New Release : Game Angel พิสูจน์หัวใจว่าใช่คนของเธอ

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Game Angel พิสูจน์หัวใจว่าใช่คนของเธอ

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
หลังจากบอกเลิกเทน คนรักที่คบกันมานานถึงสี่ปี วินนี่ก็ถูกรถชนจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทว่าเธอกลับได้รับโอกาสให้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งเพราะอายุไขของเธอยังเหลืออีกสี่สิบปี แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องเข้าไปอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนึงซึ่งแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเอง เธอต้องบอกรักเขาและขณะเดียวกันก็ต้องทำให้เทนจำเธอที่อยู่ในร่างนี้ให้ได้ภายในเวลา 14 วัน ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับโอกาสนั้น เพราะสองครั้งแรกเธอทำล้มเหลวมาแล้ว แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หากเธอทำล้มเหลว เธอจะต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในดินแดนที่ว่างเปล่าเพียงลำพังตลอดช่วงอายุไขที่เหลืออยู่





Intro






ที่ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร ปลายฤดูหนาวอันแสนเย็นเยียบ...


?เราเลิกกันเถอะเทน ฉันไม่คิดว่าเราจะไปกันได้ตลอดรอดฝั่งหรอกนะ นิสัยของเราสองคนต่างกันเกินไป แล้วฉันก็ไม่คิดว่านายจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อฉันได้ด้วย?


ฉันพยายามข่มน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่นระริกขณะมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกรู้สม


เทนกับฉันคบกันตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้ว เทนเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ชอบพูดและแสดงความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่นเห็น ที่สำคัญ เขาให้ความสนใจกับการเรียนมากกว่าแฟนอย่างฉันเสียอีก


ในหนึ่งเดือนฉันจะได้เห็นหน้าเขาแค่หนึ่งวัน แถมบางวันก็ยังได้เจอกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ โทรหาก็ไม่ค่อยรับสาย แต่พอรับก็กรอกเสียงยานคางเบื่อหน่ายเหมือนฉันเป็นผู้หญิงน่ารำคาญที่ไม่อยากจะเสวนาด้วย


ฉันพยายามอดทนกับความเฉยชาของเขามาโดยตลอด จนบางครั้งก็ไปแอบร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว แต่สุดท้ายความอดทนทั้งหมดที่เก็บกักมาตลอดสี่ปีของฉันก็ขาดสะบั้นลง เมื่อเขาปฏิเสธที่จะมาฉลองวันเกิดกับฉันเมื่อสองวันที่ผ่านมา แต่เลือกที่จะไปเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่คณะโดยไม่มีแม้แต่ของขวัญหรือคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น พอฉันถาม เขาก็ตอบกลับมาด้วยคำพูดแสนเย็นชาว่า...


?ถูกหลอกให้ไป?


และเพราะประโยคนั้นของเขานั่นแหละ ที่ทำให้ฉันตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรต้องปล่อยมือจากกันเสียที แม้มันจะเป็นการจากลาที่แสนเจ็บปวดทรมานเจียนตายสำหรับฉัน แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีท่าทีร้อนรนอย่างที่คาดหวังไว้ ฉันจึงไม่รั้งรอที่จะพูดประโยคบอกลาแสนคลาสสิกที่ฝึกซ้อมกับหน้ากระจกทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอนออกไปทันที


?หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ?


ก่อนจะยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มรวดเดียวหมด กลั้นใจเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มกว้างให้เทนอย่างเสแสร้งพร้อมกับลุกขึ้นจากโต๊ะ ตั้งท่าจะก้าวออกจากร้านอาหารที่ฉันเป็นคนนัดเขามาพบในวันนี้ แต่ทว่า...


?วินนี่...? เทนคว้าข้อมือฉันไว้เมื่อกำลังจะเดินผ่านเขา โดยที่สายตายังคงมองตรงไปยังเก้าอี้ว่างที่ฉันเคยนั่งเมื่อครู่ ?ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันคงเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้หรอก?


?.....?


?เรา...อย่าเจอกันอีกเลย?


น้ำเสียงราบเรียบของเขาเปรียบเสมือนคมมีดแหลมๆ ที่ทิ่มแทงหัวใจฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นรูพรุน ฉันไม่กล้าหันกลับไปมองเจ้าของคำพูดโหดร้ายแม้แต่หางตา เพราะกลัวจะไม่สามารถสะกดกั้นความเจ็บปวดเอาไว้ได้จนเผลอปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมาให้เขาสงสาร


?ได้สิ ถ้านายต้องการแบบนั้น?


สุดท้ายฉันก็กัดฟันตอบในสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของหัวใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้คนเย็นชายอมปล่อยมือจากฉัน แล้วเราสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบงันกว่าสองนาที ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย


?ลาก่อนนะเทน?


จากนั้นก็ก้าวออกจากร้านไปด้วยหัวใจที่แตกสลายและพยายามข่มใจไม่ให้หันกลับไปมองที่คนใจร้ายอีก


ทันทีก้าวพ้นอาณาเขตร้านอาหารอิตาเลียนที่กินเนื้อที่จนเกือบสุดถนน น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ก็ร่วงเผาะสู่พื้นพร้อมเสียงสะอื้นที่ไม่อาจกลั้นไหว ฉันเอื้อมไปจับเสาไฟจราจรริมฟุตปาธเพื่อพยุงตัวไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงโดยไม่แคร์สายตาของคนที่เดินผ่านไปมา


ทั้งๆ ที่คิดว่าทนได้ ทั้งๆ ที่คิดว่าน้ำตาจะไม่ไหล ทั้งๆ ที่คิดว่าเขาจะรั้งตัวไว้และสัญญาว่าจะยอมแก้ไขในสิ่งผิดพลาดแล้วหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่หวังเอาไว้... เทนไม่รั้งฉัน และไม่คิดจะปรับความเข้าใจกับฉันเลย ไม่แม้แต่จะถามเหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงได้ขอเลิกกับเขา


หรือที่ผ่านมาเขาไม่เคยรักฉันเลย?


ยิ่งคิดแบบนั้นน้ำตาก็ยิ่งไหลรินออกมาไม่ยอมหยุด แม้จะพยายามปาดมันออกจากดวงตาพร่าเลือนสักแค่ไหน แต่ยิ่งเช็ดออกไป มันก็ยิ่งไหลรินออกมามากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว...


ปิ๊ง!


เมื่อเสียงสัญญาณไฟจราจรสำหรับคนเดินข้ามถนนดังขึ้น ฉันก็ปาดน้ำตาออกจากขอบตา สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยาวๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนจะก้าวเท้าลงจากฟุตปาธ เดินไปตามทางม้าลายเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม แต่ทันใดนั้นเองที่ฉันสัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดผ่านต้นคอ ก่อนจะรู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆ ขนาดใหญ่กระแทกเข้าที่สีข้างเต็มแรงจนลอยละลิ่วขึ้นไปบนฟากฟ้าก่อนจะตกกระแทกพื้น


น่าแปลกที่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เจ็บปวด ไม่ทรมาน แต่กลับได้ยินเสียงแหลมกรีดร้องคล้ายมีใครเอาไซเรนมาจ่ออยู่ในรูหู นัยน์ตาพร่าเลือนพยายามกลอกมองไปรอบๆ แม้มันจะไม่ไปตามใจสั่งก็เถอะ แต่ก็พอจะเห็นว่าใครบางคนกำลังวิ่งตรงเข้ามาด้วยใบหน้าตกใจสุดขีด


?วินนี่!!! ทำใจดีๆ ไว้นะ?


เทนละล่ำละลักขณะพยายามกดโทรศัพท์หาใครสักคน เขาไม่แตะต้องตัวฉันเลย ไม่รู้เป็นเพราะรังเกียจเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั้งตัวของฉัน หรือเป็นเพราะกลัวกระดูกฉันจะเคลื่อนที่หากเคลื่อนย้ายไม่ถูกวิธีกันแน่ แต่เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็พบว่าบัดนี้นัยน์ตาคมสีเปลือกไม้ของเขาที่ปกติมักจะมองฉันอย่างเย็นชาฉาบเชื่อมไปด้วยน้ำใสๆ...


เทนร้องไห้!


ผู้ชายคนนี้มีต่อมน้ำตากับเขาด้วยหรือ? ขนาดเจ้า ?ลักกี้? หมาน้อยพันธุ์ชิวาวาที่เขารักเยี่ยงลูกชายแท้ๆ ถูกรถชนตายไปเมื่อสองปีก่อน เขายังไม่มีน้ำตาให้มันสักหยด จนฉันยังอดน้อยใจแทนไม่ได้ แล้วฉันเป็นใคร...ทำไมนายต้องร้องไห้เพราะผู้หญิงที่เพิ่งบอกเลิกนายไปหมาดๆ อย่างฉันด้วยล่ะเทน หรือว่า...


