ศิตา..หญิงสาวที่หมดลมหายใจในคืนวันแต่งงาน(ตอนที่ 6)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
เมเปิ้ล
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 31 ม.ค. 2012 4:41 pm

ศิตา..หญิงสาวที่หมดลมหายใจในคืนวันแต่งงาน(ตอนที่ 6)

โพสต์ โดย เมเปิ้ล »

ตอนที่ 6 ดอกฟ้าโน้มกิ่ง

ศิตาในชุดกระโปรงจีบรอบสีน้ำตาลไหม้กับเสื้อสูทตัวยาวคลุมสะโพกสีครีม ก้าวเท้ายาวๆ ด้วยความรีบร้อน เสียงร้องเท้าส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้องตามทางเดินเป็นแนวยาวดังกึกก้อง อีกไม่กี่อึดใจเธอก็จะเดินถึงห้องประชุมของมูลนิธิ แต่หัวใจของหญิงสาวนั้นโบยบินไปรออยู่ในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว ในอ้อมแขนข้างหนึ่งหอบแฟ้มมาสองสามแฟ้ม มือข้างที่ว่างจัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เสียงระฆังใบเล็กดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆมาจากสร้อยข้อมือที่มีใครคนหนึ่งซื้อให้ครั้งที่ไปเที่ยวที่แฟร์ฟิลด์ รัฐคอนเนตทิคัต เมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมา เธออุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงใสเล็กๆนี่ มือข้างที่มีสร้อยยกขึ้นเคาะที่ประตูเป็นมารยาท แล้วจึงเปิดประตูเข้าไป
ทุกคนที่นั่งเต็มโต๊ะประชุมหันมามอง มีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่นั่งหันหลังให้ประตูไม่ได้หันมามอง หญิงสาวรู้สึกสะดุดใจ ใช่...เขานั่นแหละคือคนที่ทำให้เธอเร่งรีบมาเข้าประชุม และแน่นอนแค่ด้านหลังก็จดจำได้แม่นยำ เมื่อเธอเดินไปถึงเก้าอี้หัวโต๊ะ เลขาผู้จดบันทึกการประชุมก็ลุกขึ้นดึงเก้าอี้ให้พร้อมเอ่ย
?เชิญค่ะ สวัสดีค่ะท่านประธาน? เพียงฤทัยเลขาและเพื่อนสนิทของศิตายิ้มพร้อมกับวางแฟ้มรายละเอียดการประชุมไว้ตรงหน้าประธานสาวสวย
?ขอบใจจ้ะเพียง? ศิตาหันมายิ้มกับเพื่อนที่ควบตำแหน่งเลขาของมูลนิธิ เธอเปิดแฟ้มตรงหน้าพลางเหลือบมองคนที่นั่งทางขวามือ
ประธานในที่ประชุมเริ่มเปิดการประชุม ซี่งประกอบด้วยหัวข้อ การดำเนินงานมูลนิธิโลกสีขาวครบหนึ่งปี จำนวนของเยาวชนที่มูลนิธิให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จำนวนเงินและรายนามผู้บริจาคเข้ามูลนิธิ แผนงานการทำงานขึ้นปีที่สอง ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงประธานในที่ประชุมจึงทำการปิดประชุม และให้เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายไปทำงานตามแผนงานที่วางไว้
ผู้เข้าร่วมประชุมเริ่มทยอยออกจากห้องประชุม แยกย้ายไปทำงานของตน ก่อนที่เพียงฤทัยจะเดินออกไป ศิตาเรียกไว้
