Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า ตอนที่ 5.

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ปนัดดา สมศิลป์
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 20 เม.ย. 2012 9:32 pm

Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า ตอนที่ 5.

โพสต์ โดย ปนัดดา สมศิลป์ »

5.

เช้านี้ฉันต้องตื่นทำอาหารใส่บาตร เพราะฉันต้องทำแบบนี้ทุกวัน ตอนนี้พ่อคงยังไม่ตื่น เพราะเมื่อคืนกว่าพ่อจะกลับก็ดึกมาก ฉันปล่อยให้ท่านนอนพักผ่อนให้เต็มที่ ตัวเองจัดแจงตั้งโต๊ะที่หน้าบ้าน เอาอาหาร ดอกไม้ธูปเทียนจัดเตรียมไว้ให้พระท่านรู้ ก่อนที่จะรีบแต่งตัวในชุดนักศึกษาลงมารอท่าน
? แฟร์..ฉันขอใส่บาตรร่วมด้วยได้ไหม ?
ฉันหันไปตามเสียงเรียก เห็นเอพริลใส่ชุดนักศึกษาเดินโผล่จากประตูมาหาฉัน
? อ้าว...ที่บ้านนาย คุณป้าก็ใส่บาตรด้วยไม่ใช่เหรอ ?
? ฉัน...เอ้อ...ฉัน..?
เขาพูดติดอ่าง คงจะเขิน เพราะเขาหน้าแดงๆ ฉันได้แต่ส่ายหน้า รีบชวน ก่อนที่หน้าเขาจะแดงมากกว่านี้
? มาสิ...มาใส่บาตรด้วยกัน...พระมาพอดีเลย...เร็วๆ เข้า ?
ฉันตักข้าวให้พระจนครบสามองค์ แล้วส่งขันให้เขาตักต่อ ส่วนอาหารและดอกไม้ธูปเทียน เราช่วยกันหยิบวางไว้บนบาตรพระด้วยกัน หลังจากนั้น เราก็นั่งรับศีลและพรจากท่าน เราหันมายิ้มให้กันเหมือนคู่รักยังไงอย่างนั้น รอจนพระเดินไปแล้ว ฉันเดินไปหยิบแก้วใส่น้ำ เพื่อจะกรวดน้ำ เขาเดินตาม โดยไม่พูดอะไร เรานั่งกรวดน้ำด้วยกันอีกครั้ง ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เมื่อมือเราสัมผัสกัน ฉันมองเห็นภาพ ของเราสองคน เคยทำแบบนี้ด้วยกันขึ้นมาแว๊บเดียว เรามองหน้ากันอึ้งๆ ก่อนที่ต่างฝ่าย จะทำหน้าให้กลับมาเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....แต่ฉันเริ่มรู้...ว่าระหว่างเราต้องมีอะไร ความรู้สึกของฉันมันบอกแบบนั้น
? วันนี้ตอนบ่ายเราไม่มีเรียน ฉันจะแวะไปเยี่ยมลุงคนนั้น ที่โรงพยาบาล และจะให้พ่อไปคุยกับมูลนิธิของคุณลุง พ่อของนาย ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลเมียกับลูกของลุงคนนั้น ที่บ้านแกด้วย ลูกกับเมียแกเป็นอัมพาต ไม่มีใครดูแลน่ะ...นายพาฉันไปหน่อยได้ใหม ?
? เธอรู้ได้อย่างไร ว่าลูกกับเมียแกเป็นอัมพาต ?
เขามองฉันด้วยสายตาที่อยากรู้คำตอบอย่างมาก ฉันยังไม่ตอบคำถามของเขา เดินนำเขามานั่งที่ม้านั่ง ใต้ต้นไม้ข้างบ้าน
? มองตาลุงก็รู้แล้ว ?
ฉันพูดติดตลก เขากลอกตาไปมา ส่ายหน้าไปด้วย หล่อชมัด!!!
? ถ้าไม่บอก...จะไม่พาไป ?
เขาเริ่มต่อรอง
? งั้นไปกับคนอื่นก็ได้ มีคนอยากพาไปเยอะแยะ ?
ฉันแกล้งสะบัดหน้าใส่ พูดไปได้...ฉันยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่เลย
? โธ่แฟร์...ฉันอยากรู้นะ...ฉันเอ้อ...เห็นเธอ ?
