สาวแกร่งสยบหัวใจนายตัวร้าย ตอนที่ 1-2

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
apple radakorn
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 13 ก.ค. 2011 9:14 am
ที่อยู่: กรุงเทพ และราชบุรี

สาวแกร่งสยบหัวใจนายตัวร้าย ตอนที่ 1-2

โพสต์ โดย apple radakorn »

1


เรื่องราวทั้งหมดคงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่เป็นเพราะพ่อแม่บังเกิดเกล้าของฉัน ค้างค่าผ่อนบ้านมาเกือบสามเดือนแล้ว และถ้าไม่เป็นเพราะเขาย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ฉันก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายหัวใจแบบนี้ ถ้าอยากรู้ว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตหญิงสาวผู้น่ารักอย่างฉันก็ติดตามมาสิคะ!!

ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันชื่อจริงว่า ?นัชชา? มีชื่อเล่นว่า ?น้ำพริก? และมีน้องชายที่อายุห่างกันห้าปีชื่อ ?น้ำตาล? ฉันเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ซึ่งฉันก็ชื่นชอบบรรยากาศโดยรอบๆ ของมหาวิทยาลัยฯ ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า นกกระยางและทุ่งนา (บางวันฉันยังมองเห็น ?บุญโชค? ซึ่งเป็นชื่อที่ฉันตั้งให้กับเจ้าทุยที่ยืนเล็มหญ้าอยู่ข้างรั้วสนามฟุบอลของมหาวิทยาลัยฯ อีกด้วย)

ในตอนเช้าของทุกวันที่ฉันต้องหย่อนก้นลงที่เก้าอี้เพื่อนั่งหม่ำมื้อเช้าพร้อมกับพ่อแม่และน้ำตาล เพียงแต่วันนี้ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดแปลกๆ ชอบกล ในที่สุดฉันอดใจไม่ไหวที่จะถามพ่อออกไปตรงๆ หลังจากได้ยินเสียงถอนลมหายใจของพ่อเป็นครั้งสิบพอดี
?พ่อ พ่อมีเรื่องกลุ้มใจอะไรรึเปล่า พริกเห็นพ่อถอนใจเป็นสิบๆ ครั้งแล้วนะคะ?
พ่อมองหน้าฉันสลับกับใบหน้าของน้ำตาล ที่กำลังตักโจ๊กหมูสับฝีมือมารดาสุดที่รักเข้าปาก พ่อถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบเอ็ดก่อนตอบด้วยเสียงหม่นๆ ปนเศร้า

?คือว่า...พ่อไม่ได้จ่ายค่าผ่อนบ้านมาสามงวดแล้ว และเดือนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะมีเงินพอไปจ่ายรึเปล่า?
?ทำไมละคะ มันเกิดอะไรขึ้น!? ฉันตกใจปนสงสัยเพราะปกติแล้วถึงบ้านของฉันไม่ใช่คนร่ำคนรวย แต่ก็อาศัยประหยัดมัธยัสต์ ไม่เคยมีปัญหาขัดสนทางการเงินจนถึงขั้นไม่มีเงินจ่ายค่าบ้าน
?เป็นความผิดของแม่เองแหละพริก น้ำตาล...แม่หลงเชื่อเพื่อน โดนหลอกให้เอาเงินมาลงทุนทำธุรกิจเครื่องสำอางค์ แต่สุดท้ายเพื่อนของแม่ก็เชิดเงินหนีไป?

?แม่โดนโกงไปเท่าไรครับ?? น้ำตาลเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้
?เงินที่พ่อให้แม่เป็นคนเก็บไว้ทั้งหมดก็...สะ สอง สองแสนจ๊ะ? แม่ตอบเสียงตะกุกตะกัก
?ห๊า!! สองแสน OoO!!? ฉันกับน้ำตาลส่งเสียงพร้อมกัน
?แม่ขอโทษจริงๆ ฮือ ฮือ? แม่ของฉันพูดน้ำตาคลอเบ้าแล้วสะอื้นออกมา

