Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ปนัดดา สมศิลป์
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 20 เม.ย. 2012 9:32 pm

Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า

โพสต์ โดย ปนัดดา สมศิลป์ »

บทนำ

? เด็กคนนี้?คือนางฟ้า..เธอคือผู้ช่วยเหลือ และให้ชีวิต ?
เสียงที่มีพลังและทรงอำนาจ ที่เธอได้ยินในฝัน หลังจากแต่งงาน ในฝันรู้สึกว่ามีใครไม่รู้ นำเด็กทารกมาให้ เด็กทารกคนนั้นอยู่ในลูกแก้วลูกใหญ่ เปล่งประกายสวยงามมาก เมื่อเธอเห็นแล้วถึงกับดีใจ รีบยื่นมือออกไปรับมาทันที เพราะทารกนั้นเป็นเด็กหญิง อ้วนกลม ผิวสีชมพู น่ารักมาก
หลังจากนั้นเธอก็ท้อง เมื่อหญิงสาวเจ็บท้องคลอด เธอก็คลอดออกมาเอง โดยที่ไม่เจ็บแผลที่คลอด เลยสักนิด จนหมอ อดที่จะแปลกใจไม่ได้
เด็กที่คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิง ที่ฝ่ามือเล็กๆ ข้างขวา มีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเหลือง และมีดาวเป็นจุดๆ อยู่ล้อมรอบ นูนขึ้นมากลางฝ่ามือเล็กๆ นั่นด้วย
เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมกลางฝ่ามือเล็กๆ ของบุตรสาว ต้องมีรูปอะไรแบบนี้ด้วย บางครั้งพยายามถูมันออก แต่มันไม่ยอมออก เธอเริ่มสังเกตุพฤติกรรม และการเจริญเติบโตของบุตรสาว ทุกวัน
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนบุตรสาวอายุเก้าขวบ เธอเห็นบุตรสาวเอามือนั่งบี้มดเล่น มือข้างขวาบวมเป่งขึ้นมาทันทีจนเธอตกใจ เด็กหญิงร้องไห้ ปวดไปทั้งแขน สามวันถึงหายปวดบวมได้ เธอพยายามคิด ว่าสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ก็คิดไม่ออก นั่งมองฝ่ามือรูปพระจันทร์เสี้ยว กับดาวบนฝ่ามือของบุตรสาวทั้งวัน
ครั้งที่สอง....ตอนบุตรสาวอายุสิบขวบ สุนัขที่สามีและเธอรักมากอยู่ตัวหนึ่ง มันโดนรถทับตอนหกโมงเย็น สามีอุ้มมันมาให้เธอและบุตรสาวดูใจ มันหายใจรวยริน บุตรสาวร้องให้นั่งมองสุนัขแสนรักอยู่อย่างนั้น คิดว่ามันคงไม่รอด เพราะเลือดท่วมตัว แต่พอบุตรสาวของเธอแตะตัวมันเท่านั้น มันวิ่งได้ราวปาฏิหารย์ เธอและสามีตกใจ มองหน้ากัน ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร จูดี้หมาพันธ์โกลเด้น มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
จริงหรือ!!!...ไม่เชื่อหรอก..เธอลองอีกเป็นครั้งที่สาม ให้เด็ดปีกแมลงปอเล่น โอ้ว....บวมไปอีกเจ็ดวัน จนแปลกใจ พาไปรักษาก็ไม่หาย จนหลวงตาบุญ เจ้าอาวาสวัด ที่เธอและสามีนับถือ และมักจะไปทำบุญกับท่านบ่อยๆ ทักว่า
? ไม่ต้องพาลูกไปรักษาที่ไหนหรอกโยมภา ปะเดี๋ยวก็หายเอง ?
? ทำไม่ถึงบวมแบบนี้เจ้าคะ หมอตรวจก็บอกไม่เป็นอะไร ก็เห็นชัดๆ ว่าทั้งปวดทั้งบวมขนาดนี้ ?
หญิงสาวที่เป็นแม่ ถามท่าน แต่บุตรสาวหูผึ่ง รอฟังอย่างตั้งใจ
? ปะเดี๋ยวก็หาย ?
ท่านย้ำอีกครั้ง
? สอนลูกว่าอย่าฆ่าสัตว์ อย่าทำร้ายใคร มือนี้สำหรับช่วยไม่ใช่ทำลาย จำเอาไว้ ?
ท่านตอบเหมือนที่เธอเคยคิดไว้ไม่มีผิด

สองสามีภรรยาจึงไปหาหลวงตาบุญที่วัดบ่อยๆ เล่าเรื่องต่างที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวให้ท่านฟัง ท่านบอกแค่ว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ มีบุญ และวาสนาสูง เธอคือผู้ช่วยเหลือ และให้ชีวิต มือนี้ ต้องช่วยเหลือเท่านั้น ทำร้ายใครไม่ได้ เฉพาะเวลากลางคืนด้วย...กลางวันมันคงไม่มีประโยชน์เลยสิ..
นับตั้งแต่วันนั้น เด็กหญิงคนนี้ได้แต่นั่งมองยุงดูดเลือดตัวเอง อย่างสุขใจ พร้อมกับกัดฟันไปด้วย
กร๊อดดดด!!!
เราคือผู้ให้ ไม่ใช่ผู้ทำลาย โอ้ว..ใครให้มือนี้เธอมา...เธอไม่อยากได้?.
ถึงเวลาก็จะรู้เอง หลวงตาท่านบอกแบบนั้น พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่สายตาที่ท่านมองเด็กหญิงคนนี้วันนั้น...เปี่ยมไปด้วยเมตตา สองสามีภรรยาพร้อมบุตรสาว ก้มลงกราบท่านพร้อมกัน
สองสามีภรรยาเป็นคนดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบทำบุญและช่วยเหลือคน ทุกวันทั้งสองต้องคอยสอนให้บุตรสาวรู้จักทำบุญใส่บาตรทุกเช้า เข้าวัดทุกวันเสาร์ฟังเทศน์ ถวายสังฆทานกับหลวงตาบุญ สอนให้บุตรสาวนั่งสมาธิ สวดมนต์ดังที่หลวงตาบุญแนะนำทุกคืน
บุตรสาวของเธอเลี้ยงง่าย ไม่เคยเจ็บป่วย พัฒนาการเร็ว พอเริ่มพูดได้ ก็สามารถท่องบทสวดมนต์ และนั่งสมาธิในห้องพระได้เป็นเวลานานๆ ผิดวิสัยของเด็กทั่วไป
บ้านของสองสามีภรรยาคู่นี้อยู่ต่างจังหวัด สามีทำงานรัฐวิสาหกิจของการไฟฟ้า ภรรยาเป็นนางพยาบาล ประจำอยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ครอบครัวฐานะค่อนข้างดี เป็นที่รู้จักและนับหน้าถือตาอยู่พอสมควร
เวลาภรรยาเข้าเวร บุตรสาวก็อยู่กับเนื่องผู้เป็นพ่อ เขามีงานอีกอย่างที่เขารักมาก ทำเวลาที่ว่างและในเวลากลางคืน อาชีพเสริมที่เขาภูมิใจนักหนาคือ อาชีพเก็บศพและช่วยเหลือผู้ประสพเหตุทั้งหลาย หรือที่เรียกให้ไพเราะเพราะพริ้งคือ มูลนิธิกู้ภัย ธราเทพ เขาเป็นคนที่ดูแลมูลนิธินี้ ตามเจตนารมณ์ของเพื่อนที่เป็นคนก่อตั้ง และให้เงินสนับสนุนตลอดมา
เนื่องภูมิใจที่ได้ช่วยชีวิตคนโดยไม่คิดอะไร ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องญาติโก โหติกาของเขาเลย บุตรสาวไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะตัวเองยังเด็ก แต่เธอกลับค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกนี้ เมื่อเจอกับตัวเองเข้าตอนอายุสิบขวบ

ปนัดดา สมศิลป์
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 20 เม.ย. 2012 9:32 pm

Re: Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า

โพสต์ โดย ปนัดดา สมศิลป์ »

1.