?เดี๋ยวจ้ะเพียง? หญิงสาวรูปร่างเล็กผิวราวกับหยวก ใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มกระทัดรัดสมตัวหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนตายิบหยี
?ศิฝากแฟ้มนี่ ไปไว้ในห้องทำงานด้วยจ้ะ ขอบใจนะจ๊ะ? ศิตาหอบแฟ้มส่งให้เพียงฤทัย คนร่างเล็กหอบแฟ้มออกไปจากห้องประชุมแล้ว
ดร.ภูรินท์ และ ศิตา ประธานมูลนิธิยังคงนั่งอยู่ในห้องประชุม ชายหนุ่มหันมายิ้มให้พลางลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้องเช่นกัน แต่ถูกเจ้าของหัวใจคว้าแขนไว้ก่อน
?จะหนีไปไหนคะพี่ภู? ดวงตากลมโตจ้องเขม็ง จนเขาต้องหลบสายตา
?พี่ไม่ได้หนี จะรีบไปทำงานครับ? ความสุภาพอ่อนโยนไม่เคยจางหายไปจากผู้ชายคนนี้เลย ศิตาคิดพลางกระตุกแขนเขาเบาๆ
?วันนี้พี่ภูมีนัดกับคุณพ่อคุณแม่ ลืมแล้วหรือไงคะ เอ๋...หรือว่าจะเบี้ยว? มือเรียวปล่อยแขนเขา มาชี้ที่ใบหน้าโบกไปมา ภูรินท์รวบมือนั้นไว้แล้วนำมาหอมเสียงดังฟอดอย่างยั่วเย้า
?พี่ไม่ลืมหรอก อีกตั้งหลายชั่วโมงให้พี่เข้ากระทรวงก่อนก็ได้นี่นา? ตอบพร้อมกับแกล้งเอียงหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของศิตา
?อย่าเลย...นี่ศิยังไม่ได้ชำระคดีเก่าของพี่ภูเลยนะ จะก่อคดีใหม่อีกหรือไง? มืออีกข้างของเธอดันคางที่มีไรหนวดคมๆเอาไว้ พลางหันหน้าหนี
?ชำระคดีอะไรพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย อย่ามาใส่ความกันดีกว่า? ถามพร้อมกลั้นยิ้ม ขำคนขี้งอน
?ก็ตั้งแต่ศิจบโทกลับมาจากอเมริกา ศิเจอหน้าพี่ภูนับครั้งได้เลย ถ้าไม่ให้คุณแม่บังคับพี่ภูมาช่วยทำงานที่มูลนิธิ ก็คงไม่ได้เจอกันเลยใช่มั๊ย? เสียงงอนๆมาพร้อมกับค้อนชายหนุ่มตรงหน้า
?พี่ก็โทรหาศิตลอดเลยนะ โทรทุกวันด้วย หรือว่าศิจำไม่ได้ แล้วก็น้องศิเองไม่ใช่เหรอ ที่งานยุ่ง เดี๋ยวก็ต้องลงใต้ ไปดูโรงแรมที่สาขานั้นสาขานี้บ่อยๆ อยากให้พี่ทำอะไรบอกมาตรงๆ ดีกว่า อย่ามาหาเรื่องงอนเลย...นะจ๊ะ? ภูรินท์ส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างง้องอนมาให้ มีหรือเธอจะไม่ใจอ่อน ก็ไม่ได้โกรธอะไรเขาจริงจังสักหน่อย แค่อยากให้เขาพาเธอไปพักผ่อน หรือพาเธอไปดินเนอร์ตามแบบคู่รักคู่อื่นที่เขาทำกันบ้าง
?ศิล้อเล่นค่ะ...ไปเถอะ? พูดจบเธอก็เดินควงแขนพาเขาออกจากห้องประชุม ร่างกายที่ใหญ่กว่าถลาไปตามแรงด้วยไม่ทันตั้งตัว
?เดี๋ยวก่อน จะพาพี่ไปไหน?
?อ้าว! ก็เรานัดกับคุณพ่อคุณแม่ จะไปทานเข้าเย็นกับท่าน ก็ต้องไปบ้านศิน่ะซิคะ? หันมาเลิกคิ้วเรียวตอบ ทำเหมือนว่าเขานี่ช่างขี้ลืมเสียจริง
?พี่ไม่อยากไปนั่งแกร่วบ้านศิน่ะ? เขาหยัดยืนตรงนิ่งดวงตาเรียวมองสบดวงตาดำดั่งสีนิลอย่างอ้อนวอน
?โธ่...บ้านศิไม่มีค่ายกลหรอกน่า ไปนะ ศิมีอะไรจะอวดพี่ภู นะคะ?