?ช่างมันเถอะ ถือว่าทำทานไปซะ ต่อไปคุณจะทำอะไรก็ระมัดระวังมากขึ้น อย่าหลงเชื่อคนอื่นง่ายๆ แบบนี้อีก? พ่อของฉันพยายามปลอบใจแม่
?แล้วเราจะทำยังไงต่อไป เราจะถูกไล่ออกจากบ้านหรือเปล่าครับ? น้ำตาลเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลว่าจะไม่มีบ้านอยู่
?ไม่หรอกน่า พี่ว่ามันต้องมีทางออก...มันต้องมีทางใช่ไหมคะพ่อ? ฉันถามเพื่อขอคำยืนยัน
?พ่อจะพยายามนะลูก!? พ่อเอื้อมทั้งสองข้างมาลูบหัวของฉันกับน้ำตาลพลางยิ้มแห้งๆ ให้ ซึ่งฉันรู้ดีว่าพ่อคงต้องหาหนทางที่ดีที่สุดได้ ฉันเชื่อมั่นในตัวของพ่อมาโดยตลอด

หลังจากที่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นของครอบครัว ฉันก็เดินมาขึ้นรถประจำทางเพื่อไปเรียน ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น ร่างของฉันก็มาอยู่ที่ประตูด้านหน้าของมหาวิทยาลัยฯ (แหม! ช่างรวดเร็วดีจริง ไม่ต้องเสี่ยงรถติดในเมือง)
?น้ำพริก น้ำพริก! รอด้วย รอด้วย!? เสียงตะโกนโหวกเหวกของยัยริบบิ้น ดังลั่นจนนักศึกษาคนอื่นๆ หันมาหน้ามามองฉันเหมือนกับตำหนิว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุของมลภาวะทางหูของพวกคุณๆ เหล่านั้น

?นี่เบาๆ หน่อยไม่อายคนรึไง? ฉันเอ็ดใส่ริบบิ้น เมื่อเจ้าหล่อนวิ่งมาถึงยังจุดที่ฉันยืนด้วยอาการหอบเป็นสุนัขหอบแดดทีเดียว
?อุ๊ย โทษที ก็กลัวว่าจะตามแกไม่ทันนี่หน่า ~ เออ ว่าแต่ทำไมวันนี้เพิ่งมา ทุกทีแกจะมาก่อนเวลาเรียนเป็นชั่วโมง? ยัยริบบิ้นลูกสาวของนักธุรกิจผู้มีอันจะกิน แต่บุคลิกของเจ้าหล่อนไม่ได้เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เหมือนคุณหนูบ้านอื่นๆ ริบบิ้นเป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น หล่อนถามขึ้นพลางจัดผมเผ้าให้เข้าที่หลังจากที่หลุดลุ่ยออกมาปรกใบหน้า แล้วเดินเคียงคู่กับฉันเข้ามายังตึกเรียน
?ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย? ฉันพูดไม่เต็มเสียงแต่นั่นดังพอให้ริบบิ้นได้ยิน
?ปัญหา ปัญหาอะไร ถึงทำหน้าเครียดได้แบบนี้?

?เฮ้อ...เป็นปัญหาที่คนทั้งโลกเป็น...?เรื่องเงิน? ~ แม่ฉันโดนเพื่อนโกงเงินไปสองแสน ทำให้ค้างค่าบ้านมาสามงวดแล้ว และไอ้งวดที่สี่เนี่ย ยังไม่รู้เลยจะมีจ่ายรึเปล่า?
?เฮ้ย ! ทำไมโชคร้ายอย่างงี้ แล้วนี่พ่อของแกว่าไงบ้าง
?พ่อฉันจะว่าไงได้...พ่อบอกว่าจะพยายามหาเงินมาจ่าย -_- ^
?ฉันเห็นใจแกนะ พ่อทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท เงินเดือนก็ต้องจำกัดจำเขี่ย ส่วนแม่ก็มีปัญหาสุขภาพ ไม่งั้นทางบ้านของแกก็คงมีเงินเหลือเก็บมากกว่านี้ ~ ว่าแต่ ฉันจะช่วยอะไรได้บ้างละ?

