ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่6)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
complicated
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 08 มิ.ย. 2010 7:59 am

ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่6)

โพสต์ โดย complicated »

แม้จะยังไม่ถึงเวลากลางคืน แต่ท้องฟ้าก็มืดครึ้มด้วยเมฆฝน พร้อมทั้งหยาดฝนที่ตกลงมา

แพรวกำลังเดินตากฝนทั้งชุดนักเรียน ระหว่างทางเดินเข้าซอยอันยาวเหยียดเพื่อเข้าสู่อพาร์ตเมนต์ของตน แม้ระยะทางจะไกล แต่ซอยก็ไม่ได้คดเคี้ยว กลับทอดยาวเป็นเส้นตรง และยังพอมองเห็นปากซอยได้อย่างชัดเจน บ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายสองข้างทางนั้นไม่ได้สูงมากนัก อีกทั้งยังมีสีซีดเพราะความเก่า ทุกอย่างจึงดูอึมครึมไปหมด

ในซอยเงียบสงัด ไม่มีวี่แววผู้คน ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น

มีเพียงเธอคนเดียว ที่เดินอย่างเงียบเหงา วังเวง และว้าเหว่... อยู่ในซอยนี้

...เหมือนเดิม... เหมือนทุกครั้ง... เด็กสาวรู้สึกเช่นนั้น

แพรวไม่เคยกลับบ้านพร้อมเพื่อนคนอื่น เธอไม่เคยมีเพื่อนสนิทเดินเคียงข้าง...

ช่างมันเถอะ...หล่อนคิดในใจ พลางก้มหน้ามองพื้นเปียกแฉะด้วยน้ำฝน

...ชีวิตเราคงจะอยู่คนเดียวไปตลอด ...และก็ตายทั้งที่ยังอยู่คนเดียว

เดินผ่านบ้านอีกไม่กี่หลังก็จะถึงอพาร์ตเมนท์แล้ว เด็กสาวคิดในใจ พลางพยายามฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าเดินต่อไปข้างหน้า ชีวิตแต่ละวันของเธอไร้ซึ่งความสุข และมันเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด

ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว...

ในขณะที่เดินลากเท้าแบบหมดอาลัยตากอยากอยู่สักพัก เธอก็รู้สึกแปลกๆ อธิบายไม่ถูก

สัญชาตญาณส่งเสียงกรีดร้องว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น...

ความรู้สึกนั้นแรงกล้าจนไม่อาจมองข้ามได้ เธอจึงหันกลับไปมองด้านหลัง

ที่ปากซอยว่างเปล่าซึ่งเธอเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อราวสิบนาทีก่อน ในตอนนี้กลับปรากฏร่างของนักเรียนสาวในชุดสีขาวเปื้อนเลือดคนเดิมกำลังยืนก้มหน้านิ่งไม่ขยับเขยื้อน ท่ามกลางม่านฝนที่โปรยลงมาและบรรยากาศมืดทึมว่างโล่งของซอยนี้ก็ยิ่งช่วยขับเน้นร่างของเธอให้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะสีของเลือดที่ไหลจากร่างกายปะปนกับสายฝนลงมาบนพื้น...

และ... เด็กสาวก็กำลังมองตรงมาที่แพรว

เป็นนักเรียนสาวคนเดียวกับที่เธอเจอในโรงเรียนเมื่อคืน

ในซอยนี้ บนทางเดิน ไม่มีใครอีกนอกจากแพรวและเด็กสาวปริศนาคนนั้น

อะไรกัน... ทำไมมันตามมาถึงนี่ล่ะ?

แพรวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พลางรีบหันหลังกลับหมายจะวิ่งเข้าอพาร์ตเมนท์ แต่พื้นลื่นเนื่องจากฝนตก เธอจึงก้าวพลาดเสียหลักล้มลงกับพื้น และเผลอหันกลับไปมองด้านหลัง

นักเรียนสาวคนนั้นไม่ได้ยืนนิ่งอยู่ที่ปากซอยแล้ว... แต่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงกลางซอย? ใกล้เข้ามาทุกที

