ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่2)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
complicated
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 08 มิ.ย. 2010 7:59 am

ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่2)

โพสต์ โดย complicated »

แม้จะพักกลางวันแล้ว แต่ดูเหมือนฝ้ายจะยังหงุดหงิดเรื่องดาราสาวชื่อเตยอยู่ดี

?ขืนให้ยัยนั่นเป็นพรีเซนเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ บริษัทคงขาดทุนพอดี? เด็กสาวยังคงบ่นไม่หยุด

หากเตยเป็นพรีเซนเตอร์โฟมล้างหน้าแล้วผลประกอบการของบริษัทต้องตกอยู่ในภาวะขาดทุนแล้วละก็... นั่นหมายความว่าขืนให้ฝ้ายมาเป็นพรีเซนเตอร์โฟมล้างหน้าแทน บริษัทนี้คงถึงคราวปิดกิจการเพราะล้มละลายในระยะเวลาอันสั้น พนักงานทุกคนควรรีบเตรียมก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่องซะให้หมดโดยเร็วไว

ช่วงบ่าย คะแนนสอบวิชาต่างๆที่ได้สอบไปเมื่อตอนกลางภาคก็ค่อยๆทยอยกันออกมาตามลำดับ ทำให้ดวงตายิ่งรู้สึกซึมเศร้ามากขึ้นทุกที ขืนพ่อแม่มาเห็นคะแนนของเธอตอนนี้คงร้องไห้ฟูมฟายน้ำตาเป็นสายเลือดพลางกล่าวขอโทษบรรดาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปหลายช่วงอายุคนแล้วที่ลูกหลานอย่างเธอทำให้ตระกูลนี้ต้องอับอายขายหน้าและเสื่อมเสียเกียรติ์ ให้ตายสิ อะไรมันจะเวอร์ขนาดนั้น... แค่คะแนนสอบทุกวิชาผลออกมาต่ำกว่าเกณท์ไปซะครึ่งนึง จะบ่นโวยวายเหมือนเด็กๆไปทำไมกัน

ผลสอบวิชาฟิสิกส์ออกมาแย่ถึงขนาดเด็กสาวอยากคว้านท้องตัวเองตาย เนื่องจากข้อสอบทุกข้อเป็นอัตนัยเรื่องการต่อแผงวงจรไฟฟ้าที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีหลอดไฟสองดวงอยู่ด้านบน และเส้นรอบรูปสี่เหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์ของตัวต้านทานและสะพานไฟ พร้อมตัวเลขแสดงค่าต่างๆเขียนกำกับไว้ ซึ่งต่อให้จ้องไปจนหมดเวลาสอบก็ไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นหล่อนจึงตัดสินใจวาดคิ้วลงไปเหนือหลอดไฟสวงดวงที่อยู่ด้านบนของรูปเพื่อแทนรูปลูกตา ส่วนเส้นรอบรูปสี่เหลี่ยมก็ใช้แทนโครงหน้า สัญลักษณ์สะพานไฟที่อยู่ด้านล่างใช้แทนหนวดเครา ส่วนตรงกลางวงจรแผงไฟฟ้าซึ่งว่างเปล่า เธอก็จัดแจงเติมจมูกชมพู่และปากยิ้มลงไป อีกทั้งยังไม่พลาดเติมแขนขาเล็กๆยื่นออกมาจากใบหน้าให้อีกต่างหาก จนรูปแผงวงจรไฟฟ้าที่ดูยุ่งยากก็กลายสภาพเป็นตัวการ์ตูนน่ารักน่าชังชื่อ ?แผงไฟคุง? ที่คงน่ารักมากเสียจนอาจารย์อดชื่นชมไม่ได้จึงต้องเขียนกำกับข้างรูปนั้นด้วยปากกาสีแดงว่า ?ช่วยมาพบครูหลังเลิกเรียนด้วย? สงสัยอาจารย์คงจะให้ของขวัญตอบแทนรูปสวยๆของเธอแน่ๆเลย เฮ้อ น่าเศร้าจริงๆ กับชีวิตนักเรียนอันแสนรันทดแบบนี้ ทำไมโลกใบนี้ต้องมีการสอบด้วยนะ ไม่เข้าใจเลย