?ไม่ต้องหรอกขอบใจ แค่แกเป็นเพื่อนที่ดีของฉันก็พอ ~ เฮ้อ พูดก็พูดเถอะ หลังจากที่แม่คลอดน้ำตาลออกมา แม่ก็สุขภาพแย่มาตลอด พ่อจึงให้ทำงานเป็นแม่บ้านแทน แต่แม่ฉันก็ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ซะด้วยสิ ก็เลยรับจ้างซักรีดเสื้อผ้าบ้าง รับทำขนมบ้าง ทำให้พอมีเงินมาแบ่งเบาภาระของพ่อ? ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดถึงภูมิหลังทั้งๆ ที่ยัยริบบิ้นรู้ดี หลังจากที่ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ม้ายาวที่ใต้ต้นปาล์มที่ยืนเด่นอยู่ข้างตึกเรียน
?ใช่ ใช่ ฉันว่าขนมของแม่แก อร่อยมากเลย ว่าแต่ วันนี้ไม่ได้เอามาขายด้วยเหรอ

?เกิดเรื่องแบบนี้ แม่ไม่มีกะจิตกะใจนั่งทำขนมหรอก ฉันว่าคงยังไม่ได้เอามาขายอีกหลายวัน จนกว่าจะหาเงินมาจ่ายค่าบ้านได้?
ริบบิ้นบีบไหล่ของฉันเพื่อปลอบใจ ฉันจึงส่งยิ้มตอบกลับไปด้วยความซึ้งใจเพื่อนเลิฟ
?ฉันคิดว่าคงต้องหาทางช่วยพ่ออีกแรง? ฉันพูดโพล่งออกมา
?แล้วแกจะช่วยยังไง? ริบบิ้นถาม
?นั่นสิ ว่าแต่ฉันจะช่วยยังไงดีละ จะหาเงินได้ที่ไหน โอ๊ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว T_T?

กรี๊ดดดดดด!! ว้ายยยยย!!

ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่นั้น คลื่นเสียงขนาดหนึ่งพันแปดสิบเดซิเบล ก็ดังลั่นขึ้นไม่ไกลจากที่ฉันนั่งอยู่ ฉันลุกขึ้นยืนเพราะตกใจกับเสียงวี๊ดว้ายของบรรดากลุ่มสาวๆ ที่กำลังรุมล้อมอะไรสักอย่าง (ใช่ ! อะไรสักอย่างที่แปลกประหลาด O_o)
?เฮ้ย! ริบบิ้น มันเกิดอะไรขึ้น! หรือว่าใครเป็นอะไร!?

?ถ้าแกหมายถึง กลุ่มที่อยู่ตรงนั้นละก็...ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก? ริบบิ้น ตอบแล้วชะเง้อคอมอง
?ไม่เป็นอะไร แล้วร้องกรี๊ดกร๊าดกันทำไม...ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่าวะแก??
?ก็เมื่อวานแกลาหยุด...เลยไม่รู้ว่ามหา?ลัยฯ ของเรามีนักศึกษามาใหม่ เป็นนายแบบที่กำลังมาแรงอยู่ตอนนี้เลยเชียวนะ...ที่สำคัญหล่อมั่ก มั่ก รวย โคตรๆ เท่ห์สุดๆ อีกต่างหาก?

?โอ้โห! แกนี่ ทำไมรู้ละเอียดจังวะ?
?จะไม่รู้ได้ไง~ ก็ยัยส้มโอ มาจาระไนคุณสมบัติของนักศึกษาใหม่ให้ฟังซะยืดยาว ฉันก็เลยถึงได้รู้นี่ไง?
?อย่าบอกนะว่า...ยัยส้มโอ ก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย? ฉันเอ่ยถึงเพื่อนหญิงที่เรียนอยู่สาขาเดียวกัน
?แม่นแล้ว!? ริบบิ้นตอบ แล้วพยักหน้าหงึกๆ

?ว่าแต่~ แกไม่ไปร่วมกรี๊ดด้วยเหรอ?? ฉันกระเซ้าแหย่ออกไป
?จะบ้าเหรอ พริก...ในสายตาของฉันมีเพียงพี่ก้องคนเดียวเท่านั้นที่ทั้งแสนดี เท่ห์ และเก่งที่สุด?