คืนนั้นแม่เข้าเวรที่โรงพยาบาล พ่อได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ ของมูลนิธิ ฉันติดพ่อมาก ร้องขอตามท่านไปด้วย ถ้าแม่อยู่คงไม่ยอมหรอก พ่อจำใจเพราะไม่อยากทิ้งลูกไว้คนเดียว พอไปถึงจุดเกิดเหตุ ฉันเห็น ทั้งรถมูลนิธิ ทั้งรถตำรวจ ที่เปิดไฟและเปิดสัญญาณ ดังก้องไปทั่ว รถตู้ที่ถูกชนจนหงายท้อง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ บางคนออกมากองอยู่ข้างๆ รถ
? แฟรี่..นั่งในรถนี่ อย่าลงไปนะลูก สัญญากับพ่อก่อน?
พ่อหันมาสั่ง ฉันกอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้แน่น ตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า แต่กลับไม่กลัว
? ค่ะพ่อ...แฟร์จะนั่งรอพ่ออยู่บนรถ ไม่ไปไหน ?
ฉันพยักหน้าสัญญากับท่าน ท่านยิ้มให้ ก่อนลงรถไปช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทันที
ฉันมองรอบๆ ตัวที่ทุกคนกำลังชุลมุน ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และคนตาย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ยืนร้องไห้อยู่ข้างรถเก๋งคันหนึ่ง ที่บนหลังคารถมีไซเรนและไฟ ติดอยู่ด้วย ฉันค่อยๆ เปิดประตูรถ เดินเข้าไปหาเขาช้าๆ
? นี่...เธอร้องให้ทำไมเหรอ ?
ฉันถาม...เขาไม่ตอบ แต่เขากลับร้องไห้หนักขึ้น ฉันเข้าไปกอด เพราะเคยเห็นแม่ทำแบบนี้กับฉันบ่อยๆ เวลาที่ฉันร้องไห้
? โอ๋...อย่าร้องน้า..เดี๋ยวแฟร์ให้ตุ๊กตาเอาไหม ?
ฉันอยากให้เขาหยุดร้องให้ อุตส่าห์ยอมยกตุ๊กตาตัวโปรด ของตัวเองให้เลยนะ
? ผู้ชายที่ไหนเขาเล่นตุ๊กตากันล่ะ...ยัยบ้า!!! ?
เขาผลักฉันออกมา แถมยังด่าฉันอีก...
ไม่โกรธน้า นางฟ้าแสนสวยอย่างฉัน คือผู้ช่วยเหลือไม่ใช่ผู้ทำลาย ฉันยังใจเย็น คงเพราะเป็นเด็ก และชอบนั่งสมาธิบ่อยๆ ล่ะมั้ง ถ้าเป็นตอนนี้นะ ไอ้เด็กนี่โดนมือข้างซ้ายของฉันตบกระโหลกไปแล้ว...
ไม่น้า...นางฟ้าอย่างฉันต้องจิตใจดีงาม รักเด็ก...( นั่นมันนางงามแล้วเฟ้ย!!! )
? แล้วเธอร้องให้ทำไมล่ะ ?
ฉันถามเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างใจเย็น
? ก็ฉันกลัว ฮื่อๆๆๆ มีคนตายด้วย ฉันกลัวผีฮื่อๆๆๆ ?
เขาใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตา จนชายเสื้อแขนยาวของตัวเองเปียกไปหมด
? เธอเคยเห็นผีเหรอ ?
? ฮึ ?
เขาส่ายหัวดิก ไม่เคยเห็นแล้วจะกลัวไปเพื่ออะไร
? งั้น...ฉันให้พระเธอก็แล้วกันนะ ท่านจะได้คุ้มครอง ให้เธอปลอดภัย ไม่มีใครทำอะไรเธอได้..รับไปสิ ?
ฉันถอดสร้อยพร้อมพระของตัวเองส่งให้เขา แต่เขายังยืนเฉย ฉันเลยคล้องคอให้เขาเลย ก่อนพาตัวเองกลับมานั่งในรถ ยังหันไปหาเขาอีก
? ฉันชื่อว่า แฟรี่ นะ แปลว่านางฟ้า อย่าลืมล่ะ ?
ฉันหันหันไปโบกมือให้ เขามองฉันนิ่ง แล้วกลับขึ้นไปนั่งบนรถเหมือนกัน
ฉันนั่งรอพ่ออยู่ในรถไม่รู้กี่ชั่วโมง กว่าพ่อจะกลับมา ฉันก็หลับแล้ว รู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า อยู่บนที่นอนของตัวเอง แม่กลับมารู้เข้า เพราะถามหาพระที่ฉันใส่หายไป ฉันเลยบอกท่านว่า ไปไหนกับพ่อมา และเล่าให้แม่ฟังว่า ได้ให้พระแก่เด็กผู้ชายคนหนึ่งไปแล้ว เพราะสงสารที่เห็นเขาร้องให้กลัวผี แม่ต่อว่าพ่อ ที่พาฉันไปด้วย แต่พ่อเตือนแม่ว่า หลวงตาท่านเคยบอกว่า ฉันคือคนที่ต้องคอยช่วย เหลือคนและให้ชีวิต แม่ว่าฉันยังเด็กนัก เถียงกันไปเถียงกันมา ไม่รู้ใครคือผู้ชนะ แต่ที่รู้ คราวต่อไป ฉันจะไปช่วยคนกับพ่ออีก จะไม่นั่งอยู่ในรถเฉยๆ อีกแล้ว
? แม่...แฟร์มีอะไรจะขอแม่อย่างหนึ่งได้ไหม ?
ก่อนที่ฉันจะขอไปร่วมภารกิจกับพ่ออีก ในครั้งต่อไป คนที่จะอนุญาตฉันได้คือแม่เท่านั้น เพราะฉันเอง ไม่อยากเห็นพวกท่านเถียงกัน เพราะเรื่องฉันบ่อยนักหรอก
? จะขออะไรหรือลูก หนูก็มีทุกอย่างแล้วนี่ ?
ถึงแม้ครอบครัวของเราจะไม่ร่ำรวยมากนัก แต่ที่ทางพวกท่านค่อนข้างเยอะ เพราะได้มาจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เราไม่เคยขัดสน มีทุกอย่างเหมือนที่คนอื่นมี ส่วนใหญ่หมดไปกับการทำบุญ ช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ เช่นมูลนิธิคนตาบอด เด็กกำพร้า หรือคนชรา โอ๊ย!! บุญท่วมหัวแล้วมั้งนี่
? แฟร์อยากช่วยสังคม อยากช่วยชาติ และอยากช่วยโลก ?
ฉันพูดให้ดูเว่อร์ไปสักหน่อย แต่ตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ นะ
? เป็นยอดมนุษย์หรือไงเราน่ะ อย่ามาเฉไฉ บอกแม่มาตรงๆ ดีกว่า ?
ฉันหันไปหาพ่อหาแนวร่วม ท่านพยักหน้าให้กำลังใจอย่างเดียว
? แฟร์อยากอยู่มูลนิธิกู้ภัยกับพ่อได้ป่ะ ?
ฉันกลั้นใจถาม และรอฟังคำตอบจากแม่
? อายุเพิ่งสิบเอ็ดนี่นะ ใครเขาจะว่าพ่อกับแม่น่ะสิ เกิดเหตุเวลากลางคืน หนูก็ต้องอดนอน หนูมีหน้าที่เรียนนะ จะไปโรงเรียนไหวหรือลูก แล้วหนูไม่กลัวหรือไง แม่เป็นห่วงหนูนะลูก ?
แม่พูดกับฉันอย่างอ่อนโยน ให้เหตุผลที่ดี แถมท้ายด้วยความเป็นห่วง ฉันเข้าใจแม่นะ และเข้าใจตัวเองด้วย
? แม่ขา...แม่ฟังแฟร์ก่อนนะ...ตอนที่แฟร์เคยออกไปกับพ่อครั้งหนึ่ง ภาพเหล่านั้นมันคอยตามแฟร์อยู่เสมอ ว่าทำไมแฟร์ถึงไม่ช่วยพวกเขา ทำไมแฟร์ถึงนั่งอยู่ในรถเฉยๆ ทั้งๆ ที่แฟร์อาจช่วยพวกเขาได้ หลวงตาบุญบอกว่า มือนี้สามารถช่วยเหลือและให้ชีวิต แม่จำจูดี้ได้ไหม มันอาการดีขึ้นทั้งๆ ที่มันใก้ลตายตอนที่แฟร์เอามือนี้แตะมัน ?
ฉันแบฝ่ามือที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวให้แม่ดู ท่านอึ้งไปเหมือนกัน เมื่อเจอเหตุผลของเด็กอายุสิบเอ็ด
? เรื่องเรียนแฟร์ไม่เคยทิ้ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดทุกวันนะคะแม่ แล้วแฟร์ก็ไปกับพ่อด้วย ไม่ได้ไปคนเดียว แฟร์รู้สึกเจ็บปวด เมื่อรู้สึกว่า มีคนที่อยู่ข้างหลัง เขาต้องสูญเสียสิ่งที่เขารัก แฟร์อยากช่วยพวกเขา นะคะแม่ ?
ฉันเขย่าแขนแม่ และกอดซบท่าน ท่านมองหน้าพ่อ เงียบไปสักครู่แล้วค่อยๆ ถอนลมหายใจออกมา
? พรุ่งนี้แม่ขอไปปรึกษา หลวงตาบุญอีกครั้ง แล้วแม่จะให้คำตอบนะลูก ?
แม่กอดฉันแล้วลูบหัวเบาๆ
อย่างน้อยแม่ก็ยังให้โอกาส คราวนี้เหลือแต่หลวงตาสินะ
? พรุ่งนี้แฟร์ไปหาหลวงตาด้วยนะคะแม่ ?
ฉันอยากรู้นี่นา ว่าหลวงตาท่านจะพูดว่าอย่างไร สักนิดก็ยังดี

