สาวแกร่งสยบหัวใจนายตัวร้าย ตอนที่ 5-6

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
apple radakorn
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 13 ก.ค. 2011 9:14 am
ที่อยู่: กรุงเทพ และราชบุรี

สาวแกร่งสยบหัวใจนายตัวร้าย ตอนที่ 5-6

โพสต์ โดย apple radakorn »

5

และแล้วก็มาถึงวันที่ฉันต้องเริ่มงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการส่วนตัวของเจที ซึ่งในวันนี้เจทีมีงานเดินแบบที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่ง เป็นงานเดินแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าระดับไฮโซภายใต้ชื่อ ? ไฮโซ ไฮคลาส? เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับประเทศและยังเปิดสาขาในต่างประเทศอีกด้วย ฉันกับเจทีเดินทางโดยรถตู้สีขาวมาก่อนเวลานัดหมาย ซึ่งยังเป็นช่วงเวลาที่ห้างฯยังไม่เปิดให้

บริการ เจทีให้เหตุผลว่าจะได้ไม่ต้องพบเจอคนพลุกพล่าน (สงสัยหมอนี่เป็นโรคไม่ชอบเข้าสังคม = _=? ) ใช้เวลาไม่นานนัก ฉันกับเจทีก็มาถึงห้างสรรพสินค้า ?พี่โชติ? คนขับรถเลี้ยวรถเข้าไปยังลานจอดรถแล้วดับเครื่องยนต์ หลังจากที่ฉันก้าวลงรถเป็นคนสุดท้ายและเลื่อนปิดประตูรถแล้ว ทั้งฉันและเจทีเดินไปทางประตูของอาคารที่อยู่ใกล้กับลานจอดรถนั้น พอผลักประตูกระจกใส ย่างเท้าเข้าไปไม่ถึงห้าเมตร ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินท้องโย้ตรงรี่มาทางฉันทันที ฉันคาดว่าน่าจะเป็น ?พี่แจง? ผู้จัดการส่วนตัวของเจทีอย่างแน่นอน
?สวัสดีจ๊ะเจที วันนี้มาเร็วนะจ๊ะ...นี่เหรอน้องน้ำพริกที่จะมาเป็นผู้ช่วยของพี่? ประโยคหลังว่าที่คุณแม่พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร

?สวัสดีค่ะ พี่แจง..ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวให้พี่ช่วยสอนงานด้วยนะคะ น้ำพริกไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ? ฉันยกมือไหว้ทักทายพลางพูดอย่างนอบน้อม
?ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังไงพี่ก็จะถ่ายทอดวิชาให้น้องจนหมด พี่ต่างหากต้องฝากน้ำพริกดูแลเจทีแทนพี่ ตอนที่พี่ลาคลอดลูก ~ เอาล่ะ เจทีเข้าไปแต่งหน้าเตรียมตัวไว้ก่อนดี

กว่า ส่วนพี่จะไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่เธอจะใส่เดินแบบวันนี้สักหน่อย? พี่แจงพูดแล้วเดินแยกตัวออกไป ส่วนฉันกับนายเจทีก็เดินตรงไปยังห้องแต่งตัว (ท่าทางหมอนี่คงมาถ่ายแบบที่นี่บ่อย รู้สึกชำนาญทางซะเหลือเกิน ดูสิ~ จะเดินให้มันช้าๆ หน่อยก็ไม่ได้ ถือว่าตัวเองขายาวกว่ารึไงฟะ ไม่คิดจะรอกันบ้าง -3-+ ) และทันทีที่หน้าหล่อๆ ของเจทีโผล่เข้าไปในห้องแต่งตัวโดยมีนายแบบสองคนที่กำลังให้ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองโปะแป้งอยู่นั้น เสียงแหลมบาดแก้วหูก็ร้องทักขึ้น

?ว๊ายกรี๊ด! คุณเจทีมาเร็วจังนะค๊า ปกติจะมาจวนเจียนก่อนงานเริ่มมิใช่หรือเนี่ย สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกน้ำคงจะท่วมที่นี่แน่ๆ ? อ้าวเจ๊ ปากหนอปาก หาเรื่องให้ไอ้เจทีมันด่าซะงั้น -O- ฉันคิดในใจ
?เหรอเจ๊...ว่าแต่เจ๊วีวี่เถอะ ขากลับจะหอบหิ้วคนไหนไปด้วยล่ะ เจทีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางกวนประสาทเบื้องล่าง แล้วหันไปมองทางนายแบบสองคนที่ทำท่าทางระแวดระวังตัวขยับห่างจากเจ๊วีวี่

?ไอ้งานคราวที่แล้วได้ข่าวว่าเจ๊พานายแบบกลับไปแต่งหน้ากันสองต่อสองที่คอนโด จนเมียกับญาติของไอ้หมอนั่นตามมากระทืบเจ๊ซะคางเหลืองไม่ใช่เหรอ? เจทียิ้มเยาะพลางกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ

?กรี๊ดดดด! ฮือออ ฮือออ? เจ๊วีวี่แทบกระอักกับประโยคที่ได้ยินจนร้องไห้โฮเสียงดังพลางเอามือปิดหน้าตัวเอง ก่อนรีบเดินผละออกไปจากวงสนทนาทันที เจทีหัวเราะอย่างสะใจที่สามารถเอาคืนเจ๊แกได้
?สมน้ำหน้าจะได้หยุดเห่าสักทีน่ารำคาญ?
?นี่นาย ฉันว่านายพูดแรงเกินไปแล้วนะ? ฉันพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

?คนที่ชอบพูดจาแซวคนอื่นแบบนั้น ก็สมควรโดนซะบ้างจะได้รู้สึก ฉันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ อย่ายุ่งดีกว่า ~ ฉันจะแต่งหน้าแล้ว ส่วนเธอก็ไปหากาแฟมาให้ฉันสักถ้วยซิ? เจทีสั่ง
?แล้วแพนทรี่อยู่ทางไหนล่ะ? ฉันถามเพราะไม่เคยมาที่นี่ จึงไม่คุ้นเคยกับสถานที่
?เธอก็เดินออกไปหาดูสิ ขาน่ะมีมั้ย เรื่องง่ายๆต้องมาถามฉันด้วย? ฉันเม้มปากแน่นสะกดกลั้นความโกรธแล้วเดินออกมา มันจะมากไปแล้ว >_< อีตาเจที กล้าดียังไงมาว่าฉันต่อหน้าคนอื่น ฝากไว้ก่อนเถอะ!

