Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า ตอนที่3.

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ปนัดดา สมศิลป์
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 20 เม.ย. 2012 9:32 pm

Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า ตอนที่3.

โพสต์ โดย ปนัดดา สมศิลป์ »

3.

เอพริล:
ผมยืนมองผู้หญิงคนหนึ่ง สะบัดหน้าหมุนตัวเดินจากไป อย่างขำๆ ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ผมไม่เคยลืม
? ฉันชื่อแฟรี่ แปลว่านางฟ้า อย่าลืมล่ะ?
ภาพของเด็กผู้หญิง ผมยาว หน้าตาจิ้มลิ้ม ยืนกอดตุ๊กตาแนนบอก ผุดขึ้นมาในความคิด
ตอนนั้น พ่อพาไปที่ไหนสักแห่ง เลยติดรถท่านไป และเจออุบัติเหตุขวางทางอยู่ ท่านออกจากรถ ไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุร่วมกับพวกกู้ภัย ที่ท่านเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา โดยทิ้งผมไว้ที่รถคนเดียว ตอนนั้นตัวเองอายุสิบขวบ ผมตกใจกลัวมาก ออกมายืนร้องให้อยู่ข้างๆ รถ เด็กผู้หญิงใจกล้า เดินเข้ามาหา เธอกอดผมเพื่อจะปลอบใจ และยอมที่จะมอบตุ๊กตาตัวโปรดของเธอให้ ผมกลับพูดไม่ดีกับเธอ เธอไม่โกรธ แถมยังถอดสร้อยพระที่คล้องคอตัวเองอยู่ เอามาคล้องคอให้ผมโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เธอจะจากไป ทุกวันนี้ ผมยังคงสวมพระของเธอแต่เปลี่ยนขนาดสร้อย เพราะผมไม่ใช่เด็กอย่างเมื่อก่อนแล้ว
ผู้หญิงคนนี้คือเด็กหญิงคนนั้น เธอโตเป็นสาว หน้าตาสวยมาก คิ้วคางจมูกปาก ตาหวานหยาดเยิ้ม ขนตาหนา งอนยาว กลมกลืนอยู่บนใบหน้า ดวงตาของเธอเมื่อได้สบด้วย เหมือนต้องมนต์ เธอคือเทพีวีนัสหรือเปล่านะ ผมของเธอยาวสลวย มันขลับ จนผมอยากจะขอสัมผัส และที่สำคัญที่สุด เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในฝันของผมตลอดมา
ตั้งแต่ตัวเองอายุได้สิบหก ผมฝันถึงเธอเกือบทุกคืน ในฝัน ผมกับเธอแต่งชุดไม่ธรรมดา เหาะเหินเดินอากาศหายตัวได้ ผมอยู่ร่วมกับเธอ ได้พูดคุย ได้สัมผัส รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ จนผมหลงรักนางในฝันอย่างสุดหัวใจ ตื่นขึ้นมายังอยากนอน เพื่อฝันถึงเธอตลอดเวลา
รู้สึกเหมือนตัวเองเพ้อ ขอแม่ให้ปลูกบ้านอยู่ต่างหาก เพื่อรอว่าวันหนึ่งจะได้พบ ซึ่งไม่รู้หรอกว่า จะต้องรอเธอนานแค่ไหน ในที่สุด เธอก็ไม่ใช่เพียงนางในฝันเพียงอย่างเดียว เธอมีตัวตน มีลมหายใจ และเพิ่งจะได้ต่อปากต่อคำด้วย ก่อนไปยังทำ
หน้าทะเล้น พูดจากวนประสาท แล้วเมื่อไหร่จะได้พบเธออีกนะ..