เขาคอยมองฉันทุกอิริยาบถเลยสินะ ถึงได้เห็น ฉันทำอะไรบ้าง
? ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน..?
? คิดถึงฉันรึไง..ผู้ชายที่เห็นฉัน ก็อาการแบบทุกคนน่ะแหละ ?
ฉันเฉไฉ
? แฟร์...อย่านอกเรื่องสิ ?
เขาจิ๊ปาก
? เอาไว้จะเล่าให้ฟังวันหน้า...ว่าฉันเป็นอย่างไร... ตกลงวันนี้ นายจะไปกับฉันหรือเปล่า ?
? ฮื่อ...เดี๋ยวฉันบอกพ่อให้เอง เรื่องที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลลูกกับเมียของลุงน่ะ บ่ายนี้ เราไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาล ไปบอกแกให้แกหายห่วงอย่างเดียวก็พอ ?
เขาออกความคิดเห็น ฉันพยักหน้าเห็นด้วย...เข้าท่าดีเหมือนกัน
? แฟร์ ?
? หือ..?
? เรื่องออกัส ?
เขาหยุดพูดแล้วหันมามองท่าทีของฉันก่อน
? ว่าไง ?
?..ฉันอยากขอโทษแทนพี่ฉันด้วย...ที่เขาพูดไม่ดีกับเธอ..?
? เอพริล..ไม่มีใครทำอะไรแทนใครได้หรอก...เขาก็ส่วนเขา...นายก็ส่วนนาย มันคนละคนกัน ?
?.ออกัสมันไม่มีอะไรหรอก...มันเป็นคนปากไม่ดี แต่โกรธง่ายหายเร็ว...เธออย่าเกลียดมันเลยนะ ?
เขาพูดถึงพี่ชายของตัวเอง คงไม่สบายใจที่ฉันกับออกัส ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่
? ฉันไม่ได้เกลียดเขา แต่หมั่นใส้มากกว่า ที่เขาชอบเอะอะโวยวาย มุทะลุ ดูถกคน..ถ้านายไม่สบายใจ ต่อไปเวลาเจอเขา ฉันจะพยายาม ไม่มีเรื่องกับเขาก็แล้วกัน ถ้าเขาไม่กวนอารมณ์ฉันก่อนนะ ?
? เมื่อคืนมันบอกว่าจะมาขอโทษเธอ ?
อ้าวไหงเป็นงั้น โดนฉันตะบันปากเข้าไปเต็มเปา ไม่โกรธหรอกเหรอ
? ช่างเถอะ...ฉันไม่สนใจหรอก...?
ฉันพูดปัดไป เพราะไม่ได้สนใจจริงๆ
? ไปมหาลัยกันเถอะ ..ได้เวลาแล้ว ?
ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วพยักหน้าให้เขา

ฉันนั่งรถมาที่มหาลัยกับเขา ใครๆ ต่างก็พากันมองมาที่เรา คงเพราะรูปร่างหน้าตา ของเราค่อนข้างสะดุดตา
เรารู้สึกคุ้นเคยกันมากขึ้น ฉันรู้สึกผูกพันเหมือนเขาไม่ใช่คนอื่น ฉันมองมือแข็งแรงที่กุมพวงมาลัยรถนั่น....รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหน...แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
? หิวไหม ไปหาอะไรกินก่อนเข้าห้องเรียนดีกว่าเนอะ ?
เขาชวน ฉันหันไปพยักหน้าให้ ยังไม่ได้กินอะไรมาเหมือนกัน
เขาเดินนำไปที่โรงอาหาร สั่งข้าวต้มให้ ฉันได้แต่ทำตามเขาเหมือนตัวเองเป็นเด็ก ที่มีพี่เลี้ยงคอยดูแล
? นั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำมาให้ ?
เขาสั่ง
? เอพริล.?
ฉันเรียกเขาไว้ก่อน เขาหันมาเลิกคิ้วให้
? ขอบใจนะ ?
