MIDDONAITO ตอนที่ 1 เปิดเทอม ฉัน เธอ เขา แล้วก็ผี

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
ameyuki
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 21 พ.ค. 2012 12:06 pm

MIDDONAITO ตอนที่ 1 เปิดเทอม ฉัน เธอ เขา แล้วก็ผี

โพสต์ โดย ameyuki »

MIDDONAITO เรื่องของเรา : ฉัน เธอ เขา แล้วก็ผี โดย พลอยนิล


ตอนที่ 1



?เฮ้อ! นี่เราตื่นเต้นขนาดนอนไม่หลับเลยเหรอเนี่ย?

ฉันลุกขึ้นนั่งบ่นตัวเองบนเตียง หลังจากนอนกระสับกระส่ายพลิกไปมาหลายตลบ แต่ก็ยังข่มตาลงไม่ได้สักที

?พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว เราจะได้อยู่ห้องเดียวกับไทจิแล้วสินะ? แอบยิ้มคนเดียวเมื่อนึกถึง 'เขา' คนที่ฉันแอบปลื้ม นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ...ใครมาเห็นตอนนี้ต้องคิดว่าฉันเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

อ้อ! ลืมแนะนำตัวไป ฉัน...อิชิกาวา มามิ นักเรียนไฮสคูลปี 1 ของโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ พ่อแม่ของฉันทำงานอยู่ที่โตเกียว ฉันเลยต้องอยู่บ้านกับพี่ฮารุกะ พี่สาวมาดทอมของฉันแค่ 2 คน

ส่วน 'เขา' ที่ว่าเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับฉันเอง (และกำลังจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกันพรุ่งนี้แหละ)...ฟูจิมะ ไทจิ ทายาทผู้ดูแลศาลเจ้า และนักปราบผีของตระกูล เรารู้จักกันมา 5 ปีแล้ว และฉันก็ปลื้มเขามากด้วย พูดแล้วอายจัง!

แต๊ก แต๊ก แต๊ก...

เสียงที่ดังมาจากนอกบ้าน ทำเอาฉันชะงักความคิด

?เสียงอะไร?? ฉันถามตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนจะลงจากเตียงมองไปที่หน้าต่างตรงหัวนอน ?ไทจินี่!! ทำไมออกมาเดินตอนมืดๆคนเดียวแบบนี้นะ!??

เปิดโคมไฟดูนาฬิกา แล้วก็พบว่ามันเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน...เขาจะไปไหน? ไปทำอะไรในเวลาแบบนี้นะ? แล้วชุดแบบนั้น...ฮากามะ (กิโมโนแบบกางเกงของผู้ชาย) ท่อนบนสีขาว ท่อนล่างสีน้ำตาลแก่ แล้วยังโซริ (ถุงเท้าสำหรับฮากามะ) กับเกี๊ยะ แต๊ก แต๊ก นั่นอีก...นี่มันชุดแบบที่อยู่ศาลเจ้าไม่ใช่เหรอ?

?ไม่ได้! ไม่ได้! ต้องตามไปดูซะแล้ว?

ย่องไปที่ประตูห้อง หมุนลูกบิด แง้มดูลาดเลาความเคลื่อนไหว...ทางสะดวก เพราะดึกป่านนี้พี่ฮารุกะคงหลับปุ๋ยไปแล้ว ก็เหลือแต่ฉันที่ต้องไม่ทำให้พี่ตื่นขึ้นมาซักไซ้...นี่แหละงานหนัก!

?รอดแล้ว!!?

