สาวแกร่งสยบหัวใจนายตัวร้าย ตอนที่ 3-4

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
apple radakorn
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 13 ก.ค. 2011 9:14 am
ที่อยู่: กรุงเทพ และราชบุรี

สาวแกร่งสยบหัวใจนายตัวร้าย ตอนที่ 3-4

โพสต์ โดย apple radakorn »

3

?โอยยย! ปวดเมื่อยไปหมดเลย ทำงานเป็นคนรับใช้ มันหนักเอาการเหมือนกันนะเนี่ย T_T? ฉันนวดตามแขนขาเพื่อไล่ความเมื่อยออกจากตัว
?ก็ใช่นะสิ ถึงไม่ค่อยมีใครอยากมาเป็นคนรับใช้กันหรอก...ว่าแต่งานที่ตึกใหญ่ก็เสร็จหมดแล้ว พี่ว่าพริกไปอาบน้ำดีกว่าอีกเดี๋ยว เราจะได้กินข้าวพร้อมกัน?
?ก็ดีเหมือนกัน เหม็นตัวเองจะแย่อยู่แล้ว งั้นพริกไปก่อนนะ? พูดจบฉันก็เดินไปยังเรือนแม่บ้าน เฮ้อ ~ จะได้อาบน้ำสักที เดี๋ยวจะขัดขี้ไคลให้ตัวเรี่ยมสักหน่อย ลัล ลัล ล้า ลัล ลัล ล้า ด้วยความอารมณ์ดีฉันหลับหูหลับตาร้องเพลงอย่างเพลินใจที่จะได้อาบน้ำเย็นๆ จนไม่ทันระวังตัวชนโครมอย่างจังเข้ากับอะไรบางอย่าง

ปั๊ก! โอ๊ยยยย! จมูกฉัน จะหักไหมเนี่ย ยิ่งโด่งน้อยๆ อยู่ด้วย >O< ฉันเอามือจับจมูกรั้นๆ

?นี่เธอ เดินประสาอะไร ไม่มองดูทางซะบ้าง? ผู้ชายร่างสูงเอ็ดตะโรใส่ฉัน หลังจากที่ฉันเงยหน้าขึ้น
?นายนั่นแหละที่...เฮ้ย! นาย คนที่อยู่บนดาดฟ้านี่หน่า...นายมาทำอะไรที่นี่!? ฉันจำหน้าเขาได้
?ฉันควรจะเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่า...ว่ามาทำอะไรที่บ้านของฉัน!?
?ห๊า! อะไรนะ...เมื่อกี้นายบอกว่านี่เป็นบ้านของนายงั้นเหรอ? ฉันย้อนถามเขา
?เยส! ชัวร์! ทีนี้หายงงรึยังละ?

อยากจะบ้าตายยย >O< นี่ฉันดันมาเจอคู่อริที่สำคัญ ยังมาเป็นเมดรับใช้ของบ้านเจ้าหมอนี่อีก
?เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะว่ามาทำอะไรที่นี่ ห๊า! ยัยเปี๊ยกสติแตก!?

?นี่นายเรียกใคร ว่ายัยเปี๊ยกสติแตก!? ฉันเสียงแข็งใส่คนที่ตั้งฉายาให้โดยที่ฉันไม่เต็มใจสักหน่อย
?ก็เรียกเธอนั่นแหละ คนสติดี ใครเขาจะขึ้นไปยืนตะโกนแหกปากบนดาดฟ้า...แล้วตกลงจะตอบฉันได้รึยังว่ามาทำอะไร แล้ว...อื๋อ ~ ทำไมเธอดูมอมแมมเหมือนลูกหมา..เอ๊ย ลูกแมวคลุกขี้เถ้า แถมเหม็นตุๆ อีกต่างหาก?


อีตาหมอนี่ ปากร้ายไม่ลดละ ?ฉันมาทำงานที่นี่และกำลังจะไปอาบน้ำ นายมีปัญหารึไงไม่ทราบ?
?ทำงาน? ทำงานอะไร รึว่า..อ่อ ฉันรู้แล้ว ที่แท้เธอก็เป็นเมดคนใหม่ที่คุณปู่จ้างมานั่นเอง ~ อืม ดูๆ ไปบุคลิกเธอก็เหมาะสมดีนะกับงานแบบนี้..ดีๆ งั้นเธอก็ต้องทำงานให้มันคุ้มค่ากับเงินที่จ้างด้วยสิ?
?ฉันทำคุ้มค่าอยู่แล้ว...ว่าแต่นายหลีกทางซะทีได้ไหมยืนขวางอยู่ได้? ฉันตัดบทสทนาเพราะเหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว
?เชิญคร้าบบบ? เขาผายมือทำท่าทางกวนประสาทใส่ฉัน ?อ้อ..ฉันลืมบอกเธอไปนะว่าฉันชื่อเจที เป็นเจ้านายของเธอเหมือนกัน?
?แล้วไงต่อมิทราบ - _ -??

?เพราะเธอควรรู้ว่าการปรนนิบัติเจ้านายให้เป็นที่พอใจต้องทำอะไรบ้าง อย่างเช่น..?
?เช่นอะไร?? แทนคำตอบนายเจอาร์ ทำหน้าตากรุ้มกริ่มกระลิ้มกระเหลี่ย แววตาเจ้าเล่ห์พิกล แถมยังขยับตัวเดินเข้ามาใกล้แล้วเอามือมาจับปลายคางของฉันอีก
?นี่นายจะทำอะไร..อย่าเข้ามานะ >O<? ฉันถอยหลังออกไป
?อ้าว ไม่เคยดูละครเหรอ..เป็นคนรับใช้ก็ต้องตามใจเจ้านาย โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่าแบบนั้น..?
หนอยยย! >O< ไอ้คนสัปดน นี่แน่ะ ตุ๊บ! ฉันใช้เท้าข้างขวากระทืบลงบนเท้าของนายเจทีเต็มแรง

?โอ๊ยยย!? เจทีร้องออกมา
?แค่นี้ไม่พอมั้งเจ้านาย..ฉันแถมนี่ให้ด้วย?
พลั่ก! หมัดล้วนๆ จากฉันพุ่งเข้าไปที่เบ้าตาของนายสัปดนทันที เจทีไม่ทันระวังตัวจึงโดนเข้าเต็มเปา เขารีบเอามือกุมที่ดวงตาข้างซ้ายหลังจากที่ลิ้มรสชาดหมัดพิฆาตของฉัน
?โดนแบบนี้ นายจะได้จำไว้ว่า..ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นของผู้ชาย ถึงฉันจะมาเป็นคนรับใช้ ก็ไม่ได้หมายความว่า นายจะมาทำแบบนี้กับฉันได้!? พูดจบฉันผลักร่างนายเจทีให้พ้นรัศมีเท้า แล้วรีบเดินลิ่วกลับเรือนแม่บ้านด้วยความโกรธที่เดือดปุด..ปุด โดยไม่สนใจว่าตอนนี้นายนั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง

เช๊อะ! ผู้ชายปากชักโครก นิสัยสัปดนแบบนั้น ต้องโดนซะบ้าง จะได้รู้ว่า น้ำพริกคนนี้ไม่ใช่จะมารังแกได้ง่ายๆ หุหุ ~ ว่าแต่...ถ้านายนั่นเอาเรื่องที่เกิดขึ้น ไปฟ้องท่านประธานล่ะ ถ้าหากท่านโกรธแล้วมาต่อว่าพ่อของฉันหรือไม่ท่านอาจเอาเงินคืนก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทีนี้ฉันจะทำยังไงดี >O<


ตายแล้ว! ยัยน้ำพริก เธอทำอะไรลงไป ทำไมไม่มีสติยับยั้งอารมณ์ ฮือ ฮือ TOT พ่อแก้ว แม่แก้ว ได้โปรดช่วยลูกช้าง ลูกหมา เอ๊ย ลูกนกลูกกาตัวน้อยๆ ด้วยเถิ๊ด เจ้าประคู๊ณ...ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายๆ กับน้ำพริกเลย ฉันวิงวอนยกมือขึ้นท่วมหัว หวังว่าคำอ้อนวอนจะได้ยินไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน

ตลอดทั้งคืนฉันอดเป็นห่วงกังวลใจไม่ได้ จนเช้านี้ทำเอาฉันหาวหวอดๆ อยู่หลายรอบในห้องครัว แถมขอบตายังคล้ำเหมือนหมาแพนดี้ เอ๊ย! หมีแพนด้าอีกต่างหาก หมดสวยไปหนึ่งวัน ฮือ ฮือ T_T

?หาวปากกว้าง เป็นอุโมงค์รถไฟใต้ดินเชียวนะ? เสียงคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลัง ฉันหันขวับไปทางต้นเสียงก็เจอเจที ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ ร่างสูง ผิวขาว ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นจ้องมาทางฉัน วันนี้เจทีแต่งตัวด้วยชุดลำลองเสื้อยืดคอปกสีขาวกับกางเกงยีนต์สีซีด จะดูหล่อแบบคูณสองมากกว่านี้ ถ้าหากนายนี่พูดจาดีๆ แบบคนอื่นบ้าง ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย จึงหันหลังกลับมาสาละวนกับการล้างถ้วยกาแฟของท่านประธานและชามข้าวต้ม ที่เป็นมื้อเช้าของวันนี้

?นี่ยัยเปี๊ยก ฉันยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย..?
?ฉันชื่อ น้ำพริก? ฉันตอบโดยไม่หันหน้าไป

?ชื่อน้ำพริก เหรอ ชื่อแปลกดีนะ..ว่าแต่เผ็ดเหมือนชื่อรึเปล่าล่ะ? ฉันเริ่มรู้สึกรำคาญนายเจที แต่ก็อดกลั้นเอาไว้
?ว่าแต่เช้านี้นายจะทานอะไร ป้าทับทิมทำข้าวต้มกระดูกหมู นายจะรับรึเปล่า ฉันจะได้จัดการให้?
?วู่ๆๆ? เจทียกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วโบกไปมา ?ไม่ได้ ไม่ได้ เธอจะมาพูดกับฉันห้วนๆ ได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นเจ้านายของเธอ เธอก็ต้องพูดจาให้น่าฟังลื่นหูหน่อย ควรจะมีหางเสียงด้วย ไหนลองพูดใหม่ทีสิ?

เฮ้อ ~ ฉันถอนลมหายใจก่อนทำตามที่เขาบอก ?เช้านี้มีข้าวต้มกระดูกหมู ไม่ทราบว่าคุณเจทีจะรับไหมคะ?
?อื้ม พอใช้ได้..ก็ได้ ตกลงว่ามื้อเช้านี้ ฉันจะกินที่ห้องของฉัน เธอยกไปเสริฟด้วย อ้อ ขอกาแฟด้วยนะ ชงอร่อยๆและเร็วๆ ด้วยนะ ฉันหิวแล้ว? เจทีสั่งแล้วหมุนตัวเดินกลับขึ้นข้างบนไป

โห จะกินทั้งที ต้องให้ไปเสริฟถึงห้อง ~ คุณชายซะจริงๆ ว่าแต่ ~ ให้ไปเสริฟที่ห้องนอน ถ้าหากนายนั่นมีแผนร้ายคิดไม่ดีกับฉันละก็ รับรองเจอดีแน่!

ฉันใช้เวลาไม่นาน ข้าวต้มร้อนๆ กับกาแฟหนึ่งถ้วย ก็วางอยู่ตรงหน้าของเขาเป็นอันเรียบร้อย ฉันเห็นว่าหมดหน้าที่แล้วก็จะเดินกลับลงไปยังห้องครัว เจทีรั้งฉันไว้ด้วยน้ำเสียงเข้ม
?เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน...ฉันอยากกินไข่ดาว ไส้กรอก แฮมทอด ด้วย เธอไปจัดมาให้ที แล้วไข่ดาวต้องไม่สุกมากนะ เอาแบบกลางๆ เร็วๆ ด้วยล่ะ?

อะไรฟะ! -_-+ ข้าวต้มยังไม่ทันจะไหลเข้ากระเพาะ สั่งเมนูเพิ่มอีก ถือเป็นเจ้านาย สั่งได้สั่งดี ฮึ่ม ฮึ่มอดทนไว้น้ำพริก อย่าลืมสิว่าเธอยังมีคดีอยู่นะ ใจเย็นและเอาใจเจทีเข้าไว้ เผื่อหมอนี่จะไม่ไปฟ้องท่านประธาน

ฉันกลับลงมาทำตามออร์เดอร์ของเจที จากนั้นก็ยกขึ้นไปเสริฟให้ที่โต๊ะทานอาหารเล็กๆ ที่ถูกจัดไว้ตรงบริเวณระเบียงของห้องนอน (ห้องนอนของคนรวยอ่ะ~ ก็กว้างขวางมากพอให้ตีลังกากันได้เป็นสิบๆคน) ฉันเหลือบตามองก็เห็นว่าข้าวต้มพร่องลงไปตั้งเยอะจวนเจียนใกล้หมด

?นี่ค่ะ ที่คุณเจทีสั่ง?
?เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป น้ำพริก? เขารั้ง
อะไรอีกละทีนี้ -_-+ ?มีอะไร เอ่อ มีอะไรคะคุณเจที? ฉันรีบปรับเสียงพูดให้นุ่มนวล
?ไข่ดาวสุกไป..ฉันไม่กิน เธอไปทำมาใหม่?

