[นิยาย] ซาเรนเทียน่า เจ้าหญิงแสนซนกับเจ้าชายอลเวง (3)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
aa_narak
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 09 มิ.ย. 2007 12:49 am

[นิยาย] ซาเรนเทียน่า เจ้าหญิงแสนซนกับเจ้าชายอลเวง (3)

โพสต์ โดย aa_narak »

ร่างบางในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนวิ่งเล่นวนไปวนมาอยู่ในสวนดอกไม้หลากสีสันขนาดใหญ่ภายในบริเวณพระราชวัง เหล่านางกำนัลและองครักษ์นับสิบต่างเฝ้าพระธิดาองค์เล็กของพระเจ้าฟีโนลอฟซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรวิคเซนเทรีย แต่แล้วใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอย่างสดใสก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อร่างผอมเพรียวในชุดกระโปรงยาวสีขาวเน้นสัดส่วนแลดูเซ็กซี่เดินเชิดหน้าเข้ามาในสวนดอกไม้อย่างสง่าราวกับนางพญา โดยมีนางกำนัลอีกสองคนเดินถือถาดดอกไม้ตามมาติด ๆ
?แหม...เดินเชิดหน้าขึ้นขนาดนั้นไม่เมื่อยคอแย่หรือเพคะเจ้าหญิงวีเนเซ่?? น้ำเสียงเอ่ยถามที่แฝงไปด้วยความประชดอย่างชัดเจนของอีกฝ่ายทำให้ผู้มาเยือนคนใหม่ฉีกยิ้มหวานปานน้ำผึ้งให้ทั้ง ๆ ที่ในใจนึกอยากจะกระโดดตบว่าที่น้องสามีซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอมานานเสียให้รู้แล้วรู้รอด
?ข้าเป็นถึงเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ก็ต้องวางตัวให้สมกับฐานันดรสิเพคะเจ้าหญิงพาราเทเซีย?
?อ๋อ...งั้นเมื่อวันก่อนตอนที่ท่านร้องกรี๊ด ๆ ในห้องนอนก็เป็นอีกหนึ่งกิริยาที่เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์พึงกระทำใช่หรือไม่เพคะ?? คำถามของพาราเทเซียทำเอาวีเนเซ่ถึงกับสะอึกและชักสีหน้าทันทีเพราะเธอไม่คิดว่าห้องใหญ่ที่เก็บเสียงได้ดีขนาดนั้นยังมีเสียงเล็ดลอดออกไปถึงหูของว่าที่น้องสามีได้ เธอเม้มปากแน่นและเปลี่ยนเป็นให้ความสนใจกับดอกไม้ที่แข่งกันบานสะพรั่งอยู่ข้างกายแทน แต่แล้วเธอก็เลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มแย้มอย่างสดใส วีเนเซ่หันไปมองตามสายตาของเด็กสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อมองเห็นร่างของเจ้าชายหนุ่มที่เธอรอคอยขี่ม้าเข้ามาในเขตพระราชวังอย่างสง่างาม หากแต่การกลับมาครั้งนี้ของเขาทำให้รอยยิ้มของหญิงสาวเหือดหายไปเมื่อมีร่างของหญิงสาวผู้เลอโฉมนั่งอยู่ในวงแขนของชายหนุ่มราวกับเป็นคู่รัก
?ท่านพี่พาฟลอฟ? เจ้าหญิงพาราเทเซียฉีกยิ้มกว้างพร้อมทั้งวิ่งเข้าไปสวมกอดพี่ชายที่กระโดดลงมาจากหลังม้าอย่างดีใจ พาฟลอฟขยี้หัวผู้เป็นน้องสาวอย่างหมั่นเขี้ยวจนผมของเธอยุ่งเหยิงก่อนจะกระโดดหลบฝ่ามือน้อย ๆ ของน้องสาวได้ทัน
?ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อซาเรนเทียน่าเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอนาคาเซีย? ซาเรนเทียน่าแนะนำตัวเองทันทีที่สายตาของพาราเทเซียจ้องมาด้วยความแปลกใจระคนสงสัย มือบอบบางของทั้งสองฝ่ายจับและเขย่าเบา ๆ เป็นการทักทาย ทั้งคู่ต่างรู้สึกถูกชะตาซึ่งกันและกันและยิ้มแย้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตรซึ่งอาจเป็นเพราะอายุของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน พาฟลอฟรู้สึกโล่งใจที่การเปิดตัวคนรัก(?)ของเขาผ่านด่านสำคัญไปได้อีกหนึ่ง