เหมือนเมื่อคืนนี้เลย!! แพรวเบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัว แทบจะคลานหนีไปบนพื้น แต่ก็ตั้งหลักลุกได้และรีบวิ่งไปยังทางเข้าอพาร์ตเมนท์ของตนทันที แม้จะเกือบเสียหลักล้มอีกหลายครั้งแต่ก็พยายามทรงตัวเดินต่ออย่างสุดความสามารถผ่านประตูหน้าอาคารและโถงทางเดินมืดสลัวไปอย่างทุลักทุเล ก่อนจะรีบกดปุ่มเรียกลิฟท์อย่างรวดเร็ว

?เร็วเข้า!! ...เร็วเข้า!! เธอภาวนาในใจด้วยความร้อนรน

โชคดีที่ลิฟท์จอดรออยู่ชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว เพียงไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก เด็กสาววิ่งเข้าไปในนั้นและกดปุ่มชั้นยี่สิบ ในวินาทีที่มองออกไปนอกประตูลิฟต์ก็ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ

ปรากฏร่างของนักเรียนสาวโชกเลือดตรงหน้าประตูอพาร์ตเมนท์ และเธอกำลังเดินโงนเงนผ่านเข้ามาที่โถงทางเดินหน้าลิฟต์อันมืดสลัว... พลางยื่นแขนเปื้อนเลือดทั้งสองข้างตรงมาข้างหน้า

มันมาแล้ว... มันมาแล้ว!!

ในขณะที่นักเรียนสาวโชกเลือดกำลังจะเดินเข้ามาในลิฟต์ตรงเข้าหาแพรวนั้นเอง... ประตูลิฟต์ก็ปิดลงกะทันหันคั่นกลางระหว่างพวกเธอเอาไว้ ก่อนที่ลิฟต์จะเคลื่อนตัวสู่ชั้นบน

แพรวพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง ขณะที่ลิฟต์ขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเสียงสัญญาณลิฟต์ก็ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นยี่สิบ เธอจึงรีบวิ่งออกนอกลิฟต์พุ่งเข้าสู่ประตูห้องของตนที่อยู่ตรงข้ามลิฟต์พอดี หลังจากล้วงมือลงไปในกระเป๋ากระโปรงหมายจะเอากุญแจห้องมาไขลูกบิดประตูตรงหน้าสักพัก เธอก็ต้องหน้าซีดเผือด

ไม่มี... กุญแจหายไปไหน!?

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ข้างๆลิฟต์...

แพรวผละจากประตูชะโงกหน้าลงไปมองตรงช่องว่างของราวบันได และพบร่างของเด็กสาวโชกเลือดคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดมาจากบริเวณชั้นสิบห้า มือเปื้อนเลือดของหล่อนจับอยู่ที่ราวบันไดจึงสามารถมองเห็นได้จากด้านบนอย่างชัดเจน

แย่แล้ว!!... แพรวหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ เธอไม่สามารถเดินหนีลงบันไดได้แล้ว ครั้นจะให้วิ่งไปตามทางเดินว่างเปล่านี้เพื่อขอความช่วยเหลือก็คงเป็นไปไม่ได้ ในสังคมเมืองแบบนี้ ต่อให้ไปเคาะประตูห้องคนอื่นก็ไม่มีใครยอมช่วยหรอก จะทำยังไงดีล่ะ!? หลังจากพิจารณาถี่ถ้วนอย่างรวดเร็วก็พบว่ามีทางหนีอีกแค่ทางเดียวคือลงลิฟต์กลับไปที่ด้านล่าง เธอจึงกดปุ่มเรียกลิฟต์ทันทีในขณะที่สายตายังมองตรงไปที่บันไดเผื่อว่าถ้ามีอะไรโผล่ออกมาจากตรงนั้นจะได้รีบวิ่งหนีทัน ...เสียงฝีเท้าก้าวขึ้นบันไดใกล้เข้ามาจนได้ยินชัดเจนมากขึ้นทุกที พร้อมกับที่เสียงสัญญาณเตือนของลิฟต์ดังขึ้น

เสียงฝีเท้าดังอย่างต่อเนื่อง แต่เด็กสาวโชกเลือดยังเดินมาไม่ถึงชั้นที่ยี่สิบ...

แพรวรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปมองประตูลิฟต์ตรงหน้าที่ค่อยๆเลื่อนเปิดออก พลางก้าวขาจะเดินเข้าไปในลิฟต์ซึ่งมีร่างของเด็กสาวในชุดนักเรียนสีขาวเปื้อนเลือดยืนก้มหน้านิ่งรอตรงมุมด้านในของลิฟต์อยู่ก่อนแล้ว...