แฟรี่:
สองเดือนต่อมา ฉันก็หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับพ่อ พ่อเป็นคนมารับไป แต่แม่ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก ยายมาอยู่เป็นเพื่อน แล้วก็จูดี้อีกตัว ถ้าแม่มาอยู่กับเราแล้ว ยายจะกลับไปอยู่กับลุงเหมือนเดิม ก่อนปิดเทอมอีกสองวัน ฉันเตรียมตัวจัดห้องของตัวเอง วันนี้พ่อไม่อยู่เสียด้วย เห็นบอกว่าผู้ใหญ่เรียกประชุมหารือกันเรื่องงาน
ฉันทำงานบ้านให้พ่อทุกอย่าง เราไม่มีคนรับใช้ เหมือนบ้านคุณลุงคุณป้า ถึงท่านจะเอ่ยปากให้คนรับใช้ของท่านมาช่วยทำงานบ้านให้ก็เถอะ พ่อบอกไม่อยากรบกวนท่านมากกว่านี้
ฉันมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่ได้ไปกราบคุณลุงกับคุณป้า ทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยฉันก็กะว่า จะไปหาท่านเสียหน่อย เกรงว่าจะเป็นการน่าเกลียด ที่มาอาศัยบ้านเขาอยู่ แต่ไม่รู้จักทักทายกันเลย
ฉันมองไปที่บ้านน่ารักหลังนั้น มองแล้วก็อดคิดถึงเจ้าของชิงช้าขี้หวงนั่นไม่ได้ ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เขาชอบเข้ามาอยู่ในสมาธิเสมอ ใบหน้าคม คอยรบกวนจิตใจฉันอยู่ตลอดเวลา เขาชื่ออะไรนะ ออกัส หรือ เอพริล
ฉันเดินด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าตึกใหญ่ สองจิตสองใจว่า จะเข้าไปดี หรือว่าจะยืนรอดี คุณป้าอยู่หรือเปล่านะ คิดได้อย่างนั้นฉันจึงเดินลงมาจากตึกใหญ่ เพื่อตามหาคนรับใช้ จะให้ไปเรียนท่านว่า ฉันมาขอพบ ดีกว่าเดินดุ่มๆ เข้าไปเลย
ฉันเดินอ้อมมาเจอกับสวนดอกไม้เล็กๆ ที่เมื่อสองเดือนก่อนยังไม่มี ดอกกุหลาบสีแดงเลือดนก สวยอะไรแบบนี้นะ ฉันค่อยๆ ย่อตัวหอมไปที่ดอกของมันอย่างชื่นใจ
? หยุดนะ.!!!นั่นเธอกำลังจะทำอะไรน่ะ กล้าดียังไงมายุ่งกับดอกกุหลาบของฉัน ?
เสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ตะโกนออกมาเสียงดัง จนทำให้หน้าฉันเกือบทิ่มไปใส่หนามแหลมๆ ของกุหลาบนั่นแล้ว ไอ้....อุ๊ย!!!นางฟ้า หล่อนห้ามหยาบคายเด็ดขาดเลยนะ !!! ฉันยืนยืดตัว เต็มความสูง ( นี่สูงแล้วใช่ไหม ) ค่อยๆ หันไปมองเจ้าของเสียงนั่นอย่างเต็มตา น่าเบื่อเสียจริง!!!คนบ้านนี้ทำไม่ขี้หวงกันนักนะ คนนั้นหวงชิงช้า มาคนนี้หวงดอกไม้ ทั้งๆ ที่หน้าตาเป็นผู้ชายเต็มขั้น ยังชอบดอกไม้อีก ตุ๊ดป่ะเนี่ย...
? นี่นายจะหวงอะไรนักหนาฮะ...ฉันแค่ดม ไม่ได้กินเสียหน่อย ?