ในที่สุดภูรินท์ก็ต้องยอมตามใจหญิงสาวที่เขารักมาเนิ่นนาน ไม่เคยขัดใจเธอได้สักครั้ง ถึงแม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างมีเหตุผล แต่ก็เพราะเหตุผลของเธอนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

บ้านสีขาวหลังงามใหญ่โตราวกับคฤหาสน์บนเนื้อที่ห้าไร่ ศิตาขับรถของตนเองนำเข้ารั้วบ้าน โดยมีรถของภูรินท์ตามมาห่างๆ รถทั้งสองคันจอดต่อกันตรงทางขึ้นหน้าบ้าน คนขับรถวิ่งมารับกุญแจของทั้งสองเพื่อนำไปจอดที่โรงรถ
ศิตาเดินควงแขนชายหนุ่มเข้าบ้านอย่างเปิดเผย เนื่องจากว่าเธอได้เล่าเรื่องราวทุกเรื่องเกี่ยวกับภูรินท์และความรู้สึกที่มีต่อเขาให้บิดามารดาทราบ ตั้งแต่เธอยังอยู่อเมริกา และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ศิตาคิดไว้ บิดามารดาไม่รังเกียจ จะยินดีมากมายด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะมารดาพร่ำบอกแต่ว่าได้คนดีมาเป็นเขยย่อมดีกว่าบุตรสาวไปคบหากับคนที่ครอบครัวไม่รู้จัก ต้องมาคาดเดากันไปเองว่าจะเป็นอย่างไร แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ศิตาได้ฟังเหตุผลของมารดาก็ต้องยิ้ม ริมฝีปากอิ่มเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของมารดา
?ยิ้มอะไร แอบวางแผนอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย ยิ้มๆแบบนี้พี่ชักไม่ไว้ใจแล้วล่ะสิ? ภูรินท์ทักขึ้นเมื่อเห็นคนที่เดินคล้องแขนยิ้มไปตลอด จนเดินมาถึงห้องรับแขก
?อ้าว..ภู..ศิ มากันแล้วค่ะ? อัญชลิตาผู้เป็นมารดาหันไปบอกกับผู้ร่วมสนทนาทั้งสอง ซึ่งก็คืออรรถสิทธิ์ผู้เป็นบิดา และครูดวงใจผู้ที่เลี้ยงเด็กชายภูรินท์อยู่ในบ้านสงเคราะห์เด็กชาย
?สวัสดีค่ะ? ศิตาทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้งสาม แล้วทรุดลงนั่งข้างมารดา
?สวัสดีครับ คุณอรรถ แม่อัญ เอ่อ..สวัสดีครับแม่ตุ้ม? ภูรินท์มองแววตาของครูดวงใจ ที่ส่งยิ้มให้มาด้วยความฉงน
?นั่งสิภู ต่อไปเรียกพ่อได้แล้ว เรียกแม่อัญได้ก็ต้องเรียกฉันว่าพ่อเหมือนกันสิ ในเมื่อเราเป็นคู่กันใช่มั๊ยจ๊ะ? อรรถสิทธิ์หันไปจ๊ะจ๋ากับภรรยาที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี เรียกรอยยิ้มให้กับทั้งสามที่นั่งอยู่ด้วย
?หือ..อิจฉาแม่จังค่ะ ที่มีผู้ชายรักมั่นคงขนาดนี้ ดูสิหวานไม่อายใครเลย? ผู้เป็นบุตรสาวแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่บิดามารดาตนเอง
?ศิก็พูดไปเรื่อย? มือขาวๆของมารดาตีเบาๆที่ตักของบุตรสาว ถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่การกระทำของสามีก็ทำให้หญิงวัยทองอย่างอัญชลิตาอดเขินไม่ได้ ศิตาปิดปากหัวเราะคิก