พอฉันเดินพ้นประตูห้องแต่งตัว ฉันก็เมียงมองว่าจะไปทางซ้ายหรือขวาดี ในที่สุดก็เลือกทางซ้ายมือ พอเดินไปได้ไม่ถึงร้อยก้าว ฉันก็เจอส่วนแพนทรี่สำหรับบริการเครื่องดื่ม จากนั้นฉันก็บรรเลงชงกาแฟทันทีถ้าขืนชักช้า ฉันเกรงว่านายเจทีจะลุกขึ้นมาว๊ากใส่ฉันอีก ด้วยความรีบเร่งทำให้ฉันไม่ทันระวังว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง พอฉันหันหลังกลับโดยที่มือขวายกถ้วยกาแฟร้อนอยู่ ก็ปะทะอย่างจังกับผู้ชายคนหนึ่ง จนทำให้เจ้าของเหลวสีน้ำตาลหกราดใส่บนเสื้อสีฟ้าของเขาทันที

?ว้าย! ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นไงบ้างคะ กาแฟมันร้อนอยู่ด้วย? ฉันล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานแหววออกมารีบซับรอยเปื้อน (ถ้าเสื้อราคาแพง ฉันมีหวังต้องทุบกระปุกซื้อมาชดใช้เขาแน่ๆงานเข้าอีกแล้ว ฮือฮือ T_T)

?คือฉันจะเอากลับไปซักให้นะคะ? ฉันเสนอความรับผิดชอบเมื่อเห็นว่า เจ้าคราบกาแฟนั่นยังโชว์ความสกปรกอยู่บนเสื้อ (แง แง ซวยแล้วตรู มีหวังเสียตังค์ค่าเสื้อแหง แหง T_T)
?ไม่เป็นไรครับ? เสียงนุ่มเล็ดลอดออกจากปากริมฝีปากนั่น

?ฉันขอโทษจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าฉันซื้อเสื้อใหม่คืนให้ค่ะ? ฉันยังแสดงสปิริตความรับผิดชอบเต็มที่
?มันเป็นอุบัติเหตุ เธอไม่ได้ตั้งใจทำกาแฟหกใส่ฉันสักหน่อย? ชายหนุ่มยิ้มให้ฉัน ว้ายยย! อยากจะกรี๊ดดังๆ เขาช่างยิ้มได้กิ๊บเก๋ยูเรก้ามาสด้าพลูโต้ มั่ก มั่ก >///<
?ว่าแต่เธอเป็นพนักงานของห้างนี้เหรอ...?

?ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันมากับนาย...เอ่อ คุณเจทีค่ะ วันนี้คุณเจทีมาเดินแบบเสื้อผ้า?
?อ้อ เจที นายแบบที่กำลังฮอตฮิทติดลมบนในตอนนี้สินะ แล้วเธอเป็น...? เขาชะงักคำพูด

?คือ ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณเจทีค่ะ คือพี่แจงใกล้คลอดคุณเจทีก็เลยจ้างฉัน? ทำไมฉันต้องสาธยายซะยาวยืดก็ไม่รู้ = _=? (ชิ้ง)
เขาหัวเราะ หึ หึ ?เธอนี่ เป็นคนเปิดเผยดีนะ แล้วก็...? ยังไม่ทันที่ประโยคถัดไปจะหลุดออกมา ก็เสียงแข็งๆ ห้วนๆ ดังแทรกขึ้น
?แล้วยังเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบ บกพร่องในหน้าที่อีกด้วย? อ๋าย ~ อีตาเจทีนั่นเอง เดินเข้ามาตอนไหนฟะเนี่ย แล้วยังมาทำปากร้ายพูดจาห่วยๆ ออกมาอีก -3-*
?ฉันสั่งให้เธอมาชงกาแฟ นี่อะไรหายไปนานสองนาน ที่แท้มายืนเล่นเกมส์ตอบคำถามอยู่ได้ อย่าลืมสิ ฉันเป็นเจ้านาย เธอมีหน้าที่ต้องคอยดูแลรับใช้ฉัน?

ตรูละเบื่อ! กับความบ้าอำนาจของหมอนี่ซะจริงๆ ?คือฉันทำกาแฟหกใส่คุณคนนี้ ก็เลยจะรับผิดชอบค่าเสียหายให้อยู่ค่ะ ไม่ตั้งใจทำให้นาย..เอ๊ย คุณเจทีคอยนาน?
?มันเป็นความผิดของฉันเองมากกว่า อย่าไปตำหนิน้องเค้าเลย? ชายแปลกหน้าออกรับแทน

?โอวว ~ เป็นสุภาพบุรุษซะจริ๊ง? เจทีพูดแขวะแล้วเอามือกอดอกทำหน้ากวนประสาทอวัยวะเบื้องล่าง

ชายหนุ่มเสื้อสีฟ้าหันไปมองทางเจทีแล้วพูดขึ้น ?ฉันผิดที่ไม่ระวังเอง ที่สำคัญฉันคิดว่าการเป็นสุภาพบุรุษ คงไม่ได้วัดแค่เรื่องนี้ แต่น่าจะรวมถึงมารยาทและคำพูดที่ใช้กับผู้หญิงซะมากกว่า? ประโยคสุดท้ายเขาจงใจจิกกัดนายเจทีชัดๆ แร๊งงง! เจทีลดแขนที่ยืนกอดอกลง ชักสีหน้าไม่พอใจ
?นี่นายกำลังว่าฉันรึไง นายเป็นใคร??

แทนคำตอบ เขายื่นนามบัตรออกมาให้กับฉัน ?ฉันชื่อ คอปเตอร์ ถ้าเธอยืนยันจะชดใช้ค่าเสียหายละก็ โทรมาตามหมายเลขในนามบัตรนี้นะ? ฉันยื่นมือออกไปรับก่อนเก็บลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์

?หวังว่าเราคงได้เจอกันนะ น้ำพริก? ประโยคสุดท้ายเขาเดินเข้ามาใกล้พูดด้วยน้ำเสียงฟังดูอบอุ่น และก่อนที่คอปเตอร์จะเดินจากไป เขาหันหน้ามาทางเจที แววตายิ้มหยันนิดๆ ก่อนพูดประโยคที่ทำให้อารมณ์เดือดของเจทีพุ่งปี๊ดทะลุเพดานบ้าขึ้นไปอีก
?ท่าทางนายดูเป็นคนฉลาดนะ คงเข้าใจไม่ยาก!?

?เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิ? เจทีพูดเพื่อรั้งอีกฝ่าย แต่เหมือนเสียงของเขาเป็นแค่เสียงจิ้งจกร้องทัก ที่ไม่ได้มีค่าทำให้คอปเตอร์หยุดเดินได้ เฮ้อ ~ คนอะไรโง่บรม คนเขาพูดซะขนาดนั้นยังไม่เข้าใจอีก ~ แต่ช่างนายเจทีเถอะ ฉันไม่อยากใส่ใจคนงี่เง่าพรรค์นี้ ว่าแต่ ~ ชื่อ คอปเตอร์ ชื่อเท่ห์ชะมัด ดูเป็นสุภาพบุรุษอีกด้วย ดีใจจังที่วันนี้เราได้มาเจอคนดีๆ แบบนี้
?นี่เธอ...จะปลื้มมันไปถึงไหน ทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ ระวังไว้เถอะ ไอ้พวกทำตัวเป็นเจนเทิลแมน ลับหลังเขี้ยวงอกทุกราย...อ้าวๆ ยังยืนเฉยอยู่อีก ฉันคงไม่ต้องคอยกาแฟไปจนชาติหน้าหรอกนะ? เจทีหงุดหงิดที่ทำอะไรคอปเตอร์ไม่ได้ เขาจึงมาลงที่ฉัน ฉันละเซ็งโคตรๆ ที่เสียงของนายเจทีทำให้โลกสีชมพูของฉันดับวูบลง
?จะรีบชงให้เดี๋ยวนี้แหละ? ฉันบ่นพึมพัมไปด้วยขณะที่กำลังชงกาแฟถ้วยใหม่

และเมื่อถึงเวลาการเดินแบบแสดงคอลเลคชั่นใหม่ของเสื้อผ้าแบรนด์ ? ไฮโซ ไฮคลาส? ได้เริ่มขึ้น ฉันนั่งอยู่ในแถวเกือบหลังสุด ส่วนพี่แจงนั่งอยู่แถวแรกกำลังคุยอยู่กับผู้หญิงใส่แว่นผมยาวตรงซึ่งเป็นเจ้าของงานนี้ ฉันหันสายตามองไปรอบๆ ก็เห็นว่าคนที่มานั่งชมส่วนมาก ท่าทางเป็นพวกไฮโซ ไฮซ้อกันทั้งนั้น บางคนฉันคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างที่มักจะออกรายการทีวีกอสซิปบ่อยๆ ส่วนประชาชนทั่วไปที่มาเที่ยวห้างฯ ก็หยุดยืนรอชมงาน จนเมื่อแสงไฟจากสปอร์ตไลท์ฉายวาบไปที่พิธีกรที่ทำหน้าที่ดำเนินงานบนเวที เสียงปรบมือก็ดังขึ้น