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เคยเหนือคาดเมื่อตอนสอบกลางภาคก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อกอล์ฟเองก็ถูกอาจารย์เรียกไปพบหลังเลิกเรียนเช่นกัน น่าแปลกที่แม้เขาจะเก่งเรื่องทฤษฎีวิทยาศาสตร์มากมาย แต่กลับทำข้อสอบแบบเล่นๆ ไม่จริงจัง ต่างจากน้องสาวที่ตั้งใจทำเต็มที่ พี่ชายคนนี้กลับพลิกเอากระดาษทดมาวาดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงสวยน่ารัก แถมตอนเดินออกไปส่งข้อสอบ เขายังชูกระดาษทดที่วาดรูปแล้วให้ทุกคนในห้องดูพลางตะโกนว่า ?เป็นไง สวยมั้ย?? จนทุกคนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แม้ว่าคะแนนสอบจะออกมาในระดับค่อนข้างดีก็เถอะ แต่อาจารย์ก็คงเห็นว่าการวาดรูปเล่นแบบนั้นเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจมากกระมัง ไม่รู้ว่าคนพรรค์นี้หัวสมองทำด้วยอะไรกันแน่ ทั้งที่ไม่เห็นจะขยันเรียนเลยสักนิด

บางวิชาเช่นวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ กอล์ฟก็ใช้เวลาสอบเพียงสิบห้านาทีจากเวลาสอบทั้งหมดสองชั่วโมง ก่อนจะยกมือขออนุญาตออกจากห้อง ซึ่งอาจารย์คุมสอบก็บอกว่าต้องรอให้ครบสามสิบนาทีก่อน และผลคือคะแนนสอบวิชานั้นออกมาสูงมากจนน่าตกใจ ทั้งที่ปกติในคาบหมอนั่นก็เอาแต่นอนหรือไม่ก็อ่านหนังสือการ์ตูนแท้ๆ พ่อเด็กเนิร์ดจอมขี้เกียจเอ๋ย ถ้านายจะแกล้งขยับแว่นจ้องกระดานแบบตั้งใจเรียนตอนครูสอนตามภาพลักษณ์ภายนอกของนายละก็คงไม่มีใครว่าอะไรนายเลย แต่เล่นทำตัวขี้เกียจแล้วเล่นซนไปวันๆแบบลิงแถมยังทำคะแนนสอบได้ดีแบบนี้นี่แปลว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมจริงๆสินะ

ส่วนหมิว น้องสาวของกลอฟ์ ก็เล่นกวาดอันดับท็อปของคะแนนสอบทุกวิชามาไว้ในอ้อมกอด อาจด้วยผลสอบที่คะแนนสูงกว่าและความตั้งใจที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เธอมักมองดูพี่ชายของตนด้วยสายตาดูหมิ่นบ่อยๆ

?ดูท่าเธอกับฉันต้องไปสอบซ่อมด้วยกันแล้วล่ะ? แดนพูดขึ้นพลางยิ้มกวนให้ดวงตา เขาเป็นเด็กผู้ชายหน้าจืดทั่วไปที่แค่เดินสวนกันหรือไหล่ชนกันเพียงแวบเดียวก็คงจำหน้าค่าตากันไมได้ เขาจึงพยายามทำตัวให้เด่นด้วยการสวมหมวกแก็ปไว้บนหัว คงคิดว่ามันอาจทำให้ดูเหมือนเด็กแนวหรือเด็กฮิพฮอปได้ล่ะมั๊ง แต่เสียใจด้วยนะเพื่อนเอ๋ย... นายคงคิดผิดแล้วล่ะ

?ก็เหมือนทุกทีแหละน่า? เด็กสาวตอบพลางหัวเราะ ?ว่าไงมิ๊ม คะแนนเธอเป็นไงบ้าง?