ฉันกำลังจะตาย!


ฉับพลัน ความหวาดกลัวทั้งหลายทั้งปวงก็ประดังประเดเข้ามา ไม่นานฉันรู้สึกว่าฟ้ากำลังมืดลง ไม่สิ...ตาฉันกำลังจะบอดต่างหาก ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเทนค่อยๆ เลือนรางลงจนกระทั่งกลายเป็นความมืดมิดวังเวง


ฉันไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว ไม่เห็น ไม่ได้ยิน และจมอยู่กับความอ้างว้างเงียบงันอยู่แบบนั้นอีกสักพัก ก่อนร่างกายจะกระตุกเอาออกซิเจนเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากนั้นฉันก็ไม่สามารถรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว...








1




แสงสว่างพร้อมไอเย็นยะเยือกราวกับอยู่ในช่องแช่แข็งที่ห่อหุ้มร่างกายฉันไว้ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านจนยากที่จะควบคุมไม่ให้ริมฝีปากหยุดสั่น


ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนขดอยู่บนพื้นเย็นเยียบที่เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกควัน รอบตัวไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือแม้แต่สสารที่สามารถจับต้องได้เลย มีเพียงแสงสว่างสีขาวที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งก็ไม่ได้ทำให้แสบตาเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ หากเป็นแสงอ่อนๆ ที่ทอดผ่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่งราวกับเป็นอุโมงค์ข้ามไปยังอีกมิติของกาลเวลา


ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่?


ความคิดนั้นผุดพรายขึ้นมาในหัวสมองเมื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้นยืนแล้วพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่แบบไหน แม้พยายามยื่นมือไปข้างหน้า คว้าอากาศสะเปะสะปะเพื่อหาที่ยึดเกาะขณะก้าวเท้าสั้นๆ ไปอย่างระมัดระวังก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า


หากฉันจำไม่ผิด ก่อนหน้าที่จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ ฉันเพิ่งถูกรถชนเข้าอย่างจังจนเลือดไหลอาบทั่วทั้งร่างกายและไม่สามารถกระดุกกระดิกตัวได้เลย น่าแปลกที่ตอนนี้ฉันกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด แม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นชุดสีขาวบางๆ คล้ายชุดนอนที่ไม่มีร่องรอยของเลือดเลยแม้แต่น้อย แถมยังสามารถเดินเหินได้ดั่งใจสั่งราวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น...


หรือว่าฉันจะแค่ฝันไปจริงๆ?


?ไม่ใช่ความฝันหรอก เจ้าตายไปแล้วจริงๆ?


เสียงนุ่มของใครบางคนกระซิบแว่วราวสายลมผ่านหลังหูจนรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งกาย เมื่อหันไปมองรอบๆ อย่างหวาดกลัว กลับไม่พบอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า หากเมื่อสุ้มเสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งก็ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อกี้ไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ


?อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเจ้า?


เสียงหัวเราะเบาๆ พร้อมการปรากฏตัวของใครบางคนจากกลุ่มควันสีขาวที่ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ขณะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ความรู้สึกโหวงเหวงในใจของฉันหลุดหายไปทันทีเมื่อพบกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยนของชายหนุ่มผมสีหิมะยาวสยายถึงกลางหลัง ใบหูแหลมคล้ายเอลฟ์ในเรื่องลอร์ดออฟเดอะริงส์ มีห่วงสีเงินวาวขนาดเล็กห้อยอยู่ที่ติ่งหู ชุดสีขาวสะอาดที่สวมใส่ก็คล้ายกับของฉัน ต่างกันตรงที่ด้านหลังของเขามีปีกสีขาวขนาดใหญ่ที่แม้ตอนนี้จะไม่ได้กางออก แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันต้องสง่างามไม่หยอกแน่ๆ หากแผ่ออกกว้างเมื่อทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า


หมอนี่คือใคร?


?เทวดา? ผู้ชายตรงหน้าตอบพลางชี้ไปที่ปีกสีขาวบนแผ่นหลังของตัวเอง ?นี่ของจริงนะ ถ้าไม่เชื่อจะลองสัมผัสดูก็ได้ ถือเป็นอภิสิทธิ์พิเศษสำหรับมนุษย์น่ารักอย่างเจ้า?


?หา??


ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะว่าคนตรงหน้าเป็นเทวดาจริงๆ เพราะจากรูปลักษณ์งดงามหาใครเทียมเท่า กับสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ไม่น่าจะมีอยู่จริงบนโลกมนุษย์ ไหนจะสภาพร่างกายเบาหวิวที่คล้ายกับกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ และการที่เขาสามารถล่วงรู้คำถามในใจฉันได้อย่างน่าประหลาด ถ้าไม่ติดว่าคำพูดของเขาดูเหมือนพวกผู้ชายกะล่อนที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนโลกมนุษย์ ฉันคงเชื่อสนิทใจมากกว่านี้แน่ว่าเขาเป็นเทวดาจริงๆ


?ข้าเหมือนมนุษย์ผู้ชายจอมกะล่อนจริงๆ หรือ?? เขาชี้ที่ตัวเองด้วยแววตาใสซื่อ แต่ฉันอ้าปากค้างไปเลยอ่ะ...


เขา...อ่านใจฉันได้จริงๆ ด้วย!


?เรียกว่าอ่านความคิดจะถูกกว่า?


ไม่อยากจะเชื่อเลย... หมอนี่เป็นเทวดาจริงๆ


แต่เดี๋ยวก่อนนะ!... ถ้านี่เป็นสวรรค์จริงๆ งั้นก็หมายความว่าตอนนี้ฉันตายแล้วน่ะสิ!?


?อันที่จริงจะเรียกว่าตายก็คงไม่ถูกนักหรอก เพราะอายุขัยจริงๆ ของเจ้าคือหกสิบปีบริบูรณ์ ซึ่งก็หมายความว่าเจ้ายังสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกสี่สิบปี แต่เป็นสี่สิบปีเยี่ยงเจ้าหญิงนิทรา ร่างกายของเจ้ายังคงหายใจ อวัยวะทุกส่วนยังคงทำงานได้เป็นปกติ เพียงแต่วิญญาณของเจ้าจะล่องลอยอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่สามารถพบคนที่เจ้ารัก หรือแม้กระทั่งเทวดาองค์อื่นๆ ได้อีกเป็นเวลาสี่สิบปีจนกว่าเจ้าจะสิ้นอายุขัย?


?อะไรนะ!?


ฉันอึ้งสนิทไปเลยเมื่อได้ฟังคำพูดแสนเลวร้ายจากปากคุณเทวดาตรงหน้า ก่อนน้ำตาจะเอ่อคลอบดบังดวงตาจนพร่าเลือน


?ว้า~ ทำหน้าแบบนี้ข้าก็ใจอ่อนแย่น่ะสิ? ร่างสูงพูดด้วยรอยยิ้มกวนประสาท ?ถ้าเจ้าสนใจที่จะเดิมพันกับข้า บางทีเจ้าอาจจะได้กลับไปโลกมนุษย์อีกก็ได้?


?สนใจสิ สนใจมากเลย? ฉันรับคำทันที ทำเอาคนท้าถึงกับยิ้มกริ่ม


?เดิมพันของข้าง่ายมาก...? เขาว่าพลางหมุนนิ้วเป็นวงกลมบนพื้นล่าง ก่อให้เกิดกลุ่มควันสีฟ้าคราม ตรงกลางโปร่งใสคล้ายกระจกเงา ทว่าเมื่อเพ่งมองลงไปก็จะพบกับภาพสะท้อนบนโลกมนุษย์ที่แสนวุ่นวาย ก่อนภาพในกระจกจะเคลื่อนเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ลดเลี้ยวเคี้ยวคดไปตามโถงทางเดินอีกหลายนาทีแล้วจึงไปหยุดลงที่หน้าห้องผู้ป่วยพิเศษบนชั้นเก้า


ห้อง 902


ไม่ถึงเสี้ยววินาทีประตูห้องนั้นก็เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มผมดกดำระต้นคอสวมเสื้อกาวน์ยาวคลุมเข่าคล้ายนายแพทย์ ก่อนเจ้าตัวจะก้าวเข้าไปยืนข้างเตียงผู้ป่วยซึ่งมีหญิงสาวใบหน้าคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนอนปิดเปลือกตาสนิทอยู่ ร่างกายของเธอถูกพันธนาการด้วยสายระโยงระยางนับสิบเส้น แต่เมื่อเพ่งพิจารณาใบหน้าขาวซีดใต้หน้ากากออกซิเจนให้ดีๆ ก็พบว่าคนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติก็คือ...


?ผู้ชายคนนั้นคงเป็นคนรักของเจ้าสินะ...?


?รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? ฉันส่งค้อนให้นายเทวดาจอมกะล่อนก่อนหันกลับไปสนใจยังภาพในห้องพักผู้ป่วยต่อ จนกระทั่งได้เห็นใบหน้าคุณหมอชุดกาวน์ที่เพิ่งจะนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงและกุมมือ ?ฉัน? ที่อยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทราขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ฉับพลันน้ำตาของฉันก็ไหลรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่...


ใช่แล้วล่ะ คนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยคือ...ฉันเอง!!!!


?ฉันเกลียดการเห็นตัวเองอยู่ในสภาพนั้นจัง แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว บอกมาเลยดีกว่าว่าเดิมพันของนายคืออะไร?


?ก็ไม่ยาก...เผอิญว่าก่อนหน้านี้มีมนุษย์ผู้หนึ่งเสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคร้ายที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดโดยที่ยังไม่ได้สารภาพความในใจกับคนรัก ทำให้นางไปเกิดใหม่ไม่ได้ เดิมพันของข้าก็คือ... ให้เจ้ายืมร่างของมนุษย์ผู้นั้น เพื่อทำให้ความหวังก่อนตายของนางเป็นจริง โดยมีข้อแม้อยู่ว่า เจ้าเองก็ต้องทำให้คนรักของเจ้าจำเจ้าที่สวมอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้นั้นให้ได้ก่อนหมดวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง?


?วาเลนไทน์??


?อีกสิบสี่วัน... หากเจ้าชนะเดิมพันครั้งนี้ เจ้าก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ธรรมดากับผู้ชายที่เจ้ารักจนกว่าจะสิ้นอายุขัย แต่ถ้าแพ้... ก็ต้องมอบวิญญาณของเจ้าให้ข้าแต่เพียงผู้เดียว และต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนนี้ไปตลอดกาล?


?ตลอดกาล!?


?จะยกเลิกก็ได้นะ แล้วก็ทนรอไปอีกสี่สิบปีบนนี้เพียงลำพังจนกว่าอายุขัยบนโลกมนุษย์ของเจ้าจะหมดลง?


?ไม่มีทาง! ยังไงฉันก็ต้องกลับไปหาเทนให้ได้?


นายเทวดายิ้มกริ่มราวกับพอใจเป็นหนักหนาที่ฉันติดกับเขาจนได้


?อ้อ... ลืมบอกไปว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเดิมพันกัน เพียงแต่ก่อนหน้านั้นข้าลบความทรงจำเกี่ยวกับโลกมนุษย์ของเจ้าให้เหลือเพียงแค่ช่วงเกิดอุบัติเหตุ?


?มะ...หมายความว่ายังไง!?


?ก็หมายความว่านี่เป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา เจ้าก็จะต้องอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายบนนี้ไปตลอดกาลจริงๆ น่ะสิ ฮ่ะๆ?


เกลียดแก๊!!!


?แต่ข้ารักเจ้าหมดใจ? ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นมาคว้าข้อมือฉันให้ลุกขึ้นตาม ก่อนจะลากไปใกล้กลุ่มหมอกควันสีขาวขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายอุโมงค์มิติ แล้วเหวี่ยงฉันเข้าไปด้านในโดยไม่ถามความสมัครใจของฉันก่อนสักคำ


อ๊างงง ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันกลัวความสูง กลัวความมืด กลัวความตื่นเต้นและเรื่องท้าทายทุกชนิด แล้วตอนนี้...ฉันกำลังเจอกับความสูง ความมืด ความตื่นเต้นและเรื่องท้าทายลึกลับในแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต โฮกกกก ฉันจะตายมั้ยเนี่ย!








2




ตุ้บ!


ร่างฉันไม่ได้หล่นกระแทกพื้นจนม้ามแตกไส้ทะลัก แต่มันกระแทกลงบนอะไรก็ไม่รู้ที่มีลักษณะนุ่มนิ่ม และมันก็ทำให้ฉันสปริงตัวเด้งดึ๋งอยู่หลายครั้งกว่าจะหยุดลงได้ เล่นเอากระเพาะ ตับ ไต ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ขย้อนไปกองรวมกันที่ลิ้นปี่เลยทีเดียว


ฉันค่อยๆ ปรือตาขึ้นทีละข้าง ก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน แล้วพบว่าตอนนี้ฉันกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงหนานุ่มในห้องนอนขนาดใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเด็กผู้หญิงเพราะมีตุ๊กตาหมีวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ไหนจะบรรดาเครื่องสำอางและน้ำหอมหลากยี่ห้อบนโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่สลักลายสวยงามอ่อนช้อยนั่นอีก...ถ้าเจ้าของห้องนี้เป็นผู้ชาย สาบานได้เลยว่าเขาต้องเป็นเกย์แหงๆ


?คิกๆ ยังลงท่าน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ?


หน็อย แทนที่จะมาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นนั่ง กลับมายืนกุมท้องหัวเราะเยาะกันซะงั้น


ฉันย่นจมูกใส่เทวดาขี้แกล้งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งคลึงขมับเพื่อให้คลายความรู้สึกสับสน เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดจนพอจะเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ก็เอื้อมไปหยิบกรอบรูปที่วางบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดู


หญิงสาวสวมแว่นตากรอบเงินท่าทางขี้อาย ใบหน้าจิ้มลิ้มคล้ายพวกคุณหนูที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 18 ปี ซึ่งมีดวงหน้าขาวแต่ซีดเซียวคล้ายเด็กขี้โรค นัยน์ตากลมฉายแววเศร้าสร้อยหากก็พยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มน่ารักที่ถูกแต่งแต้มด้วยลักยิ้มเล็กๆ กรอบหน้าล้อมด้วยลอนผมสีน้ำตาลเข้มแบบธรรมชาติรับกับใบหน้ารูปไข่ได้เป็นอย่างดี


โดยรวมแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่จัดอยู่ในหมวดน่ารักแต่ไม่น่ามองเพราะแต่งตัวเชยเกินไป และถ้าฉันเดาไม่ผิด ยัยแว่นนี่ต้องไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติของผู้ชายทั่วไปแน่ๆ


?เจ้าไม่ควรนินทาร่างชั่วคราวแบบนั้นนะ?


ฉันสะดุ้งออกจากความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเองในทันทีเมื่อเสียงนุ่มของอีตาเทวดาติงต๊องเอ่ยขึ้นอย่างเอือมระอา เขาดีดไม้บรรทัดพลาสติกแบบบางใส่หน้าผากฉันดังเพียะก่อนจะลากฉันไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วชี้ให้ฉันดูหน้าตัวเอง ไม่สิ...นี่ไม่ใช่ตัวฉันสักหน่อย มันคือผู้หญิงที่อยู่ในรูปเมื่อกี้ต่างหาก!


?นี่มัน...?


?ถูกต้องแล้วล่ะ เจ้าจะต้องอยู่ในร่างของแอร์ลีนชั่วคราวจนกว่าจะถึงวันที่สิบสี่กุมภา?


ฉันมองร่างของเด็กหญิงที่สะท้อนจากกระจกเงาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าเรียวเล็กที่ดูจะเล็กกว่าฉันสักหนึ่งเซ็นต์ได้ จมูกและริมฝีปากที่ดูจิ้มลิ้มกระจุ๋มกระจิ๋มตรงข้ามกับฉันอย่างลิบลับ ไหนจะไซส์หน้าอกที่แทบจะแยกไม่ออกว่าอันไหนหน้าอันไหนหลังอีกล่ะ เย้ย! ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงหลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองข้างเดียวมาได้ตั้งนาน


ก็เพราะตัวเองไม่มีอะไรน่าดึงดูดสายตาเลยยังไงเล่า!


?ถึงมนุษย์ผู้นี้จะไม่ดึงดูดเท่าร่างเก่าของเจ้า แต่นางก็มีจิตใจงดงามและเป็นที่รักของทุกคนที่ได้ใกล้ชิด?


?นายกำลังจะบอกว่าฉันเป็นคนจิตใจหยาบช้าอยู่ใช่มั้ย?


?ฉลาดเหมือนกันนี่นา?


ใจร้าย! ถึงฉันจะชอบวิจารณ์รูปร่างสัดส่วนของผู้หญิงคนอื่นไปบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยคิดร้ายต่อใครก่อนเลยนะ (แต่ถ้าถูกหาเรื่องก่อนก็ไม่แน่ ฉันยิ่งมีความอดทนน้อยกว่าคนปกติอยู่ด้วย)


?นั่นเป็นข้อดีของเจ้าที่ทำให้ข้ามอบโอกาสพิเศษครั้งนี้ให้ไง?


?นายเข้ามาอ่านความคิดฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกแล้วนะ?


?ช่วยไม่ได้ ก็เจ้าอยากคิดเสียงดังเองทำไม?


แล้วความคิดมันมีเสียงที่ไหนกันเล่า!


?แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ ยัยเด็กเอ๋อนี่ชื่อ ?แอร์ลีน? ใช่มั้ย แล้วเพื่อนสนิทที่เธอชอบคือใคร ชื่ออะไร??


?ต้องให้ข้าบอกหมดทุกอย่างเลยหรือไง? นายเทวดากะล่อนมุ่นคิ้ว ก่อนจะหมุนหัวไหล่ฉันให้หันกลับไปมองเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง ?โอกาสของเจ้าเหลือเพียงครั้งสุดท้ายแล้วนะ จงใช้สิบสี่วันบนโลกมนุษย์ให้คุ้มค่า...ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรก็ตรึกตรองให้รอบคอบเสียก่อน เข้าใจที่ข้าพูดใช่มั้ย?


?ขะ...เข้าใจ?


แงๆ ฉันไม่กล้าสบตาเขาเลยอ่ะ เวลาเขาทำหน้าขึงขังดูคล้ายเทนมากเลย คล้ายจนแทบเป็นคนคนเดียวกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาของพวกเขาสองคนแตกต่างกันอย่างลิบลับ ฉันคงคิดว่าเทนแอบสวมวิญญาณเข้ามาสิงอยู่ในร่างของอีตาเทวดานี่แล้วล่ะ


?แล้วถ้าเผื่อฉันอยากจะติดต่อกับนายล่ะ??


?เจ้าคิดว่าเทวดาอย่างข้าว่างงานนักหรือไง ถึงจะเรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้?


ดูเหมือนนายจะทำตัวมีสาระได้ไม่ถึงห้านาทีเลยนะ เมื่อกี้ฉันคงมองนายผิดไปจริงๆ


โป๊ก!


แล้วมะเหงกของเขาก็เขกเข้าที่กบาลฉันจนสะดุ้งโหยง โฮกกก ทำไมไม่เอาสากกะเบือมาฟาดให้เลือดอาบไปเลยเล่า เจ็บนะเฟ้ย!


?ห้ามนินทาเทวดาในใจ?


เผด็จการ!


นายเทวดากะล่อนชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเอานิ้วจิ้มที่กระจกเงาตรงหน้า ไม่นานกระจกก็ปรากฏเข็มนาฬิกาลักษณะคล้ายศรธนูของคิวปิดกำลังเดินทวนเข็มอย่างเป็นจังหวะ ข้างๆ เป็นกรอบข้อความลักษณะคล้ายขนนก และเมื่อนายเทวดากะล่อนใช้ปลายนิ้วแตะที่กรอบข้อความ มันก็ปรากฏอักษรอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันอ่านไม่ออกขึ้นมาหลายบรรทัด


?เขาเขียนว่าอะไรน่ะ?


เทวดากะล่อนไม่ตอบ แต่มองฉันด้วยสายตาเอือมระอาแทน


?ฉันไม่ได้สอดรู้นะ แค่คิดว่ามันน่าสนใจเฉยๆ?


อีกฝ่ายถอนหากใจพรืดก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาเอือมๆ


?ข้าต้องไปแล้วล่ะ มีนัดดินเนอร์กับที่รัก?


?หา??


เทวดามีความรักได้ด้วยหรือ?


?เทวดาก็มีหัวใจนะ? ว่าพลางแตะที่กระจกอีกครั้ง แล้วภาพมายากลตรงหน้าก็หายวับไปในพริบตา เปลี่ยนกลับไปเป็นกระจกธรรมดาเหมือนเดิม ?อ้อ...ข้าชื่อ ?เอเธน? ไม่ใช่เทวดากะล่อน เรียกให้มันถูกๆ ด้วย ไม่งั้นข้าจะงอนแล้วนะ?


?เจ้าค่ะ?


?เดิมพันจะเริ่มขึ้นหลังจากที่ข้าไปแล้ว ขอให้สนุกกับชีวิตใหม่บนโลกมนุษย์นะ? เขาพูดด้วยรอยยิ้มแฝงความนัย ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้ฉันแล้ววาดมือเป็นวงกลมตรงหน้า ก่อให้เกิดกลุ่มหมอกควันแบบเดียวกับอุโมงค์มิติบนสวรรค์ก่อนหน้านี้


?ไปล่ะ จุ๊บๆ?


แล้วเขาก็หายไปพร้อมกับหมอกควันในที่สุด


อ๊า!! นายยังไม่ได้บอกเลยนะว่าฉันจะติดต่อนายได้ยังไง ให้ตายสิ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป เทวดาอะไรก็ไม่รู้ กวนประสาทที่สุด!


ฉันได้แต่ยืนอึ้ง เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี แต่พอเหลือบไปเห็นข้อความบางอย่างบนกระจกเงาบานเดิมกับที่นายเทวดากะล่อนที่ชื่อเอเธนเคยเนรมิตนาฬิกาแปลกๆ ขึ้นมา...


?Game Beginning?


ฉันก็สะดุ้งเฮือกทันที


เย้ย! เริ่มเดิมพันแล้วเหรอ ถ้า 1 วันมี 24 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงมี 60 นาที ฉะนั้นฉันจะมีเวลาปฏิบัติภารกิจรักแค่ 20,160 นาทีเองน่ะสิ! เหมือนจะเยอะ แต่จริงๆ แล้วน้อยสุดๆ แล้วฉันก็ยังไม่รู้เลยว่ายัยเด็กแอร์ลีนแอบชอบเพื่อนคนไหน ดูจากท่าทางติ๋มๆ หงิมๆ แล้วคงจะไม่พ้นพวกนักเรียน ม.ปลาย ทั่วไปที่ชอบคลั่งไคล้ผู้ชายอบอุ่น มีความเป็นผู้นำสูงประมาณพวกประธานนักเรียนอะไรทำนองนั้น ปัญหาก็คือยัยเด็กนี่เป็นใคร เรียนที่ไหน นิสัยใจคอเป็นยังไง แล้วฉันจะสามารถสารภาพรักกับผู้ชายที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยได้หรือเปล่า หวา! เดิมพันครั้งนี้ยากใช่ย่อยเลยแฮะ


ก๊อก ก๊อก...


เสียงเคาะประตูจากใครบางคนทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หันกลับไปมองประตูห้องที่กำลังเปิดออกช้าๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสูงอายุท่าทางใจดีแต่งชุดฟอร์มแบบโอเวอร์เหมือนพวกแม่บ้านในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น และเมื่อเธอเห็นฉันยืนอยู่หน้ากระจกก็ตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกทันที


?คุณหนู! ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลยคะ?


ฉันมองที่คุณแม่บ้าน (รึเปล่า) คนนั้นอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือมุมห้องแล้วพบว่าบัดนี้เป็นเวลา 7.00 น.


แถวบ้านฉันไม่เรียกว่าเช้าหรอกนะคะ อย่าบอกนะว่าปกติยัยเด็กแอร์ลีนตื่นสายกว่านี้ ขี้เกียจใช่ย่อยเลยแฮะ


?นอนน้อยจะไม่สบายเอานะคะคุณหนู? คุณแม่บ้านปรี่เข้ามาพยุงฉัน แล้วพากลับไปนั่งลงที่เตียงตามเดิม


?นี่วันอะไรคะ?


?วันพุธค่ะ?


?ปกติฉันไม่มีเรียนทุกวันพุธหรือคะ??


?เอ๋?? คุณแม่บ้านมองฉันด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนอังมือที่หน้าผากฉันเบาๆ ?ตัวยังอุ่นๆ อยู่เลย ป้าว่าอย่าเพิ่งไปโรงเรียนเลยนะคะ หยุดต่ออีกสักวันเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะโทรตามอาจารย์มาสอนพิเศษที่บ้านให้เอง?


โอ้โห! ยัยคุณหนูแอร์ลีนนี่ไฮโซใช่เล่นเลยแฮะ หยุดเรียนแค่วันเดียว ถึงขนาดต้องจ้างอาจารย์มาสอนพิเศษให้ถึงบ้านเชียวรึ น่าอิจฉาชะมัด ทีฉันเป็นไข้หวัดใหญ่ (แต่ไม่ใช่หวัด 2009 นะ) หยุดเรียนไปตั้งสามวัน ยังต้องวิ่งยืมสมุดเลกเชอร์จากเพื่อนร่วมคลาสมาถ่ายเอกสารเองเลย โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ


?ฉันหายดีแล้วล่ะค่ะคุณ...ป้า เวลาของฉันเหลืออีกแค่สิบสี่วันเท่านั้น ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์น่ะค่ะ?


?สิบสี่วัน? ทำไมต้องสิบสี่วันด้วยคะ หรือกำหนดสอบปลายภาคออกแล้ว?