และเมื่อพิธีกรกล่าวเปิดงานแล้ว แสงสว่างรอบๆ เวทีก็สว่างจ้าพร้อมกับไอน้ำแข็งแห้งลอยขึ้นอย่างจางๆ เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศของงาน นายแบบต่างทยอยกันเดินออกมาโพสต์ต่างๆ บนเวที เพื่อให้ช่างภาพ นักข่าวได้ถ่ายภาพกัน แสงแฟลชพรึบพรั่บไปทั่วบริเวณจัดงาน และฉันก็เป็นคนหนึ่งแหล่ะ ที่เก็บภาพนายเจทีใส่ในมือถือเพื่อเป็นที่ระลึกสักหน่อย ถึงแม้หมอนั่นจะพูดจาไม่ได้เรื่อง นิสัยก็แย่ แต่พอหมอนั่นเดินอยู่บนแคทวอร์คแล้ว รัศมีเปล่งประกายโดดเด่นมากกว่านายแบบคนอื่นๆ ทีเดียว

?ดูๆ ไปนายก็หล่อขั้นเทพจริงๆ? ฉันอดพูดออกมาเบาๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นนายเจทีส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ไปยังกลุ่มสาวๆ ที่มาเชียร์กัน

งานแสดงใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะสิ้นสุดลง จากนั้นฉันยืนรอให้นายเจทีผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จ ส่วนพี่แจงขอตัวกลับบ้านไปก่อน เมื่อเจทีแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฉันกับเจทีก็ไปกล่าวอำลากับ ?คุณนวลนภา? ผู้เป็นเจ้าของงาน โดยนายเจทีได้รับการหอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่จากคุณนวลนภาอีกด้วย
?เช๊อะ โดนผู้หญิงหอมแก้มหน่อย..ทำหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเชียว? ฉันเบะปากรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก และไม่รู้ว่าอาการของฉันไปสะดุดตานายเจทีตอนไหน พอกลับขึ้นมาบนรถตู้ นายเจทีก็พูดขึ้น
?เมื่อกี้เธอหึงฉันเหรอ?
?หึงเหรอ ฉันเนี่ยนะ หึงนาย...จะหึงเรื่องอะไร -_-??
?อ้าว ก็ตอนที่ฉันถูกหอมแก้มไงล่ะ?

?นายจะบ้ารึเปล่า >O< ฉันจะไปหึงนายทำไมกัน อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย?
?จริงเหรอ แต่ฉันเห็นเธอทำท่าทางให้เหมือนหมูท้องอืด ~ อ้อไม่สิ ต้องพูดว่าทำหน้าเหมือนหมูตกมันจึงจะถูก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า? พูดจบนายเจทีหัวเราะร่า
?นี่มันจะมากไปแล้วนะ ใครเป็นหมู! -3-*? ฉันเสียงแข็งขึ้นและหน้าง้ำทันที
?ก็ฉันเห็นขาของเธอมันใหญ่ใกล้เคียงกับขาหมูน่ะ ถ้าไม่อยากให้เข้าใจผิด เธอควรลดความอ้วนลงบ้างนะ ฉันเป็นห่วง...ยิ่งพอใกล้เทศกาลตรุษจีน บรื๋อออ ~ ฉันหนาววว แทน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า?

?เจที! ปากอย่างนายมันต้องโดนนนน!? สิ้นเสียงของฉัน ก็ตามไปด้วยหมัดขวาเพชรฆาตทิ่มเข้าเบ้าตานายปากสุนัขพันธุ์ชิสุทันที
?โอ๊ยยย! หยุดนะ ยัยดิบเถื่อน ยัยหมูตกมัน เธอกล้าทำร้ายฉันเร๊อะ ยัยขาหมูพะโล้ค้างคืน? ฝ่ามือของเจทียังกุมอยู่ที่เบ้าตาแต่ปากก็ยังพร่ำไม่หยุด
?ถ้าขืนนายยังเรียกฉันว่าเป็น หมู อยู่ล่ะก็ นายไม่โดนแค่นี้แน่ ~ ฉันไม่ได้ขู่นะ ขอบอก!? น้ำเสียงขึงขังกับท่าทางเอาจริงของฉัน ทำให้เจทีสงบปากลงได้ หมอนั่นได้แต่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดฟึดฟัด บ่นพึมพำตลอดทางกลับบ้าน ซึ่งฉันก็ทำไม่สนใจในอาการงอนเป็นเด็กๆ ของเขา

หลังจากใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงอยู่ภายในรถตู้ ในที่สุดพาหนะสีขาวคันใหญ่ก็พาฉันกลับมายังบ้านของนายเจทีได้อย่างปลอดภัย ต้องขอชมฝีมือการขับรถของพี่โชติซะจริงๆ เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ฉันก้าวลงพร้อมกับหอบหิ้วสัมภาระและแฟ้มคิวงานของเจที ยังไม่ทันที่เท้าจะก้าวเหยียบเข้าห้องโถงของคฤหาสน์หรู เจทีก็ร้องเรียกขึ้น
?เดี๋ยวน้ำพริก?

ฉันหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจที ?มีอะไรให้รับใช้อีกคะเจ้านายยยย? ฉันพูดยานคางแกมแกมประชดประชัน
?เธอนี่ก็กวนประสาทไม่เบาเลยนะ? เจทีพูด ?ฉันมีให้เธอรับใช้แน่..พรุ่งนี้ตีห้ามาเจอฉันที่หน้าตึกนี้?
?ตีห้า! OoO?
?ใช่..เธอได้ยินไม่ผิด? เขาลอยหน้าตอบ

?ทำไมต้องตีห้า วันพรุ่งนี้นายไม่มีคิวงานไปไหนสักหน่อย? ฉันย่นคิ้วถามด้วยความสงสัย
?ฉันสั่งยังไง เธอก็ทำอย่างงั้นแหละ อย่าถามมาก หรืออยากให้ฉันฟ้องคุณปู่ว่าเธอทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง ดีไม่ดีคุณปู่อาจพิจารณาเรื่องงานของพ่อเธอด้วยอีกคน?
?โห! นี่นายขู่ฉันเร๊อะ! >O<*? ฉันดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วยกมือท้าวเอวอย่างไม่พอใจ
?เปล๊า! ฉันเหรอจะกล้าขู่...ฉันกลัวเธอชกหน้าฉันจะตาย แต่ฉันอยากจะบอกว่าถ้าเธอไม่ทำ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็แล้วแต่เธอนะ? เจทีพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งรอยยิ้มนี้มันทำให้ฉันคันไม้คันมือซะจริ๊ง

?ได้! ตีห้าฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ ~ มีแค่นี้ใช่มั้ย ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้ไปทำงานอย่างอื่นที่มันมีประโยชน์กว่ามาทำงานให้คนที่มีนิสัยเป็นเด็กไม่รู้จักโตบางคน? พูดจบฉันสะบัดก้นเดินเข้าไปด้านในตัวตึกทันที ไม่สนใจว่าหมอนั่นจะทำหน้าบอกบุญไม่รับที่โดนฉันเหน็บแนม

เมื่อถึงเรือนแม่บ้าน หลังจากกดล๊อคประตูห้องนอน ฉันโยนของที่ถือมาลงบนเตียง แล้วคิดเรื่องนายเจทีขึ้นมา ~ หนอยทำมาเป็นขู่ >O<* เจที นายมันก็แค่เด็กนิสัยเสียที่ไม่รู้จักโต
นี่แน่ะ นี่แน่ะ! ตุ๊บ ตุ๊บ! ตุ๊บ! ถือเป็นความซวยของหมอนข้างฉันรัวกำปั้นลงบนหมอนอย่างไม่ยั้ง ?อยากรู้นัก พรุ่งนี้นายจะมาไม้ไหนอีก? ฉันพูดกับตัวเอง

เอก อี๊ เอ้ก เอ้ก! แกร๊ก แกร๊ก! เอก อี๊ เอ้ก เอ้ก! แกร๊ก แกร๊ก!