?แต่ฉันว่ากำลังพอดีตามที่คุณสั่งนะคะ? ฉันเถียงน้ำเสียงนุ่มนวล
?ฉันว่าสุกไปก็สุกไปสิ...รึเธอมีปัญหา เอ~ ว่าแต่ เรื่องที่เธอต่อยฉัน..ฉันสามารถทำให้เธอไม่ได้ทำงานที่นี่ได้เลยนะ? ว่าแล้วเชียว ต้องเอาเรื่องนี้มาขู่ ที่ว่าไข่ดาวสุกไปก็คงแกล้งกันมากกว่า -_-+
?ค่ะ ฉันจะไปทำมาให้ใหม่?

อ๊ายยย >O< เจ็บใจจังเลย นี่ฉันต้องอดทนยอมให้แกล้งกันไปถึงไหนเนี่ย ฉันหายไปสักครู่ แล้วกลับมาพร้อมกับไข่ดาว หวังว่าคงพอใจนายแล้วนะทีนี้ ฉันนึกในใจ

?นี่อะไรของเธอ น้ำพริก? เขาถามเมื่อเห็นไข่ดาวที่อยู่ในจาน
?ก็ไข่ดาวที่คุณสั่งให้ฉันไปทำมาใหม่ ไม่สุกมาก แบบกลางๆ ก็นี่ไงคะ?

?ใช้ไม่ได้ ฉันไม่กิน เธอไปทำมาใหม่? เขาแบะปากแล้วทำเมิน
โอยยยย! ฉันทนไม่ไหวแล้ว >O< ?นี่นายเจที จะมากไปแล้วนะ นายกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม??
?ใช่! เธอ เพิ่งรู้เหรอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า? เขาปล่อยก๊ากออกมา

ฉันทั้งโกรธเขาและทั้งหงุดหงิดที่เมื่อคืนนอนไม่เต็มอิ่มด้วย แต่ไม่อยากมีปัญหากับคนแบบนี้ เพราะฉันกลัวว่าพ่อจะเดือดร้อนไปด้วย ก็เลยต้องข่มความโมโหของตัวเองที่กำลังพลุ่งพล่านเป็นภูเขาไฟ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วเดินหันหลังกลับโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเจ้านายตัวแสบ

?นี่ นี่เธอ เดี๋ยวสิ? เขาวิ่งมาดักหน้า ?เธอต้องไปทำไข่ดาวมาให้ฉันใหม่ จะเดินหนีไปแบบนี้ไม่ได้?
?ถ้านายอยากกินมากนัก..ก็ไปทำเองสิ!? ฉันบอกเสียงขุ่น

?แต่เธอเป็นคนรับใช้นะ จะมาขัดคำสั่งได้ไง ต้องทำเดี๋ยวนี้!?
?ฉันไม่ไป! ไม่ทำ!? ฉันปฏิเสธเสียงดัง
?เธอต้องทำ!? เจทีพูดเสียงแข็งหนักแน่น

?ไม่ทำ! ไม่..? โอย~ ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมโลกมันหมุนแบบนี้ @_@ เวียนหัวจังเลย เกิดอะไรขึ้นกับฉัน เสียงหมอนั่นเรียกชื่อฉันทำไม...ฉันได้ยินเสียงชื่อของตัวเองเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างของฉันมันจะดับสนิทลง หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกเลย

?น้ำพริก น้ำพริก?

เสียงใครเรียกชื่อฉันอยู่นะ

-_O ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดเพราะรู้สึกว่าใบหน้าอันขาวผ่องเป็นยองใยของฉันสัมผัสกับความเย็นจากผ้าที่เปียกชื้นที่กำลังลูบไล้วนไปมา
O_o ฉันเบิกตาตื่น (ก็มันเย็นนี่หว่า)
และต้องตกใจสุดขีด O_O เมื่อเห็นหน้านายเจทีอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจของนายนั่นกำลังเป่ารดใบหน้าฉันอยู่นะ! (เฮ้อ~ แต่หอมชะมัดเลย)

?นี่นายกำลังทำอะไร!? ฉันขยับตัวลุกขึ้น แต่ยังรู้สึกมึนหัวอยู่ไม่น้อย เจทีจึงใช้สองมือของเขาเข้ามาประคองร่างของฉันให้เอนนอนลงเหมือนเดิม
?เธอเป็นลม..ฉันก็เลยอุ้มเธอมานอนที่เตียง แล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เธอ..รู้สึกว่าตัวเธอรุมๆ เหมือนกำลังจะเป็นไข้ อ่ะนี่ ยาลดไข้ กินซะ? เจทีตอบแล้วส่งยาเม็ดสีขาวสองเม็ดให้ฉันพร้อมกับแก้วน้ำ แต่ฉันยังลังเลที่จะยัดยานั่นเข้าปาก และเหมือนเจทีจะรู้ เขาจึงพูดออกมา


?ยานั่นเป็นยาลดไข้ ฉันไม่ได้ชั่วช้า ถึงขนาดจะวางยาทำอะไรมิดีมิร้ายกับเธอหรอกนะ...? เขาชะงักคำพูด แล้วไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วเอ่ยต่อ... ?ยิ่งเป็นเธอด้วย ฉันไม่เกิดอารมณ์ ขอบายดีกว่า? ท้ายประโยคเขาส่ายหน้าแบะปาก เล่นเอาอารมณ์ฉันเดือดปุด ปุด หนอย >O< ดูถูกกันชะมัด เช๊อะ! ฉันก็มีของดีนะยะ..อีตาบ้า ฉันต่อว่าเขาในใจ


ฉันกลืนยาพร้อมดื่มน้ำจนหมดแก้ว แล้วกำลังจะชันกายลุกขึ้น เจทีรีบปราดมาห้ามทันที
?ฉันว่าเธออย่าลุกขึ้นเลย นอนพักอีกสักหน่อยดีกว่า?
?แต่ฉันมีงานต้องทำ? ฉันแย้งขึ้นและพยายามจะลุกให้ได้ แต่เขาก็จับไหล่สองข้างของฉันกดให้นอนลง

?เรื่องงานช่างมันเถอะ...เธอไม่สบายนอนพักดีกว่า ฉันอนุญาต..อย่าดื้อสิ? เจทีเอ่ยเสียงนุ่มนวล จนในที่สุดฉันก็จำต้องเชื่อฟังเขา แต่ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเวียนหัวและร้อนๆ หนาวๆ เหมือนเป็นไข้จริงๆ นั่นแหละ และแล้วเพราะฤทธิ์ยาหรือพิษไข้ก็ไม่รู้ว่าที่ทำให้ฉันงีบหลับไป

