ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่3)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
complicated
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 08 มิ.ย. 2010 7:59 am

ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่3)

โพสต์ โดย complicated »

สวัสดีค่ะ

พวกเราเป็นสมาชิกชมรมบาสเก็ตบอล และเจอเรื่องสยองขวัญอยากให้ช่วยแก้ปัญหาค่ะ

ช่วยติดต่อกลับมาด้วยนะคะ นี่เบอร์โทรค่ะ

085*******

_____________________

?ยังกะพวกประกาศน่าสงสัยเลย ประเภทโฆษณาให้กู้ยืมเงินแบบนอกระบบน่ะ? ดวงตาบ่นพึมพำ แต่ก็เขียนเสร็จและฉีกกระดาษสมุดออกมาโดยดี เท่านี้ก็ทำ ?ใบคำร้อง? เสร็จเรียบร้อย

?ที่เหลือก็แค่ เอากระดาษไปใส่ในล็อกเกอร์ใช่มั้ย?? ฟ้าถามให้แน่ใจอีกครั้ง

?ใช่แล้ว เธอไปด้วยกันกับฉันแหละ? เด็กสาวผู้ห้าวหาญตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

?แล้วทำไมต้องเป็นเบอร์โทรฉันด้วยล่ะ?? เด็กสาวผู้ไม่ได้เป็นตัวจริงในทีมบาสเกตบอลถามพลางเอียงคอสงสัย

?อ่า...ก็...? ดวงตาตอบตะกุกตะกัก ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็เดินเข้ามาหาจากทางด้านข้าง

?พวกเธอทำอะไรน่ะ??

เจ้าของเสียงคือหมิวนั่นเอง เธอเดินขยับแว่นจ้องมองมาทางสองสาวชมรมบาสด้วยความสงสัย

ใช่แล้ว ขณะนี้ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ที่กองขยะด้านหลังโรงเรียน ที่ปกติมักไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน เพาระเป็นเพียงตรอกแคบๆ แม้จะขึ้นชื่อว่ากองขยะแต่ก็ไม่มีกลิ่นเหม็นใดๆ เพราะขยะที่ว่ามีแต่ข้าวของเครื่องใช้ที่พังแล้ว ตั้งแต่เก้าอี้ โทรทัศน์ โต๊ะอาหาร คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงล็อกเกอร์สีเทาซีดที่สนิมลอกหลุด

?อ๋อ ก็แค่เดินเล่นน่ะ? ฟ้าตอบพลางยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูเหงาหงอยเหลือเกิน

?ว่าแต่ เธอไม่กลับบ้านพร้อมกอล์ฟเหรอ?? ดวงตาถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

?ก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นหายหัวไปไหนเนี่ยสิ โทรศัพท์ก็ไม่กดรับ?

ดูท่าว่าสาวน้อยที่เหมือนแมวเหมียวผู้นี้จะไม่ยอมเรียกกอล์ฟว่า ?พี่ชาย? เลยสักครั้ง

?แย่จังเลยเนอะ? ฟ้าพูด แต่ดูก็รู้เธอกำลังกระอักกระอ่วนใจ คงอยากรีบๆเอากระดาษใส่ล็อกเกอร์ให้มันจบๆไป

?งั้นฉันไปก่อนละ? หมิวโบกมือลาเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนแบบขอไปทีก่อนจะเดินจากไป

หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่อีกแล้ว ฟ้าก็รีบเดินไปเปิดล็อกเกอรื ว่าแต่ทำไมต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วยล่ะเนี่ย ไม่ใช่แอบวางระเบิดสักหน่อย ดวงตาคิดพลางมองดูเพื่อนกำลังพนมมือหลับตาอธิษฐานอะไรสักอย่างลงไปในกระดาษ เฮ้ๆ... นี่ไม่ได้มาไหว้พระขอพรนะ เดี๋ยวก็เอาธูปเทียนมาจุดแล้วถวายหัวหมูด้วยซะเลยนี่

หลังจากปิดล็อกเกอร์เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองสาวก็เดินจากมา