เสียงร้องของเจ้านาฬิกาบนหัวเตียงของฉันดังขึ้น ฉันงัวเงียขยี้ตาลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปปิดเสียงร้อง มองดูเวลาบนหน้าปัด ตอนนี้มันบอกเวลา ตีสี่สี่สิบห้านาที ฉันมีเวลาสิบห้านาที ที่จะทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ รวมทั้งผายลมที่ฉันทำประจำหลังตื่นนอน ก่อนไปพบกับเจทีที่บริเวณหน้าตึกใหญ่ ฉันเด้งตัวลุกจากเตียงนอน และงดตีลังกาขาคู่หนึ่งวันเพราะไม่มีเวลาพอ ฉันรีบปลดปล่อยก๊าซในลำไส้ออกอย่างสบายอารมณ์พร้อมๆ กับฟอกตัวด้วยสบู่ใยบวบ โดยไม่ลืมแปรงฟันและกลั้วคอด้วยน้ำยาดับกลิ่นปาก (ทำอย่างกับเตรียมตัวจะไปเม้าท์ ทู เม้าท์กับนายเจทีอย่างงั้นแหละ อี๊ แหว่ะ >-< แค่คิดก็คลื่นไส้แต่เช้าแล้ว ให้จุ๊บกับคนปากพันธุ์ชิสุแบบนั้น ฉันยอมไปจุ๊บก้นม้าซะยังชื่นใจกว่าอีก)

?ตีห้าเป๊ะ มาตรงเวลาดี? เจทีพูดขึ้นทันทีที่เจอหน้าฉัน

?ให้ฉันตื่นมาแต่เช้ามืด ตกลงนายจะให้ฉันทำอะไรกันแน่? ฉันพูดเสียงดังพลางล้วงมือสองข้างเข้าไปในเสื้อแจ๊คเก๊ตเพราะความเย็นของอากาศตอนเช้ามืดมากระทบกับผิวบอบบางของฉัน จนขนแขนแสตนด์อัพกันเป็นแถวๆ

?ชู่วว? ~ เจทีจุ๊ปาก ?พูดเบาๆ ก็ได้ แหม..อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ ที่ฉันให้เธอตื่นมาเวลานี้เพราะอยากให้เธอมาขี่จักรยานออกกำลังเป็นเพื่อนฉัน...ก็แค่นั้นเอง?
?อะไรนะ! นี่นายอยากให้ฉันมาออกกำลังเป็นเพื่อนนาย?
?ใช่!? เจทีพยักหน้าพร้อมยิ้มอารมณ์ดี
?ทุกทีนายก็ขี่จักรยานคนเดียวอยู่แล้ว อ้อ ~ ฉันพอเข้าใจแล้ว...นายหาเรื่องแกล้งฉันใช่มั้ยเนี่ย >O<?

?ปะ..เปล่า ฉันจะแกล้งเธอทำไม ฉันหวังดีอยากให้เธอลดความอ้วน เอ๊ย ไม่ใช่!? ฉันถลึงตาใส่เจที เมื่อคำว่า อ้วน หลุดออกมา
?ฉันอยากให้เธอแข็งแรงมีสุขภาพดีต่างหาก นี่ฉันจริงใจนะ? สายตาเขาฉายแววใสซื่อน่าเชื่อถือขึ้นมา
?งั้นก็แล้วไป? สิ้นเสียงของฉัน เจทีก็จูงจักรยานมาให้ ฉันรับมาแล้วยกขาเหวี่ยงข้ามเบาะนั่ง เตรียมตัวปั่นเต็มที่

?ขี่ไปรอบๆ บ้านและสวนหย่อมนี่แหละ เธอโอเคมั้ย? เขาถาม
?ก็ได้ ^_^? ฉันตอบ
?งั้นดี เอาละ ~ ฉันให้เธอออกตัวก่อนเลยในฐานะที่เป็นเลดี้เฟริส?

วันนี้ฉันรู้สึกแปลกใจ ที่หมอนี่มาทำดีกับฉัน แต่คงไม่มีอะไรพิศดารหรอกมั้ง ^_^ ก็แค่ออกกำลังกาย บางทีอีตาเจที อาจมีความเป็นสุภาพบุรุษเหมือนคนอื่นอยู่บ้างก็ได้ ฉันพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ ฉันปั่น ปั่นและปั่น (ไม่ใช่พี่ปั่น ไพบูลย์เกียรตินะ) โดยมีเจทีขี่จักรยานสีดำเคียงข้างฉันมาด้วย คิดๆ ไปเหมือนกับคนที่เป็นแฟนกัน มาออกกำลังกายด้วยกันเลย เพราะตลอดเวลาที่ฉันปั่นเจ้าสองล้อนี้ นายเจทีก็พูดจานุ่มหูซะะด้วยสิ ^_^ (ชักเคลิ้ม)
?เป็นไงบ้าง...ไหวมั้ย? เจทีถามขึ้นเมื่อเราสองคนปั่นมาได้ครึ่งทาง
?สบายมาก ^_^? ฉันคุยโว

ใบหน้าของเจทีฉาบยิ้ม ?งั้นเรามาแข่งกัน ใครกลับไปที่หน้าตึกก่อนเป็นผู้ชนะ? เขาพูดพลางเร่งสปีดเจ้าสองล้อ แซงหน้าฉันไปไกล
?ได้เลย? ฉันไม่ยอมแพ้ จึงเร่งความเร็วขึ้น มากขึ้น พร้อมๆ กับความคิดในหัวสมองว่า เจทีก็ไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายอะไรเท่าไหร่ เขาอาจเป็นแค่คนปากร้ายที่มีนิสัยเอาแต่ใจอย่างมั่ก มั่ก เพราะเป็นหลานคนเดียว นั่นสิ! ตั้งแต่ฉันมาทำงานที่นี่ยังไม่เคยเห็นพ่อแม่ของเจทีสักที (เคยเห็นแต่ผู้เป็นพ่อตอนทานอาหารเช้าแบบแว๊บๆ ส่วนผู้เป็นแม่ ป้าทับทิมบอกว่าตอนนี้อยู่ที่ยุโรป) ขณะที่ฉันคิดถึงเรื่องพ่อแม่ของเจที จึงไม่ทันสังเกตุว่าเจทีหายไปไหน จู่ๆ ก็มีถังน้ำดื่มสีขาวขุ่นหลายใบลอยลิ่วออกมาจากพุ่มไม้ในสวนหย่อม ฉันหักแฮนด์จักรยานเลี้ยวหลบไปมาและบีบเบรคให้ล้อหยุด

?แย่แล้ว! เบรคไม่ได้ OoO ? ฉันตกใจที่เบรคไม่ทำงาน ฉันพยายามประคองตัวรถจักรยานไม่ให้ล้ม