หลังจากที่ฉันนอนหลับไปนานหลายชั่วโมง จนเริ่มรู้สึกตัวว่าอาการไข้ของตัวเองทุเลาขึ้นแล้ว ฉันก็ขยับร่างกายลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องช๊อคสุดขีด OoO เมื่อก้มลงมองที่เสื้อผ้าของตัวเอง มันไม่ใช่ชุดเดิมที่ใส่มื้อเช้า แต่เป็นเสื้อกับกางเกงนอนสีขาวของฉัน อยู่ดีๆ มันจะอยู่บนร่างกายของฉันได้ไง ถ้าไม่มีคนถอดเปลี่ยน หรือว่า เจ้าหมอนั่น แอบถอดเสื้อผ้าของฉันออก ถ้างั้น เจทีก็เห็นเนื้อ นม ของฉันทุกซอกทุกมุมทั้งหมดเลยสิ ไม่ ไม่ ไม่! กรี๊ดดดดด!! >_< เสียงร้องตกใจของฉันดังมากพอที่จะทำให้เจทีโผล่หน้าตาตื่นเข้ามาที่ห้องนอน


?น้ำพริก เกิดอะไรขึ้น!? เขาถามเป็นประโยคแรกทันทีที่เข้ามาประชิดตัวฉัน ด้วยความโกรธผสมกับความอายฉันไม่รอช้ายกหมัดขวาเพชรฆาตพุ่งใส่ไปที่จมูกของเขาอย่างจัง
?โอ๊ยยยย! เธอชกฉันทำไม? เขาถามพลางกุมจมูกเอาไว้

?ยังจะมาถามอีก ไอ้ลามก คนฉวยโอกาส นายถอดเสื้อผ้าตอนฉันนอนหลับ..ฉันจะฆ่านาย ไอ้บ้า!? ฉันลุกขึ้นอาละวาด หยิบหมอนฟาดไปที่เจทีไม่ยั้ง (บางทีฉันอาจเป็นพวกซาดิสถ์นิดๆก็ได้)

ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!

?เดี๋ยวๆ น้ำพริก มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้น!? เจทียกแขนขึ้นปกป้องส่วนปากก็พร่ำปฏิเสธ
?ไม่ได้ทำเหรอ..นายยังกล้าพูดอีก นี่แน่ะ >_<* ?

ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!

เสียงหมอนที่ฉันยกฟาดใส่เขาแรงมากพอ จนทำให้หมอนปริขาด จนไส้ในที่เป็นใยสังเคราะห์ทะลักออกมา
?เมื่อไม่ฟังกันดีๆ ก็ต้องใช้วิธีนี้? เจทีถลาเข้ามาหาฉันแล้วใช้แขนที่แข็งแรงของเขาโอบกอดฉันไว้ ฉันพยายามดิ้นรนแกะมือของเขาให้ออกแต่ก็ไม่เป็นผล ( แขนหรือคีมล๊อคกันแน่ฟะ) ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดอยู่ทางด้านหลังของบริเวณต้นคอของฉัน หว๋าย >///< ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาซะงั้น

?นี่ น้ำพริก เธอใจเย็นๆ ก่อนนะ ~ ฉันเห็นว่าหลังจากเธอกินยาแล้วนอนหลับไป เหงื่อเธอออกมามากจนเปียกชุ่มชุดที่เธอใส่ ฉันก็เลยให้จุ๊บจิ๊บ เป็นคนมาเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้กับเธอ..ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามจุ๊บจิ๊บเอาเอง? เจทีเล่าความจริงให้ฟัง แต่แขนของเขายังคงโอบกอดฉันอยู่ในท่าเดิม ฉันยืนชั่งใจในคำพูดของเขา จนคิดว่าเขาคงพูดความจริง (ถ้าสะตอ ละก้อ...นายโดนดีแน่!)

?ฉันเชื่อก็ได้..ว่าแต่ นายจะปล่อยฉันได้รึยัง? ฉันถามขึ้นด้วยอาการอายแกมเขิน นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม (ที่สำคัญหล่อ ม้ากมากอีกด้วย)
?เอ่อ ฉัน เอ่อ โทษที? เจทีรีบคลายแขนของเขาออกพลางพูดตะกุกตะกัก ฉันสังเกตุเห็นว่าเขาเองก็มีอาการเขินนิดๆ เหมือนกัน
?เธอนี่ เอ๊ะอ๊ะก็บ้าใช้แต่กำลังลูกเดียวเลย? เขาบ่นออกมา ส่วนฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆ

?เอ่อ ตอนนี้ฉันก็หายดีแล้ว ฉันคิดว่าควรจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง ถ้านายไม่ว่าอะไร? ฉันเอ่ยบอกเจทีที่กำลังยืนเอามือซุกในกระเป๋ากางเกงยีนส์
?ตามสบาย ตอนนี้ฉันก็ไม่มีงานให้เธอทำ? เขาตอบ แล้วเดินไปที่ประตูห้องนอนยกมือหมุนลูกบิด ฉันวางหมอนที่อยู่ในสภาพยับเยินจากการที่ถูกฉันใช้เป็นอาวุธเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นลงบนเตียง แล้วเดินไปที่ประตู ฉันมองหน้าของเจทีแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสำนึกผิด (สำนึกจริงๆ T_T)
?เอ่อ ฉัน..ฉันขอโทษนะที่เข้าใจนายผิดไป?

?เรื่องนั้นช่างมันเถอะ..แค่เธอรู้ความจริงว่าฉันไม่ใช่พวกบ้ากามหรือพวกฉวยโอกาส ฉันก็พอใจแล้ว?
?แล้วก็ขอบคุณนะที่ช่วยตอนฉันเป็นลม? ฉันส่งยิ้มให้เจทีเขายิ้มตอบมา (โอววว~ น่ารักมาก ^O^) ฉันก้าวเท้าออกจากห้องนอนของเจที จากนั้นเขาปิดประตูลงแล้วกดล๊อค ส่วนฉันก็เดินกลับไปที่เรือนแม่บ้าน ก็พอดีเห็นพี่จุ๊บจิ๊บกำลังนั่งรอฉันอยู่ที่มุมนั่งเล่น พอเห็นฉันเท่านั้น พี่จุ๊บจิ๊บก็แสดงน้ำใจไปตักข้าวต้มร้อนๆ มาให้หม่ำเพราะคิดว่า ป่านนี้ฉันคงหิวแย่แล้ว ซึ่งฉันก็หิวจริงๆ นั่นแหละ


4

?อะไรนะ! แกบอกว่าไปทำงานเป็นคนรับใช้เหรอ? เสียงร้องตกอกตกใจของยัยริบบิ้นทำเอาขี้หูของฉันแทบจะออกมาเต้นเริงระบำอยู่ข้างนอก หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องให้ยัยริบบิ้นรับรู้เกี่ยวกับงานที่ไปทำมา โดยเลือกมานั่งคุยที่บริเวณม้านั่งยาวใกล้ๆ กับตึกเรียน