เขายิ้มกว้างก่อนหมุนตัวเดินออกไป
ถึงเวลาเข้าห้องเรียนฉันแยกไปนั่งกับนานา ส่วนเขาแยกไปนั่งกับเพื่อนผู้ชาย ไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว
จนเรียนจบคาบสุดท้าย ฉันขอแยกกับนานา เพื่อจะไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาล ตามที่นัดกับเขาไว้เมื่อเช้า
พอลุงเห็นฉันไปเยี่ยม แกร้องห่มร้องให้ขอบใจฉันเป็นสิบรอบ ที่ช่วยเหลือแกขนาดนี้ แกบอกว่าตอนที่แกเห็นฉัน แกรู้ว่าฉันช่วยแกได้ เพราะรอบๆ ตัวฉันมีแสงสว่างล้อมรอบอยู่ แกว่าฉันไม่ใช่คนธรรมดา
ถึงตอนนี้ เอพริลหันมามองหน้าฉัน ทำคิ้วขมวด จนหัวคิ้วแทบจะพันกันอยู่แล้ว เขานั่งเงียบมาตลอดทางกลับบ้าน ไม่พูด ไม่ถาม ไม่ยอมจอดรถให้ฉันลงที่หน้าบ้านด้วย พาฉันไปถึงบ้านของเขาเลย บ้านน่ารักหลังนั้น
? กลัวฉันหรือเปล่า ?
ฉันแกล้งถาม เหลือบตามองเขา ขณะที่เรายังนั่งอยู่บนรถ
? ไม่กลัวหรอก แต่อยากรู้...ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ?
? ทุกอย่างเลยเหรอ ?
ฉันลากเสียงยาว ล้อเขา หันไปเอียงคอยิ้มหน้าทะเล้น ให้คนที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดนั่น
? นายก็รู้เรื่องของฉัน เกือบทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่ ฉันชอบกินอะไร ฉันชอบทำอะไร จำคำที่แม่ชีพูดได้ไหม ท่านบอกว่า อย่าสงสัย อย่ากังวลใดๆ เลย...มันจะทำให้เจ้าเป็นทุกข์...ทำในสิ่งที่เจ้าปรารถนาก็พอ?ในโลกนี้ยังมีอะไรที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่คาดคิด...นายเคยเชื่อไหมล่ะว่า...เราจะได้พบกันอีกครั้ง...และเพื่ออะไร ?
ฉันบอกเขาเหมือนที่แม่ชีเคยพูดให้ฉันฟังคราวนั้น เขาหันมามองสบตาฉันนิ่ง
? เล่ามาสิ....ฉันกำลังรอฟัง ?
เอ้า...ฉันพูดตั้งนาน...นึกว่าจะเลิกอยากรู้ไปแล้วเสียอีก
? ฉันอยากนั่งชิงช้า ?
ฉันเปิดประตูรถแล้วเดินลิ่วไปนั่งที่ชิงช้าตัวโปรดพอดี เขาตามมานั่งข้างๆ ด้วย ยื่นดอกหิรัญญิกามาให้ฉันหนึ่งช่อ ฉันรับไว้ มองเขาอึ้งไปเหมือนกัน เพราะเรานั่งเบียดชิดกันมากในชิงช้าตัวนี้ ทั้งๆ ที่ๆ ด้านข้างของเราทั้งสองคน ยังเหลือด้วยซ้ำ เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเรา ที่ฉันยังไม่เข้าใจ ฉันรู้สึกตัวก่อน รีบถอยตัวเองออกมาทันที
? เอ้อ...เล่าก็ได้..นายถอยไปหน่อยสิ ?
เขาพยักหน้าเข้าใจ ถอยตัวเองจนชิดขอบชิงช้า เอามือลูบหลังคอตัวเองแล้วยิ้มอย่างเขินๆ
? ดูที่มือฉันสิ ?
ฉันแบมือขวาที่มีรูปพระจันทร์เสี้ยวให้เขาดู
? มือนี้สามารถช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ให้เจ็บปวดต่อบาดแผลที่เกิดขึ้น แต่ถ้าคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว และถ้าเขาถึงฆาตจริงๆ ฉันจะไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้ คนไหนที่ฉันช่วยได้ ฉันก็จะช่วย คนไหนที่ฉันช่วยไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม หลวงตาบุญ เคยบอกไว้อย่างนั้น อย่าให้ใครรู้มาก ว่าฉันคือคนพิเศษ หลวงตาบอกว่า ฉันปรารถนาที่จะเกิดมาเพื่อช่วยเหลือ และให้ชีวิต แต่เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น แต่มีอีกคนหนึ่งนะที่เหมือนฉัน เขาจะทำแบบฉันได้ เฉพาะเวลากลางวัน ทำไม่ไม่รู้...นายเชื่อเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังหรือเปล่า ?