มิ๊มพยักหน้าแล้วพูดเสียงแผ่วว่า ?ก็ รองท็อปเกือบทุกวิชา ยกเว้นเลข ที่กอล์ฟได้รองท็อปแทน

โอย... ไอ้เด็กแว่นนั่นอย่าไปพูดถึงมันเลยเธอจ๋า หมอนั่นน่ะคำนวณโจทย์ลอการิทึมออกโดยแค่ยืนชำเลืองมองโจทย์เท่านั้น แถมตอนที่ฉันคิดโจทย์ข้อนั้น มันยังยืนมองโจทย์แบบกลับหัวด้วยซ้ำ... ดวงตาคิดในใจด้วยความหมั่นไส้

?เดี๋ยวต้องไปหาอาจารย์แมวอีก เอ้อ...? ดวงตาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย อาจารย์แมวที่เธอพูดถึงคือฉายาของอาจารย์สอนวิชาฟิสิกส์ที่วันๆชอบให้โจทย์ยากๆแล้วก็เอาแต่นอนรอเด็กแก้โจทย์เสร็จ พฤติกรรมของเธอเหมือนกับแมวจรจัดที่ชอบเดินเพ่นพ่านทั่วโรงเรียนแล้วยามว่างก็ชอบกระโดดขึ้นมานอนบนโต๊ะเรียนเสียเหลือเกิน

?จริงสิ ทุกเย็นเธอมีซ้อมบาสด้วยนี่นา คงเหนื่อยน่าดู? แดนพยักหน้าราวกับเข้าอกเข้าใจ ...ขอทีเถอะ กับคนที่วันๆก็กลับบ้านไปเล่นเกมอย่างนายอย่ามาทำท่าเข้าใจความเหนื่อยของชาวบ้านเค้าหน่อยเลย

?จะว่าไป เธอเคยได้ยินเรื่องของกลุ่ม DBHO รึเปล่า?? เด็กหนุ่มถามด้วยสีหน้าจริงจัง

ไอ้อักษรย่อน่าสงสัยพวกนั้นนั่นมันอะไรกัน? ใช่พวกชื่อย่อองค์กรอะไรสักอย่างรึเปล่า? ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่รู้จัก ถ้าเป็น WHO ยังพอคุ้นๆ จะว่าไปมันย่อมาจากอะไรหว่า ใช่องค์การการค้าโลกรึเปล่า?

?จะบ้ารึยัยบ๊อง WHO มันองค์การอนามัยโลกเฟ้ย นี่เธอมาเรียน ม.ปลายได้ยังไงเนี่ย?

เรื่องพรรค์นั้นใครจะไม่รู้เล่า ก็แค่หยอกล้อเล่นหน่อยเดียว อย่าจริงจังไปเลยน่า

?งั้นก็ค่อยโล่งอก ฉันนึกว่าความรู้เธอเท่าหางอึ่งซะอีก?

?รีบบอกมาเร็วๆดีกว่าว่าไอ้ DBHO นั่น มันคืออะไร?? ดวงตาเร่งเร้า ขณะทั้งคู่เดินไปพบอาจารย์แมวด้วยกัน

?เค้าลือกันว่าเป็นกลุ่มสมาคมลับในโรงเรียนนี่แหละ คอยรับจ้างไขปริศนาเรื่องราวเหนือธรรมชาติน่ะ ถ้าเรามีปัญหาหรือปริศนาอะไรอยากให้พวกนั้นไขให้ ก็แค่เขียนเรื่องใส่กระดาษใส่ไว้ในล็อกเกอร์พังๆที่กองขยะด้านหลังโรงเรียน ถ้าพวกนั้นตกลงจะช่วยเราสืบ ก็จะมีตราประทับใส่กระดาษที่เราเขียนเป็นข้อความว่า ?รับงานแล้ว? น่ะ?

ฟังดูหลอกเด็กยังไงไม่รู้ ?แล้วค่าจ้างเท่าไหร่ล่ะ?? เด็กสาวถาม

?ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นเค้าว่ากันว่าไม่แพงเท่าไหร่ อาจจะไม่ใช่เงินก็ได้นะ คงต้องลองจ้างวานดูถึงจะรู้?