?แล้วแม่ตุ้ม...เอ่อ..ที่บ้านมีอะไรวุ่นวายรึเปล่าครับ ภูจะได้ไปช่วย? ภูรินท์เอ่ยถามครูดวงใจ ซึ่งเขาหมายถึงบ้านสงเคราะห์เด็กชาย และครูดวงใจเป็นหนึ่งในคณะครูที่ดูแลบ้านมาหลายสิบปี
?เปล่าหรอกจ้ะ ที่บ้านไม่มีเรื่องอะไร ทุกคนสุขสบายดีตามอัตภาพนั่นแหละ? เสียงอ่อนโยนที่แฝงแววปรานีเช่นนี้ ที่คอยปลอบประโลมเขาตั้งแต่เด็กๆ
?แล้ว..? ไม่ทันที่ภูรินท์จะได้ถามอะไรต่อไป อรรถสิทธิ์ผู้ที่มีอาวุโสที่สุดในวงสนทนาเอ่ยขัดจังหวะขึ้น
?คือยังงี้นะภู แม่ตุ้มของเราน่ะจะมาสู่ขอยายศิให้ ก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรให้กังวลใจหรอก? เสียงดังกังวานบ่งบอกถึงผู้มีอำนาจพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ได้ยินชัดเจนทั่วทุกคน ศิตากลั้นยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าคนรักซีดเผือดสลับสีแดง ดวงตาเรียวเบิกโตจนดูกลม ริมฝีปากบางอ้าค้างอยู่หลายวินาที
?แม่อัญว่าภูไม่ต้องงงไปหรอกนะ ผู้ใหญ่ทุกคนในที่นี้เห็นพ้องต้องกันแล้ว ว่าจะให้หมั้นกันไว้ก่อน ศิพาพี่เค้าไปนั่งเล่นที่ศาลาริมสระบัวดีกว่าไป ลมเย็นสบายดี? อัญชลิตาผู้เป็นมารดาที่รักและเอาใจใส่บุตรสาวประดุจแก้วในหิน รีบเปิดทางให้หนุ่มสาวได้คุยรายละเอียดกัน ซึ่งในกรณีนี้คงเป็นศิตาบุตรสาวของเธอจะต้องอธิบายยาวหน่อย
ศิตาเดินนำภูรินท์ออกมาจากห้องรับแขก สวนกับเด็กรับใช้ จึงบอกให้นำเครื่องดื่มและอาหารว่างไปให้ที่ศาลา ภูรินท์เดินตามหลังโดยไม่ยอมขึ้นไปเดินเคียง คนเดินนำหน้าเหลียวมามองบ่อยๆ เมื่อมาถึงก็นั่งลงแล้วพูดทันที โดยที่คนเดินตามมายังไม่ได้นั่งด้วยซ้ำ
?พี่ภูมาเดินตามหลังศิทำไมเนี่ย? พูดกลบเกลื่อนเมื่อจิตใจกำลังว้าวุ่นเรียบเรียงเรื่องราวที่จะบอกกล่าว
?แกล้งหาเรื่องพี่แบบเนี้ย แปลว่าเราทำเรื่องอะไรไว้สิท่า? เขาเดินมานั่งข้างๆเธอ สองนิ้วคีบไปที่จมูกโด่งของหญิงสาวตรงหน้า
?รู้ทันอีกและ? เสียงอ่อยๆมาพร้อมกับรอยยิ้มฝืดๆ
?อ้ะ...พี่พร้อมจะฟังแล้วครับ? เสียงทุ้มอ่อนโยนทำให้เธอกลายอาการเกร็งลงไปได้มาก เด็กรับใช้นำอาหารว่างและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ศิตาจึงรอให้เด็กเดินจากไปก่อนแล้วจึงเริ่มต้นอธิบาย
?เรื่องทั้งหมดคุณพ่อเป็นคนจัดการนะคะ ศิก็แค่ทำตามเท่านั้นเองค่ะ? เธอรีบหลบสายตา เมื่อเขาจ้องมองพร้อมกับเลิกคิ้วหนา
?เอ่อ...คือศิ...ศิเป็นคนไปบอกแม่ตุ้มให้มาเป็นผู้ใหญ่ให้พี่ภู แต่ศิไม่ได้ตัดสินใจทำโดยพละการนะคะ เป็นคำสั่งของคุณพ่อและคุณแม่ก็รับรู้ตลอดรายการ โดยเฉพาะคุณพ่อน่ะ...เป็นคนต้นตั้งแต่แรกเริ่มเลยล่ะ? เสียงเจื้อยแจ้วของเธอ อดทำให้เขานึกถึงตุ๊กตาบรายตัวน้อยที่ในขณะนั้นผมหยักศกยังเป็นสีดำอยู่ไม่ได้ คิดแล้วก็ต้องยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