ฉันมองตาเขา กลัวว่าเขาจะว่าฉันบ้าไปแล้วเหมือนกัน
? เชื่อสิ....เพราะฉันคืออีกคนที่เหมือนเธอ ?
พูดจบเขาก็แบมือข้างขวาของเขาให้ฉันดู บนฝ่ามือเป็นรูปพระอาทิตย์สีแดงนูนขึ้นมา ฉันมองฝ่ามือของเขาแบบงงๆ นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นความตั้งใจของใครกัน
นั่นสิ...ที่แม่ชีพูดว่า เจอกันซะทีสินะ นั่นหมายถึง ฉันกับเอพริลหรอกเหรอ...
? มีใครรู้เรื่องของนายบ้าง?
ฉันถามเขา
? แม่ กับแม่ชี?พ่อกับออกัสไม่รู้ ?
? นายรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ?
ฉันอยากรู้ว่าเขาจะเหมือนฉันหรือเปล่า
? ตอนอายุสิบห้า...ตอนนั้นแม่ตกบันได ฉันไม่รู้ทำยังไงเพราะแม่ นิ่งไป ฉันเลยใช้มือนี้ปั้มหัวใจให้ท่าน พอท่านฟื้นขึ้นมา ท่านไม่เจ็บปวดทั้งๆ ที่ท่านเอวหักและแขนหักด้วย หลังจากวันนั้น ท่านให้ฉันพาไปสะเดาะเคราะห์ กับแม่ชี แม่ชีท่านเลยบอก?ฉันช่วยคนได้ แต่ไม่มากนักหรอกนะ เพราะเวลากลางวันฉันต้องเรียน เวลากลางคืนฉันจึงอยากช่วยคนมากขึ้น ทั้งๆ ที่ฉันช่วยได้ไม่มากเท่าเธอหรอก ?
ตอนนี้เครื่องหมายคำถามในหัวของฉัน มันเริ่มหายไปอีกอันหนึ่งแล้ว...เย้...
? ฉันดีใจจัง ที่ได้พบนายอีกครั้ง...รู้สึกเหมือนมีเพื่อน...ไม่ได้ทำอะไรคนเดียว...แต่นายต้องสัญญากับฉันก่อนว่านายจะไม่บอกเรื่องของฉันกับใคร ?
ฉันขอคำสัญญาจากเขา
? ฉันสัญญา ?
เขาเอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
เขาทำให้ฉันอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้?รู้สึกหวั่นไหวทุกทีที่เขาสบตาด้วย....รู้สึกคิดถึงทุกครา ที่ต้องเราห่างกัน...รู้สึกเจ็บปวดถ้ารู้สึกว่า ต้องสูญเสียเขาไป ...นี่คือความรู้สึก...ของอะไรกัน...