?ว้ายยย!!? ฉันร้องขึ้นเมื่อถังน้ำใบหนึ่งลอยตกมาโดนตัวฉันอย่างจังจนฉันเสียการทรงตัว
โครมมมม!!
เสียงจักรยานล้ม ทำให้ฉันกลิ้งไถลทันที ข้อศอกและหัวเข่าของฉันกระแทกอย่างจังสัมผัสกับผิวซีเมนต์
?โอ๊ยยยย!! เจ็บบบบบ!! เลือด!! YOY? ฉันร้องขึ้นเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากบาดแผลถลอก ฉันพยายามชันตัวลุกขึ้นแต่ลุกไม่ไหว รู้สึกเจ็บที่ท้องคงเพราะจุกกับการกระแทกพื้นอย่างแรง
?น้ำพริก!!? เสียงเรียกของเจทีฟังดูตกใจไม่น้อย เขารีบออกมาจากหลังพุ่มไม้ เดินมาที่ฉันทันที
?เธอเป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย? เขาถามน้ำเสียงห่วงใย

?นี่นายแกล้งฉันใช่มั้ย! นายเอาสายเบรคออก ทำให้ฉันหยุดรถไม่ได้ นี่นายกะฆ่าฉันสินะ >O<* ไอ้บ้า! ไอ้คนใจร้าย! นายมันทุเรศ! รังแกแม้กระทั่งผู้หญิง ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ! YOY ? ฉันปล่อยโฮออกมา
?ฉันไม่ได้ทำอะไรกับจักรยานเลยนะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเบรคไม่ได้ ฉันแค่จะโยนถังน้ำออกไปทำให้เธอตกใจแค่นั้นจริงๆ...เธอต้องเชื่อฉันนะ น้ำพริก? เขาทำหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

?ไม่! ฉันไม่เชื่อและจะไม่ทำงานให้นายอีกแล้ว...ฉันขอลาออกวันนี้ และเดี๋ยวนี้! >O<* ? ฉันพูดตะโกนใส่หน้าเจที แววตาของเจทียิ่งดูเศร้าลงไปอีกหลังจากที่ฉันพูดจบ
?เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ แต่ตอนนี้ให้ฉันพาเธอไปทำแผลก่อนดีกว่านะ? เจทีขยับตัวเข้ามาใกล้เขาสอดแขนเข้ามาโอบกอดฉันเพื่อช่วยพยุงให้ฉันลุกขึ้นยืน
?ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันเดินเองได้? ฉันผลักท่อนแขนของเขาออกห่าง หลังจากที่ฉันขยับเท้าจะก้าวเดิน
?ให้ฉันช่วยดีกว่า? เขาเสนอตัว
?ไม่ต้องมายุ่ง!? ฉันปัดความช่วยเหลือ แล้วกุมแผลที่ข้อศอก เดินตัวงอเหมือนกุ้งเพราะทั้งเจ็บทั้งจุกผสมกัน Y_Y ฉันก้าวเท้ากลับไปยังเรือนแม่บ้าน ทิ้งให้เจทียืนสำนึกในสิ่งที่เขาทำ



6


ฉันกลับมานอนเลียแผล (จ๊าก! ไม่ใช่แมวนะ..ฉันกลับมาใส่ยาต่างหากล่ะ ^_^) หลังจากที่ใส่ยาสมานแผลสด กินยาแก้ปวดเข้าไปสองเม็ด ฉันก็หลับเป็นตาย มาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนพร้อมกับเสียงเรียกชื่อของฉัน

?ก๊อก! ก๊อก!...น้ำพริก...พี่จุ๊บจิ๊บเองนะ เปิดประตูหน่อยจ้า?

พอฉันชันกายจะลุกขึ้น ก็รู้สึกปวดระบมไปทั่วตัวเหมือนเพิ่งไปผ่านศึกสงครามมาอย่างงั้นแหละ พอฉันปลดล๊อคลูกบิดประตู ร่างของพี่จุ๊บจิ๊บก็เข้ามายืนอยู่ภายในห้องนอนทันที
?น้ำพริก เป็นอะไรรึเปล่า วันนี้พี่ไม่เห็นหน้าก็เลยเดินมาดูที่ห้อง...เอ๊ะ! สีหน้าไม่ดีเลยนี่ ท่าทางเหมือนจะไม่สบาย? พูดเสร็จพี่จุ๊บจิ๊บก็เอามือมาจับที่แขนและแตะที่หน้าผากของฉัน
?โห ตัวร้อนจี๋เลย อ้าว ~ แล้วที่หน้าผากเป็นอะไร? ฉันยกมือขึ้นไปแตะแผล ตอนนี้มีเจ้าพลาสเตอร์ยาลายคิตตี้สีชมพูปกปิดเอาไว้ ?อุ๊ย!...แล้วที่ข้อศอกอีก? พี่จุ๊บจิ๊บจับแขนของฉันแล้วขยับตัวเข้ามาดูแผลใกล้ๆ
?น้ำพริกไปโดนอะไรมาเนี่ย!?

?อะ..อ๋อ น้ำพริกขี่จักรายานแล้วหกล้ม ไม่เป็นไรมากหรอกพี่ อย่าห่วงไปเลย? ฉันบอก
?แล้วไปขี่อีท่าไหนล่ะ? ฉันก็อยากจะบอกพี่จุ๊บจิ๊บว่า ฉันก็ขี่ในท่าที่คนปกติเค้าขี่กันนั่นแหละ แต่มันโดนไอ้คนใจร้ายแกล้งให้เป็นแบบนี้ต่างหากเล่า >O<*
?พื้นมันลื่นค่ะ? ฉันพูดโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องระหว่างฉันกับเจที ?เอ่อ พี่จุ๊บจิ๊บคะน้ำพริกรบกวนพี่ช่วยบอกกับป้าทับทิมให้ทีนะคะว่าน้ำพริกไม่สบายขอลาหยุดสักวันสองวัน? ฉันยังมีกะจิตกะใจห่วงงานเพราะถ้าหากวันไหนที่เจทีไม่มีคิวงาน ฉันก็ยังต้องช่วยทำงานบ้านเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเจทีจะบอกว่าจ้างฉันมาหน้าที่ผู้ช่วยของเขา (พูดให้ถูกคือมาเป็น ?สาวใช้? ของเขาคนเดียวมากกว่า) และฉันไม่ต้องทำความสะอาดที่ตึกใหญ่แล้วก็ตามที แต่ฉันสำนึกในบุญคุณของท่านประธานจึงอยากทำงานทุกอย่างให้ดีที่สุด
?โธ่เอ๊ย! เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ~ แล้วนี่กินอะไรบ้างรึยังล่ะ?