เช้านี้ฉันตื่นนอนแต่เช้าเช่นเดิม ช่วยแม่เตรียมของไปวัด รู้สึกตื่นเต้น กลัวคำปฏิเสธของหลวงตา แม่เชื่อท่านมาก เพราะท่านเป็นพระที่ใครๆ ก็นับหน้าถือตา ลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะ ยิ่งวันเสาร์ด้วยแล้ว แขกท่านเยอะมาก ท่านเป็นพระที่เคร่งครัด เวลามองฉันเหมือนท่านรู้อะไรหลายอย่าง แต่ท่านไม่ยอมพูด จนฉันอึดอัด เพราะความอยากรู้ของตัวเอง แม่สนิทและนับถือท่านมาก เพราะแม่มาทำบุญที่วัดของท่านตั้งแต่เด็ก จนถึงรุ่นของฉันก็ยังนับถือท่านเรื่อยมา ถึงตอนนี้ท่านก็แก่มากแล้ว
หลังจากที่เราถวายสังฆทาน และกรวดน้ำเรียบร้อย จู่ๆ หลวงตาก็พูดออกมาโดยที่แม่ไม่ต้องถาม ท่านมีญาณทิพย์หรือไงนะ
? ให้เขาทำเถอะ นี่คือสิ่งที่เขาปราถนา เขามาเพื่อสิ่งนี้ ?
ฉันแอบยิ้มกับพ่อ ที่ได้ยินท่านพูดแบบนี้
? หลวงตาเจ้าขา ทำไมแฟร์ถึงต้องการทำสิ่งนี้ด้วยล่ะเจ้าคะ ?
ฉันถามด้วยความอยากรู้ตามประสาเด็ก
? นั่งสมาธิมากๆ ปล่อยวางจิตใจ เจ้าก็จะรู้เอง ?
? หลวงตาบอกหน่อยไม่ได้หรือเจ้าคะ ?
? สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครถึงที่ก็ไปชดใช้กรรม ใครไม่ถึงที่ก็อยู่ชดใช้กรรม ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่จำไว้ สำหรับเจ้า เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น กลางวันเขามีคนรับหน้าที่นี้ไปแล้ว หลวงตาพูดมากไม่ได้...มันผิดกฏ ต่อไปเจ้าจะค่อยๆ รู้ไปเอง ที่รู้...เจ้าไม่ใช่ คนธรรมดา เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้...ยิ่งรู้มากๆ เจ้าจะเดือดร้อน และอย่าไปยุ่งในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง มันจะเป็นเรื่อง จำเอาไว้ ?
หลวงตาพูดยาวเหยียด แต่ฉันกลับจำมันไว้ได้ทั้งหมด แต่ที่ยังคาใจ ใครหว่า ที่หลวงตาว่า เขามีหน้าที่ช่วยชีวิตคน ได้ในเวลากลางวันงั้นหรือ
หลังเลิกเรียน ฉันรีบกลับบ้าน ไม่เล่นกับเพื่อน ทำการบ้านทุกอย่างให้เสร็จ ฉันเริ่มนั่งสมาธิมากขึ้น ในห้องของตัวเองบ้าง ในห้องพระบ้างอย่างตั้งใจ เพราะฉันอยากรู้ ในสิ่งที่หลวงตาบอกไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีอายุเพียงสิบเอ็ดปี เหมือนมีภาระหนักหน่วงยังไงก็ไม่รู้ บางครั้งในสมาธิ ยังมองเห็นหน้าเด็กชายคนนั้นด้วย
เฮ้ย!!มาอยู่ในสมาธิฉันได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!!! ในขณะที่ฉันกำลังนั่งสมาธิ ก็สะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที กับเสียงเคาะประตูถี่ๆ ของพ่อ
? แฟรี่...นอนหรือยังลูก เกิดเหตุขึ้นอีกแล้ว ที่หน้าร้านขายทองน่ะ รถมอเตอร์ไชค์ ประสานงากันตรงสี่แยกเร็วๆ เข้าลูกเดี๋ยวไม่ทัน ?
พ่อตะโกนพูดอยู่หน้าห้อง ฉันกระโดดผลุงลงจากเตียง สวมกางเกงขายาวกับเสื้อของมูลนิธิ อันนี้พิเศษ เพราะมูลนิธิของเรา ไม่มีเด็กผู้หญิงอยู่เลยสักคน งานนี้เป็นงานแรก ของฉันที่จะปฏิบัติภารกิจ ถ้าพ่อไม่ได้เป็นหัวหน้ามูลนิธิ ฉันคงไม่มีโอกาสทำหน้าที่นี้ได้หรอก ฉันเป็นเด็กผู้หญิงด้วย และอายุยังน้อยนัก ยังดีที่ได้ทำร่วมกับพ่อของตัวเอง คนที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น ที่จะทำได้
พ่อเตรียมสตาร์ทรถ ฉันกระโดดยัดตัวเองเข้าไปนั่งอย่างเร่งด่วน พ่อรีบออกรถทันที ไม่ลืมที่จะเปิดไฟไซเรนขอทางเพราะความสะดวกในการที่จะไปถึงจุดเกิดเหตุไห้ไว และปลอดภัยกับตัวเอง วันนี้แม่เข้าเวรอีกตามเคย ไม่งั้น คงทำหน้าระห้อยไม่อยากให้ฉันไปแน่ๆ
เราไปถึงจุดเกิดเหตุ พ่อกับฉันรีบลงไปดูเด็กวัยรุ่น ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ ประสานงากันกับคนแก่อายุราวๆ หกสิบ มีคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก คนแก่นั้นบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่เด็กวัยรุ่นที่ฉันเห็น เลือดเต็มตัว ที่หน้าผากทางด้านซ้ายแตก แขนเหมือนจะพับได้ ที่ขาข้างหนึ่งงอ คงเจ็บปวดมาก แต่ยังมีชีวิตอยู่ นอนหายใจรวยริน พ่อหันมามองหน้าฉันแล้วพยักหน้า แล้วฉันจะช่วยอย่างไร ในเมื่อคนมุงอยู่เป็นจำนวนมาก พ่อเหมือนรู้รีบตะโกนบอกชาวบ้าน ให้เปิดทางให้หน่วยกู้ชีพที่เพิ่งมาถึง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยก่อน หน่วยกู้ชีพพวกนี้ ได้รับการอบรมเบื้องต้น กับหมอและพยาบาล เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกต้องพอสมควร เพราะถ้าไม่รู้วิธี คนเจ็บอาจเสียชีวิตหรือไม่ก็พิการได้ ตอนนี้ฉันยังทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะตัวเล็กเกินไป ต้องรอให้โตกว่านี้เสียก่อน จึงจะเข้าฝึกอบรมได้
? เด็กที่ได้รับบาดเจ็บ ยกใส่บอร์ด แล้วเอาขึ้นที่ท้ายรถของผมเลยครับ ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาลเอง ?
พ่อสั่งคนที่กำลังจะเคลื่อนย้ายคนเจ็บให้เอาเด็กผู้ชาย ไปไว้ที่ท้ายรถของเรา
ในรถของพ่อมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ครบทุกอย่าง เหมือนรถของหน่วยโรงพยาบาลเคลื่อนที่ มีทั้งเบาะรองหลังคนเจ็บ ที่เรียกว่าบอร์ด มีบล็อกคอ บล็อกหลัง ถังอ๊อคซิเย่นต์เพื่อช่วยหายใจ กระเป๋าร่วมยา ที่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ รวมไปถึงเครื่องตัดถ่างแต่ถ้าไม่แจ้งว่าผู้บาดเจ็บหรือผู้ที่เสียชีวิต ติดอยู่ภายในไม่สามารถออกมาได้ ก็ไม่ต้องนำมาด้วย
? คนแก่ให้ไปรถอีกคันหนึ่ง ?
พ่อหันไปบอกอาสาคนอื่น และหันมาพยักหน้าให้ฉัน
ฉันเดินเข้าไปหาเด็กชาย ที่นอนอยู่ท้ายรถกะบะของเรา ขึ้นไปนั่งกับกู้ชีพสองคนที่อยู่บนท้ายกะบะด้วย เขาคงรู้ว่าฉันคือลูกพ่อ แต่คงยังไม่รู้ว่า ฉันขึ้นมาบนหลังรถทำไม เขาสองคนทำหน้าสงสัย แต่ไม่กล้าขัด พ่อนั่งประจำที่คนขับ รีบขับรถออกไป ฉันยิ้มให้พี่ชายทั้งสองคน และแนะนำตัวไปด้วย
? แฟร์มาช่วยพ่อทำงานค่ะ ?
พี่ชายทั้งสองคนพยักหน้ายิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่เสียงเด็กวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บร้องขึ้นมา ทำให้เราไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก
ฉันคงต้องลองดูว่า ตัวเองสามารถช่วยเด็กวัยรุ่น ที่ได้รับบาดเจ็บคนนี้ได้ไหม ต่อหน้าพี่ชายทั้งสองฉันต้องทำไม่ให้เขาสงสัย เพราะหลวงตาบอกว่า ให้ใครรู้มากไม่ได้
ฉันมองเด็กคนนั้น พร้อมกับวางฝ่ามือข้างขวา ไปที่บริเวณแขนของเด็กคนนั้น ในจังหวะที่พี่กู้ภัยทั้งสองคนมองออกไปที่ข้างทาง ฉันรีบหลับตาทำสมาธิ พร้อมกับอธิฐานจิตขอให้เขาหายจากการเจ็บปวดครั้งนี้ทันที
ที่กลางอุ้งฝ่ามือมีแสงสว่างเล็กๆ วาบขึ้นมา ไม่มีใครสังเกตได้ ถ้าไม่จ้องมองจังๆ เด็กวัยรุ่นลืมตาขึ้นมามองฉัน เขาสามารถพูดได้แล้ว
? พี่เจ็บมากไหม ?
? เมื่อกี้นี้เจ็บมาก แต่ตอนนี้ ไม่เจ็บแล้ว ?
ฉันช่วยให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด กับบาดแผล แต่ไม่สามารถทำให้เขาหายจากการบาดเจ็บ คนส่วนใหญ่ที่ตาย ก็เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวนี่แหละ พ่อเคยบอกฉันอย่างนั้
? คราวหน้าพี่อย่าซิ่งอีกนะ ถ้าพี่เป็นอะไรไป พ่อกับแม่คงเสียใจ ทำให้พ่อแม่เสียใจน่ะบาปนะ ?
ฉันยิ้มให้เขาอย่างใจดี พูดสอนเขาไปด้วย เขาพยักหน้าแบบมึนๆ
คำสอนของเด็กอย่างฉัน คงซึมเข้าสมองเขาบ้างหรอกน่า
พี่กู้ภัยมองเด็กที่ได้รับบาดเจ็บแล้วตกใจ เพราะก่อนหน้านี้ เขาทำท่าเหมือนจะตายอยู่ร่อมร่อ ก่อนมองหน้าฉันอย่างแปลกใจ
? พี่เขาคงชาแผลน่ะ เลยไม่เจ็บ ?
ฉันพูดถึงเด็กวัยรุ่นคนนี้ ให้พี่กู้ภัยฟัง เขาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่เข้าใจหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้คือ ฉันสามารถช่วยชีวิตพี่วัยรุ่นคนนี้ได้ ด้วยการทำให้เขาไม่เจ็บปวด จากพิษของบาดแผลก่อนถึงมือหมอ นี่ฉันสามารถช่วยได้ หนึ่งชีวิตแล้วสินะ

