รักจ้าวสมุทร ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้น เข้ามาอ่านกันเยอะนะคะ

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
ploy_israwan
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 26 มิ.ย. 2010 7:45 pm

รักจ้าวสมุทร ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้น เข้ามาอ่านกันเยอะนะคะ

โพสต์ โดย ploy_israwan »


ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้น

เสียงคลื่นซัดเข้าหาดทราย พร้อมกับความเย็นของน้ำทะเลที่สัมผัสใบหน้า ทำให้ภานุวัฒน์รู้สึกตัว เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน อาการมึนศรีษะ ทำให้เขาเซเล็กน้อย เขากว้างสายตาไปรอบๆ เห็นน้ำทะเลขึ้นมาเกือบจะถึงที่ๆเขานอนสลบอยู่ ทั้งๆที่เมื่อคืนเขายังเห็นน้ำทะเลอยู่ไกลลิบๆเท่านั้น

?โอ้..น้องปิ่น ไอ้บัดซบเอ้ย มึงทำอะไรลงไปว่ะ? ภานุวัฒน์กล่าวด่าตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ ถึงแม้เขาจะต้องแต่งงานกับน้องปิ่นเพราะเรื่องเงินเป็นปัจจัยสำคัญ แต่เขาก็อดจะยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ลึกๆนั้นเขา...ก็ชอบน้องปิ่น ใครกันบ้างเล่าที่อยู่ใกล้น้องปิ่นแล้วจะไม่ชอบ....น้องปิ่นสวย บอบบาง เป็นกุลสตรี มีทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งใฝ่ฝันอยากจะให้มีในตัวแม่ของลูก แต่นี่...

?กูทำอะไรลงไปว่ะ หมดกันๆๆ?

?แล้วน้องปิ่นจะเป็นยังไงบ้าง? ภานุวัฒน์กดด่าตัวเองในใจ

ถึงเขาจะเลว แต่ก็ไม่ได้เลวขนาดที่จะทำร้ายผู้หญิงดีๆอย่างปิ่นมณีลงไปถึงขนาดนั้น แต่เพราะเมื่อคืนเขาเมาจริงๆ ภานุวัฒน์ยกมือกุมขมับอย่างปวดหัว เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ปิ่นมณีจะไปอยู่ที่ไหน จะกลับบ้านไปแล้วหรือยัง แต่ก็คงจะยาก เพราะเขาเป็นคนไปรับเธอมาจากกรุงเทพเพื่อมางานเลี้ยงนี้เอง ปิ่นมณีขับรถไม่เป็น ไม่เคยเดินทางไปไหนคนเดียว เธอคงจะไม่กล้ากลับไปกรุงเทพคนเดียวแน่ๆ และที่สำคัญตอนเขารับปิ่นมณีมา เขาเห็นปิ่นมณีถือกระเป๋าใบเล็กๆใบเดียว ในนั้นบรรจุเพียงบัตรเครดิตและโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋ว....เธอไม่น่าจะไปไหนได้ไกล...

ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว ภานุวัฒน์เดินตามหาปิ่นมณีอย่างไม่ลดละ เขาเก็บผ้าคลุมไหล่และกระเป๋าถือใบเล็กๆได้ห่างจากที่เขานอนสลบไปได้ไม่ไกลเท่าไร มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น การที่รู้ว่าปิ่นมณีต้องออกไปเผชิญโลกคนเดียวโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวไปนั้น ยิ่งทำให้เขาร้อนใจ เขาเดินออกไปในทิศทางที่คิดว่าปิ่นมณีจะต้องผ่านมา แต่ทันใดนั้นหลังจากที่เดินมาได้สักระยะหนึ่ง เค้าเห็นเม็ดไข่มุกกระจายเกลื่อนรอบพื้นทราย


?มันเป็นมุกแบบเดียวกับสายคล้องเสื้อของปิ่นมณีแน่ๆ เค้าจำได้ไม่ผิด?
ภานุวัฒน์ตกใจ เมื่อรู้แน่ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับคู่หมั้นของเขา บางอย่างที่ไม่ดี ตามทางเดินมีเม็ดมุกกระจายไปทั่ว รองเท้าส้นเตี้ยสีขาวสองข้างที่กระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง
เศษผ้าสีชมพูอ่อนที่ออกคล้ำด้วยเม็ดทรายที่เกาะเต็มไปหมด เหมือนจะเป็นสิ่งตอกย้ำข้อสงสัยของเขา....ไม่ผิดแน่ เศษเสื้อนี้ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนร่างกายของปิ่นมณี