แม้จะหวาดกลัวว่าผีสาวชุดดำหัวขาดจะตามมาหลอกหลอนในคืนนี้ถึงบ้านอีกหรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปโดยไม่เกิดอะไรขึ้น ถึงจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะมัวแต่กลัวก็เถอะ

เช้าวันรุ่งขึ้น บรรยากาศในห้องเรียนก็คึกคักตามเดิม

เรื่องของหญิงสาวคอขาดถูกนำไปเป็นประเด็นสนทนามากที่สุด แต่ดวงตาไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะหลายต่อหลายคนอาจกล่าวหาว่าเธอโกหกหาเรื่องมาแต่งให้น่ากลัวที่ฟ้าเล่า แต่ฟ้าคงเชื่อในเรื่องที่เธอพูด

?ฉันบอกแล้วไงว่าผีไม่มีจริงหรอก มันก็แค่ภาพหลอนที่เกิดสมองบริเวณฮิปโปแคมปัสเสียหายหรือถูกกระตุ้น? กอล์ฟยังคงยืนกรานทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ของตน หากหมอนั่นมาเจอหัวผู้หยิงกลิ้งที่ปลายเตียงนอนของตัวเองตอนกลางคืนบ้างยังจะกล้ายืนกรานเรื่องนี้อีกรึเปล่านะ? อย่างเพิ่งเผ่นแน่บไปซะก่อนล่ะ

?พูดง่ายๆก็คือ ผีไม่มีจริง เป็นแค่ภาพหลอนซึ่งคนที่มีความผิดปกตอของสมองบริเวณจักษะประสาทหรือสมองส่วนหน้าเท่านั้นที่จะเห็นภาพหลอนเหล่านั้นได้ เข้าใจรึเปล่า?? หมิวกล่าวเสริม

แม้ดูเผินๆ ทั้งสองคนนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกัน แต่ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอยากเอาชนะพี่น้องสายเลือดเดียวกันของตนซึ่งแฝงอยู่ในน้ำเสียงขณะที่พูดได้อย่างชัดเจน สุดท้ายก็เป็นแค่พี่น้องที่ชอบกัดกันเท่านั้นเอง

ดวงตาไม่สนใจสิ่งที่สองพี่น้องฮิปโปโปเตมัสพูดแต่อย่างใด เพราะเรื่องที่ได้พบจามานั้นมันแจ่มชัดยิ่งกว่าภาพหลอน เธอไม่ได้แค่บ้าไปเอง เด็กสาวรู้ดีอยู่แก่ใจ จะว่าไป คนบ้าก็มักจะไม่รู้ว่าตัวเองบ้านี่นะ...

ทันทีที่กิจกรรมชมรมมาเยือน และผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ฟ้าทำหน้าที่เป็นตัวสำรองอยู่ริมสนามดังเดิม หากแต่คราวนี้ไม่มีใครกล้าเสนอให้เธอไปเก็บของในห้องเก็บของอีก ในทางตรงกันข้าม ทุกคนพร้อมใจกันหารือว่าจะมาเก็บของอีกทีตอนเช้าก่อนเข้าเรียนแทน เพราะข่าวลือเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นนั้นลือกันไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว

ดวงตาเองก็ชะล่าใจ คิดว่าตนเองคงปลอดภัยแล้ว ทว่า...

?จะว่าไป ลูกบาสหายไปลูกนึงนี่นา? แอนเอ่ยขึ้นหลังจากเดินกลับบ้านพร้อมดวงตาและฟ้า

อิ๊บอ๋าย... อยู่ที่บ้านฉันนี่หว่า! ดวงตาสะดุ้งตกใจ มีวันหนึ่งเธอเกิดคันไม้คันมืออยากซ้อมต่อที่บ้านขึ้นมาซะดื้อๆเลยเผลอฉกลูกบาสติดมือกลับมาด้วยลูกหนึ่ง น่าจะเป็นไอ้ลูกเวรนี่แหละ