เช้าวันนั้นพอฉันโผล่ไปโรงเรียน เพื่อนๆ พากันเข้ามารุมซักถามฉัน เพราะมีบางคนเห็นฉัน อยู่ในเหตุการณ์กับรถกู้ภัย ชื่อฉันดังไปทั่ว อาจารย์เรียกไปซักถามเพราะความอยากรู้ ว่าทำไมฉันถึงกล้าทำอะไรแบบนั้น โดยไม่กลัว เพราะคงไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหน กล้าเหมือนฉันแล้ว ในตอนนี้ มีเสียงอยู่สองฝั่งคือ ฝั่งดี ฉันเป็นคนเก่ง จิตใจดี รู้จักช่วยเหลือคนอื่น แต่อีกฝั่งที่เสียคือทำไมพ่อแม่ถึงปล่อยให้ลูกที่อยู่ในวัยนี้ ทำอะไรเช่นนี้ เด็กคือผ้าขาวไม่ควรไปแปดเปื้อน กับเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้ แต่ทุกคนลืมคิดไปว่า ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่หรือใครก็ตามที ทุกคนมีโอกาสเจ็บหรือตาย ได้ทั้งนั้น แต่ช่างเถอะ...นานาจิตตัง...

ปนัดดา สมศิลป์
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 20 เม.ย. 2012 9:32 pm

Re: Rescue สื่อรักกั๊กหัวใจยัยนางฟ้า

โพสต์ โดย ปนัดดา สมศิลป์ »

2.

หลังจากวันนั้น มีเด็กวัยรุ่นทั้งชายหญิง อายุมากกว่าฉัน มาขอเข้ามูลนิธิกันมากมาย โดยมีฉันเป็นไอดอล พ่อบอกว่ารับไม่ได้ ฉันก็ได้แต่คิดว่าเพราะอะไร วัยรุ่นเหล่านั้นถึงอยากเขามูลนิธิกู้ภัยกันนัก
? พ่อคะ...ทำไมพี่ๆ พวกนั้นเขาอยากทำงานร่วมกับเราล่ะ ?
? บางคนไม่เรียนหนังสือน่ะลูก บางคนพ่อแม่เขาไม่อยากให้มาทำอะไรแบบนี้หรอก กลัวเสียการเรียน เพราะอุบัติเหตุ ไม่ได้เลือกเวลาเกิดได้ หรือไม่เด็กบางคนคิดว่าเท่ห์มั้ง ?
พ่ออธิบายให้ฉันฟัง
? แล้วพวกนั้นไม่พูดกันเหรอคะ ว่าทำไมทีแฟร์ยังทำได้ ?
? พูดสิ แต่พ่อให้เหตุผลไปแล้วว่า เพราะแฟร์คือลูกพ่อ เวลาออกเหตุแฟร์ไม่ได้ไปคนเดียว แฟร์มีผู้ปกครองไปด้วยนั่นคือ พ่อยินยอม ถ้าอาสากู้ภัยของเรา ต้องการฝึกให้ลูกเขาทำแบบแฟร์ พ่อก็โอเคนะ จะได้ฝึกจิตใจ ให้เด็กรู้จักช่วยเหลือคนอื่น แต่เวลาออกเหตุ ต้องออกกับพ่อแม่เขาเท่านั้น แต่ลูกของอาสากู้ภัยส่วนใหญ่เขาไม่เอาหรอก วัยรุ่น เขาชอบเที่ยวกันมากกว่า แล้วก็กลัวที่จะเห็นศพ กับบาดแผลที่มันไม่ค่อยจะน่าดูสักเท่าไหร่ หรือบางทีสำหรับพ่อแม่ของเด็กบางคน คงไม่ยอมหรอก คงเป็นห่วง ไม่ใช่พ่อไม่อยากให้พวกเขาทำนะ ถ้าเขาทำด้วยจิตที่เป็นกุศลจริงๆ แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดเช่นนี้ และอารมณ์ค่อนข้างร้อน บางครั้งอยากช่วยคนบาดเจ็บ ตัวเองก็รีบ บางคนก็ขับรถย้อนศร จนโดนรถเฉี่ยวบาดเจ็บเองก็มี พ่อถึงไม่อยากได้อย่างไรล่ะ ?
? แล้วคุณสมบัติ ของคนที่จะเข้ามาอยู่กู้ภัยได้ ต้องเป็นอย่างไรคะ ?
? มีวุฒิภาวะ ใจเย็น ถ้ามีกิจการส่วนตัวด้วยก็ดี เพราะพวกนี้เขามีเวลามาก เพราะมีกิจการเป็นของตัวเอง ต้องไม่เห็นแก่ได้ เพราะการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง คนที่ได้รับบาดเจ็บหรือตาย อาจมีทรัพย์สินอยู่ที่ตัวหรืออยู่ในรถ จะต้องไม่อยากได้ของเขา เพราะกู้ภัยทุกคน ต้องทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ อาสาทำโดยไม่ได้อะไร นอกจากความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือ ไม่ใช่เพื่อความเท่ห์ ?
? มีคนทำเพื่อความเท่ห์ด้วยเหรอคะพ่อ ?
ฉันถามท่านต่อไปอีกด้วยความสงสัย
? มีสิ...เพราะน้อยคนนักที่ทำได้แบบเรา คนพวกนั้นเลยคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น ซึ่งมันไม่ใช่ ?
? แฟร์ว่าจิตใจเขาไม่ดีเลยเนอะ...แฟร์ไม่คิดแบบนั้นเด็ดขาด เก็บศพเท่ห์ตรงไหนอ่ะ ?
? ลูกพ่อเป็นคนจิตใจดี...ใครจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ แม้ทำแล้วคนไม่เห็นความดี แต่บนฟ้าท่านเห็นนะลูก ?
พ่อลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ฉันเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้ากับพ่อ ใช่สิ....ฟ้าคงกำลังมองฉันอยู่ ...อยากขอนิ้ว ชี้เป็นชี้ตาย แบบนนทุกข์บ้างได้ป่ะ...