ถ้าฉันทายไม่ผิดผู้ชายตรงหน้านี่ ต้องเป็นออกัส เพราะเขาแต่ชุดตำรวจนอกเครื่องแบบ ท่อนล่างใส่กางเกงสีกากี ส่วนเสื้อเป็นเสื้อยืดสีขาวแขนจ้ำ มีตราประทับรูปโล่ อยู่บนหน้าอกเสื้อข้างซ้าย เพราะพ่อบอกว่า คนพี่เพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนนักเรียนนายร้อยมาหมาดๆ งั้นเขาคนนั้นก็คือเอพริลสินะ หน้าตาทั้งคู่ดูคล้ายๆ กัน แต่นายคนนี้คล้ำกว่า หน้าแก่กว่า อย่าคิดนะว่าฉันจะกลัว ศพกับผี ฉันยังไม่กลัวเลย
? แต่เธอทำให้กลิ่นมันหมดไปนะ..?
ฉันกำลังจะอ้าปากเถียง
? หยุด!!!เธอมีสิทธิที่จะไม่พูด ?.
เขาชี้มาที่หน้าฉัน ฉันแบะปากกลับไปอย่างกวนๆ
? แต่ถ้าฉันพูด คำพูดของฉันสามารถ เป็นพยานในชั้นศาลได้..ยังงั้นใช่ไหม ?
สงสัยเขาจะดูหนังมากไปหรือเปล่า ฉันเลยช่วยต่อให้ซะเลย
? เธอรู้ได้ไงว่าฉันจะพูดแบบนี้อ่ะ ?
? โธ่เอ๋ย!!! นายไปอยู่ที่ไหนมา เสล่อ...เขารู้กันทั้งเมือง ?
ฉันหลอกด่าให้...ยังไม่รู้อีก
? เธอพูดกับฉันแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ?
เขาเบ่ง
? เป็นตำรวจตุ๊ดนะสิ.?
..ปั๊ก!!!.
? แหวะ!! ?
ฉันเตะหน้าแข้งเขาไปหนึ่งที หันไปแลบลิ้นใส่ แล้วรีบวิ่งหนีเขาขึ้นไปหาคุณป้า บนตึกใหญ่ทันที ยังไงก็หาพวกเอาไว้ก่อนดีกว่า
? โอ๊ย!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ?
เขานั่งลงกุมหน้าแข้งของตัวเอง หน้าแดงกล่ำ สงสัยกำลังมีความรัก
? เธอกลับมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้นะ...ยัยเบ๊อะ!!! ?
เสียงเขาตะโกนไล่หลังมาติดๆ
หนอยเรียกฉันยัยเบ๊อะนี่นะ น่าจะโดนอีกสักป๊าบ.. รู้จักฉันน้อยไปแล้ว ฉันรีบสปีดสุดฤทธิ์ เพื่อไม่ให้เขาตามมาทัน เรื่องอะไรจะหยุดให้โง่
ว๊าย!!!ตายแล้ว ตอนนี้นางฟ้าในตัวฉัน หายไปไหนนะ
ผลั๊ก!!!
? อุ๊ย!!!..นาย ?
ฉันรีบมากไป ประกอบกับกลัวเขาตามมาทัน เลยไม่ได้ระวังจนชนกับ ตาคนหวงชิงช้าเข้าอีก ฉันอยู่ในวงแขนของเขาพอดี ใบหน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ รู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าแล่นอยู่ทั่วร่างกายเต็มไปหมด ฉันรีบดันตัวเองออกมาทันที
? คุณป้าอยู่ไหน ?
ฉันละล่ำละลักถามเขา พร้อมกับหอบไปด้วย
? ห้องรับแขก ?
ฉันไม่มีเวลาขอบคุณหรอกนะ ตอนนี้ไปให้ถึงคุณป้าก่อนดีกว่า
? คุณป้า!?
ฉันเข้าไปนั่งฟุบลงข้างๆ ท่าน ยกมือไหว้ไปที่หน้าอกของท่าน ตอนนี้ขอประจบไว้ก่อนนะ
? อ้าว...หนูแฟร์...? ท่านลูบหัวฉัน ยิ้มให้อย่างใจดี ? เอ้า..ออกัส...ไปโดนอะไรมานะเป๋มาเชียว ?