ทันทีที่ไปถึงหน้าห้องอาจารย์แมว เขาและเธอก็เห็นกอล์ฟเดินออกมาจากห้องพักครูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะหาวเหมือนแมวแล้วเดินหลังงอสวนกับพวกดวงตาไปโดยไม่ได้ทักทายอะไร

หลังจากผ่านการสอบซ่อมมหาโหดเสร็จแล้ว ดวงตาก็รีบวิ่งไปที่ชมรมบาสทันที หลังจากไปถึงก็รีบเปลี่ยนเสื้อแล้วลงซ้อมใหญ่บนสนามสักพัก เมื่อถึงช่วงเวลาพักเบรก เธอก็เล่าเรื่องที่ได้เจอผีให้เพื่อนร่วมชมรมฟัง น่าแปลกที่ทุกคนเชื่อที่เธอพูดกันหมด และเมื่อคาบกิจกรรมมาถึง พวกเธอก็ตรงรี่เข้าไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมบาสเก็ตบอล

?เอ๋ เรื่องผีเหรอ? ครูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย?

อาจารย์นุช ที่ปรึกษาชมรมบาสเก็ตบอลหญิงเอียงคอสงสัย

?หรือว่าจะเป็นเรื่องยกเมฆกันน้า?? แอน เพื่อนสาวของดวงตาขมวดคิ้วครุ่นคิด

?ครูไม่ได้บอกว่ามันไม่มีจริงนะ แต่ครูก็แค่ไม่รู้เท่านั้นเองจ้ะ? อาจารย์นุชพูดขึ้นพลางยืนกอดอก เธอเป็นคนร่างสูงโปร่ง ยามใส่เสื้อวอร์มกางเกมวอร์มขายาวแบบนี้จึงทำให้ดูมีเสน่ห์สมกับเป็นที่ปรึกษาชมรมบาสเก็ตบอลเป็นอย่างยิ่ง ?เพราะครูก็เพิ่งจะเข้ามาสอนที่นี่ไม่นานด้วย อาจารย์คนอื่นๆก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ครูฟังเลยนะ?

เรื่องราวสยองขวัญที่เกดขึ้นในห้องกับของทำให้ทุกคนในชมรมหวาดกลัวกันหมด เมื่อหมดเวลาฝึกซ้อม จึงไม่มีใครยอมรับภาระเก็บของเลยสักคน ดังนั้นคราวซวยจึงตกเป็นของ...

?ขอร้องละดวงตา เธอเป็นความหวังเดียวของเรา?

แอนยกมือไหว้เพื่อนสาว พลางขอร้องด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะที่เพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมชมรมพากันเปิดแน่บหายไปทีละคนสองคน ?ถ้าเธอไม่ทำหน้าที่นี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครกล้าทำรึเปล่า?

ดวงตาได้แต่ยิ้มเจื่อน ปกติแล้วเธอมักเป็นคนโผงผางและห้าวเหมือนผู้ชาย แม้กระทั่งกิริยามารยาท พูดง่ายๆก็คือเป็นเด็กผู้หญิงที่ทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลยนั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่กลัวผีซะหน่อย

?ไม่เป็นไรหรอก ผีไม่กล้าหลอกเธอหรอก ถ้าเป็นเธอต้องปราบผีพวกนั้นได้แน่?

นี่ตกลงคนพวกนี้เห็นเธอเป็นอะไรกันแน่ ...เธอไม่ใช่จตุคามนะเฟ้ย!!

?ก็ไม่มีใครว่าเธอเป็นแบบนั้นซะหน่อย อย่างเธอน่ะเป็นจตุคามไม่ได้หรอก อ๊ะ!! ตายจริงป่านนี้แล้ว วันนี้ฉันต้องรีบกลับบ้านไปต้อนรับญาติที่กลับจากไปล่าเพนกวินที่ไซบีเรียน่ะ ไว้เจอกันจ้า!!?