ฉันจะออกเหตุกับพ่อบ่อยครั้ง บางครั้งฉันก็สามารถช่วยเขาได้ แต่บางครั้งถ้าไปไม่ทัน เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายไปก่อนก็มี ที่รู้ๆ ฉันไม่สามารถช่วยคนที่เสียชีวิตแล้ว ให้ฟื้นได้ แน่ล่ะถ้าทำได้ขนาดนั้น คนคงล้นโลกไปแล้ว และฉันอาจจะใช้ชีวิต แบบคนปกติไม่ได้ เหมือนที่หลวงตาบอกเอาไว้ ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ปล่อยเขาไป สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
พ่อแนะนำให้ฉันได้รู้จักพี่ๆ ร่วมอุดมการณ์ทุกคนในเขตนี้ พี่ๆ ใจดี เอ็นดูฉัน บางคน เมียเขาก็ทำด้วย ตอนนี้ยังมีวัยรุ่นที่เป็นลูกของกู้ภัยเข้ามาอยู่ในมูลนิธิสองสามคน เพราะเขาต้องการดึงลูกให้หันมาสนใจตรงจุดนี้ ฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง รู้จักการช่วยเหลือสังคม ฉันรู้บางคนรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ กับเพื่อนๆ บางทีทำท่าอยากรู้เรื่องการเก็บศพ ลักษณะของคนตายบริเวณที่เกิดเหตุ พอเล่าให้ฟังจริงๆ กลับอ้วกแตก ทานข้าวไม่ได้ไปเลยก็มี ยังดีนะ ที่บนโลกนี้ ยังมีคนดี ที่เสียสละทำเพื่อส่วนรวมบ้าง โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไรเลย นอกจากความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น
ชื่อฉันดังไปทั่วจังหวัด ใครๆ ก็อยากเห็นหน้าสวยๆ ของฉัน ( ก็เกิดอุบัติเหตุสิ จะได้เห็นฉันทุกที่แหละ ) แต่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นฉันหรอก เวลาออกเหตุเดี๋ยวนี้ฉันใส่หมวกด้วย เพราะรำคาญผมที่ยาวของตัวเองเวลาทำงาน และสายตาของพวกผู้ชายที่คอยมองฉันมากกว่า
ฉันได้เป็นกู้ภัยอย่างเต็มตัว ได้อบรมการช่วยชีวิตเบื้องต้น ทั้งๆ ที่ตัวเองมีมือวิเศษ พ่อบอกว่า ยังไงก็ต้องได้รับการอบรมที่ถูกต้อง ไม่งั้นถ้าฉันช่วยคนเจ็บผิดวิธี คนเจ็บอาจตายได้เหมือนกัน ที่หายแล้วพิการก็เพราะช่วยผิดวิธีนี่แหละ แทนที่จะได้บุญ แถมบาปกลับมาด้วย
ตอนนี้ฉันโตเป็นสาวเต็มตัวอายุสิบแปด และฉันกำลังและจะเข้าไปศึกษาต่อ ในมหาลัยที่กรุงเทพเร็วๆ นี้
ฉันสวยเริ่ด เป็นดาวโรงเรียน เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง เป็นเด็กกิจกรรม อาจารย์ขอความร่วมมืออะไร ช่วยหมดทุกอย่าง แต่สาวสวยอย่างฉัน ตอนกลางคืน ก็ยังตะเวนออกเหตุกับพ่อทุกครั้ง ยังคงปฎิบัติตัวเหมือนเดิม นั่งสมาธิทุกคืน เมื่อไหร่จะหายตัวได้ก็ไม่รู้ ( แอบหวัง ) บางครั้งเหมือนได้ยินใครพูดแว่วๆ อยู่ข้างๆ หู แต่จับใจความไม่ได้
ในสมาธิยังคงมองเห็นใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนั้นเสมอ ป่านนี้คงเป็นหนุ่มพอๆ กับฉัน เราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งไหมนะ...