ตื่นเต้นจนมือเท้าชุ่มเหงื่อ...ก็ฉันไม่เคยออกไปไหนดึกดื่นค่อนคืนอย่างนี้นี่ โดยเฉพาะทั้งชุดนอนแบบนี้ แต่จะมาถอดใจเอาตอนนี้ก็ไม่ได้แล้วด้วย ในเมื่อขาสองข้างได้พาฉันออกมาจนถึงหน้าบ้านแล้ว

?อ๊ะ! ไทจิเลี้ยวไปตรงนั้นแล้ว? ฉันชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟ มองไทจิที่เดินหายไปตรงทางแยก

?แยกนี้สินะ...? เดินแกมวิ่งมาจนถึงทางแยก เลี้ยวซ้ายแล้วก็จะเจอเขาอย่างที่คำนวณไว้ แต่... ?หา!? มะ...มะ...ไม่มี ไม่มีใครเลย แล้ว...แล้วที่ฉันเห็นไทจิล่ะ ทะ...ทำไม? หรือว่านั่น...ไม่ใช่? มือและเท้าเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ ยืนค้างอยู่ในท่าที่กำลังจะก้าวขา เมื่อมองไปข้างหน้าแล้วเห็นเพียงถนนทั้งสายที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน

?ไม่จริงใช่ไหม?? ฉันถามตัวเองเสียงสั่น ขยี้ตาก่อนจะเพ่งมองไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันว่างเปล่าคล้ายกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยนอกจาก...ฉัน

วิ้วววว...

ลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ และค่อยๆแรงขึ้น จนผมที่ปล่อยยาวถึงกลางหลังของฉันพลิ้วไปตามแรงลม แต่ฉันยังคงยืนนิ่ง ทั้งที่หัวใจสั่งให้หันหลังกลับ...ขาสองข้างหนักอึ้งราวกับถ่วงด้วยหิน หนาวไปทั่วสรรพางค์กาย และยิ่งรู้สึกเย็นเยือกเมื่อรับรู้กลิ่นสาบสางที่ลอยมาตามลม

?ไม่...ไม่เอานะ ฉันไม่อยากเจอ...ไม่อยากเจออีกแล้ว!!? ฉันส่ายหน้า เสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว ขาทั้งสองข้างที่เคยแข็งทื่อ ขยับถอยหลังอัตโนมัติ และทันทีที่หันหลังกลับเพื่อจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้...

?กรี๊ดดดด!!!?

?มามิ!!?

ภาพผู้หญิงผมยาวสยายในชุดกิโมโน ใบหน้าขาวซีด กับดวงตาสองข้างที่ไร้ลูกตาดำ และรอยยิ้มเยือกเย็น ดับวูบลงพร้อมสติของฉัน หูได้ยินเพียงเสียงเรียกสุดท้ายที่พอจะทำให้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง เสียงของเขา...คนที่ฉันกำลังมองหา

กริ๊งงง...ง

เสียงนาฬิกาปลุกดังก้องห้อง จนฉันต้องรีบพลิกตัวไปปิดสวิชต์

?เอ๋?...นี่เรานอนอยู่ในห้องตัวเองนี่ แล้วเมื่อคืน ฝันไปงั้นเหรอ ใจยังสั่นอยู่เลย...? ฉันสลัดหน้าไล่ภาพที่ยังติดตาพวกนั้นออกไป ก่อนจะสรุปว่านั่นคือความฝัน ทั้งที่ยังมีอะไรคาใจ แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งสงสัย ฉันต้องรีบทำกิจวัตรประจำวันให้เสร็จ แล้วรีบไปเรียน...สำหรับวันเปิดเทอมวันแรกที่รอคอย



?มามิ!?

ทันทีที่เดินเข้ามาถึงโต๊ะอาหาร ฉันก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่าน จากน้ำเสียงและแววตาของพี่ฮารุกะ มันน่ากลัวพอๆกับวิญญาณเมื่อคืนเลยก็ว่าได้

?เมื่อคืนออกไปทำอะไรข้างนอก? ทำไมต้องออกไปตอนเที่ยงคืน? แล้วทำไมถึงหมดสติกลับมาแบบนั้น? แล้วเด็กผู้ชายที่พามาส่งเป็นใคร? รู้จักกันได้ยังไง? ไว้ใจได้แค่ไหนกัน ถ้าเขาไม่พาเรามาส่งบ้านแต่พาไปที่อื่นจะทำยังไง? ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ ทำไมออกไปไหนไม่บอกพี่ แล้วค่ำมืดแบบนั้นอันตรายรอบด้าน ทำไมถึงไม่รู้จักกลัวบ้าง...อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะมามิ!?