ภานุวัฒน์ทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาลูกผู้ชายซึมออกมาเพียงเล็กน้อย รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่เพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้น ความกลัวกลับมีอำนาจเหนือกว่าและครอบงำความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเอาไว้ พ่อของปิ่นมณี ?นายพลประจักร ไกรสร? จะต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ถ้าท่านรู้ว่าเขาทำอะไรกับลูกสาวของท่าน แล้วยังจะพี่ชายหน้าดุของน้องปิ่นอีก ?คุณเวหา ไกรสร? ที่มักจะมองเขาด้วยสายตารู้ทัน ทำให้เขาไม่ชอบขี้หน้านัก แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เขาจะทำยังไง เขาไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เมื่อแรกเขาตั้งใจว่าจะรีบตามหาน้องปิ่น แล้วพูดจาอ่อนหวานง้องอนเธอ ให้เธอให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำ เธอเป็นคนหัวอ่อนอยู่แล้วคงจะยอมได้ไม่ยาก แต่นี่...ปิ่นมณีถูกทำร้าย รูปการดูเหมือนเธออาจโดนข่มขื่น ไม่รู้ตอนนนี้จะมีชีวิตอยู่ไหม และนั่น....เป็นเพราะเขา เพราะเขาทำให้เป็นแบบนี้ เขาจะทำยังไงดีๆๆ

ภานุวัฒน์เดินอย่างอ่อนแรง ใจเป็นห่วงแต่อนาคตของตนเอง ในหัวสมองคิดหาข้ออ้างที่จะบอกพ่อของปิ่นมณีว่า...ลูกสาวของเขาหายตัวไปได้อย่างไร เขาคงต้องให้แม่เขาช่วย แม่เขามักช่วยเขาเสมอเวลาที่เขามีเรื่องเดือดร้อน แม่ต้องช่วยเขาได้แน่ๆ เหมือนทุกๆครั้ง ภานุวัฒน์ยิ้มออกมาในที่สุด รีบสาวเท้าเดินกลับไปทางที่จัดงานเลี้ยง โดยไม่ได้คิดถึงเจ้าของเศษผ้าที่เขาถืออีกเลย...

***************************

ตะวันทอแสงอ่อนๆบ่งบอกยามเช้าที่สดใส เสียงโหวกเวกของท่าเรือที่ดังอยู่ประจำดังทอดเข้ามาทำให้ปิ่นมณีรู้สึกหงุดหงิดใจ ?ใครมาทำเสียงอะไรดังที่บ้านเราเนี่ย? ปิ่นมณีตื่นขึ้นอย่างช้าๆ เห็นเตียงขนาดเดียวเล็กๆที่มีผ้าปูที่นอนสีขาวปูอยู่อย่างเรียบตึง ผ้าห่มเนื้อบางลายสก็อตราคาถูกที่มีกลิ่นอับๆ หมอนใบนิ่มที่ห่อด้วยผ้าหนังกันน้ำสีเขียว เธอกว้างตามองไปรอบๆเห็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กกะทัดรัด มันเล็กกว่าห้องน้ำที่บ้านเธออย่างไม่น่าสงสัย เธอมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ปิ่นมณีเริ่มกลัว เธอก้มมองเสื้อผ้าและพบว่าเธอยังใส่ชุดราตรีของเมื่อวานอยู่ เพียงแต่มีแจ๊กเก็ตยีนสีสีดบ่งบอกถึงการใช้งานมายาวนานแปลกปลอมตัวเดียวเท่านั้นที่เธอสวมใส่ไว้ เท้าทั้งสองข้างของเธอถูกพันด้วยผ้าสะอาดสีขาว และรู้สึกระบมเล็กน้อย เธอลุกขึ้นยืน พยายามเดินเขย่งๆไปที่ประตู แต่ขณะที่เธอกำลังจะถึงประตูนั้น นายสิงห์กลับเปิดประตูเข้ามาทำให้ชนเธออย่างจัง


?โอ้ย? ปิ่นมณีร้องด้วยความเจ็บเพราะประตูที่ชนถูกเท้าที่เธอยังเจ็บระบมอยู่ เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้น


นายสิงห์ที่พึ่งเข้ามาตกใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวจะตื่นขึ้นมาแล้ว เขาช่วยประคองหญิงสาวลุกขึ้น...ก่อนจะพาไปนั่งที่เตียง


