซลฟีรอสมาก็เดินนำแถวมาก่อนโดยยังเหลือบุคคลเดินตามข้างหลังเขาอีกสองคน คนแรกคือหญิงสาวผมสีแดงยาวถึงข้อเท้าตาสีแดงเพลิงดุจดังเลือดหน้าตาสวยแบบเด็กๆผิวขาวอายุราวๆสิบเจ็ดปี ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีตัวไม่สูงมากแต่ร่างกายดูสมส่วนหน้าตาหล่อเหลาผมสีดำรองทรงปิดหูไว้จอนยาวตาสีเหลือง ผิวออกจะคล้ำๆเล็กน้อย เดินเข้ามาในห้องหนังสือด้วยสีหน้าเซ็งๆผิดกับหญิงสาวที่เดินเข้ามาในห้องคนแรกที่หน้าตาเธอนั้นยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

เซลฟีเรียมองไปที่ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไรผิดกับรีเซียน่าที่จ้องหน้าชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาที่เรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรออกมามากนัก จากนั้นทหารทั้งสองคนก็ยกเก้าอี้มาให้ผู้มาใหม่ทั้งสองนั่งก่อนจะกลับไปยืนประจำที่ของตัวเองอีกครั้ง

?หวัดดีพ่อ? ชายหนุ่มผมดำทักลูเซียด้วยเสียงที่ห้วนๆผิดกับหญิงสาวอีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมเขา

?สวัสดีคะพ่อ? หญิงสาวผมแดงทักด้วยเสียงที่นุ่มนวลและสุภาพ

?สวัสดี เซลฟีนและก็เซลฟีรอสลูกพ่อ? ลูเซียพูดทักทายคนทั้งสองด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มซึ่งเซลฟีรอสก็พยักหน้าประมาณว่าฟังอยู่ก่อนที่จะพูดถามขึ้นด้วยเสียงที่ไร้มารยาทและความเคารพเหมือนเดิมมาว่า ?เรียกพวกผมมามีธุระอะไรหรือเปล่าพ่อ?

ลูเซียฟังคำพูดห้วนๆของลูกชายตัวเองด้วยความรู้สึกที่เอือมระอาเป็นอันมากแต่ก็ยังคงฝืนยิ้มแล้วพูดบอกไปว่า ?พ่อมีคนที่จะแนะนำให้พวกลูกรู้จักน่ะ?

?ใครเหรอคะ? เซลฟีนพูดถามด้วยสีหน้าที่อยากรู้ทันทีโดยที่เซลฟีรอสจ้องหน้าเซลฟีนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าจะสนใจอะไรนักหนากับแค่แนะนำคน

?นั่งอยู่ข้างๆพวกลูกอย่างไงล่ะ? ลูเซียตอบแล้วชี้ไปที่หญิงสาวที่นั่งเก้าอี้ถัดจากเซลฟีน

จากนั้นสองพี่น้องก็หันน้าไปมองตามที่พ่อตัวเองบอกทันทีและพวกเขาก็พบหญิงสาวผมดำหน้าตาสละสวยยิ้มให้พวกเขาอยู่ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและโปรยเสน่ห์เล็กน้อย ไร้ข้อกังขาหญิงสาวผมแดงนั้นมองหญิงสาวผมดำคนนี้ด้วยสีหน้าที่ชอบที่สุดราวกับพบคนที่ถูกชะตาก็ว่าได้ซึ่งไม่ต่างจากเซลฟีรอสมากซักเท่าเพียงแต่เซลฟีรอสนั้นไม่อาจถอนสายตาออกจากรีเซียน่าได้แล้วเพราะว่าเขาโดนลูกศรกามเทพทะลุเข้าไปกลางหัวใจแบบเต็มๆ

?เธอชื่อรีเซียน่า? ลูเซียพูดแนะนำเสริม

?ยินดีที่ได้รู้จักคะ? รีเซียน่าพูดแล้วก้มหน้าโค้งให้เล็กน้อยด้วยรอยยิ้มเพิ่มดีกรีความน่ารักของตัวเองเข้าไปด้วยเสียงหวานๆ เล่นทำเอาเซลฟีรอสนิ่งสนิทแบบไร้คำใดจะพูดออกมาอธิบายได้แต่ตอนนี้พูดได้อย่างเดียวว่าเซลฟีรอสหลงรักรีเซียน่าเข้าให้แล้วแบบที่ถอนตัวไม่ขึ้น

?สะ...สวัสดีครับ? เซลฟีรอสพูดทักทายด้วยเสียงที่ตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น

?สวัสดีคะฉันชื่อเซลฟีน? เซลฟีนทักทายด้วยรอยยิ้ม

?คะ คุณเซลฟีน? รีเซียน่าพูดแล้วโปรยยิ้มให้เวลฟีนเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเซลฟีรอสแล้วถามขึ้นว่า ?แล้วคุณผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้นล่ะคะชื่ออะไร?

?เซลฟีรอสครับคุณรีเซียน่า? เซลฟีรอสพูดพร้อมลุกจากเก้าอี้เดินไปหาหญิงสาวผมดำพร้อมกับประทับรอยจูบไปที่มือของรีเซียน่าทันทีซึ่งดูเหมือนรีเซียน่าจะไม่ขัดขืนอะไรด้วยแถมยังยิ้มให้เซลฟีรอสน้อยๆซะด้วยเล่นเอาเจ้าหนุ่มทีนั่งคุกเข่าอยู่นั้นเคลิ้มไปเลย

?เสียมารยาทน่าเซลฟีรอส? ลูเซียพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายของตนทำรุ่มร่ามกับรีเซียน่า

?ไม่เป็นไรคะดิฉันไม่ถือ? รีเซียน่าพูด่กอนจะพูดต่อขึ้นมาว่า ?ถ้ามีธุระแค่นี้งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะกันคะท่านลูเซียคือเผอิญดิฉันมีธุระนิดหน่อย?

ลูเซียพยักหน้าก่อนที่รีเซียน่าจะลุกเดินออกจากห้องหนังสือไปทันทีแบบไม่หันมามองข้างหลังเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะที่เธอเดินอยู่ตรงระเบียงนั้นเองก็มีเสียงเดินเร็วตามข้างหลังพร้อมกับเสียงของเซลฟีรอสเรียกเธอขึ้นมาว่า ?จะหนีไปไหนเหรอรีเซียน่า?

?ไม่ได้อยากจะหนีหรอกแต่ฉันมีธุระนี่? รีเซียน่าพูดแบบไม่หันกลับไปมอง

?ไม่ต้องมาโกหกดีกว่ารีเซียน่า ที่เธอหนีมาอย่างนี้เพราะว่าเธอไม่อยากจะเจอหน้าฉันซะมากกว่า? เซลฟีรอสพูดด้วยเสียงที่กวนอารมณ์

?รู้ก็ดีแล้ว? รีเซียน่าพูดแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไป

แต่ทว่าเซลฟีรอสกลับเดินมาจับมือเธอไว้ซึ่งรีเซียน่าก็หันหลังกลับไปตบหน้าเซลฟีรอสทันทีจนดัง เพี้ย! เล่นเอาเซลฟีรอสหน้าหันไปตามแรงมือที่มากระทบใบหน้าเขาเลยซึ่งทำให้มือของเซลฟีรอสที่จบตัวหญิงสาวอยู่หลุดไปทันที

จากนั้นเซลฟีรอสก็ยกมือมาลูบหน้าที่โดนรีเซียน่าตบอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรแต่ว่าแก้มข้างที่โดนตบนั้นแดงระเรื่อขึ้นมาเป็นรอยฝ่ามือของรีเซียน่าขึ้นมาอย่างบางๆแต่ก็สังเกตเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัด

?จะตบอีกข้างก็ได้นะไม่ว่า? เซลฟีรอสพูดด้วยเสียงที่อารมณ์ดี ?เพราะถ้าโดนมือนุ่มๆของเธอตบถึงโดนตบจนตายฉันก็ยอม?

?โรคจิต? รีเซียน่าพูดด้วยอารมณ์ที่โมโหก่อนจะสะบัดตัวเดินหนีไปทันที

?ใช่ ฉันมันโรคจิต โรคจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะมันหายไปอยู่กับเธอตั้งแต่ที่ฉันพบเธอครั้งแรกแม่หญิงสาวรีเซียน่าผู้เลอโฉม? เซลฟีรอสตะโกนพูดตอบไล่หลังรีเซียน่าไปอย่าอารมณ์ดี

?ไม่คิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี้ได้รีเซียน่า ไม่คิดจริงๆแต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเพราะว่าถึงอย่างไงเธอก็จะต้องเป็นตกเป็นของฉันเพียงคนเดียว? เซลฟีรอสลดเสียงพูดลงเล้กน้อยโดยที่เขายังคงมองตามหลังรีเซียน่าซึ่งเดินหนีเขาไปบนระเบียงที่เป็นทางยาวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความต้องการในตัวหญิงสาวแสนสาวผู้ที่พึ่งตบเขาแล้วเดินจากไป



........................................................................................................................................................................



พอกลับไปถึงห้องรีเซียน่าก็รีบล้างมือข้างที่โดนเซลฟีรอสจุมพิตทันทีด้วยอารมณ์ที่ขยะแขยงอย่างแรงแบบที่สุดจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้เพราะเธอเฝ้าแต่เอามือถูตรงบริเวณที่เซลฟีรอสจูบจนหลังมือของเธอนั้นแดงจะเรียกว่าถลอกเลยก็ว่าได้

?ทำอะไรอยู่เหรอคะพี่รีเซียน่า? เสียงของเซลฟีเรียดังขึ้นแบบที่รีเซียน่าไม่ทันตั้งตัวจนเธอต้องเอามือข้างที่เธอล้างอยู่ไปแอบข้าหลังเธอทันที

?ล้างมือ? รีเซียน่าตอบสั้นๆแต่ได้ใจความ

?มือไปเปื้อนอะไรมาเหรอคะ? เซลฟีเรียยังคงรุกถามพี่สาวคนสวยต่างบิดามารดาของเธอต่อไป

?เปื้อน... เปื้อนโคลนนิดหน่อยน่ะ? รีเซียน่าตอบแบบอ่ำอึ้งพร้อมกับกล่าวเปลี่ยนเรื่องพูดว่า ?ว่าแต่เธอเถอะฉันบอกแล้วไงว่าเวลาจะเข้าห้องฉันให้เคาะประตูบอกก่อน?

?ใครว่าหนูเคาะแล้วนะ แต่พี่ไม่ได้ยินเองเพราะมัวแต่ล้างมือที่โดนเซลฟีรอสจูบอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่อย่างนั้น? เซลฟีเรียพูดพร้อมกับพยักหน้าไปที่มือขวาที่พี่สาวของเธอซ่อนไว้ข้างหลัง

?เธอเห็น? รีเซียน่าพูดอย่างตกใจ

?ตั้งแต่พี่เริ่มเอามือจุ่มน้ำเลยล่ะ? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดตอบอย่างหน้าทะเล้น

?งั้นเหรอ ขอโทษด้วยแล้วกัน? หญิงสาวผมดำพูดด้วยเสียงที่สลดเล็กน้อย

?ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่รีเซียน่า? เซลฟีเรียถามอย่างสงสัย

?ก็เรื่องเซลฟีรอสน่ะคือว่าจะทำอย่างพี่ก็ทำใจยอมรับหมอนั้นไม่ได้ซักทีแต่ว่าหมอนั่นเป็นพี่ชายของเธอเพราะอย่างนั้นฉันก็เลยกลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้? รีเซียน่าพูดอธิบาย

?เอาน่าเรื่องนั้นหนูไม่ถือหรอกพี่รีเซียน่าเพราะตัวหนูเองก็ไม่ค่อยชอบเซลฟีรอสซักเท่าไรเหมือนกัน? เซลฟีเรียพูดขึ้นหลังจากเห็นรีเซียน่าทำหน้าสลดลงก่อนจะพูดต่อขึ้นมาว่า ?แต่ว่าหนูมีเรื่องจะถามพี่สาวซักเล็กน้อยจะได้ไหมคะ?

?เอาสิว่ามาเถอะ? รีเซียน่าไม่ปฏิเสธคำขอนั้นแต่อย่างไร

?พี่รีเซียน่าเคยรู้จักกับเซลฟีรอสมาก่อนเหรอคะ? เซลฟีเรียถามขึ้นทันทีที่พี่สาวชองตนอนุญาตให้ถาม

?เรื่องนั้น...? รีเซียน่าพูดตอบอย่างช้าๆ

?เรื่องนั้น? เซลฟีเรียพูดตามแบบอย่างรู้คำตอบ

?ถ้าอยากรู้ก็สืบเอาเองสิเซลฟีเรีย? รีเซียน่าตอบพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำไปด้วเสียงหัวเราะอันไพเราะของเธอเล่นเอาเซลฟีเรียอึ้งไปเล่นน้อยแบบไม่คิดว่ารีเซียน่าจะมามุขนี้ แต่เมื่อรีเซียน่าเดินพ้นออกจากห้องน้ำไปเธอก็แสดงสีหน้าที่เศร้าๆออกมาด้วยแววตาที่เลื่อนลอยเหมือนกันเธอนึกอะไรบางอย่างที่เศร้าใจออก



**********************************************
แก้ไขล่าสุดโดย freedom_destiny เมื่อ พุธ 21 ก.พ. 2007 3:24 pm, แก้ไขไปแล้ว 3 ครั้ง.
the true is out there

รูปภาพ

ภาพประจำตัวสมาชิก
freedom_destiny
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 27 ส.ค. 2006 9:00 am

โพสต์ โดย freedom_destiny »

Chapter 29
Resiana middle part (รีเซียน่า ภาคกลาง)



เช้าวันรุ่งขึ้น ณ วังหลวงแห่งโลกปิศาจในห้องนอนของรีเซียน่า หญิงสาวแสนสวยผมดำนั้นยังคงนอนอุดอู้อยู่บนเตียงแบบไม่อยากลุกอยู่ด้วยชุดนอนที่ดูบางเบาและพลิ้ว แต่แล้วทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากรีเซียน่าพยายามพลิกตัวเพื่อจัดท่านอนของตัวเองให้อยู่ในท่าที่สบายโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียงเคาะประตูนั้น แต่ทว่าดูเหมือนคนเคาะเรียกเธอนั้นก็ดูมีความพยายามเป็นอย่างสูงเพราะคนผู้นั้นพยายามเคาะต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดประมาณว่าเว้นจังหวะเคาะเป็นระยะๆไปเรื่อยๆเลยก็ว่าได้

เคาะให้มือหักฉันก็ไม่สนใจหรอกน่า รีเซียน่าคิดอยู่ในใจอย่างเคืองๆแต่คนผู้นั้นก็ไม่ยอมหยุดเคาะซักทีจนในที่สุดรีเซียน่าก็ยอมแพ้

?เข้ามาสิประตูไม่ได้ลงกลอน? รีเซียน่าพูดขึ้นในที่สุดด้วยเสียงที่ออกจากรำคาญหลังจากที่เธอพยายามจะหลับต่อแต่ไอ้บ้าเคาะประตูนั้นมันไม่ยอมหยุดเคาะสักที

จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับจัดทรงผมตัวเองเล็กน้อยกับยืดตัวคลายกล้ามเนื้อ จากนั้นเสียงเปิดประตูห้องเธอก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงก้าวเท้าของทหารหนุ่มผมสีน้ำตาลนามว่าทานาธอสเดินเข้ามในห้องนอนของรีเซียน่า

?นี่ท่านรีเซียน่านอนแบบไม่ลงกลอนแบบนี่ทุกคืนเลยเหรอครับ รู้หรือเปล่ามันอันตรายนะครับ? ทานาธอสพูดถามรีเซียน่าขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง

?เอาน่าเรื่องแค่นี้เอง? รีเซียน่าพูดตอบอย่างไม่สนใจอะไรมากนักกับสิ่งที่ทานาธอสพูด

?แต่...? ทานาธอสจะพูดเถียงแต่ทว่าเมื่อเขาเหลือบสายตามามองหญิงสาวผู้เป็นเจ้านายของเขา ทานาธอสก็หยุดพูดอย่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นที่เห็นอยู่ตรงหน้าทันทีเพราะรีเซียน่านั้นนั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนบางเบาโดยมีผ้าห่มผืนหน้าคลุมมาถึงเอวเธอและมือทั้งสองข้างเธอนั้นได้เอาไปสางผมข้างหลังอย่างสบายๆเล่นเอาชายผมดำนั้นต้องรีบเบือนสายตาหนีไปมองทางอื่นทันทีแบบระงับอารมณ์เพราะภาพนั้นเป็นภาพที่งดงามมากในสายตาชายทุกคน

รีเซียน่ามองภาพการกระทำของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอทันทีแล้วจากนั้ก็เอามือเอื้อมไปสัมผัสไหล่ของทานาธอส

?แต่อะไรเหรอทานาธอส? รีเซียน่ายื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของทานาธอสแล้วจากนั้นก็เป่าลมใส่ใบหูเขาเบาๆ

ทานาธอสสะดุ้งเฮือกแล้วรีบเดินถอยหนีไปทางเตียงนอนของรีเซียน่าแบบตกใจจนกระแทกเข้ากับสันเตียงจนแล้วเขาก็ล้มลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงที่รีเซียน่าเคยนอนอยู่เมื่อสักครู่อย่างไม่เต็มใจมากนัก

?จะทำอะไรน่ะครับท่านรีเซียน่า? ทานาธอสพูดแล้วรีบตะกายลุกขึ้นจากเตียงทันที

แต่ทว่ารีเซียน่ากลับเข้ามาขวางไว้แล้วผลักตัวทานาธอสล้มไปนอนแผ่อยู่บนเตียงอีกครั้ง จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเตียงข้างตัวชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่นอนแผ่อยู่บนเตียงของเธออย่างรวดเร็วพร้อมกับเอื้อมแขนไปคร่อมตัวทานาธอสอย่างรวดเร็วแล้วตามด้วยการที่เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทานาธอสจนใบหน้าแทบจะสัมผัสกัน ซึ่งทำให้ทานาธอสนั้นตกตะลึงเป็นอย่างมากกับการกระทำของรีเซียน่าในหนนี้

?ว่าแต่ทานาธอสเถอะ ไม่สิพี่ชายนะคิดอะไรกับหนูกันแน่ เวลาพี่เจอหน้าหนูที่ไรพี่ก็พยายามเลี่ยงการมองหน้าหนูทุกที อย่าบอกนะว่าพี่ชายคิดอกุศลกับน้องสาวแท้ๆของตัวเองน่ะ? รีเซียน่าพูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทานาธอสอีก

?เลิกทำแบบนี้เถอะนะท่านรีเซียน่า? ทานาธอสพูดอย่างขอร้องพร้อมกับหลับตาปี๋

?ไม่จนกว่าพี่จะตอบคำถามหนูและก็เลิกเรียกหนูว่าท่านรีเซียน่าซักที? รีเซียน่าพูดยื่นคำขาด

แต่ว่าชายหนุ่มนามทานาธอสไม่พูดตอบอะไรซึ่งทำให้หญิงสาวผมดำไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทีนี้ของทานาธอสเป็นอย่างมาก

?ถ้าพี่ไม่ตอบอย่างนี้ละก็น่ะ งั้นก็เตรียมตัวมีอะไรกับน้องสาวแท้ๆของตัวเองได้เลย? รีเซียน่าพูดแล้วเริ่มรุกเข้าหาทานาธอสทันที โดยเนิ่มประทับรอยจูบไปที่หัวไหล่ของทานาธอสเล่นเอาทานาธอสดิ้นพราดอย่างตกใจทันทีแบบไม่คิดว่ารีเซียน่าจะทำแบบนี้

?ยอมแล้วรีเซียน่า ยอมแล้ว เลิกได้แล้ว? ชายหนุ่มผมน้ำตาลตะโกนลั่นทันทีที่รีเซียน่าทำแบบนี้

?ให้ตายเถอะก็แค่นี้? รีเซียน่าพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงทันที

ทานาธอสถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีที่รีเซียน่าลุกขึ้นจากตัวเพราะถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแรงถึงขนาดผลักรีเซียน่าออกไปได้แต่เขาก็ไม่อาจทำแบบนั้นได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาไม่อาจต้านเสน่ห์อันเหลือล้นของน้องสาวตนเองคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

?ใครมองเธอแล้วไม่คิดอะไรก็บ้าแล้วรีเซียน่าน้องพี่ ให้ตายเถอะเลิกทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้ได้ไหมรีเซียน่า? ทานาธอสพูดขึ้นหลังจากลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้

?ก็เฉพาะกับพี่ชายนั่นแหล่ะที่หนูทำตัวแบบนี้ด้วย? รีเซียน่าพูดขึ้นพร้อมไปนั่งข้างเตียงอีกครั้งเล่นเอาทานาธอสนั้นที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้นหน้าแดงเล็กน้อยเธอจึงรีบพูดเสริมว่า ?เพราะหนูไว้ใจพี่ในฐานะพี่น้องสายเลือดเดียวกันนะ ไม่ได้คิดฉันท์ชู้สาว?

?เออ รู้แล้วน่า? ทานาธอสพูดตอบอย่างรวดเร็วพร้อมรีบเปลี่ยนสีหน้า

?ว่าแต่พี่มาเรียกหนูแต่เช้ามีธุระอะไรเหรอ? รีเซียน่าพูดถาม

?เหมือนเมื่อวานนั่นแหล่ะ ท่านลูเซียเรียกพบ? ชายหนุ่มตอบ

?อีกแล้วเหรอ? รีเซียน่าพูดอย่างเซ็งแต่ก็ลุกไปเตรียมตัว

?แล้วจะไปไหมละ?

?หนูไปแน่นอนคะ เอาเป็นว่าพี่ไปบอกท่านแล้วกันว่ารอสักครู่เดี๋ยวหนูไป? รีเซียน่าพูดอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำไปทันที



.....................................................................................................................................................................



หลังจากเวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าที่หน้าห้องหนังสือทานาธอสได้ยืนคอยเจ้านายที่จริงๆแล้วเป็นน้องสาวแท้ๆของตัวเองอยู่กับเซฟีเรียซึ่งบังเอิญได้พบกันกลางทางหลังจากที่ทานาธอสกำลังเดินมาบอกลูเซียตามคำขอของรีเซียน่าโดยตอนนี้ทั้งคู่ได้ยินคอยรีเซียน่าอยู่หน้าห้องแบบไม่พูดคุยอะไรกันซึ่งเวลาก็ผ่านไปนานมากแล้วหลังจากที่ลูเซียเรียกรีเซียน่าเข้าไปพบ

?ท่านพ่อคุยอะไรกับพี่รีเซียน่าน้า... อยากรู้จัง? เซลฟีเรียเอ่ยขึ้นอย่างเนือยๆด้วยความอยากรู้หลังจากมายืนรออยู่นานพอดู

แต ทว่าทานาธอสไม่พูดอะไรตอบกับประโยคนั้นของเซลฟีเรียซึ่งทำให้พื้นที่โดยรอบนั้นกลับเงียบลงไปอีกครั้งแต่ว่าหลังจากที่เซลฟีเรียพูดได้ไม่นานนักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวแสนสวยผมสีดำที่เยื้องย่างออกจากห้องมาด้วยสีหน้าเรียบๆไร้อารมณ์ใดๆปรากฏอยู่บนใบหน้าเธอซึ่งทำให้ผู้ที่รออยู่ข้างนอกที่หันหน้าไปมองเอประหลาดใจเล็กน้อยที่รีเซียน่าทำหน้าตาแบบนี้

?พี่รีเซียน่า? เสียงเซลฟีเรียเรียกดังขึ้นหลังจากเห็นรีเซียน่าเดินออกมาจากห้อง

รีเซียน่าหันไปมองตามเสียงเรียกทันทีพร้อมเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว โดยที่เซลฟีเรียได้วิ่งเข้าไปหารีเซียน่าทันทีอย่างรวดเร็ว

?ท่านพ่อคุยอะไรพี่รีเซียน่าเหรอคะ? หญิงสาวผมเทาอมทองถามขึ้นพร้อมปั้นสีหน้าออดอ้อนน่าเอ็นดู

?ธุระจ้ะ ธุระที่เป็นความลับ? รีเซียน่าพูดพร้อมกับเอานิ้วทาบขึ้นที่ริมฝีปากของเธอเองอย่างยิ้มๆ

?แหม... บอกหน่อยไม่ได้เหรอคะ? เซลฟีเรียพูดแล้วทำหน้างอใส่

?ไม่ได้จ้ะ? รีเซียน่าพูดตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ดังนั้นเซลฟีเรียจึงหยุดถามไปอย่างที่รู้อยู่ในใจว่าถ้ารีเซียน่าบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้รั้นถามต่อไปก็เปล่าประโยชน์เพราะถึงอย่างไงรีเซียน่าก็ไม่ตอบอยู่ดี

?งั้นพี่ไปเดินเล่นกับหนูได้ไหมคะ หนูอุตสาห์มารอพี่มาตั้งนานแน่ะ? เซลฟีเรียพูดพร้อมกับยกมือไปคล้องแขนพี่สาวต่างสายเลือดของเธออย่างอารมณ์ดี

?ได้สิจ้ะ? รีเซียน่ารับคำด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมเดินตามแรงลากของน้องสาวต่างสายเลือดของเธอไปทันทีโดยทำไม้ทำมือและพูดแบบไม่ออกเสียงบอกองครักษ์ประจำตัวซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของตัวเองว่าให้ไปรอที่ห้องเธอก่อนเดี๋ยวจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกที



.......................................................................................................................................................................



ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วหลังจากลูเซียได้เรียกรีเซียน่าเข้าไปพบด้วยเหตุผลบางประการที่เธอก็เองก็ไม่อาจรับรู้ได้ก่อนที่จะเข้ามาในห้องที่ลูเซียนั่งอยู่นั้น แต่ว่าพอรีเซียน่านั้นมาถึงห้องและได้นั่งลงเรียบร้อยลูเซียก็พูดขึ้นมาทันทีว่า ?นี่รีเซียน่า?

?คะ? รีเซียน่ารับคำทันที

?ฉันเรียกเธอมาตอนนี้ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอซักหน่อย? ลูเซียพูดเข้าเรื่องแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือเกริ่นอะไรเลย

?ได้คะ? รีเซียน่าพูดพร้อมพยักหน้าทันที

?งั้นก็ดี รีเซียน่าตอนนี้เธอชอบใครอยู่หรือเปล่า? ลูเซียถามขึ้นมาอย่างตรงๆเล่นเอารีเซียน่าชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนี้ของลูเซีย

?เปล่านี่คะ? หญิงสาวรีบตอบปฏิเสธทันทีหลังจากตั้งสติได้

?ไม่ต้องมาโกหกฉันหรอกรีเซียน่าฉันรู้เรื่องหมดแล้ว? ชายผมขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

?เรื่องอะไรคะ? รีเซียน่าพูดแล้วยิ้มกลบเกลื่อน

?ก็เรื่องที่ทุกวันเธอเอาแต่จ้องมองไปที่ท้องฟ้าอย่างไงล่ะ? ลูเซียพูด

?ก็เรื่องนั้นฉันไม่เห็นว่ามีอะไรแปลนี่คะแค่ดิฉันจ้องมองท้องฟ้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องคนที่ชอบเหรอคะ? หญิงสาวพูดแย้งขึ้น

?เฟรย์ริน่า เทพธิดาสาวระดับสูงผมสีขาวอมเขียวอ่อนยาวถึงข้อเท้า ตาสีฟ้าดุจดังน้ำทะเล หน้าตาดูน่ารักแต่น้อยกว่าเธอเล็กน้อยรีเซียน่า เฟรย์ริน่านั้นนอกจากเป็นเทพธิดาระดับสูงแล้วเธอยังเป็นผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเวทแห่งรัตติกาลอีกด้วยโดยที่เธอเจอเฟรย์ริน่าครั้งแรกตอนที่เธออยู่ในร่างผู้ชายเพื่อหนีการไล่ล่าการจับตัวเธอไปขายทอดตลาดเยี่ยงสัตว์บนโลกมนุษย์ กล่าวแค่นี้พอจะเข้าใจหรือยังรีเซียน่า? ลูเซียเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น

รีเซียน่าเงียบลงไปทันทีอย่างตกตะลึงแบบที่พูดอะไรกลับไม่ออกเมื่อได้ยินลูเซียพูดออกมาแบบนี้ราวกับเขาเคยเห็นเรื่องที่เขาพูดมากับตาของเขาเองแล้วมาพูดแล้วให้เธอฟังอีกที

?จะให้ฉันบอกด้วยไหมละว่าเธอตกหลุมรักเทพธิดาสาวคนนี้ครั้งแรกตอนไหนเอาไหม? ลูเซียพูดต่อหลังจากเห็นรีเซียน่าไม่พูดอะไรตอบกลับมา

?ไม่ต้องหรอกคะ แค่นี้ท่านลูเซียก็ทำให้ฉันทึ่งมากแล้วล่ะคะ เล่นพูดอย่างกับท่านลูเซียเห็นเองมากับตาอย่างไงอย่างนั้น? รีเซียน่าพูดอย่างยอมรับ ?ใช่คะฉันหลงรักเทพธิดาสาวที่ชื่อเฟรย์ริน่าคนนั้นคะ?

ลูเซียพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจที่รีเซียน่ายอมรับในที่สุดกับเรื่องนี้ แต่สีหน้าของลูเซียในตอนนี้นั้นเริ่มบ่งบอกว่าตอนนี้เขายุ่งยากใจเป็นอย่างมากกับเรื่องนี้ เรื่องที่รีเซียน่าไปหลงรักเทพธิดาสาวระดับสูงบนสรวงสวรรค์ที่มีนามว่า เฟรย์ริน่า

?แล้วเธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเธอเป็นใคร? ลูเซียเอ่ยถามขึ้นอย่างกังวลใจ

?คะ ดิฉันทราบดีถึงเรื่องนั้นว่าฉันเป็นหนึ่งในสี่เทวทูต เทวทูตแห่งวัย ผู้ควบคุมกาลเวลาที่มีนามว่ารีเซียน่าคะ? รีเซียน่าพูดตอบ

?แล้วเธอรู้เรื่องคำสาประหว่างปิศาจกับเทพหรือเปล่า? ลูเซียยังคงถามต่อ

?ทราบดีคะแต่ว่าฉันเป็นพวกกึ่งเทพกึ่งปิศาจนี่คะไม่น่าจะมีปัญหาอะไร? รีเซียน่าพูดตอบ

?พวกอย่างนี่ปัญหาเยอะสุดเธอจะรู้ไว้บ้างนะ? ลูเซียพูดบอก

?เหรอคะ? รีเซียน่ารับคำอย่างเข้าใจ

?แล้วเธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิง? ลูเซียถามรุกต่อ

?เรื่องนั้นฉันทราบมาตั้งแต่ฉันจำความได้แล้วคะท่านลูเซีย? หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

?แล้วรู้หรือเปล่าว่าเทพธิดาคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนเธอ? ลูเซียถามไปเรื่อยๆอย่างไม่ยอมหยุด

?ทราบคะ ไม่งั้นจะเรียกเธอคนนั้นว่าเทพธิดาเหรอคะ? รีเซียน่าพูดตอบอย่างฉงน

?ทั้งที่รู้อย่างนั้นเธอก็ยังหลงรักเทพธิดาคนนั้นอยู่อย่างนั้นเหรอ? ลูเซียพูดถามต่อ

?คะ เพราะตอนนี้ฉันรู้เพียงว่าฉันหลงรักเทพธิดาที่รู้แต่เพียงว่าชื่อเธอคือเฟรย์ริน่าอย่างโงหัวไม่ขึ้นเลยคะ? รีเซียน่าตอบรับแบบไม่ปฏิเสธจนลูเซียต้องกุมขมับอย่างปวดหัว

?ทั้งที่เธอไม่ใช่ผู้ชายเธอก็รู้นี่? ลูเซียพูดแล้วมองคู่สนทนาของตนอย่างเป็นห่วงเป็นใย

?เรื่องนั้นก็ไม่ยากนี่คะแค่ฉันกลายเป็นผู้ชายมันก็จบไม่ใช่เหรอคะ? หญิงสาวตอบแบบไม่เครียดอะไร

?เป็นผู้ชายงั้นเหรอ รีเซียน่าถึงเธอจะเป็นคนที่มีพลังของสองเพศในร่างเดียวและสามารถเปลี่ยนร่างเป็นเพศไหนก็ได้แต่ว่าการที่เธอต้องอยู่ในร่างผู้ชายนานๆมันอันตรายเธอก็รู้นี่ว่าการรักษาเสถียรภาพพลังของเธอน่ะ เธอต้องอยู่ในร่างผู้หญิงตลอด ไม่งั้นอย่าว่าแต่ตายเลยวิญญาณเธอก็สูญสลายไปด้วย? ชายชราผมขาวพูดอย่างเป็นห่วงเป็นอย่างมาก

?คะเรื่องนั้นฉันทราบดีแต่ว่าหากมันทำให้ฉันได้อยู่กับคนที่ฉันรักฉันก็ยอมคะ? รีเซียน่าพูดตอบด้วยรอยยิ้ม

?ทั้งที่ความรักของเธอมีอุปสรรคอย่างนี้เธอยังยิ้มได้อยู่อีกเหรอ? ลูเซียพูดอย่างเห็นใจ

?แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยไม่ใช่เหรอคะ? หญิงสาวตอบ

?นั้นสินะ เธอก็คิดอะไรง่ายๆเหลือเกินนะรีเซียน่า? ลูเซียพูดขึ้นแต่ในใจยังไม่คลายกังวลจากเรื่องนี้ ?ที่ฉันพูดเรื่องนี้ก็เพราะว่าฉันห่วงเธอนะรีเซียน่า เพราะว่าเธอก็เหมือนลูกแท้ๆของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน?

?เรื่องนั้นดิฉันทราบดีคะและฉันก็ไม่เคยลืมบุญคุณของท่านลูเซียเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ว่าท่านลูเซียคะถึงท่านจะเห็นฉันเป็นลูกสาวอย่างไงซักวันหนึ่งฉันก็ต้องจากกับท่านอยู่ดีอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าท่านจะต้องการหรือไม่ถึงอย่างไรท่านก็ดูแลฉันตลอดไปไม่ได้หรอกคะ? รีเซียน่าพูด

?เพราะอย่างนั้นฉันก็ควรต้องปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ช่วยอะไรงั้นเหรอ นั้นไม่ใช่หน้าที่ขอพ่อที่ดีนักหรอกนะ? ลูเซียพูดอย่างทำใจพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดเสริมมาว่า ?ตอนแรกฉันว่าจะพูดให้เธอเปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ว่าดูท่าคงจะเป็นไปได้ยากมากแล้วเพราะฉะนั้นเมื่อฉันไม่อาจเปลี่ยนใจเธอได้ฉันก็ต้องช่วยเธอให้เรื่องนี้มีผลกระทบน้อยที่สุดกับตัวเธอและแม่เทพธิดาสาวคนนั้น?

?แล้วจะทำอย่างไงเหรอคะท่านลูเซีย? รีเซียน่าพูดถามขึ้นอย่างสนใจ

?ไม่บอกจนกว่าเธอจะเรียกฉันว่าพ่อไม่ใช่ท่านลูเซีย? ลูเซียพูดสวนขึ้นแบบยังไม่ยอมตอบทันทีแต่ยื่นเงื่อนไขมาก่อน

?แต่ว่า...? หญิงสาวผมดำจะพูดแต่ว่าลูเซียพูดขัดขึ้นมาว่า ?รีเซียน่าไม่เคยคิดว่าฉันเป็นพ่อบุญธรรมของเธอเลยเหรอทั้งที่ฉันเลี้ยงเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ?

?ไม่คะ แต่ว่าจะให้ฉันเรียกท่านแบบนี้ฉันกลัวว่าท่านจะลำบากใจ? รีเซียน่าพูดให้เหตุผล

?แต่ว่าตอนนี้ฉันก็ให้เธอเรียกฉันแบบนี้นี่? ลูเซียพูดแย้ง

?แต่...? หญิงสาวไม่ยอมแพ้แต่ยังจะเถียงต่อ

?ไม่มีแต่เรียกฉันว่าพ่อเดี๋ยวนี้นี่คือคำสั่ง? ลูเซียยื่นคำขาด

?คะ ท่านพ่อ? รีเซียน่ายอมเอ่ยเรียกลูเซียว่าพ่อในที่สุด

?ดีมาก งั้นเขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อยพ่อจะอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของลูกเรื่องนี้ มันอาจจะดูยาวนานเลยทีเดียวละ? ลูเซียพูดหลังจากนั้นรีเซียน่าก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ลูเซียเพื่อฟังแผนการของพ่อบุญธรรมของเธอ



................................................................................................................................................................



?นี่คะพี่รีเซียน่า? เสียงเรียกของเซลฟีเรียปลุกรีเซียน่าออกจากห้วงความคิดในที่สุดเมื่อเซลฟีเรียได้ยื่นช่อดอกไม้มาให้เธออย่างอารมณ์ดีซึ่งรีเซียน่าก็รับไว้อย่างไม่ขัดศรัทธา

ตอนนี้เธอกับน้องสาวต่างสายเลือดกำลังนั่งอยู่ในสวนหลังวังของโลกปิศาจที่ดูสดใส รื่นรมย์และสวยงามซึ่งขัดกับชื่อของโลกนี้ที่ชื่อว่าโลกปิศาจเป็นอย่างมาก ทั้งสระน้ำที่มีน้ำใสไหลไปตามแรงลมอย่างเอื่อยๆ ต้นหญ้าเขียวขจีที่ขึ้นอย่างมีระเบียบและต้นไม้ต้นใหญ่ที่ขึ้นเป็นร่มเงาบังแดดให้แก่ผู้ที่มานั่งพักอยู่ที่แห่งนี้ มันช่างน่านอนจริงๆ

?พี่รีเซียน่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะเห็นพี่เหม่อๆอย่างไงชอบกล? เซลฟีเรียถามขึ้นอย่างสงสัย

?เปล่า พี่ไม่ได้เป็นอะไร? รีเซียน่าตอบ

?แน่ใจนะคะ? หญิงสาวผมเทาอมทองถามย้ำ

?แน่สิจ้ะ พี่ไม่ได้โกหกน้องหรอก? รีเซียน่าตอบเพิ่มความมั่นใจให้น้องสาวต่างสายเลือดของตน

?นั้นก็ดีคะ? เซลฟีเรียพูดอย่างสบายใจแล้วก็วิ่งไปออกห่างรีเซียน่าไปเล็กน้อยก่อนจะหันมาตะโกนบอกรีเซียน่าว่า ?งั้นพี่รออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะเดี๋ยวหนูจะไปเก็บดอกไม้มาจากทางนั้นก่อน?

?ได้จ้ะ? รีเซียน่ารับคำอย่างง่ายๆด้วยรอยยิ้มที่พร่างพรายอยู่บนใบหน้าของเธอ

จากนั้นเซลฟีเรียก็หันหน้าวิ่งไปต่อซึ่งรีเซียน่าก็นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนตามคำขอของน้องสาวต่างสายเลือดของเธอแต่โดยดี โดยที่เธอนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่โล่งสบายขึ้นเมื่อเธอได้รับทราบแผนของพ่อบุญธรรมของเธอแต่ที่หน้าเป็นห่วงก็จะมีแต่เรื่องที่ว่าเธอจะทำได้หรือไม่ก็เท่านั้นเพราะมันดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วจากนั้นรีเซียน่าก็ล้มตัวลงนอนอยู่พื้นหญ้าอย่างปลดปล่อยอารมณ์ให้ความเครียดหายไปก่อนจะหลับตาลงคล้อยไปตามบรรยากาศที่อยู่รอบข้างตัวของเธอด้วยลมพัดเอื่อยๆที่พัดมากระทบตัวหญิงสาวเบาๆ

แต่แล้วทันใดนั้นเองรีเซียน่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ ดังนั้นหญิงสาวจึงลืมตาขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันทีและเมื่อเมื่อเธอหันไปเธอก็พบว่าเซลฟีรอสนั้นกำลังเดินย่ำหญ้าเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายผู้นั้น

?ยามผ่อนคลายก็สวยน่ารักยิ่งเวลาตกใจยิ่งสวยน่ารักเข้าไปใหญ่ คนอะไรน่ารักได้ทุกเวลา? เซลฟีรอสพูดขึ้นหลังจากเห็นรีเซียน่าหันมา

?ขอบใจสำหรับคำชมแต่ว่านะ คำชมที่มาจากปากของนายนี่ฉันไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย? รีเซียน่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

?แหม... รังเกียจฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ? เซลฟีรอสพูดตอบพร้อมกับแกล้งทำหน้าตาน้อยใจแต่ยังคงก้าวเท้าเดินเข้ามาอยู่

?รู้ตัวก็ดีแล้ว? รีเซียน่าตอบกลับอย่างไม่แยแสท่าทีของเซลฟีรอส

ฟุบ! เสียงก้าวเท้าโดยฉับพลันของเซลฟีรอสดังขึ้นก่อนจะมาปรากฏตัวที่ข้างหลังหญิงสาวโดยแขนของเขานั้นได้โอบกอดร่างที่เพรียวสมส่วนของรีเซียน่าเอาไว้ แล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้หูรีเซียน่าก่อนจะเป่าลมใส่เบาๆอย่างหยอกล้อ

?ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่สิเพราะฉันอุตสาห์หลงเธอจนยอมทำทุกอย่างเชียวนะ? เซลฟีรอสพูดพร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดลึกๆทั้งที่ใบหน้าของเขายังอยู่ที่ข้างหูของรีเซียน่าก่อนจะพูดเสริมมาว่า ?หอมจังเลย?

?ปล่อยฉันนะ? หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

?อายเหรอ? ชายหนุ่มพูดถามขึ้นแต่ยังคงกอดรีเซียน่าไว้ไม่ยอมปล่อย

?ฉันบอกให้ปล่อย? รีเซียน่าพูดย้ำอีกทีอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์เหมือนเดิม

?อืม... ก็ได้? เซลฟีรอสพูดอย่างชั่งใจพร้อมปล่อยมืออกจากตัวรีเซียน่าในที่สุด

จากนั้นรีเซียน่าก็จัดเสื้อของเธอเข้าที่เล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเซลฟีรอสด้วยสายตาที่สื่อถึงอารมณ์โกรธน้อยๆของเธอก่อนจะพูดขึ้นมาว่า ?ทีหลังอย่างทำแบบนี้อีกจะดีกว่านะเซลฟีรอส?

?แหม... พูดซะน่ากลัวเลยนะรีเซียน่า? เซลฟีรอสพุดด้วยน้ำเสียงที่ยียวน

เปรี้ยง! เสียงตุ้มหูของเซลฟีรอสแตกเป็นเสี่ยงทันทีที่เซลฟีรอสพูดจบก่อนที่เศษซากของมันจะสลายหายไปอย่างช้าๆทันทีเศษพวกนั้นกำลังหล่นลงพื้น

?อุ้ย! โหดจังนะรีเซียน่า? เซลฟีรอสอุทานขึ้นพร้อมกับเลือบมองเศษซากของตุ้มหูตัวเองที่กำลังตกลงพื้นแล้วสลายหายไปทันที

?อย่าคิดว่าฉันทำได้แค่หยุดเวลาเท่านั้นนะเซลฟีรอสเพราะว่าผู้ควบคุมกาลเวลาทำได้มากกว่าที่นายคิด? รีเซียน่าพูดด้วยเสียงเย็นๆ

?จ้าๆๆๆๆ ขอโทษจ้า? ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่ายอมแพ้แต่ว่าเขาก็กล่าวต่อมาว่า ?ผมผิดเองทีหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้วนะจ้ะ แม่สาวแสนสาวของผม?

?พูดมากน่ะนาย? รีเซียน่าพูดตอบ ?ว่าแต่นายมาหาฉันที่นี่มีธุระอะไรกันแน่?

?แหม... ฉันก็แค่อยากเจอหน้าสาวที่สวยที่สุดแห่งโลกปิศาจก็เท่านั้นเอง? เซลฟีรอสพูดตอบ

?งั้นเหรอ? รีเซียน่าพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะกล่าวเสริมว่า ?แล้วจะเห็นใบหน้านี้ทุกวันแม้แต่ยามก่อนหลับในค่ำคืนและหลังตื่นในยามเช้าหรือเปล่าล่ะ?

เซลฟีรอสเงียบไม่ตอบอย่างตกตะลึงแบบที่ไม่คาดคิดว่าอยู่ๆหญิงสาวแสนสวยผมสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจะยื่นขอเสนอแบบนี้มาให้เขาราวกับให้ท่า

?แน่นอนสิใครจะไม่อยากล่ะ ว่าเงื่อนไขของเธอมาเลยดีกว่า? เซลฟีรอสพูดตอบรับทันทีที่ตั้งสติได้

?อืม... เงื่อนไขก็มีอยู่ว่าอีกสองพันปีข้างจะมีการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งจอมราชันย์ขึ้นมาและฉันกับนายก็ดูท่าจะได้รับเลือกให้ร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ด้วยเพราะฉะนั้นกฎก็มีอยู่ง่ายๆแค่นายชนะได้เป็นจอมราชันย์ทุกอย่างก็จบแล้วฉันก็จะยอมเป็นผู้หญิงของนายแต่มีเงื่อนไขว่าในการต่อสู้ครั้งนั้นต้องมีคนได้รับผลกระทบจากการคัดเลือกครั้งนั้นน้อยที่สุดตกลงไหมล่ะ? รีเซียน่าพูดอธิบายอย่างสบายๆ

?ง่ายขนาดนั้นเชียว? เซลฟีรอสพูด

?ใช่ง่ายๆอย่างนี้นี่แหล่ะ? รีเซียน่าพูด ?แต่ถ้านายแพ้และฉันได้เป็นจอมราชันย์นายต้องเชื่อฟังคำสังทุกอย่างตกลงไหม?