?พี่ภูน่ะ ขำศิใช่มั๊ยคะ? เสียงกระเง้ากระงอดยิ่งเรียกรอยยิ้มของเขาให้กว้างขึ้น
?พี่จะขำอะไรน้องศิล่ะครับ เราน่ะห่ามจนเกินบรรยายแล้วล่ะ? ภูรินท์หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่อยู่
?โธ่...ถ้าให้ศิรอพี่ภูมาขอนะ แก่ตายพอดี? เสียงใสกระตุกหัวใจภูรินท์เมื่อมีคำว่าตายพ่วงมาด้วย
?แล้วศิจะรีบร้อนไปไหนล่ะครับ อีกไม่กี่เดือนศิก็เพิ่งครบยี่สิบห้าปีเท่านั้นเอง? เขาตอบเธอโดยละความสนใจจากแรงกระตุกเมื่อสักครู่
?เวลาเรามีไม่มากนักหรอกนะคะพี่ภู เมื่อมีชีวิตอยู่เราก็ต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขกับคนที่เรารักให้เต็มที่? สีหน้าจริงจัง แต่แววตาประกายระริกส่งความทะเล้นมาให้เขา
?พูดแปลกๆนะศิ ฟังแล้วพี่รู้สึกไม่ดีเลย? อยู่ๆก็ใจหายกับคำพูดของศิตา
?อีกอย่างนะคะ คุณพ่อตัดสินใจเองทั้งหมด ศิแค่ทำตามคำสั่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจเลย? ศิตาไม่สนใจกับคำทักท้วง
?ถึงคุณพ่อจะตัดสินใจทุกอย่าง แต่ศิก็คัดค้านได้นี่ครับ ศิน่าจะรู้จักพี่ดี..? ภูรินท์พูดไม่จบประโยคอีกตามเคย เมื่อศิตาเอ่ยขัดขึ้น
?ไม่รู้ล่ะอีกสองอาทิตย์เราจะหมั้นกัน แล้วอีกหกเดือนข้างหน้า เราจะแต่งงานกัน? ศิตาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอรู้แต่เพียงว่าต้องรีบกอบโกยความสุขเอาไว้
?อะไรจะเร็วขนาดนั้นกันล่ะ...น้องศิ? เขาตกใจกับการตัดสินใจของเธอ
?ไม่เร็วหรอกค่ะ แล้ววันที่ศิกำหนดให้เป็นวันแต่งงานน่ะพี่ภูรู้มั๊ยว่าเป็นวันอะไร? ถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ภูรินท์ถือโอกาสฉกริมฝีปากลงมาประทับที่หน้าผากมนจนเธอสะดุ้งส่งค้อนกลับมา
?วันอะไรก็บอกมาเถอะ ยังไงศิคงตัดสินใจเรียบร้อยไปแล้ว ที่พูดนี่ก็แค่บอกว่าพี่ต้องทำอะไรวันไหน ไม่ได้ให้พี่ช่วยตัดสินใจใช่มั๊ย? เขาถามยิ้มๆ อดหวามใจไม่ได้เมื่อความตรงไปตรงมาของเธอ ส่งผลให้รีบร้อนจัดการเรื่องราวทุกอย่างเองคนเดียว ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายหญิง
?วันเกิดศิเองค่ะ เป็นไงคะฤกษ์ดีมั๊ย? เธอหันไปตอบยิ้มภูมิใจกับการตัดสินใจของตนเอง ที่รวบรวมเอาวันสำคัญมาไว้วันเดียวกัน เพื่อให้คนตรงหน้าจดจำได้โดยง่าย
?อืมก็ดีนะวันเดียวกัน? มือเรียวใหญ่ลูบปลายคางตนเองอย่างใช้ความคิด โดยสายตาสบประสานแววตาเจ้าเล่ห์ของหญิงสาวอย่างรู้ทัน
?ร้ายจริงนะเรา เลี้ยงฉลองครบวันเดียวได้สองเหตุการณ์สำคัญเลย? เขาพูดค้างไว้แค่นั้น ศิตาไม่ทันจะต่อว่าเพราะรู้ความนัยดี ภูรินท์ก็ซักถามให้หายสงสัย
?แล้วที่ศิบอกว่าคุณพ่อเป็นคนจัดการทั้งหมด ไหงศิเป็นคนกำหนดวันแต่งได้ล่ะ?