?เป็นอะไรรึเปล่า? เสียงห้วนๆ ฟังดูขัดหูสำหรับปิ่นมณี เธอยอมรับลึกๆว่าไม่ชอบใจนัก เพราะที่ๆเธอเคยอยู่ ทุกคนมักพูดจาอ่อนหวาน เอาใจเธอ แต่ปิ่นมณีก็อดยอมรับไม่ได้ว่าพวกคนที่พูดจาอ่อนหวานอย่างนั้นไงเล่า..ที่ทำร้ายเธอ...ทำให้เธอมาเป็นเช่นนี้

?อย่างพี่วัฒน์? แต่เขาคนนี้...ที่พูดจาแบบนี้...กลับเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ แววตาที่คิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้นทำให้ปิ่นมณีรู้สึกหวาดกลัว นายสิงห์ที่มองอยู่เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะเขาพูดจากระชากแบบนั้น


?เอ้อ...คือผม..ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยถนัดจะพูดจา..?นายสิงห์ชะงัก เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานแต่ดวงตากลับเศร้าเหลือเกิน ช้อนขึ้นมาสบตาเขาอย่างบ่งบอกว่าไม่เป็นไร


?ไม่คะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น เพียงแค่คิดถึงอะไรที่ไม่ดีๆ ไม่เกี่ยวกับคุณคะ?


?ว่าแต่เท้าคุณหายเจ็บรึยังครับ เมื่อวานผมเอาสมุนไพรพื้นบ้านของชาวประมงใส่ให้ เดี๋ยวผมจะเปลี่ยนให้อีกนะครับ? นายสิงห์เดินไปหยิบถ้วยเก่าๆซึ่งข้างในนั้นมีน้ำสีข้นกึ่งเขียวกึ่งดำมา และนั่งลงกับพื้นข้างหน้าหญิงสาว ปิ่นมณีชักเท้าออกทันที

?ไม่เป็นไรคะ อย่าเลย คุณเป็นผู้ชาย มันคงไม่เหมาะนัก? นายสิงห์เข้าใจความหมายของเธอไปอีกทาง เข้าใจว่าที่เธอไม่อยากให้เขาทำเป็นเพราะว่าเธอรังเกียรเขา เขาไม่เหมาะและไม่คู่ควรที่จะมาจับเท้าหรือทำแผลให้เธอ

นายสิงห์หน้านิ่งสงบ แววตากลับเปลี่ยนเป็นเย็นชาไม่มีร่องรอยของความอ่อนโยนให้เห็นดังเดิมอีก ปิ่นมณีมองเขาอย่างหวั่นๆ ไม่เข้าใจกับอารมณ์ของคนตัวโตตรงหน้า...ว่าเขาเป็นอะไร
เธอทำอะไรผิดหรือ...


?ถ้าไม่อยากให้ผมทำก็ทำเองละกันครับ พอทำแผลเสร็จผมจะให้คนไปส่งในตัวเมือง? เสียงห้วนๆกึ่งตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชากว่าเมื่อแรกดังขึ้น ปิ่นมณีสะดุ้ง เธอไม่คุ้นกับอารมณ์แบบนี้ เธอช้อนตาขึ้นสบดวงตานายสิงห์อย่างน่าสงสาร ดวงตาเหมือนจะถามเขาว่า ?เธอทำผิดอะไร ทำไมถึงพูดกับเธอแบบนั้น เธอน่ารำคาญมากใช่ไหม?


ตอนนี้เธอไม่มีใคร เขาเป็นผู้มีพระคุณของเธอ เขาช่วยเธอไว้ และตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจและพึ่งเขาได้ หยาดน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ ใบหน้าสวยก้มหน้างุดลงเพื่อซ่อนน้ำตาที่จะรินไหล ริมฝีปากถูกกัดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เหมือนทุกๆอย่างประดังเข้ามา ภาพเหตุการณ์ทุกๆอย่างหลั่งไหลเข้ามา อารมณ์ที่เธอกักเก็บเอาไว้มันพังทะลายลง ไหล่บางสั้นสะท้านด้วยอาการสะอื้นที่ไร้เสียง

ภาพนั้นทำให้หัวใจเย็นชาของคนตัวโตอ่อนไหว เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นตรงหน้าเธอเหมือนเดิม ค่อยๆดึงฝ่ามือที่ปิดหน้าของหญิงสาวออก เขาอยากจะรวบตัวเธอเข้ามากอด แต่มันคง...จะเหมาะเท่าไรนัก