?ขืนอาจารย์มาเช็คของพรุ่งนี้แล้วหายไปลูกนึงนี่มีหวังโดนเฉ่งทั้งชมรมแน่? ฟ้าพูดพลางหัวเราะขื่น เป็นที่รู้กันทั้งชมรมว่าอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมบาสเก็ตบอลนั้นขี้งกและเข้มงวดขนาดไหน

?ใครมันขโมยไปนะ ไม่มีสามัญสำนึกเลย!? แอนทำท่าโกรธจริงจัง ?แบบนี้มันต้องจับถลกหนังแล่เนื้อซะให้เข็ด เห็นด้วยมั้ยฟ้า เห็นด้วยมั้ยดวงตา?? เธอหันมาถามความเห็นเพื่อนทั้งสอง

นี่เธอคิดจะถลกหนังฉันงั้นเรอะ? ดวงตาคิดในใจ ขณะที่ฟ้าตอบว่า ?อื้ม เห็นด้วย?

?ดวงตาล่ะ ว่าไง??

เมื่อถูกถามซ้ำหลายรอบ เธอจึงต้องจำใจเออออตาม เอ้า... โดนถลกหนังก็ถลกหนังสิวะ! ?อื้ม เห็นด้วย?

?ใช่มั้ยล่ะ!! แค่นั้นยังไม่พอนะ ต้องจับมายิงเป้าด้วย?

สงสัยจริงๆ ทำไมการยืมลูกบาสมาเล่นที่บ้านลูกเดียวแล้วลืมเอาไปคืนแค่นี้ถึงกับต้องรับโทษรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตด้วยล่ะเนี่ย สงสัยคืนนี้ต้องรีบแอบเอากลับมาคืนซะแล้วสิ แต่ว่าไอ้โรงยิมบ้านั่นก็สยองน่าดู... เอาน่า โผล่ไปแวบเดียวไม่น่าจะเป็นไรมั๊ง หวังว่างั้นนะ เพราะเมื่อคืนไม่ได้ถูกผีหลอก เธอจึงรู้สึกหวาดกลัวน้อยลง

ดังนั้นหลังจากกลับถึงบ้านเสร็จ หล่อนจึงรีบวิ่งขึ้นห้องคว้าเอาลูกบาสและวิ่งออกจากบ้านโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อ เพราะขืนช้ามากกว่านี้ละก็ท้องฟ้าจะยิ่งมืด แล้วห้องเก็บของก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก ตอนแรกเธอกะว่าจะแอบไปเก็บลูกบาสในตอนเช้า แต่ก็นึกได้ว่าทั้งชมรมก็คงจะมาเก็บข้าวของกันก่อน ยิ่งปกติเธอเป็นคนตื่นเช้ามากไม่ไหวก็คงจะรีบมาถึงโรงยิมก่อนคนอื่นก็คงจะไม่ไหว บางครั้งคนเรานี่ก็แปลก กลัวเพื่อนและครูด่ามากกว่าที่จะกลัวผีซะอีก

ดวงตาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่จำเป็นต้องไปคืนลูกบาสเก็ตบอล แถมต้องไปตอนกลางคืนเพราะเพิ่งนึกออกเมื่อไม่กี่นาทีก่อนอีกต่างหาก แต่เธอก็เคยเอาลูกบาสเก็ตบอลมาคืนโรงยิมในตอนกลางคืนแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เจอผีแต่อย่างใด ทว่าครั้งนี้ก็คงไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนครั้งก่อนๆ

อย่างไรก็ตาม ในใจลึกๆของเธอกลับบอกว่า อย่าหลอกตัวเองเลยน่า จริงๆแล้วหล่อนรู้สึกหวาดกลัวมากก็จริง แต่สัญชาตญาณบางอย่างของเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็น ก็คล้ายกับพวกคนที่ชอบไปสำรวจความกล้า แต่พอเจอผีจริงๆเข้า คนพวกนั้นก็จะแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือเข็ดเลย ไม่เอาอีกแล้ว ประเภทสองคือกลัวมาก แต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็อยากทำอะไรแบบนั้นอีก พอเจออีกก็กลัวอีก พอหายกลัวก็ลุยต่ออีก ซึ่งเธอเป็นคนประเภทหลัง