?ถ้าไม่ตอบตกลงก็ไม่ใช่ฉันแล้วละ? เซลฟีรอสพูดเสียงเรียบตอบ

?งั้นก็ดี? รีเซียน่าพูดขึ้นอย่างพึงพอใจ

แต่แล้วเซลฟีรอสกลับพุ่งตัวเข้ามากอดรีเซียน่าพร้อมกับเอนหน้ามาหมายจะจูบปากหญิงสาวผมดำ รีเซียน่าที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นเมื่อพบว่าอยู่ๆสถานการณ์กลับเป็นเช่นอย่างไม่คาดฝันนั้นเธอก็ตอบโต้ทันทีด้วยการกางนิ้วมือทั้งสองข่วนไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่จู่โจมหมายจะทำมิดีมิร้ายเธออย่างเอาเรื่องจนใบหน้าของเซลฟีรอสเกิดรอบแผลเป็นทางยาว

เซลฟีรอสร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับคลายแขนออกจากการกอดรีเซียน่าอย่างช้าๆแล้วพูดขึ้นมาว่า ?เท่านี้สัญญาก็เป็นผลแล้วเธอจะกลับไม่ได้แล้วนะรีเซียน่าอีกสองพันปีข้างหน้าเธอต้องเป็นของฉันไม่ว่าเธอจะรักอยู่กับใครบนสวรรค์ก็ตาม?

?นายรู้? รีเวียน่าพูดอย่างตกใจ

?แน่นอนฉันรู้เพราะว่าฉันรู้เรื่องที่เกี่ยวกับเธอทุกเรื่องรีเซียน่าจะไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้และไม่มีวันไม่รู้? เซลฟีรอสพูดขึ้นอย่างมั่นใจด้วยสีหน้าที่เหมือนคนโรคจิต

?พูดเหมือนพวกโรคจิตเลยนะนาย? รีเซียน่าพูดด่าสวน

?แน่นอนอย่างที่ฉันบอกฉันเป็นโรคจิตใจไปอยู่กับเธออย่างไงล่ะ รอยแผลนี้ของเธอฉันจะรักษาไว้อย่างดีไม่ให้จางหายเลย ฉันรักเธอนะรีเซียน่า? เซลฟีรอสพูดแล้วยกมือลูบไปที่แผลซึ่งเกิดขึ้นจากการข่วนของรีเซียน่าด้วยอารมณ์ที่มีความสุขพร้อมกับหายตัวไปอย่างช้าๆต่อหน้าต่อต่อตารีเซียน่า

?แต่ฉันเกลียดนายเซลฟีรอส? รีเซียน่าพูดขึ้นอย่างเบาๆหลังจากเซลฟีรอสหายตัวไป

ตัวหมากที่หนึ่งในแผนการครั้งนี้รู้สึกจะได้มาง่ายๆเกินคาด แต่เราอาจต้องแลกด้วยอะไรที่มันน่ากลัวสำหรับแล้วสินะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าเราต้องใช้ไอ้หมอนี่ในแผนการครั้งนี้ด้วย รีเซียน่าคิดในใจก่อนจะนั่งลงบนพื้นหญ้าเพื่อรอเซลฟีเรียกลับมาด้วยสีหน้าที่เครียดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

โดยการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอหารู้ไม่ว่าจะทำให้เหตุการณ์ที่เกิดตามมาอีกสองพันข้างหน้านั้นมันจะบานปลายมากกว่าที่เธอคิดไว้มากนัก มากมายมหาศาลเกินที่จะกล่าวได้



**********************************************


แต่งไปอย่างงงๆแบบประมาณว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้จะเป็นอย่างไงกันแน่น่ะ อุตสาห์วางพล็อตไว้อย่างดีแล้วก็หลุดพล็อตทุกทีสิน่า ให้ตายเถอะคนเขียนเครียดครับ
the true is out there

รูปภาพ

ภาพประจำตัวสมาชิก
freedom_destiny
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 27 ส.ค. 2006 9:00 am

โพสต์ โดย freedom_destiny »

Chapter 30
Resiana ending part (รีเซียน่า ภาคจบ)


หลังจากเซลฟีเรียกลับมารีเซียน่าก็ขอตัวกลับไปที่ห้องเธออย่างเพลียๆซึ่งพอเธอเดินเข้าไปในห้องเธอก็พบชายหนุ่มผมสีน้ำตาลนั่งรอเธออยู่ข้างเตียงอย่างเหม่อราวกับนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินเข้าไปข้างหลังเขาอย่างค่อยก่อนจะนั่งลงข้างเตียงและโผเข้ากอดพี่ชายแท้ๆที่เป็นองครักษ์ของเธอทันที

?เฮ้ย ! รีเซียน่าปล่อยนะ? ทานาธอสร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่ารีเซียน่ากำลังกอดเขาอยู่พร้อมกับพยายามแกะมือรีเซียน่าออกจากตัวเขา

?น่า... พี่ชายขอหนูอยู่อย่างนี้สักพักหนึ่งเถอะ? รีเซียน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่มั่นคงในจิตใจของเธอออกมาทำให้พี่ชายของเธอที่นั่งฟังอยู่อึ้งไปเล็กน้อยที่อยู่ๆรีเซียน่าก็แสดงอารมณ์อ่อนแอแบบนี้ออกมาให้คนอื่นได้เห็น

?เป็นอะไรไปรีเซียน่า? ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยมากขึ้น

?เปล่าคะ หนูก็แค่เหนื่อยอยากพักอยากให้พี่อยู่ข้างๆคอยปลอบก็เท่านั้นเอง? หญิงสาวพูดตอบพร้อมกอดทานาธอสแน่นเข้าไปอีกอย่างเจ็บช้ำ

ทานาธอสที่เห็นรีเซียน่าทำทีอย่างนั้นก็เกิดความรู้สึกอยากปลอบรีเซียน่าขึ้นมาอย่างจับใจ ดังนั้นเข้าจึงยกมือลูบไปที่ผมของรีเซียน่าเบาๆอย่างปลอบโยนพร้อมกับกล่าวออกมาว่า ?ถ้าอยากจะพูดอะไรก็บอกมาได้เลยนะพี่จะคอยอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนคอยฟังน้องไม่ไปไหนหรอก?

?ขอบคุณคะ? รีเซียน่าตอบกลับอย่างเบาๆ

?ไม่เป็นไรต้องขอบคุณหรอกเรื่องแค่นี้เอง และอีกอย่างพี่ก็เป็นพี่ชายน้องด้วยนะเพราะอย่างนั้นนี้ก็คือหน้าที่อย่างหนึ่งที่พี่ชายควรจะทำเพื่อน้องสาวแสนสวยของตัวเองอยู่แล้ว? ชายหนุ่มพูดโดยที่มือยังคงลูบเส้นผมสีดำของรีเซียน่าอยู่อย่างปลอบโยน

ดูเหมือนคำพูดประโยคนั้นของทานาธอสจะทำให้หญิงสาวนามว่ารีเซียน่านั้นเงยมามองหน้าพี่ชายของตนด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแล้วดูสบายใจมากขึ้นกว่าเมื่อสักครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนท่าเป็นไปนอนหนุนตักของทานาธอสแทนอย่างสบายใจพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

?มีพี่ชายดีมันก็ดีแบบนี้นี่เอง? รีเซียน่าพูดขึ้นหลังจากนอนหนุนตักทานาธอสเสร็จ

?พี่ชายคนนี้มันดีมาตั้งแต่เกิดแล้ว? ทานาธอสพูดยกยอตัวเองทันที

?งั้นเหรอ แต่หนูว่าพี่จะดีกว่านี้ได้อีกถ้ามองหน้าน้องสาวตัวเองแล้วไม่คิดอะไรอกุศลไปด้วย? หญิงสาวพูดแย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ยังคงยิ้มน้อยๆอยู่

?พูดอะไรน่ะรีเซียน่า พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นซักหน่อย? ทานาธอสพูดแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

?งั้นเหรอคะ? รีเซียน่าพูดพร้อมกับยกมือสองข้างดึงหน้าพี่ชายของตนมาใกล้ใบหน้าของตัวเองทันที

ทานาธอสจ้องหน้ารีเซียน่าอยู่สักพักหลังจากที่รีเซียน่าทำแบบนั้นจากนั้นหน้าเขาก็เริ่มแดงระเรื่อเล็กน้อยอย่างอายๆและพยายามที่จะหลบสายตาน้องสาวแสนสวยของตัวเองอย่างเต็มที่ทันทีซึ่งทำให้น้องสาวของเขายิ้มอย่างอารมณ์ที่เบิกบานอย่างมีความสุข

?แล้วทำไมตอนนี้พี่ชายถึงต้องหลบสายตาน้องสาวของพี่คนนี้ด้วยล่ะ ถ้าพี่ไม่คิดอะไร? รีเซียน่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มกระชากใจชาย ประมาณว่าไม่ว่าใครหน้าไหนที่ได้เห็นรอยยิ้มนี่ของเธอแล้วไม่หลงหญิงสาวผู้นี้ก็คงคิดได้แต่เพียงว่าคนผู้นั้นคงตาบอดไปแล้วได้เพียงอย่างเดียว

ทานาธอสหัวเราะน้อยๆกับพูดนั้นของรีเซียน่าแบบประมาณว่าเถียงไม่ขึ้นเพราะการกระทำของตนมันแสดงออกแบบตรงๆเกินกว่าที่จะเถียงกลับได้

?จ้ะ พี่คิด? ทานาธอสยอมรับแบบไร้ทางที่จะกระล่อนต่อไปได้

รีเซียน่าที่ได้ยินคำพูดของทานาธอสพูดยอมรับออกมาก็ปล่อยมือออกจากใบหน้าของชายหนุ่มทันทีซึ่งทานาธอสก็รีบยกหัวขึ้นหลบหน้ารีเซียน่าทันทีแต่ก็ยังยอมให้หญิงสาวหนุนตักอยู่เหมือนเดิม รีเซียน่ามองการกระทำของทานาธอสด้วยรอยยิ้มที่ยังคงพร่างพรายอยู่บนใบหน้าของเธอก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ทำหน้าที่เครียดและดูเป็นงานเป็นการขึ้น

?หนูจะออกจากที่นี่? รีเซียน่าเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

?อะไรนะ? ทานาธอสหันกลับถามและมองหน้ารีเซียน่าอย่างตกใจหลังจากได้ยินรีเซียน่าพูดขึ้น

?หนูจะออกจากที่นี่? รีเซียน่าพูดซ้ำอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ

?ทำไมน้องถึงคิดจะออกจากที่นี่ล่ะ? ชายหนุ่มถามอย่างร้อนรน

?มันมีเรื่องนิดหน่อยคะ คืออย่างนี้...? รีเซียน่าพูดเล่าเรื่องที่เธอคุยกับลูเซียและแผนการของลูเซียให้ทานาธอสฟังโดยละเอียด

ทานาธอสนั่งรับฟังอย่างเงียบและครุ่นคิดกับเรื่องที่รีเซียน่าเล่าให้เขาฟังด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เนื่องจากเรื่องที่รีเซียน่าหลงรักกับเทพธิดาที่ชื่อว่าเฟรย์ริน่ามันออกจะเป็นเรื่องใหญ่มากและแถมแผนการที่ดูเป็นไปไม่ได้ของลูเซียอีกมันช่างเกินคำบรรยายจริงๆ

?นี่ รีเซียน่า? ทานาธอสเอ่ยเรียกรีเซียน่าขึ้นเบาๆหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากน้องสาวของคัวเองจนจบ

?คะ? รีเซียน่ารับคำ

?น้องคิดจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ? ทานาธอสพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

?คะ? รีเซียน่าพูดตอบรับแบบไม่ปฏิเสธ

?แต่น้องก็รู้นี่ว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิงเหมือนน้องและอีกอย่างน้องก็ยังไม่เคยคุยเธอคนนั้นซักหนเลยด้วยแล้วน้องจะยอมทำแบบนี้เพื่อเพียงแค่จะได้อยู่กับคนที่น้องไม่รู้จักอะไรเขาเลยแบบนี้จริงๆเหรอ? ทานาธอสพูด

?คะ หนูยอมที่จะทำแบบนี้เพื่อที่จะได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่ว่าจะลำบากหรือทรมานสักเพียงใด จริงอยู่ที่หนูนั้นไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับหญิงสาวคนนั้นเลยและแถมอีกว่าคนนั้นเป็นผู้หญิงเหมือนกับหนูอีกแต่หนูไม่สนใจ ใครจะว่าหนูบ้าหรือวิปริตเป็นหญิงชอบหญิงอย่างเปิดวงมโหรีก็ช่างหนูไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงแค่ให้หนูได้อยู่กับเธอคนนั้นก็พอ ไม่ว่าจะต้องทำอะไรหนูยอมทุกอย่าง แบบนี้อาจจะเรียกได้ว่าพรหมลิขิตมั้งคะ? รีเซียน่าพูดตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

?งั้นเหรอ? ทานาธอสพูดขึ้นและถอนหายใจออกมาอย่างระบายอารมณ์ก่อนจะกล่าวต่อว่า ?งั้นพี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดเถียงหรือแย้งแล้ว เพราะอย่างไรเรื่องนี้น้องก็ตัดสินใจไปแล้วนี่?

?ขอบคุณคะพี่ชาย? รีเซียน่าพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นหลังจากทานาธอสยอมรับเรื่องนี้ก่อนจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลายพร้อมกับเสียงลมหายใจที่เริ่มส่งเสียงออกมาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

ทานาธอสก้มลงไปมองรีเซียน่าทันทีที่รีเซียน่าเงียบไปและพบว่าบัดนี้เธอได้นอนหลับอยู่บนตักเขาอย่างผ่อนคลายด้วยสีหน้าที่ยังคงยิ้มอยู่น้อยๆ ทำให้ทานาธอสนั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเช่นกันที่เห็นน้องสาวของเขานั้นดูมีความสุขมากขนาดนี้ซึ่งเขาลูบผมรีเซียน่าเบาๆอย่างเอ็นดูและมองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเขาเนื่องจากเขากับรีเซียน่านั้นต้องแยกกันอยู่มาตลอดจึงไม่ได้คุยอะไรกับเธอมากนักเพราะรีเซียน่ากับเขานั้นพึ่งจะเจอกันอีกครั้งหลังจากต้องแยกห่างกันมานานหลังที่รีเซียน่าพึ่งเข้าวังมานั้นเอง ทั้งคู่นั้นไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ของพวกเขาซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้ใส่ใจหาความมากนักกับเรื่องนี้ก็แบบว่าพวกเขาอยู่กันเองได้โดยไม่สนใจเรื่องนี้หรอก

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่และดูเหมือนว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของชายหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อน้องสาวแสนสวยของเขากำลังนอนหลับหนุนตักของเขาอยู่ด้วยสีหน้าที่สบายๆอย่างมีความสุขอยู่ ยิ่งทำให้ทานาธอสนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นที่ได้เห็นภาพนี้ปรากฏอยู่ตรงตักของเขา และแล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยนานเท่าไรทานาธอสธอสเองก็ไม่รู้แล้วเพราะเขานั้นยังคงดื่มด่ำกับความสุขของภาพเบื้องหน้าของเขาอยู่อย่างลืมเวลาและบรรยากาศรอบๆตัวไปเลยโดยสิ้นเชิง

จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งมาขัดจังหวะขึ้นเสียงนั้นคือเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมานั้นเอง ก๊อก! ๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามที จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นตามาทันทีโดยที่ไม่คิดจะรอการตอบรับของเจ้าของเลยแม้แต่น้อย ทานาธอสหันหลังกลับไปมองตามเสียงเปิดประตูทันแล้วเขาก็พบหญิงสาวผมแดงที่ชอบอยู่กับเซลฟีรอส เดินเข้ามาในห้องก่อนที่สายตาเธอจะเหลือบไปเห็นทานาธอสนั่งอยู่บนเตียงของรีเซียน่ากับรีเซียน่าซึ่งบัดนี้นอนหนุนตักเขาอยู่อย่างประหลาดใจ

?ฉันเข้ามารบกวนอะไรหรือเปล่าคะ? เซลฟีนเอ่ยขึ้นอย่างเกรงๆหลังจากเห็นภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเธออย่างชัดเจน

?อะ เอ่อ? ทานาธอสกล่าวอย่างอึกอักด้วยอาการที่ลนลานเป็นอย่างมากซึ่งดูเหมือนว่าการกระทำนั้นของเขาจะปลุกให้รีเซียน่าให้ตื่นขึ้นอย่างที่เขาไม่ได้ตั้งใจ

?อะไรเหรอ? รีเซียน่าลุกออกจากตักของพี่ชายตัวเองพร้อมถามขึ้นทันทีด้วยอาการที่ยังคงงัวเงียหลังจากตื่นนอนอยู่

?เอ่อ.... คือว่า....? ทานาธอสจะพูดตอบแต่เขายังคงปรับอารมณ์ไม่ได้ผลที่ตามมาจึงเป็นแบบนี้คือเขาพูดไม่ออก

รีเซียน่าหันมองไปสำรวจรอบๆห้องทันทีและก็พบหญิงสาวผมแดงยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องของเธอดังนั้นรีเซียน่าจึงทักขึ้นมาว่า ?สวัสดีคะคุณเซลฟีน?

?สวัสดีคะคุณรีเซียน่า? เซลฟีนทักทายกลับหลังจากรีเซียน่าพูดทักทายเธอก่อนเสร็จ

ทานาธอสนั้นเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนี้ต้องการที่จะคุยกันแบบผู้หญิงคุยกันมากกว่าเพราะฉะนั้นผู้ชายอย่างเขาก็ควรจะถอนหลบฉากไปจะดีกว่า พอทานาธอสนึกได้อย่างนั้นเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนทันที

?งั้นกระผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับท่านรีเซียน่า? ทานาธอสเอ่ยขึ้นหลังจากลุกขึ้นยืนซึ่งรีเซียน่าก็พยักหน้าตอบรับคำขอของทานาธอสแต่โดยดี ดังนั้นทานาธอสจึงเดินออกจากห้องไปทันทีทิ้งให้สองสาวได้อยู่คุยกันอย่างเป็นส่วนตัว

ปัง! เสียงประตูปิดดังขึ้นเบาๆหลังจากทานาธอสเดินออกจากห้องไป จากนั้นความเงียบก็แผ่ปกคลุมเข้าห้องนี้อย่างช้าๆโดยที่ไม่มีเหตุผลบอกได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

?ฉันมีเรื่องที่จะพูดกับคุณคะ คุณรีเซียน่า? เซลฟีนเอ่ยพูดขึ้นในที่สุด



................................................................................................................................................................................



ตอนนี้รีเซียน่าได้นั่งอยู่บนเตียงของเธอกับหญิงสาวผมแดงนามว่าเซลฟีนอย่างรอฟังคำพูดประโยคต่อไปของเธอแต่เซลฟีนนั้นหลังจากพูดว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับรีเซียน่าจบเธอก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ

?ไม่เคยคิดเลยนะคะว่าคุณรีเซียน่าจะมีความสัมพันธ์ลับๆกับองครักษ์ตัวเองอย่างนี้? เซลฟีนเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งนิ่งเงียบมานาน

?ดูแล้วเมื่อกี้นี้ฉันเหมือนคนที่มีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับทานาธอสงั้นเหรอ? รีเซียน่าพูด

?แล้วจะให้คิดฉันอย่างไงละคะ? หญิงสาวผมแดงพูด

?ก็นะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอกเรื่องที่เธอจะคิดอย่างนั้นเพราะสภาพฉันกับทานาธอสเมื่อครู่นี้ไม่ว่าใครมาเห็นก็ต้องคิดว่าฉันกับทานาธอสต้องมีความสัมพันธ์ต้องห้ามกันทั้งนั้นแหล่ะ ทั้งที่ความเป็นจริงมันคงเป็นแบบนั้นไม่ได้ถึงแม้ฉันจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ? รีเซียน่าพูดตอบด้วยรอยยิ้ม

?หมายความว่าอย่างไงคะที่พูดเมื่อครู่นี้? เซลฟีนถามขึ้นอย่างสงสัย

?ก็หมายความว่าอย่างนั้นนั่นแหล่ะ? รีเซียน่าตอบอย่างง่ายๆก่อนจะกล่าวต่อว่า ?แล้วเรื่องที่เธอต้องการจะพูดกับฉันคือเรื่องอะไรเหรอ อย่าบอกว่าหาฉันเพราะต้องการจะพูดเรื่องเมื่อกี้นี้น่ะ?