ฉันยืนมึนกับคำถามมากมายของพี่ฮารุกะ จะติดใจสงสัยก็ตรงคำว่า 'เด็กผู้ชาย'...เมื่อคืนที่ฉันเห็นไม่ใช่ไทจิหรอกเหรอ? แล้วยังเสียงที่ได้ยิน...ฉันมั่นใจนะว่านั่นเป็นเสียงของเขา แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กแล้วนี่ แล้วก็ไม่มีพี่น้องที่ไหนด้วย เด็กที่พี่ฮารุกะพูดถึงเป็นใครกัน? อ้อ! สรุปว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันจริงๆด้วยสินะ

?เด็ก?...เด็กผู้ชายหรือคะ? ใครกันล่ะ??

?อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่นะมามิ! เด็กศาลเจ้าที่ใส่ฮากามะอายุพอกับเราน่ะ เขาเรียกชื่อเราถูกแสดงว่าต้องรู้จักกัน เด็กนั่นเป็นใคร? รู้จักกันได้ยังไง? แล้วทำไมต้องแอบออกไปตอนเที่ยงคืน บอกพี่มาเดี๋ยวนี้!?

พึ่งรู้ว่าฉันกับไทจิยังเป็นเด็กกันอยู่ ทั้งที่อายุ 15 และเรียนไฮสคูลปี 1 แต่จะมัวดีใจไม่ได้ เพราะขืนปล่อยไว้นานพี่ฮารุกะคงเดือดดาลคว่ำโต๊ะอาหาร ทำโทษให้ฉันต้องแขวนท้องอันหิวโหยไปจนถึงมื้อกลางวัน

?อ๋อ!! ไทจิน่ะค่ะ ฟูจิมะ ไทจิที่บ้านอยู่หลังศาลเจ้าชิสุคะไงคะ ที่เมื่อ 5 ปีก่อนตอนปีใหม่เขาพามามิมาส่งบ้าน เพราะมามิถูกชนล้มจนหัวเข่าแตกเดินไม่ไหว พี่ฮารุกะคงจำได้...ใช่ไหมคะ??

?ทายาทผู้ดูแลศาลเจ้านั่นน่ะเหรอ...ยังไงก็เป็นผู้ชาย แล้วเราแอบออกไปทำอะไร หรือนัดกับเด็กนั่น??

?มะ...ไม่ใช่นะคะ! คือ มามิไม่รู้เหมือนกันว่าออกไปได้ยังไง สงสัยจะนอนละเมอแน่ๆเลยค่ะ แหม!พี่ฮารุกะก็รู้ว่ามามิขี้กลัวจะตาย จะเดินออกไปข้างนอกตอนเที่ยงคืนทำไมกัน...จริงไหมคะ?? ฉันจำต้องปดออกไปอีก จะบอกได้ยังไงว่าความอยากรู้อยากเห็นมันกลบความกลัว จนสั่งให้ฉันเดินออกไปนอกบ้านตอนเที่ยงคืนได้

...ก็คงไม่ต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วนัก เรื่องโกหกที่ว่าฉันถูกชนจนล้มหัวเข่าแตกนั่นน่ะ!

?แต่ไหนแต่ไรเราไม่เคยนอนละเมอนี่? พี่ฮารุกะจ้องหน้าฉันอย่างจับผิด น่ากลัวจนฉันหัวหูลีบ

?โธ่...พี่ฮารุกะคะ?

?เอาเถอะ! ถ้าเพราะนอนละเมอจริงๆ ก็พยายามอย่าให้ละเมอเดินออกไปนอกบ้านอีกแล้วกัน พี่เป็นห่วงรู้ไหม มามิเป็นน้องสาวพี่นะ พ่อกับแม่ทำงานอยู่โตเกียว อีกหลายเดือนกว่าจะกลับมามิก็รู้ ถ้ามามิเป็นอะไรไปแล้วพี่จะทำยังไง? หน้าดุๆของพี่ฮารุกะเปลี่ยนเป็นเศร้า จนฉันพลอยเศร้าไปด้วย ถึงจะกลัวเวลาถูกพี่ดุ แต่ฉันก็เข้าใจเหตุผลของพี่ดี แล้วก็ทั้งที่อยากทำตัวให้ไม่ต้องถูกดุ แต่บางครั้งมันก็ทำไม่ได้นี่นา

?มามิขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่ฮารุกะต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อย มามิจะพยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ พี่ฮารุกะจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพราะมามิ?