เพนกวินบ้านเธออยู่ที่ไซบีเรียเรอะ!? ก่อนที่ดวงตาจะทันได้ด่าแบบนั้นออกไป เพื่อนของเธอก็วิ่งออกจากโรงยิมไปแล้ว

และบัดนี้... ก็เหลือเพียงเธอยืนอยู่คนเดียวในสยามโรงยิมแห่งนี้

?บัดซบ? เธอสบถ

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำๆนี้เป็นคำที่ผู้หญิงทั่วไปเค้าพูดกันหรือเปล่า แต่จะเอามาตรฐานของเด็กสาววัยแรกแย้มคนอื่นๆมาเปรียบเทียบกับเธอคงไม่เหมาะสมนัก เพราะเธอไม่ใช่คนที่สมหญิงสักเท่าไหร่

สรุปแล้วเย็นวันนี้ดวงตาต้องก็รับทำหน้าที่เก็บของในห้องเก็บของไปโดยปริยาย เธอรีบเก็บของอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะเจอเหมือนกับที่ฟ้าเจอเมื่อวาน เห็นห้าวๆแบบนี้แต่ก็กลัวผีเป็นเหมือนกัน

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังที่ๆฟ้าบอกว่ามีร่างหญิงสาวแขวนคอตาย แต่ตรงนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร...

เอาละ... ตอนนี้ตั้งสติให้ดี อย่างที่กอล์ฟกับหมิวบอกนั่นแหละ ผีไม่มีจริงรอก มันก็แค่ภาพหลอนที่ฮิปโปโปเตมัสในสมองสร้างขึ้นมา อย่าไปกลัวมัน รีบเก็บของให้เส็จแล้วโกยหน้าตั้งออกจากห้องให้เร็วที่สุดดีกว่า

กึง!!

เด็กสาวได้ยินเสียงประตูปิดจึงหันไปมอง ก็พบว่ามีใครบางคนปิดประตูห้องขังเธอไว้ในนี้ เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจ มันเริ่มเหมือนกับเรื่องที่ฟ้าเล่ามากขึ้นทุกขณะ

แปลว่าเรื่องเล่านั่น...เป็นเรื่องจริงหรอกหรือ?

ดวงตาพยายามระงับความกลัวและสติของตนเอาไว้ ...ใจเย็นๆ เธอลองเอียงหูเข้าไปใกล้บานประตู แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังลอดออกมาจากอีกฝั่งของประตูเลื่อนแต่อย่างใด

ตอนนี้มั่นใจได้แล้วเรื่องหนึ่งว่า ไม่มีวิญญาณเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้องอย่างแน่นอน

...ก่อนอื่นต้องหาของอะไรมางัดประตูให้เปิดออกก่อน

เธอผละออกห่างจากประตูหันกลับมามองในห้องอีกครั้ง และไล่สายตามองตามแสงสลัวสีส้มยามเย็นที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างตัดผ่านความมืดในห้องเป็นแนวแทยงจนลำแสงนั้นมาบรรจบกับ ...เงาดำของอะไรบางอย่าง

หากสิ่งที่ฟ้าเล่าเป็นความจริง แปลว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็น...

หลังจากเพ่งมองสักพัก ดวงตาก็ขาสั่นจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความตกตะลึง

ตรงบริเวณกลางห้องที่ว่างเปล่าเมื่อครู่นั้น ...ในตอนนี้กลับปรากฏร่างของสตรีในชุดดำแขวนคอตายอยู่ที่เพดานกลางห้อง... ร่างของเธอแกว่งไปมาเล็กน้อย แสงสีส้มอ่อนจากนอกหน้าต่างส่องลอดเข้ามาอาบร่างของเธอทำให้สีต่างๆภายในห้องดูผิดเพี้ยนไปหมด ขับเน้นกลิ่นอายความผิดปกติในห้องให้มากขึ้นกว่าเดิม

เด็กสาวไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้ นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอแสดงความกลัวแบบที่เด็กผู้หญิงทั่วไปพึงกระทำออกมา เพราะไม่สามารถหาวิธีรับมือกับสิ่งเหนือธรรมชาติตรงหน้าได้เลย

คราวนี้ศีรษะของสตรีในชุดดำค่อยๆหันมามองเธอ....