?ผมขอโทษ...ที่ตวาดคุณ ผม...? นายสิงห์จนคำพูด เขาไม่เคยต้องมาเอาใจผู้หญิงคนไหน คำพูดปลอบใจเขาไม่ค่อยคุ้นเคย ถ้าให้พูดกับปลามันคงจะง่ายกว่า ร่างบางสั้นสะท้านไม่ยอมหยุด เขาตัดสินใจค่อยๆดึงหญิงสาวเข้ามาโอบเอาไว้ ก้มหน้าให้แนบกับไหล่กว้าง มือหยาบหนาลูบไล้ผมแผ่วเบา นานเท่าไรไม่รู้ที่...เสียงสะอื้นค่อยๆเงียบหายไปพร้อมๆกับที่ปิ่นมณีผลักจากอกของเขาด้วยความเขินอาย


?คุณ..โกธรปิ่นเรื่องอะไรคะ ปิ่นทำอะไรผิด? คำพูดที่แทนตัวเองน่ารักเสียจนเขาอยากจะก้มลงไปหอมแก้มบางๆ และกระซิบข้างหูเบาๆว่า ?น้องปิ่น น้องปิ่นของพี่? ใจเขาอยากจะเรียกแบบนั้น
ไม่ได้ๆ...เขาจะมีสิทธิ์อะไร ต้องคุณปิ่นสิ คุณปิ่นกับนายสิงห์ มันควรต้องเป็นเช่นนั้น เขาคิดอย่างเศร้าๆ

นี่เขาเป็นอะไรไป ความรู้สึกนี้มันคืออะไร นายสิงห์คิดอย่างสับสน เมื่อแรกแค่อยากปกป้องตามวิสัยของปุถุชนทั่วไป แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกอยากปกป้องคุ้มครองให้เธอปลอดภัย เจ็บหัวใจเมื่อเห็นเธอร้องไห้ และอยากให้เธอมีแต่รอยยิ้ม ความรู้สึกนี้...มันเรียกว่าอะไรนะ...

?คุณ...โกรธปิ่นเรื่องอะไร ปิ่นทำอะไรให้คุณไม่พอใจคะ? ปิ่นมณีถามอีกครั้งอย่างน่าสงสาร มือน้อยๆที่กระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ ทำให้เขาเลิกคิดหันมายิ้มบางๆให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า


?ผมไม่ได้โกรธ แค่ไม่ชอบนิดหน่อยที่คุณทำเหมือนรังเกียรไม่อยากให้ผมทำแผลให้ แต่ผมก็เข้าใจนะ ผมเป็นแค่คนแปลกหน้า..ก็เท่านั้น? นายสิงห์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

?รังเกียร? ปิ่นมณีทำหน้างง ก่อนเข้าใจที่เขาพูด รีบอธิบายให้เขาเข้าใจว่า

?ปิ่นแค่ไม่อยากให้คุณทำเพราะว่า..คุณเป็นผู้ชาย ผู้ชายเค้าถือกันไม่ใช่เหรอคะ เอ้อ..เรื่องแบบนี้?

นายสิงห์นึกโมโหตัวเองที่อุตริคิดมากแล้วไปตวาดเธอทำให้เธอเสียใจ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาไม่ถนัดที่จะพูดจาอ่อนหวาน หรือขอโทษใคร ชีวิตเขาคงอยู่คนเดียวมามากเกินไป

?ไม่เป็นไร ผมจะทำให้? นายสิงห์ทรุดตัวลงนั่งที่เดิมอีกครั้ง ปิ่นมณีไม่กล้ายกเท้าหนีอีกเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธ


?เอ้อ...คุณชื่ออะไรคะ? ปิ่นมณีถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