?เด็กเอ๊ย! เราน่ะยังเด็กอยู่จริงๆด้วยนะ พี่ไม่เคยบอกว่ามามิทำให้พี่ต้องเหนื่อยสักหน่อย...เอาล่ะ!รีบกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวจะสายทั้งคู่? พี่ฮารุกะกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง ส่วนฉันก็รีบนั่งลงกินข้าวเช้า สมองว่างอยู่ไม่นาน พอออกจากบ้านเดินไปโรงเรียน มันก็ถูกใช้งานให้กลับมาคิดนู่นนี่อีก

?ไทจิเป็นคนพาเรากลับบ้านงั้นเหรอ? แล้วพามายังไงล่ะ? คงแบกขึ้นหลังเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนมั้ง เฮ้อ! ทำให้เค้าเดือดร้อนอีกจนได้?

?มามิ ไปด้วยกันไหม??

ฉันชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ก็เพราะนั่นน่ะเป็นเสียงของไทจิน่ะสิ...เจ้าของความสูงที่ทำให้สาวน้อยร่างเล็กบอบบางอย่างฉันต้องเมื่อยคอมอง คิ้วเข้ม กับดวงตากลมโต และรอยยิ้มอ่อนโยน อบอุ่น

โชคดีจริงๆ ออกจากบ้านปุ๊บ ก็ได้ซ้อนจักรยานไทจิไปโรงเรียนตั้งแต่วันแรกเลย ว่าแต่...เรื่องเมื่อคืนจะพูดกับเขายังไงดีล่ะ?

?ไทจิ...ขอโทษนะที่เมื่อคืนทำให้เดือดร้อนน่ะ?

?คิดมากน่า! ฉันเข้าใจว่ามามิกลัวมาก ฝังใจสินะตั้งแต่เรื่องเมื่อ 5 ปีก่อนน่ะ เพราะเรื่องนั้นนี่ มามิถึงได้เชื่อ แล้วก็กลายเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองมาถึงทุกวันนี้?

?ใช่! เหมือนกันเปี๊ยบเลย?

?ก็วิญญาณตนเดียวกันนั่นแหละ เก่งเหมือนกันที่แอบฉันมาได้ตั้ง 5 ปี ต่อไปคงไม่ต้องเจอแล้วล่ะ มามิสบายใจได้...คราวที่แล้วฉันยังไม่ชำนาญก็เลยพลาด แต่คราวนี้รับรองว่าชัวร์ หายห่วง?



ความจริงของเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน...ฉันถูกแม่ใช้ให้ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตอนหัวค่ำ เพราะเป็นฤดูหนาวและยังอยู่ในช่วงปีใหม่ ผู้คนในฮิเมจิจึงพากันปิดบ้านฉลอง จนถนนทั้งสายที่ฉันเดินผ่านว่างเปล่าไร้ผู้คน จะมีก็แต่แสงไฟตามบ้าน กับเสียงเฮฮาปาร์ตี้ซึ่งดังลอดออกมาเท่านั้น ที่บอกให้รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่แถวนี้คนเดียว แต่ระหว่างทางกลับบ้านฉันก็เจอดีเข้าจนได้

?ผะ...ผะ...ผี!!?

ตอนนั้นฉันอายุ 10 ขวบ ได้แต่ยืนปากคอสั่น ขาสั่นกับสิ่งที่ได้เห็น...ผู้หญิงผมยาวสยายในชุดกิโมโนสีเลือดนกที่ยืนขวางทาง ใบหน้าขาวซีด ตัดกับริมฝีปากแดงแบบสีเลือดสด และที่สำคัญคือเธอไม่มีลูกตาดำ!!