?โธ่..พี่ภู ก็แค่วันแต่งเอง คุณพ่อท่านตามใจศิอยู่แล้วล่ะ? เธอตอบพร้อมยิ้มกว้างยื่นหน้าเข้ามาใกล้
?แล้ว...ตอนนั้นคุณพ่อท่านพูดกับศิกว่ายังไงล่ะ?
?คุณพ่อน่ะ ท่านรู้ใจพี่ภูมากกว่าศิซะอีก ท่านบอกว่าไงรู้มั๊ยคะ? เมื่อภูรินท์พยักหน้าศิตาจึงพูดต่อ
?ท่านบอกว่า พี่ภูไม่มีวันมาขอศิแน่นอน ฟังตอนแรกศิตกใจเลยล่ะค่ะ พอฟังท่านให้เหตุผลก็เห็นจริงตามนั้น?
?เหตุผลว่าไงครับ?
?ท่านบอกว่าพี่ภูเป็นคนดี ไม่มีทางทำอะไรไม่เหมาะสม เพราะฉะนั้นถ้าศิจะรอให้พี่ภูมาขอคงต้องรอนานหน่อย คุณพ่อน่ะหัวเยาะศิดังลั่นเชียวหล่ะ ท่านก็เลยให้ศิไปรับครูตุ้ม มาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และครูตุ้มปรึกษากัน เห็นพ้องกันหมด ถึงได้นัดพี่ภูมากินข้าวด้วยกันวันนี้ไงคะ? ศิตาแทบจะเล่าทุกคำพูดที่ผู้ใหญ่คุยกัน
?พี่อายจริงๆนะ ที่กลับกลายเป็นว่าคุณพ่อของศิจัดการเรื่องของเราให้น่ะ ความจริงพี่ตั้งใจไว้แล้วว่าปีหน้าพี่จะให้ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ เป็นผู้ใหญ่สู่ขอน้องศิให้พี่น่ะ?
?จริงหรือคะ? ศิตาเบิกตาโพลงด้วยความตื่นเต้น
?จริงสิครับ พี่ไม่คิดว่าท่านอรรถสิทธิ์จะใจร้อน? เมื่อเขาหยุดพูดศิตารีบบอกเหตุผลทันที
?คุณพ่อไม่ได้ใจร้อนหรอกค่ะ เหตุผลอย่างหนึ่งที่คุณพ่อให้เหตุผลกับพวกเราทุกคนในวันที่ปรึกษากันนั้น ก็เพราะท่านเป็นห่วงศิ อยากให้พี่ภูคอยดูแลใกล้ชิด โดยเฉพาะเวลาศิออกไปตรวจตามโรงแรมต่างจังหวัดของเราน่ะค่ะ ท่านอยากให้พี่ภูไปกับศิ แต่ถ้าให้ไปโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน มันก็ไม่เหมาะสม ถึงแม้พวกเราทุกคนจะรู้กันดีว่าพี่ภูกับศิเป็นยังไง ท่านยังย้ำกับศิด้วยนะคะว่า เราสองคนไม่มีทางทำอะไรไม่เหมาะสม ทางออกที่ดีที่สุดก็คือให้เราสองคนแต่งงานกัน คุณพ่อท่านบอกว่าท่านจะได้หมดห่วง ที่นี้พี่ภูเข้าใจรึยังคะ ว่าทำไมศิถึงไม่คัดค้านอะไร ที่จริงแล้วศิไม่มีสิทธิ์คัดค้านมากกว่า? เธออธิบายจบ ก็พอดีเด็กมาบอกว่า
?คุณศิ คุณภูคะ คุณท่านให้มาเรียนเชิญที่ห้องอาหารค่ะ? พูดจบก็หันกลับเข้าบ้านไป
ศิตาลุกขึ้นเตรียมก้าวเท้าเดินเข้าบ้าน แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเอวคอดถูกคว้าไปโอบและยังถูกดึง จนเธอเซถลาลงไปนั่งบนตักของภูรินท์ แล้วก็ต้องนั่งนิ่งเมื่อรู้สึกว่าเขาแนบใบหน้าที่แผ่นหลังตนเอง
ภูรินท์กอดกระชับหอมไปที่หัวไหล่มนด้านหลังผ่านเนื้อผ้านุ่ม ศิตาสะดุ้ง เขาจึงแนบแก้มที่แผ่นหลังเธอนิ่ง สักครู่จึงเอ่ยคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจ
?พี่ขอบคุณศิมากนะครับ?