?ว้าย!!?

เธอกรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความหวาดกลัว พลางรีบถอยออกมาจากลิฟต์และเตรียมวิ่งขึ้นบันได แต่ที่บันไดก็พบร่างของเด็กสาวนักเรียนโชกเลือดกำลังเดินโงนเงนขึ้นมาจากชั้นสิบเก้า... และในที่สุดหล่อนก็มายืนบนชั้นที่ยี่สิบ...

แต่แพรววิ่งขึ้นบันไดหนีไปก่อนแล้ว

พอไปถึงชั้นที่ยี่สิบเอ็ดแพรวทำท่าจะวิ่งไปที่ลิฟต์ แต่ก็ได้ยินเสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้น ...มีอะไรบางอย่างขึ้นลิฟต์ตามเธอมา!! เด็กสาวตกใจจนแทบสิ้นสติและรีบวิ่งขึ้นชั้นต่อไปทันที แต่ที่ชั้นยี่สิบสองก็มีเสียงลิฟต์ดังขึ้นอีก ครั้นจะวิ่งลงบันไดก็มองเห็นว่าเด็กสาวโชกเลือดกำลังเดินขึ้นบันไดตามเธอมาในตำแหน่งที่ต่ำลงไปอีกเพียงชั้นเดียวเท่านั้น

หนีไปไหนไม่ได้เลย... หล่อนรู้สึกอับจนหนทาง

ถ้าผ่านขึ้นชั้นยี่สิบห้าไปได้ก็จะถึงดาดฟ้า หากประตูดาดฟ้าถูกล็อกก็จบกัน แต่ถ้ามันไม่ได้ล็อก ก็อาจจะยืดเวลาแห่งความหายนะออกไปได้อีก แม้จะแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

หลังวิ่งขึ้นมาที่ชั้นยี่สิบห้า เสียงลิฟต์ยังคงดังขึ้น และยังมีร่างของเด็กสาวโชกเลือดเดินขึ้นมาตามบันไดแคบๆมืดสลัวที่แพดานเริ่มต่ำลงทุกขณะ แพรวรีบวิ่งไปหาประตูดาดฟ้าที่อยู่ตรงหน้าทันที

ความหวังเดียว... และความหวังสุดท้าย!!

เธอรีบวิ่งขึ้นไปหาประตูและเอามือบิดลูกบิดประตูผลักเปิดออก แม้ลูกบิดประตูจะหมุน แต่บานประตูกลับไม่ขยับ

ไม่จริงน่า!!

ความหวังสุดท้ายดับวูบลงต่อหน้า ขณะที่เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง...

เด็กสาวโชกเลือดเดินผ่านชั้นยี่สิบห้าขึ้นมาแล้ว

ร่างขาวซีดของนักเรียนสาวปริศนาในชุดเปื้อนเลือดกำลังเดินโงนเงนขึ้นมาตามขั้นบันได ผนังสองด้านรอบตัวเธอแคบและบีบเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัวและเพดานที่ต่ำลงทุกที... สองแขนโชกเลือดถูกยื่นออกมาข้างหน้าและใกล้เข้ามาจนแทบจะจ่ออยู่ตรงปลายจมูกของแพรวในระย่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น?

ประตูบ้าเอ๊ย! เปิดออกซะทีซี่!!

หลังจากเขย่าประตูด้วยความร้อนรนสักพัก ก็มีเสียงบานประตูเลื่อนเปิดออกด้วยความฝืดจนเกิดเสียงแสบแก้วหู ที่แท้ประตูดาดฟ้าก็ไม่ได้ถูกล็อก แต่ฝืดมากจนเปิดออกลำบากนั่นเอง

แพรวผลักประตูดาดฟ้าให้เปิดออกสุดแรง เสียงกรีดร้องของโลหะเสียดสีกันดังแสบแก้วหู จนในที่สุดบานประตูก็เปิดผลัวะออก แสงสว่างเพียงเล็กน้อยภายใต้ท้องฟ้าครึ้มจากภายนอกส่องลอดเข้ามาพร้อมทั้งสายลมและหยาดฝน เธอก้าวออกไปข้างนอกยังดาดฟ้าว่างโล่งแทบไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นใดอีก และเธอก็พบกับร่างของเด็กสาวในชุดเรียนสีขาวโชกเลือดกำลังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนตากฝนที่โปรยลงมาอยู่ตรงกลางดาดฟ้าว่างโล่งนั้น ราวกับมาดักรอเธออยู่ก่อนแล้ว

สักพัก เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเดินตรงเข้ามา...