เด็กสาวขอยืมกุญแจโรงยิมจากยามมาแล้วรีบวิ่งขึ้นโรงยิม

เธอต้องรีบเอาลูกบาสเก็ตบอลไปคืนที่ห้องเก็บของ แล้วก็ออกมาจากห้องนั้นทันที หากรีบทำรีบกลับก็คงไม่เจอปัญหาอะไรหรอกน่า เด็กสาวคิดพลางไขกุญแจเข้าโรงยิม ก่อนจะรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุก เพราะบรรยากาศของโรงเรียนตอนกลางคืนน่ากลัวกว่าที่คิดไว้มากหลายเท่านัก ราวกับว่าจะมีสิ่งลี้ลับโผล่ออกมาได้ทุกทีและทุกเมื่อ จนเธอเริ่มรู้สึกเสียใจความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง รู้อย่างนี้ยอมตื่นเช้าสักวันแล้วเอาลูกบาสมาคืนก่อนสมาชิกชมรมคนอื่นๆจะมาถึงยังทำให้รู้สึกสบายใจกว่าอีก ความทรงจำน่าสะพรึงกลัวเมื่อสองวันก่อนแล่นกลับคืนมาสู่สมอง จนแทบอยากจะวิ่งกลับบ้านเสียตั้งแต่ตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็มาไกลเกินครึ่งทางแล้ว เธอไม่ชอบทำอะไรครึ่งๆกลางๆ จึงยังคงไม่หันหนีกลางคัน

นะ...น่ากลัวชะมัด ดวงตาคิดด้วยความกลัวจนตัวสั่น แต่ยังคงฝืนเดินอย่างรวดเร็วไปที่ห้องเก็บของ และเปิดประตูอย่างเชื่องช้า ลองแอบมองเข้าไปในห้อง แม้จะมืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไร เธอก็มั่นใจว่าไม่มีกลิ่นอายของสิ่งเหนือธรรมชาติใดๆอยู่ในห้องนี้ หากไม่เข้าห้องก็คงเลี่ยงไม่ต้องเจอกับหญิงสาวชุดดำได้

เด็กสาวโยนลูกบาสไปกองไว้ตรงมุมห้องผ่านทางรอยแง้มประตูโดยไม่ได้เดินเข้าห้องเก็บของเลยแม้แต่ก้าวเดียว ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบสาวเท้าเดินออกมาจากโรงยิม และถอนหายใจโล่งอก

เฮ้อ... ปลอดภัยแล้ว

หล่อนรู้สึกปลาบปลื้มใจที่เอาชนะความกลัวได้สำเร็จ พอเหลือบมองไปทางซ้ายก็เห็นโรงยิมว่างโล่งในความมืดสลัว

ไม่มีสิ่งใดอยู่ในโรงยิมอันว่างเปล่า

ดวงตาถอนหายใจโล่งอกอีกครั้ง เธอหันหลังให้โรงยิมและเตรียมตัวลงบันได

ทว่า...

เอี๊ยด... เอี๊ยด...

เธอกลับได้ยินเสียงเคลื่อนไหวแผ่วเบาดังมาจากภายในโรงยิมที่ควรจะว่างเปล่า...

เด็กสาวเงี่ยหูฟังอีกครั้ง

เอี๊ยด... เอี๊ยด... เสียงนั้นเริ่มดังชัดเจนขึ้น เป็นเสียงที่เกิดจากการเสียดสี แต่ไม่ใช่เสียงของรองเท้ากีฬาเสียดสีบนพื้นโรงยิม หากแต่มันฟังดูเหมือน... เสียงผิวหนังของบางสิ่งที่บดเสียดสีกับพื้นโรงยิม

เสียงที่ได้ยินฟังดูราวกับว่า มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวในความมืดโดยครูดร่างไปกับพื้นโรงยิม...

ดวงตาตกใจ เผลอหันไปมองด้านหลัง

ที่พื้นกลางโรงยิมว่างโล่งนั้น เธอมองเห็นวัตสุสีดำมะเมื่อมรูปร่างคล้ายมนุษย์กองอยู่บนพื้นโรงยิม

?อ๋า... หวา...?