ดวงตาพูดอะไรไม่ออก เธอรับรู้ได้ถึงสายตาที่เพ่งมองมาจากด้านหลังเส้นผมดำขลับจำนวนมากที่ห้อยสยายลงมาปิดบังใบหน้าของสตรีในชุดดำ...... และสายตาที่มองไม่เห็นนั้นก็กำลังจ้องตรงมายังเธอ

ลูกตาของหญิงสาวกลอกไปมาคนละทิศละทางอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวตกใจจนอ้าปากค้าง รีบพุ่งไปหาประตู แต่ประตูเปิดไม่ออกเหมือนอย่างที่ฟ้าเคยบอกไว้

แล้วหล่อนก็ได้ยินเสียงดัง ผึง!!

เสียงนั้นมาจากบริเวณที่มีร่างสตรีในชุดดำแขวนคอตาย ดวงตามองดูตรงเชือกที่รัดคอของหญิงสาว ...เธอมองเห็นเชือกนั้นค่อยๆตึงขึ้นทุกที... ทุกที.. และร่างในชุดดำที่ถูกแขวนห้อยอยู่กลางห้องก็เริ่มกระตุกเล็กน้อย

...อะไรกัน ฟ้าไม่ได้เล่านี่นาว่ามีอะไรประหลาดแบบนี้ด้วย?

หลังจากเชือกกระตุกหนึ่งที บ่วงเชือกก็รัดคอแน่นมากขึ้น ร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวในชุดดำเริ่มดิ้นทุรนทุราย แขนและขาขาวซีดถูกเหวี่ยงจนป่ายปัดไปมาดุจแมงกระพรุนหรือหนวดของปลาหมึกยักษ์อันน่าขยะแขยง

?ไม่นะ!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!? ดวงตารีบตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยเสียงทั้งหมดที่มีพลางทุบประตูห้องเก็บของอย่างบ้าคลั่ง แต่มันก็ไม่ยอมเปิดออกง่ายๆเหมือนกับที่ฟ้าเล่าไม่มีผิด

ในที่สุดคอของหญิงสาวชุดดำก็ถูกเชือกรัดแน่นมากจนขาดออกจากร่างกาย!!

ดวงตากรีดร้องออกมาแต่ไม่มีเสียง .....ร่างไร้ศีรษะของหญิงสาวคนนั้นร่วงกองลงบนพื้นพร้อมเลือดโชก ปรากฏเส้นเลือดจำนวนมากโผล่ออกมาจากลำคอ..... ศีรษะของเธอกลิ้งมาแทบเท้าเธอ เผยให้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกที่สุดแสนทรมาน...

อะไรกัน...

ทำไมคอขาดได้ล่ะ...เป็นไปไม่ได้!?

ตำนานที่เธอได้ยินก็แค่มีหญิงสาวผูกคอตาย ไม่เห็นมีข่าวว่าหญิงสาวคนนั้นหัวขาดนี่นา

ศีรษะของสาวชุดดำที่หล่นตุ้บลงมาบนพื้นกำลังจ้องมองมาที่ดวงตาเขม็ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอย่างที่เด็กสาวไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่สิ... บางทีเธออาจจะคิดไปเอง แต่ถึงอย่างไรความจริงที่ว่ามีศีรษะของผู้หญิงกำลังจ้องมองมาที่ตนราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งที่น่าจะตายไปแล้วก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวจนยากจะพรรณนา

ปึ้ง!!

บานประตูเลื่อนเปิดออก ดวงตารีบวิ่งหนีออกจากห้องทันที

ศีรษะของหญิงชุดดำที่อยู่บนพื้นยังคงเหลือบตามองตามเด็กสาวที่วิ่งหนีลงบันไดแบบไม่คิดชีวิต...