?สิงห์ เรียกผมว่านายสิงห์อย่างคนอื่นก็ได้? เสียงห้วนๆตอบ หญิงสาวพยักหน้าอย่างรับรู้ เธอนั่งมองดูนายสิงห์ค่อยๆแกะผ้าพันแผลออกจากเท้าเธอช้าๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวโตอย่างเขาจะสามารถทำได้นิ่มนวลขนาดนี้ ที่จริงมือของเขาใหญ่มากและดูหนาขนาดที่ถ้าเทียบกับเธอคงใหญ่กว่าเกือบสองเท่า ปิ่นมณีไล่สายขึ้นไปตามท่อนแขน...ไหล่ที่มีมัดกล้าม คางได้รูป ริมฝีปากหนา จมูกโด่งพองาม ดวงตาสีดำสนิทค่อนข้างดุคู่นั้นที่มีขนตายาวงอนอย่างน่าอิจฉา เขาเป็นคนหล่อคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่หล่อแบบหนุ่มสำอางอย่างพี่วัฒน์ เขาหล่อแบบชายชาตรี สมบุกสมบั่น ออก...เอ้อ..แบบเถื่อนๆ ปิ่นมณีหน้าแดงกับความคิดของตัวเอง เธอรีบละสายตาเพราะกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าเธอแอบมองเขาอยู่ หันมาสนใจที่เท้าของเธอเช่นเดิม ผ้าพันแผลออกหมดแล้ว ถึงขั้นตอนที่สำคัญ นายสิงห์ตักยาจากถ้วยมาใส่แผล ปิ่นมณีเผลอดึงขาหนีอย่างไม่รู้ตัวเพราะความกลัวว่าจะแสบ เสียงดุดังขึ้นทันที


?อย่านะคุณปิ่น อยากโดนตัดขาเหรอ ไม่ใส่ยาก็ไม่หายหรอก? ปิ่นมณีทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ยังพยายามดึงขาออก ถึงแม้นายสิงห์ส่งสายตาดุยังไง ปิ่นมณีก็ไม่ยอม เขาจึงขู่ขึ้นมาอีก


?หรืออยากมีแผลเป็น เอาไหมเป็นแผลเหวอะหวะ ใส่กระโปรงไม่ได้? เท่านั้นแหละปิ่นมณีจึงปล่อยให้เขาทำโดยดี นายสิงห์ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ?ที่แท้ก็กลัวไม่สวย?


?จะไม่เป็นแผลเป็นแน่นะคะ..นายสิงห์ ปิ่นไม่อยากมีแผลเป็น?คนสวยยังถามเขาซ้ำเพื่อความแน่ใจ


?อืม ยาเนี่ยเป็นสูตรชาวประมงพื้นบ้านสมานแผลได้ดีนัก เวลาเขาลงทะเลไปโดนหินบาด เขาก็ใส่ยานี่แหละ แผลของคุณปิ่นไม่ลึกเท่าไร รับรองไม่มีแผลเป็นหรอก? เพียงแค่นั้น ปิ่นมณีก็ยิ้มแก้มปริอย่างเด็กได้ของถูกใจ


?นายสิงห์เป็นชาวประมงเหรอคะ?

?อืม? นายสิงห์ตอบสายตายังคงจับจ้องอยู่กับแผล

?วันๆหนึ่งจับปลาไปขายได้เยอะไหมคะ?

?เยอะสิขายได้เยอะเลย? นายสิงห์ตอบอย่างยิ้มๆ ไม่คิดจะแก้สิ่งที่หญิงสาวเข้าใจผิด ที่จริงก็ไม่ได้เข้าใจผิดอะไร เป็นความจริงที่เขาขายปลา แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปบอกว่า เขาขายปลาส่งออกไปทั่วประเทศ คนส่วนใหญ่รู้จักปลาที่เขาส่งออก เพราะนอกจากเขาจะส่งขายปลาในรูปของสดแล้ว เขายังเพิ่มมูลค่าให้มันด้วยการแปรรูปให้มันเป็นปลากระป๋อง หรือปลาทูน่ากระป๋อง อีกทั้งเขายังหันมาจับธุรกิจต่อเรือ ให้เช่าเรือ เพราะฉะนั้นเรียกได้ว่าอะไรที่เป็นธุรกิจทางทะเล หรือที่เกี่ยวกับการขนส่งทางทะเล เขาเกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด เขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อเวหาซึ่งทำธุรกิจขนส่งทางอากาศ ยังเคยคุยเล่นกันบ่อยๆว่า ถ้าเป็นธุรกิจทางทะเลเขาคือจ้าวแห่งสมุทร แต่ถ้าเป็นธุรกิจบนฟ้าแล้วล่ะก็...มันคือเจ้าแห่งเวหา..สมชื่อของมัน ถ้าไปแข่งธุรกิจกับไอ้เวหาซึ่งเชี่ยวชาญการขนส่งทางอากาศมากกว่า เขาคงต้องขาดทุนหมดตัวแน่ๆ


?แล้วคุณไม่สงสารมันเหรอคะ เวลาจับมันไปขาย มันคงน่าสงสาร?