เออเนอะ ฉันก็ลืมไปซะสนิทเลยว่ายัยคุณป้านี่ไม่รู้ว่าฉันเดิมพันอะไรกับอีตาเทวดาเอเธนไว้


?ใช่ค่ะ เหลืออีกแค่สิบสี่วันเท่านั้นก็จะถึงกำหนดสอบปลายภาค ฉันเลยอยากจะไปกอบโกยความรู้ที่โรงเรียนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะค่ะ?


แล้วฉันก็ผิดศีลข้อมุสาจนได้ ฉันส่งยิ้มให้คุณแม่บ้าน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วหันกลับมาส่งยิ้มให้คนที่ยังคงยืนมองการกระทำของฉันด้วยสายตาประหลาดใจอยู่ที่เดิม


?ฉันลืมถามอะไรไปอย่าง...ปกติฉันเรียกคุณป้าว่าอะไรคะ?


?มะ แม่นมค่ะ?


คุณป้าแม่บ้านที่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามีงานหลักเป็นแม่นมของยัยคุณหนูแอร์ลีนตอบด้วยดวงตาเบิกกว้าง ฉันจึงต้องแกล้งทำเนียนเป็นล้อเล่นเพราะกลัวว่าแกจะหัวใจวายตายไปกับแอร์ลีนลุคใหม่ซะก่อน (ยิ่งอายุมากแล้วด้วย) ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระของตัวเองต่อ







Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

Re: New Release : Game Angel พิสูจน์หัวใจว่าใช่คนของเธอ

โพสต์ โดย Gals »


3




หลังออกจากห้องน้ำ ฉันก็ถูกแม่บ้านวัยละอ่อนกว่าห้าคนกรูเข้ามาจับแปลงโฉมให้กลายเป็นเด็กสาวไฮสคูลท่าทางเรียบร้อยเหมือนพวกหนอนหนังสือ ชุดยูนิฟอร์มที่หนึ่งในคุณแม่บ้านเพิ่งนำมาให้สวมใส่เป็นชุดของโรงเรียนจิงเกิลเบลส์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ฉันไม่เคยมีความคิดจะไปสมัครเรียนเลยสักครั้งเพราะค่าเทอมแพงมหาศาล แถมยังมีแต่พวกคุณหนูไฮโซใช้ของแบรนด์เนม แต่งตัวฟูลออพชั่นมาโอ้อวดกันปานที่บ้านผลิตเงินใช้เอง ซึ่งตรงข้ามกับสังคมคนหาเช้ากินค่ำแบบฉันอย่างลิบลับ


น่าแปลกที่ยัยคุณหนูแอร์ลีนไม่ได้แต่งตัวตามแฟชั่นใช้ของหรูหราเหมือนเพื่อนร่วมโรงเรียน ทั้งๆ ที่ฐานะทางบ้านก็ไม่น่าจะธรรมดา ยัยนี่คล้ายพวกเด็กเก็บกด รังเกียจสังคม ชอบปลีกวิเวก เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่มีเพื่อนคบซะมากกว่า ซึ่งฉันไม่ชอบคนแบบนี้เอาซะเลย เพราะคนพวกนี้มักจะขี้หวงความรู้ไม่ชอบให้เพื่อนลอกการบ้าน


ฉันกวาดตามองไปรอบๆ บ้านอย่างละลานตา อันที่จริงฉันไม่อยากใช้คำว่า ?บ้าน? เลยซะด้วยซ้ำ เพราะมันหรูหราโอ่อ่าเหมือนพระราชวังของกษัตริย์แถบตะวันออกกลางอะไรทำนองนั้นมากกว่า เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคัดสรรออกแบบมาอย่างลงตัวกลมกลืนราวกับเกิดมาเพื่อกันและกันอย่างแท้จริง ฉันน่าจะลองถามเจ้าของบ้านหลังนี้ดูสักหน่อยว่าชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไร เพื่อฉันจะได้กลับไปบอกพ่อกับแม่ให้ขยันทำบุญสร้างกุศลแบบเขาบ้าง ชาติหน้าจะได้รวยๆ


?เชิญครับคุณหนู?


หลุดออกจากความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองอีกครั้งแล้วหันไปมองชายวัยกลางคนสวมชุดสูทสีดำผูกหูกระต่ายสีเดียวกัน เหมือนพ่อบ้านในนิยายเกาหลี ซึ่งกำลังโค้งคำนับให้ฉันอย่างนอบน้อมจนสันจมูกแทบจะแตะพุงตัวเองอยู่แล้ว เขายืนอยู่หน้าประตูหลังของรถยุโรปขนาดใหญ่ที่เปิดอ้าไว้พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉันก้าวขึ้นไปนั่งยังเบาะหนังสีครีมด้านใน


?ขอบคุณค่ะ?


ฉันโค้งศีรษะให้คุณพ่อบ้าน (มั้ง) อย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะมองเลยไปยังผู้ชายอีกคนที่สวมชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกับฉันซึ่งนั่งรออยู่ในรถก่อนหน้านั้นแล้ว


?นั่นพี่ชายฉันหรือคะ??


?เอ๋??


คุณพ่อบ้านเอียงคอมองฉันอย่างงุนงง ก่อนหันไปมองผู้ชายที่ยังคงนั่งเท้าคางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอยแล้วหันกลับมามองฉันอีกครั้ง


?นั่นคุณชายโชกุนไงครับ?


?...!??


ได้ข่าวว่าลุงตอบไม่ตรงคำถามนะคะ ฉันไม่ได้ถามว่าเจ้าหมอนั่นชื่ออะไร แต่ฉันถามว่าเขาเป็นพี่ชายของยัยแอร์ลีนหรือเปล่าต่างหาก


ฉันกลอกตามองคุณพ่อบ้านอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันไปมองสันจมูกโด่งๆ กับไรผมสีทองระต้นคอของคนในรถอย่างพิจารณา ทว่าในวินาทีต่อมา นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนก็ตวัดมาที่ฉันอย่างเย็นชา ก่อนคิ้วคมเข้มจะขมวดมุ่นเข้าหากัน


?จะยืนเซ่อแบบนั้นอีกนานมั้ย?


?หา??


แน่ใจนะว่านั่นคือคำทักทายจากสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน ช่างไร้มารยาทสิ้นดี สู้ฉันกับวิกกี้ก็ไม่ได้ พวกเราสองพี่น้องมักจะหอมแก้มและกอดกันกลมทุกเช้าก่อนจะแยกย้ายกันไปโรงเรียนของตัวเอง กลับถึงบ้านก็หอมแก้มแล้วกอดกันแนบแน่นอีกครั้งเพื่อต้อนรับกันและกันกลับเข้าสู่บ้านที่แม้จะไม่ใหญ่โตเท่าหลังนี้ แต่ก็เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นของคนในครอบครัวอย่างเหลือล้นจนแทบจะกลายเป็นอบร้อนเสียด้วยซ้ำ


?อย่าทำตัวน่ารำคาญได้มั้ยยัยห่วย ถ้ายังไม่รีบขึ้นรถ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องสะเหล่อขอติดรถฉันไปโรงเรียนอีกเลยนะ?


นั่นปากเหรอไอ้เด็กบ้า! ต่อให้นายหล่อกระชากไส้แค่ไหน แต่ถ้าทำนิสัยแย่ปานพวกอันธพาลแบบนี้ก็อย่าหวังว่าฉันจะญาติดีด้วยเลย


ฉันเชิดหน้าใส่นายโชกุนที่ยังไม่เปิดเผยสถานะว่าเป็นใครกันแน่ (คาดว่าน่าจะเป็นพี่ชายของยัยแอร์ลีน แต่ทำไมหน้าตาพวกเขาสองคนถึงไม่เหมือนกันเลยล่ะ? หรือจะเป็นลูกคนละแม่?) ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งที่เบาะหลังข้างๆ คนกวนประสาท แล้วกอดอกลอยหน้าลอยตาโดยไม่คิดจะทักทายให้เสียปากเลยสักนิด


ชิส์! เวลาสิบสี่วันบนโลกมนุษย์ของฉันมีค่ามากกว่าจะมานั่งเสียเวลาต่อปากต่อคำกับคนสันดานเสียอย่างนาย ภารกิจที่สำคัญของฉันคือตามล่าหาเพื่อนสนิทที่ยัยแอร์ลีนหลงรักเพื่อสารภาพความในใจให้เขารับรู้และทำให้เทนจำฉันในร่างยัยคุณหนูแว่นให้ได้ ส่วนเรื่องพี่ชายนิสัยเลวของยัยนี่...


ช่างหัวมัน ฉันไม่แคร์!







ใช้เวลาในการเดินทางกว่าครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงเรียนมัธยมของพวกคนมีกะตังค์จนได้ ลุงคนขับจอดส่งฉันกับโชกุนที่หน้าประตูโรงเรียน แต่เมื่อฉันตั้งท่าจะก้าวตามโชกุนเข้าไปด้านในก็ถูกตาดุๆ ตวัดมาขึงใส่อย่างไม่ชอบใจซะงั้น


?ตามมาทำไม บอกแล้วไม่ใช่รึว่าอย่าให้คนอื่นรู้เด็ดขาดว่าเราอยู่บ้านเดียวกัน?