เด็กสาวหลุดเสียงโหยหวนออกมา เธอเคยถูกยามกำชับว่าห้ามเปิดไฟโรงยิม ให้รีบเก็บอุปกรณ์แล้วรีบออกมา เพราะเมื่อก่อนเคยเอาอุปกรณ์มาคืนแล้วครั้งหนึ่งเธอจึงรู้เรื่องนี้ดีเลยพกไฟฉายติดตัวมาด้วย

ในตอนนั้นเอง

เอี๊ยด...

ก้อนวัตถุสีดำนั้นเริ่มขยับ และเคลื่อนตรงมาทางเธอ....

เด็กสาวรีบคว้าไฟฉายส่องตรงที่เงาร่างดำตะคุ่มนั้น

และแล้ว...เธอก็เห็น....

ร่างของหญิงสาวที่ไร้ศีรษะเริ่มคลานเข้ามาหาเธอ... เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากปากแผล ระหว่างที่คลานร่างของเธอก็บิดไปบิดมาอย่างน่าสะพรึงกลัว

บัดดลนั้นเธอรู้สึกหวาดกลัวจนแทบจะหมดสติไป

ดวงตารีบวิ่งลงบันไดโรงยิม แต่เพราะรีบไปหน่อยจึงก้าวพลาดจนตกบันได ร่างกายของเธอฟกช้ำไปทั่ว และหากไม่รีบทำอะไรในตอนนี้ เธอคงตกลงไปกระแทกกับขอบโต๊ะที่ตั้งอยู่ด้านล่างเป็นแน่

ไม่นะ... เด็กสาวคิดในใจพลางหลับตาเพื่อเตรียมใจรับแรงกระแทก

ในตอนนั้นเอง มีใครบางคนกอดร่างของเธอไว้...

?ว้าย!!? เธอส่งเสียงร้องแบบสมหญิงเป็นครั้งที่สองในชีวิตของเธอ อาจเป็นเพราะกำลังโดนแต๊ะอั๋งอยู่ ไม่สิ... ใครคนนั้นที่กอดเธอไว้ก็แค่พยายามช่วยหยุดร่างของเธอไม่ให้ไปกระแทกกับขอบโต๊ะด้านล่างเท่านั้นเอง

?ไม่เป็นไรใช่มั้ย??

เสียงสุขุมแผ่วเบาดังขึ้น ดวงตาเหลือบไปมอง แล้วก็ต้องใจเต้นโครมคราม

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ความเป็นหญิงในร่างของเด็กสาวผู้ห้าวหาญได้ตื่นขึ้นมาทีละน้อย โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นหน้าบุคคลที่มาช่วยเธอตอนนี้ แม้จะไม่ถึงขั้นหล่อเหลา แต่ผิวขาวซีดกับใบหน้าอ่อนเยาว์น่ารักนั้นช่างเข้ากับทรงผมตั้งๆที่ย้อมปลายผมเป็นสีขาว กับชุดเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดคลุมศีรษะ ทำให้มองไม่เห็นทรงผมทั้งหมด อย่างน้อยก็คงไม่ใช่ทรงเกาหลีแน่ๆ ไหนจะเสื้อคลุมที่ทำจากผ้ายีนส์ขาดๆ กับกางเกงที่เป็นสไตล์เดียวกันนี่อีก ทุกอย่างดูเท่ห์ไปหมดจนเธอแทบใจละลาย

?มะ...ไม่เป็นไรค่ะ? ดวงตาตอบตะกุกตะกัก ขณะที่มีเสียงอื่นดังขึ้น

?กรี๊ด!! ท่านพี่เท่ห์มากเลยค่ะ?