?นี่แกจะตกใจอะไรนักหนา ฉันไปทำงานเป็นสาวใช้ ไม่ได้ไปเป็น มือปืนรับจ้างสักหน่อย? ฉันแย้งขึ้นที่เห็นริบบิ้นกังวลใจเกินเหตุ
?ก็นั่นแหละ มันเป็นงานหนักมาก แกต้องอดทนสารพัด เถียงก็ได้ ไม่ได้ทำคำสั่งก็ไม่ได้? ยัยริบบิ้นเพื่อนเลิฟของฉันยังคงบ่น โดยที่ไม่รู้หรอกว่าฉันได้ปะทะคารมและยังต่อยหน้าเจ้าของบ้านมาแล้ว

?เอาน่า เอาน่า ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แต่ฉันจำเป็น..แกก็รู้ว่าเพราะอะไร? ยัยริบบิ้นเงียบไปด้วยรู้ดีถึงเหตุผลของฉันก่อนเอ่ยขึ้น
?งั้นแกก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ? ริบบิ้นยังคงแสดงความห่วงใย

?อืม แกไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองได้ดีอยู่แล้ว แกก็รู้จัก น้ำพริก สาวแกร่งแรงเต็มพิกัด คนนี้นี่หน่า?
?ย่ะ แม่คนเก่ง หญิงแกร่ง? เราสองคนต่างหัวเราะเสียงดัง จนเมื่อมีเสียงขัดจังหวะของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง เสียงนี้มันคุ้นหูซะเหลือเกิน พอฉันหันหน้าไปก็ต้องแปลกใจที่เห็นเจทีมายืนเด่นอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว
?หัวเราะกันใหญ่เชียวนะน้องๆ..?

?นายมาที่นี่ได้ไง?? ฉันถามด้วยความสงสัย
?เอ๊า ฉันก็มาเรียนนะสิ คิดว่าเธอจะรู้ซะอีกว่าเรียนที่เดียวกับฉัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะตกข่าว? เจทียิ้มเยาะเล็กๆ ใส่ฉัน
?นายเรียนที่นี่ด้วยเหรอ? = _=?
?ก็ใช่นะสิ และเป็นรุ่นพี่ของเธอด้วย ฉะนั้น..? เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าฉันไล่สายตาจากบนลงล่าง แล้วเอ่ยต่อ ?แล้วเธอก็ต้องเรียกฉันว่ารุ่นพี่เจที ทีนี้แจ่มแจ้งรึยัง? ขณะที่ฉันยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับกับนายเจที ยัยริบบิ้นก็โพล่งถามขึ้นมา

?เดี๋ยวๆ นี่หมายความว่าไง..รุ่นพี่เจที กับ น้ำพริกรู้จักกันด้วยเหรอ?
?ใช่แล้วครับ น้อง..เอ่อ?
?ชื่อ ริบบิ้นค่ะ? ริบบิ้นบอกพลางส่งยิ้มหวานให้

?ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องริบบิ้น ~ พี่รู้จักกับน้ำพริก..แล้วก็รู้จักดีซะด้วยสิ ชนิดที่เรียกว่าน้องริบบิ้นคาดไม่ถึง? เจทีพูดจบก็หัวเราะ หึหึ คำพูดของนายช่างกวนประสาทและกวนบาทาของฉันซะจริงๆ
?หมายความว่าไง น้ำพริก? ยัยริบบิ้นทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
?ถ้านายจะมาเพื่อกวนประสาทคนอื่น ก็ช่วยย้ายร่างเคลื่อนเงาดำๆ ของนายไปห่างๆ จากตรงนี้ได้ไหม?
ฉันพูดเสียงหงุดหงิด
?ก็ได้..พอดีฉันเดินผ่านมาเห็นว่าเป็นรุ่นน้อง ก็แค่จะเข้ามาทักทายน้องๆ ที่น่ารักก็เท่านั้น..? ท้ายประโยคเจทีขยิบตาแล้วยิ้มให้กับยัยริบบิ้นที่ยืนเขินอายบิดไปมาจนตัวจะเกลียวอยู่แล้ว
?ในเมื่อทักทายเสร็จแล้ว นายก็ไปได้แล้ว ไปสิ ชิ่ว ชิ่ว ชิ่ว!? ฉันโบกมือไล่ให้เขารีบๆ ไป

?เอาไว้เราค่อยเจอกันใหม่นะ น้องริบบิ้น..เอ่อ น้ำพริก ว่าแต่ สัปดาห์นี้เธอรีบมาทำงานด้วยล่ะ ฉันมีงานพิเศษจะให้เธอทำ? เจทีพูดกับริบบิ้นจบ ประโยคสุดท้ายหันหน้ามาสั่งเสียงเข้มกับฉัน จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากพื้นที่อาณาเขตของฉัน
?โห เห็นตัวจริงของพี่เจทีใกล้ๆ แล้ว ช่างหล่อม้าก มาก..มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงติดตรึม เท่สุดๆ พูดจาก็สุภาพ ยิ้มก็สดใสน่ารัก? ยัยริบบิ้นทำตาเคลิบเคลิ้มชื่นชมเจ้านายจอมกวนของฉัน

?ริบบิ้น..ฉันว่าแกเป็นเอามากแล้วนะ..บางทีหมอนั่นอาจจะไม่ใช่เทพบุตรของสาวๆ ก็ได้? ฉันแย้งอย่างเคืองใจที่เพื่อนสนิทไปหลงเพ้อพกกับรูปลักษณ์ของนายเจที
?น้ำพริก แกนี่..ชอบขัดเรื่อยเลยนะ ว่าแต่..ที่พี่เจทีบอกว่าให้แกรีบไปทำงาน มันหมายความว่าไง..รีบบอกฉันมาเลยว่าแกไปรู้จักกับพี่เจทีนายแบบหนุ่มสุดหล่อที่เพิ่งย้ายมาเรียนได้ยังไง?
?เมื่อกี้แกบอกว่า นายเจทีคือคนที่สาวๆ เกือบทั้งมหา?ลัยฯ กรี๊ดเป็นบ้าเป็นหลังกันนะเหรอ? ฉันถาม
?ใช่แล้ว..คนนี้แหล่ะ เทพบุรุษผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ? ริบบิ้นยังคงมาหายจากอาการเมาคนหล่อ