?ไม่ค่อยหิวเลยค่ะ อยากจะนอนพักมากกว่า? ฉันพูดพร้อมกับเดินมาที่เตียงนอน ทรุดตัวลงแล้วเอนพิงหมอนที่ยกตั้งขึ้นกับหัวเตียง พี่จุ๊บจิ๊บเดินตามมาแล้วนั่งลงใกล้ๆ
?แสดงว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลยล่ะสิ เอางี้..เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มกุ้งมาให้ เช้านี้ป้าทับทิมทำไว้เยอะเกิน มีแต่คุณท่านทานคนเดียวส่วนคุณเจทีไม่ลงมา ~ เอ วันนี้ก็แปลกนะ ปกติคุณเจทีไม่เคยขาดมื้อเช้าคุณท่านให้คนไปเรียกแต่คุณเจทีบอกว่า ?ไม่กิน ไม่หิว? นี่ก็สายมากแล้วด้วย ไม่รู้ป่านนี้เธอจะหิวรึยัง? พี่จุ๊บจิ๊บพูด

เช๊อะ! ดีให้หิวข้าวตายไปเลย คนนิสัยแย่ๆ พรรค์นั้น >_<* ฉันคิดในใจ
?แหม..พี่นี่ไม่ไหวเลยมานั่งเม้าท์อยู่ได้นานสองนาน? พี่จุ๊บจิ๊บพูดขึ้นอย่างรู้สึกตัว ?พอดีวันนี้คุณท่านให้แม่บ้านไปช่วยกันทำความสะอาดบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน...ส่วนที่นี่ก็เหลือพี่กับคนสวนและน้ำพริกนี่แหละ...งานบ้านตั้งเยอะคงต้องใช้เวลาทำนานกว่าจะเสร็จ?

?ถ้างั้นฉันไปช่วยพี่อีกแรงจะได้เสร็จไวไว? ฉันพูดแล้วขยับตัวลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องชะงัก
?อูยยย! เจ็บบบ ~? ฉันย่อตัวลงทันทีเพราะเจ็บแปลบที่หัวเข่าและยังรู้สึกระบมตามเนื้อตัวอยู่ พี่จุ๊บจิ๊บเห็นอาการของฉันจึงปราดเข้ามาประคอง

?นี่แน่ะเห็นมั้ย ยังไม่หายดีก็ทำเก่งซะแล้ว..พี่ว่าน้ำพริกนอนพักผ่อนให้หายจริงๆ ก่อนดีกว่า เรื่องงานไม่ต้องห่วง ?สอ บอ มอ? ชิลด์ ชิลด์อยู่แล้ว? สาวใช้รุ่นพี่พูดพลางยักคิ้วอย่างอารมณ์ดี ? แล้วพี่จะเอาข้าวต้มมาให้นะ ~ ฉะนั้น..คนป่วยก็ต้องนอนรอไปก่อน?

?ได้ค่ะ? ฉันตอบแล้วยิ้มให้พี่จุ๊บจิ๊บอีกครั้งก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดลง จากนั้นฉันจึงหลับตาเพื่อนอนพักเอาแรง (คนในบ้านนี้ทุกคนล้วนใจดีกันทั้งนั้นเลยนะ โชคดีจังที่เราได้มาเจอคนใจดี ^_^ ก็เห็นมีแต่นายเจทีคนเดียวเท่านั้นที่สะกดคำว่า ?ใจดี? เหมือนคนอื่นเค้าไม่เป็น)

ฉันเคลิ้มหลับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีต่อเมื่อฉันได้สูดกลิ่นหอมจางๆ ที่โชยมากระทบเจ้าจมูกเชิดรั้นของฉันอย่างจัง กลิ่นหอมช่างยั่วยวนเร่งเร้าให้ฉันอดที่จะเผยอเปลือกตาขึ้นไม่ได้

?หอมจังเลยค่ะพี่จุ๊บจิ๊บ -_O เอ๊ะ! นาย..เจที นายเข้ามาได้ยังไง O_O? ฉันต้องตกใจระคนแปลกใจที่เห็นเป็นเจทีกำลังวางถาดข้าวต้มไว้บนโต๊ะข้างๆ เตียงนอน ด้วยความอาย(ที่ใส่ชุดนอนเก่าๆ แถมผมเผ้ากระเซิงเป็นรังนกกระจอกอีกต่างหาก T_T) ทำให้ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาซะงั้น หนำซ้ำยังต้องอ่อนระทวยอยู่ภายใต้วงแขนของเขาอีก เมื่อเจทีเข้ามาประคองไม่ให้ฉันล้มลง ลมหายใจอุ่นๆ กับกลิ่นโคโลญจ์จางๆ ของเขา ลอยกระทบเข้าโสตจมูกของฉัน หว๋ายยย >///< อายจัง ~ นี่ฉันเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขารึเนี่ย! และยังได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะป๊อปร๊อคด้วยแหละ ฉันจะทำไงดี >///< เอาอีกแล้ว ไอ้ความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ มันคืออะไรนะ!
?เธอเป็นไงบ้าง? เขาถามน้ำเสียงห่วงใย โดยที่เขายังไม่คลายกอดฉัน อ๊ายยย >///< ~ เสียงของเขาดังอยู่ข้างๆ หูของฉัน

?ฉันเอ่อ..อ่ะ เอ่อ >///<? ฉันเขินที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็เลยพูดตะกุกตะกักเหมือนก้างปลาติดคอซะงั้น พอได้สติ ฉันก็ผลักเจทีออกห่าง (กว่าจะผลักได้ตัดสินใจตั้งน๊านนาน) แล้วฉันเหยียดตัวขึ้นยืน แต่กลับรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวเหมือนไปเข้าเตาอบไมโครเวฟไฟ 800 วัตต์มาซะงั้น >///<

?นายมาทำอะไรที่นี่ นี่มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉันนะ! ว่าแต่ ~ นายเข้ามาได้ยังไง? ฉันถามโดยไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ (ก็มันยังอายอยู่ดีฟ่า~)

?ถามเป็นชุดเลยนะ ~ ฉันก็เข้ามาทางประตูห้องนั่นสิ? เขาพูดพลางชี้นิ้วไปทางประตู ?พอดีมันไม่ได้ล๊อค แต่ถึงจะล๊อค ฉันก็เข้ามาได้อยู่ดี? เขาทำหน้ายียวน
?ไม่มีธุระก็ออกไปได้แล้วฉันจะนอน >O<? ฉันพูดเสียงแข็งยืนหันหลังให้กับเขา
?ฉันแค่มาเดินเล่น...พอดีผ่านเรือนแม่บ้านก็เลยแวะดูเธอซะหน่อยก็แค่นั้น? เขาพูด

?นายไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก ฉันดูแลตัวเองได้ แผลแค่นี้ไกลหัวใจตั้งเยอะ? ฉันว่า
?ใครบอกเธอว่าฉันห่วง..ขี้ตู่เองสิไม่ว่า ฉันเห็นจุ๊บจิ๊บเค้าจะยกชามข้าวต้มมาให้เธอ บังเอิญฉันต้องเดินผ่านมาแถวนี้ ก็เลยเอาติดมือมาด้วยก็แค่นั้น...อย่าสำคัญตัวผิดสิแม่คู๊ณ!?

?นี่นาย! >O<? ทีแรกฉันกะจะระเบิดโทสะใส่หมอนี่ แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับคนงี่เง่า ?หมดเรื่องแล้วใช่มั้ย โน่นประตู ไปได้แล้ว ฉันจะกินข้าว ขืนนายยังเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ จะทำให้ฉันพาลกลืนข้าวไม่ลงกันพอดี? ฉันหันหน้ากลับมาแหวใส่เขาพลางโบกมือไล่ให้เขาไป ตรงกันข้ามเจทีกลับเดินมาทางฉันแล้วจับข้อมือลากฉันมาที่เตียง ก่อนจะบังคับให้ฉันนั่งลง

?จะกินข้าวใช่มั้ย...พอดีเลย วันนี้ฉันว่างทั้งวันไม่มีอะไรทำซะด้วย ฉันจะอยู่ตรงนี้ดูเธอกินข้าวนี่แหละ?
?นี่นายบ้ารึเปล่า ฉันพูดนายไม่เข้าใจรึไง >_<?