?กลับมาแล้วหรือเพคะท่านพี่พาฟลอฟ?? เสียงเอ่ยทักแหลมใสพร้อมทั้งร่างบางวิ่งเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างพาฟลอฟและซาเรนเทียน่า ก่อนจะจิกสายตาใส่อีกฝ่ายได้อย่างน่าหมั่นไส้ แขนทั้งสองข้างคล้องแขนของคู่หมั้นตัวเองอย่างเหนียวแน่น
?ยังไม่กลับมั้ง? คำตอบของเจ้าชายรูปงามทำเอาผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวถึงกับหัวเราะพรืดด้วยความสะใจ ซาเรนเทียน่าเหลือบมองผู้ที่ถูกหักหาญน้ำใจด้วยคำตอบที่แสนเย็นชาและกวนประสาทของเขาด้วยความสงสาร หากแต่ความรู้สึกนี้ก็ถูกกระชากออกทันทีเมื่อเจ้าหญิงวีเนเซ่อ้าปากพูด
?แล้วยัยนั่นเป็นใครหรือเพคะ คงจะเป็นพวกผู้หญิงข้างทางที่ติดตามท่านพี่มาด้วยความเสน่หาสิท่า? วีเนเซ่พูดจาแดกดันและจิกสายตาใส่ซาเรนเทียน่าที่ยืนกำมือแน่นจนสั่นไปด้วยแรงโทสะ รอยยิ้มเย็นกระตุกขึ้นพร้อมทั้งเดินเข้ามาผลักร่างบางของวีเนเซ่ให้ล้มลงไปกองบนพื้นได้อย่างง่ายดาย พวกนางกำนัลที่ยืนมุงดูอยู่ไม่ไกลนักแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้กันอย่างชอบใจ มือทั้งสองของหญิงสาวสวมกอดเอวของพาฟลอฟอย่างหลวม ๆ พร้อมทั้งซบศีรษะบนแผ่นอกกว้างของเขา การกระทำของซาเรนเทียน่าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วครั้งนี้ทำให้พาฟลอฟที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกับมีอาการใจเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ
?บอกไปสิเพคะท่านพี่ว่าข้าเป็นใคร? ซาเรนเทียน่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมทั้งช้อนสายตาออดอ้อนพาฟลอฟได้อย่างสมบทบาท ชายหนุ่มที่มัวแต่เหม่อมองหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งทันทีเมื่อเธอแอบเหยียบเท้าเรียกสติของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างแนบเนียน เขายิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมทั้งถือโอกาสโอบกอดเอวบางของหญิงสาวอย่างแนบแน่นจนบรรดาเหล่านางกำนัลสาว ๆ ที่อยู่แถวนั้นต่างส่งเสียงจิจ๊ะอย่างเสียดายเจ้าชายรูปงาม และการกระทำของเขาก็ยิ่งทำให้ซาเรนเทียน่าออกแรงกดลงไปบนเท้าของเขามากขึ้นไปอีก
?นางเป็นคู่หมั้นของข้าและก็เป็นคนที่ข้ารัก? เขากัดฟันตอบด้วยสีหน้าแช่มชื่นพร้อมทั้งค่อย ๆ ชักเท้าออกอย่างแนบเนียนเช่นกัน ซึ่งคำตอบของเขาเล่นเอาแต่ละคนที่อยู่ใกล้กันนั้นถึงกับตกตะลึงรวมถึงเจ้าหญิงวีเนเซ่ด้วยเช่นกัน
?ข้าต่างหากล่ะที่เป็นคู่หมั้นของเจ้านะพาฟลอฟ? วีเนเซ่พูดด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวพร้อมทั้งปรี่เข้าไปหาซาเรนเทียน่าเพื่อจะกระชากร่างบางนั้นออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เธอรัก แต่เจ้าหญิงพาราเทเซียกลับเอาตัวเข้ามาขวางและจ้องมองวีเนเซ่ด้วยสายตาดุดัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอถึงกับหยุดชะงักทันทีเพราะใคร ๆ ก็ต่างรู้ถึงความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับคนที่ทำให้เจ้าหญิงพาราเทเซียมีอารมณ์โทสะ
?นี่เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าท่านพี่ของข้าไม่ได้ปรารถนาในตัวเจ้าเลยสักนิด และที่เจ้าได้เป็นคู่หมั้นของพี่ชายข้าก็เพราะว่าผู้ใหญ่จัดการแทบทั้งสิ้น? เธอพูดเสียงเย็น เจ้าหญิงวีเนเซ่เม้มปากแน่น น้ำตาของความเสียใจระคนเคียดแค้นไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ?เราไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าเที่ยวเสียให้ทั่ววังเลยล่ะ? พูดจบเธอก็เดินจูงมือซาเรนเทียน่าออกไปอย่างรวดเร็ว พาฟลอฟมองตามหลังสองสาวที่เดินเลี่ยงออกไปก่อนจะเดินแยกออกไปอีกทาง ทิ้งให้เจ้าหญิงวีเนเซ่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหลังคนเดียวราวกับเธอเป็นอากาศธาตุ