?ฮือออ...ไม่เอา กลัวแล้ว กลัวแล้ว!!? ฉันแข็งใจหันหลัง วิ่งกลับไปทางเก่า แต่สะดุดขาตัวเองจนล้มหัวเข่าแตก ลุกไม่ขึ้น...หนีไม่ทันแน่ เธอกำลังจะเข้ามาแล้ว จะมาถึงแล้ว...!!

?เป็นผีทำไมไม่อยู่ส่วนผีล่ะ เที่ยวหลอกคนที่เขาไม่เกี่ยวทำไม!?

เธอชะงัก ถึงไม่มีลูกตาดำ แต่ก็พอดูรู้ว่ากำลังจ้องหน้าเด็กผู้ชายที่โดดเข้ามาขวางในระยะประชิด เขาคือไทจิ ซึ่งตอนนั้นอายุ 10 ขวบเท่าฉัน และอยู่ในชุดฮากามะเหมือนเมื่อคืน...นี่ถ้าเมื่อคืนฉันยังมีสติ ก็คงพอจะบอกได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกันเปี๊ยบหรือเปล่า

?ไปสู่โลกที่ 3 ซะเถอะ!? เขาพูด ก่อนจะท่องอะไรงึมงำกับยันต์สีแดงในมือ สักพักวิญญาณในชุดกิโมโนก็กรีดร้องโหยหวนดังลั่น ก่อนจะหายไปต่อหน้าต่อตา

?ไม่เป็นไรแล้วนะ...เอ๊ะ! นั่นเธอหัวเข่าแตกนี่?

ฉันยังจำได้ดีเลยล่ะ ทุกประโยคที่เขาพูดกับฉัน รวมทั้งคำขอร้องของเขาระหว่างใช้ผ้าเช็ดหน้ารัดแผลให้ฉัน ก่อนจะให้ฉันขี่หลังแล้วพาไปส่งบ้าน

?ขอร้องนะ อย่าเล่าเรื่องที่ฉันเป็นพวกปราบผีให้ใครฟังเด็ดขาด!?

?ทำไมล่ะ น่าภูมิใจออก?

?ถ้ามีคนรู้มากๆชีวิตฉันคงไม่สงบสุขแน่ ขอฉันออกปราบผีแบบเงียบๆดีกว่า?

นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องโกหกพ่อ แม่ และพี่ฮารุกะว่าถูกชนล้ม แล้วไทจิช่วยพามาส่ง ทุกคนขอบใจไทจิกันใหญ่ ส่วนฉันน่ะเหรอก็ถูกแม่ดุตามระเบียบ!



?วิญญาณตนนั้นเขาบอกว่า ไม่ได้อยากแกล้งมามิ แต่มามิหน้าคล้ายลูกสาวเขา เขาแค่อยากมองให้ชัดๆ เขาคิดถึงลูกสาวที่ตายไปน่ะ?

ประโยคบอกเล่าของไทจิปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์

?เดี๋ยวนี้มีการคุยกับผีด้วยเหรอ ก้าวหน้าจังเลยนะ แต่ก็ระวังเป็นแผนหนีของพวกเขาล่ะ?

?ไม่หรอก...เป็นทริคของฉันเอง พูดคุยให้พวกเขาสบายใจจะได้ไปสู่สุคติได้ ไม่อย่างนั้นก็อาจต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่น่าอยู่ ถ้าต้องไปแบบแค้นๆ หรือยังห่วง?

?ไปยืนคุยตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ!??

?เที่ยงคืน ( MIDDONAITO) เวลาที่ประตูมิติโลกที่ 3 เปิด เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะส่งพวกเขาไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่...ว่าแต่มามิเถอะ ออกมาทำอะไรข้างนอกตอนเที่ยงคืนแบบนั้น อันตรายมากนะ แถมยังใส่ชุดนอนอีก ฉันตกใจมากรู้ไหมที่เห็นมามิอยู่ตรงนั้น แล้วแถวนั้นก็เปลี่ยวจะตาย?