อารามตกใจ แพรวทำท่าจะวิ่งกลับหลัง แต่บานประตูกลับปิดลงกะทันกันตรงหน้าเธอดังกึ้ง!!

เราถูกหลอก!! เธอคิดในใจอย่างสิ้นหวัง พยายามเปิดบานประตูแต่ก็เปิดไม่ออก

ตอนนี้เธอถูกขังบนดาดฟ้าอยู่เพียงลำพังกับเด็กสาวโชกเลือดที่กำลังเดินเข้ามาใกล้...

ไม่สามารถหนีลงไปด้านล่างได้อีก แถมดาดฟ้าก็ไม่ได้กว้างมากนัก อีกทั้งยังโล่งจนมีที่ให้หลบซ่อนได้น้อย นอกจากหลังแทงค์น้ำอันใหญ่กับห้องอะไรสักอย่างอีกสองห้องซึ่งถูกใส่แม่กุญแจอันใหญ่ยักษ์แล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก

ชีวิตของเธอจะต้องมาจบลงตรงนี้อย่างนั้นหรือ?

แม้เมื่อครู่จะยังคิดอยากตายอยู่ แต่พอมาถึงเวลานั้นจริงๆ ถึงเพิ่งจะตระหนักว่าชีวิตของตัวเองมีค่าแค่ไหน เธอยังไม่พร้อมที่จะตาย ยังอยากได้โอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองอีกสักครั้ง

?ไม่นะ!! ปล่อยฉันไปเถอะ...? หล่อนวิงวอนร้องขอชีวิต แต่เพราะเธอเป็นคนพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร เสียงที่หลุดออกมาจึงเบาหวิวและแทบปลิวหายไปกับสายลม อีกทั้งเด็กสาวโชกเลือดยังคงเดินเข้ามาใกล้โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

มีทางอีกทาง... ไม่สิ... มันเป็นทางไปสู้ความตายชัดๆ ไม่ใช่ทางหนีแต่อย่างใด

ทางเลือกนั้นคือ โดดลงไปจากดาดฟ้า

ด้วยความสูงยี่สิบห้าชั้น ร่างของเธอคงตกลงไปกระแทกพื้นอย่างแรงจนอวัยวะภายในแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ในภาพยนตร์ทั่วไปนั้น ตัวละครบางตัวถูกวิญญาณไล่ต้อนมาถึงดาดฟ้าจึงกระโดดลงไปตายเบื้องล่างด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้แพรวไม่รู้ว่าตัวเองจะเลือกทางไหนดี ระหว่างกลัวความตายที่รู้สภาพขณะตายแน่นอน กลับกลัวความตายที่เกิดจากสิ่งลึกลับเช่นวิญญาณตนนี้

?ทำไม?? แพรวพึมพำถามออกมา ...ทำไมเธอถึงต้องตามฉันมาด้วย ฉันไปทำอะไรเธอตั้งแต่ตอนไหนกัน?

เด็กสาวโชกเลือดยังคงเดินเข้ามาใกล้ แพรวรีบหันหนี เตรียมจะโดดลงจากดาดฟ้า...

ในตอนนั้นเอง...

?เธอทำอะไรน่ะ!??

มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงโลหะเสียดสีกันดังสนั่น ดวงตาเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าพร้อมทั้งลากแขนเด็กผู้ชายผิวขาวร่างผอมบางหน้าตาดูอ่อนกว่าวัยและใส่แว่นเรียบร้อยให้เดินตามมาด้วย

?ดะ...ดวงตา?? แพรวพึมพำราวกับไม่อยากจะเชื่อ ?เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ??