?ผมมีกฎของผม เราจะจับแค่พอขาย ไม่ใช่จับได้มากๆแล้วเอาไปทิ้ง ปลาทุกตัวที่ส่งออกจะต้องมีคุณภาพ และไม่จับลูกๆของมันเด็ดขาด ตาข่ายที่เราเหวี่ยงจับจะเป็นตาห่างไม่ใช่ตาถี่ เราจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ไม่รู้คุณจะเข้าใจไหม?นายสิงห์อธิบายยืดยาวให้ปิ่นมณีฟัง

?นายสิงห์นี่ใช่ศัพท์แปลกๆนะ ส่งออก หมายถึงขายส่งใช่ไหมคะ?


?เอ้อๆ..ครับๆขายส่งขายปลีก ผมไปจำพวกพ่อค้าในเมืองเขาพูดมา? นายสิงห์หัวเราะกลบเกลื่อน หลังจากพันผ้าให้ทบสุดท้ายแล้ว นายสิงห์ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกับปิ่นมณี ปิ่นมณีเบียงตัวหันข้างมาทางนายสิงห์พร้อมจ้องมองอย่างสงสัย นายสิงห์เอ่ยขึ้นโดยไปต้องรอให้ปิ่นมณีถาม
?สายมากแล้ว ผมไปส่งคุณปิ่นดีกว่า คุณปิ่นจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ? คำถามนั้นทำให้ปิ่นมณีหน้าซีด เธอไม่อยากกลับ พี่เวหาไปต่างประเทศร่วมเดือนกว่าจะกลับ ไม่มีใครเข้าข้างเธอ ถึงเธอบอกคุณพ่อไปสุดท้ายคุณพ่อก็ต้องเข้าข้างพี่วัฒน์ เพราะยังไงก็จะต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว เธอไม่อยากกลับ


นายสิงห์เห็นสีหน้าของปิ่นมณีที่แสดงความตระหนกเหมือนเด็กน้อยหลงทางทำให้เขาสงสัย ทำไมเธอถึงดูสับสน ทำไม....เธอไม่อยากกลับบ้านเหรอ


?ปิ่นไม่กลับได้ไหมคะ ปิ่นขออยู่ที่นี้ด้วยคน ให้ปิ่นอยู่ด้วยนะคะ ปิ่นขายของเก่ง ปิ่นจะช่วยนายสิงห์ขายของก็ได้? สิ่งที่ปิ่นมณีขอทำให้นายสิงห์แปลกใจ เธอมีปัญหาอะไรหนักหนาถึงกลับจะต้องมาขออยู่กับคนแบบเขา ชายหนุ่มปฏิเสธเกือบจะทันที


?ไม่ได้หรอกครับ คุณกลับไปเถอะ ผมจะให้คนไปส่ง? นายสิงห์บอกตัดบท ถึงแม้เขาจะถูกใจเธอแค่ไหน แต่เขายังไม่พร้อมจะหาห่วงมาผูกคอเขาตอนนี้


?ปิ่นจะไม่รบกวนนายสิงห์นะคะ ให้ปิ่นอยู่ไหนก็ได้ ปิ่นจะทำงานแลกกับที่อยู่ ปิ่นจบอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษมา มันน่าจะพอช่วยนายสิงห์ได้แน่ๆ? โอ้ยยยเขาจะบ้าตาย จบอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มาอยู่ท่าเรือแบบนี้ แม่คุณณณ...มันจะไปทำไรได้


?โอ้ยยย...คุณปิ่น ...ที่นี้มันท่าเรือนะครับ คนที่นี้ส่วนใหญ่จบไม่เกินม.สาม ผมจะต้องการภาษาอังกฤษของคุณมาทำไม ?