ฉันหันไปตามเสียงทักของคุณป้า ก๊ากๆๆๆ ตำรวจหนุ่มอนาคตไกล เดินขาเป๋หมดสภาพ ฉันพยายามกลั้นหัวเราะไว้อย่างสุดฤทธิ์ ข้างหลังมีนายเอพริลเดินตามหลังมาติดๆ สองคนนี้สูงไล่เลี่ยกัน แต่เอพริลสูงกว่า หน่วยก้านก็พอๆ กัน ผิดกันตรงสีผิว ส่วนความหล่อ ฉันยกให้เอพริลล่ะ เพราะฉันเจอเขาก่อนนี่นะ
? ยัยเด็กนี่...ใครฮะแม่...มายุ่งกับดอกไม้ของผม แถมยังทำร้ายผมอีก ?
ออกัสยืนเท้าสะเอวชี้หน้ามาที่ฉัน คนขี้ฟ้อง หยาบคาย ไม่สุภาพเลย แบบนี้รับไม่ได้
? เปล่านะคะคุณป้า ?
ฉันกอดเอวคุณป้าแน่น ส่ายหน้าพร้อมกับคำปฏิเสธ ทำตาใสซื่อสุดๆ
? แฟร์แค่ดมนิดๆ พี่เขาก็มาด่าๆๆๆ หัวฟัดหัวเหวี่ยง หาว่าแฟร์จะทำให้ดอกกุหลาบของเขาเสียหาย ทำเหมือนแฟร์ฆ่าคนตายยังนั้นแหละ แล้วแฟร์ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครนี่นา และเขาก็ทำท่าจะเข้ามาทำร้ายแฟร์ด้วยฮื่อๆๆๆ ?
ฉันเพิ่งรู้วันนี้เอง ว่าเวลาที่ตัวเองต้องการเอาตัวรอด พรสวรรค์ทางด้านการแสดงก็บังเกิด โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว.....รางวัลดาราดาวรุ่งฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมปีนี้ ให้ฉันเถอะ?พรีสสสส
? โธ่...หนูแฟร์...อย่าร้องนะลูก..?
คุณป้ากอดปลอบฉัน
? นี่แกจะกร่างที่ไหนก็ไป...ห้ามมากร่างกับคนในบ้านนี้นะ ?
ประโยคหลังคุณป้าหันไปดุออกัส ฉันหันไปแลบลิ้นใส่ ปากก็พูดว่าตุ๊ดๆๆๆๆ แบบไม่มีเสียงใส่เขา
อุ๊ย!!ลืมไปว่ายังมีใครอีกคนนั่งมองฉันอยู่ ฉันเหลือบตาไปมอง เห็นเขาอมยิ้มอยู่นะ
? คุณแม่...เข้าข้างยัยตัวแสบนี่เหรอ ?
เขาชี้มาที่ฉันอีกแล้ว
? ใช่...เพราะไอ้กุหลาบบ้าบอของแก ที่ให้คนสวนปลูกไว้ เพื่อจะเอาไปให้สาวๆ ของแกน่ะ แค่นี้ก็ทำเป็นหวงน้อง?ไม่เป็นไรนะหนูแฟร์ ที่เรามีเยอะแยะ เดี๋ยวป้าให้คนสวนปลูกให้อีกแปลงหนึ่งเลย เอาให้เยอะกว่าพี่เขาอีกเนอะ ?
ได้ยินอย่างนั้น ออกัสก็ทำตาขวาง สะบัดหน้าพรืดออกไปจากตรงนั้นทันที อย่างขัดใจ เป็นตุ๊ดอีกแล้ว เพราะคุณป้าเอาใจฉันอย่างน่าหมั่นไส้จริงๆ
? แฟร์ไม่ชอบดอกกุหลาบแล้ว...แฟร์ชอบหิรัญญิกามากกว่า ?