?พอดีตอนเดินสวนกับเธอที่โรงเรียน ฉันเก็บพวงกุญแจได้ แต่ไม่รู้เป็นของใครน่ะ? ดวงตาเดินฝ่าสายฝนตรงมายังเพื่อนสมัยประถม พลางหยิบพวงกุญแจที่ห้อยตุ๊กตารูปคิตตี้น่ารักๆออกมาจากกระเป๋ากระโปรง ?ตอนแรกฉันก็ลำบากใจว่านี่ของใคร ไม่รู้จะใช่ของเธอรึเปล่า แต่เธอก็เดินหายไปแล้ว เลยลังเลอยู่ตั้งนาน แต่นึกไปนึกมาก็จำได้ว่าสมัยประถมเธอชอบคิตตี้นี่นา?

ภาพเด็กสาวร่างเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารักนั่งคนเดียวและไม่ยอมพูดกับใคร ได้แต่กอดตุ๊กตาคิตตี้อยู่ในห้องเรียน ยังคงตราตรึงอยู่ในสมองของดวงตาไม่ยอมเลือนหาย เพราะนั่นช่างเป็นภาพที่ดูเหงาเศร้าและว้าเหว่ยิ่งนัก

สิ่งที่อยู่ในมือดวงตาเป็นกุญแจห้องของแพรวนั่นเอง...

?อยู่นี่เอง...? เด็กสาวร่างเล็กพึมพำพลางล้มทรุดลงกับพื้น ?ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์เอามาคืน? เธอพึมพำเสียงแผ่วเบาจนดวงตาแทบจะไม่ได้ยิน แต่เด็กสาวชมรมบาสก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร เนื่องจากเธอจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนพูดน้อย

?ว่าแต่ เธอมาทำอะไรบนดาดฟ้าล่ะ?? ดวงตามถามต่อ

ทันทีที่ถามจบ แพรวก็ร้องไห้ออกมา

_____________________

?น่ากลัวจังเลย...? ดวงตาพูดออกมา หลังจากได้ฟังเรื่องที่แพรวเล่าจบแล้ว เพราะอีกฝ่ายเป็นคนพูดไม่เก่ง จึงพูดช้า พูดตะกุกตะกัก อีกทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แม้ว่าทั้งสามจะมายืนคุยกันตรงบันไดหนีไฟที่เงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงฝนให้ได้ยินแล้วก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังพอจะจับใจความได้

แพรวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนสมัยประถมที่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ฟัง ตอนแรกเธอแค่รู้สึกประหลาดใจระคนดีใจเนื่องจากไม่คาดคิดว่าดวงคาจะตามเอากุญแจมาคืนจนถึงที่ หลังจากผ่านความหวาดกลัวและตึงเครียดอย่างหนัก แม้ปกติจะเป็นคนไม่ค่อยพูดจาอะไรกับใคร แต่ในตอนนั้นเธอไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ในใจเอาไว้ได้อีก จึงเล่าทุกอย่างที่ได้ประสบพบเจอมาให้ผู้ที่มาช่วยชีวิตเธอได้รับรู้

ตามปกติแล้ว คนที่ได้รับฟังเรื่องแบบนี้อาจจะหัวเราะแล้วบอกว่าไร้สาระ แต่หลายคนก็เชื่อเรื่องผีสาง ดังนั้นการที่ดวงตาจะยอมเชื่อแพรวง่ายๆก็คงไม่แปลก แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือเรื่องที่ดวงตาเล่าต่อจากนี้

?ฉันก็เคยเจอผีด้วยแหละ?

เด็กสาวชมรมบาสเล่าถึงประสบการณ์การเจอผีในโรงยิม และวีรกรรมของสองพี่น้องแห่ง DBHO พร้อมทั้งค่าจ้างในการไขคดีสองร้อยบาท ซึ่งฟ้าและดวงตาช่วยกันออกคนละครึ่ง มันก็อาจจะถูกอยู่หรอก อย่างน้อยก็เห็นผลงานล่ะ ดีกว่าไปดูหมอดูราคาสามร้อยกว่าบาทแต่ทายถูกทายผิดมั่วซั่ว แบบนั้นเปลืองเงินมากกว่าซะอีก