?ชิ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน? เธอพูดทิ้งท้ายด้วยความเคียดแค้นก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปยังที่พักของตน ตามด้วยนางกำนัลทั้งสองที่แทบจะวิ่งตามเธอออกไปเสียด้วยซ้ำ

ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ภายใต้เครื่องแต่งกายตำแหน่งกษัตริย์เต็มยศอย่างสง่ากำลังนั่งเขียนวางแผนงานภายในห้องทรงพระอักษรอย่างเคร่งเครียด แต่แล้วคิ้วที่ก่อนหน้านั้นแทบจะขมวดเป็นปมก็คลี่ออกจากกันพร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อร่างสูงของเจ้าชายพาฟลอฟเดินฉีกยิ้มกว้างเข้ามาหา
?ไงพ่อลูกชาย กลับจากไปเที่ยวครั้งนี้มีของฝากติดไม้ติดมือมาให้พ่อบ้างหรือเปล่า?? พระเจ้าฟีโนลอฟเอ่ยถามพลางกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเช่นเดียวกับลูกชายที่ยิ้มร่า
?ลูกได้ว่าที่ลูกสะใภ้มาฝากท่านพ่อแน่ะ? เขาตอบก่อนจะยิ้มแฉ่งให้กับผู้เป็นพ่อ
?โอ้ว ดีมาก? ผู้เป็นพ่อพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นดีเห็นงามก่อนจะหยุดชะงักแทบจะทันทีเมื่อนึกทวนคำตอบของลูกชายอีกครั้ง ?หา จะ เจ้าพูดว่าลูกสะใภ้อย่างงั้นหรือ?? เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
?ใช่แล้ว เธอชื่อซาเรนเทียน่า เป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอนาคาเซีย?
?อาณาจักรอนาคาเซียอย่างงั้นหรือ? เอ...ทำไมพ่อถึงไม่รู้สึกคุ้นกับชื่อนี้เลยนะ? พระเจ้าฟีโนลอฟพึมพำออกมาด้วยความสงสัย ?ว่าแต่อาณาจักรที่ว่านี่อยู่ที่ไหนกัน แล้วพวกเจ้าเจอกันได้ยังไงล่ะ??
ซวยแล้วสิ... พาฟลอฟคิดในใจอย่างวิตกกังวลเพราะทั้งเขาและซาเรนเทียน่าต่างก็ลืมเตี๊ยมคำถามข้อนี้ไปเสียสนิท หัวสมองของเขารีบทำงานอย่างรวดเร็วและทำทีเป็นเดินไปหยิบตำราเล่มหนาที่วางเรียงกันไว้บนชั้นหนังสือเพื่อถ่วงเวลา
?เอ่อ...อาณาจักรนี้ก็อยู่ห่างจากอาณาจักรเทลโรเนียพอประมาณ ใกล้กับหมู่เกาะวีนัสเล็กน้อยและติดช่องแคบเรอุสที่อยู่ห่างจากถ้ำหัวกะโหลกประมาณสองพันไมล์และที่เราสองคนพบเจอกันได้ก็เพราะพรหมลิขิตบันดาลชักพาไงล่ะครับ? พาฟลอฟรัวคำพูด(ปด)อย่างรวดเร็วก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้าที่มีสีหน้างุนงงและสับสนกับคำตอบของเขาไปแล้วเรียบร้อย
?ในเมื่อลูกมีคนที่ลูก เอ่อ รักแล้ว ลูกก็อยากจะขอถอนหมั้นวีเนเซ่นะท่านพ่อ? เขารู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานิด ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้าหญิงแห่งดินแดนเทพซึ่งพระเจ้าฟีโนลอฟเองก็สังเกตเห็น เสียงถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มดังเล็ดลอดออกมาจากร่างท้วมของชายวัยกลางคน
?ถ้าการถอนหมั้นกับวีเนเซ่มันง่ายเหมือนถอนหญ้าก็คงจะดีหรอกนะ ลูกเองก็รู้ว่าพ่อได้หมั้นหมายเจ้ากับวีเนเซ่เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร พ่อเกรงว่าจะเกิดสงครามขึ้นหากลูกถอนหมั้นกับเธอ? เขาตอบลูกชายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