?เข้าใจแต่ไม่ทำ..มีอะไรมั้ย? แล้วก็กินข้าวซะ จะกินเองหรือจะให้ฉันป้อนว่ามา? เขาถามแล้วยักคิ้วใส่
?มันจะมากไปแล้วนะ! นายไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน เพราะฉันขอลาออกจากการเป็นลูกจ้างของนายไปแล้ว >O< ? ฉันพูดตะโกนใส่หน้าเจที
?แต่ฉันไม่ให้ออก! ยังไงเธอก็ต้องทำงานให้ฉันเหมือนเดิม ~ อ๋อ ไม่สิ ต้องมากกว่าเดิมด้วย? เขาพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก

?เจที! นายมันคน...คน..งี่เง่า เฮงซวยที่สุด! >O<? พูดจบฉันลุกขึ้นกราดเข้าไปหาเจที แล้วกำหมัดไล่ทุบเขาเป็นพัลวัน เจทีพยายามหลบบ้างแต่ก็โดนไปหลายหมัด และจังหวะชุลมุนนั้นเอง ฉันเสียหลักลื่นล้ม หน้าคว่ำคะมำล้มทับลงบนตัวของเจที ทำให้ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มบอบบางของฉันต้องปะทะเข้ากับริมฝีปาก(พันธุ์ชิสุ)ของนายเจทีพอดิบพอดี!

ว๊ายยย! ~ O0O อกอีแป้นแตก นี่ฉัน..ฉัน..?จุ๊มุจุ๊บจุ๊บ? กับนายเจที อ๊ายยย >_< ~ไม่อยากจะเชื่อเล้ย สายตาของเขากับฉันประสานกันอย่างจัง >///< และต่างฝ่ายต่างแข็งทื่อเหมือนหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์ พอสติคืนมา ฉันรีบดีดตัวเองออกห่างแล้วลุกขึ้นยืนหันหลังให้เขาและไม่กล้ามองหน้าของเจทีตรงๆ
?ฉะ...ฉัน...ฉันอยากจะพักผ่อน นายชะ..ช่วยออกไปที >///<? ฉันเอียงหน้าพูดเสียงตะกุกตะกักด้วยความอายยังไม่จางหาย

?อะ..เอ่อ..ดะ..ได้สิ เอ้านี่ยาทาแก้ปวดฟกช้ำ เผื่อเธอจะใช้? เขาหยิบกล่องยายี่ห้อ?เค้าน์เตอร์เจลบาน? ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้ววางไว้บนโต๊ะ ยืนหันรีหันขวางท่าทางอึกอักเหมือนจะพูดบางอย่าง จนฉันอดรนทนไม่ไหวเสียงดังขึ้น
?ออกไปได้แล้ว!? นั่นแหละเขาถึงเดินออกไป ฉันเดินตามหลังไปกดล๊อคประตูทันที แล้วก็อดที่จะแตะริมฝีปากของตัวเองไม่ได้ บวกกับความไม่แน่ใจ เพี๊ยะ! ฉันตบหน้าสวยๆ ของตัวเองไปหนึ่งฉาด (เจ็บจังตบแรงไปหน่อย T_T)

มันไม่ใช่ความฝัน! O_O ฉันกับนายเจที ?จุ๊มุจุ๊บจุ๊บ? กันจริงๆ โอ๊ยยย ~ ฮือออ ฮือออ TOT ?จุ๊มุจุ๊บจุ๊บ? แรกของฉันกับนายปากสุนัขนั่น แล้วฉันจะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าไปด้วยรึเปล่าเนี่ย ฮือออ ฮือออ TOT ~ ทำไมน๊าทำไม...ถึงไม่เป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่หมอนั่น...รึว่าฉันโดนสวรรค์ลงโทษ ที่ฉันแกล้ง ?ไอ้จูเนียร์? สุนัขข้างบ้านด้วยการเอาสีผสมอาหารมาละเลงป้ายบนขนของมันให้เป็นสุนัขแนวพั้งค์ผสมฮิบฮอบเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันอดคร่ำครวญไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผ่านไปสองวัน ฉันก็กลับมาสดใสซาบซ่าส์ยิ่งกว่าสไปรท์ผสมเซ่เว่นอัพบวกโซดายี่ห้อดัง ^O^ (อันนี้ไม่ได้โฆษณาสินค้าให้อ่ะนะ) เช้าวันนี้ ฉันออกมานั่งที่เก้าอี้ยาวซึ่งอยู่ใต้ต้นลีลาวดี บริเวณหน้าเรือนแม่บ้าน ฉันสลัดเรื่องที่ฉันกับเจที ?จุ๊มุจุ๊บจุ๊บ? ทิ้งไป เพราะมันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น อีกอย่างฉันไม่รู้สึกพิศวาสในตัวหมอนั่นแม้แต่นิดเดียว (รกหัวสมองเปล่าๆ ^_^)

ฉันหยิบแฟ้มขึ้นมาดูคิวงานของเจที นับว่าโชคดีช่วงที่ฉันป่วยเจทีไม่มีคิวงานไปไหน รวมทั้งวันนี้ด้วย ~ และฉันได้ลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของเจทีแล้ว ถ้าอย่างงั้นฉันก็มีเวลาว่างสินะ ^_^ ยิ่งคิดถึงพ่อกะแม่อยู่ด้วย อยากกลับบ้านไปหาสักหน่อย ~ แล้วแวะซื้อขนมร้าน ?แม่เอ๋ย? ไปฝากด้วยดีกว่า น้ำตาล ก็ชอบกินเหมือนกัน หุหุ ~ แล้วจะลองโทรศัพท์ไปหาคุณคอปเตอร์ด้วย ไม่รู้ว่าเขายังจำฉันได้รึเปล่านะ..

แหม >///< ไม่ใช่อะไรหรอก แค่จะโทรฯไปรับผิดชอบเรื่องค่าเสื้อต่างหาก เพียงแต่ถ้าได้เจอก็ถือเป็นของแถม หุหุ ^_^ เหตุผลนี้ฟังขึ้นไหมเนี่ย ถ้างั้นฉันจะอ้างกับป้าทับทิมว่ายังไม่หายดี เพื่อขอลาป่วยอีกสักวันดีกว่า อิอิ ฉลาดจริงๆ ^_^ ฉันกระหยิ่มยิ้มในใจกับแผนการณ์ โดยไม่รู้ว่ามีร่างของใครมายืนอยู่ทางด้านหลังอย่างเงียบๆ


?หายดีแล้วสิ..ถึงเอาจมูกมาสัมผัสโอโซนตรงนี้ได้ ~ แล้วที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว คิดทำอะไรอีกล่ะ?
ว๊ากกก! เสียงนี้ ~ นายเจทีนี่ฟ่า~ มาตอนไหนฟะเนี่ย >_<! หมดกันแผนเผินป่วยการเมือง โอ๊ย! อยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย..หมอนี่มันนกรู้ชัดๆ!