?เห... จริงเหรอ?? ความจริงแล้วแพรวประหลาดใจและประทับใจมาก แต่เพราะไม่รู้จะถ่ายทอดออกมาอย่างไรจึงพูดได้แค่นั้น เพราะนิสัยนี้ทำให้ความพยายามคุยกับเพื่อนในห้องต้องล้มเหลวเนื่องจากอีกฝ่ายรู้สึกรำคาญ เธอจึงกลัวและไม่กล้าพูดกับใครอีก แต่ดวงตาเป็นคนเฮฮาร่าเริงและเข้ากับคนง่าย การที่เด็กสาวชมรมบาสชวนเธอคุยเปิดอกอย่างสนิทสนมและไม่มีท่าทีรำคาญการพูดตะกุกตะกักของเพื่อนในขณะเล่าเรื่อง ทำให้เธอกล้าที่จะพูดคุยโดยไม่รู้สึกกลัวมากนัก

?ฉันโทรไปถามหัวหน้าห้องเธอมาน่ะ ว่ารู้ที่อยู่เธอมั้ย แล้วมันก็ไม่ไกลจากบ้านฉันมากด้วย เลยว่าจะเอามาคืนที่ชั้นยี่สิบ ว่าจะดักรอเธอน่ะ ฟังดูเหมือนโจรไปหน่อยนะ แต่ฉันก็ได้ยินเสียงคนกรีดร้องดังมาจากบนบันไดหนีไฟ ไม่รู้เพราะอะไรฉันถึงคิดว่านั่นน่าจะเป็นเสียงเธอ ก็เลยรีบวิ่งตามขึ้นไปข้างบนน่ะ? ดวงตาเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบ เพราะเธอมัวแต่จับผิดหมิว จึงทำให้ลืมเรื่องพวงกุญแจที่เก็บได้ไปเสียสนิท มานึกออกก็ตอนลงจากรถตู้แล้วนั่นแหละ พอรู้ว่าที่อยู่ของเพื่อนสมัยประถมอยู่ไม่ไกลจากบ้านตัวเองมากนัก ก็เลยคิดว่าน่าจะลองเอาไปคืนสักหน่อย แต่ก็แอบกลัวเหมือนกันว่าถ้านั่นไม่ใช่กุญแจของแพรวละก็คงได้หน้าแตกยับกันพอดี

?ว่าแต่... คะ... คนนี้นี่ ใครเหรอ??

แพรวชี้ไปยังกอล์ฟซึ่งยืนนิ่งดุจรูปปั้นหินสลักเก่าๆที่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้เขากำลังฮัมเพลงเบาๆว่า ?ฉันมาทำอะไรที่นี่?? ด้วยน้ำเสียงกวนประสาทพร้อมทั้งหาวหวอดใหญ่

?อ๋อ... นายนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องฉันเอง พอดีบ้านดันอยู่ใกล้กัน ฉันก็เพิ่งรู้ตอนมาที่นี่แล้วเดินเจอหมอนี่เนี่ยแหละ ก็เลยลากมาด้วย? ดวงตาหัวเราะ อันที่จริงเธอต้องการชวนอีกฝ่ายคุยจึงลากแกมบังคับให้กอล์ฟมาคืนกุญแจด้วยกัน เพื่อระหว่างทางจะได้เดินคุยกันและเลียบเคียงถามเผื่ออีกฝ่ายจะหลุดพิรุธว่าตัวเองเป็น DBHO ออกมา

?แล้วเธอจะกล้านอนในห้องมั้ยเนี่ย?? ดวงตาถามด้วยความเป็นห่วง

?ไม่รู้สิ? แพรวตอบตามตรง

?มาค้างบ้านฉันมั้ยล่ะ?? กอลฟ์เอ่ยชวน ทำเอาทุกคนประหลาดใจ

?เฮ้นาย ชวนสาวเข้าบ้านแล้วเรอะ ไม่เร็วไปหน่อยรึไง?? สาวน้อยผู้ห้าวหาญหันมาถามเด็กหนุ่ม

?ฉันจะไปทำอะไรเค้าได้ล่ะ อย่าคิดไปเองสิ ขืนฉันแตะอะไรแพรวเข้าละก็ น้องสาวฉันได้เตะฉันออกจากบ้านแน่? กอล์ฟพูดมีเหตุผล แต่ถ้ากอลฟ์และหมิวเป็นสองพี่น้อง DBHO จริงๆละก็ เผลอๆหมิวจะพูดกับกอล์ฟว่า ?หนูใส่ยานอนหลับให้แพรวกินแล้วค่ะ เชิญตามสบายเลยนะคะท่านพี่ แหม... สมกับเป็นท่านพี่ ชั่วได้ใจจริงๆค่ะ!!? อะไรประมาณนั้นรึเปล่า?