?เปล่าคะ คือว่าเรื่องที่ฉันต้องการจะคุยกับคุณคือเรื่องพี่เซลฟีรอสคะ? เซลฟีนพูดตอบ

รีเซียน่าหันมามองหน้าคู่สนทนาของเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนอย่างน่ากลัวไปเมื่อได้ยินชื่อของเซลฟีรอสหลุดออกมาจากปากของคู่สนทนาตัวเอง

?เซลฟีรอสทำไมเหรอ? หญิงสาวผมดำพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบขึ้นแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงไว้อย่างน่ากลัวแต่เซลฟีนก็ไม่หวั่นมากนัก

?เรื่องที่เกี่ยวกับพี่เซลฟีรอสทำคุณรีเซียน่าโกรธได้ทุกทีเลยนะคะ? เซลฟีนพูดเหน็บกับท่าทีของรีเซียน่าเล็กน้อย

?ก็แหงอยู่แล้วเรื่องนี้เธอเองก็รู้เหตุผลดีนี่เพราะตอนนั้นเธอก็อยู่ด้วย? รีเซียน่าตอบเสียงเรียบๆ

และประโยคนี้ดุเหมือนว่าจะทำให้คู่สนทนาของเธอนั้นชะงักไปเลยทันทีเมื่อเอเอนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นที่รีเซียน่าพูดถึงได้ด้วยความรู้สึกที่สำนึกผิด

?ขอโทษด้วยคะ? เซลฟีนพูดอย่างสำนึกผิดเมื่อนึกย้อนถึงเรื่องที่รีเซียน่าพูดถึงได้

?ไม่ต้องขอโทษหรอกเธอไม่ได้เป็นคนผิดซักหน่อย? หญิงสาวผมดำพูด

?แต่ว่าฉัน...? เซลฟีนจะพูดต่อแต่รีเซียน่าพูดขัดมาว่า ?ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องสนอีกอย่างเรื่องนั้นฉันก็พยายามลืมไม่จำมัน

?อยู่เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดถึงมันอีกเลย? รีเซียน่าพูด

?คะ? เซลฟีนรับคำ

รีเซียน่ายิ้มรับคำพูดนั้นของเซลฟีนอย่างเป็นมิตรและไร้การเสแสร้งใดใดทั้งสิ้นทำให้เซลฟีนนั้นมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาน้อยๆเหมือนกัน

?ว่าแต่เรื่องเกี่ยวกับเซลฟีรอสที่เธอจะพูดถึงคือเรื่องอะไรละ? รีเซียน่าพูดวกเข้ากลับประเด็นที่พวกเธอพูดกันก่อนหน้านี้อีกครั้ง

?เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะช่วยคุณทำอะไรในตอนนี้ได้ง่ายขึ้น? เซลฟีนตอบ

?เธอรู้เหรอว่าตอนนี้ฉันคิดจะทำอะไรอยู่? รีเซียน่าถามสวนกลับทันที

?คะ แต่ไม่มากเท่าที่ควร? สาวผมแดงตอบอย่างเรียบๆ ซึ่งทำให้รีเซียน่าต้องหัวเราะเบาๆ

?งั้นก็ว่ามาสิ? แม่สาวผมดำพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

?พูดแน่คะ แต่ว่าก่อนหน้านั้นฉันมีข้อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเรื่องนี้คะ? เซลฟีนพูดอย่างมีเลศนัยน้อยๆ

?ว่ามาสิ? รีเซียน่าตอบรับแบบไม่คิดแม้แต่น้อย

?เกี่ยวกับแผนในครั้งหนีที่คุณคิดจะหนีจากที่นี่ ฉันขอตามคุณไปด้วยได้ไหมคะ? เซลฟีนพูด

?ขอตามไปงั้นเหรอ? รีเซียน่าพูดถามอย่างประหลาดใจที่เซลฟีนมาขอแบบนี้กับเธอ

?ใช่คะ? เซลฟีนตอบย้ำอีกครั้ง

?ไม่ว่ากันอย่างไงถ้าเธอไปด้วยมันก็มีผลดีกับฉันมากกว่าผลเสียอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องของเธอกับเซลฟีรอสจะไม่เป็นไรเหรอ? รีเซียน่าพูดตอบรับคำขอนั้นอย่างง่ายๆ

?ไม่เป็นไรหรอกคะเพราะฉันก็คิดจะหนีจากเขามาหลายรอบแล้วแต่ไม่สบโอกาสเหมาะๆซักทีและดูเหมือนว่าคราวนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของฉันด้วยเพราะอย่างนั้นฉันไม่ปล่อยให้พลาดหรอกคะ? หญิงสาวผมแดงพูดตอบ

?งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน? รีเซียน่าพูด

จากนั้นหญิงสาวผมแดงก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีที่รีเซียน่าไม่โต้แย้งอะไรเธอและยอมรับที่จะพาเธอไปด้วยตอนนี้แบบไม่ว่ากล่าวหรือซักถามอะไรมากนักเพราะก่อนหน้าที่เอจะมาที่หนีและมาขอแบบนี้เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารของเธอกับรีเซียน่านั้นเอก็กลัวตลอดว่ารีเซียน่านั้นจะถามอะไรซอกแซกหรือเปล่าแต่ว่าตอนนี้รีเซียน่ากลับรับขอเสนอเธอง่ายๆโดยไม่ถามอะไรมากความด้วยเป็นคนอย่างที่เซลฟีนคิดไว้ไม่ผิดว่ารีเซียน่าเป็นคนง่ายๆจริงด้วย

?แต่ว่าคำขอที่เธอว่ามันก็ดูมากเกินไปสำหรับฉันเพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะขอให้ทำอะไรสักอย่างจะได้ไหม? สาวผมดำพูดขึ้นด้วยเสียงเป็นงานเป็นการขึ้นซึ่งเซลฟีนก็พยักหน้าตอบรับรีเซียน่าจึงพูดต่อว่า ?เรื่องที่ฉันขอให้ทำอาจจะแปลกสักหน่อยแต่ว่าวันหลังเธอจะเข้าใจเองว่าทำไหมฉันถึงให้เธอทำแบบนี้ เรื่องที่ฉันจะขอให้เธอทำก็คือ...?



....................................................................................................................................................................



ก๊อก ๆๆ ! เสียงเคาะประตูห้องของเซลฟีเรียดังขึ้นในตอนกลางดึกของคืนวันนี้โดยหญิงสาวผมเทาอมทองเจ้าของห้องในตอนนี้กำลังหวีผมอยู่หน้ากระจกในชุดนอนหลังจากที่เธอพึ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังจะเตรียมตัวเข้านอนทันทีหลังจากที่เธอหวีผมเสร็จ

?คะ ใครคะ? เซลฟีเรียตะโกนถามทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเธอ

?นี่ พี่เอง รีเซียน่า? เสียงของหญิงสาวที่เคาะประตูห้องเธอในตอนนี้พูดตอบกลับมา

เมื่อเซลฟีเรียได้ยินอย่างนั้นเธอก็รีบผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งทันที พร้อมกับวิ่งไปที่ประตูห้องนอนของเธอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดรับแขกยามวิกาลซึ่งก็คือพี่สาวแสนสวยแสนรักของเธอซึ่งตอนนี้กำลังยืนรออยู่หน้าห้องของเธออยู่ ปึง ! เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากนั้นก็พลันปรากฏร่างของหญิงสาวผมเทาอมทองซึ่งเป็นเจ้าของห้องนี้พร้อมกับเสียงหอบน้อยๆของหญิงสาวผู้นั้นเพราะเธอนั้นรีบวิ่งมาเปิดประตูบานนี้ราวกับกลัวว่าถ้าเธอมาเปิดประตูนี้ช้าอีกแม้เพียงสักวินาทีเดียวหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องของเธอนั้นจะอันตรธานหายไปจากหน้าห้องของเธออย่างไรร่องรอยเป็นแน่แท้

?ไม่ต้องรีบก็ได้พี่ไม่ได้เครียดเรื่องที่จะต้องรอน้องมาเปิดประตูช้าสักหน่อย? รีเซียน่าในชุดนอนพลิ้วๆพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอเมื่อเห็นท่าทีของน้องสาวบุญธรรมตัวเอง

?ก็แหม ไม่ได้หรอกคะนานๆทีพี่รีเซียน่าจะมาห้องหนูสักทีเดี๋ยวพี่จะกลับไปก่อนหนูก็เสียดายแย่สิ? เซลฟีเรียตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

?ก็เธอเล่นไปที่ห้องพี่ทุกวันจนพี่ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมาหาน้องเลยนี่? รีเซียน่าพูดสวนกลับอย่างสบายๆ

?ก็นะ ว่าแต่พี่สาวเข้ามาก่อนสิคะ? เซลฟีเรียพูดพร้อมกับดึงรีเซียน่าเข้ามาในห้องซึ่งรีเซียน่าก็ยอมเข้ามาแต่โดยดีอย่างไม่ขัดขืนแรงลากของน้องสาวบุญธรรมเธอเองแม้แต่น้อย

จากนั้นรีเซียน่าก็เดินไปนั่งที่บนเตียงของเซลฟีเรียตามแรงลากของหญิงสาวผมเทาอมทองอย่างว่าง่ายด้วยอารมณ์ที่อึดอัดภายในใจแต่เธอก็ฝืนยิ้มออกมาเมื่อเธอเห็นน้องสาวต่างสายเลือดของเธอยิ้มอย่างมีความสุขเพราะเห็นเธอมาหาถึงห้องตัวเอง

?ว่าแต่พี่รีเซียน่ามาหาหนูกลางดึกมีอะไรหรือเปล่าคะ? เซลฟีนถามขึ้น

?เปล่านี่ พี่ก็แค่คิดถึงอยากมานอนกับน้องด้วยไม่ได้หรือไง? รีเซียน่าพูดตอบ

?จริงเหรอ? เซลฟีเรียพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นปนไปด้วยความดีใจ

?จริงสิพี่ไม่ได้โกหกเห็นไหมนี่ใส่ชุดนอนมาเต็มยศอย่างนี้ที่จริงว่าจะถือหมอนมาเลยด้วยซ้ำ? สาวผมดำพูดย้ำให้คู่สนทนามั่นใจในคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่

เซลฟีเรียที่ได้ยินอย่างนั้นก็โผเข้ากอดรีเซียน่าทันทีอย่างมีความสุขเป็นอย่างมากที่รู้ว่ารีเซียน่านั้นจะมานอนกับเธอในคืนนี้เป็นเพื่อนซึ่งทั้งรีเซียน่าก็ตอบรับการกอดของน้องสาวต่างสายเลือดของเธอคนนี้ด้วยการลูบศีรษะของเธอเบาๆอย่างเอ็นดู แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเป็นเวลานานอยู่บนเตียงอย่างมีความสุขโดยที่ทางเซลฟีเรียนั้นไม่รู้เลยว่าที่รีเซียน่าทำแบบนี้นั้นเพื่อต้องการจะมาบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะออกจากที่วังแห่งนี้ไปอย่างที่ไม่คิดจะหวนกลับมาอีกเป็นเวลานาน

หลังจากทั้งที่คู่คุยกันจบได้ไม่นานนักน้องสาวต่างสายเลือดนั้นก็หลับอยู่บนวงแขนขาวๆที่ดูบอบบางของรีเซียน่าด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธออย่างมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่สาวของเธอในตอนนี้ซึ่งภาพนั้นทำให้รีเซียน่าลังเลใจเล็กน้อยที่จะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อที่กลับไปที่ห้องเธอแล้วก็เตรียมที่จะออกจากวังนี้ไป แต่ในที่สุดรีเซียน่าก็ยกศีรษะของเซลฟีเรียอย่างแผ่วเบาแล้วย้ายไปหนุนที่หมอนด้วยสีหน้าที่เอ็นดูปนเจ็บปวดใจ

?อย่าจากหนูไปเลยนะพี่รีเซียน่า? เซลฟีเรียเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับดึงแขนเธอที่กำลังจะลงจากเตียงเอาไว้

รีเซียน่านั้นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเซลฟีเรียพูดแบบนี้เธอจึงหันกลับไปมองน้องสาวต่างสายเลือดของเธอทันทีแต่แล้วที่ก็พบว่าที่เซลฟีเรียพูดเมื่อสักครู่นี้นั้นเป็นเพราะเซลฟีเรียนั้นละเมอพูดขึ้น แต่แทนที่รีเซียน่ารู้แล้วนั้นเธอจะโล่งใจแต่กลับพบว่ามันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของเธอ

จากนั้นรีเซียน่าก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มน้องสาวต่างสายเลือดของเธออย่างแผ่วเบาด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและฝืนยิ้มอย่างเศร้าๆก่อนจะกระซิบข้างหูเซลฟีเรียเบาๆว่า ?ขอโทษด้วยนะที่พี่ต้องทำแบบต้องจากเธอไปโดยไม่บอกไม่กล่าวพี่ขอโทษด้วยจริงๆ?

หลังจากนั้นรีเซียน่าก็สูดหายใจลึกอย่างทำใจก่อนจะลุกขึ้นอย่างช้าแล้วก็เดินไปที่ประตูห้องอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าทีเขาจะทำได้แล้วจากนั้นเธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องนี้ไปแต่ว่าก่อนที่เอจะปิดประตูลงเธอก็ไปทางเซลฟีเรียอีกหนแล้วก็มองอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนจะเอ่ยอย่างเบาๆว่า ?ลาก่อน? จากนั้นเอก็ปิดประตูห้องแล้วเดินจากไปทันที

แต่ว่าระหว่างทางที่เธอกำลังเดินกลับห้องอยู่นั้นเธอก็พบว่าทานาธอสนั้นกำลังยืนรอเธอตรงระเบียงทางเดินด้วยสีหน้าที่ปรากฏไปด้วยรอยยิ้มอย่างเศร้าๆก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า ?จะไปแล้วสินะ?

รีเซียน่าพยักหน้าเบาๆอย่างไม่ปฏิเสธคำถามนั้นของทานาธอสยิ่งทำให้ทานาธอสนั้นยิ้มขึ้นด้วยอารมณ์ที่เศร้าใจลงเป็นมาก ราวกับว่าทั้งโลกใบนี้นั้นมันพึ่งพังทลายลงมาเมื่อสักครู่ที่รู้ว่ารีเซียน่านั้นตั้งใจที่จะออกจากวังไปในคืนวันนี้

?งั้นเหรอ? ทานาธอสพูดเบาๆอย่างเศร้าใจก่อนเอ่ยต่อมาว่า ?พี่จะไม่คิดจะห้ามอะไรหรอกนะเพราะพี่ก็ยอมรับเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วแต่ว่าพี่อยากจะพูดกับน้องแค่ว่าโชคดีนะขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพแล้วก็รักษาสุขภาพด้วยละ?

?คะ พี่ชายก็เหมือนกันรักษาสุขภาพด้วยนะคะแล้วพบกันไหมนะคะ? รีเซียน่าพูดพร้อมกับพยักหน้าเบาๆด้วยอารมณ์ที่เศร้าๆไม่แพ้กับพี่ชายของเธอในตอนนี้มากนัก

ทานาธอสนั้นยกมือรับคำของรีเซียน่าก่อนจะเดินสวนกับรีเวียน่าไปช้าๆก่อนจะหายตัวไปจากสถานที่แห่งนี้ราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ในที่แห่งนี้ตั้งแต่แรกแล้วซึ่งรีเซียน่าก็ก้มหน้าอย่างทำใจเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและมั่นใจมากขึ้นแม้ว่ามันจะแฝงไปด้วยความเศร้าก็ตามที



..................................................................................................................................................................



ไม่นานนักรีเซียน่าก็เดินกลับมาถึงที่ห้องนอนของเธอซึ่งเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอก็พบว่าหญิงสาวผมแดงนั้นนั่งรอเออยู่แล้วในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกเดินทางทันทีซึ่งเมื่อรีเซียน่าเห็นอย่างนั้นเธอก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีแต่ว่าเป็นแทนที่รีเซียน่าจะใส่เสื้อผ้าผู้หญิงเหมือนที่เธอใส่อยู่ทุกวันนั้นแต่เธอกลับใส่ชุดของทานาธอสแทนและเมื่อเธอใส่เสื้อผ้าเสร็จเธอก็หันไปทางเซลฟีนทันที

?แน่ใจแล้วเหรอคะที่จะทำแบบนี้? เซลฟีนถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวผมดำหันมาหาเธอ

?ยิ่งกว่าแน่อีกเพราะฉันตัดสินใจแล้ว? รีเซียน่าตอบด้วยสีหน้าที่ไร้การลังเลใดๆทั้งสิ้น

จากนั้นรีเซียน่าก็หลับลงแล้วตั้งสมาธิเล็กน้อยจากนั้นร่างเธอก็พลันแปรเปลี่ยนจากร่างหญิงสาวผมดำแสนสวยเป็นชายหนุ่มรูปหล่อปนสวยผมสีดำยาวเหมือนตอนที่เขายังคงเป็นรีเซียน่าอยู่ ตาสีเขียว ผิวขาว ผอมสูงหุ่นนายแบบ

?ร่างผู้หญิงก็สวยบาดใจแต่ร่างผู้ชายก็หล่อบาดใจไม่แพ้กันเลยนะคะคุณรีเซียน่า? เซลฟีนพูดอย่างออกความเห็น

?ขอบใจ? รีเซียน่าในร่างผู้ชายพูดอย่างรับคำชมนั้นก่อนจะพูดต่อว่า ?เริ่มทำตามที่ฉันขอไว้ได้แล้วดีกว่ามั้งอย่าพึ่งถามอะไรอีกเลยเพราะอย่างน้อยพวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกห้าพันปีแล้วเธอก็จะรู้เองว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้?

?คะ? เซลฟีนรับคำอย่าง่ายๆก่อนจะยกมือขึ้นทาบที่ใบหน้าของรีเซียน่าอย่างแผ่วเบาแล้วก็หลับตาลงก่อนจะมีแสงสีขวาสว่างวาบขึ้นที่บริเวณฝ่ามือของเซลฟีนจนมองไม่เห็นอะไรไปสักพักใหญ่เลยก็ว่าได้

และเมื่อแสงสว่างในห้องนั้นจางลงก็พบ่วาตอนนี้รีเซียน่านั้นได้นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าที่เหม่ไร้สติ ก่อนที่เซลฟีนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูของเขาเบาๆว่า ?ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคุณคือผู้ชายที่ชื่อรีเซิกร์เป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งโลกปิศาจแห่งนี้และทั้งยังเป็นพี่ชายของฉันด้วยซึ่งต้องการที่จะหนีออกจากวังด้วยเหตุผลบางอย่างที่สำคัญเหมือนตอนที่คุณยังคงเป็นหญิงสาวที่ชื่อว่ารีเซียน่า?

พอเซลฟีนพูดจบเธอก็ดีดนิ้วเบาๆข้างหูรีเซียน่าจากนั้นชายผู้นั้นก็ลืมตาขึ้นมาทันทีพร้อมกับมองไปรอบอย่างตกใจก่อนจะพูดขึ้นว่า ?เกิดอะไรขึ้นเหรอเซลฟีนพี่เป็นอะไรไป?

?เปล่านี่คะ คุณรีเซีย... ไม่สิพี่รีเซิกร์? เซลฟีนตอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อหน้านี้

?เหรอ? ชายหนุ่มพูดรับครับอย่างเบาๆ

?ยิ่งกว่าแน่อีกคะ พี่ชาย? เซลฟีนพูดตอบเพิ่มความมั่นใจให้รีเซียน่าซึ่งบัดนี้ถูกเปลี่ยนความทรงจำให้กลายเป็นชายหนุ่มที่ชื่อรีเซิกร์ไปเต็มตัว

?งั้นก็ดี? รีเซิกร์ตอบ

?คะ แต่ว่าตอนนี้เราไปกันได้แล้วมั้งคะเพราะหนูคิดว่าอยู่แบบนี้นานมันจะไม่ดี? เซลฟีนพูดพร้อมเดินไปหยิบสัมภาระซึ่งรีเซิกร์ก็ทำตามโดยทันทีก่อนที่ทั้งสองคนจะหนีหายไปจากวังหลวงของโลกปิศาจไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่มีใครในวังหลวงแห่งโลกปิศาจนี้ได้พบพวกเธออีกต่อไป

เรื่องที่ฉันจะขอให้เธอทำก็คือช่วยเปลี่ยนและลบความทรงจำของฉันจากหญิงสาวสาวที่ชื่อรีเซียน่าเป็นชายหนุ่มที่ชื่อที่ชื่อรีเซิกร์ให้หน่อย ประโยคคำขอของรีเซียน่าประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวของเซลฟีนอย่างสงสัยมาตลอดจนกระทั่งเธอได้พบกับเทพธิดาที่มีนามว่าเฟรย์ริน่าเธอถึงเข้าใจในที่สุด



****************************************
the true is out there

รูปภาพ

ภาพประจำตัวสมาชิก
freedom_destiny
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 27 ส.ค. 2006 9:00 am

โพสต์ โดย freedom_destiny »

Chapter 31
Third level (ขั้นที่สาม)


เพล้ง ! เสียงดาบจันทราของรีเซิกร์นั้นกระทบกันกับดาบดาราของเซลฟีเรียหลังจากที่หญิงสาวผมเทาอมทองนั้นพุ่งโจมตีเข้าหารีเซิกร์พร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าใส่หมายที่จะพิฆาตคู่ต่อสู่ให้ดาวดิ้นไร้ซึ่งจิตที่หวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น แต่ทว่ารีเซิกร์นั้นกลับหมุนดาบจันทรามารับได้ทันก่อนที่ดาบของเซลฟีเรียจะพุ่งเข้าฟันเธอขาดเป็นสองซีกในแนวยาว จากนั้นหญิงสาวผมทองก็ตอบโต้บ้างโดยการเหวี่ยงดาบสุริยันเข้าใส่หญิงสาวผมเทาอมทองซึ่งบัดนี้หญิงสาวผู้นั้นได้ยืนอยู่ต่อหน้าเธออยู่ แต่ทว่า ฟ้าว! เสียงดาบสุริยันของรีเซิกร์แหวกฝ่าลมไปโดยไม่โดนเป้าหมายนั้นก็คือหญิงผมเทาอมทองซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้ยืนอยู่ตรงด้านหน้ารีเซิกร์แต่บัดนี้หญิงสาวผู้นั้นได้หายไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย แล้วทันใดนั้นเองรีเซิกร์ก็รู้สึกว่าตอนนี้ไหล่ขวาตรงข้างหลังของเธอนั้นกำลังถูกฟันโดยดาบเล่มหนึ่งที่มาจากข้างหลังจึงทำให้รีเซิกร์นั้นรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าทันทีอย่างไม่คิดชีวิตก่อนที่ดาบของเซลฟีเรียจะฟันลึกเข้าไปในผิวหนังของเธอมากกว่านี้

ฉั้ว! เลือดสาดกระเซ็นออกมาน้อยๆจากบาดแผลที่ถูกฟันในครั้งนี้ของรีเซิกร์หลังจากที่เธอพุ่งตัวมาข้างหน้าเพื่อลดความเสียหายจากการโจมตีในครั้งนั้นให้น้อยที่สุดพร้อมกับหันตัวกลับมาทางเซลฟีเรียแล้วก็เหวี่ยงดาบจันทราใส่เซลฟีเรียเป็นแนวขวางทันทีซึ่งเซลฟีเรียก็กระโดดหลบไปข้างหลังได้อย่างสบายๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังช้าเกินไปเพราะดาบนั้นของเซลฟีเรียได้ฟันลึกเข้าไปในผิวหนังของเธอพอสมควรและคิดว่าน่าจะไปถึงกล้ามเนื้อและเส้นประสาทของแขนก่อนที่รีเซิกร์จะพุ่งหลบมาทันซึ่งทำให้แขนขวารีเซิกร์ในตอนนี้หมดแรงไปดื้อๆและไม่สามารถขยับได้เลยทันที แต่ทว่าหลังจากที่เซลฟีเรียเห็นอย่างนั้นเธอก็ยังคงไม่หยุดการโจมตีลงแค่นั้นเพราะเมื่อเธอเห็นรีเซิกร์กระโดดพุ่งตัวไปข้างหน้านั้นเธอก็รีบพุ่งตามไปทันทีพร้อมกับยกดาบไปข้างหน้าโดยเป้าหมายคือหญิงสาวผมทองที่ยืนอยู่ข้างหน้าและไม่ไกลจากเธอมากนักในตอนนี้

ฉึก! ดาบใสของเซลฟีเรียนั้นพุ่งเข้าทะลุช่วงท้องของรีเซิกร์ไปทันทีอย่างที่รีเซิกร์ไม่สามารถยกดาบมากันได้ทันเลยแม้แต่น้อยจนเลือดสีแดงฉานนั้นซึมไปดาบดาบดาราของเซลฟีเรียย้อมให้ดาบของเซลฟีเรียกลายเป็นสีแดงตามสีเลือดของรีเซิกร์

?จงแหลมคมดุจดังมีด? เซลฟีเรียเอ่ยขึ้นอย่างเบาๆด้วยสีหน้.

พรวด! เสียงน้ำแข็งเป็นจำนวนมากได้ผุดออกมาจากตัวดาบของเซลฟีเรียอย่างรวดเร็วทันทีที่เซลฟีเรียพูดจบซึ่งในตอนนั้นเองรีเซิกร์นั้นใช้เวทเบี่ยงมิติได้ทันก่อนที่ตัวเธอจะพรุนเป็นรังผึ้งจากการที่เซลฟีเรียสร้างน้ำแข็งรอบดาบได้ทันท่วงทีจึงรอดมาได้อย่างฉิวเฉียด แต่ว่าผลจากการโจมตีก่อนหน้านี้ของเซลฟีเรียนั้นก็ทำให้รีเซิกร์ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว

?ฉันฟันโดนพี่กี่หนแล้วนะคะพีรีเซียน่า? เซลฟีเรียพูดอย่างเย้ยหยัน

?ยอมรับเลยว่าเก่งขึ้น? รีเซิกร์พูดตอบรับคำพูดนั้น ?ตอนที่ฉันไม่อยู่คงซุ่มฝึกมาอย่างดีสินะ?