ฉันตอบคุณป้าแต่มองไปที่เอพริล เขากำลังมองฉันอยู่พอดี
? ที่บ้านของเอพริลมีนะ เดี๋ยวให้พาไปดูสิ..เอ้อ!!.ป้าลืมแนะนำให้หนูรู้จัก คนเมื่อกี้คือพี่ออกัส นี่เอพริล อยู่มหาลัยเดียวกับหนู คณะเดียวกันด้วยนะ ป้าไม่รู้ว่าจะอยู่ห้องเดียวกันด้วยหรือเปล่า ?
ฉันยักคิ้วให้เขานิดหนึ่ง ตามมารยาท ยังเคืองเรื่องหวงชิงช้าวันนั่นไม่หาย
? เอพริล...รู้จักกันไว้สิ..นี่แฟรรี่..ลูกสาวของอาเนื่องเขา ?
เขาพยักหน้าให้ฉันนิดหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
? แม่ครับ...ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ..?
พูดจบเขาก็เดินออกไปเลย ไม่ล่ำลาฉันสักคำ เกลียดลูกผู้ชายบ้านนี้จริงๆ
? คุณป้าขา พรุ่งนี้แฟร์ขอไปวัดด้วยได้ไหมคะ เห็นพ่อบอกว่าคุณป้าไปทำบุญที่วัดทุกวันอาทิตย์ ?
ฉันไม่อยากห่างบุญมากนัก ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เราก็สามารถทำได้ทุกที่
? ได้สิ...ตาเอพริลเขาก็ชอบนะ...ไปกับป้าตั้งแต่เด็กไม่เคยขาด ?
? งั้นแฟร์ขอตัว ไปเตรียมข้าวของก่อนนะคะ ?
ฉันกราบท่านที่อก ท่านลูบผมฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน

เย็นนี้ฉันออกไปหาซื้อของ ที่จะไปทำบุญที่วัดพร้อมคุณป้าพรุ่งนี้ และซื้ออาหารสดและแห้ง มาไว้ทำอาหารถวายพระและทำให้พ่อทาน ฉันพอทำอาหารได้บ้าง เพราะเข้าครัวกับแม่บ่อยๆ ชีวิตฉันส่วนใหญ่จะอยู่กับครอบครัวมากว่าเพื่อนๆ เสียอีก

เช้านี้ฉันต้องรีบตื่น เพราะต้องทำกับข้าว เพื่อไปถวายพระกับคุณป้าเอง ปกติถ้าอยู่กับแม่ แม่จะเป็นคนตื่นทำให้ เมื่อฉันเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
ฉันถือของพะรุงพะรัง ทั้งปิ่นโตใส่อาหารคาวหวาน ทั้งสังฆทาน ทั้งดอกไม้ธูปเทียน เดินผ่านประตูที่เชื่อมต่อกันได้
ก็เจอกับเอพริลที่มาจากทางไหนไม่รู้ ยื่นมือมาดึงของที่ฉันถือมา ไปถือให้หน้าตาเฉย
? มาฉันช่วย..?
? ไม่ต้อง...เอามานี่ ?
ฉันพยายามดึงของๆ ฉันกลับมา ฉันยังเคืองนายเรื่องชิงช้านั่นอยู่นะ
? รีบไปเถอะแม่รออยู่ ?
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น ไม่เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หรือหลงเสน่ห์นางฟ้าคนนี้ขึ้นมาอีกคน...ฮิ้ว..
? ฉันจะถือของๆ ฉันเอง ?
ฉันมองหน้าเขา เขามองตาฉัน จ้องกันแบบนั้นจนตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว
? เธอยังโกรธเรื่องชิงช้านั่นอยู่ล่ะสิ ?
เฮ้ย!!!จ้องตาฉันแค่นี้ รู้ความคิดฉันแล้วหรือไง
? เปล๊า...ไม่ได้โกรธ ?