หลังจากนั้นไม่กี่วัน พ่อถูกสั่งย้ายให้ไปทำงานที่กรุงเทพ เพื่อเข้าไปรับตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม แม่บอกว่าต้องให้พ่อไปก่อน แล้วให้ฉันไปอยู่กับพ่อ เพื่อเรียนที่กรุงเทพไปเลย ส่วนแม่กำลังรอทำเรื่องย้ายตามไปอยู่โรงพยาบาล ที่อยู่ในกรุงเทพด้วย เราจะได้ไม่ต้องแยกกัน แต่แค่รอเวลาที่จะอยู่ร่วมกันเท่านั้น
พ่อให้คนอื่นที่ดูแล้วเหมาะสม ขึ้นเป็นหัวหน้าของมูลนิธิแทน รีบเคลียร์งานทุกอย่าง วันที่พ่อได้ไปอยู่ที่กรุงเทพ ฉันกับแม่ไปส่งพ่อที่นั่นด้วย
บ้านที่พ่อเข้าไปอยู่ พ่อบอกว่า เป็นบ้านของเพื่อนพ่อที่อยู่ติดกัน ที่เป็นคนให้ทุนสนับสนุนมูลนิธิที่เราทำ เขารักพ่อดีนะ เห็นให้ทุกอย่าง
บ้านเพื่อนพ่อใหญ่มาก ฉันรู้สึกชื่นชมนะ เขารวย แล้วยังรู้จักช่วยสังคม ฉันขอเรียกว่าคุณลุงดีกว่าง่ายดี ท่านมีคุณป้าด้วย ท่านทั้งสองมีลูกชายสองคน คนโตชื่อว่าออกัส เพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มาหมาดๆ คนเล็กรุ่นราวคราวเดียวกับฉันชื่อว่า เอพริล นี่คุณลุงต้องตั้งชื่อลูกตามเดือนเกิดแน่เชียว แต่น่ารักดี ...แต่เอ๊ะ!!เอพริล...เดือนเมษายน เขาเกิดเดือนเดียวกันกับฉันเลยนะ...
พ่อพาฉันกับแม่เดินผ่านประตูรั้วที่อยู่ติดกัน เข้าไปหาเพื่อนของพ่อก่อน เพื่อแนะนำให้ฉันกับแม่รู้จัก เราเดินผ่านโรงรถฉันสังเกตเห็นรถ ที่มีลักษณะเหมือนรถของพ่อ นั่นคือเป็นรถกู้ภัย งั้น..ถ้าฉันได้มาอยู่กับพ่อ ฉันก็ยังทำงานกู้ชีพ ได้เหมือนเดิมสินะ
คุณลุงกับคุณป้า ท่านนั่งรอเราอยู่ก่อนแล้ว ฉันยกมือไหว้ท่านอย่างสวยงาม ท่านยิ้มให้ดูมีเมตตา อายุคุณลุงคุณป้า คงจะแก่กว่าพ่อและแม่
? นี่หรือจ๊ะ หนูแฟรี่ ป้าได้เห็นตัวจริงซะที อยู่ที่ต่างจังหวัด แต่ชื่อเสียงดังมาไกลถึงกรุงเทพเลยนะ ?
ฮู้..ชื่อของฉันดังขนาดนั้นเชียวหรือ...แน่หละ!!เพราะฉันทำงานกู้ชีพร่วมกับพ่อ ตั้งแต่อายุสิบเอ็ดจนถึงอายุสิบแปด และคิดว่าจะทำแบบนี้ จนกว่าตัวเองจะตาย
ฉันยิ้มให้กับคำชมนั้นนิดหนึ่ง ตามมารยาท นั่งเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ข้างๆ พ่อกับแม่
? อีกสองเดือนยัยแฟรี่ก็จบค่ะ ภาขอฝากคุณพี่ช่วยดูแลด้วยนะคะ กว่าภาจะทำเรื่องย้ายคงอีกหลายเดือน หรือไม่อาจรอเป็นปี ต้องรอให้ที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพ มีตำแหน่งว่างเสียก่อนน่ะค่ะ ?
พ่อบอกว่า ท่านทั้งสองเป็นคนใจบุญสุนทานชอบเข้าวัดบ่อยๆ ฉันอยู่ที่นี่คงมีเพื่อน
? ได้ค่ะ เห็นแล้วพี่รู้สึกถูกชะตา เหมือนเคยทำบุญร่วมกันมาก่อน เห็นคุณเนื่องคุยให้ฟังว่า หนูแฟรี่ชอบเข้าวัด ทำบุญบ่อยๆใช่ไหมคะ ดีเลยอยู่กับป้า เราจะได้ไปวัดด้วยกันบ่อยๆ ป้าไม่มีลูกสาว ทุกวันนี้เวลาไปวัด ต้องชวนตาเอพริลไปด้วย ขานั้นเขาก็ชอบทำบุญ ส่วนตาออกัสน่ะ ขานั้นเขาอารมณ์ร้อน ชอบบู้ล้างผลาญ ปล่อยเขาไป ?
คุณป้าพูดถึงลูกชายทั้งสองคน ด้วยสายตาที่ภูมิใจ และชื่นชม น้อยคนนักที่จะเลี้ยงลูก แล้วลูกจะดีได้ขนาดนี้
? เนื่องเราไปคุยกันในห้องดีกว่า ปล่อยให้ผู้หญิงเขาคุยกันไปก่อน... เดี๋ยวผมมานะ ?
คุณลุงชวนพ่อเข้าไปคุยกันในห้อง ประโยคหลัง คุณลุงหันไปบอกคุณป้าด้วย คุณป้าพยักหน้า แล้วหันมาคุยกับแม่ต่อ
? ที่จริงพี่ไม่อยากให้หนูแฟรี่กับพ่อ แยกไปอยู่บ้านนั้นหรอก อยากให้มาอยู่ด้วยกันซะที่นี่เลย ที่นี่กว้างขวาง พี่จะได้ไม่เหงา แต่คุณพุธสิ บอกว่ากลัวแฟรี่กับจะพ่ออึดอัด ...แล้วบ้านหลังนั้นก็ว่างอยู่พอดี...พี่ก็ตามใจเขา...จะได้อยู่กันอย่างสบายใจ ?
? ขอบคุณนะคะ ที่กรุณาเรา แค่นี้ก็เป็นพระคุณแล้วล่ะค่ะคุณพี่ ?
แม่กุมมือคุณป้า กล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท
? หนูแฟรี่ สอบตรงได้แล้วไม่ใช่เหรอ เห็นพ่อหนูบอกน่ะ รู้สึกจะอยู่มหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันกับตาเอพริลเลยนะ ดีเลย จะได้ช่วยดูแลกันได้ ?
คุณป้าหันมาถามฉัน ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่า ฉันอยู่มหาลัยเดียวกันกับลูกชายของคุณป้าที่ชื่อว่าเอพริล
? ค่ะ...?
ฉันตอบสั้นๆ อย่างสงบเสงี่ยม
รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากพูด อยากถามอะไรมากกว่านี้ แต่คำว่านางฟ้าผู้แสนสวยมันค้ำคอ เอิ้ก...อยากเรอออกมาดังๆ
? ท่าทางดูเรียบร้อย น่ารัก หน้าตาน่าเอ็นดู ปากนิดจมูกหน่อย ผิวพรรณสวย โดยเฉพาะผม ยาวตรงสวยมากๆ ป้าขอจับหน่อยได้ไหม ?
คุณป้าโรคจิตป่ะเนี่ย อยู่ๆ ก็มาขอจับผมฉันเฉยเลย แต่ฉันก็คุกเข่าคลานเข้าไปหาท่านนะ ท่านลูบผมฉันและพูดไปด้วย
? ผมนุ่มมาก มันขลับ เส้นเล็กเหมือนไหม หายากนะคนที่ผมสวยแบบนี้..?
ฉันกราบขอบคุณ ไปที่ตักของท่านอย่างงาม โอ๊ย!!!ถ้าให้ฉันเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้อีกสักครึ่งชั่วโมงนะ... อกนางฟ้าระเบิด