?ปิ่นๆๆ..ปิ่น? ปิ่นมณีก้มหน้างุดอย่างจะร้องไห้อีก นายสิงห์ปวดหัวเขาจะทำยังไงกับเธอดีเนี่ย มันเรื่องอะไรกันนักกันหนาแม่คุณถึงกลับบ้านไม่ได้ ท่าทางก็ดูเป็นลูกผู้ดีมีเงิน มีที่ไหนดิ้นรนจะมาอยู่ในเรือหาปลา...เวรกรรม
?คุณชื่ออะไร? ปิ่นมณีมองหน้านายสิงห์อย่างงงๆว่าเขามาถามชื่อเธอทำไมตอนนี้

?ปิ่นค่ะ ปิ่นมณี? หญิงสาวตอบเสียงสั่นๆ ไม่กล้าสบสายตาที่ดุเหลือเกิน ช่างตรงข้ามกับเวลาที่แววตานั้นหวานจับใจ

?ผมหมายถึงชื่อ...และนามสกุล เข้าใจไหม ข้าวของคุณก็ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลย ตอนผมเจอคุณ คุณก็ดันหลับ ผมไม่รู้จะไปส่งคุณที่ไหน? ปิ่นมณีเข้าใจความหมายของเขา เขาคงคิดจะเอาชื่อและนามสกุลเธอไปหาที่อยู่แล้วส่งเธอกลับ


?เอ้อ..ไม่มีคะ? ปิ่นมณีตอบเบาๆ คนไม่เคยโกหกใครอย่างเธอเวลาตอบก็ตอบซื่อๆ นายสิงห์อยากขำกับความไม่มีเล่เหลี่ยมของหญิงสาว แต่ก็ขำไม่ลง เพราะถ้าเป็นเขา เขาคงโกหกนามสกุลไปแล้วก็หมดเรื่องแล้ว ชายหนุ่มจึงแกล้งทำเสียงดุ


?คนมันจะไม่มีนามสกุลได้ไง คนหรือหมาฮ่ะ? ปิ่นมณีก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาที่ปริ่มๆจะรินไหล


? ไม่บอกใช่ไหมว่านามสกุลอะไร งั้นก็จะพาไปปล่อยที่สถานีตำรวจในเมือง ให้เขาตรวจลายนิ้วมือก็คงจะรู้? นายสิงห์พูดเสียงขึงขัง


?อย่านะคะ อย่า..ปิ่นไม่อยากกลับบ้าน? ปิ่นมณีเงยหน้ามองเขาอย่างอ้อนวอน ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่กลบเอาไว้

นายสิงห์เกือบจะใจอ่อนกับภาพนั้น และเอ่ยว่า ?ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่อยากไป เขาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอ? แต่สิ่งที่เขาแสดงออกกลับตรงข้าม เขากล่าวว่า

?งั้นบอกเหตุผลมาสิว่าทำไมถึงไม่อยากกลับ ทำไมเมื่อวานผมถึงไปพบคุณสภาพนั้น หืมปิ่นมณี?


?ปิ่น...ไปเดินเล่น เอ้อ..แล้วเจอเจ้าพวกนั้น?เสียงตะกุกตะกักทำให้นายสิงห์รู้ว่าเธอกกำลังโกหกอีก
?เดินเล่นตอนตีหนึ่งน่ะนะ? นายสิงห์จ้องอย่างจับผิด
?คะๆ เดิ..น เล่น?


?ก็ได้ถ้าคุณไม่เล่าความจริงให้ผมฟัง ผมก็จะไม่ฟังคำขอร้องอะไรของคุณทั้งนั้น เอา..ลุกขึ้น เดี๋ยวผมจะไปหารองเท้ามาให้คุณใส่แล้วผมจะให้คนไปส่งคุณ? นายสิงห์พูดพร้อมหันหลังกลับอย่างเอาจริง หญิงสาวถลาตามไปแต่กลับล้มลงเพียงไม่กี่ก้าวเพราะความเจ็บจากแผลที่ผ่าเท้า นายสิงห์รีบหันกลับมาอย่างตกใจเสียงที่ดังข้างหลัง เห็นหญิงสาวล้มกองลงไปกับพื้น

นายสิงห์รู้สึกผิดที่แกล้งหญิงสาวแรงไป รีบช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้มก่อนจะนั่งลงบนเตียง ประคองให้หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนตักเอนสบไหล่เอาไว้ ก้มลงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับเมื่อครู่ลิบลับว่า
?เจ็บรึเปล่าครับ? เสียงอ่อนโยนที่ดังอยู่ริมหู พร้อมลมหายใจร้อนผ่าวทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรง เธอไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวจะทำให้เขาไม่พอใจเหมือนเมื่อแรก หญิงสาวก้มหน้างุดไม่ยอมตอบ นายสิงห์ยิ้มนิดๆด้วยความเอ็นดู