เสียงของสาวน้อยที่กระตือรือร้นช่างขัดกับบรรยากาศหวาดกลัวและความโรแมนติกเมื่อครู่เสียเหลือเกิน พอดวงตาเหลือไปมองก็พบร่างของเด็กผู้หญิงขาวสวยและดวงตากลมโต ผมยาวประบ่าของเธอโผล่พ้นเสื้อคลุมและฮู้ดออกมา ตรงปลายผมถูกย้อมเป็นสีขาว ลักษณะการแต่งตัวของทั้งสองคนแทบไม่ต่างกันเลย เสื้อคลุมก็ไม่ติดกระดุม เผยให้เห็นเสื้อตัวที่อยู่ด้านใน ซึ่งนี่เป็นไม่กี่อย่างที่ต่างกัน ฝ่ายชายใส่เสื้อยืดสีดำภายใน ส่วนฝ่ายหญิงใส่เสื้อยืดสีขาว

?ไม่ต้องพูดดังขนาดนั้นก็ได้? ฝ่ายชายถอนหายใจ พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ดูอีกมุมก็ดูเหมือนรอยยิ้มซุกซนแบบเด็กๆ ขณะที่ฝ่ายหญิงยิ้มจนดวงตาเปล่งประกายชื่นชมในตัวคู่หูออกมาอย่างปิดไม่มิด

หลังจากเริ่มตั้งสติได้ ดวงตาจึงพบว่าไม่ใช่แค่เสื้อตัวในของสองคนที่ต่างกัน แต่รองเท้าก็ไม่เหมือนกัน ฝ่ายชายใส่รองเท้ากีฬาสีขาว ส่วนฝ่ายหญิงใส่รองเท้าบูธสีดำ ตัดกับสีเสื้อของตัวเอง

?แต่ท่านพี่เท่ห์สุดๆไปเลยนี่คะ...? ฝ่ายสาวยังชมไม่ขาดปาก

?เหรอ แหะๆ... พี่เขินจัง? ฝ่ายชายดันเกาหัวแรกๆซะอีก ความเท่ห์เมื่อตะกี๊หายไปหมดเลย... โธ่เอ๊ย!!

เด็กสาวชมรมบาสหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าถามคู่หนุ่มสาวสองคนที่กำลังเดินขึ้นไปในโรงยิม ?เดี๋ยวก่อนสิ พวกนายเป็นใคร!? บนนั้นมีผีนะ!! อย่าขึ้นไปจะดีกว่า?

ฝ่ายชายหันหลังกลับมามอง พึมพำด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ?จะตอบคำถามดีมั้ยนะ??

ฝ่ายสาวเองก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่พยายามจะเจ้าเล่ห์ แต่ผลที่ได้คือรอยยิ้มน่ารักมากๆซะงั้น

ทั้งสองคนเปิดหมวกคลุมศีรษะลงเล็กน้อย เผยให้เห็นอุปกรณ์คล้ายเฮดโฟนแบบมีแผงคาดบนศีรษะ แต่กลับไม่มีสายระโยงระยางยาวลงมาจากหูฟังทั้งสองข้างแต่อย่างใด เหมือนกับว่าสิ่งนั้นเป็นอุปกรณ์ไร้สาย และทันทีที่ฝ่ายชายล้วงเอาอุปกรณ์คล้ายเครื่องเล่นเอ็มพีสามแบบหน้าจอทัชสกรีนออกมากดอะไรสักอย่าง แผงไฟสีฟ้าบนหูฟังทั้งสองข้างก็กระพริบสวยงามชวนมองภาพที่เห็นราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์แนวไซไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ

?ฉันกับท่านพี่ มาเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าที่นี่มีผีน่ะ? สาวน้อยตาโตตอบพลางชี้นิ้วไปที่โรงยิม

เอ๋... ดวงตาใช้เวลาสักพักจึงนึกออก ?หมายความว่า...พวกเธอคือ...?

บุคคลปริศนาทั้งสองคนยิ้มให้เธอ แน่นอนว่าพวกนั้นไม่ได้ขึ้นบันไดจากไปอย่างเท่ห์และให้เธอเห็นแต่แผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวของทั้งสองพร้อมทั้งชายเสื้อคลุมที่ปลิวสะบัด แบบนั้นน่ะจะมีให้เห็นก็แค่ในการ์ตูนเท่านั้นแหละ

สิ่งที่สองคนนั้นทำ ก็มีแค่การพูดประสานเสียงด้วยน้ำเสียงกวนๆเท่านั้น

?พวกเราคือ ?DBHO? ยังไงล่ะ!?