?หา??


นี่นายรังเกียจน้องสาวตัวเองถึงขนาดนี้เชียวหรือ มากเกินไปแล้วมั้งพ่อคู้ณ ยัยแอร์ลีนก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อย ถ้าถอดแว่นหนาๆ นี่ออกแล้วแต่งหน้าทาปากสีอ่อนๆ เน้นความเป็นธรรมชาติแบบที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นตอนนี้อีกสักนิด ขี้คร้านพวกผู้ชายหน้าโง่จะวิ่งกระดิกหางดิ๊กๆ เข้าหาโดยไม่ต้องเอาเพดดีกรีสูตรเนื้อมาล่อเลยด้วยซ้ำ


?งั้นคราวหน้านายก็โหนรถเมล์มาเองสิ เพราะฉันก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดที่ต้องนั่งรถมากับผู้ชายหน้าเหมือนรูตูดอย่างนาย เชอะ!?


ฉันเชิดใส่โชกุนแล้วหมุนตัวเดินนำเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่เปิดโอกาสให้คนที่ยืนมองฉันด้วยดวงตาเบิกกว้างได้โต้ตอบกลับมาอีกครั้ง


ชิส์ ไม่ว่าก่อนหน้านี้ยัยแอร์ลีนจะน่ารักใสซื่อบริสุทธิ์และเป็นฝ่ายถูกกระทำเสมอมาเหมือนอีเย็นหรือไม่ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนบังอาจทำร้ายร่างของยัยนี่อีกเป็นอันขาด


ซ่า!


แต่ยังไม่ทันขาดคำ น้ำสีดำข้นคลั่กสุดเหม็นอย่างกับน้ำซักผ้าถูพื้นก็สาดเข้าใส่ฉันเต็มๆ จนเปียกโชกไปทั้งตัว ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นนานหลายวินาที ก่อนจะตั้งสติได้ จึงค่อยๆ ปาดคราบน้ำสกปรกออกจากใบหน้าแล้วหันไปมองยังตำแหน่งต้นเหตุซึ่งก็คือผู้หญิงสามคนที่กำลังยืนกอดอกมองฉันด้วยรอยยิ้มสะใจเหมือนพวกสามสหายตัวอิจฉาในเรื่องเอฟโฟร์เวอร์ชั่นเกาหลีเปี๊ยบ


?มองอะไรยัยขี้เหร่?


หนึ่งในกลุ่มตัวอิจฉาซึ่งมีเรือนผมสีทองปานก้อนขี้เหยียดสายตามองฉันอย่างดูถูก ในมือยังถือหลักฐานซึ่งเป็นถังพลาสติกใสที่ยังคงหลงเหลือคราบตะกอนสีดำอยู่ที่ก้นถัง


?ฝีมือเธองั้นเรอะ?


?ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ผู้หญิงผมบ็อบสั้นมีไฝที่ใต้ตาขวาตอบพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย


?ก็ไม่ทำไม...แค่อยากถามให้แน่ใจ อย่างน้อยๆ เวลาเอาคืนจะได้ไม่ผิดตัว?


ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ยัยสามคนนี้คงไม่รู้ซะแล้วว่าฉันในเวอร์ชั่นวินนี่เคยเป็นเจ้าแม่ขาโจ๋ประจำโรงเรียนมาก่อน เพิ่งมาหยุดก่อเรื่องทะเลาะวิวาทก็ตอนคบกับเทนนั่นแหละ เพราะเทนขอร้องให้ฉันเลิกสร้างบาดแผลให้ตัวเองสักที แล้วฉันก็แพ้สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเขาซะด้วยสิ สุดท้ายฉันจึงล้างมือจากวงการนักเลงแล้วพลิกคาแรกเตอร์มาเป็นสาวสวยแสนเซ็กซี่เพื่อมัดใจแฟนหนุ่มแทน


แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนะจะบอกให้ เพราะฉันถือคติที่ว่า... ?คนอย่างวินนี่ ฆ่าไม่ได้แล้วก็หยามไม่ได้ด้วยเฟ้ย!?


?ต๊ายตาย เดี๋ยวนี้ยัยขี้เหร่ของเรากล้ามีปากเสียงแล้ว จิ๊ๆ ไปกินยาผิดอะไรมาล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นผลมาจากการที่ถูกพวกฉันตบสั่งสอนไปเมื่อสองวันก่อนจนสมองเอ๋อไปเลย ฮ่ะๆ?


ที่แท้สาเหตุที่ยัยคุณหนูแอร์ลีนป่วยหนักจนต้องหยุดเรียนไปถึงสองวันเต็มๆ ก็เพราะยัยสามคนนี้นี่เองเหรอ แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ตอนนี้ยัยคุณหนูตายไปแล้วนี่นา งั้นก็หมายความว่ายัยคุณหนูถูกพวกแรดสามตัวนี่เล่นงานจนตายเลยน่ะสิ ให้ตายเหอะ! นี่มันจะเล่นกันแรงเกินไปแล้วนะ พวกเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้จนถึงขั้นเสียชีวิตแบบนั้น สงสัยคงจะให้อภัยไม่ได้แล้วล่ะมั้ง


ฉันจ้องยัยสามคนตรงหน้าเขม็ง รู้สึกถึงความสั่นสะท้านของร่างกายเพราะความโกรธที่พลุ่งพล่านถึงขีดสุด หากสาเหตุที่ทำให้ยัยคุณหนูแอร์ลีนต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรมาจากยัยสามคนนี้จริงๆ ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนแก้แค้นคืนให้เธอเอง


ฉันกำหมัดแน่น ตั้งท่าจะเดินเข้าไปสั่งสอนพวกนั้นให้รู้สำนึกในบาปกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ ทว่าหัวไหล่ฉันก็ถูกใครบางคนที่เดินมาจากทางด้านหลังกระแทกจนเสียหลักไปหลายก้าว ก่อนจะเงยหน้าไปพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนเดียวกับที่เพิ่งทำสายตารังเกียจฉันเมื่อครู่นั่นเอง


?เมื่อกี้พวกเธอพูดว่าอะไรนะ?


?ชะ...โชกุน?


ยัยหัวทองทิ้งถังน้ำในมือขณะจ้องมองโชกุนด้วยสีหน้าหวาดกลัวเช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสอง


?ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร!?


คราวนี้เสียงตวาดกร้าวของโชกุนทำให้ยัยแรดทั้งสามถอยกรูดไปยืนตัวสั่นระริกกอดกันกลมดิกปานหมาจนตรอกเลยทีเดียว ชิส์! ทีกับผู้ชายทำเป็นกลัวหัวหด แต่ดันมารังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้อย่างยัยคุณหนูแอร์ลีนลับหลังเนี่ยนะ ทุเรศชะมัด


?ปะ เปล่านะ พวกฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ?


ยังมีหน้ามาโกหกอีก ได้ข่าวว่าเมื่อกี้พวกหล่อนเพิ่งสารภาพออกมาเองไม่ใช่หรือไงว่าเป็นคนตบยัยคุณหนูจนสิ้นชีพไปเมื่อสองวันก่อน ถ้าแน่จริงกล้าทำก็ต้องกล้ารับสิยะ


?ไปตักน้ำมา?


?.....?


?ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าฉันไม่เห็นน้ำสามถังวางอยู่ตรงหน้า พวกเธอตายแน่?


?โฮกกกกก?


?หนึ่ง...?


?ชะ...โช?


?สอง?


?แงๆ อย่าทำพวกฉันเลยนะ?


?สาม!?


?แว้กกกก ไปแล้วจ้าไปแล้ว?


แล้วทั้งสามคนก็วิ่งจู๊ดหายลับไปทางด้านหลังตึกเรียนทันที ทิ้งให้ฉันอยู่กับผู้ชายที่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ สองต่อสอง


หวังว่าเขาคงไม่คิดจะเล่นงานฉันฆ่าเวลาระหว่างรอยัยสามคนนั้นไปตักน้ำหรอกนะ


?ส่วนเธอ...?


นั่นไง กะแล้วเชียวว่ายังไงหมอนี่ต้องหาเรื่องฉันเป็นรายต่อไปแน่


?จะด่าอะไรฉันอีกล่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องยัยพวกนั้นก่อน?


โชกุนชะงักอึ้งกับคำพูดของฉันไปชั่ววินาที ก่อนจะมุ่นคิ้วมองฉันอย่างตำหนิ


?ถ้าคราวหน้าถูกรังแกอีกก็บอกฉัน?


?หือ??