ฉันสะดุ้งเหมือนถูกไฟช็อตอย่างแรง เอาอีกแล้ว...คำถามนี้อีกแล้ว เฮ้อ! มามิจะตอบไทจิว่าอะไรดีล่ะ ความอยากรู้อยากเห็นเรื่องเขามันเรียกร้องงั้นเหรอ? ได้ยังไงกันเล่า! เขารู้ที่ไหนว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขามันเกินคำว่าเพื่อนไปแล้ว...พูดไม่ได้นะมามิ! เรื่องแบบนี้ต้องเหยียบให้จมดินไปเลย

?เอ่อ...คือ มามิคงนอนละเมอน่ะ พอลืมตาขึ้นมาก็เจอผีผู้หญิงนั่นพอดี มามิกลัวมากเลยล่ะ นี่ก็ยังขวัญผวาอยู่เลย ถึงเขาจะมาดีก็เถอะ แล้ว...เขาเป็นอะไรตายเหรอ?? รีบเปลี่ยนเรื่องซะก่อนที่ไทจิจะถามจนความแตก

?ถามไม่ได้หรอกนะ เรื่องที่จะทำให้เขาไม่สงบน่ะ?

?จริงด้วยสิ ไทจิน่าจะเรียนจิตวิทยานะ เรื่องแบบนี้น่ะละเอียดอ่อนจริงๆ?

?งั้นเหรอ? แล้ว...มามิได้ย้ายมาอยู่ห้องเอแล้วใช่ไหม เมื่อวันประกาศผลมีชื่อมามิเพิ่มขึ้นมาที่บอร์ดด้วย ฉันดูตั้งหลายรอบ กะจะถามมามิตั้งแต่วันนั้นแต่ก็ไม่เจอซะอีก งานที่ศาลเจ้าก็ยุ่งๆ ไหนจะงานปราบผีด้วย?

?ใช่! ต่อไปคงต้องให้ไทจิช่วยติวให้แล้วล่ะ เพราะมามิน่ะหัวทึบจะตาย ได้ย้ายจากห้องบีมาอยู่ห้องเอได้ยังไงก็ไม่รู้ สงสัยฟลุคแน่ๆ? ถือโอกาสสร้างโอกาสให้ตัวเอง ทั้งที่ความจริงฉันอุตสาหะตั้งใจเรียนสุดชีวิต เพื่อให้ได้มาอยู่ห้องเดียวกับไทจิต่างหาก แต่...จะบอกได้ยังไง

?อะไรกันเกรดก็ออกจะดีนี่!...รู้ไหม ฉันดีใจมากเลยนะที่มามิได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน?

?หะ...หา? ระ...เหรอ เอ่อ...มามิก็ดีใจ?

เกือบจะใจเสียอยู่แล้วที่ไทจิไม่ยอมรับปากจะติวให้ พอเขาพูดประโยคถัดมาเลยทำหน้าไม่ถูก มันทั้งดีใจแล้วก็เขินด้วย แต่จะแสดงออกมากไม่ได้หรอก ก็เราน่ะเข้ามาในเขตโรงเรียนแล้วน่ะสิ...สำรวมหน่อยมามิ!

?แหม! เปิดเรียนวันแรกก็ซ้อนจักรยานไทจิคุงมาเลยนะ พอตอนเย็นก็ได้กลับ้านพร้อมกันอีก คืนนี้คงเก็บไปฝันหวานแน่ๆ?

ระหว่างรอไทจิจอดจักรยาน เสียงเรียกที่ทำให้ฉันต้องหันไปมองก็ดังขึ้น 'มาซาคิ เรนะ' หรือ 'เรนะจัง' เพื่อนสนิทของฉันที่อยู่ห้องบี เดินยิ้มเข้ามาพร้อมคำแซวให้ฉันต้องรีบดึงมือเธอมาคุยห่างๆ ไทจิ

?พูดแบบนี้เดี๋ยวเขาก็รู้หมดหรอกเรนะ!!?

?มามิน่ะมัวแต่กลัว อุตส่าห์บ้าเรียนจนได้มาอยู่ห้องเดียวกับเขา แล้วถ้าไม่พูดความจริงจะมีประโยชน์อะไร มันก็เท่ากับสูญเปล่านั่นแหละ หรือเธอมีแผนจะ...อื้อ!! อู้!! อี้!!?