ฉันพูดเสียงสูง ส่ายหน้าจนผมกระจาย
? วันหน้า...ฉันอนุญาตให้เธอไปนั่งได้นะ ฉันเปลี่ยนชิงช้าแล้ว อันใหม่นี่นั่งได้สองคนพอดี ?
พูดจบเขาก็เดินไปโดยไม่รอฉันสักนิด
เราไปทำบุญที่วัดกันสามคน คือคุณป้า เอพริลและฉัน เอพริลเป็นคนขับรถ พอถวายอาหารเช้า และสังฆทานเรียบร้อย คุณป้าก็พาเรามาถวายของที่กุฏิของแม่ชีที่ท่านนับถือรูปหนึ่ง ฉันนั่งกับคุณป้าทางด้านซ้าย เอพริลนั่งข้างคุณป้าทางด้านขวา เราก้มลงกราบท่านพร้อมๆ กัน
แม่ชียิ้มให้เราอย่างอ่อนโยน ฉันเห็นแววตาท่านที่มองมา มีเมตตา ทำให้ฉันนึกถึงหลวงตาบุญขึ้นมาทันที แม่โทรมาบอกว่าตอนนี้ท่านเริ่มไม่ค่อยแข็งแรงนัก เนื่องจากความชรา ฉันคงได้กลับไปเยี่ยมท่านบ้าง คงไม่นานเกินรอนักหรอก...
? ได้เจอกันสักทีสินะ ?
ท่านพูดขึ้นมา มองฉันทีมองเอพริลที ท่านหมายความว่าอะไร ใครที่ได้เจอกันสักที ฉันกับแม่ชี หรือฉันกับเอพริล หรือคุณป้ากับแม่ชี โอ๊ย!!ปวดหัว...ท่านไม่ยอมพูดให้กระจ่าง... เหมือนหลวงตาจริงๆ
? ใครเจ้าคะแม่ชี ที่ได้เจอกันสักทีน่ะค่ะ?
ฉันอดสงสัยไม่ได้ เลยถามท่านกลับไป เพราะทุกวันนี้มีเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มหัวฉันไปหมดแล้ว
ท่านไม่ตอบได้แต่ยิ้ม...โธ่แม่ชีเจ้าขา แล้วจะพูดออกมาทำไมนะ
? อย่าลืมนั่งสมาธิ อย่าลืมบุญ อย่าลืมทำความดี...จะช่วยเจ้าได้...แฟรี่..?
ท่านรู้จักชื่อฉันได้อย่างไรกัน นี่ชื่อฉันดังมาถึงกุฏิของท่านเชียวหรือ
? เจ้าค่ะ...?
ฉันก้มลงกราบท่านอีกครั้ง มันสามารถทำอะไร ได้มากกว่านี้อีกไหมนี่
? เจ้าก็เหมือนกันนะเอพริล...อย่าห่างบุญ ?
ท่านหันไปบอกเอพริลด้วย
? ครับ ?
เขาก้มลงกราบเหมือนฉัน เหมือนรู้ว่าที่แม่ชีพูด มันหมายความว่าอย่างไร นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องของตัวเองเลย แต่ท่านทำเหมือนรู้ทุกอย่าง?อกฉันกำลังจะระเบิดอยู่แล้ว
? อย่าสงสัย อย่ากังวลใดๆ เลยแฟรี่...มันจะทำให้เจ้าเป็นทุกข์...ทำในสิ่งที่เจ้าปรารถนาก็พอ.?
ท่านพูดเหมือนรู้ถึงความรู้สึกของฉัน บอกฉันว่า...ให้ทำในสิ่งที่ฉันปรารถนางั้นหรือ....

หลังจากกลับมาจากวัด ฉันขอตัวจากคุณป้า พาตัวเองเดินไปที่ซุ้มศาลาริมสระบัว วางปิ่นโตไว้ข้างๆ ตัว นั่งชันเข่า มองดูดอกบัวหลากสี ที่กำลังบานสะพรั่ง...