คราวนี้เป็นฉันบ้างที่อ้าปากเหวอมองโชกุนอย่างไม่เข้าใจ ถ้าฉันเดาไม่ผิด ความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ไม่น่าจะไปกันได้สวยเลยนี่นา ก่อนหน้านี้นายโชกุนยังพูดจาประชดประชันใส่ฉันอยู่เลย แถมยังรังเกียจถึงขนาดห้ามไม่ให้อยู่ใกล้เพราะกลัวคนอื่นจะรู้ว่าพวกเราอยู่บ้านหลังเดียวกันอีกต่างหาก แล้วทำไมเขาถึงมาช่วยฉันในร่างยัยคุณหนูแอร์ลีนล่ะ ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจมากเลยด้วยซ้ำที่รู้ว่าน้องสาวตัวเองถูกคนอื่นรังแก หรือหมอนี่จะเป็นพวกสองบุคลิก?


?เลิกทำหน้าทุเรศๆ แบบนั้นสักที ที่ฉันช่วยเธอเป็นเพราะไม่อยากถูกพ่อด่าว่าไม่ดูแลเธอให้ดีๆ ต่างหาก?


?อ้อ ที่แท้ก็สร้างภาพนี่เอง แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้งงอยู่ได้ตั้งนาน?


?หืม?? โชกุนมุ่นคิ้วมองฉันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับกำลังตรวจหาเชื้อไวรัสมรณะสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดจากรูขุมขน ?เธอไม่สบายรึเปล่า?


โชกุนตั้งท่าจะยื่นมือมาอังที่หน้าผากฉัน แต่ก็หยุดชะงักกลางอากาศก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางโดยไม่หันกลับมามองฉันอีกเลยจนกระทั่งยัยสามตัวร้ายแบกถังน้ำที่เติมจนเต็มกลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาก็เบือนความสนใจไปยังพวกหล่อนอีกครั้ง








4





?ราดหัวตัวเองซะ?


?อะไรนะ!?


น้ำเสียงเย็นเยียบแต่แฝงไปด้วยความดุดันของโชกุนทำเอาสามสาวตัวแสบอ้าปากค้างตาเบิกกว้างไปตามๆ กัน พวกหล่อนยังคงอึ้งตะลึงกับบทลงโทษแสนจะธรรมด๊าธรรมดาของคนขี้เก๊กจนเขาต้องตะคอกประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง พวกหล่อนจึงลนลานคว่ำถังที่บรรจุน้ำสะอาดราดหัวตัวเองจนเปียกโชกไปทั้งตัว


ช่างเป็นการลงโทษที่ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย แทนที่จะควักขี้โคลนแถวนี้เข้าไปผสมด้วย จะได้เหม็นเน่าเป็นเพื่อนฉัน แต่ไหงพวกหล่อนกลับได้อาบน้ำสะอาดแทนล่ะ ฉันเสียเปรียบเห็นๆ


?ดี คราวนี้ก็ขอโทษยัยนี่ซะ?


?แต่ว่า...?


?ฮึ่ม!?


ยัยพวกขี้อิจฉาทั้งสามหันมามองฉันด้วยสายตาเคียดแค้น แต่เพราะได้ยินเสียงคำรามในลำคอของโชกุนที่เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าหากพวกหล่อนไม่ทำตามที่เขาสั่ง อาจมีการนองเลือดเกิดขึ้นได้ พวกหล่อนจึงกัดฟันพูดในสิ่งที่ไม่เต็มใจออกมา


?ขอโทษ!?


ดูเหมือนไม่สำนึกเลยนะ แต่ก็เอาเถอะ ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้ก็แล้วกัน แต่ถ้ามีครั้งหน้าพวกเธอโดนหนักกว่านี้แน่ ฮึ่ม!


?ดี และถ้าคราวหน้าพวกเธอยังกล้ารังแกยัยนี่อีกล่ะก็...? โชกุนหยุดคำพูดตัวเองไว้เพียงเท่านั้นขณะกราดสายตามองยัยตัวอิจฉาทั้งสามอย่างเย็นยะเยือกแบบที่คนโง่ๆ ยังสามารถเข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดีว่าถ้ามีคราวหน้า ?พวกหล่อนตายแน่!?


?ไสหัวไปได้แล้ว?


?แต่โช...?


?ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง หรืออยากถูกฉันตีหา!?


ได้ยินดังนั้นยัยตัวอิจฉาทั้งสามก็คว้าถังเปล่าเผ่นแน่บไปจากตรงนี้ทันที ทิ้งให้ฉันยืนตัวสั่นเทิ้มเพราะความชื้นจากชุดยูนิฟอร์มซึ่งเปียกเปื้อนไปด้วยน้ำสกปรกที่ยังคงหยดติ๋งๆ ไปตามพื้นราวลูกหมาตกท่อระบายน้ำ


แงๆ น่าเสียดายทรงผมที่คุณแม่บ้านอุตส่าห์เซ็ตให้ (ผมเปียสองข้างเหมือนพจมาน) แล้วแบบนี้ฉันจะเข้าเรียนได้ยังไงล่ะเนี่ย ทั้งเปียกทั้งเหม็น มีหวังเพื่อนร่วมห้องพากันอ้วกแตกอ้วกแตนกันแหงๆ


ขวับ!


จู่ๆ โชกุนก็คว้าข้อมือฉันแล้วลากให้เดินตามไปยังด้านหลังตึกเรียนซึ่งเป็นอาคารกีฬาขนาดใหญ่ เข้าไปยังโซนห้องแต่งตัวของนักกีฬาชาย


เฮือก! ห้องแต่งตัวนักกีฬาชายเนี่ยนะ! นายพาฉันมาที่นี่ทำไมไม่ทราบ ข่าวว่าฉันเป็นผู้หญิงนะยะ... หรือไม่ใช่?


?นายจะทำอะไรฉัน?


?หุบปาก!?


แว้กกกก แล้วทำไมต้องตะคอกด้วยเล่า ฉันเป็นสตรีนะเฟ้ย ไม่เคยได้ยินรึไง คำพูดที่ว่า ?กรุณาให้เกียรติเด็ก สตรี และคนชรา? อ่ะ ผู้ชายอะไรไม่มีความน่ารักอยู่ในสันดานเอาซะเลย


พลั่ก!


โชกุนเหวี่ยงฉันเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยไม่สนใจว่ากระดูกสันหลังฉันจะกระแทกกับตู้ล็อกเกอร์อย่างแรง แต่ทันทีที่ฉันตั้งท่าจะหมุนตัวหนี เขาก็คว้าหัวไหล่ฉันแล้วจับกดไปกับตู้ล็อกเกอร์จนแทบหมดทางสู้


บ้าจริง! ต่อให้เมื่อก่อนฉันเคยเป็นถึงเจ้าแม่ขาโจ๋ที่ชอบมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่บ่อยๆ แต่ยังไงแรงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างยัยคุณหนูแอร์ลีนที่ฉันสิงร่างอยู่ก็สู้แรงควายของโชกุนไม่ได้อยู่ดี เจ็บใจวุ้ย!


?ทำบ้าอะไรของนาย ฉันเจ็บนะ!?


?อยู่เฉยๆ แล้วหุบปากซะ ถ้าไม่อยากถูกตี?


?เอะอะก็จะใช้กำลัง นายยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่รึเปล่า!?


?ฉันทำจริงแน่ถ้าเธอยังกวนประสาทไม่เลิกแบบนี้?


เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตากลับดุดันจนฉันไม่กล้ามองสบตา แงๆ สรุปว่าฉันต้องกลัวคำขู่นายใช่มั้ยไอ้เด็กบ้า นายเป็นใคร! กล้าดียังไงพูดจาปีนเกลียวกับผู้หญิงที่อายุมากกว่าถึงสี่ปีอย่างฉัน (ลืมไปเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสิงอยู่ในร่างเด็กสาววัยสิบแปด)


โชกุนใช้แขนซ้ายล็อกต้นคอฉันไว้จนแทบหายใจไม่ออก แล้วใช้มืออีกข้างที่ยังว่างเอื้อมไปไขกุญแจตู้ล็อกเกอร์ที่อยู่ข้างๆ ให้เปิดออก ก่อนจะรื้อค้นเอาอะไรบางอย่างออกมา


?ไปอาบน้ำ?


?หา??


?ฉันบอกให้ไปอาบน้ำ?


ว่าพลางยัดชุดกีฬาไซส์ผู้ชายซึ่งถูกแพ็คไว้อย่างเป็นระเบียบในถุงพลาสติกราวกับเพิ่งออกมาจากร้านซักรีดสดๆ ร้อนๆ ใส่มือฉัน


?เอ๋??


?หรือจะให้ฉันอาบให้?


?บ้าสิ!? ฉันรีบรับชุดกีฬาจากเขามาถือไว้แล้วแยกเขี้ยวใส่คนกวนประสาท ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไปบางอย่าง ?แล้วผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสระผมล่ะ?