แน่....
? คุณป้าขา...แฟร์ขอออกไปเดินเที่ยวรอบๆ บ้านได้ไหมคะ ?
ฉันเงยหน้าขออนุญาตท่าน ท่านพยักหน้าให้อย่างอ่อนโยน
? อย่าซนมากนะแฟร์ เดี๋ยวเราต้องกลับแล้ว ?
แม่หันมาบอกฉัน เพราะท่านรู้ว่าฉันเป็นคนขี้สงสัย กลัวเห็นอะไรแล้ว จะไปเรื่อยเปื่อย
? ค่ะแม่... แฟร์รับรอง ...จะไม่ซนน้า ?
ฉันกอดแขนท่านประจบ...ก่อนค่อยๆ คลานออกมา และลุกขึ้นเดินออกไปทันที
บริเวณบ้านของคุณลุงคุณป้ากว้างมาก มีต้นไม้เล็กใหญ่ ร่มรื่น จัดสวนไว้อย่างสวยงาม มีน้ำตกจำลองอยู่ข้างบ้าน ไหลไปตามทางเล็กๆ ลงสู่สระที่มีกอบัวหลายสี กำลังออกดอก ชูช่อแข่งกันบานสะพรั่ง ถัดไปประมาณห้าสิบเมตร มีบ้านหลังเล็กน่ารักอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านชั้นเดียว ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ รอบๆ บ้านมีสายน้ำไหล ก่อนถึงตัวบ้าน มีสะพานโค้งน้อยๆ ข้ามไป ข้างบ้านเป็นระเบียงนั่ง ใครช่างแต่งบ้านได้น่ารักขนาดนี้นะ ปลูกต้นไม้ที่เป็นเถาวัลย์พันเลี้อยขึ้นไปทำเป็นซุ้ม ดูร่มเย็น ฉันเห็นดอกของต้นไม้เลื้อยต้นนี้ กำลังออกดอก เป็นดอกสีขาวเหมือนดอกพุด แต่ใหญ่กว่ามากดอกมีลักษณะคล้ายถ้วย ตอนปลายของดอกจะบานกว้าง เหมือนแตร ช่อหนึ่งมีหลายดอก กลิ่นหอมเหมือนดอกพุด ถ้าฉันจำไม่ผิด ต้นนี้มีชื่อว่า ต้นหิรัญญิกา ฉันเดินดูข้างบ้าน มีต้นไม้ใหญ่ รอบๆ ลำต้นประดับด้วยต้นกล้วยไม้ป่า อยู่เต็มไปหมด กิ่งของลำต้นที่แผ่ออก ยังผูกชิงช้าไว้นั่งได้อีก ถัดไปอีกนิด มีซุ้มคล้ายศาลาริมน้ำ ข้างหน้าศาลาเป็นสระน้ำกว้าง ปลูกบัวไว้เป็นหย่อมๆ บ้านนี้สระน้ำเยอะจัง หรือเป็นเคล็ดของเขาก็ไม่รู้
ฉันเดินมานั่งที่ชิงช้า แกว่งตัวเองเบาๆ ฮำเพลงอย่างสบายอารมณ์ คิดโน่นคิดนี่เรื่อยเปื่อย วันหลังขอมานั่งที่นี่อีกดีกว่า วันนี้พอแค่นี้ก่อน ต่อไปคงได้สำรวจนานๆ เพราะต้องมาอยู่ใกล้ๆ ป่านนี้แม่คงรอ หรือเป็นห่วงแล้ว
ขณะที่ตัวเองกำลังตัดสินใจ ลุกขึ้นจากชิงช้า เพื่อหันหลังจะกลับไปหาพ่อกับแม่ ก็ตกใจ...
? อุ๊ย!!!นายเป็นใครน่ะ ?
ผู้ชายคนหนึ่ง ยืนกอดอก...มองฉัน...ดวงตาของเขาที่ฉันเห็น มันไหวระริกก่อนเปลี่ยนไป
? ฉันควรถามเธอมากกว่า...ว่าเธอเป็นใคร..แล้วถือดียังไงมานั่งชิงช้าของฉัน ?
เขาทำเสียงดุ หน้านิ่งมาก ไม่เข้ากับหน้าตาที่หล่อไม่เกรงใจใครนั่นเลยสักนิด
นี่ฉันน่ะนางฟ้านะ ใครๆ เจอฉัน ก็พากันชื่นชมทั้งนั้น นั่งแค่นี้ ทำไม่ต้องดุกันด้วย นายใจแคบ!!!หวงกระทั่งชิงช้า..ชิ... ฉันได้แต่สบถด่าอยู่ในใจ เชิดหน้าสวยของตัวเองขึ้น แล้วตอบออกไปอย่างถือดี
? ก็ไม่เห็นเขียนป้ายบอกไว้นี่ ว่าห้ามนั่ง แต่ในเมื่อฉันนั่งไปแล้ว นายจะคิดเท่าไหร่ล่ะ ?
ฉันมองตาคมนั่นไม่หลบ คำพูดของฉันเป็นผลให้เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น... เฮ้ย!!!ใกล้มากไปม้างงงง
เขาสูงกว่าฉันอยู่มาก รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาว หน้าคมเข้ม เขายืนมองหน้าฉันนิ่ง ไม่ตอบคำถามที่ฉันถามไปเมื่อครู่ แล้วจะมองหน้าฉันอะไรขนาดนี้วะ.
..อุ๊ย!!!ไม่นะ นางฟ้าที่ไหนเขาพูดวะกันเล่า...แต่สถานะการณ์แบบนี้ ขอเป็นนังแม่มดก่อนละกัน...
? ทำไม!!!หน้าฉัน เหมือนญาติฝ่ายไหนของนายหรือเปล่า...มองอยู่ได้ ?
ฉันสบัดหน้า เสมองไปทางอื่น มองกันขนาดนี้ฉันก็เขินเป็นนะ
? เธอ...คือใคร ?
เขาพูดเสียงอ่อนลง...กลัวฉันล่ะซี้ ไม่แน่นี่นา..โฮะๆๆๆ
? ฉันชื่อว่า แฟรี่ แปลว่านางฟ้า อย่าลืมล่ะ ?
ฉันยักไหล่...ก่อนสะบัดผมเดินออกมา ถูกหน้าเขาหรือเปล่าไม่รู้
? ฉันออกมาจากต้นไม้...ไปล่ะ ?
ก่อนไปยังหันกลับไปยักคิ้ว ทำหน้าทะเล้นให้เขาอีก
ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำ กับเขามากนัก ไม่ใช่กลัวหรอก เพราะคิดได้ว่า เขาอาจจะเป็นลูกชายคนหนึ่งคนใด ของคุณป้ากับคุณลุงน่ะสิ ต่อไปต้องเจอกันบ่อยๆ ขืนไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งแต่ตอนนี้ คุณลุงคุณป้ารู้เข้า คงลำบากใจ รวมไปถึงพ่อกับแม่ของฉันด้วย
ขากลับบ้าน ฉันกลับกับแม่สองคน คุณป้าสั่งให้คนขับรถที่บ้าน ขับรถมาส่งเราที่ต่างจังหวัด ท่านใจดี มีน้ำใจ ชนิดว่าหาได้ยาก ในสังคมปัจจุบัน
พ่อบอกว่า เสาร์อาทิตย์พ่อจะกลับมาหาจนกว่าฉันจะขึ้นมาอยู่ด้วย ถึงตอนนั้น ให้แม่เป็นฝ่ายมาหาเราเองที่กรุงเทพ บ้านที่อยู่ต่างจังหวัดก็ให้ญาติช่วยดูแลทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์ ไม่อยากให้ใครเช่า กลัวว่า จะทำบ้านเราไม่ดี
ก่อนรถออก ฉันอดหันไปมองบ้านหลังนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่า เพราะฉันเห็น เขาคนนั้น ยืนกอดอกพิงต้นหิรัญญิกามองมาทางฉันเช่นกัน ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นท่าทางแบบนี้ และแววตาแบบนี้ ที่ไหนกันนะ ...