?แน่นอนคะหนูไม่อยู่เป็นคุณหนูเฉยๆรอพี่หรอกคะ? เซลฟีเรียพูดและยิ้มตอบรับกับคำพูดของรีเซิกร์

แต่แล้วทันใดนั้นเองจู่ๆแผลของรีเซิกร์ที่โดนเซลฟีเรียทำร้ายก็เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่เพียงผิวขาวๆกับเลือดที่ซึมติดกับเสื้อและรอยขาดหวิ่นของเสื้อของรีเซิกร์เท่านั้นราวกับว่าบนตัวของรีเซิกร์นั้นไม่เคยมีแผลมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อยซึ่งภาพนั้นก็สร้างความประหลาดใจให้เซลฟีเรียไม่ใช่น้อย

?เรเชล ซัคคิวบัส มนตราเยียวยา? หญิงสาวผมเทาอมทองเอ่ยอุทานอย่างเบาๆ

?หัวไวดีนี่เซลฟีเรีย? รีเซิกร์พูดชม

?สุดยอดจริงๆเลยพี่รีเซียน่าแต่ว่านะพี่รีเซียน่า พี่ก็น่าจะรู้นี่ว่าเทวทูตไม่แพ้กับแค่ลูกเล่นแค่นั้นหรอกนะพี่สาว? เซลฟีเรียพูดแล้วจากนั้นก็เริ่มพุ่งเข้าหารีเซิกร์อีกครั้งทันที

ตูม! ๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่วห้องหลังจากที่ทั้งสองเริ่มสู้กันอีกครั้งพร้อมกับเปลวเพลิง น้ำแข็ง สายฟ้า สายน้ำ ที่กระจายไปทั่วห้องหลังจากที่ทั้งสองใช้พลังของตนเข้าโหมโรมรันกันจนบรรยากาศดูน่ากลัวเป็นอย่างมากและไม่อาจบอกได้ว่า หลังจากการต่อสู้นี้จบลงให้ห้องนั้นจะเหลืออะไรที่ใช้ได้บ้าง

ฟ้าว! เสียงดาบจันทราของรีเซิกร์ฟันหวืดอีกครั้งโดยไม่โดนเป้าหมาย ถึงแม้ว่าหญิงสาวผมทองคนนี้จะรู้ว่าเซลฟีเรียมาทางไหนโจมตีใส่เธออย่างไหนก็ตามแต่ทว่าร่างกายเธอนั้นกลับตอบสนองตามไม่ทันกับความเร็วของเซลฟีเรียเลยแม้แต่น้อย ประมาณว่ารู้ก็รู้อยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะอะไรกับเธอแต่ร่างกายมันตอบรับผลที่ได้ก็คือเปล่าประโยชน์ เพราะในตอนนี้รีเซิกร์นั้นโดนโจมตีอยู่ร่ำไปจนเลือดโทรมกายโดยที่ไม่สามารถสวนกลับใส่เซลฟีเรียได้เลยแม้แต่นิดเดียว

?สายน้ำจงสกัดกั้น? รีเซิกร์ร้องร่ายมนตราออกมา

จากนั้นก็มีสายน้ำพุ่งออกจากดาบของเธอมาเป็นกำแพงขวางหน้าระหว่างรีเซิกร์กับเซลฟีเรียเอาไว้ แต่ทว่าก็เปล่าประโยชน์เพราะเซลฟีเรียนั้นร่ายคำสาปสวนกลับกำแพงวารีเวทนั้นทันทีทำให้กลับกลายเป็นน้ำธรรมดาแล้วจากนั้นหญิงสาวผมเทาอมทองก็พุ่งตัวทะลุสายน้ำที่กำลังไหลลงนั้นมาหารีเซิกร์ทันทีพร้อมกับเงื้อดาบเหวี่ยงเข้าหารีเซิกร์ในทางขวางอย่างแรงซึ่งรีเซิกร์ก็เตรียมรับการโจมตีนั้นด้วยการหันดาบทั้งสองในแนวตั้งเพื่อตั้งรับ

ตูม ! เสียงระเบิดดังขึ้นทันทีที่ดาบทั้งสามนั้นสัมผัสกันและดูเหมือนว่าผลในการโจมตีจนเกิดการระเบิดหนนี้รีเซิกร์ก็เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเหมือนเดิมเมื่อร่างของหญิงสาวผมทองนั้นกระเด็นไปตามแรงระเบิดจนไปชนกำแพงห้องทะลุแล้วลอยละล่องตกจากวังหลวงไปพื้นข้างล่าง พลั่ก! เสียงร่างสาวผมทองกระแทกเข้ากับพื้นดินด้านล่างอย่างแรงจนเธอกระอักเลือดออกมาทันทีและนอนแน่นิ่งไปอย่างลุกขึ้นไม่ไหว

?ว่าไงพี่รีเซียน่าจะยอมแพ้หรือยัง? เซลฟีเรียพูดขึ้นหลังจากกระโดดตามรีเซิกร์ลงมาถึงพื้นซึ่งดูเหมือนว่าประโยคนั้นจะทำให้รีเซิกร์นั้นหัวเราะเบาๆ

?ไม่? รีเซิกร์พูดตอบอย่างหนักแน่นพร้อมที่พยายามจะยืนขึ้นมาอีกครั้งในสภาพที่ร่อแร่เต็มทน

?ทั้งที่พี่มีสภาพแบบนี้นี่นะยังคิดจะสู้อีกเหรอ? เซลฟีเรียพูดอย่างประหลาดใจ

?มันมีเหตุผลที่ทำให้แพ้ไม่ได้นะสิ? รีเซิกร์พูดตอบเบาๆ

?เหตุผลนั้นคือ...? เซลฟีเรียพูดถาม

?ชนะฉันให้ได้ก่อนสิแล้วฉันจะบอกและแถมจะตามเธอกลับไปที่วังแต่โดยดีด้วย? รีเซิกร์พูดสวนกลับพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนหน้าเธอ

?สภาพอย่างนั้นยังคิดว่าจะชนะหนูได้อีกหรือพี่สาว? เซลฟีเรียพูดเสียงเย็นๆพร้อมกับพุ่งเข้าหารีเซิกร์ทันทีแบบที่หญิงสาวผมทองก็ไม่ทันตั้งตัว

เพล้ง! เสียงดาบดารากับดาบจันทราปะทะกันดังขึ้นหลังจากที่รีเซิกร์นั้นยกดาบมาขวางการโจมตีนั้นของเซลฟีเรียได้ทันท่วงทีอย่างน่าประหลาด

?ก็เพราะอย่างนี้ไงละฉันถึงต้องยินดีให้กับเธอด้วยเซลฟีเรียเพราะความเก่งกาจของเธอทำให้เธอได้เห็นฉันในร่างที่เธออยากจะเห็นอีกครั้งหนึ่งอย่างไงล่ะ ร่างที่ฉันไม่คิดจะกลับสู่ร่างนั้นอีก? รีเซิกร์พูด

แล้วทันใดนั้นเองร่างก็รีเซิกร์ก็เริ่มเปลี่ยนสภาพไปอีกครั้งโดยคราวนี้ผมของรีเซิกร์เริ่มเปลี่ยนจากสีทองการเป็นเป็นสีดำขลับยาวสลวย แขนขาของเธอก็ดูยืดยาวมาทำให้ดูสูงระหงดูสง่างามขึ้น จากนั้นใบหน้าที่เรียบเนียนไร้รอยกร้านหรือรอยฝ้าก็ปรากฏขึ้น ทุกอย่างในร่างของรีเซิกร์ตอนนี้ไม่ต่างจากเมื่อห้าพันก่อนแม้แต่น้อยยกเว้นก็แต่ดวงตายังคงเป็นสองสีเหมือนตอนที่เธอยังคงอยู่ในร่างสาวผมทองโดยข้างซ้ายสีแดงข้างขวาสีเขียว ตอนนี้รีเซิกร์กลับไปเป็นหญิงสาวแสนสวยที่เป็นที่หมายปองในโลกปิศาจอีกครั้ง สาวสวยที่มีนามว่ารีเซียน่า



.................................................................................................................................................................



ในที่สุดพวกเรทซ์ก็วิ่งมาถึงในวังหลวงแห่งเดสรอสบริเวณหน้าพระราชวังหลักที่เฟนริลกับคลูเอลนั้นกำลังนั่งเฝ้าสามสาวที่นอนสลบอยู่เนื่องจากผลกระทบการคลายคำสาปของรีเซิกร์ซึ่งเมื่อทั้งสี่เห็นคลูเอลกับเฟนริลนั้น เรทซ์ก็ร้องทักขึ้นมาทันทีว่า ?คลูเอล เฟนริล แล้วอากีระล่ะไม่สิ รีเซิกร์อยู่ไหน?

สองสาวที่ถูกทักเรียกหันมามองหน้าคนทักพวกเธอทันทีก่อนที่เฟนริลจะพูดขึ้นมาว่า ?ในปราสาทคะ?

?รีเซิกร์อยู่ในปราสาทงั้นเหรอแล้วทำไมพวกเธอไม่ตามไปละ? เรทซ์ถามต่อทันที

?นายท่านบอกให้รออยู่ที่นี่คะ? คลูเอลตอบสั้นอย่างได้ใจความ

?อากีระบอกให้รออยู่ที่นี่งั้นเหรอ? เรทซ์ถามย้ำอีกครั้ง

?คะ? ทั้งสองสาวพยักหน้าตอบ

และดูเหมือนว่าคำตอบนั้นจะทำให้เรทซ์ดูยุ่งยากใจขึ้นเป็นอย่างมากจนแสดงสีหน้าและอาการกระวนวายออกมาให้เห็นอย่างควบคุมไม่อยู่

?ใจเย็นน่าเนมุคนอย่างอากีระถึงจะเข้าไปคนเดียวมันก็ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก? ธอร์พูดปลอบเบาๆหลังจากเห็นท่าทีอาการของเรทซ์

แต่ดูเหมือนว่าคำปลอบนั้นของธอร์จะไม่ช่วยให้เรทซ์รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอเถียงกลับมาทันทีว่า ?มันก็ไม่แน่นี่ยิ่งคนที่อากีระต้องไปสู้ในวันนี้น่ะเขาดูเป็นคนเก่งด้วยแล้วฉันจะแน่ใจได้อย่างไงกัน?

แต่ว่าก่อนที่ธอร์จะได้พูดอะไรต่อทันใดนั้นเองก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นมาคั่นไว้ก่อนซึ่งเสียงระเบิดนั้นดังมาจากทางด้านข้างปราสาทที่รีเซิกร์เข้าไปและเมื่อเรทซ์ได้ยินเสียงระเบิดนั้นเธอก็รีบหันไปมองทางปราสาททันที และเธอก็พบว่าที่ปราสาทนั้นบริเวณด้านหลังได้มีควันฝุ่นลอยฟุ้งไปทั่วและมีวัตถุบางอย่างเล็กได้ร่วงออกมาพร้อมกับแรงระเบิดนั้นก่อนที่จะมีอีกเงาโดดตามลงไป

เรทซ์หยุดชะงักมองภาพที่ปรากฏอยู่ไกลๆภาพนั้นอย่างตกใจ ถึงเมื่อว่าภาพจะอยู่ไกลเกินกว่าที่พวกเธอจะบอกว่าเป็นใครได้แต่ในใจลึกๆของเธอก็รู้ว่าคนที่ร่วงลงไปก่อนหน้านี้คือรีเซิกร์อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงด้วยอารมณ์ที่ยังคงตกใจซึ่งทุกคนทั้งหมดที่ยืนอยู่กับเธอก็มีสภาพตกใจไม่ต่างกันกับเรทซ์มากนักจนทำให้พื้นที่นี้เงียบลงไปสักพักใหญ่แต่แล้วทันใดนั้นเองอยู่ๆพวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมากดดันพวกเขา บางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเป็นอย่างมากจนทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออกกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้

?นี่มันอะไรกัน? ธอร์พูดอย่างอึดอัด

ก่อนที่จะมีเสียงใสๆของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งพึ่งตื่นจากการสลบพูดตอบขึ้นมาว่า ?นี่แรงกดดันพลังที่ขึ้นจากการปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของพี่รีเซิกร์อย่างไงละคะ ไม่สิ จะพูดให้ถูกต้องก็คือเกิดจากการปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของหนึ่งในสี่เทวทูต ผู้ควบคุมการเวลาที่มีนามว่ารีเซียน่าอย่างไงละคะ?

ธอร์หันไปมองตามเสียงตอบนั้นอย่างตกใจเล็กน้อย เมื่อเขาพบว่าหญิงสาวผมแดงซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่เขาพึ่งมาถึงเธอได้นอนสลบอยู่บนตักของเฟนริลนั้นได้ลุกขึ้นมามองพวกเขาตาใสแป๋วพร้อมกับกล่าวตอบคำถามเขาอย่างสบายๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมาและที่สำคัญก็คือหญิงสาวผมแดงคนนี้นั้นไม่มีท่าทางที่จะรู้สึกกดดันหรือหายใจไม่ออกเหมือนกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าธอร์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนักเพราะในวายตาของเขาจ้องมองและรับรู้แต่เพียงว่าเซลฟีนนั้นปลอดภัยเท่านั้นเอง

?อาคาริ เธอ อาคาริ? ธอร์เอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวผมแดงด้วยเสียงที่สั่นเครือและผสานไปด้วยความคิดถึงที่เกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ในตอนนี้

?ใช่ ฉันอาคาริเองขอโทษนะคะพี่กริชที่ทำให้เป็นห่วงมาตลอดและแถมฉันยังทำร้ายพวกพี่อีก ฉันขอโทษนะนะพี่กริช? เซลฟีนพูดด้วยเสียงที่เศร้าๆ

?ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไร แค่ฉันเห็นอาคาริกลับมาเป็นอาคาริอย่างที่เคยเป็นฉันก็พอใจแล้ว? ธอร์พูด

แล้วจากนั้นเขาก็โผเข้ากอดเซลฟีนทันทีด้วยอารมณ์คิดถึงที่หักห้ามใจไว้ไม่อยู่ในเมื่อในใจที่เขาคิดถึงและเป็นห่วงหญิงสาวผมแดงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มันล้นทะลักออกมาเกินที่จะกล่าวบรรยายออกมาได้เพราะก่อนหน้านั้นเขาต้องสูญเสียเธอไปอย่างที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ต้องทนเห็นเธอหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาจากไปอย่างปวดร้าวไปสู่มือของศัตรู มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดเหลือเกินและดูเหมือนว่าเซลฟีนจะตอบรับความรู้สึกนั้นของธอร์ด้วยการยอมให้เขากอดแต่โดยดีแบบที่ไม่ขัดขืนอะไร โดยหารู้ไม่ว่าไม่ไกลจากที่พวกเขานั่งกอดกันนั้นมีสายตาสีฟ้าบริสุทธิ์ของหญิงสาวผมดำออกฟ้าคู่หนึ่งนั้นกำลังมองพวกเขาอย่างเจ็บปวดในหัวใจ เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มที่ตัวเองหลงรักอยู่กอดหญิงสาวคนอื่นที่ไม่ใช่เธอแต่เธอนั้นก็ได้แต่พยายามเก็บอารมณ์นี้เอาไว้ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็นว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไงอยู่

?ขอบคุณคะพี่กริชสำหรับความรู้สึกนี้แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดว่าพวกพี่น่าจะรีบออกจากที่กันก่อนดีกว่าคะ? เซลฟีนพูดพร้อมกับผลักตัวธอร์ออกจากตัวเธอเบาๆหลังจากที่ธอร์กอดเธอได้สักพักใหญ่

?ขอโทษ? ธอร์พูดอย่างนึกขึ้นได้หลังจากที่ตัวเองลืมตัวเผลอไปกอดเซลฟีน

?ไม่เป็นไรคะ? เซลฟีนพูดพร้อมกับหันหน้าไปพูดกับทุกคนว่า ?อย่างที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้ฉันคิดว่าพวกเราควรจะออกจากที่นี่ก่อนดีกว่า?

?ทำไมละครับองค์หญิง? เฮฟท์ถามขึ้น

?คุณเฮฟท์คุณก็รู้สึกนี้คะ แรงกดดันของพลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อสักครู่นี้ถึงแม้ในตอนนี้ถึงพลังจะลดลงไปกว่าตอนแรกเล็กน้อย แต่ว่าถ้าพวกเขาเริ่มสู้กันอีกหนเมื่อไรฉันคิดว่าพวกเราที่อยู่ที่นี่คงรับไม่ไหวหรอกคะ แรงกดดันพลังของเทวทูต? เซลฟีนพูดอธิบาย

?ขนาดนั้นเชียวเหรอคะ? นิมฟ์พูดโดยพยายามปรับเสียงให้เหมือนคนอารมณ์ปกติมากที่สุดซึ่งเซลฟีนก็หันไปมองหน้าหญิงสาวที่พึ่งถามเธอขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

?เอาเป็นว่าถ้าฉันลองแผ่พลังออกมาขนาดนี้? เซลฟีนพูดพร้อมกับปลดปล่อยพลังที่เธอพยายามกดเอาไว้ออกมาส่วนหนึ่งอย่างกะทันหัน

แล้วทันใดนั้นเองคนทั้งสามที่เคยยืนอยู่ดีๆตอนแรกนั้นก็ทรุดตัวลงไปอย่างอ่อนแรงทันทีราวกับว่าพวกเขาพึ่งทำอะไรหนักๆออกมาเป็นเวลานานสามวันโดยดื่มแค่น้ำเพียงอย่างเดียวไม่ทานอย่างอื่นเลยก็ไม่ปานโดยต้นหญ้าที่อยู่รอบๆตัวพวกเขาก็เริ่มเฉาลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติเมื่อเซลฟีนหยุดปล่อยพลัง

?นี่แค่ส่วนหนึ่งของพลังเทวทูตนะคะ พลังกดดันของฉันคือการดูดพลังชีวิตเพราะฉะนั้นถ้าฉันไม่กดพลังเอาไว้ แล้วปล่อยพลังนี้ออกมาเต็มที่พื้นที่โดยรอบบริเวณนี้หนึ่งกิโลเมตรคงจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลือให้เห็นแน่ แต่ส่วนของคนอื่นฉันไม่แน่ใจคะว่ามันจะร้ายแรงกว่านี่หรือเปล่า เท่านี้คงบอกได้แล้วนะคะถึงความต่างเรื่องพลังระหว่างพวกคุณที่เป็นจอมเวทธรรมดาถึงจะเป็นหนึ่งในสิบสามจอมเวทจอมราชันย์ก็เถอะกับพวกฉันที่เป็นเทวทูต พวกเลือดผสมระหว่างเทพกับปิศาจ? เซลฟีนพูดอธิบาย

?นี่เหรอคือพลังของเทวทูต แต่ว่าองค์หญิงที่ท่านพูดแบบนี้หรือว่าท่านจะบอกว่ารีเซิกร์กับเซลฟีรอสก็เป็นเทวทูตเหมือนกันเหรอครับ แต่ว่าที่ผมได้ยินมาก็คือคนที่เป็นเทวทูตนั้นจะอยู่ในร่างของผู้หญิงเท่านั้นไม่ใช่เหรอครับถึงจะมีพลังของทั้งสองเพศก็เถอะ ไม่เช่นนั้นวิญญาณของพวกเธอจะคงเสถียรพลังไม่ได้? เฮฟท์ถามขึ้นอย่างสงสัย

?สำหรับพี่รีเซิกร์น่ะใช่คะแต่เข้าก็ยังคงอยู่ได้ด้วยเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทุกคนคงรู้อยู่แล้วนั้นก็คือพี่รีเซิกร์รวมร่างกับเรเชลเพื่อคงเสถียรพลังไว้ แต่ว่าสำหรับเซลฟีรอสเรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกคะ? เซลฟีนตอบ

?เรื่องรีเซิกร์ผมพอจะเข้าใจแต่เรื่องเซลฟีรอสที่หมายความอย่างไครับ? เฮฟท์ถามต่อ

?หมายความว่าเซลฟีรอสที่พวกเราเห็นและอยู่ที่นี่เป็นตัวปลอมอย่างไงละคะ ชื่อจริงๆของเธอก็คือเซลฟีเรียเป็นพี่น้องทางวิญญาณกับเซลฟีรอสและฉันคะ? เซลฟีนพูดอธิบาย

?แล้วทำไมเธอถึงทำแบบนี้ละครับ? เฮฟท์ยังคงยิงคำถามต่อไป

?เรื่องนั้นฉันเองคิดว่าส่วนหนึ่งก็คงมาจากพี่รีเซิกร์ด้วย? หญิงสาวผมแดงเบือนหน้าไปมองทางข้างที่รีเซิกร์ตกลงมาก่อนจะหันมาพูดต่อว่า ?เรื่องอธิบายไว้ทีหลังก่อนดีกว่าคะ ฉันคิดว่าทางที่ดีตอนนี้เราควรรีบออกห่างจากที่นี่ได้แล้วนะคะ?

เฮฟท์นั้นยอมรับคำพูดประโยคนนั้นของเซลฟีนแต่โดยดีแต่ทว่าธอร์กลับพูดถามขึ้นมาว่า ?งั้นพี่ขอถามอีกคำถามหนึ่งก่อนที่จะไปก่อนได้อาคาริ?

?ได้สิคะ? เซลฟีนหันมาพูดตอบในขณะที่กำลังเดินไปหาเรทซ์

?ที่น้องอาคาริพูดเมื่อกี้นี่หมายความว่ารีเซิกร์ไม่ใช่ผู้ชายงั้นเหรอ? ธอร์ถาม

?แล้วแต่พี่กริชจะคิดนะคะเรื่องนั้น แต่ว่าถ้าพี่กริชได้เห็นพี่รีเซิกร์ในร่างพี่รีเซียน่าแล้วบางที่พี่กริชอาจจะหลงพี่รีเซิกร์มากกว่าหนูเสียอีกและอาจจะภาวนาขอไว้ว่าอย่าให้พี่รีเซียน่ากลับเป็นร่างรีเซิกร์เลยก็ว่าได้? เซลฟีนพูดตอบทิ้งให้ธอร์นั้นอึ้งกับคำตอบนั้นของหญิงสาวผมแดง แล้วเธอก็เดินไปสะกิดเรทซ์ที่ยังคงนั่งทรุดตัวอยู่กับพื้นแล้วพูดขึ้นว่า ?พี่เนมุเราไปจากที่นั้นกันก่อนดีกว่าคะ?