เหตุผลหลักที่เขาต้องจับลูกชายตัวดีหมั้นหมายกับเจ้าหญิงวีเนเซ่นั้นเป็นเพราะทนดูพฤติกรรมเจ้าชู้และแสนกะล่อนของพาฟลอฟไม่ไหว อีกทั้งเขาขี้เกียจตามไล่แก้ปัญหากับพวกบรรดาหญิงสาวที่มาติดพันลูกชายของตน แต่แล้วเมื่อปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่ชวนปวดหัวก็ตามมาเมื่อว่าที่ลูกสะใภ้ที่เขาทาบทามมานั้นกลับไม่เป็นที่โปรดปรานของราชินีและธิดาคนเล็กของเขาเลยแม้แต่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นพวกข้าราชบริพาร เหล่านางกำนัลต่างก็ไม่ชอบใจเธอกันแทบทุกคน แม้แต่เขาซึ่งเป็นผู้ทาบทามมาเองแท้ ๆ ยังรู้สึกเอือมระอากับนิสัยที่เอาแต่ใจและขี้วีนของวีเนเซ่เช่นกัน
?ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นก็ไม่ต้องกังวลหรอกท่านพ่อ ลูกจะเป็นคนนำทัพเอง? พาฟลอฟพูดด้วยแววตามุ่งมั่นและมีประกายวิบวับบ่งบอกว่ากระหายสงครามมากเพียงใด น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วภายใต้หน้ากากของเจ้าชายหนุ่มรูปงามผู้รักสนุกและกวนประสาทสุด ๆ จะมีคุณสมบัติของนักรบแฝงอยู่ หลายอาณาจักรที่พ่ายแพ้สงครามแก่เขาก็เป็นเพราะผู้ครองอาณาจักรต่างประมาทในความสามารถของเจ้าชายหนุ่มคนนี้มากเกินไป
?พ่อรู้ดีว่าถ้าเจ้านำทัพ ชัยชนะจะต้องตกเป็นของอาณาจักรเราอย่างแน่นอน แต่เจ้าไม่คิดเป็นห่วงราษฎรตาดำ ๆ ที่ต้องถูกเกณฑ์เข้ามาทำศึกสงครามเพียงเพราะเหตุผลส่วนตัวของเจ้าหรอกหรือ?? คำถามของพระเจ้าฟีโนลอฟดับความกระหายสงครามของพาฟลอฟเสียหมดสิ้น
?อืม...มันก็จริง ลูกมัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเองมากกว่าห่วงราษฎร? เขาพูดเสียงอ่อนก่อนจะพ่นลมหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ?แต่ท่านพ่อก็รู้นี่ครับว่าลูกไม่ได้รักวีเนเซ่เลยสักนิด?
?หึ เจ้ายังอยากออกไปเที่ยวหาพวกหญิงสาวนอกวังอีกละสิ? ชายวัยกลางคนยิ้มกริ่มอย่างนึกรู้ทัน พาฟลอฟส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ ?บอกตามตรงนะ พ่อเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะรู้จักรักใครแบบจริงจังเป็นเหมือนคนอื่น ๆ หรือว่า...? พระเจ้าฟีโนลอฟพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงยานคางพร้อมทั้งหรี่ตามองคนตรงหน้าเพื่อล้วงลึกเข้าไปถึงภายในห้วงความคิด
?หรือว่าอะไรหรือท่านพ่อ?? พาฟลอฟเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แอบสั่นเล็กน้อยกับท่าทางของผู้เป็นพ่อ
?เจ้ากำลังวางแผนตบตาพ่ออยู่หรือเปล่า??
นั่น ว่าแล้วไง... พาฟลอฟคิดในพลางปั้นหน้าให้ดูงุนงงอย่างแนบเนียนจนชายวัยกลางคนที่กำลังนึกสงสัยชักไม่แน่ใจ
?เฮ่อ...บางทีพ่ออาจคิดมากไปก็ได้? พระเจ้าฟีโนลอฟเลิกจับผิดไปในที่สุด พาฟลอฟแอบโล่งอกอยู่ในใจ ?งั้นถ้าเจ้าจัดการเจ้าหญิงวีเนเซ่ได้เมื่อไหร่ พ่อจะรีบจัดงานแต่งงานให้เจ้าทันทีเพราะพ่ออยากอุ้มหลานจะแย่อยู่แล้ว?
?หา แต่งงาน!? เขาถึงกับสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน
?หืม...เจ้ามีปัญหาอย่างงั้นหรือ?
?ปะ เปล่า ลูกก็แค่รู้สึกดีใจที่จะได้แต่งงานเท่านั้นเอง?
?งั้นก็ดี แล้วเย็นนี้พาคนรักของเจ้ามาเปิดตัวด้วยล่ะ พ่อล่ะอยากเห็นผู้หญิงที่สามารถทำให้เจ้ารักและยอมแต่งงานด้วยเสียจริง ๆ? สิ้นเสียงคำพูด พาฟลอฟพยักหน้ารับหงึกหงักด้วยใบหน้าที่เหมือนคนกำลังจะร้องไห้

อีกด้านหนึ่งของเขตพระราชวัง...