วันนี้คือวันที่แม่ ต้องขึ้นมาหาฉันกับพ่อ แต่ท่านกลับมาไม่ได้ เพราะต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาล แทนเพื่อนที่กำลังจะคลอดลูก พ่อจึงพาฉันมาที่ศูนย์ของมูลนิธิ เพื่อแนะนำให้ฉันได้รู้จักกับลูกข่ายทุกคน เพราะวันนี้มีการประชุมพบปะ ของอาสาทุกคนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องการกู้ภัยและการกู้ชีพ พร้อมทั้งอบรมบรรดาเด็กใหม่ๆ ที่ทางมูลนิธิรับเข้ามา ช่วยงานในครั้งนี้ด้วย
บางคนอาจเคยเห็นฉันมาบ้างแล้ว บางคนอาจจะได้ยินแต่ชื่อ ถึงแม้อายุฉันจะน้อยกว่าเขาหลายๆ คน แต่ฉันก็เชื่อว่า การทำงานของฉัน ไม่ได้น้อยกว่าใครๆ อีกหลายๆ คนในนี้เลย
เสียงดังฮือฮา เงียบลงก่อนที่ทุกๆ คนจะหันมามองฉันกับพ่อ ฉันเห็นเอพริลนั่งอยู่ในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เขาหันมาโบกมือยิ้มให้ ฉันได้แต่ยิ้มพยักหน้ารับ
มูลนิธิของที่นี่ มีอาสามากกว่าที่ฉันเคยอยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด เพราะอุบัติเหตุที่นี่เกิดขึ้นบ่อยมาก และบางคนต้องอยู่ศูนย์ เพื่อเป็นตัวกลางคอยรับส่งข่าวสาร ติดต่อประสานงานกับลูกข่ายทั่วไป คนพวกนี้ จะมีเงินเดือนของมูลนิธิให้ อาสาที่นี่มีผู้หญิงมากกว่าที่ฉันเคยอยู่ คงเป็นบรรดาเมียๆ นั่นแหละ
ฉันเคยถามผู้หญิงพวกนี้ว่าทำไมถึงมาทำอาสากู้ชีพ คิดว่าจะได้คำตอบว่า อยากช่วยเหลือคน ที่ไหนได้ ตามสามี เพราะกลัวสามีอ้างว่าจะอาสามาทำงานนี้ แต่กลับไปเที่ยวคาเฟ่บ้าง ลงอ่างบ้าง
ฉันถามกลับไปอีกว่าไม่กลัวเหรอที่เห็นคนตายกับเลือดน่ะ พวกหล่อนก็ตอบกลับมาว่า ตอนแรกกลัวมาก แต่ต้องการตามสามี กลัวเสียสามีมากกว่า กลัวคนตาย....เลยทนเอาจนชิน....เฮ่อ!!นี่ล่ะหนอมนุษย์
จุดที่ฉันอยู่มีลูกข่ายเพียงสามสิบห้าคน คือฉัน เอพริล พี่มานะกับพี่สุดใจ สามีภรรยากัน ท่าทางจิตใจดีทั้งสองคน พี่โด่งพี่แดงสองพี่น้องที่มีอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองคนมีกิจการส่วนตัวเล็กๆ คือร้านตัดผมแถวๆ ซอยถัดไป คนต่อไปคือน้าเปรมกับลูกชายชื่อนายศักดิ์ และดำเพื่อนของลูกชายลุงเปรม วัยไล่เลี่ยกับฉันและเอพริล เห็นว่าลุงเปรมแกรับรองให้เข้ามาอยู่มูลนิธิด้วย ลุงเปรมแกดูใจดี แต่ลูกชายกับเพื่อนลูกชายแกนี่สิ มองฉันด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ มีหนวดจิ่มๆ อยู่เหนือริมฝีปากนิดหนึ่ง ไม่รู้จะเอาไว้ทำไมกัน ฉันว่าท่าทางสองคนนี่แปลกๆ
คนที่เหลือก็คือพวกพี่เบิ้ม พี่ไก่ พี่รัน ทำงานที่เดียวกับพ่อ และพี่ฉลวยเมียพี่รัน พ่อบอกว่าสี่คนนี่ อาสาทำงานนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว นับถือๆ อีกสองคนคือ ลุงสุข กับลุงใจ อายุอานาม น่าจะแก่กว่าพ่อเล็กน้อย คนอื่นๆจำไม่ได้แล้ว...บลา..บลา..
หลังจากทำความรู้จักกันเรียบร้อย พ่อก็นำบัตรของอาสาที่ทางศูนย์ออกให้เด็กใหม่มาแจก พวกอาสากู้ภัยทุกคนจะต้องมีบัตร เพราะการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนั้น จะต้องให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไว้วางใจ ทุกคนต้องปักชื่อจริงและนามสกุลจริง มีสังกัดว่าอยู่มูลนิธิอะไร เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งทำเสีย ก็จะเสียทั้งกลุ่ม
ทุกคนจำเป็นจะต้องผ่านการอบรม จากทางโรงพยาบาล และต้องรู้พื้นฐานการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วย โดยให้แพทย์และพยาบาลเป็นผู้อบรมและออกบัตรรับรองการผ่านอบรมมาแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าใครอยากเป็นอาสากู้ภัยก็เป็นได้ ทุกคนต้องเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อสังคมด้วยความเต็มใจ และไม่หวังสิ่งตอบแทน

ฉันตื่นนอนแต่เช้า ใส่บาตรเหมือนเคย แต่คิดเอาไว้แล้วว่า เช้านี้จะไปวิ่งออกกำลังกาย ที่สวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านบ้าง ฉันรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงผ้ายืดรัดรูป รองเท้าผ้าใบ กับเสื้อกล้ามที่ดูพอดีตัว และผ้าเช็ดเหงื่อผืนเล็กๆ คล้องคอไปด้วย ก่อนไปเคาะประตูห้องพ่อ บอกท่านก่อน กลัวท่านตื่นขึ้นมาไม่เห็น เดี๋ยวจะตกใจ
อากาศยามเช้าสดชื่นมาก ที่สวนสาธารณะ มีคนออกมาวิ่งออกกำลังกายกันหลายคน คนที่มีอายุมากๆ ก็ตั้งกลุ่มรำมวยจีน ฉันวิ่งเหยาะๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าตาฉันไม่ฝาด นั่นมันนายออกัส เขากำลังวิ่งมาทางนี้ ฉันรีบหักมุมวิ่งไปทางซ้ายทันที
? เดี๋ยวสิ...แฟร์ ?