? ท่านบอกว่า?อย่าสงสัย อย่ากังวลใดๆ ไม่ใช่เหรอ..มันจะทำให้เป็นทุกข์..?
ฉันเหลือบตามองคนพูดนิดหนึ่ง และหันกลับไปมองดูดอกบัว ตรงหน้าเหมือนเดิม
? ฉัน...อยากอยู่คนเดียว ?
? บางอย่าง...ฉันตอบเธอได้นะ ?
? ตอนนี้...ฉันไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องของนายด้วย...ฉันจะกลับบ้าน ?
ฉันลุกขึ้นยืน แล้วหันไปพูดกับเขาอีก
? จริงอย่างที่แม่ชีพูด ทำในสิ่งที่ฉันปรารถนาก็พอ ?
ฉันเดินกลับบ้านที่อยู่ติดกัน คิดไปด้วยว่า ยิ่งอยากรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์ สู้ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า การได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ การเป็นผู้ให้ นี่คือสิ่งที่ตัวเองปรารถนาที่สุดแล้ว...

ฉันกลับมาทำงานบ้านปกติ รอพ่อกลับมากินข้าวพร้อมกัน โทรคุยกับแม่นิดหน่อย และเริ่มนั่งสมาธิ ก่อนที่ตัวเองจะผลอยหลับไป

? นายต้องสัญญากับฉันนะ ว่านายจะต้องจำฉันได้ นายจะไม่ลืมเรื่องของเรา ?
ฉันกำลังพูดกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ในม่านหมอก ทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นเขาได้ นอกจากมือของเขา ที่กุมมือฉันเอาไว้แน่น
? ฉันสัญญา ฉันจะไม่ลืมเธอ ?
ฉันลืมตาตื่น พร้อมกับเสียง ของผู้ชายปริศนาคนนั้น ที่ยังคงก้องอยู่ในหัว
? ฉันสัญญา ฉันจะไม่ลืมเธอ ?
ฉันไม่เคยฝันอะไรแบบนี้ ภาพความฝัน กับเสียงของผู้ชายที่รู้สึกคุ้นๆ หู หรือเพราะเมื่อวานฉันคิดมากไป..ช่างเถอะ!!!ใครก็ฝันแบบนี้ได้ทั้งนั้น วันนี้เปิดเรียนวันแรกเสียด้วย มัวแต่คิดโน่นคิดนี่ เดี๋ยวไปไม่ทันกันพอดี
ฉันเดินออกมาจากบ้าน เพื่อที่จะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอย เพราะมหาลัยกับที่ทำงานของพ่อ อยู่คนละทางกัน ฉันโตแล้ว เลยไม่อยากเป็นภาระท่านมากนัก เดี๋ยวใครๆ จะว่าๆ ฉันยังเป็นลูกแหง่
เอี๊ยดดดดดด!!!
เสียงเบรคและเสียงล้อที่กำลังเสียดสีกับถนน ทำให้ฉันอดหันไปมองไม่ได้ นายออกัสจอมกวนนี่เอง
? นี่เธอให้ฉันไปส่งเอาไหม ?
เขาเปิดกระจกรถพูดกับฉัน แต่ฉันกลับทำหูทวนลม เดินต่อไปซะงั้น
? รถฉันน่ะแรงนะ ?
เขายังตะโกนตามมาอีก
? ก็เอาไว้ให้ตัวแรงของนายนั่งเถอะ ฉันขอไปรถเมล์ดีกว่าไปกับนาย แหวะ!!! ?
ฉันหันไปว่าและแลบลิ้นใส่เขาอีก นึกว่าตัวเองกับรถเท่ห์นักหรือไง ฉันไม่สนหรอก ฉันไปยืนดมกลิ่นจั๊กแร้ผู้โดยสารบนรถเมล์ ยังดีกว่าทนนั่งดมกลิ่น หมาเน่าในปากนายนั่นเสียอีก

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”