?ว้าว! นี่เจ้าทำได้ยังไงกันน่ะ สอนข้าบ้างสิ? น้ำเสียงเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นเจือความตื่นเต้นของเจ้าหญิงพาราเทเซียที่ตอนนี้ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อมองดูดอกทิวลิปสีขาวในมือของซาเรนเทียน่าซึ่งเกิดจากการร่ายเวทบทง่าย ๆ ของเธอ
?นี่เป็นเพียงแค่บทเวทง่าย ๆ เท่านั้นแหละ ส่วนเวทระดับสูงนะจะใช้ในยามสงครามเท่านั้น? เธอตอบพร้อมทั้งยื่นดอกทิวลิปให้คนตรงหน้าที่รับมันไปอย่างกระตือรือร้น
?ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในโลกใบนี้จะมีเรื่องลี้ลับประเภทเวทมนตร์คาถาด้วย?
?เฮ่อ...ในโลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากที่บางครั้งมันก็อยู่ใกล้ตัวเราแท้ ๆ แต่มีเพียงม่านบาง ๆ ที่กั้นมันเอาไว้ไม่ให้เราสัมผัสกับมันได้?
?อาณาจักรของเจ้าคงใหญ่น่าดูเลยสินะ ว่าแต่พวกราษฎรของเจ้าสามารถใช้เวทแบบนี้ได้หมดทุกคนเลยเหรอ??
?ใช่ อาณาจักรอนาคาเซียของข้ายิ่งใหญ่มาก? ซาเรนเทียน่าคลี่ยิ้มบาง สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าผืนกว้างซึ่งเป็นที่ที่เธอเคยอยู่ ?พวกราษฎรใช้ได้เพียงเวทง่าย ๆ ที่ใช้ในการดำรงชีวิตเท่านั้นล่ะ ยามศึกสงครามก็ต้องอาศัยเวทระดับสูงจากกษัตริย์และเชื้อพระวงค์นำทัพ ข้าเองยังไม่เคยได้ออกรบด้วยเลย?
?นี่ ๆ ท่านพี่พาฟลอฟขอเจ้าแต่งงานแล้วเหรอ?? การเปลี่ยนคำถามกะทันหันของคนข้าง ๆ ทำเอาเจ้าหญิงแห่งดินแดนเทพปรับโหมดอารมณ์แทบไม่ทัน
?ปะ เปล่านะ เขาไม่ได้ขอข้าแต่งงานสักหน่อย เราสองคนแค่หมั้นเท่านั้นเองน่ะ?
หมั้นแล้วก็ถอนเมื่อละครจบ...
?ข้านะจะไม่ยอมให้ท่านพี่หมั้นกับเจ้าหรอก? หญิงสาวพูดพลางหรี่ตามองอีกฝ่ายที่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความงุนงง ?แต่ข้าจะบังคับให้ท่านพี่แต่งงานกับเจ้าเพราะข้าชอบและถูกชะตากับเจ้ามากเลยนะ และข้าเชื่อว่าท่านแม่ของข้าต้องชอบเจ้าแน่ ๆ ส่วนเรื่องยัยวีเนเซ่นั่นน่ะไม่ต้องกังวลหรอกนะ เพราะข้าจะร่วมมือกับเจ้าเขี่ยยัยนั่นเด้งออกไปจากชีวิตพี่ชายที่แสนดีของข้าให้ได้เลย เพราะฉะนั้นเรามาร่วมมือกันนะ? เจ้าหญิงพาราเทเซียรัวคำพูดเป็นชุดและคว้ามือของเจ้าหญิงซาเรนเทียน่ามาเขย่า ๆ อย่างรวดเร็ว เทพสาวได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางมารร้ายแฮะ...
?แล้วเจ้ามองว่าพี่ชายของข้าเป็นคนแบบไหนหรือ??
?อืม...ก็กวนประสาท หื่นกาม ปริ้นปร้อน กะล่อน หลอกลวง อืม...คิดว่าหมดแล้วล่ะ? เธอรัวคำพูดเป็นชุดก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้กับอีกฝ่ายที่เปลี่ยนเป็นฝ่ายนั่งกระพริบตาปริบ ๆ บ้างและโผเข้ากอดเธอทันที เล่นเอาคนถูกกอดงงเป็นไก่ตาแตก
?เพราะแบบนี้ไงล่ะข้าถึงชอบเจ้า? พาราเทเซียพูดพร้อมทั้งคลายอ้อมกอดและยิ้มให้ซาเรนเทียน่าอย่างอ่อนโยน ?ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่ชายข้าถึงรักเจ้า?
มันเป็นเพียงแค่ละครเท่านั้นล่ะ... ซาเรนเทียน่าคิดพลางถอนหายใจกับหน้าที่คู่หมั้นกำมะลอที่ถูกยัดเยียด หากแต่อีกฝ่ายที่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ กลับคิดเป็นอีกอย่าง
?อย่ากังวลเรื่องยัยวีเนเซ่ไปเลย ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าจะช่วยให้ถึงที่สุด? เธอพูดพลางเอื้อมมือไปจับมือของซาเรนเทียน่ามากุมไว้และบีบเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เทพสาวมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยนพร้อมทั้งจับมือของเธอไว้เช่นกัน
อย่างน้อยเธอก็รู้ข้อหนึ่งแล้วล่ะว่าพวกมนุษย์ไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่คิดเสมอไป...