อี๋! ได้ยินแล้วอยากอ้วก ~ อยากแหว่ะเอาข้าวเหนียวไก่ย่างออกมาซะจริงๆ เทพบุตรอะไร ซาตานชัดๆ ที่แท้ผู้ชายที่โดนรุมตอม (หึ่งๆ ) ในวันนั้น กับ นายปากร้ายที่อยู่บนดาดฟ้าของตึก คือคนๆ เดียวกัน และยังมาเป็นเจ้านายของฉันอีก..เวรกรรม อะไรของฉันนะเนี่ย! =_=^ ที่ต้องมาพบมาเจอผู้ชายแบบนี้ หรือที่เรียกว่า เกลียดสิ่งไหน จะเจอสิ่งนั้น ฉันไม่ชอบผู้ชายแบบ หลงตัวเอง ปากจัดจ้าน ชอบสร้างภาพเหมือนศิลปินบางคนที่อยู่ในวงการมายา ไร้น้ำใจ ไม่มีความจริงใจ ขี้วีน ยโสโอหัง อวดดี เจ้าชู้และชอบฉวยโอกาส ถึงแม้นายเจทีอาจไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม (สรุปง่ายๆ ฉันไม่ชอบหมอนั่น)

?เอ๊า! เอ๊า! ไม่ต้องมานิ่งเลย รีบๆ บอกมา ว่ารู้จักกันได้ไง? ยัยริบบิ้นทำเสียงเข้มหน้าตาขึงขัง สงสัยคงปิดบังยัยริบบิ้นไม่ได้แน่ว่าฉันไปเป็นเมดที่บ้านเทพบุตรของสาวๆ (อสูรมากกว่า)

?ห๊า! แกกำลังบอกฉันว่า แกไปเป็นสาวใช้บ้านพี่เจที? ฉันเอามือปิดปากยัยริบบิ้นเกือบไม่ทัน
?เบาๆ หน่อยสิ เสียงของแกจะทำให้ฉันถูกรุมฆ่าอยู่ตรงนี้ ถ้าเกิดกลุ่มสาวกหมอนั่นมาได้ยินเข้า? ฉันเอ็ดใส่ริบบิ้น

?กรี๊ดๆ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า แกจะโชคดีปานนี้เพื่อนรัก? ยัยริบบิ้นดีใจออกหน้าออกตา
?นี่ริบบิ้น เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น แกเพิ่งบอกว่าฉันโชคร้าย งานคนรับใช้เป็นงานหนัก ไม่อยากให้ฉันทำ แล้วตอนนี้แกเกิดบอกว่าฉันโชคดี ตกลงแกจะเอาไงกันแน่ฟะ? ฉันเริ่มสับสนกับคำพูดของยัยริบบิ้น

?แหม ก็ถ้าแกไปทำงานบ้านคนอื่นนั่นถือว่าโชคร้าย แต่นี่แกได้ไปอยู่ใกล้ๆ กับพี่เจที อย่างนี้เรียกว่าโชคดีสุดๆ?
?ฉันว่าซวยสุดๆ มากกว่า T_T? ฉันเถียงทันควัน

?น้ำพริกแกนี่ปากร้ายเหมือนเดิมเลยนะ..ผู้หญิงคนอื่นอยากมีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ กับพี่เจที แต่แกสิมองไม่เห็นคุณค่า..ฉันชักสงสัยซะแล้วสิ ว่าแกตายด้านรึเปล่า? ริบบิ้นหันมาทำสีหน้าจริงจังกับฉัน
?นี่แก อย่ามาบ้านะ..ฉันแค่ไม่สนใจหรือคลั่งไคล้ พวกศิลปินที่ชอบสร้างภาพต่างหาก? ฉันแหวใส่

?แล้วพี่เจทีเค้าสร้างภาพอะไรล่ะ..ฉันว่าถ้าแกยังไม่รู้จักตัวตนของเค้า แกก็อย่าเพิ่งไปอคติสิ?
?จ้า..แม่คุณคนดี..แหมๆๆ ไม่ทันไรก็เข้าข้างกันซะแล้ว..เดี๋ยวฉันจะไปฟ้องพี่ก้องว่าแกแอบปันใจให้กับนายเจทีดีไหม..ดูสิพี่ก้องจะว่าไงบ้าง ฉันว่าจะลองเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ดูสักหน่อย? ฉันได้โอกาสก็เลยเอาชื่อพี่ก้องมาแกล้งขู่ยัยริบบิ้น ได้ผลแฮะ! ^_^ ยัยริบบิ้นกลัวว่าฉันจะทำจริงๆ ก็เลยพูดเสียงอ่อยออกมา

?ฉันก็แค่ชื่นชมตามแฟชั่น ตามคนอื่น ไม่ได้คิดจริงจังสักหน่อย..แกคงไม่ไปบอกพี่ก้องจริงๆ ใช่ไหมน้ำพริก..ใช่ไหมน้ำพริก พูดมาสิ? ยัยริบบิ้นคาดคั้นให้ฉันรับปาก
?ไม่รู้สิ ขอคิดดูก่อนนะ..? ฉันแกล้งต่อ

?ไอ้เพื่อนใจร้าย!? ริบบิ้นพูดจบพลางทุบที่ไหล่ของฉันดังพลั่ก ก่อนที่จะทำหน้างอนเดินตุ๊บป่องๆ ไปทางโรงอาหาร ส่วนฉันก็ได้แต่หัวเราะที่ยั่วเย้าเพื่อนสำเร็จ (ไม่ค่อยสำนึกเท่าไหร่ รู้สึกสะใจที่ได้แกล้งเพื่อน) แต่สุดท้ายฉันก็เดินตามไปง้อเพื่อบอกว่าที่พูดไปทั้งหมดนั้นแค่แหย่เล่น

ฉันยังคงเป็นนักศึกษาวัยสดใสที่เรียนหนังสือและพร่ำท่องตำราเหมือนเช่นเดิมทุกวัน จนกระทั่งมาถึงวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่เจ้านายของฉันบอกให้รีบมาเร็วขึ้นเพราะมีงานพิเศษให้ฉันทำ ว่าแต่งานอะไรฟะ คงไม่ใช่งานวิ่งแข่งควาย จับปลาไหลใส่ไหหรือแข่งขี่หมูหรอกนะ = _=?

วันนี้ฉันจึงตื่นนอนเร็วขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปที่บ้านท่านประธานโดยที่ไม่ลืมจะเสริมกำลังด้วยการหม่ำปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ที่ท่านมารดาซื้อมาจากตลาดแล้ววางไว้ให้ที่โต๊ะอาหาร ฉันเดินออกจากซอยมานั่งรถโดยสารประจำทางใช้เวลาไม่ถึงสี่สิบนาที ร่างกายอันงามสง่าของฉันก็มาอยู่ในเขตบริเวณบ้านของท่านประธานเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
?วันนี้มาแต่เช้าเชียวนะน้ำพริก? พี่จุ๊บจิ๊บถามทันทีที่ฉันโผล่เข้าไปยังเรือนแม่บ้าน

?ค่ะ วันนี้ตื่นเร็วกว่าปกติค่ะพี่? ฉันตอบไปโดยไม่บอกว่านายเจทีให้ฉันรีบมาเพราะมีงานพิเศษ
?ถ้างั้นน้ำพริกไปช่วย ป้าทับทิม เตรียมมื้อเช้าแทนพี่ทีนะ..พี่ยังเก็บเศษใบไม้ตรงบ่อปลายังไม่เสร็จเลย?