?แหว่ะ! ฉันอยากจะอ้วก!...เออ พี่ก้องของแกดีที่สุด? ฉันหัวเราะที่เห็นเพื่อนสนิทปลื้มอกปลื้มใจในตัวรุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬาเทควันโด้ของมหา?ลัยฯ
ฉันมองไปยังกลุ่มสาวๆ ที่ยังคงล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวที่สวมหมวกแก๊ปสีดำ (เหมือนภาพแมลงวันตอมอะไรสักอย่าง!) จึงทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน...ว่าแต่นายคนนั้น จะหล่อขนาดไหนกันเชียว ถึงได้มะรุมมะตุ้มกันจนแทบจะแห่กันรอบตึกอย่างนี้ เฮ้อ ~ เว่อร์ซะจริงๆ ฉันส่ายหัวไปมาให้กับอาการคลั่งไคล้คนหล่อของกลุ่มสาวกของเขา

เมื่อถึงชั่วโมงเรียน ฉันเข้ามานั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวที่สองบริเวณกลางห้องเรียน ฉันรู้สึกมีความสุขกับการเรียนอย่างมาก และฉันก็ทำคะแนนได้ดีในทุกวิชาซะด้วยสิ...แน่นอนว่าเกรดเฉลี่ยของฉันไม่เคยต่ำกว่าสามจุดศูนย์ๆ เชียวนะ ^O^
และวันนี้ฉันก็จะได้พบกับอาจารย์สุดหล่อของฉัน ที่ตลอดทั้งสัปดาห์ฉันมีโอกาสได้พบหน้าอาจารย์ ณภัทร เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น...นั่นไงอาจารย์ณภัทร เดินเข้ามาแล้ว

ว้าววว! วันนี้ตัดผมทรงใหม่ซะด้วย หล่อโคตรๆ ได้ใจฉันไปเต็มๆ เลยอาจารย์ณภัทร สุดหล่อ ^O^

?เอาละ ทุกคนวันนี้ผมมีข่าวมาแจ้งให้นักศึกษาทุกคนได้ทราบกัน? อาจารย์ณภัทร หยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เอ่ยประโยคที่สร้างความสะเทือนใจให้ฉันเป็นอย่างยิ่ง ?คือวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะสอนพวกคุณ เพราะผมกำลังจะแต่งงานและช่วยงานธุรกิจทางบ้านของว่าที่ภรรยา? จบประโยคก็มีเสียงอื้ออึงฮือฮาของเหล่าบรรดาศิษย์ บางคนก็ตะโกนแซวอาจารย์จนเห็นได้ชัดว่าอาจารย์เขินจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงพันชั่งที่สุกซะอีก


โอ! ไม่นะ ไม่! โลกของฉันมันกลายเป็นสีเทาในพริบตา ฮือ ฮือ TOT และแล้ว! ในชั่วโมงสุดท้ายของการสอนของอาจารย์ณภัทร ก็ไม่มีอะไรไหลเข้าสมองของฉันเลยสักอย่าง...โอยยยย! ไม่ไหวแล้ว! ฉันอยากจะแหกปากร้องดังๆ ตะโกนความอัดอั้นออกมา T_T ใช่สิ! ฉันต้องไปหาที่ระบายอารมณ์สักแห่ง คิด คิดสิ ใช่แล้ว! ดาดฟ้าของตึก!


ฉันไม่รอช้าหลังจากที่ออกจากห้องเรียนเป็นคนแรก ฉันผลุนผลันเดินลิ่วตัวปลิวไปที่บันไดเพื่อขึ้นไปที่ดาดฟ้าทันที โดยที่ฉันไม่ทันได้บอกอะไรกับยัยริบบิ้นที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกเหมือนโดนเขาทรายสวนหมัดขวาเข้าเต็มเบ้าตา ฉันวิ่ง วิ่ง วิ่งแล้วก็วิ่ง ในที่สุดก็มาถึงชั้นดาดาฟ้า!...ฉันเปิดประตูผลัวะออกไป เดินไปยืนอยู่กลางลานกว้าง ยืดตัวตรง สูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นฉันตะโกนมันออกมาเต็มที่