_____________________

?ท่านพี่เปิดตัวได้เท่ห์มากเลยนะคะ? เด็กสาวชื่นชมเด็กหนุ่มด้วยดวงตาเป็นประกาย หลังจากที่ทั้งสองเดินขึ้นมาถึงโรงยิมอันมืดสนิทแล้ว เขาถึงกับเขินแล้วเกาศีรษะอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่วายยิ้มกวนๆกลับไป

สถานที่อันน่าสะพรึงกลัวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว

?เอาละ ตั้งใจทำงานกันหน่อย? เขาพูดพลางมองเข้าไปในโรงยิมมืดสลัว

?ไม่เห็นวิญญาณเลยค่ะ? เด็กสาวเอียงคอสงสัย ?แปลกจัง เท่าที่ฟังจากหลายๆคน ดูเหมือนวิญยาณผู้หญิงคนนั้นจะโผล่ออกมาให้เห็นชัดเจนมากนี่ ไอ้เราก็นึกว่าจะไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยซะอีก?

เด็กหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ?เอาน่า ถึงยังไงเราก็แสตนด์บายเครื่องเตรียมพร้อมแล้วนี่ ใช้มันสักหน่อยก็ไม่เสียหายหรอก พี่เองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมวิญญาณผู้หญิงคนนี้ถึงจงใจเปิดเผยตัวให้เห็นเฉพาะกับสมาชิกชมรมบาสเกตบอลหญิงน่ะ?

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เงียบกันไปชั่วขณะ ขณะที่เด็กสาวหยิบเอาอุปกรณ์คล้ายเครื่องเล่นเอ็มพีสามออกมากดตั้งค่าอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพยักหน้าให้ฝ่ายชายแล้วชูนิ้วโป้งให้

?เริ่มเลยละกัน!!? เขาพึมพำ ก่อนจะหลับตาลง แล้วเบิกตาโพลง

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็เห็น...

มีอะไรบางอย่างเป็นเงาร่างสีดำกำลังเดินออกมาจากรอยแง้มประตูห้องเก็บของที่ค่อยๆเปิดอ้าออก?

?บิงโก!!? เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้ม และหยิบเครื่องเล่นเอ็มพีสามออกมากดอะไรบางอย่างอีกครั้ง

แผงไฟสีเขียวที่เฮดโฟนกระพริบหนึ่งครั้ง และเขาก็เบิกตาโพลงมากกว่าเดิม

ภาพที่เห็นเป็นภาพที่พร่าเลือน ไม่ชัดเจน ดุจมีฝ้าขาวขุ่นเกาะ เป็นภาพของบรรดานักเรียนสาวใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มของชมรมวอลเลย์บอลกำลังเล่นอยู่ทั่วทั้งสนาม

ภาพถัดมา เป็นภาพมือสองข้างของใครบางคนกำลังจับลูกบาสชูทลงห่วง ตำแหน่งของมุมกล้องดูเหมือนจะใช้แทนสายตาเจ้าของมือสองข้างนั้น หมายความว่าภาพที่เห็นมาจากการมองของคนที่ชูทลูกนั่นเอง

ภาพถัดมา ดูเหมือนจะเป็นการแข่งขันอันดุเดือดของทีมบาสสองโรงเรียน หนึ่งในนั้นมีทีมของโรงเรียนนี้อยู่ด้วย แต่ดูจากคะแนนแล้วคงแพ้ย่อยยับ อารมณ์ตื่นเต้นระคนสิ้นหวังเด่นชัดมากจนน่าตกใจ

และภาพต่อไปเป็นภาพของลุงแก่ๆใส่ชุดสูทโก้หรู กับคุณนายไฮโซที่ไหนสักแห่งกำลังต่อว่าพลางชี้หน้าด่ามาที่ตากล้อง ครั้งนี้สามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์โกรธและเสียใจจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