?ขอบใจนะ? เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างสุขใจ หากแต่ภาพของทั้งคู่ในตอนนี้ทำเอาร่างสูงกำยำของผู้มาเยือนคนใหม่ถึงกับยืนค้างอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง
?อ๊ะ!?
ท่าทางแบบนั้น... (จับมือกันอย่างแนบแน่น)
สายตาแบบนั้น... (มองตากันด้วยความอ่อนโยน)
และใกล้ชิดกันขนาดนั้น... (นั่งติดกันจนไม่มีช่องว่างให้สายลมพัดผ่าน)
?โฮ...นี่พวกเจ้าแอบรักกันตั้งแต่แรกเห็นเลยเรอะ แล้วพวกเจ้ารู้หรือเปล่าว่าความรักแบบนี้มันเป็นรักต้องห้ามนะรู้ไหม? เจ้าชายพาฟลอฟโอดครวญทันทีที่เห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างคนรัก(?)กับน้องสาวของตัวเอง
?ทะ ท่านพี่? พาราเทเซียเอามือกุมขมับด้วยความปวดหัว
?ประสาทชะมัด? ซาเรนเทียน่าพูดขึ้นพร้อมทั้งมองเขาตาเขียวปัด
?แล้วนี่ยังคิดจะพลอดรักกันต่ออีกเรอะ โฮ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะเป็นเอามากขนาดนี้?
?เจ้าคิดเหมือนข้าหรือเปล่าพาราเทเซีย??
?ข้าก็คิดเหมือนเจ้านะแหละซาเรนเทียน่า?
?ถ้าอย่างงั้นก็...หึหึ? ทั้งคู่หักนิ้วเสียงดังกรอบพร้อมทั้งเดินเข้าไปหาร่างสูงของเจ้าชายหนุ่ม
?อ๊ะ พะ พวกเจ้าจะทำอะไรข้าน่ะ ข้าแค่ล้อเล่นเองนะ? เขารีบพูดขึ้นพลางทำท่าจะถอยหนี
หมับ!!!
?ฮึ่ม...สายไปแล้วล่ะ? ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันและฉีกยิ้มหวานให้
?อ๊ากกกกก หยุดน้า?

?เอ้าว์! เบา ๆ หน่อยสิ หน้าคนนะไม่ใช่ท่อนไม้? เจ้าชายพาฟลอฟแหวใส่ทันทีเมื่อลูกประคบวางทาบไปบนรอยฟกซ้ำตรงมุมปากที่เกิดจากฝีมือของซาเรนเทียน่านั่นเอง เธอเม้มปากแน่นพร้อมทั้งโปะลูกประคบลงไปบนรอยฟกช้ำนั้นอีกหลายครั้งติดกันอย่างแรงจนชายหนุ่มต้องร้องเสียงหลงอีกหลายรอบและดีดตัวออกห่างจากหญิงสาวทันที
?สมน้ำหน้า อยากพูดจาหาเรื่องใส่ตัวดีนัก? เธอเบ้ปากใส่ ? อ้าว แล้วนั่นขยับออกห่างข้าทำไมน่ะ มาอยู่ใกล้ ๆสิ ข้าจะได้ประคบให้เจ้าต่อไง? ไม่พูดเปล่า มือข้างหนึ่งถือลูกประคบ มือข้างหนึ่งดึงแขนเสื้อของเจ้าชายหนุ่มที่ขยับตัวหนีออกไปอีก
?มะ ไม่ต้องแล้ว ขืนให้เจ้าประคบให้ข้าต่อไป ปากข้าคงบวมน่าเกลียดไปมากกว่านี้แน่ ๆ เลย? T^T เขารีบขยับตัวให้ห่างออกจากเงื้อมมือของคนด้านข้างเข้าไปอีก ซาเรนเทียน่าพยักหน้ารับพลางใช้เวททำลายลูกประคบให้สลายไป ?อ๊าก เจ้าทำแบบนั้นทำไมอ่ะ แล้วทีนี้ข้าจะใช้อะไรมาประคบแผลล่ะเนี่ย?
?อ้าว ยังจะใช้อยู่อีกหรือไง?? เธอพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดกับท่าทางที่ดูจะไม่เต็มของชายหนุ่ม ยิ่งอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเจ้าชายหนุ่มคนนี้มากขึ้น และชักสงสัยว่าพวกผู้หญิงหลงปลาบปลื้มคน ๆ นี้ได้ยังไงกัน?