เฮงซวยยยยยย !! ห่วยแตกกกกกก !! บ้าบออออออออ !! เฮงซวยยยยยย !! ห่วยแตกกกกกก !! บ้าบออออออออ !! TOT

?นี่! ยัยบ้า เธอมายืนตะโกนแหกปากอะไรบนนี้! หา!? เสียงตวาดของใครคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของฉัน ฉันรีบหันขวับไปเผชิญหน้าทันที (เฮ้ย! มีคนอยู่ด้วยรึนี่! ตายละ ฉันคิดว่าบนนี้มีฉันแค่คนเดียว >O< )
โอ ~ ผู้ชายอะไรฟะ หน้าตาหล่อมากๆ ตาก็โต จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้ม ขนตางอนเป็นแพ และมีผิวขาวอมชมพูอีกต่างหาก...เรียกได้ว่า ?หล่อขั้นเทพ? (คนละคนกับเทพ โพธิ์งามนะยะ)

?นายนั่นแหละ มาทำบ้าอะไรบนนี้? ฉันรีบปรับอารมณ์แล้วแว้ดกลับไป
?ฉันก็มาหาที่สงบๆ นอนนะสิ แต่ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงเพี้ยนๆ มายืนแหกปากส่งเสียงโหวกเหวก จนแสบแก้วหูไปหมด ~ รึว่าเธออกหัก ก็เลยคิดสั้น ถ้าจะคิดสั้นนะ ฉันขอแนะนำให้เลือกทำเลหน่อย กระโดดลงไป รับรองศพไม่สวยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน?

อ๊ายยย >O< ฉันอยากจะกรี๊ดดังๆ แล้วกระโดดเตะปากตามด้วยกระทืบซ้ำให้หมอนี่จมพื้นซีเมนซ์ไปเลย ผู้ชายอะไรฟะ ปากสุนัขชะมัด!

?นี่นาย! จะบ้ารึไง! ใครคิดสั้น...ถ้าจะมีคนคิดสั้น ควรจะเป็นนายมากกว่า...มิน่าล่ะถึงแอบหนีเรียนมานอนตรงนี้ ถ้าหากนายเป็นคนที่คิดยาวมากกว่าฉันจริง อย่างน้อยนายคงนึกเสียดายเงินของพ่อแม่บ้างที่ต้องขายวัวส่งควายมาเรียน!? ฉันตอบโต้เขาอย่างไม่ลดลาวาศอก เรื่องอะไรมาหาว่าฉันจะทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนั้น โง่บรม!

?นี่เธอ! เธอกล้าว่าฉันเป็นควายเชียวเหรอ จะมากไปแล้วนะ ยัยบ้า!?

?ช่วยไม่ได้ ถ้าอยากรับก็เรื่องของนาย..ฉันไม่อยากเสียเวลามาเสวนากับควาย เอ๊ย! คนแบบนาย ไปดีกว่า!? พูดจบฉันก็เดินไปเปิดประตูชั้นดาดฟ้าเพื่อจะกลับไปยังชั้นล่าง โดยไม่ลืมที่จะหันหลังกลับมาแลบลิ้นใส่หมอนั่นที่กำลังยืนหน้ามุ่ย คิ้วชนกันและขบกรามกรอดๆ ด้วยความโกรธ

ฉันเดินลงมาถึงที่บันไดชั้นล่าง แล้วเดินออกมาจากตึกเรียนได้ไม่กี่ก้าว ก็เจอกับยัยริบบิ้นที่ปรี่เดินเข้ามาเกาะแขนพลางถามอย่างห่วงใย
?พริก แกไปไหนมา ฉันเดินหาซะทั่วเลย..คิดว่าแกจะเฮิร์ทเรื่องของอาจารย์ณภัทรจนสติแตกไปซะอีก?
ฉันยิ้มให้ริบบิ้นก่อนตอบ ?ฉันไม่ได้เป็นอะไรและไม่ได้เศร้าขนาดนั้นหรอกน่า แกอย่าห่วงเลย มันก็แค่ตกใจนิดหน่อยเอง?
?แล้วสรุปว่าแกไปไหนมา? ริบบิ้นคาดคั้น