เขาเรียกฉัน วิ่งเหยาะๆ ตาม แต่ฉันทำเป็นหูทวนลม
? แฟรี่...แฟร์ๆๆๆ ?
นายนี่น่ารำคาญชะมัด
? นายกลัวฉันจำชื่อตัวเองไม่ได้หรือไง ?
ฉันหยุดวิ่งยืนเท้าเอว ชี้หน้าเขา หอบๆ
? นายมีอะไรกับฉันอีก...หรือติดใจหมัดฉันวันนั้น เลยวิ่งตามมาขออีกที?ฉันจะได้ช่วยสงเคราะห์ให้ ?
ฉันยกกำปั้นข้างซ้ายให้เขาประกอบคำพูด กลัวไม่เหมือนจริง เลยถลาเข้าไปหาเขาพร้อมกำปั้น ต่อยลมดังวื๊ด...
? เฮ้ย!!! ?
.เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด...ฉันแค่แกล้งเขาเล่นสนุกๆ
? ใจเย็นๆ สิ...ฉันมาขอสงบศึก ?
เขายืนหอบ
? อะไรเข้าสิงหรือเปล่า...หรือกินยาผิด ?
?โธ่...แฟร์...แค่นี้ฉันก็โดนแม่สมน้ำหน้าแย่แล้ว...ที่ผ่านมาฉันขอโทษก็แล้วกันนะ ?
? แค่นี้ใช่ไหม ?
ฉันออกวิ่งต่อไป เขาวิ่งตามมาติดๆ
? เรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม ?
? ไม่...นายอย่ามายุ่งกับฉันดีกว่า ?
ฉันบอกปัดไป ไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งด้วยมากนัก
? ทีเอพริลเธอยังยอมให้มันเป็นเพื่อนได้เลย กับฉันทำไมเธอถึงปฏิเสธ ?
เขาตัดพ้อ ฉันหยุดวิ่ง หันไปมองเขานิ่ง
? การเริ่มต้นของเราไม่เหมือนกัน...นายกับเอพริลก็ไม่เหมือนกัน ?
? ให้ฉันทำยังไงเธอจึงจะยกโทษให้ ?
? นายอย่ามาใส่ใจเลย เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ฉันไม่อยากให้ทุกคนรอบๆ ตัวไม่สบายใจ ถ้าฉันกับนาย มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ..โอเค้ ?
? ก็ยังดี.?
เขายิ้มกว้าง
? ฉันจะกลับแล้ว...?
ฉันหันหลังวิ่งเหยาะๆ กลับบ้าน โดยที่มีออกัสวิ่งคู่มาด้วยกัน
อะไรที่ทำให้คนอย่างออกัสถึงยอมลง และยอมมาขอโทษฉันได้ ไม่น่าเชื่อว่าคนมุทะลุอย่างเขา จะยอมทำอะไร ที่มันขัดกับนิสัยของตัวเอง ยังไงก็ช่าง อย่างน้อยคุณลุงคุณป้า เอพริล และพ่อ จะได้สบายใจที่ฉันกับออกัส จะไม่กัดกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันอีกแล้ว....
เช้านี้เอพริลกำลังทำอะไรอยู่นะ....ป่านนี้ตื่นหรือยัง

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”