?ถ้าต้องให้แพรวไปค้างบ้านนาย สู้ค้างบ้านฉันจะดีกว่า?

ดวงตากับกอล์ฟมองหน้ากัน แต่ฝ่ายแรกมองด้วยสายตาระแวง ขณะที่ฝ่ายหลังมองด้วยตาปรือๆเหมือนคนง่วงนอนเต็มที แพรงมองทั้งคู่สลับกันไปมาสักพักก่อนจะเอ่ยปากปฏิเสธ ?ไม่เป็นไรหรอก เราอยู่ที่นี่ได้?

?แน่ใจเหรอ?? ดวงตาถามด้วยสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

?อื้ม เธอ... ชื่อกอล์ฟใช่มั้ย? ขะ...ขอโทษนะ แต่เราไม่เคยค้างบ้านเพื่อนผู้ชายมากก่อน ไม่เคยไปบ้านผู้ชายคนอื่นด้วย ห้องเพื่อนผู้ชายก็ไม่เคยเข้า ...แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่ไว้ใจเธอนะ ...เราก็แค่ ...ไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน?

ยิ่งพูดเสียงของแพรวยิ่งเบาลงทุกขณะ แถมยังก้มหน้ามองพื้นขณะที่พูดด้วยซ้ำ

?ไม่เป็นไร... ฮ้าวววว... ฉันเข้าจาย? เด็กหนุ่มพูดไปหาวไป ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ ให้ตายสิ...

?แล้วก็ ...ดวงตา เรา...มะ...ไม่อยากรบกวนเธอน่ะ เราดีใจ... ดีใจจริงๆนะ ที่เธอยังจำเราได้ แถมยังเอากุฐแจมาคืน แล้วชวนคุยอีก แต่เรายังไม่ได้สนิทกันมาก เลยไม่กล้ารบกวนน่ะ? ครั้งนี้แพรวหันไปพูดกับดวงตาตรงๆ

?ไม่ถือว่าเป็นการรบกวนไรหรอก แต่ถ้าเธอจะทำแบบนั้นก็ตามใจ เอาให้เธอสบายใจดีกว่า? ดวงตายิ้มอย่างอ่อนโยน กอล์ฟอยากจะแซวว่านี่เธอยิ้มแบบผู้หญิงเป็นกับเค้าด้วยเรอะ? แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเตะก้านคอเลยเงียบไว้ ขณะที่เด็กสาวผู้ถูกพาดพิงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า ?แพรว เราขอเบอร์เธอหน่อยสิ?

?เอ๋... อะ อื้ม ได้สิ!!? แพรวมีสีหน้าประหลาดใจระคนดีใจ คงเพราะเด็กสาวไม่เคยมีเพื่อนคนไหนขอเบอร์โทรศัพท์เธอมาก่อน จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือห้อยพวงกุญแจคิตตี้ออกมา ?เบอร์เรา 08XXXXXXXX? เธอยิงเบอร์มาเลย เดี๋ยวเราจะได้กดเซฟ? หลังจากพูดจบ เด็กสาวร่างเล็กก็รู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองพูดออกไปแบบนั้น

ถ้าเราตั้งใจจะพูดจริงๆ... ก็พูดได้นี่นา

?เราจะกดโทรแล้วนะ? ดวงตาพูด

หน้าจอโทรศัพท์ของแพรวเป็นรูปตัวเธอเองครึ่งตัวเอามือสองข้างวางบนตักยิ้มเขินๆใส่กล้อง โดยมีฉากหลังเป็นโมเดลหุ่นแปลงร่างและยานอวกาศบนชั้นวาง ในวินาทีถัดมาหน้าจอก็เปลี่ยนและโชว์เบอร์โทรของดวงตาขึ้นมา

?โอเค เซฟแล้วจ้ะ...? แพรวเริ่มกลับมาพูดเสียงค่อยเหมือนเดิม ?ขอบคุณ... มากนะ?