ฉันนึกถึงเจ้าหมอนั่น ผู้ชายหล่อแต่ปากร้ายที่อยู่บนดาดฟ้าขึ้นมา ?ฉันไปเดินเล่นมา พอดีไปเจอเพื่อนของบุญโชคเข้า?
?เพื่อนของบุญโชค...ควายเหรอ? ริบบิ้นเลิกคิ้วถาม

?เออ นั่นแหละ...ว่าแต่ตอนนี้ฉันหิวแล้ว ไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดเข้ากระเพาะกันดีกว่า ตอนบ่ายมีเรียนอีกจะได้มีแรง...?
?งั้นไปร้านเจ้าประจำของเรา? ฉันกับริบบิ้นเดินไปยังร้านอาหารเจ้าประจำที่อยู่ในบริเวณโรงอาหารของมหาลัยฯ เอาเถอะ..ถึงแม้วันนี้โลกจะเป็นสีเทา แต่อย่างน้อย ท้องฉันก็ต้องอิ่มไว้ก่อน ^ _ ^



2


สองสามวันต่อมา พ่อบังเกิดเกล้าของฉันก็เรียกสมาชิกในครอบครัวมานั่งร่วงวงประชุมหลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารค่ำฝีมือแม่ครัวคนเดิมประจำบ้าน
?เอาละ ทุกคน พ่อมีข่าวดีจะบอก?
?ข่าวดีอะไรครับ หรือว่าพ่อได้เลื่อนตำแหน่ง? น้องชายวัยสิบห้าปีของฉันถามขึ้น
?หรือว่าพ่อถูกล็อตเตอรี่จ๊ะ? แม่เดาบ้าง

?ไม่ใช่...ไม่ต้องมาเดากันเลย ที่พ่อบอกว่ามีข่าวดี ก็คือ พ่อหาเงินมาจ่ายค่าบ้านได้แล้วต่างหาก?
?จริงเหรอคะพ่อ พริกดีใจจังเลย? ฉันตื่นเต้นยิ้มอย่างอารมณ์ดี ^_^
?ใช่จ๊ะ ~ เพียงแต่...? พ่อชะงักคำพูด

?เพียงแต่อะไร...คุณบอกมาสิคะ? แม่รบเร้าด้วยความอยากรู้
?เพียงแต่...ต้องมีใครในบ้านนี้ไปทำงานเป็นคนรับใช้ที่บ้านท่านประธานในวันเสาร์กับอาทิตย์?
?คนรับใช้ OoO!!? ทั้งฉัน น้ำตาลและแม่ พวกเราต่างอึ้งไปชั่วขณะ

?ใช่!...คือบังเอิญท่านประธานมาเจอพ่อ ที่กำลังนั่งหน้าเครียด ท่านเรียกเข้าไปถาม พอพ่อเล่าเรื่องที่เรากำลังประสบปัญหาเรื่องเงิน ท่านก็บอกว่าท่านเห็นแก่ที่พ่อเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัทมานาน ท่านยินดีที่จะช่วยโดยจ้างให้ไปทำงานพิเศษ...คือไปเป็นคนรับใช้ที่บ้านของท่านเฉพาะวันเสาร์กับอาทิตย์ เพราะว่าคนรับใช้ของท่านที่มีอยู่เกิดป่วยกะทันหันส่วนอีกคนก็ขอลากลับไปทำนาที่บ้าน ท่านก็เลยขาดคนงาน...ซึ่งท่านยินดีจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าให้สามเดือน เดือนละสองหมื่นบาทเลยนะ? พ่อยิ้มแก้มแทบปริหลังจากที่พูดจบ
?พ่อตกลงไปแล้วใช่ไหมจ๊ะ? แม่ถามทั้งที่รู้คำตอบ