ตั้งแต่พ่อไปย้ายไปอยู่กรุงเทพ ฉันไม่ได้ออกกู้ชีพเหมือนเดิม เพราะไม่มีพ่ออยู่ด้วย ฉันไม่กล้าไว้ใจใครหรอก รอเอาไว้ไปทำพร้อมกับพ่อที่กรุงเทพดีกว่า เห็นพ่อเล่าว่า คุณลุงให้พ่อเป็นหัวหน้าศูนย์แห่งหนึ่ง ที่มีคนเก่าลาออกไป เพราะต้องไปอยู่กับลูกชายที่ต่างประเทศ
กรุงเทพมีอุบัติเหตุ บ่อยกว่าต่างจังหวัด มีเกือบทุกคืน พวกอาสากู้ภัยต้องอยู่สลับเวรกัน ส่วนตอนกลางวันมีอีกชุดหนึ่ง พ่อจะเหนื่อยไหมนะ ฉันเป็นห่วง เพราะตอนกลางวัน ท่านต้องทำงานประจำ อยู่ต่างจังหวัด อุบัติเหตุไม่ค่อยมีมากนัก ยังมีเวลาพักผ่อน แต่ฉันคิดว่า พ่อคงภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือผู้คนมากมาย เพราะนี่คือจุดประสงค์ของท่านอย่างแท้จริง...

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”