?ได้ค่ะ? ฉันเก็บประเป๋าสะพายหลังไว้ในห้อง แล้วก็เดินตรงไปยังห้องครัว ฉันเห็นป้าทับทิมกำลังกุลีกุจอเตรียมมื้อเช้าให้บรรดาเจ้านายซึ่งก็มีท่านประธาน(คุณปู่ของเจที) รองประธาน(คุณพ่อของนายเจที)และตัวนายเจที เพียงสามคนเท่านั้น ส่วนแม่ของเจทีนั้นยังทัวร์ยุโรปอยู่เลย คาดว่าอีกสองสัปดาห์จึงจะกลับมา ทำให้บรรยากาศในบ้านค่อนข้างเงียบเหงาอยู่เหมือนกัน (บ้านของฉันยังครึกครื้นกว่าตั้งเยอะ แค่เสียงของฉันก็ดังไปสิบกว่าบ้านแล้วหุหุ ^_^)

หลังจากที่ฉันยกสำรับมื้อเช้าไปจัดวางที่โต๊ะอาหารสุดหรูของคฤหาสน์แห่งนี้ ท่านประธานก็ถามขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล
?เจที ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?
?ยังไม่เห็นคุณเจทีลงมาเลยค่ะท่านประธาน? ฉันตอบออกไป
?ถ้างั้นหนูน้ำพริก ช่วยขึ้นไปปลุกให้หน่อย วันนี้เจทีเค้ามีภารกิจสำคัญ..ฉันไม่อยากให้ไปสาย รบกวนหนูด้วยนะ? ท่านประธานเอ่ยเสียงเรียบแต่อบอุ่น
?ได้ค่ะท่าน? ฉันตอบรับแล้วเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเจทีทันที

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ฉันเคาะประตูหวังให้เจทีตื่นลุกขึ้นมาเปิด แต่ไม่ยักมีเสียงมาหมุนลุกบิด ฉันยืนชั่งใจสักครู่ แล้วลองหมุนลูกบิดประตู หว๋าย ไม่ได้ล็อคนี่หน่า คนอะไรจะหลับจะนอนก็ไม่ล็อคประตู ว่าแต่ ฉันจะเข้าไปดีไหมเนี่ย ถ้าเกิดนายเจทีชอบนอนแบบห่มฟ้าโชว์ดินขึ้นมา (นอนแบบที่ไม่นุ่มอะไรเลย) ฉันมิต้องเป็นตากุ้งก้ามกรามยิงหรอกเหนอเนี่ย อี๋ ทำไงดีฟะ ท่านประธานสั่งให้มาปลุก..ฉันสูดลมหายใจเข้า แล้วตัดสินใจหมุนลูกปิดช้าๆ เบาๆ แทรกตัวเข้าไปภายในห้องนอน แอร์เย็นเฉียบสัมผัสกับผิวหนังของฉันทันที แต่ทำไมหัวใจของฉันมันเต้นตุบๆ พิกล ตื่นเต้นชะมัด ก็ฉันไม่เคยเข้าห้องนอนโดยที่มีผู้ชายนอนหลับอยู่ในห้องมาก่อนนี่หน่า ฉันเดินไปที่เตียงนอน เห็นผ้าห่มถูกคลุมโปงอยู่ ฉันเดินเข้าไปใกล้ขอบเตียงแล้วกลืนน้ำลายหนึ่งอึกก่อนส่งเสียงเรียกเบาๆ ออกมา

?คุณเจที ตื่นได้แล้วค่า?
??.? ไม่มีเสียงตอบรับ
ฉันเรียกอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้นกว่าเดิม ?คุณเจที ตื่นได้แล้วค่า?
??.? ไม่มีเสียงตอบรับ

อะไรฟะ อายุไม่เท่าไรหูตึงซะแล้วหมอนี่ ฉันจึงเอื้อมมือไปเปิดผ้าห่มขึ้นแล้วตะโกนใส่
?นี่นายเจที ตื่นได้แล้ว?

ปรากฏว่า ร่างที่นอนอยู่นั้น เป็นหมอนข้างใบยาวแทนร่างของเจที อ้าว แล้วหมอนั่นไปไหนล่ะ ระหว่างที่ฉันกำลังสงสัยเกาหัวแกรกๆ อยู่นั้น ร่างของเจทีก็ดผล่ออกมาจากประตูห้องน้ำ โดยสวมเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดท่อนล่างเท่านั้น ยกเว้นร่างท่อนบนที่โชว์ให้เห็นความล่ำสันของกล้ามเนื้อ (โอย จะเป็นลม ผู้ชายอะไร หล่อล่ำ เท่ห์ ผิวก็สวย เห็นแล้วแทบน้ำลายไหล หุหุ แต่ไม่ได้ ฉันเป็นสาวเป็นแส้จะมายืนเช็ดน้ำลายหกแบบนี้เสียความเป็นกุลสตรีหมด มันต้องตกใจถึงจะถูก
?ว้ายยยย! นายทำอะไรน่ะ? ฉันร้องแล้วรีบหลับตาลง (ทั้งที่อยากจะแง้มดูนิดๆ)

?ก็คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เธอนั่นแหล่ะ เข้ามาทำไม อย่าบอกนะว่าจะเข้ามาหาเพื่อ..? เขาชะงักคำพูดแล้วทำหน้ากรุ้มกริ่มกวนอารมณ์บาทาของฉัน
?นี่อย่ามาทะลึ่งนะ ฉันไม่ใช่คนแบบนาย..ที่วันๆ คิดแต่เรื่องลามก..ท่านประธานให้ฉันขึ้นมาปลุกนายต่างหาก? ฉันตอบเสียงดังออกไป
?อ๋อเหรอ...แหมฉันก็คิดว่า เธออาจมีรสนิยมชอบแอบดูคนอื่นซะอีก? เจทียังพูดต่อ
?บ้า! ฉันไม่ใช่พวกโรคจิต แต่ฉันว่าถ้าเป็นนายก็คงจะใช่มากกว่า?