?เธอนี่มันโคตรเรื่องมากเลยว่ะ?


?ก็ตัวฉันเปื้อนน้ำโสโครกนี่คะคุณพี่ ไม่ได้เปียกแค่น้ำประปาใสสะอาดอย่างยัยสามคนนั้นสักหน่อย ดูอย่างผมฉันสิ อย่างกับเพิ่งผุดขึ้นมาจากบ่อขี้อย่างงั้นแหละ?


?บ่อขี้??


โชกุนหรี่ตามองฉันอย่างแปลกใจ ราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จัก ก็แหงล่ะ เพราะฉันไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จักจริงๆ นี่นา


?มองอะไร -_-?


?เธอใช่แอร์ลีนจริงๆ รึเปล่า?


?ไม่ใช่?


ฉันตอบออกไปด้วยสายตาจริงจัง เผื่อเขาจะเป็นพวกใจกว้างที่ยอมเปิดใจรับฟังเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ฉันกำลังเผชิญอยู่


?อันที่จริงฉันชื่อวินนี่ ตอนนี้มาขออาศัยร่างน้องสาวนายชั่วคราวเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่างที่นายต้องคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน อยากฟังต่ออีกมั้ย??


?ไม่?


?โอเค -_- งั้นก็รีบเอาผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสระผมมาสักที ฉันคันไปหมดทั้งตัวแล้ว?


โชกุนพยักหน้าอย่างว่าง่ายทั้งๆ ที่ยังจ้องฉันไม่เลิก ก่อนหยิบเอาผ้าขนหนูสีน้ำเงินเข้ม สบู่และแชมพูสระผมออกมาจากล็อกเกอร์ของตัวเองแล้วส่งให้ฉัน


?ขอบใจ อ้อ...ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว นายช่วยยืนเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำให้หน่อยก็แล้วกัน ถ้ามีผู้ชายคนอื่นเดินเข้ามาก็ตะโกนบอกฉันด้วยนะ จะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน?


ฉันใช้โอกาสที่นายโชกุนยังคงยืนมึนออกคำสั่งกับเขาอย่างเนียนๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องอาบน้ำซึ่งเป็นห้องขนาดเล็กตั้งเรียงรายกว่าสิบห้องทางด้านหลังโซนตู้ล็อกเกอร์


?แอร์ลีน?


?อะไรอีกล่ะ?


?เธอไม่ใช่...?


โชกุนหยุดคำพูดตัวเองไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดมือไล่ฉันให้รีบเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่กลางห้องแต่งตัวแล้วมองตามหลังฉันจนกระทั่งประตูห้องน้ำปิดลง







หลังจากอาบน้ำสระผมแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดพละตัวใหญ่โคร่งของโชกุน ฉันก็แยกกับเขาที่หน้าอาคารกีฬา เดินตรงไปยังอาคารเรียนด้านหน้ารูปตัว U ซึ่งคุณแม่นมเขียนแผนที่บอกทางมาให้ (ก่อนออกจากบ้านฉันแกล้งเนียนว่าปวดหัวจนลืมห้องเรียนตัวเองเพื่อหลอกล่อให้คุณแม่นมช่วยวาดแผนที่และรายละเอียดคร่าวๆ ภายในโรงเรียนนี้)


ห้องเรียนของยัยคุณหนูอยู่ชั้นสอง โซนตะวันออกของตัวอาคาร ซึ่งเป็นห้องของพวกเด็กหัวกะทิแบบที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด ระหว่างทางฉันถูกจ้องมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแถมยังมีรังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกที่ที่ฉันเดินผ่าน และเมื่อไหร่ที่ฉันหันกลับไปมองยังต้นกำเนิดของความน่าสะพรึงกลัวก็จะพบกับพวกนักเรียนหญิงคละห้อง คละชั้นเรียน คละหน้าตาที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ฉันด้วยสายตาชั่วร้ายปานเห็นฉันเป็นกระต่ายน้อยเพียงหนึ่งเดียวที่พบเห็นไม่ได้ง่ายๆ ในดินแดนที่เต็มไปด้วยสุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ บรือ~ รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้


?แอร์ลีน!?


ฉันชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปผลักประตูห้องเรียนแล้วหันไปมองชายหนุ่มสวมแว่นท่าทางอ่อนโยนที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้อย่างแปลกใจ ก่อนจะชี้ที่ตัวเองแล้วถามออกไป


?นายเรียกฉันเหรอ??


?อย่าเปิดประตูนั่นนะ!?


?เอ๋??


นายแว่นหยุดยืนตรงหน้าฉันด้วยลมหายใจหอบพร่า แล้วคว้าข้อมือฉันให้ถอยห่างออกจากประตูหน้าห้องเรียนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะใช้เท้าถีบประตูอย่างแรงเพื่อให้มันเปิดออก และทันใดนั่นเอง...ถังบรรจุผงแป้งปริมาณมากที่ถูกแขวนไว้บนขอบประตูก็พลิกคว่ำพร้อมกับเทผงแป้งสีขาวที่บรรจุอยู่ภายในลงพื้นล่าง ทำให้บริเวณนั้นคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นผงตลบอบอวลไปทั่ว


ฉันได้แต่มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมึนงง ท่ามกลางเสียงจิจ๊ะในลำคอของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ร่วมขบวนการก่อการร้ายในครั้งนี้


?นี่มันเรื่องอะไรกัน??


รู้สึกว่ายัยเอ๋อแอร์ลีนจะตกเป็นเป้าหมายของผู้ไม่หวังดีเกือบทั้งโรงเรียนเลยนะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงเฉิ่มๆ ติ๋มๆ หงิมๆ อย่างหล่อนจะมีศัตรูมากมายขนาดนี้ ดูท่าว่าภารกิจสารภาพรักเพื่อนสนิทของเธอจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซะแล้วสิ


?ทำไมไม่ระวังตัวเลยล่ะแอร์ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้รอเข้าห้องพร้อมกัน?


นายแว่นที่เพิ่งช่วยชีวิตฉันจากผงแป้งมุ่นคิ้วมองฉันในร่างยัยคุณหนูแอร์ลีนอย่างไม่พอใจ


?นายเป็นใคร?


?แอร์??


?นายเป็นเพื่อนแอร์ลีนเหรอ?


นายแว่นมองฉันอย่างงงๆ ก่อนจะใช้สองมือจับแก้มฉันให้เงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับเขา


?เธอจำแฟนตัวเองไม่ได้เหรอแอร์?


?แฟน??


นี่ฉันกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า? ถ้ายัยคุณหนูแอร์ลีนเป็นแฟนกับนายแว่นท่าทางสุภาพนี่จริงๆ แล้วเพื่อนสนิทที่เธออยากสารภาพรักเป็นใครกันล่ะ อย่าบอกนะว่าที่จริงแล้วยัยเฉิ่มแอร์ลีนเป็นผู้หญิงหลายใจ ชอบจับปลาสองมือ ให้ตาย นี่หรือผู้หญิงนิสัยดีที่อีตาเอเธนชมนักชมหนา ฉันยังนิสัยดีกว่าตั้งเยอะ อย่างน้อยฉันก็รักเดียวใจเดียวล่ะนะ




-------------------------------

เอ๊ะ โชกุนนี่ยังไงๆ อยู่นะ.... แล้วหนูวินนี่เราทำภารกิจได้สำเร็จมั้ยนะ ไปลุ้นกันใน "Game Angel พิสูจน์หัวใจว่าใช่คนของเธอ" ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป

ดาวคนคู่
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 18 ม.ค. 2011 7:00 pm

Re: New Release : Game Angel พิสูจน์หัวใจว่าใช่คนของเธอ

โพสต์ โดย ดาวคนคู่ »

เราชอบนิยายของคุณมากเลยนะ [-o< นางเอกของเรื่องถึงแม้ว่าจะดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อย ปากร้ายไปนิด แต่มันก็เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอกที่น่าติดตามมากเลยแหละว่าจะมีการพัฒนาด้านนิสัยไปยังไงได้อีกบ้าง :P เพราะนางเอกต้องมาอยู่ในร่างของผู้หญิงที่ต่างกับตัวเองสุดขั้วทั้งฐานะทางบ้านและนิสัยใจคอ แถมที่สำคัญเจ้าของร่างที่แท้จริงก็หมดโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์อีกต่อไปแล้ว :( ต่างกับนางเอกที่ยังมีโอกาสอยู่ เราคิดว่าอีกไม่นานนางเอกก็คงจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นเยอะแน่เลยหละ ทั้งความรัก ความหวัง และความฝันของเจ้าของร่างที่หมดโอกาสจะทำมันให้เป็นจริง เราจะรอติดตามผลงานของคุณต่อๆไปนะคะ :roll:

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”