?มีอะไรก็โทรมาได้เลยนะ ไม่ต้องกังวลหรอก? ดวงตายิ้มอย่างเป็นมิตรอีกครั้ง

?เอาเบอร์โทรฉันด้วยมั้ยจ๊ะ?? กอล์ฟถามพลางคว้ามือถือตัวเองขึ้นมาเตรียมพร้อมด้วยท่าทางเซ็งแบบบอกบุญไม่รับ

?แพรวจะโทรหานายไปทำซากอะไรยะ?? ดวงตาหันไปมองค้อนเพื่อนร่วมห้อง

_____________________

หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านของแต่ละคน กอล์ฟก็เปิดประตูรั้วบ้านเดี่ยวสองชั้นของตนแล้วเดินผ่านสนามเข้าไป ประตูบ้านไม่ได้ล็อก แปลว่าหมิวคงกลับถึงบ้านแล้ว

?ท่านพี่!!!?

เสียงแหลมดุจโซปราโนดังขึ้นทันทีที่เด็กหนุ่มเดินเปิดประตูบ้านเข้ามา ซึ่งหากเพิ่มความถี่ขึ้นอีกสักนิดก็อาจสามารถทำให้แก้วแตกได้ วินาทีถัดมาร่างของน้องสาวเขาก็พุ่งทะยานเข้ามาดุจจรวดโทมาฮอว์กจนเขาหลบไม่ทัน

?แอ่ก... พี่หายใจไม่ออก? กอล์ฟพูดพลางผลักร่างของหมิวที่กอดเขาไว้แน่นให้ออกห่างเล็กน้อย

?ทำไงดีคะท่านพี่ ดูเหมือนดวงตากับฟ้าจะสงสัยพวกเราแล้วล่ะค่ะ?? หมิวถอดแว่นออกแล้ว และกำลังเบิกตากลมโตถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ยังดูน่ารักมากอยู่ดี ในขระที่เด็กหนุ่มก็ถอดแว่นออกเหมือนกัน

?อื้ม พี่ก็รู้สึกได้ ตะกี๊พี่ก็เจอดวงตาด้วย?

หลังจากนั้นเขาก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้น้องสาวฟัง เธอเอียงคอประหลาดใจ ?อืม แปลว่าเจ๊ดวงตาแกสงสัยพวกเราจริงๆด้วยสินะ ว่าแต่... เรื่องของคนชื่อแพรวที่ท่านพี่เล่าก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ?

?อืม... นั่นสิ พี่ก็ว่าน่าจะลองสืบดี แต่ถ้าไม่มีค่าจ้างก็ลำบาก แต่ดูเหมือนดวงตาจะพยายามเล่าเรื่องพวกเราให้แพรวฟัง คงกะว่าแพรวอาจจะมาขอความช่วยเหลือกับเรา ไม่ก็อยากกระตุ้นให้เราช่วยแพรวล่ะมั้ง?? กอล์ฟสันนิษฐาน

หมิวเอียงคอมากขึ้นกว่าเดิม ?ท่านพี่คิดว่าดวงตาเค้าฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอคะ??

หากเจ้าตัวมาได้ยินคงอาละวาดบ้านแตกแน่ๆ เผลอๆอาจจะพ่นไฟใส่พวกเขาด้วยซ้ำ... ไม่สิ... คนนะไม่ใช่ก็อตซิลล่า

?แต่พี่รู้สึกแปลกๆกับเรื่องที่แพรวเล่า? กอล์ฟเดินไปนั่งบนโซฟาห้องรับแขกพลางครุ่นคิด บ้านของสองพี่น้องมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก เฟอร์นิเจอร์ถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย ผนังตกแต่งด้วยสีอ่อน สิ่งที่ทำให้บ้านดูรกขึ้นมาคงไม่พ้นพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประหลาดๆที่มีสายไฟระโยงรยางค์เต็มไปหมด

?ท่านพี่หมายความว่าแพรวโกหกเหรอคะ?? น้องสาวถาม

?ไม่ใช่แบบนั้น? เขาปฏิเสธ ?ท่าทางเธอไม่ใช่คนโกหก แต่พี่แค่รู้สึกว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ฟังดูขัดแย้ง รู้สึกแปลกๆน่ะ แต่พี่อาจจะแค่คิดไปเองก็ได้มั้ง ช่างเถอะ... เรามานั่งคิดรับมือพวกดวงตากับฟ้ากันก่อนดีกว่า?

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”