?ก็พ่อไม่มีทางเลือกและเห็นว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลย...?
?ใช่! แม่รู้ว่าไม่เสียหายอะไร..เพียงแต่คนที่จะไปทำงาน...นี่ต่างหากที่แม่กำลังกังวล ถ้าจะเป็นพ่อกับแม่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว...เพราะบางทีพ่อก็ต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน ส่วนแม่ก็โหมทำงานหนักๆ มากก็ไม่ไหว...แล้วเราจะทำยังไงละทีนี้ เฮ้อ~? ท้ายประโยคแม่ถอนลมหายใจออกมา

ฉันมองดูสถานการณ์แล้วก็คงไม่เหลือใครที่เหมาะสม (ที่จริงฉันก็ไม่ค่อยมีคุณสมบัติครบถ้วนเท่าไรนักหรอก -_-^ )
?ถ้าอย่างนั้น พริกไปทำงานเองค่ะ? ฉันพูดโพล่งออกมาด้วยแววตาแน่วแน่ ?พริกทำอาหารเป็น ทำงานบ้านได้ จะให้น้ำตาลไป น้องก็เป็นผู้ชายอีกอย่าง น้ำตาลต้องเรียนพิเศษวันเสาร์อีก พริกคิดว่าพริกเหมาะที่สุดกับงานนี้ค่ะ?
?ลูกพูดจริงๆ เหรอพริก? พ่อดึงฉันเข้ามากอดด้วยความยินดี

?จริงค่ะ พ่อไปบอกท่านประธานได้เลยค่ะ ว่าพริกจะไปทำงานที่บ้านของท่านตั้งแต่วันเสาร์นี้เลยค่ะ?
?ขอบใจลูก? พ่อกอดกระชับฉันแน่นขึ้น แล้วอ้าแขนอีกข้างเพื่อให้น้ำตาลเข้ามาสวมกอด แม่ยืนมองแล้วยิ้มตื้นตันด้วยน้ำตา ในที่สุดครอบครัวก็สามารถหาทางฝ่าวิกฤติเลวร้ายไปได้
ฉันรู้สึกดีจริงๆ ที่อย่างน้อยฉันก็สามารถทำตัวเป็นประโยชน์ให้กับครอบครัวและตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้...รู้สึกตัวเองเป็นลูกกตัญญูจังเลย หุหุ ^_^

วันเวลาก็ผ่านไปทีละวันทีละวัน จนกระทั่งมาถึงเช้าวันเสาร์ พ่อขับรถมาส่งฉันที่บ้านท่านประธาน แต่พ่อต้องรีบไปทำงานสำคัญที่ยังค้างคาอยู่ที่บริษัท ฉันจึงเดินเข้าไปในบ้านคนเดียวด้วยความกลัว กังวล และโอ๊ย! สารพัดความรู้สึกในเวลาแบบนี้ (โธ่พ่อ! มาทิ้งกันได้ T_T )
โอ้โห! OoO บ้านหรือวังฟะเนี่ย ช่างตกแต่งได้หรูหราใหญ่โตซะเหลือเกิน แต่แล้ว! ฉันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงมาจากทางด้านหลัง ฉันหันไปมองทางต้นเสียง (หัวใจเกือบหยุดเต้นแน่ะ)

?เธอที่จะมาทำงานเป็นคนใช้ใหม่ใช่ไหม? เสียงแหบแกมมีอำนาจ บวกกับสายตาที่บ่งบอกถึงความเฉียบขาด และคิ้วโก่งที่ถูกเขียนขึ้น เหมือนกับแม่มดในเทพนิยายของหญิงวัยประมาณหกสิบและมีผมสีดอกเลา ที่อยู่เบื้องหน้าฉันเวลานี้ ทำให้ฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
?ชะ ใช่ ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อ น้ำพริกค่ะ? ฉันยกมือขึ้นไหว้ เจ้าของเสียงดุมองพิจารณาฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา
?เอาละ ตามฉันมา? คำสั่งเฉียบขาดทำให้ฉันค่อยๆ ก้าวเท้าเดินตามไปอย่างนอบน้อม