?เฮ้ย นี่เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้าน่ะ?? พาฟลอฟร้องถามเสียงหลงทันทีเมื่อจู่ ๆ หญิงสาวก็พุ่งตัวเข้ามาใกล้เขาและจับไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้แน่นเพื่อกันการหลบหนีของชายหนุ่มอีกครั้ง
?ก็รักษาให้ไงเจ้าทึ่ม? เธอพูดพลางใช้นิ้วแตะลงบนมุมปากของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาพร้อมทั้งร่ายเวท จากนั้นก็ทำแบบเดียวกันกับแผลฟกช้ำบริเวณอื่น นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองใบหน้าขาวนวลของหญิงสาวนิ่ง เขาไล่สายตาลงมาหยุดตรงริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มน่าสัมผัสก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื้อกเพื่อหักห้ามใจซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ซาเรนเทียน่าร่ายเวทเสร็จพอดี
?เอ๋...ทำไมจู่ ๆ ถึงหน้าแดงล่ะ ตายแล้ว หรือว่าเจ้าจะเป็นไข้? เธอพูดด้วยน้ำเสียงตกใจพร้อมทั้งวางหลังมือทาบกับหน้าผากกว้างของคนตรงหน้า
?ปะ เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอะไร? เขาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมทั้งขยับถอยออกห่างจากหญิงสาว เธอมองอาการของชายหนุ่มด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ร่างบางทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้นหญ้า สายตาทอดมองไปบนผืนฟ้ากว้างใหญ่
?คิดถึงครอบครัวละสิ? เสียงทุ้มของพาฟลอฟเอ่ยถาม ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากหญิงสาวข้างกาย มีเพียงเสียงทอดถอนหายใจที่ดังเล็ดลอดออกมาเท่านั้น ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนหญ้าใกล้กับเธอและมองไปบนท้องฟ้าเช่นกัน
?ป่านนี้ท่านพ่อคงโกรธข้าแย่?

ร่างสูงของเจ้าชายดาร์วินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษรของพระเจ้าบิโรเนียด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดระคนผิดหวังหลังจากที่เขาพยายามอ้อนวอนขอลงไปตามหาคู่หมั้นของตัวเองที่หลบหนีงานแต่งงานไปยังดินแดนมนุษย์ไม่สำเร็จ เขาเดินทอดน่องออกไปนอกเขตพระราชวังด้วยจิตใจที่หดหู่ เหล่าข้าราชบริพารและนางกำนัลต่างมองท่าทางของเจ้าชายหนุ่มรูปงามด้วยความสงสารจับใจ เขาเดินออกไปตามทางเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่บนสวนดอกไม้ซึ่งถูกจัดแต่งอย่างสวยงามตรงหน้าโบสถ์ สายลมอ่อน ๆ พัดให้เส้นผมของเขาพลิ้วไหวตามแรงลม เปลือกตาของเขาปิดสนิทลงอย่างช้า ๆ พร้อมทั้งแบมือข้างขวาและพึมพำเวทบทหนึ่ง แสงสีขาวบาดตาสว่างวาบขึ้นมาและปรากฏขนนกสีขาวที่มีริ้วสีฟ้าอ่อนปะปนอย่างสวยงามบนฝ่ามือ ดาร์วินกำมันไว้แน่นและตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าโบสถ์สีขาวสะอาดตาซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าเทพต่างเดินทางมาขอพรศักดิ์สิทธิ์
ขอให้ขนนกของข้าจงล่องล่อยไปถึงคนที่ข้ารักซึ่งอยู่ในดินแดนที่แสนห่างไกล และจงคุ้มครองนางให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง โดยเฉพาะพวกซาตานด้วยเถิด...เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งและแบมือออก สายลมพัดปะทะร่างสูงของเขาอีกครั้งและพัดพาขนนกที่อยู่ในมือให้ล่องลอยออกไปตามสายลม นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมองเส้นขนนกของตัวเองลอยออกไปจนมันลับสายตาด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่ามันจะถูกส่งไปถึงมือของเจ้าหญิงซาเรนเทียน่าผู้เป็นนางในดวงใจเสมอมา

?เฮ้ ตื่นได้แล้วเจ้าหัวม่วง? ซาเรนเทียน่าที่ลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจหลังจากที่เผลองีบหลับมาได้สักพักหนึ่ง หากแต่คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้าง ๆ ยังคงไม่ยอมแม้แต่จะขยับเขยื้อนตามเสียงเรียกของเธอเลยสักนิด หญิงสาวส่ายหัวอย่างอ่อนใจในความขี้เซาของคนข้าง ๆ พร้อมทั้งเอามือสะกิดและเขย่าตัวพาฟลอฟอีกครั้งแต่ก็ยังไร้การตอบรับเช่นเดิม
หึหึ เดี๋ยวต้องตกใจและลองแนบหูไว้บนอกของเราแน่ ๆ ... (-. ,-) พาฟลอฟคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจทั้ง ๆที่ใบหน้ายังคงเรียบสนิท และก็เป็นจริงดังที่เขาคาดไว้ ซาเรนเทียน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเขย่าตัวเขาเท่าไหร่ก็ยังคงไร้ผล
ฝ่ามือบาง ๆ ของซาเรนเทียน่าบรรจงฟาดลงไปบนแก้มทั้งสองของพาฟลอฟทันทีจนเขาร้องเสียงหลงและเด้งขึ้นมานั่งเอามือกุมใบหน้าอย่างรวดเร็ว
?อ๊าก เจ้าตบหน้าข้าทำไมกันซาเรนเทียน่า มันเจ็บนะ?