?อืม เธอนี่เดาเก่งจริงนะ บังเอิญฉันเป็นโรคจิตนิดๆ ซะด้วยสิ ว่าแต่ ~ เมื่อเธอรู้แล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้วสินะ ถ้างั้นก็? ว่าแล้ว เจทีก็เดินย่างเท้าเข้ามาใกล้ตัวฉัน ก่อนขยับมือปลดผ้าขนหนูออกจนร่วงลงพื้น
?กรี๊ดดดด! ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ไอ้ลามกจกเปรต!? ฉันรีบเอาฝ่ามือปิดตาจนมิด (ช่วยด้วย! ฉันไม่อยากเอาไปฝันร้าย)
?ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า? เจทีหัวเราะเสียงดังชอบอกชอบใจอย่างมาก

?นี่เธอเป็นอะไร ฉันนุ่งกางเกงขาสั้นแค่นี้ เธอถึงกลับรับไม่ได้เชียวเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า?
กางเกงขาสั้น!
ฉันทวนคำพูดของเขาแล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตามองลอดนิ้วมือตัวเอง ก็เห็นว่าเจทีใส่กางเกงขาสั้นสีดำขลิบลายสีขาวบริเวณขอบด้านข้าง
?สงสัยเธอจะเพี้ยนเอามากนะ แค่กางเกงขาสั้น ก็ร้องโวยวายเป็นเด็กๆ ไปได้ ว่างๆ ไปเช็คสมองซะบ้างนะว่ายังปกติดีอยู่รึเปล่า? เจทียังไม่เลิกใช้คำพูดกวนๆ ส่วนฉันนั้น ไม่ต้องให้สาธยายเลยว่าทั้งอายทั้งโกรธที่ถูกแกล้งแบบนี้(ฉันอยากจะชกนายสักหมัดไอ้บ้าเจที!)

?นี่นายแกล้งฉัน! นายมันไอ้โรคจิต โรคจิตชัดๆ! *? ฉันตะคอกใส่หน้าของเจทีแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากห้องนอนของเขาทันที โดยมีเสียงหัวเราะของเจทีที่ดังอยู่ข้างหลัง ฉันเดินทำหน้าบูดเป็นปลาร้าค้างปี มานั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ทางด้านหลังของห้องครัวที่ถูกจัดเป็นสวนหย่อมขนาดเล็กๆ และฉันนั่งเพลินจนลืมเรื่องที่ต้องเก็บสำรับหลังจากที่พวกคุณๆ ทั้งหลายทานอาหารเสร็จ จนกระทั่งเสียงของพี่จุ๊บจิ๊บดังขึ้น

?อยู่นี่เอง พี่เดินหาน้ำพริกซะทั่ว..ท่านประธานเรียกหาเธอแน่ะ ท่านรออยู่ที่ห้องโถงนะ? ฉันจึงรีบเดินไปยังห้องโถงทันที

?มาแล้วเหรอหนูน้ำพริก..มานั่งใกล้ๆตรงนี้? ท่านประธานชี้นิ้วให้ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ ทันทีเมื่อท่านเห็นฉันปรากฏร่างขึ้นในห้องโถงรับรองแขก
?ไม่ดีกว่าค่ะท่าน หนูนั่งที่พื้นดีแล้วค่ะ ? ฉันปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าตัวเองมาทำงานเป็นคนรับใช้ไม่ควรจะทำตัวเสมอท่าน

?ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้แหละ ฉันอนุญาต? ในที่สุดฉันก็ขัดคำสั่งท่านไม่ได้
?ที่ฉันเรียกหนูมานี่เพราะมีงานบางอย่างจะให้หนูทำนอกเหนือจากงานแม่บ้านที่นี่? ท่านประธานเอ่ยขึ้น

?ไม่ทราบว่างานอะไรรึคะท่าน? ฉันถามด้วยความอยากรู้ โดยไม่ใส่ใจว่านายเจทีก็นั่งอยู่ในห้องโถงนี้ด้วย
?ก็มันเกี่ยวกับงานของเจที..เอ่อ ต้องให้เค้าเป็นคนบอกหนูเองดีกว่า? ท่านประธานมองหน้าหลานชายเป็นเชิงให้เจรจากันเอง

?คืออย่างงี้..เธอคงพอรู้นะว่าฉันเป็นนายแบบ ตอนนี้ ?พี่แจง? ผู้จัดการส่วนตัวของฉันใกล้จะคลอดลูก ฉันอยากได้คนมาช่วยแบ่งเบางานของ?พี่แจง? อีกอย่างฉันให้พี่เค้าลาพักสามเดือนหลังจากคลอดลูกด้วย ก็เลยอยากให้เธอมาช่วยงาน คิดว่าเธอน่าจะเหมาะกับงานแบบนี้?

?ผู้ช่วย! ให้ฉันเป็นผู้ช่วยคุณเจทีหรือคะ? ฉันหันไปถามท่านประธาน
?ใช่จ๊ะหนูน้ำพริก เจทีเค้ามาบอกฉันว่าหนูทำงานคล่องแคล่วดี อยากให้หนูไปช่วยดูแลเวลาที่เค้าต้องทำงานอยู่ข้างนอก โดยส่วนตัวของฉันแล้วก็คิดว่าหนูคงทำงานได้ดีเหมือนกับคุณพ่อของหนู ~ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันมีค่างานพิเศษให้หนูต่างหาก หวังว่าหนูคงไม่ขัดข้อง?

งานเข้าแล้วสิ! น้ำพริก...นี่ฉันต้องมากลายเป็นผู้ช่วยของเจทีอย่างเต็มตัวหรือนี่ ทำไมหมอนี่ต้องเลือกฉันด้วยนะ งานผู้ช่วยนายแบบต้องทำอะไรบ้าง ฉันไม่รู้สักอย่างแต่ก็เอาเถอะ..ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว

?แล้วหนูต้องเริ่มงานเมื่อไหร่คะ ท่าน? ฉันหันไปถามท่านประธานที่เพิ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบแก้กระหาย
?ก็สัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียนพอดี..ฉันเลือกทำช่วงนี้เพราะจะได้ไม่มีผลกระทบกับการเรียนของเธอ? เจทีตอบแทน

แหม ช่างหวังดีกับฉันซะจริงนะนายเจที ?ถ้าเช่นนั้นก็ได้ค่ะท่าน? ฉันเอ่ยตอบตกลง (เฮ้อ ~ ไม่ทำก็ไม่ได้ในเมื่อท่านประธานเป็นนายจ้างของพ่อฉัน...อีกอย่าง..งานนี้ไม่ได้ทำฟรีๆ สักหน่อยยังได้ตังค์อีก อย่างน้อยช่วงปิดเทอมฉันก็มีค่าขนมและมีเงินเหลือมาให้พ่อกับแม่ได้อีกหุหุ ~ ^_^)

?ฉันขอบใจหนูนะที่ตกลงรับงานนี้ เพราะเจทีมันมาอ้อนวอนทุกวันให้ช่วยพูดกับหนูที หมดหน้าที่ของฉันแล้ว เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องสักหน่อย? กล่าวจบท่านประธานลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถงโดยมีคุณป้าทับทิมกับพี่มาลีแม่บ้านเก่าแก่อีกคนช่วยกันดูแลประคองพาท่านไปยังชั้นบน
Apple Rdk.

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”