ฉันเดินมาทางด้านหลังของตึกใหญ่ ผ่านแมกไม้และบ่อน้ำพุที่มีปลาคราฟตัวยาวว่ายไปมา ฉันเดินเลี้ยวมาทางซ้ายห่างจากบ่อปลาไม่ไกลนัก ก็พบกับอาคารชั้นเดียวขนาดเล็ก ที่แบ่งสัดส่วนเป็นห้องนอนสี่ห้องห้อง ห้องครัวขนาดเล็ก และมีมุมสำหรับทานอาหาร
?นี่เป็นห้องพักของเธอ เข้าไปดูสิ? ฉันเปิดประตูก้าวเข้าไปแล้วกวาดสายตามองโดยรอบ
?ในห้องนี้มีห้องน้ำในตัว เธอไม่ต้องห่วง ตึกนี้เราเรียกว่า ?เรือนแม่บ้าน? จะมีทั้งหมดสี่ห้องนอน ซึ่งอีกไม่นานเธอก็จะได้พบกับคนอื่นๆ แล้วก็มีห้องครัวกับโต๊ะกินข้าวนั่น? แม่บ้านใหญ่ชี้นิ้วไปทางโต๊ะอาหารที่เป็นโต๊ะไม้ยาวพร้อมม้านั่งยาวเช่นกัน...?ที่ฉันรู้จากคุณท่าน เธอจะนอนค้างเฉพาะคืนวันเสาร์ใช่ไหม?

?ค่ะ? ฉันตอบสั้นๆ
?เอาละ เธอรีบจัดเก็บของซะ แล้วไปพบฉันที่ห้องโถงใหญ่ ฉันจะมอบหมายงานให้เธอ อ้อ..ฉันเป็นแม่บ้านใหญ่และเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ เธอต้องเรียกฉันว่า ?ป้าทับทิม? เข้าใจไหม!?
?ค่ะ เข้าใจค่ะ..คุณป้าทับทิม?

หลังจากที่ป้าทับทิม ออกไปจากห้องแล้ว ฉันถึงรู้สึกหายใจโล่งปอดขึ้นมาทันที เฮ้อ ~ มาวันแรกก็ทำเอาฉันตัวเกร็งซะแล้วสิ! ตกลงว่าฉันเข้ามาอยู่ในเงื้อมือของยัยแม่มดหรือเปล่าเนี่ย -_ -^

ฉันวางกระเป๋าเป้สีขาวใบโต ที่บรรจุชุดนอนผ้ายืดและชุดทำงาน ก็คือ เสื้อยืดสีฟ้ากับกางเกงขาสามส่วนธรรมด๊า ธรรมดาเท่านั้น ฉันก็รีบเดินไปพบคุณป้าทับทิมที่ยืนคอยท่าอยู่ในห้องโถงพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งในมือ (ขืนไปช้าฉันกลัวโดนแม่มดสาปนะสิ!)
?นี่คือรายการที่เธอต้องทำ...เอาไปอ่านดู สงสัยตรงไหนมาถามฉัน..และนี่? แม่บ้านจอมดุหันไปทางหญิงสาววัยแก่กว่าฉันไม่กี่ปี ?นี่ยัยจุ๊บจิ๊บ หล่อนจะเป็นคนสอนงานให้เธอเอง? พูดจบป้าทับทิมก็หันหลังเดินกลับเข้าไปข้างในโดยปล่อยให้ฉันอยู่กับพี่จุ๊บจิ๊บสองคน
?สวัสดีค่ะพี่ น้องชื่อ น้ำพริกค่ะ? ฉันแนะนำตัว

?พี่ชื่อจุ๊บจิ๊บนะ เราคงอายุห่างกันไม่มาก? พี่จุ๊บจิ๊บพูดขึ้นแล้วยิ้มให้ ?เอาละเดี๋ยวพี่จะบอกรายละเอียดให้กับน้ำพริก ว่าต้องทำอะไรบ้าง ตามพี่มาทางนี้? พูดจบพี่จุ๊บจิ๊บก็พาฉันเดินไปตามห้องต่างๆ สอนงานและฉันก็เริ่มทำงานตามที่แม่บ้านใหญ่เขียนไว้ในกระดาษ
Apple Rdk.

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”