?ไม่พี่จะอยู่ทีนี่รออากีระมา? เรทซ์ตอบด้วยเสียงที่มุ่งมั่น

?แต่ว่าที่นี่มันอันตรายนะคะ? หญิงสาวผมแดงยังคงพูดกล่อมต่อ

?ฉันไม่สนใจ? เรทซ์ยังคงยืนยันคำเดิม

?นั้นหนูก็ไม่มีทางเลือกคะ? เซลฟีนพูดพร้อมยกมือไปจับที่ต้นคนทางด้านหลังของหญิงสาวผมดำที่บัดนี้ยังคงนั่งอยู่บนพื้นหญ้าทันที

จากนั้นหญิงสาวผมดำก็รู้สึกว่าตัวของเธอนั่งขึ้นและแรงนั้นหดหายลงไปอย่างน่าประหลาดโดยเฉพาะอาการเหนื่อยที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นทั้งที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แล้วทำไมเธอถึงเหนื่อยจนอยากหลับขนาดนี้ สักพักหนึ่งเรทซ์ก็ล้มตัวลงไปนอนอยู่บนพื้นหญ้า

?พี่กริชช่วยอุ้มพี่เนมุออกไปด้วยได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันดึงพลังชีวิตของพี่เนมุมาหน่อยหนึ่งเราเพราะอย่านั้นพี่เขาคงจะไม่ตื่นไปอีกสักพักใหญ่? หญิงสาวผมแดงหันไปพูดกับธอร์ก่อนที่ธอร์จะพยักหน้ารับคำแล้วเดินเข้าไปอุ้มเนมุเพื่อพาเธออกไปจากที่นี่

แล้วจากนั้นทุกคนก็เดินออกจากวังหลวงแห่งนี้ไปทันทีโดยที่วินรี่นั้นก่อนที่เธอจะเดินออกจากที่นี่ไปเธอหันมาทางที่รีเซิกร์นั้นตกลงไปก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า ?ฉันเชื่อใจนายเพราะฉะนั้นรักษาสัญญาด้วยนะ?

และดูเหมือนว่าเซลฟีนจะได้ยินประโยคนั้นของวินรี่เธอถึงหันมาพูดว่า ?พี่รีเซิกร์ไม่เคยผิดสัญญาใครนี่คะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคะ?

วินรี่พยักหน้ารับคำเบาๆกับคำพูดนั้นของเซลฟีนก่อนจะรีบเดินตามทุกคนไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงระเบิดของการต่อสู้ระหว่างเซลฟีเรียกับรีเซียน่าที่ดังขึ้น



............................................................................................................................................................



รีเซียน่ายืนนิ่งมองหน้าของหญิงสาวผมเทาอมทองตอนนี้กำลังตกตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ภาพที่รีเซิกร์เปลี่ยนร่างกลายเป็นหญิงสาวผมดำแสนสวยที่เธออยากเห็นมาตลอดนานนับห้าพันปี ตั้งแต่เธอผู้นี้ได้หายตัวออกไปจากวังหลวงของโลกปิศาจ

?พี่รีเซียน่า? เซลฟีเรียเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาอย่างสติลอยๆและอยู่ในอาการที่เหม่อหลังจากได้เห็นใบหน้าของรีเซียน่าอีกครั้ง

?ไงละเซลฟีเรียอย่างพึ่งเหม่อสิมาสู้กันต่อได้แล้ว? รีเซียน่าพูดด้วยเสียงเย็นๆ

เซลฟีเรียนั้นได้สติขึ้นมาทันทีกับประโยคพูดประโยคเมื่อสักครู่นี้ของรีเซียน่าที่พูดขึ้น ก่อนที่เธอจะยิ้มที่มุมปากน้อยๆอย่างดีใจที่รีเซียน่ากลับร่างเดิม

?ร่างขั้นสามของพี่ในตอนนี้ก็คือร่างนี้เองเหรอคะพี่รีเซยีน่า? เซลฟีเรียเอ่ยอย่างตื่นเต้น

?ก็เห็นแล้วนี่อันที่จริงก็ไม่ค่อยอยากใช้ร่างนี้เท่าไรหรอกนะแต่ว่ามันไม่มีทางเลือกซักเท่าไรถ้าคิดอยากจะเอาชนะเธอ? รีเซียน่าพูดตอบ

?คะ พี่รีเซียน่าแต่ว่าถ้าฉันชนะพี่ช่วยรักษาสัญญาด้วยนะคะ? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดแล้วตั้งท่าเตรียมสู้

?แน่นอนพี่ไม่คิดจะคืนคำอยู่แล้วแต่ว่านะเธอลืมอะไรไปหรือเปล่าเซลฟีเรียว่าตอนที่ฉันอยู่ในร่างนี้เธอไม่เคยที่จะสู้ชนะฉันสักหนเลยนี่? รีเซียน่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าเธอจะชนะเป็นแน่แท้โดยไร้ความกังวลใดๆทั้งสิ้น

?นั้นมันก็ผ่านมาห้าพันปีแล้วนี่คะ พี่คิดว่าฉันจะไม่เปลี่ยนไปเลยหรืออย่างไง? เซลฟีเรียพูด

?เปล่าแต่เธอก็อย่าลืมสิว่าห้าพันปีมานี่ฉันก็เปลี่ยนไปด้วยได้เหมือนกัน? รีเซียน่าพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหายตัวไปจากการมองเห็นของเซลฟีเรีย

ฉั้ว ๆๆๆๆ ! เสียงดาบจันทราฟันไปที่เซลฟีเรียอย่างรวดเร็วจนเซลฟีเรียนั้นไม่ทันขยับหรือปัดป้องการโจมตีเมื่อสักครู่นี้แม้แต่น้อย แต่ว่าจะกล่าวให้ถูกที่สุดก็คือเซลฟีเรียนั้นไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเธอเองถูกรีเซียน่าโจมตีเข้าให้แล้ว

พรวด ! เลือดสีแดงสดทะลักพุ่งออกมาจากบาดแผลที่ถูกฟันบนร่างของหญิงสาวผมเทาอมทองทันทีที่รีเซียน่าไปยืนอยู่ข้างหลังเซลฟีเรีย ก่อนที่ร่างนั้นจะทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดจากการที่ถูกฟันที่ยังคงแผ่ซ่านอยู่ในร่างกายของเธอ แต่ว่าใบหน้าของเธอนั้นกลับยิ้มออกมาแทนที่จะทำสีหน้าตกใจหรือหวาดกลัว

?ในที่สุดหนูก็ทำให้พี่รีเซียน่าเอาจริงได้สักที? เซลฟีเรียพูดด้วยอารมณ์ที่ยังคงเต็มไปด้วยความสุขทั้งที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อสักครู่นี้อยู่

?ก็เพราะเธอเก่งขึ้นมานะสิไปทำอะไรมาถึงเก่งได้ขนาดนี้นะเซลฟีเรีย? รีเซียน่าพูดโดยไม่หันมามองเซลฟีเรียแม้แต่น้อย

แต่ว่าถ้าสังเกตข้อมือขวาของรีเซียน่าดีๆนั้นจะพบว่าตรงนั้นมีเลือดสีแดงสดไหลลงมาและหยดไปที่พื้นเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเธอถูกเซลฟีเรียฟันเข้าที่สวนที่ไหล่ด้วยความแล้วสูงที่ไม่แพ้กัน

?จงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งแล้วจงมลายสูญไปซะ? หญิงสาวทั้งสองเอ่ยพูดพร้อมกันทันที

แล้วทันใดนั้นเองบาดแผลของทั้งสองคนก็กลายเป็นน้ำแข็งแล้วก็เกิดการระเบิดขึ้น ตูม ! รีเซียน่าและเซลฟีเรียกระเด็นไปตามแรงระเบิดที่เกิดขึ้นบนร่างของทั้งสองจนเซล้มทั้งนั่งทรุดคุกเข่าทั้งคู่

?ร้ายไม่เบานี่เซลฟีเรีย? รีเซียน่าเอ่ยชมหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเธอในสภาพที่โทรมเต็มทนแต่จะว่าไปสภาพรีเซียน่าเองก็ไม่ต่างกับเซลฟีเรียซักเท่าไรเพราะไหล่ขวาของเธอนั้นอยู่ในสภาพที่เรียกว่าใช้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง

?ไม่เท่าไรหรอกคะเพราะฉันก็โดนพี่โจมตีหนักกว่าซะอีก? เซลฟีเรียพูดอย่างถ่อมตัว

?งั้นเหรอ งั้นฉันก็ไม่ควรอยู่นิ่งสินะเพราะการโจมตีเมื่อกี้นี้มันได้ผลนี่? หญิงสาวผมดำพูดแล้วก็ยันตัวเองยืนขึ้นแล้วพุ่งตัวเข้าหาเซลฟีเรียที่บัดนี้ยังคงนั่งทรุดตัวอยู่บนอยู่

เพล้ง ๆๆๆๆ ! เสียงดาบทั้งสองปะทะกันถี่จะเกิดประกายไปแลบไปมาเพราะเซลฟีเรียนั้นลุกขึ้นมาตั้งรับได้ทันก่อนที่รีเซียน่าจะเข้ามาจัดการตนให้แน่นิ่งไป ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดไปอีกสักพักใหญ่แล้วทันใดนั้นเองรีเซียน่าก็ได้จังหวะเหวี่ยงดาบกว้างเข้าใส่เซลฟีเรียซึ่งเซลฟีเรียก็รับดาบได้ทันแต่ว่าผลมันไม่จบลงแค่นั้นเมื่ออยู่เกิดแสงสว่างสีขาวสว่างวาบขึ้นแล้วจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วเนื่องจากเรื่องระเบิดเมื่อครู่นี้

แต่แล้วรีเซียน่านั้นต้องเอี่ยวหลบทันทีเมื่อมีสายลมวูบหนึ่งพุ่งมาที่เธออย่างรวดเร็วไม่เช่นนั้นตัวเธอได้เป็นรูเป็นแน่แท้ถ้าหลบไม่ทันแต่ว่าตัวเธอก็หลบได่ไม่พ้นเมื่อสายลมนั้นเฉี่ยวเธอไปหน่อยจนเป็นแผลถลอก ตูม ! เสียงสายลมเมื่อสักครู่นี้ระเบิดขึ้นเมื่อกระทบกับพื้นจนเป็นหลุมดำลึกเข้าไปในพื้น แต่ท่วาการโจมตีของเซลฟีเรียนั้นไม่หยุยดอยู่แค่นั้นเมื่อเซลฟีเรียเหวี่ยงดาบมาจากทางด้านหลังของรีเซียน่า เพล้ง ! ตูม! เสียงดาบกระทบกันและตามด้วยเสียงระเบิดจนเป่าฝุ่นควันนั้นซะหายสิ้นเผยให้เห็นสภาพพื้นที่ที่เกิดจากการต่อสู้ในครั้งนี้ให้เห็น โดยส่วนข้างวังนั้นแหลกซะไม่ชิ้นดีที่ที่รีเซียน่าโจมเซลฟีเรียหนแรก กำแพงปราสาทแตกเป็นรูเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในและพื้นที่พวกเธออยู่ตอนนี้นั้นก็กลายเป็นหลุมใหญ่ยักษ์เนื่องจากการปะทะกันเมื่อสักครู่นี้

?เธอพยายามจะใช้คำสาปอะไรกับพี่อยู่นี่เซลฟีเรีย นอกจากคำสาปที่มีผลทำให้เวลาที่พี่โจมตีเธอแล้วเธอได้รับบาดเจ็บแล้วพี่ก็จะได้รับบาดเจ็บเหมือนกันที่เธอพึ่งใช้สำเร็จเมื่อครู่นี้? หญิงสาวผมดำพูดแล้วยกมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากแผลบนใบหน้าทางแก้มขวาของเธอซึ่งเซลฟีเรียก็มีแผลอยู่ที่เดียวกันนั้นไม่แตกต่างเลยแม้แต่น้อย

?รู้แล้วเหรอคะพี่รีเซียน่า? หญิงสาวผมเทาอมทองพูด

?แน่นอนสิก็เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคำสาปนี่แล้วทำไมเธอถึงจะไม่ใช้คำสาปในการต่อสู้ในครั้งนี้ของเธอมันคงดูแปลกๆไปเลยละ? รีเซียน่าพูด

?ก็นะพี่สาว เอาเป็นว่าหนูจะตอบคำถามเรื่องคำสาปอีกคำสาปที่หนูกำลังจะใช้กับพี่เป็นการตอบแทนละกัน กับเรื่องที่พี่ยอมเปลี่ยนร่างกลายเป็นร่างพี่รีเซียน่าให้หนูเห็น? เซลฟีเรียพูดอย่างอารมณ์ดี ?คำใบ้ก็คือตอนนี้พี่คำสาปอะไรติดตัวอยู่ละ?

ฟุบ! เสียงเซลฟีเรียลงเท้าอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งเข้าหารีเซียน่าซึ่งบัดนี้ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอมากนัก แต่ว่าแทนที่หญิงสาวผมทองนั้นจะยกดาบขึ้นฟาดรีเซียน่านั้นแต่เธอกลับไม่ทำเพราะว่าเธอยื่นมือเข้าหาหญิงสาวผมดำคนนั้นโดยถือดาบไว้แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น

รีเซียน่าประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เซลฟีเรียทำแบบนี้แต่ว่าเธอก็ไม่ปล่อยอารมณ์นั้นให้เข้าคุกคามจิตใจเธอโดยที่เธอไม่ทำอะไรซักอย่างกับเหตุการณ์ในหนนี้เพียงเพราะว่าเซลฟีเรียนั้นไม่ใช้ดาบเข้าโจมตีเธอ ดังนั้นเธอจึงเหวี่ยงดาบจันทราอย่างรวดเร็ว สายลมคมกริบพุ่งเข้าโจมตีหญิงสาวผมเทาอมทองที่ตอนนี้พุ่งเข้าโจมตีเธออยู่ตอนนี้ ฉั้ว! ๆๆๆ เสียงสายลมนั้นพุ่งผ่านเนื้อของเซลฟีเรียอย่างไม่ปราณีปราศรัยซึ่งเซลฟีเรียนั้นก็เพียงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อไม่ให้บาดเจ็บมากซึ่งรีเซียน่านั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากการโจมตีนี้ของเธอเหมือนกันเพราะตอนนี้เธอคำสาปเชื่อมต่อของเซลฟีเรียอยู่แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

ฟุบ! เสียงรีเซียน่ากระโดดหลบหญิงสาวผมเทาอมทองที่พุ่งเข้ามาโจมตีเธอด้วยมือเปล่าแต่ว่าไม่พ้นเมื่อมือนั้นพุ่งเข้ามาหาเธอทันทีที่เธอกระโดดหลบเข้ารวบคอเอแล้วทันใดนั้นเองรอยยิ้มอย่างมีชัยก็ปรากฏขึ้นมาที่ใบหน้าของเซลฟีเรียพร้อมกับคำพูดที่ว่า ?หนูชนะแล้วพี่รีเซียน่า?

แล้วรีเซียน่าก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นทันทีเมื่อรอยสักที่เกิดจากคำสาปสะกดพลังของเธอนั้นเริ่มลุกลามอย่างรวดเร็วจนพ้นเสื้อแขนยาวของเธอออกมา คำสาปที่ว่าเมื่อรอยสักลามทั่วตัวเมื่อไรผู้ที่ถูกคำสาปนั้นจะสูญสลายไป


*************************************
the true is out there

รูปภาพ

ภาพประจำตัวสมาชิก
freedom_destiny
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 27 ส.ค. 2006 9:00 am

โพสต์ โดย freedom_destiny »

Chapter 32
Finally (ในที่สุด)

รีเซียน่านั้นมองภาพที่เกิดขึ้นนั้นอย่างตกใจเป็นอย่างมากที่เซลฟีเรียใช้คำสาปเผด็จศึกอย่างนี้ เพราะคำสาปที่เซลฟีเรียใช้นั้นเป็นคำสาปเร่งคำสาปรอยสักสะกดพลังของเธอ คำสาปที่อาจทำให้เธอตายได้ทันที แต่ว่าตอนนี้ตัวเธอเริ่มไม่มีเรี่ยวแรงเพราะอาการเจ็บปวดที่แผ่ซ่านอยู่ในร่างกายเธอมันหนักหนากว่าที่คิดหลายเท่า มันเจ็บปวดมากจนหาความเจ็บปวดใดมาเทียบเทียม

แต่ว่า... มันก็น้อยกว่าความเจ็บปวดในหัวใจที่เธอต้องพลัดพรากกับเฟรย์ริน่าหากเธอแพ้การต่อสู้ในครั้งนี้ ใช่ ถ้าเธอแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปทั้งหมดทุกอย่าง พอเธอคิดได้ดังนั้น ฉับพลันทันใดนั้นเองรอบตัวของรีเซียน่าก็อยู่เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เมื่อแผ่นดินเริ่มร้าวและแตกระแหงดูราวกับว่ามันถูกเร่งให้ทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วขึ้นมาในรัศมีรอบตัวเธอจนเซลฟีเรียต้องปล่อยปล่อยมืออกจากตัวหญิงสาวผมดำและกระโดดถอยหลังหนีไปทันที

และดูเหมือนว่าเมื่อเซลฟีเรียปล่อยมือออกจากตัวเธอ รีเซียน่าก็ทรุดตัวไปที่พื้นอย่างอ่อนแรงทันทีแบบที่ฟื้นสภาพตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วและที่มือเธอก็ปรากฏรอยสักที่เริ่มลามไปถึงนิ้วอันเรียวสวยของเธอและเกือบจะทั่วใบหน้าแล้วก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

?เมื่อครู่นี้มันอะไรกัน? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดออกมาอย่างฉงนที่เห็นรีเซียน่าทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้

?ทุกสรรพสิ่งบนโลกย่อมมีเวลาที่สุดของตัวมันเองที่ฉันทำก็เพียงแค่เร่งมันให้เร็วขึ้นมาก็เท่านั้นเอง? รีเซียน่าตอบอย่างฝืนๆก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนมาอย่างช้าด้วยสภาพที่อิดโรยเต็มทน

?งั้นเหรอ งั้นเมื่อครู่นี้ก็คือพลังของพี่สินะ หนูพึ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกช่างเป็นบุญตาจริงๆเลย? เซลฟีเรียพูดอย่างเข้าใจในที่สุด

?คิดได้อย่างงั้นก็ดีแล้ว? รีเซียน่าตอบแล้วยิ้มน้อยๆ

?งั้น ก็คงต้องยุ่งยากหน่อยแล้วสินะเรากว่าที่จะชนะพี่รีเซียน่าได้? เซลฟีเรียพูดบ่นพึมพำกับตัวเอง

?คงอย่างงั้นแหล่ะ? รีเซียน่าพูดแล้วก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้ซึ่งเซลฟีเรียก็ตั้งท่าไม่ต่างกันมากนัก

เพล้ง ! เสียงดาบกระทบกันอีกหนอย่างรวดเร็วก่อนจะตามด้วยเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นอยู่รอบๆตัวพวกเธออย่างดุเดือดเนื่องจากสะเก็ดพลังของพวกเธอที่สู้นั้นมันกระเด็นและไปกระทบพื้นจากนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะตามด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนเดี๋ยวเย็น เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว จนจับสภาพอากาศไม่ถูกแล้วในตอนนี้

แต่แล้วทันใดนั้นเองรีเซียน่าก็เริ่มอ่อนแรงและตกเป็นฝ่ายที่เป็นรองขึ้นมา เนื่องจากรอยสักบนตัวเธอเริ่มลุกลามใกล้จะทั่วตัวเธอเข้าไปมากกว่าเดิมและดูเหมือนว่าเซลฟีเรียจะสังเกตเห็นสภาพนั้นของพี่สาวต่างสายเลือดของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รอช้าเพราะเธอนั้นรีบโหมกำลังเข้าบุกกระหน่ำโจมตีแบบหนักๆทันที จนทำให้รีเซียน่านั้นเริ่มอ่อนแรงและต้านไม่ไหวลงเรื่อยๆ

ซูม ! ตูม! ไม่ทันไรก็มีสายน้ำชุดหนึ่งพุ่งเข้ามาชนเข้ากับรีเซียน่าทันทีโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวจนตัวเธอกระเด็นไปไกลเป็นทางยาวโดยที่ชนทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าไปซะราบเป็นหน้ากลองและไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงด้วยโดยที่ทางเซลฟีเรียก็วิ่งตามไปทันทีอย่างทิ้งระยะห่างเล็กน้อย แล้วจากนั้นเธอก็เหวี่ยงดาบสร้างคมดาบลมเข้าไปซ้ำอย่างแรงจนทำให้หญิงสาวผมดำแทนที่จะตกกระทบพื้นเนื่องจากความเร็วตกลงแล้วนั้นแล้วกระเด็นไกลเข้าไปอีกจนไปถึงกำแพงวังหลวงและทะลุกำแพงศิลาแลงของกำแพงหนาๆนั้นแหลกไม่มีชิ้นดีจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เข้าไปที่ตัวเมืองของเดสรอสทันทีก่อนที่จะกระแทกเข้ากับกำแพงฝาบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ข้างวังหลวงของเดสรอสจนเสียงดังสนั่น

ตูม ! โครม ! เสียงของร่างรีเซียน่ากระทบกำแพงดังลั่นสนั่นพร้อมกับผนังกำแพงที่ร้าวนั้นก่อนที่เธอจะหยุดกระเด็นในที่สุดด้วยสภาพที่กระอักเลือดออกมาและบาดแผลที่เต็มตัว แล้วจากนั้นเซลฟีเรียก็หยุดวิ่งมายืนอยู่ตรงหน้ารีเซียน่าที่นอนกองอยู่ที่กำแพงอย่างหมดสภาพด้วยสีหน้าที่นิ่งๆ

?ไม่ว่าอย่างไงพี่ก็เอาชนะหนูไม่ได้หรอกพี่สาวตราบใดที่พี่ยังคงมีคำสาปติดตัวอยู่อย่างนี้? เซลฟีเรียพูดขึ้นทันทีที่เห็นรีเซียน่านอนแน่นิ่งอยู่ตรงผนังกำแพงของบ้านหลังหนึ่ง

?ฉันรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนั้น? รีเซียน่าพูดตอบ

?แล้วทำไมพี่สาวยังถึงไม่ยอมแพ้อีกล่ะ? หญิงสาวผมดำอมทองพูดถาม

?ก็บอกแล้วไงว่าฉันมีเหตุผลที่ทำให้แพ้ไม่ได้? หญิงสาวผมดำพูดตอบ

ก่อนที่จะทรงตัวลุกขึ้นยืนขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแผลในร่างกายที่เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วด้วยพลังเวทรักษาของซัคคิวบัส แต่ถึงแม้ว่าอาการบาดแผลทางภายนอกของรีเซียน่าจะดูเบาบางและบรรเทาทุเลาขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าอาการเจ็บปวดต่างๆภายในในร่างกายของเธอนั้นยังคงเจ็บปวดเหมือนเดิมไม่บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย

?ยังลุกไหวอีกนะคะพี่สาว? เซลฟีเรียพูดพร้อมกับพุ่งเข้าหารีเซียน่าทันที

เพล้ง ! เสียงดาบทั้งสามดาบกระทบกันเนื่องจากหญิงสาวทั้งสองคนเริ่มประมือกันอีกครั้ง แต่ทว่าฝ่ายผู้ถือดาบสองมือนั้นเป็นรองอยู่มากและดูเหมือนว่าเธออยู่ในสภาพที่ดูเหนื่อยล้าเต็มทนจนน่าประหลาดว่าทำไมเธอถึงสู้มาได้ขนาดนี้โดยฝืนแรงใจมาจากไหน ฉั้วะ ! เสียงดาบดาราของเซลฟีเรียฟันถากเนื้อไหล่ขวาของรีเซียน่าจนเลือดสาดกระเซ็นน้อยแต่ว่าแผลนั้นของเธอไม่ลึกมากซักเท่าไร แต่ว่าที่บาดแผลนั้นมันกลับลุกเป็นไฟขึ้นและเกิดการระเบิดขึ้นมาจนรีเซียน่าเซเกือบล้ม