?ขอบคุณศิ เรื่องอะไรคะ? ศิตาพยายามจะหันมาคุยด้วย แต่เขากอดเธอไว้แน่นจนไม่สามารถทำได้ดังใจ
?ก็ขอบคุณที่ศิ เชื่อใจพี่ และยอมให้พี่ดูแลศิไปตลอดชีวิต พี่ต้องขอโทษน้องศิด้วยนะครับ ที่ไม่จัดการอะไรลงไปสักอย่าง ความจริงอย่างที่พี่บอกนั่นแหละว่าตั้งใจไว้ปีหน้าพี่จะขอศิแต่งงาน ไม่คิดว่าคนที่กุมหัวใจพี่ไว้ จะมีคุณพ่อที่รักและห่วงใยจนไม่สนใจว่าใครจะเป็นฝ่ายจัดงาน แต่งานนี้พี่ไม่ยอมให้ท่านออกเงินหรอกนะ? เขาหยุดพูด แล้วขยับให้เธอหันตะแคงข้างมาหาเขา พลางจับมือนุ่มขึ้นมาหอม
?แล้วพี่ภูมีพอจ่ายงานอลังการของคุณแม่หรือคะ? เธอถามเขายิ้มๆ พลางยกแขนขึ้นคล้องคอเขา แล้วพูดต่อ
?อย่ามาดูถูกพี่นะ? ทำตาเจ้าเล่ห์ตอบกลับ
?ศิไม่ได้ดูถูก พี่ภูก็รู้? ศิตาหน้าเจื่อนตอบไป
?พี่ภูล้อเล่นน่ะ เรารู้ใจกันขนาดนี้ จะเข้าใจน้องศิผิดได้ยังไงล่ะคะ? ภูรินท์ตอบเสียงหวาน
?คุณแม่น่ะ รักพี่ภูยังกับลูกเลยนะคะ? ศิตาค้อนคนที่ตอบเสียงหวานเกินกว่าเหตุ
ภูรินท์ฟังศิตาพูดจบ ให้รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจจนไม่รู้จะพูดอะไรถูก เขาไม่คิดว่าจะได้รับความเมตตามากมายจากบิดามารดาของหญิงสาวขนาดนี้ ความเกรงใจและระลึกถึงความเหมาะสมที่ผู้มีพระคุณเมตตาทำให้ไม่กล้าจัดการอะไรลงไป จนกว่าฐานะตนเองจะมั่นคงพอที่จะเลี้ยงบุตรสาวของท่านทั้งสองให้สุขสบายได้ ซึ่งอีกหนึ่งปีข้างหน้าความตั้งใจก็จะบรรลุผลแล้ว แต่ความรักความเมตตาที่ได้รับจากครอบครัว จารุเวศวงศ์ กลับทำให้เขาไม่ต้องจัดการสิ่งใดเลย
ภูรินท์จับมือนุ่มขึ้นมาฝังจมูกลงไปเนิ่นนาน จนเจ้าของมือเริ่มขยับจึงยอมปล่อยพร้อมกับพาเธอลุกขึ้น ก่อนจะพาคนรักเข้าบ้านไปตามคำเชิญของผู้ใหญ่ เขาโอบไหล่มนแล้วโน้มใบหน้าลงจรดจมูกลงที่แก้มหอม
?ขอบคุณนะครับ? กล่าวขอบคุณอีกครั้งเมื่อถอนจมูกออกจากแก้มเธอ แล้วกระชับมือพากันเดินไป
ศิตาเดินคลอเคลียภูรินท์ไม่ห่าง ไม่ต่างจากแมวน้อยประจบเจ้าของ เขาทั้งดีใจ ปลื้มใจ ภูมิใจในตัวคนรักเหลือเกิน จนอดใจไม่ได้ต้องหอมไปที่เรือนผมนุ่มดังฟอดใหญ่ ศิตาพริ้มตาหลับโดยไม่ได้เงยหน้ามามองเขา เธอรับรู้ไออุ่นที่แผ่กระจายส่งตรงถึงหัวใจที่กำลังเบ่งบานเต็มไปด้วยทุ่งดอกรักสีขาวละลานตา

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”