ฉันรีบปิดปากเรนะจัง ก่อนที่เธอจะพูดเสียงดังขึ้นๆ จนไทจิที่กำลังเดินเข้ามาได้ยิน

?จะฆ่ากันหรือไง!! ฉันหายใจไม่ออกนะยะ แล้วก็ยังไม่อยากตายด้วย มีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำ อย่างเช่น ตามดูรุ่นพี่โทเงะสุดหล่อ? เรนะทำท่ากุมมือละเมอเพ้อพกถึงรุ่นพี่หนุ่มหล่อปี 3 ห้องเอ ขวัญใจสาวๆทั้งโรงเรียน (ยกเว้นมามิคนนี้)...เฮ้อ!ไม่รู้ใครกันแน่ที่ฝันหวาน

?มามิอยู่คุยกับเพื่อนก่อนก็ได้นะ ยังเช้าอยู่เลย? ไทจิบอกยิ้มๆ หลังเดินมาหยุดข้างๆฉัน แต่ไม่ทันที่ฉันจะตอบอะไร เรนะก็เจ้ากี้เจ้าการตอบเองเสียหมด

?อู๊ยยย! ไม่ต้องหรอก เธอขึ้นห้องเรียนไปกับไทจิคุงได้เลยนะจ๊ะมามิ ฉันยังมีภารกิจต้องรอเอริกะจังอีก นี่ก็รอจนเหงือกแห้งแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย?

?เอ๋? เอริกะจังที่เธอชอบบ่นว่าเขาขี้อายยิ่งกว่าตัวตุ่นน่ะเหรอ??

?ก็เธอน่ะตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปอยู่ห้องเอซะแล้ว ฉันก็ต้องหาซี้ใหม่น่ะสิ! แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ยังไงเราสองคนก็ยังซี้กันเหมือนเดิมจ้ะ? ไม่พูดเปล่า ยังรุนหลังฉันกับไทจิให้เดินไปที่ตึกเรียนอีก

?แล้วอย่าไปทำแบบนี้กับเอริกะจังเค้านะ เดี๋ยวเขาก็ตกใจแย่?

?อย่าห่วงเลยน่ามือชั้นนี้แล้ว เจอกันคราวหน้าเธอจะต้องประหลาดใจ ที่เอริกะจังเปลี่ยนจากตัวตุ่นเป็นลิงเฮาเลอร์สีแดง...โชคดีนะจ๊ะมามิ สู้เขาๆ!!? เรนะกระโดดโบกมือเหยงๆให้ฉันจำต้องโบกมือตอบ...อายจัง! อยู่ต่อหน้าไทจิด้วยสิ แล้วยังพวกรุ่นพี่รุ่นน้องที่พากันหันมามองอีก เรนะเธอนะเธอ!

?ตัวตุ่นน่ะมันขี้อายด้วยเหรอ? ไม่ยักรู้เลยแฮะ? ไทจิพูดเป็นเชิงถาม ระหว่างเดินขึ้นบันไดตึกเรียน

?เรนะเค้าบอกว่ามันขุดรูอยู่ เพราะไม่อยากพบหน้าผู้คนน่ะสิ เหมาเอาเองมากกว่า นั่นน่ะธรรมชาติของมันต่างหาก!?

?แล้วลิงเฮาเลอร์สีแดงนี่ล่ะ? ทำไมต้องเป็นลิงเฮาเลอร์ด้วย ลิงอื่นไม่ได้เหรอ??

?ลิงเฮาเลอร์สีแดงได้รับการขนานนามว่า เป็นสัตว์บกที่ส่งเสียงร้องได้หนวกหูที่สุดในโลกน่ะ เสียงของมันไปได้ไกลตั้ง 3 กิโลเมตรแน่ะ?

?ขนาดนั้นเลยเหรอ ยังดีนะที่มามิไม่ได้กลายเป็นลิงเฮาเลอร์ไปด้วย? ไทจิยิ้มขำ พลอยให้ฉันหัวเราะขำไปกับเขาด้วย แต่ถ้าฉันกลายเป็นลิงเฮาเลอร์จริงๆเรื่องนี้คงไม่ตลกแน่!