?อ้าว ก็ข้าตกใจนี่นา ก่อนหน้านั้นข้าทั้งสะกิดและก็เขย่าตัวแล้วแต่เจ้าก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ข้าก็เลยลองใช้วิธีเบา ๆ ดูก่อน ถ้ายังไม่ตื่นก็ค่อยลองปลุกแบบแรง ๆ ดูอีกที?
?นะ นี่เจ้าเรียกว่า เบา แล้วเรอะ?? เขาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่อยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ พลางเอามือลูบแก้มทั้งสองที่เริ่มแดงเป็นรูปฝ่ามือไปด้วย ?เจ้านี่ช่างไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ เอาเสียเลย?
?ก็ข้าเป็นของข้าแบบนี้ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ? พูดจบเธอก็เดินปึงปังออกไปด้วยอารมณ์โกรธเคืองที่เขาเอาตัวเธอไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนอื่น พาฟลอฟเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมทั้งวิ่งเอาตัวเข้าไปขวางไว้ พอเธอเดินเลี่ยงออกไปอีกทางเขาก็กระโดดเข้ามาขวางอีก
?โอ๋ ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะซาเรนเทียน่า ข้าก็แค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเอง นะ ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ? พาฟลอฟพูดพร้อมทั้งสะบัดมือเบา ๆ ตรงหน้าหญิงสาวเพื่องอนง้อเหมือนเด็ก ๆ พร้อมทั้งทำตาปริบ ๆ ได้อย่างน่าสงสาร หากหญิงสาวคนอื่นมาเห็นท่าทางของเจ้าชายรูปงามในตอนนี้คงจะแทบละลายลงไปแล้ว แต่มันกลับไม่ได้ผลกับเจ้าหญิงแห่งดินแดนเทพคนนี้ เธอยังคงทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจและเอามือเท้าเอว
?ถามจริง ๆ เถอะ คนอย่างเจ้าน่ะเคยจริงจังเหมือนคนอื่นเป็นบ้างหรือเปล่า เอะอะอะไรก็บอกว่าล้อเล่น ๆ? เธอพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงพร้อมทั้งทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง แต่คนที่ไวกว่ารีบรวบตัวเธอไว้จากทางด้านหลัง ดวงตาคู่โตของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ แขนข้างสองข้างของเขาโอบรอบเอวบางของเธอเอาไว้อย่างถือสิทธิ์พร้อมทั้งเอาคางวางไว้บนไหล่ข้างขวาของเธอ
?ปะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าหัวม่วง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ? ใบหน้าของซาเรนเทียน่าร้อนผ่าวพร้อมทั้งพยายามแกะแขนทั้งสองข้างของเขาออก หากแต่เขากลับโอบกอดเธอแน่นมากขึ้นไปอีก
?บอกข้ามาก่อนสิว่าเจ้าหายโกรธข้าแล้ว? เขาพูดเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเธอ
?กะ ก็ได้ ข้าหายโกรธเจ้าแล้วล่ะ ถ้างั้นก็ปล่อยข้าได้แล้ว?ซาเรนเทียน่าพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พาฟลอฟยิ้มกริ่มอย่างนึกขำกับท่าทางของเธอพร้อมทั้งปล่อยให้เธอเป็นอิสระอีกครั้ง หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปยังเขตพระราชวังด้านในทันที
?เฮ้ รอข้าด้วยสิซาเรนเทียน่า? เขาร้องเรียกเธอพลางกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามร่างบางที่เดินก้าวฉับ ๆ เข้าไปยังที่พักของตัวเอง ขนนกสีขาวของเจ้าชายดาร์วินค่อย ๆ ร่วงลงมาสู่พื้นและนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวตรงจุดที่เจ้าหญิงซาเรนเทียน่าเคยนอนอยู่ก่อนหน้านั้น
ขอฝากนิยายแนวรักแฟนตาซีด้วยนะคะ (-/\-)

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”