?สภาพเริ่มดูไม่ได้แล้วนะคะพี่รีเซียน่า ยอมแพ้ได้แล้วจะดีกว่านะคะ? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดอย่างออกความเห็นแม้ว่าตัวเธอเองจะโทรมไม่น้อยกว่าหญิงสาวแสนสวยผมดำสักเท่าไรนัก แต่ว่าตอนนี้นั้นเธอยังเป็นต่อรีเซียน่าอยู่พอสมควร

?ไม่? รีเซียน่าพูดปฏิเสธอย่างสั้นๆ

จากนั้นรีเซียน่าก็ตวัดดาบสุริยันไปข้างหน้าโดยเป้าหมายอยู่ที่เซลฟีเรียทันที แล้วทันใดนั้นเองก็เกิดเปลวเพลิงออกจากดาบสุริยันพุ่งเข้าหาเซลฟีเรียทันทีซึ่งเซลฟีเรียก็สะบัดดาบเข้ารับ แล้วหลังจากนั้นก็มีสายน้ำพุ่งออกมาจากดาบดาราของเซลฟีเรียเข้าปะทะกับเปลวเพลิงทันทีจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับกลุ่มหมองควันทึบหนาขึ้น แต่ทว่าภายในกลุ่มควันนั้นกลับบังเกิดเสียง ฉั้วะ ! ๆๆๆ เสียงดาบจันทราของหญิงสาวผมดำฟันผ่าเนื้อของเซลฟีเรียไปย่างรวดเร็ว ก่อนที่บาดแผลของหญิงสาวผมสีเทาอมทองที่ถูกฟันนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็งขึ้นและเกิดการระเบิดทันทีสร้างให้บาดแผลที่เกิดนั้นใหญ่มากยิ่งขึ้นซึ่งทำให้เซลฟีเรียต้องนั่งคุกเข่าลงไปที่พื้นอย่างไม่ตั้งใจ เนื่องจากความเจ็บปวดซึ่งเกิดจากการระเบิดแม้ครู่นี้บนร่างกายของเธอ

แต่ว่ารีเซียน่าเองก็ทรุดตัวลงเช่นกันเพราะว่าบาดแผลที่เธอสร้างให้เซลฟีเรียนั้นเธอก็ได้รับด้วยเหมือนกันเพราะเธอยังคงโดนคำสาปเชื่อมต่อของเซลฟีเรียอยู่ จากนั้นทั้งสองก็นั่งนิ่งไปสักพักใหญ่โดยที่ร่างกายนั้นขยับไม่ไม่ไหว จนกล่าวได้ว่าคนที่ขยับได้ก่อนในตอนนี้อาจจะเป็นผู้ชนะในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ขยับได้ก่อนนั้นกลับกลายเป็นเซลฟีเรีย

หญิงสาวผมเทาอมทองลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มีชัย เนื่องจากเมื่อเธอเห็นสภาพของรีเซียน่าในตอนนี้แล้วเธอก็รู้ทันทีว่า หญิงสาวผมดำผู้นี้นั้นได้ฝืนร่างกายจนเกินขีดจำกัดแล้วเธอคงลุกไม่ไหวไปอีกนานเลย แล้วเซลฟีเรียก็เดินเข้าไปหารีเซียน่าทันทีพร้อมกับยกดาบขึ้นน้อยๆด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้นพร้อมคำพูดเบาๆที่พูดว่า ?หนูชนะแล้วนะคะพี่รีเซียน่า?



..................................................................................................................................................................



ในขณะที่เซลฟีเรียก้าวเท้าเข้าหารีเซียน่าอย่างช้าๆและพูดแบบนั้นออกมาหญิงสาวผมดำก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆด้วยอารมณ์ที่ขันๆกับคำพูดก่อนหน้านั้นของเซลฟีเรียอย่างห้ามอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่

?หัวเราะอะไรคะพี่รีเซียน่า? หญิงสาวผมเทาอมทองถามอย่างฉงนกับท่าทีของเธอ

?ก็ที่เธอพูดเมื่อกี้อย่างไงละเธอลืมไปหรือเปล่าว่าเมื่อก่อนหน้านี้เธอก็พูดแบบนี้เหมือนกันแต่ก็ยังไม่เห็นชนะฉันเลย? รีเซียน่าพูดตอบ

?แล้วไงคะ? เซลฟีเรียพูดถามต่อ

?ก็จะบอกว่าตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากตอนนั้นซักเท่าไรหรอก? รีเซียน่าพูด

?งั้นก็ลองทำให้ดูหน่อยสิคะ? เซลฟีเรียพูดเสียงเย็นๆพร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าหารีเซียน่าทันที

ฟ้าว ! เสียงดาบของเซลฟีเรียฟันอากาศเข้าไปเต็มๆแทนที่ดาบนั้นจะฟันถูกตัวของรีเซียน่าราวกับว่าที่ที่รีเซียน่าอยู่ในตอนนี้นั้นเป็นแค่อากาศที่ว่างเปล่าก็ไม่ปานทั้งที่รีเซียน่ายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่ซึ่งเซลฟีเรียมองภาพที่เกิดขึ้นที่เบื้องหน้าของเธอแบบไม่อยากจะเชื่อสายตัวเธอเองว่ารีเซียน่าจะใช้เวทเบี่ยงมิติในตอนนี้ ก่อนที่รีเซียน่าจะขยับตัวได้และเหวี่ยงดาบสุริยันเข้าหาหญิงสาวผมเทาอมทองผู้ตื่นตะลึงคนนั้นบ้าง แต่ว่าเซลฟีเรียก็หลบได้ทันทีราวกับว่าเธอรู้เรื่องนี้ล่วงหน้ามาก่อน

แทนที่เซลฟีเรียหลบพ้นจะไม่เป็นไรแต่แล้วเธอก็พบว่าที่บริเวณช่วงท้องทางด้านขวาของเธอนั้นรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อเธอก้มลงไปดูก็พบว่าที่บริเวณนั้นของเธอถูกฟันเข้าให้เมื่อไรก็มิอาจจะทราบได้ แต่ก็มีเลือดไหลมามากพอตัว ก่อนที่เธอจะทรุดลงไปอีกครั้ง เนื่องจากบาดแผลที่ถูกฟันจำนวนมากซึ่งจู่ๆก็เกิดขึ้นทั่วตัวของหญิงสาวผมเทาอมทองคนนี้จนแทบเรียกได้ว่าสีเสื้อของเซลฟีเรียที่สวมใส่อยู่ในตอนนี้เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงของเลือดเลยก็ว่าได้ และจากนั้นร่างของหญิงสาวผมดำก็หายไปจากสายตาของเซลฟีเรียทันที

?ไหนบอกว่าชนะฉันแล้วไงน้องสาว? เสียงกระซิบของหญิงสาวผมดำดังขึ้นจากทางด้านข้างขวาของเซลฟีเรีย

เซลฟีเรียหันไปมองหน้าพี่สาวต่างสายเลือดของเธออย่างตกใจที่จู่ๆเธอก็มาปรากฏตัวข้างตัวเธอได้อย่างรวดเร็วอย่างนี้ แล้วจากนั้นเซลฟีเรียก็กระเด็นไปชนกำแพงวังทันทีอย่างที่เธอไม่ทันตั้งตัวดัง พลั่ก ! จนเธอกระอักเลือดออกมาน้อยๆ แต่ทว่าเซลฟีเรียก็เหวี่ยงดาบดาราสวนเข้าใส่หญิงสาวผมดำทันทีจนเกิดลูกเพลิงขนาดใหญ่พุ่งเข้าหารีเซียน่า

ตูม ! เสียงพลังทำลายล้างของลูกไฟลูกนั้นดังสนั่นขึ้นโดยที่รีเซียน่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้นจากการโจมตีในครั้งนี้เลยเพราะพลังนั้นมันพุ่งทะลุผ่านเธอไปไม่โดนตัวของหญิงสาวผมดำเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าที่ข้างหลังเธอตรงที่ลูกไฟนั้นวิ่งผ่านนั้นกลับกลายเป็นว่าถูกทำลายซะราบคาบเป็นทางยาวไม่เหลืออะไรกลายเป็นที่โล่งเตียนตามลักษณะลูกไฟนั้นเลยก็ว่าได้ แต่ที่น่าแปลกใจอีกอย่างก็คือทั้งที่รีเซียน่าโดนคำสาปเชื่อมต่อของเซลฟีเรียอยู่แต่แทนที่หญิงสาวผมดำจะมีแผลที่เกิดจากการโจมตีเมื่อครู่นี้ของเธอด้วยแต่ตอนนี้มันกลับไม่มีซะอย่างนั้น

?พลาดนะ? รีเซียน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่าไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น

?แค่ดูก็รู้อยู่แล้วคะไม่ต้องมาพูดเยาะเย้ยหรอก? เซลฟีเรียพูดสวนกลับทันที

?เปล่า ไม่ได้เยาะเย้ยแค่พูดบอกเฉยๆ? รีเซียน่ายังคงพูดกวนๆต่อไป

?มันก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอกคะ? เซลฟีเรียพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งๆ

?ก็จริงนะ? รีเซียน่าพูดแล้วยิ้มตอบคำพูดนั้นของเซลฟีเรีย

จากนั้นรีเซียน่าก็สะบัดสุริยันที่อยู่ที่มือขวาของเธอปักลงไปที่พื้นอย่างไม่แยแสอะไร จนพื้นที่โดนดาบสุริยันปักอยู่นั้นร้าวน้อยๆ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า ?ลุกขึ้นได้แล้วเซลฟีเรีย ที่ฉันโจมตีไปเมื่อสักครู่นี้มันคงไม่ทำให้เธอทรุดลงหมอบกระแตแบบนั้นได้นานนักหรอก?

จากนั้นเซลฟีเรียที่ได้ยินคำพูดนั้นของพี่สาวต่างสายเลือดของเธอก็ยันกายลุกขึ้นมาในสภาพที่ง่อนแง่นเต็มทนพร้อมกับหยิบดาบดาราที่อยู่ข้างกายใช้แทนไม้เท้าช่วยค้ำตัวเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไปอีก

?ก่อนหน้านี้พี่ไม่ได้เอาจริงงั้นเหรอ? หญิงสาวผมเทาอมทองพูดถามขึ้น

?ถ้าฉันเอาจริงที่นี่มันจะเหลืออะไรล่ะ และอีกอย่างที่สำคัญก็คือเธอก็ไม่ได้เอาจริงเหมือนกันแล้วมันจะสนุกได้อย่างไงละ? รีเซียน่าตอบ ?แต่ว่านะหนนี้ฉันกะพลังเธอได้คราวๆแล้วว่าร้ายกาจขนาดไหน เพราะอย่างนั้นฉันจะเอาจริงโดยไม่ลังเลแล้วนะเตรียมรับมือให้ดี?

?ไม่หรอกมั้งคะ จะพูดให้ถูกอันที่จริงก็คือพี่เหลือเวลาไม่มากแล้วเนื่องจากคำสาปรอยสักสะกดพลังมันลามทั่วตัวแล้วเพราะอย่างนั้นพี่เลยต้องการจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ในหนเดียวก่อนที่ร่างพี่จะหายไปมากกว่า? เซลฟีเรียพูดดักคอรีเซียน่าอย่างรู้ทัน

?ก็ถ้ารู้อย่างนี้ก็ดี แล้วเธอจะยอมรับไหมล่ะ? รีเซียน่าถามย้อน

?รับแน่นอนสิคะเพราะฉันเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน? หญิงสาวผมเทาอมทองตอบรับอย่างมั่นใจ

พอทั้งสองพูดจบทั้งคู่ก็เริ่มตั้งท่าพร้อมเพื่อเตรียมเข้าโจมตีตัดสินกันภายในหนเดียวทันที แล้วทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบบริเวณก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดหาใดเปรียบและพื้นถนนรอบๆก็เริ่มแต่ออกจากกันทันทีตามด้วยบ้านและสิ่งก่อสร้างต่างๆที่เริ่มทรุดและผุพังราวกับว่าสิ่งก่อสร้างนั้นถูกสร้างขึ้นมานานกว่าพันปีก็ไม่ปานทั้งที่พึ่งถูกสร้างได้ไม่นานโดยเหตุการณ์แบบนี้นั้นเกิดเป็นวงกว้างไปทั่วเมื่อเดสรอส เหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแรงกดดันจากพลังของเทวทูตทั้งสองที่แผ่ปล่อยออกมาโดยไม่กดหรือผนึกพลังเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

?อันที่จริงหนูมีเรื่องจะถามพี่อีกเยอะแยะเลยนะคะ? เซลฟีเรียพูดขึ้น

?เอาไว้ถามทีหลังก็ได้ตอนที่ฉันชนะเธอแล้วก็ได้? รีเซียน่าตอบอย่างหยิ่งผยอง

?โอ้โห คิดว่าจะชนะหนูได้แน่นอนอย่างงั้นเชียว? หญิงสาวผมเทาทองพูดต่อ

?ยิ่งกว่าแน่เสียอีก? หญิงสาวผมดำพูดสวนกลับทันที

?แล้วดาบสุริยันจะไม่ใช้เหรอคะ? เซลฟีเรียพูดพร้อมมองไปที่ดาบใสที่ปักอยู่บนพื้นที่ไม่ไกลจากรีเซียน่ามากนัก

?อย่างเธอแค่ดาบจันทราก็เหลือแหล่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้หรอก? รีเซียน่าตอบอย่างสบายๆ

จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มวิ่งเข้าหากันทันทีพร้อมเงื้อดาบขึ้นอย่างหมายจะเอาชีวิตกันก่อนที่รอบๆตัวพวกเธอนั้นเหมือนจะมีออร่าพุ่งออกมาครอบคลุมตัวพวกเธอไว้และดาบก็เปล่งแสงที่หมายถึงการแสดงพลังสูงสุดของมันออกมา แล้วเมื่อทั้งสองปะทะกันพื้นที่แห่งนี้ก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ทันทีโดยอาณาเขตการระเบิดนั้นกินบริเวณพื้นที่กว้างไปกว่าครึ่งเมืองของเดสรอสพร้อมกับสายลมที่พัดราวกับพายุโหม สายฟ้าที่ฟาดลงใส่ทุกสิ่งที่อยู่ทั่วบริเวณนี้อย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงที่เผาพลาญทั่วบริเวณให้มลายสูญ สายฝนที่ตกมาจากฟากฟ้าเพื่ออานุภาพของอสุนีบาตให้ร้ายแรงมากยิ่งขึ้นและปฐพีที่สนั่นหวั่นไหวราวกับโลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆในบันดล ก่อนที่มันจะสงบอย่างช้าๆ พร้อมกับปรากฏร่างหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ลำพังท่ามกลางพื้นที่ที่โล่งเตียนเรียบไปทั่วบริเวณเนื่องจากแรงระเบิดเมื่อครู่นั้นโดยมีอีกคนหนึ่งนอนราบอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพและหญิงสาวผู้ที่ยืนอยู่ในตอนนี้ก็คือ.....



.....................................................................................................................................................



ไม่นานนักหลังจากที่ทางกลุ่มคณะของธอร์ได้รีบวิ่งออกไปจากอาณาเขตวังหลวงของเดสรอสที่เกิดเสียงระเบิดของการปะทะกันระหว่างสองสาวรีเซียน่ากับเซลฟีเรียดังสนั่นลั่นไปทั่วราวกับจะเกิดเป็นสงครามใหญ่ก็ไม่ปาน ไม่นานหลังจากนั้นมากนักเฟรย์กับเนรีนก็ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นและได้ลงวิ่งเองเพื่อออกจากที่นี่ไปให้ไกลที่สุดโดยที่ไม่พูดไม่กล่าวอะไรกันมากนักแต่เรทซ์นั้นยังสลบอยู่บนแผ่นหลังของธอร์ โดยที่เฟรย์นั้นกางม่านเวทป้องกันเพื่อป้องกันทุกคนจากผลกระทบของพลังกดดันของสองสาวเทวทูตซึ่งบัดนี้กำลังสู้กันอยู่และแผ่จิตสังหารออกมาอย่างเต็มที่ จนถึงแม้เฟรย์จะกางม่านพลังเวทป้องกันเอาไว้แต่ทุกคนที่อยู่ในที่นี่ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังที่น่าครั่นครามของสองเทวทูตสาวที่สู้กันอยู่ในตอนนี้

แต่แล้วฉับพลันนั้นเองเฟรย์และทุกคนก็รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งจู่ๆก็ถูกปล่อยออกมาอย่างกะทันหันจนเฟรย์ต้องเร่งพลังเวทและเปลี่ยนที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นใช้เวทป้องกันสูงสุดของเธอทันที ก่อนที่จากเกิดแสงสีขาวสว่างวาบไปทั่วบริเวณพร้อมกับไอความร้อนและไอความเย็นมหาศาลที่แผ่ไปทั่วบริเวณที่พวกเธอนั้นยืนอยู่ในตอนนี้ ก่อนที่ทุกจะสงบลงอย่างรวดเร็วและเมื่อทุกคนสังเกตมากไปรอบๆก็พบว่าที่ที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้นั้นมันกลับกลายเป็นที่โล่งเตียนเหลือแต่เพียงวังที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเพราะมีอาคมป้องกันอยู่ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นมันยังคงเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ดูทึบและน่ากลัวอยู่มากมายอยู่เลยจนทุกคนที่อยู่ในตอนนี้ไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่าแค่พริบตาเดียวทุกอย่างนั้นมันกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ นี่คือผลจากพลังมาจากการต่อสู้ในครั้งนี้งั้นหรือ และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะจบแล้วด้วยเพราะพลังกดดันนั้นหายไปแล้ว

แต่แล้วเมื่อทั้งหมดได้และเดินเข้าไปใกล้และมองไปที่ทางใจกลางของการระเบิดเมื่อสักครู่นี้พวกเธอก็พบร่างหญิงสาวผมยาวผู้หนึ่งยืนอยู่และก้มลงมองร่างอีกร่างหนึ่งที่นอนกองอยู่อยู่กับพื้นด้วยสายตาที่เศร้าๆ ก่อนที่จะทอดสายตามามองที่พวกเฟรย์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มๆ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าอย่างมากมายเกินที่บรรยายออกมาได้ โดยที่ผมสีดำยาวของเธอนั้นปลิวสยายไปกับสายลมและเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง เนื่องจากการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้เป็นรอยดาบที่ดูเหมือนว่าจะถูกฟันนับไม่ถ้วนเผยให้เห็นผิวขาวและนวลเนียนของเธอ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องมากระทบใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้าของเธอให้ดูงดงามและเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น สะกดสายตาของทุกคนให้มองอย่างหลงใหลและให้ไม่สามารถหักห้ามใจถอนสายตาออกไปจากเธอได้เลยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

หญิงสาวผมดำเอ่ยขึ้นกับหญิงสาวผมเทาที่นอนอยู่บนพี่ว่า ?คำถามที่เธอถามว่าที่ฉันแพ้ไม่ได้เพราะอะไร ก็เพราะว่าถ้าฉันแพ้ฉันจะได้เป็นพี่สะใภ้เธอนะสิ?

?อะไรนะคะ? เซลฟีเรียลืมตามามองหญิงสาวที่พูดอยู่กับเธอทันทีแต่ว่าไม่ลุกขึ้นเพราะเธอลุกไม่ไหว

?ก็ฉันสัญญากับเซลฟีรอสไว้ถ้าฉันแพ้ในการคัดเลือกหนนี้ฉันจะยอมเป็นภรรยาของเซลฟีรอสอย่างไม่มีเงื่อนไขแถมเป็นสัญญาเลือดด้วยเพราะอย่างนั้นฉันจึงจะขัดขืนหรือผิดสัญญาไม่ได้? รีเซียน่าพูดอธิบายให้หญิงสาวผมเทาอมทองฟัง

?อย่างนี่นี่เองถึงว่าทำไมพี่ดิ้นรนแถมเป็นแถมตาย? เซลฟีเรียพูดอย่างเข้าใจในที่สุดซึ่งรีเซียน่าพยักหน้าน้อยกับคำตอบนั้นของเซลฟีเรีย

?คำถามสุดท้ายก่อนที่พี่จะไปมีอะไรจะถามไหม? รีเซียน่าหันมาพูดกับเซลฟีเรีย

?ไว้วันหลังดีกว่าเพราะหนูเหนื่อยจนทำอะไรไม่ไหวแล้ว? เซลฟีเรียพูด

?งั้นเหรอ แต่ว่านะก่อนที่ฉันจะไปฉันจะบอกอะไรให้เธอฟังสักอย่างที่ฉันยั้งมือไม่ทำร้ายเธอจนถึงตายก็เพราะว่าเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักของฉันที่ฉันเคยมีมาฉันถึงทำร้ายไม่ลงแม้ว่าตอนที่สู้แม้กี้ฉันทำเหมือนจะฆ่าเธอก็ตาม แต่ว่าที่ฉันทำอย่างนั้นก็เพราะไม่มีทางเลือก? รีเซียน่าพูด

?แล้วทำไมตอนนั้นพี่ถึงไม่พาหนูมาด้วยถ้าพี่คิดอย่างนั้นจริงๆ? เซลฟีเรียพูดด้วยเสียงที่น้อยใจเป็นอย่างมาก

?ก็เพราะรู้ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้อย่างไงละถ้าฉันพาเธอมาเธอก็จะยังคงสนิทกับฉันจนไม่กล้าทำร้ายฉันแล้วมันจะเป็นการต่อสู้ได้อย่างไรอย่างไงละจริงไหม? หญิงสาวผมดำพูดอธิบาย

?อย่างนี้เองเหรอคะ? เซลฟีเรียตอบอย่างว่าง่าย

?ใช่ เพราะอย่างนี้นี่แหล่ะ ฉันถึงไม่พาเธอมาด้วยอย่างไงละ และอีกอย่างพี่ก็อยากรู้ว่าถ้าสู้กับเธอจริงๆจังๆแล้วผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรด้วย? รีเซียน่าพูดต่อ

จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบไปสักพักใหญ่ก่อนที่รีเซียน่าจะเอ่ยขึ้นมาว่า ?งั้นพี่ไปก่อนก็แล้วกัน?

?อยากเจอหน้าผู้หญิงที่ชื่อเฟรย์ริน่าใจจะขาดแล้วสินะคะก่อนที่พี่จะจากพวกเธอไป? เซลฟีเรียพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ?น่าแปลกนะคะทั้งที่พี่ชนะแท้ๆแต่พี่กลับเป็นฝ่ายที่ต้องหายไปแทน?

?มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้วเพราะที่จริงตอนแรกพี่ต้องแพ้แล้วด้วยซ้ำ? รีเซียน่าพูดก่อนที่จะเดินออกห่างจากเซลฟีเรียไป ก่อนจะหันมาพูดว่า ?ว่าแต่หลังจากนี้ไปเธอคงต้องอยู่กับพวกเฟรย์สักพัก หวังว่าเธอคงปรับตัวได้นะเพราะถึงอย่างไงฉันก็อยากจะฝากเฟรย์ให้เธอช่วยดูแลหน่อยในระหว่างที่ฉันไม่อยู่?