?ใคร๊!..ใครทำอะไร..ฉันก็นั่งของฉันเฉยๆ นายต่างหากมาเงียบๆ แบบนี้สงสัยมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง? ฉันพูดกลบเกลื่อน
?จริงอ่ะ...แต่ดูท่าทางเธอ เหมือนกำลังคิดถึงใครรึเปล่า ~ อ๊ะ อ๊ะ อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้ขี้เก๊กนั่น? เจทียังคาดคั้นฉันต่อ
?นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ แล้วทำไมฉันต้องไปคิดถึงคุณคอปเตอร์ด้วย? ฉันปฏิเสธ

?นั่นไง เธอคิดถึงไอ้หมอนั่นจริงๆ ด้วย? ฉันเผลอหลุดชื่อผู้ชายใจดีคนนั้นออกมา
?แล้วมันกงการอะไรของนายไม่ทราบ >_< นี่ถ้าจะมาหาเรื่องกวนประสาทแต่เช้าละก็ ช่วยไปห่างๆ ดีกว่า? พูดจบฉันลุกขึ้นยืนจะเดินกลับไปที่ห้อง
?วันนี้ฉันจะออกไปข้างนอก? เจทีพูดขึ้น
?นั่นเป็นเรื่องของนายไม่ใช่ฉัน? ฉันพูดพลางชี้นิ้วไปทีเจทีแล้วโบกมือไปมา

?มันเกี่ยวกับเธอ..เมื่อเธอเป็นผู้ช่วยของฉันก็ต้องไปกับฉัน? ได้ผล! ฉันหยุดเดินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
?ภาษาคนมันฟังยากรึไง จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง..ว่าฉันขอลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของนาย?
แทนคำตอบ เจทีหัวเราะ หึหึ ?ถ้าเธอแน่ใจอย่างงั้นจริงๆ ก็ตามใจนะ เพียงแต่...? เขาชะงักคำพูด

?เพียงแต่อะไร?? ฉันย่นคิ้วถามแล้วเดินกลับมาใกล้กับเก้าอี้ยาวตัวเดิม
?ก็เพียงแต่ฉันรู้มาว่า...ปลายปีนี้คุณปู่จะมีการปลดพนักงานบางคนที่บกพร่องในหน้าที่ออกจากบริษัทแล้วก็จะมีโบนัสก้อนใหญ่ให้กับพนักงานดีเด่นบางคน ~ เอ ฉันสงสัยจังว่าคุณพ่อของเธอจะอยู่ในกลุ่มไหนน๊า.. สงสัยจริงๆ ยิ่งถ้าคุณปู่รู้ว่าเธอทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ ฉันไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องพ่อของเธอหรือเปล่าน๊า...น้ำพริก? เจทียิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉัน

ฉันยืนนิ่งกำมือทั้งสองแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ตอนนี้อารมณ์ของฉันลุกไหม้ด้วยเพลิงโกรธยิ่งกว่าภูเขาไฟปะทุซะอีก ?เจที! นาย...นาย! >_<*?
?อ๊ะ บอกก่อนนะ..ถ้าขืนเธอชกฉันอีกครั้งเดียว คราวนี้ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ?
?นายจะทำอะไรฉัน!? ฉันถามเสียงดัง
?ถ้าอยากรู้..ก็ชกฉันเลยสิ!?

?กล้าท้าฉันเร๊อะ! >_<? ฉันตรงรี่เข้าไปหมายใจจะชกหมอนี่ให้คว่ำ(มิให้เสียชื่ออดีตนักกีฬามวยหญิงสมัยมัธยมปลาย) แต่ปรากฏว่าเจทีเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ก่อนที่เขาจะจับฉันล็อคไว้ภายใต้วงแขนที่เต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
?น้ำพริก...ฉันยอมให้เธอมาหลายครั้ง ทั้งเรื่องที่เธอต่อยฉัน และที่เธอไม่เคยจะเรียกฉันว่า คุณเจที คราวนี้แหละเธอจะได้รู้จัก ?ของจริง? ในเมื่อเธอกล้าอวดดีกับฉัน เธอจะได้รู้ว่าเจทีคนนี้ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธอจะมาต่อกรได้!? เขาพูดด้วยดวงตาฉายแววสะใจและท่าทางจริงจัง
?นะ นาย...นายจะทำอะไร?? ฉันชักหวาดๆ กับคำพูดของเขาจึงมองไปรอบๆ เพื่อจะหาทางหนี <_<

?ก็ทำแบบนี้ไง!? แต่ช้าไปซะแล้ว เขาตวัดตัวฉันเข้ามาให้กระชับแน่นยิ่งขึ้น จนฉันไม่สามารถดิ้นหลุดได้ แล้วใบหน้าขาวสะอาดหมดจดกับริมฝีปากสวยได้รูป ก็ลอยอยู่ตรงหน้าของฉันห่างเพียงไม่กี่เซ็นติเมตร จากนั้นเจทีก็ช้อนตัวฉันยกขึ้น เขาอุ้มร่างของฉันที่กำลังดิ้นพราดๆ เตะเท้าสลับไปมา และใช้สองมือทุบกับหน้าอกของเขาดัง พลัก! พลั่ก! แต่เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านสักนิด เจทีจ้ำเดินมาที่บริเวณสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านข้างของตึกใหญ่ แล้วก้มหน้าลงมาพูดกับฉันด้วยแววตาซ่อนเร้นแผนชั่วบางอย่าง (ฉันคิดว่าต้องแผนชั่วแน่ๆ เพราะสมองของหมอนี่คิดดีๆ ไม่เป็นนะสิ! >_<)

?วันนี้ฉันรู้สึกว่าเธออาบน้ำไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ฉันก็เลยจะพาเธอมาอาบน้ำอีกครั้ง? เขายืนพูดอยู่ริมขอบสระน้ำในขณะที่อุ้มฉันอยู่
?อย่านะ! O0O? นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของฉัน ก่อนที่เจทีจะโยนร่างอวบแบบพอดีๆ ของฉันให้ตกลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ตูมมมมม!

น้ำในสระกระจายแตกฟองทันที เมื่อตัวของฉันปะทะเข้าอย่างจังและจมดิ่งลงไปในสระ ฉันรีบใช้เท้าทั้งสองข้างและมือช่วยพยุงตัวในน้ำ เมื่อโผล่พ้นผิวน้ำแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อสูดอากาศเข้าปอด โดยไม่ลืมที่จะมอบคำชื่นชมให้แก่เจที (ชื่นชมม๊ากมาก จริงๆ >_<)

?ไอ้เจที! ไอ้คนไม่แมน รังแกแม้กระทั่งผู้หญิง ไอ้จิตวิตถาร ทุเรศ อุบาทว์ สัปดน ไอ้..บลา บลา >O<*? ฉันรัวฝีปากเป็นปืนกลไฟสักสิบกระบอกบวกกับสมองอันปราดเปรื่องพอที่จะสร้างสรรคำด่าได้ในเวลานั้น

?จำไว้! อย่าคิดดื้อกับฉันอีก ไม่งั้นเธอจะโดนมากกว่านี้? พูดจบเขาเดินจากไปโดยไม่สนใจฉันแม้แต่น้อย ฉันรีบพาตัวเองขึ้นจากน้ำเพราะเริ่มรู้สึกหนาวสั่น ?เจที! ฉันจะเอาคืนนายเป็นสิบเท่า >O<*? ฉันพูดกับตัวเองด้วยสายตาแค้นเคือง แล้วใช้มือลูบหยดน้ำที่เกาะพราวเต็มอยู่บนใบหน้า ฉันขยับเท้าจะก้าวเดิน แต่ก็ต้องชะงักเพราะนึกบางสิ่งขึ้นได้ แล้วหมุนตัวกลับไปมองเจ้ารองเท้าแตะหูคีบสีแดงที่กำลังลอยเท้งเต้งอวดโฉมอยู่ในสระน้ำ ?นี่ฉันต้องลงไปในน้ำอีกรอบรึเนี่ย? ฉันส่ายหัวด้วยความรู้สึกเซ็งสุดๆ =_=?


หมายเหตุ : ติดตามอ่านตอนที่ 7-9 ได้ที่ Bloggang นี้เลยจ้า http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... rn&group=9

หรือ เข้าไปพูดคุยกันได้ที่...http://www.facebook.com/apple.radakorn
Apple Rdk.

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”