ภาพสุดท้ายเป็นภาพของมือสองข้างจับห่วงเชือกอยู่ สักพักกล้องก็ซูมเข้าไปในห่วงเชือกจนมองไม่เห็นห่วงเชือกอีก วินาทีถัดมากล้องเหมือนจะหล่นวูบลงข้างล่างและกระตุกลงครู่หนึ่งในระดับที่สูงไม่ต่างจากเดิมมากนัก ครั้งนี้สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทรมานถึงขีดสุด ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะดับวูบลง

เด็กหนุ่มปริศนาได้สติ ถอดเฮดโฟนออก เหลือบมองน้องสาวที่ถามเขาทันที

?ท่านพี่ ได้ยินเสียงวิญญาณมั้ยคะ??

เขาพยักหน้า ?ระหว่างที่เห็นภาพพวกนี้ก็ได้ยินอยู่บ้าง แต่เสียงขาดๆหายๆ จับใจความไม่ได้ ก็มีพวกเสียงลูกบาสกระทบกับพื้น เสียงรองเท้าวิ่งในโรงยิม เสียงเชียร์กีฬา เสียงด่าเป็นคำหยาบคาย แต่ไม่ค่อยชัดน่ะ?

หล่อนพยักหน้าตอบ ?สงสัยเราคงต้องสืบอะไรเพิ่มเติมอีกหน่อย แต่เบาะแสแค่นี้ก็ทำให้พอเดาทางออกแล้วล่ะ?

เด็กหนุ่มยิ้มและพึมพำว่า

?คนสมัยนี้ แค่เดินชนกันนิดหน่อยก็ยิงกันตายได้แล้ว อารมณ์ประมาณนั้นแหละนะ?

_____________________

ดวงตาบาดเจ็บจากแรงกระแทกตอนตกบันได แต่ก็ไม่ถึงกับตาย หลังจากพยายามนั่งรอที่ชานบันไดด้านล่างโดยไม่เข้าไปสอดการทำงานของ DBHO ตามคำขอของสองคนนั้นแล้ว แม้จะรู้สึกสงสัยหรืออยากรู้อยากเห็นเพียงใดก็ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่รอให้คนทั้งคู่ลงมาแล้วถามรายละเอียดจากพวกเขาเท่านั้น

สักพักก็มีเสียงฝีเท้าลงบันไดมาก สาวน้อยชมรมบาสรีบทำท่าจะวิ่งเข้าไปถาม แต่เด็กหนุ่มยกมือห้ามไว้ก่อน

?ยังบอกอะไรไม่ได้มาก นี่ยังไม่ได้หมายความว่าพวกเราตกลงใจจะทำงานให้ แค่มาตรวจสอบรายละเอียดเฉยๆ ถ้าพวกเราตกลงใจจะทำงานนี้ เราจะประทับตราลงในกระดาษคำร้องของเธอเอง?

?เชื่อที่ท่านพี่พูดเถอะ? เด็กสาวในชุดเครื่องแบบของ DBHO อีกคน พูดด้วยสายตาปลาบปลื้มในตัวเพื่อนร่วมงาน

?แต่ว่า...? ดวงตายังไม่หายสงสัย แต่สองคนนั้นก็เดินจากไปเสียแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กสาวรีบตื่นนอน ไม่ใช่เพื่อไปเก็นอุปกรณ์ในชมรมบาส แต่เพราะรู้สึกอดใจไม่ไหว อยากไปเช็คข้อความที่เธอกับฟ้าเขียนในล็อกเกอร์สนิมเขรอะที่กองขยะหลังโรงเรียนโดยเร็ว

เมื่อเธอไปถึงที่นั่น ก็พบฟ้ายืนรออยู่ก่อนแล้วโดยมิได้นัดหมาย เธอดีใจพลางโบกมือให้ และล้วงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากล็อกเกอร์แล้วยื่นให้เพื่อนร่วมชมรมสาวที่เพิ่งจะมาถึงอ่านอย่างรวดเร็ว ข้อความในกระดาษถูกประทับตราเพิ่มดังนี้

_____________________

รับงานแล้ว

-DBHO

_____________________

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”