?คะ เรื่องนั้นจะลองพยายามดูคะ? หญิงสาวเทาอมทองตอบ

หลังจากนั้นรีเซียน่าก็เดินจากไปเซลฟีเรียไปหาพวกเฟรย์ซึ่งกำลังเดินมาหาเธอที่นี่อย่างรวดเร็วเพราะเธอนั้นอยากพบเฟรย์เป็นอย่างมากตามที่เซลฟีเรียบอกจริงๆ

?พี่รีเซียน่า? เซลฟีนเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆและแผ่วเบาเมื่อได้พบเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้ที่ยืนอยู่ในตอนนี้ชัดๆ

?ว่าไงเซลฟีน ไม่สิอาคาริ? รีเซียน่ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง

ก่อนที่เซลฟีนจะวิ่งเข้าไปโผกอดร่างหญิงสาวผมดำพร้อมกับตะโกนร่ำร้องด้วยชื่อของเธอที่ว่า พี่อากีระ ด้วยใบหน้าที่เต็มใบรอยยิ้มกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุดด้วยความคิดถึงที่สุดกล่าว โดยที่ธอร์และทุกคนยกเว้นวินรี่ เฟนริลและคลูเอล มองภาพนั้นอย่างไม่เชื่อสายตาว่าหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้นั้นแท้จริงแล้วคือชายหนุ่มรูปงามที่พวกเขารู้จักกันเป็นอย่างดี ชายหนุ่มที่มีนามว่ารีเซิกร์นั่นเอง

?ผะ ผะ ผู้หญิงคนนั้นคือรีเซิกร์งั้นเหรอ? เฮฟท์พูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

?ก็น่าจะใช่นะก็อาคาริเองก็เรียกเธอคนนั้นว่าอากีระคงไม่ผิดหรอก แต่ถ้ากลัวไม่ใช่ก็ลองไปถามตัวเธอดูเองสิ น่าจะชัวร์กว่านะ? ธอร์พูดตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอามณ์ที่ประหลาดใจไม่แตกต่างจากเฮฟท์สักเท่าไร

รีเซียน่าที่ได้ยินคำพูดของสองหนุ่มที่พูดถึงเธอนั้นก็หันมาทางชายหนุ่มทั้งสองแล้วก็ส่งยิ้มที่ละลายใจชายทั้งสองออกมา ก่อนที่จะผละตัวออกจากเซลฟีนซึ่งหญิงสาวผมแดงเพลิงก็ยอมถอยห่างออกมาแต่โดยดีแล้วก็เดินมาหาชายหนุ่มทั้งสองคนนั้น ก่อนจะพูดออกมาว่า ?นินทาอะไรฉันอยู่เหรอพวกนาย?

?อะ เอ่อ เปล่านี่? เฮฟท์อ่ำอึ้งทันทีเมื่อรีเซียน่าพูดถามอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน

?แล้วกริชล่ะมีเรื่องอะไรอยากจะถามเหรอ? รีเซียน่าพูดแล้วหันไปทางธอร์บ้าง จนเล่นเอาธอร์ผงะไปเล็กน้อยเลยกับคำพูดนั้นและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นรอยิ้มเห็นการสะกดใจชาย

?บ้าชะมัด? ธอร์สบถแล้วก็หลบหน้าไปทันทีก่อนจะพุ่งตัวถอยห่างออกจากรีเซียน่าอย่างรวดเร็ว

?ไปแกล้งธอร์เขาอีกแล้วนะรีเซิกร์ ไม่สิ รีเซียน่า? วินรี่พูดพร้อมกับตบไหล่ของเธอเบาๆด้วยน้ำเสียงที่โล่งอกที่เห็นเธอปลอดภัยอย่างนี้แต่ก็แฝงไปด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

?ก็มันน่าแกล้งนี่? รีเซียน่าตอบอย่างง่ายๆ

?แล้วแกไปทำอีกท่าไหนอีกทำไหมถึงกลับมาในสภาพผู้หญิงเต็มตัวอย่างนี่ฟ่ะ คราวที่แล้วยังพอเข้าใจว่านั้นเป็นร่างของเรเชลแต่คราวนี้ร่างใครอีกฟ่ะ? ธอร์พูดถามขึ้นอย่างหลบสายตาเมื่อเขากระโดดออกห่างจากตัวหญิงสาวผมดำไปพอสมควรแล้วตั้งหลักได้

?สวยบาดใจดีไหมละ? รีเซียน่าพูดถามอย่างเบี่ยงประเด็นที่ธอร์ถาม

?ตอบคำถามฉันมาก่อนอย่าให้เครียดนะเฟ้ย? ธอร์พูดอย่างออกอารมณ์

?ถ้านายเครียดแล้วจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ? หญิงสาวผมดำพูดถามด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนจนธอร์ใจเต้นน้อยๆ

?เอาเถอะน่าตอบคำถามฉันมาก่อนดีกว่า? ธอร์พูดอย่างเบี่ยงประเด็นบ้างคราวนี้

รีเซียน่าส่ายหน้าอย่างเซ็งๆที่ธอร์ไม่ยอมรับมุขของเธอเลยก่อนที่จะกล่าวตอบว่า ?ไม่ได้ทำอีกท่าไหนหรอกและก็ไม่ใช่ร่างคนอื่นด้วยเพราะร่างนี้คือร่างจริงๆของฉัน?

?ร่างจริงๆของนาย งั้นนายก็เป็นผู้หญิงจริงๆงั้นเหรอ? ชายหนุ่มผมสีม่วงถามย้อนอย่างไม่เชื่อหู

?ก็เออสิ นี่ถ้านายไม่เชื่อลองมาจับดูได้เลยนะเพื่อพิสูจน์ว่าฉันไม่ได้โกหก? รีเซียน่าพูดแล้วกางมือออก

?พี่อากีระ? เซลฟีนพูดขึ้นเสียง

?หึงเหรอ? รีเซียน่าหันไปถามหญิงสาวผมแดง

?เปล่าคะ แต่ว่าตอนนี้พี่อยู่ในร่างผู้หญิงนะช่วยสำรวมหน่อยได้ไหมคะ? เซลฟีนพูดด้วยเสียงที่เฉียบขาด

รีเซียน่าหัวเราะน้อยๆกับท่าทีนั้นของเซลฟีนก่อนที่จะยอมรับคำแต่โดยดี แต่แล้วรีเซียน่าก็รู้สึกว่ามีใครบางคนวิ่งเข้ามากอดร่างของเธอจากทางข้างหลังพร้อมด้วยเสียงสะอื้นร่ำไห้ซึ่งไม่ต้องหันไปมองหญิงสาวผมดำก็รู้ว่าเป็นใคร

?อากีระ? เรทซ์เอ่ยขึ้นเบาๆ

?ฟื้นแล้วเหรอ? รีเซียน่าถาม

?อือ? เรทซ์ตอบสั้นๆ

?รู้ได้ไงว่าเป็นฉันทั้งที่ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างผู้หญิงอยู่? หญิงสาวผมดำพูดถาม

?ฉันได้ยินเรื่องนี้จากอาคาริหมดแล้ว? เรทซ์ตอบ

?แล้วว่าไงล่ะเนมุเห็นฉันเป็นแบบนี้แล้วยังจะรักลงอีกเหรอฉันเป็นผู้หญิงเหมือนเธอนะ? รีเซียน่าพูดถาม

?ไม่ว่าอากีระจะเป็นอย่างไงฉันก็รับได้ทั้งนั้นแหล่ะ? เรทซ์ตอบกลับอย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

?เธอนี่นะ ถ้าตื้อได้ก็ตื้อไปสิแต่ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าใจของฉันนะ? รีเซียน่าพูดแล้วเดินไปหาหญิงสาวอีกสองคนที่ยืนมองมาทางเธอด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความคิดถึงเป็นอย่างมากนั้นก็เนรีนและเฟรย์นั้นเอง ?อยู่ที่สองคนนี้หมดแล้ว?

?เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วละ แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก? เรทซ์พูดอย่างมุ่งมั่นจนทำให้รีเซียน่าต้องส่ายหน้าอย่างหน่ายๆกับความมั่นคงในรักของเรทซ์

ก่อนที่จะหันไปทางเฟรย์และเนรีนซึ่งบัดนี้มองเธอด้วยสายตาที่คิดเธอไม่แพ้เซลฟีน เมื่อได้รับรู้ว่าผู้หญิงคนนี้แท้จริงแล้วคือรีเซิกร์ มันเป็นสายตาที่มองทีไรก็หักห้ามใจไม่ให้รักเธอทั้งสองไม่ได้สักที สายตาละลายใจของหญิงสาวที่มีนามว่ารีเซียน่า

?วันนี้เก่งมากเลยนะเฟรย์? รีเซียน่าพูดขึ้นแล้วลูบศีรษะของเธอเบาๆ

?ก็ไม่เท่ารีเซิกร์ ไม่สิ รีเซียน่าหรอกเล่นเอาซะที่แบบนี้โล่งเตียนไปเลยได้? เฟรย์ตอบกลับอย่างติดตลก

?นี่มันไม่ได้ตั้งใจน่ะ? หญิงสาวผมดำพูดแก้ตัว

?แต่ว่าเวลาของเธอนี่น่ากลัวจริงๆเลยนะรีเซียน่าเวลาของฉันทำไม่ได้ขนาดนี้หรอก? เนรีนเข้ามาพูดผสมโลงอีกคน

?ก็นี่มันเวลาของเทวทูตนี่ไม่ใช่เวลาของสิบสามจอมเวทจอมราชันย์เหมือนเธอสักหน่อย จอมเวทแห่งมิติเวลาที่แท้จริงเนรีน? รีเซิกร์หันไปพูดกับเนรีน

?งั้นเหรอ แต่ดูเหมือนว่าหลายคนจะไม่คิดอย่างนั้นแล้วตั้งแต่เธอเอาชื่อฐานะฉันไปใช้ ใช่ไหมเฟรย์? เนรีนพูดแล้วหันมาทางเฟรย์

และดูเหมือนว่าเฟรย์จะเชื่อสนิทใจจริงๆเลยว่าจริงๆแล้วรีเซิกร์นั้นเป็นจอมเวทจอมราชันย์แห่งมิติเวลาจนกระทั่งได้รับฟังบทสนทนานี้ของทั้งคู่อย่างเฟรย์ต้องตกใจเล็กน้อยที่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วรีเซิกร์นั้นไม่ใช่จอมเวทแห่งมิติเวลาที่แท้จริงเพราะเขาแค่ใช้ชื่อนี้รักษาแทนเนรีนซึ่งหายไปเท่านั้นเอง

?นี่นายหลอกฉันมาตลอดเหรอรีเซิกร์? เฟรย์พูดอย่างเคืองๆ

?ก็แหม ไม่ต้องโกรธขนาดนั้นนักหรอกเฟรย์ อันที่จริงฉันก็นึกว่าเธอรู้แล้วว่าฉันอำเล่นตั้งแต่ตอนในป่าหนนั้นแล้ว? รีเซียน่าพูดแก้ตัว

?แล้วใครจะไปรู้เหรอ? เฟรย์พูด

?จ้ะ งั้นฉันขอโทษแล้วกัน? รีเซียน่าตอบอย่างยิ้มๆ

?แต่ว่านะฉันเห็นพวกเธอทำได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วล่ะ? รีเซียน่าพูดอย่างเปลี่ยนเรื่องด้วยเสียงที่เศร้าลงกว่าเดิม ?เพราะฉันจะได้ไม่เป็นห่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่?

?ที่เธอพูดมันหมายความอย่างไงรีเซิกร์ เวลาที่เธอไม่อยู่นะ เธอจะไปไหนงั้นเหรอ? เฟรย์พูดถามย้อนออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินหญิงสาวแสนสวยผมดำเอ่ยมาแบบนี้

แต่หญิงสาวดำไม่ยอมตอบอะไรกลับแต่เธอเพียงแค่ยิ้มให้เฟรย์อย่างเศร้าๆ ก่อนที่จะกระชากตัวหญิงสาวผมเขียวอมขาวเข้าสู่อ้อมกอดของเธอด้วยอารมณ์ที่อาลัยอาวรณ์อย่างสุดจะกล่าวที่เธอนั้นต้องพลัดพรากกับเฟรย์อีกครั้งถึงแม้จะรู้ว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม แต่มันก็เหมือนกับนานชั่วกัปชั่วกัลป์ของหญิงสาวผมดำจริงๆ

?ขอโทษนะเฟรย์ที่ตอนนี้ฉันยังอยู่กับเธอไม่ได้ แต่ว่าฉันอยากจะขอให้เธอรอฉันอีกสักหน่อยได้หรือเปล่า? รีเซียน่าพูดกระซิบที่ข้างหูเฟรย์เบาๆ

?ยังไม่เสร็จธุระอย่างนั้นสิใช่ไหม? เฟรย์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

รีเซียน่าพยักหน้าน้อยๆกับคำพูดประโยคนั้นของเฟรย์เบาๆซึ่งพอเฟรย์ได้เห็นแบบนั้นเธอก็สวมกอดรีเซียน่ากลับเบาๆพร้อมกับเอ่ยต่อมาว่า ?สัญญานะ?

?ฉันสัญญา? รีเซียน่าตอบรับคำพูดของเฟรย์อย่างไม่ลังเลทันทีก่อนจะพูดเสริมออกมาว่า ?ฉันดีใจจริงๆนะเรื่องที่เธอรับฉันเรื่องที่เป็นผู้หญิงได้?

?แล้วจะทำอย่างไงได้ละก็คนมันรักไปแล้วนี่รักจนเกินกว่าที่ถอนตัวถอนใจออกมาตอนนี้แล้ว? เฟรย์พูดตอบอย่างสบายๆ ทำเอาคนฟังนั้นยิ้มน้อยๆที่ได้ยินเฟรย์พูดแบบนี้ รักเกินกว่าที่จะถอนตัวถอนใจ

?ดีจังที่ได้ยินแบบนี้ก่อนที่จะไป? หญิงสาวผมดำพูดซึ่งเฟรย์ก็พยักหน้ารับกับคำพูดนั้นน้อย ก่อนที่รีเซียน่าจะพูดกระซิบออกมาเบาๆว่า ?แล้วพบกันใหม่?

?เช่นกัน? เฟรย์ตอบรับคำนั้นอย่างช่วยไม่ได้ทั้งที่ใจของเธออยากจะรั้งรีเซียน่าไว้ก็ตอบแต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้

จากนั้นหญิงสาวทั้งสองก็คลายอ้อมกอดออกจากกัน ก่อนที่รีเซียน่าจะฝืนใจลุกขึ้นเดินออกห่างจากเฟรย์ไปอย่างฝนทนที่สุด โดยที่หญิงสาวผมดำเมื่อลุกเดินออกห่างจากเฟรย์เธอก็เดินออกห่างทุกคนในที่นั้นเล็กน้อย

?นายท่านรีเซิกร์? เสียงคลูเอลเรียกขัดขึ้นซึ่งรีเซียน่าก็หันไปมองตามต้นเสียงทันที ?รีบกลับมานะคะ?

รีเซียน่ายิ้มรับกับคำพูดนั้นอย่างสบายใจแต่เธอไม่พูดอะไรตอบกลับเพียงแค่ยกมือรับคำของคลูเอลเท่านั้น จากนั้นร่างกายของรีเซียน่าจะเริ่มจางลงไปโดยเริ่มต้นที่นิ้วมือเธอแล้วไล่มาเรื่อยๆจนทั่วตัวของหญิงสาวผมดำ โดยที่เหมือนว่าร่างกายเธอจะหลุดออกไปที่ละอะตอมก็ไม่ปานก่อนที่เธอจะยิ้มๆพูดขึ้นมาว่า ?ฉันขอร้องพวกเธอสักอย่างได้ไหมก่อนที่ฉันจะไป ขอให้พวกเธอช่วยดูแลเซลฟีเรียด้วยในขณะที่ฉันไม่อยู่เพราะเธอคนนั้นอาจจะยังไม่ชินกับโลกนี้นักเลยอยากให้พวกเธอแนะนำเขาหน่อย? โดยที่ทุกคนในที่นั้นยกเว้น เฟรย์ เนรีน วินรี่ คลูเอล และและเฟนริล มองเหตุการณ์ที่รีเซียน่าเริ่มจางหายไปอย่างตกตะลึงแบบไม่ทันทำใจว่ารีเซียน่าต้องจากเธอไปอีกแล้ว

?นี่มันอะไรกัน? เรทซ์พูดเอ่ยขึ้น

?คำสาปอย่างไงล่ะ ผลของคำสาปรอยสักที่รอยไปทั่วตัวแต่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกฉันจะกลับมาแน่ฉันรับรอง? หญิงสาวผมดำตอบ

?ทั้งที่หมายความว่านายตายไปแล้วนี่นะนายจะกลับมาอย่างไง? เรทซ์พูดถามอย่างเสียงดังแบบที่ควบคุมอารมณืไม่อยู่

?เรื่องนั้นลองไปเซลฟีเรียที่นอนอยู่ตรงนั้นเธอจะรู้คำตอบเอง? รีเซียน่าพูดแล้วชี้ไปทางเซลฟีเรีย

?แล้วนานแค่ไหนนะเธอถึงจะกลับมา? เรทซ์ถามต่อ

?ไม่รู้แต่ว่าฉันกลับมาหาพวกเธออีกครั้งแน่ฉันสัญญา? รีเซียน่าพูดประโยคนี้ปิดท้าย

ก่อนที่ตัวเธอจะสลายหายไปจากที่นี่อย่างไร้ร่องรอยโดยที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่เฟรย์อยู่ก่อนที่เธอจะหายไปโดยสิ้นเชิงเหลือเพียงแต่ประโยคที่ว่า ฉันจะกลับมา ไว้อยู่ที่หัวใจทุกคน

?แล้วพวกหนูก็จะรอพี่เหมือนกัน? เซลฟีนพูดมาทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเศร้าๆเพราะเธอพึ่งพบกับพี่เธอได้ไม่นานก็ต้องจากการอีกแล้วจากกันแบบว่าไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้พบกัน

?ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่าก็รีเซีกร์สัญญาไว้แล้วนี่และรีเซิกร์ก็ไม่เคยผิดสัญญาด้วยเพราะอย่างนั้นตอนนี้เราคงทำได้แค่รอเท่านั้น รอว่ารีเซิกร์จะกลับมาหาพวกเราอีกครั้ง? เฟรย์พูดอย่างมั่นใจทั้งที่ในใจหวั่นไหวไม่แพ้กัน

?มันคงไม่นานมากนักหรอกคะไม่นานมากเพราะอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องเป็นห่วงรีเซิกร์ให้มากหรอกคะ ก็รีเซิกร์นั้นนะเก่งออกจะตายไม่ใช่เหรอคะ? เนรีนพูดปิดท้ายทั้งที่ในใจก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ก่อนที่ทุกคนจะเดินจากที่นี่ไปหาเซลฟีเรียที่นอนอยู่ตามคำสั่งของรีเซียน่าที่พูดไว้ก่อนจากไป

?จะไปหาเซลฟีเรียจริงๆเหรอ? เรทซ์พูดถามเฟรย์ซึ่งกำลังเดินไปหาเซลฟีเรียอย่างไม่ไว้วางใจก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาอย่างทำใจ

?ฉันแค่อยากทำตามคำขอร้องสุดท้ายของรีเซิกร์ก็เท่านั้นเองคะและฉันคิดว่าเซลฟีเรียคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกคะก็รีเซิกร์พูดรับรองไว้อย่างนั้นแล้วนี่คะ? เฟรย์พูดตอบ

แล้วจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาเซลฟีเรีย ด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรหมายที่จะทำตามคำขอร้องสุดท้ายของรีเซียน่าให้เป็นจริง โดยหารู้ไม่ว่าในที่ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเดสรอสมากนักมีกลุ่มชายสองหญิงหนึ่งกลุ่มหนึ่งยืนมองมาทางนี้ด้วยสายตาที่เฉยเมยก่อนที่ชายหนุ่มที่มีรอยข่วนบนใบหน้าจะพูดขึ้นมาว่า ?จบลงแล้วสินะศึกระหว่างเซลฟีเรียกับรีเซียน่า ไม่น่าเชื่อว่ารีเซียน่าจะชนะได้ทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนั้นไม่น่าเชื่อจริง?

?แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตายในที่สุดไม่ใช่เหรอคะ? หญิงสาวผมดำภายใต้หน้ากากจิ้งจอกสีขาวพูดขึ้น

?ไม่ใช่ตายอลิสแค่หายตัวไปเฉยๆเพราะผู้ชนะในการคัดเลือกต่อให้ตายอย่างไงก็สามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ ถ้ายังไม่คิดถอนตัวจากการแข่งขัน แต่สิทธิ์นั้นใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นน่ะ? ชายหนุ่มคนนั้นพูดอธิบาย

?งั้นก็หมายความว่ามันยังไม่จบสินะคะ? อลิสพูด

?ใช่มันยังไม่จบจนกว่าฉันจะได้เธอมาเป็นของฉันรีเซียน่าสุดที่รักของฉันเพราะถ้าเธอมีพลังเพียงแค่นี้มันก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้หรอก? ชายหนุ่มคนนั้นพูดต่อ

ชายหนุ่มผมดำพูดแล้วหันไปหาชายผมสีน้ำตาลที่สวมหน้ากากจิ้งจอกสีดำสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างยิ้มแบบมีชัยว่าเขาจะชนะแน่นอนก่อนที่ร่างของทั้งสามจะค่อยๆเลือนจางหายไปจากที่แห่งนี้พร้อมกับพูดถึงท้ายว่า ?ฉันรอเธออยู่นะรีเซียน่ารีบกลับมาล่ะ มาเป็นของฉันได้แล้ว?


***********************************************





To be continue in termination part

จบภาคแรกแล้วครับ
the true is out there

รูปภาพ

yoyo

คิดถึงจาง~~

โพสต์ โดย yoyo »

หวัดดีฮับจำyoyoได้ป่าวฮับท่าน แหะๆขอโทษน้าที่ไม่ได้มาเม้นท์ๆให้ เพราะเกิดปัญหาเกี่ยวกะ

เน็ตนิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้ก็กลับมาแล้วยังไงๆก็อย่าลืมมาทักทายกันบ้างนะ^^

ภาพประจำตัวสมาชิก
freedom_destiny
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 27 ส.ค. 2006 9:00 am

โพสต์ โดย freedom_destiny »

ผมหายหน้าไปนานเลยครับตอนไม่ค่อยมีเวลามาที่นี่แล้วครับนี่คือlink นิยายที่บอร์ดเด็กดีครับ http://my.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=113964#

ถ้าไปอ่านแล้วเม้นจะเป็นพระคุณมากเลยครับ ขอบคุณคุณyoyo มากเลยนะครับที่อ่านนิยายเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นจะถึงจบภาคครับ
the true is out there

รูปภาพ

yoyo

โพสต์ โดย yoyo »

ไม่เป็นไรงับ แต่ถ้ามีนิยายอะไรอีกก็บอกกันได้นะ จะมาอ่าน+เม้นท์ให้ ^^

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”