?ไหน บอกผมได้หรือยังครับว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั้นได้ หืม..รู้ไหมถ้าผมไม่ผ่านไปแล้วจะเป็นยังไง? ปิ่นมณีสายหน้าอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไร


?บอกผมหน่อยคนเก่ง ไม่เป็นไรนะครับ ผมสัญญาว่าจะไปส่งคุณกลับ เพียงแต่ผมอยากรู้ว่าเรื่องเป็นยังไงผมจะได้ปกป้องคุณถูก? นายสิงห์ก้มลงหอมที่เส้นผมเบาๆ ปิ่นมณีสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ตั่งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนถึงเพียงนี้ แต่ก็รับรู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน ปิ่นมณีช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาเขา นายสิงห์หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นใบหน้าสวยอย่างกับนางฟ้าใกล้ๆแบบนั้น เขาก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ริมฝีปากบางเบา ปิ่นมณีเห็นเช่นนั้นเธอรีบก้มหน้าซุกเข้ากับอกของนายสิงห์ทันที นายสิงห์หัวเราะน้อยๆอย่างเอ็นดูก่อนถามซ้ำอีกครั้งว่า

?เล่าให้ผมฟังเถอะ ผมสัญญาจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณแน่?


ปิ่นมณีจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง กรามของนายสิงห์บดแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อยามที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟังว่าถูกคู่หมั้นของเธอทำอะไรบ้าง เรื่องจบลงที่เขามาช่วยซึ่งเธอแสนจะโล่งใจ
?ปิ่นขออยู่กับนายสิงห์จนกว่าพี่ชายปิ่นจะกลับได้ไหมคะ ปิ่นไม่อยากกลับบ้าน ถ้าพี่ชายปิ่นกลับมาและรู้เรื่อง เขาจะต้องไปปล่อยไว้แน่ ปิ่นจะได้ไม่ต้องไปแต่งงานกับคนแบบนั้น นะคะนายสิงห์?


?แล้วปิ่นจะอยู่ยังไง อยู่ในฐานะอะไร ที่นี้ไม่สบายอย่างบ้านปิ่นหรอกนะ?นายสิงห์ขมวดคิ้วด้วยความยุ่งยาก รู้อยู่ว่าเธอจำเป็น แต่ที่นี้ไม่ใช่ห้างสวยหรูที่เธอจะมาเดินเล่นได้ มันไม่เหมาะกับเธอเลย แค่ดูมือขาวผ่องที่โผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อ เขาก็กลุ้มใจแล้ว ดูก็รู้ว่าโดนแดดอยู่หน่อยเดียวคงจะลอกเป็นแผ่นๆเพราะความแพ้แน่

?เฮ้อ...?เสียงถอนหายใจของนายสิงห์ทำให้หญิงสาวพูดขึ้นมาอีก

?ปิ่นรู้ๆ..ปิ่นจะเป็นคนงานเหมือนนายสิงห์ก็ได้ เขารับคนงานผู้หญิงไหม ปิ่นขายของได้ ปิ่นเคยช่วยขายของในงานออกร้านของมหาวิทยาลัย? สีหน้าปิ่นมณีเอ่ยอย่างจริงจัง นายสิงห์มองอย่างกลุ้มใจ
ตอนแรกเป็นชาวประมง ตอนนี้โดนลดเป็นคนงานอีก เอาว่ะคนงานก็คนงานลองดูซักตั้ง งานที่บริษัทเขาก็เคลียร์ไปหมดแล้ว คงจะพอมาเล่นบทเป็นคนงานที่นี้ได้สักเดือน ถึงอย่างนั้นนายสิงห์ก็ยังบอกกั๊กๆว่า
?ผมขอคิดดูก่อนล่ะกัน ขอดูผลงานก่อน ถ้าไม่ไหวผมจะส่งกลับนะ? แต่เพียงแค่นั้นปิ่นมณีก็ดีใจ เธอฉีกยิ้มกว้างให้นายสิงห์ จนนายสิงห์อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ ?โธ่เอ่ย เด็กหนอเด็ก..หาเรื่องปวดหัวแล้วสิเรา? นายสิงห์คิดอย่างอ่อนใจ เอื้อมมือไปโยกหัวปิ่นมณีที่ยังคงยิ้มด้วยความดีใจอยู่อย่างนั้น


ติดตาม ติ ชม และให้กำลังใจได้ที่นี้นะคะ
http://writer.dek-d.com/ploy-israwan/wr ... ?id=628668


ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”