?มามิกับเพื่อนนี่รู้เรื่องแปลกๆรอบตัวดีเหมือนกันนะ ถ้าถามฉันล่ะก็คงเล่าได้แต่เรื่องผี?

?น่ากลัวจะตายเรื่องพวกนั้นน่ะ ฟังแล้วต้องฝันร้ายแน่ๆ!?

?ไม่ต้องกลัวมามิ ฉันอยู่ทั้งคนนะ มามิไม่มีทางเป็นอะไรแน่ เพราะฉันจะปกป้องเธอเอง!?

?ไทจิ...? ฉันสบตาเขาที่หันมามองฉันสีหน้าแววตาจริงจัง

?วางใจได้เลย? เขายืนยันหนักแน่น พร้อมกับยิ้มให้ฉันเขินอีกแล้ว

?ถ้าวันหลังมามินอนละเมออีกก็ไม่ต้องกลัวแล้วงั้นเหรอ??

?มามินอนละเมอบ่อยเหรอ พักก่อนไม่เห็นเป็นนี่?

?มามิก็ไม่รู้เหมือนกัน? ฉันส่ายหน้า แล้วที่ว่า ?ไม่รู้?น่ะ คือไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบว่าอะไรต่างหาก แต่ก็มีแววว่าถ้าได้เห็นเขาเดินผ่านหน้าบ้านตอนเที่ยงคืน อาการอยากรู้อยากเห็นก็อาจจะกำเริบอีก ว่าแล้วก็เฉไฉดีกว่า ?เมื่อคืนได้ยินเสียงไทจิแล้วก็สลบไป ไทจิอยู่ตรงไหนเหรอ? มามิไม่เห็นเลย?

?อยู่บนต้นไม้น่ะ ไม่คิดว่าจะเจอมามิ ไม่งั้นคงไม่ขึ้นไปสังเกตการณ์พวกวิญญาณบนนั้นหรอก พอได้ยินเสียงมามิก็รีบโดดลงมาเลย แต่เธอน่ะสลบไปแล้ว?

?มามิทำให้ไทจิเดือดร้อนอีกแล้วสินะ?

?ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ! ฉันไม่ได้เดือดร้อนแต่เป็นห่วงเธอต่างหาก ถ้าเธอเป็นอะไรไปแล้วฉันจะทำยังไง? ไทจิขึ้นเสียงดุจนฉันตกใจ แต่ว่าคำพูดแบบนี้...

?เหมือนที่พี่ฮารุกะพูดเปี๊ยบเลยนะ เมื่อเช้าพี่ฮารุกะก็พูดแบบนี้แหละ?

?ที่จริงฉันก็ไม่อยากกดออดปลุกพี่เธอหรอก แต่เรียกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่นนี่?

?ระ...ระ...เหรอ!? ฉันหัวเราะกลบเกลื่อนความขี้เซาของตัวเอง จะติดใจสงสัยก็ตรงคำว่า ?ห่วง?

...ห่วงแบบเพื่อนงั้นเหรอ? ก็คงอย่างนั้นแหละ...เฮ้อ! เศร้าตั้งแต่วันแรกเลยเหรอเนี่ย ยิ่งถ้าได้เจอแฟนของไทจิที่อยู่ห้องเดียวกัน หรือแค่ได้ยินข่าวแฟนของไทจิที่อยู่ต่างห้อง ต่างโรงเรียน ต่างเมือง หรือต่างประเทศ...โอ้! ชีวิตฉันคงถูกเมฆดำปกคลุมไปทั้ง 3 ปีในรั้วไฮสคูลนี่แน่ๆ แต่พึ่งจะมาคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปซะแล้วล่ะมามิ

ภาพประจำตัวสมาชิก
ameyuki
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 21 พ.ค. 2012 12:06 pm

Re: MIDDONAITO ตอนที่ 1 เปิดเทอม ฉัน เธอ เขา แล้วก็ผี

โพสต์ โดย ameyuki »

ถ้าชอบ อยากอ่านไวๆ อ่านได้ที่เว็บเด็กดีตามลิงค์ข้างล่างนะคะ ลงหลายตอนแล้วจ้า :oops:


http://writer.dek-d.com/ameyuki2011/wri ... ?id=729117

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”