_____________________

เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกแล้ว พ่อกับแม่ของดวงตาเข้านอนไปก่อนเธอ เหลือเพียงอาหารเย็นที่วางอยู่หน้าไมโครเวฟ เด็กสาวเอากับข้าวเข้าเครื่องเพื่ออุ่นอาหารก่อนจะรับประทานทั้งที่ไม่อยากอาหารนัก มือของเธอยังคงสั่นอยู่ และในสมองก็มีแต่ภาพของวิญญาณหญิงสาวชุดดำผิวขาวซีดและหัวขาดอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ในสมอง

ในที่สุดก็ได้เวลาอาบน้ำแปรงฟันก่อนเข้านอน เธอได้แต่หวังว่าสายน้ำจะช่วยชำระล้างภาพติดตาอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นออกไปจากสมองได้ แต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก ครั้นจะเปิดไฟนอนก็คงนอนไม่หลับ

เอาน่า... นี่มันที่บ้านนะ ผีคงไม่มาตามหลอกหลอนถึงนี่หรอก ดวงตาคิดเข้าข้างตัวเอง พลางงอแขนขึ้นนกำหมัดทั้งสองข้างแล้วตะโกนว่า ?สู้ตาย? เพื่อปลุกใจตัวเอง ก่อนจะกระโดดลงนอนบนเตียง

กลุก...

มีเสียงปริศนาดังขึ้นทำลายความเงียบ เด็กสาวสะดุ้งเบิกตาโพลง หันไปมองที่ปลายเตียง แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ บานประตูและหน้าต่างไม่ได้เปิดหรือขยับ ไม่มีอะไรในห้องที่เคลื่อนไหว

บรรยากาศคล้ายกับว่ามีบางสิ่งอำพรางตัวอยู่ในห้องนี้พลางจ้องมองเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะแค่คิดไปเอง รอบห้องไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีร่างของหญิงปริศนาแขวนคอตายกลางห้องนอนเธอแต่อย่างใด

ทันทีที่แน่ใจเช่นนั้น ดวงตาจึงลุกขึ้นจากเตียง มองไปรอบห้องที่มืดสลัว ก่อนจะหมุนตัวกลับมามองประตูปิดสนิทเบื้องหน้าอีกครั้ง พลางเดินเข้าไปจับลูกบิดประตู แต่มันกลับไม่ยอมเปิดออก

เอ๋... ทำไมถึงเปิดประตูห้องไม่ได้ล่ะ?

ลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นในใจเด็กสาว เหงื่อไหลย้อยลงมาตามลำคอจนเหนียวเหนอะ

ในตอนนั้นเอง

กลุก...กลุก...กลุก...

ดวงตาได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง

เป็นเสียงของอะไรบางอย่างกำลังกลิ้งบนพื้น...

เสียงกลิ้งของวัตถุปริศนานั้นใกล้เข้ามาจากทางด้านหลัง เธอจึงหันไปดูตามสัญชาตญาณ

ท่ามกลางความมืดสลัวของห้องนอน แสงจากโคมไฟที่ปลายเตียงก็ส่องให้เห็นวัตถุประหลาดน่าขนลุกที่มีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอล กำลังกลิ้งโผล่พ้นออกมาจากเงามืดทีละน้อย...

เด็กสาวเพ่งมองไปทางความมืดด้วยความหวาดกลัว อยากจะวิ่งแต่ก็วิ่งไม่ได้

ในที่สุด เธอก็ได้เห็นสิ่งนั้นเต็มสองตา

ใบหน้าของหญิงสาวชุดดำโผล่ออกมาจากความมืดสนิท หากแต่ใบหน้านั้นเอียงตะแคงและอยู่ชิดกับพื้น...

สิ่งที่กลิ้งออกมาจากความมืดคือศีรษะโชกเลือดของหญิงสาวชุดดำนั่นเอง

_____________________

?ว้าย!!?

เด็กสาวตะโกนได้ออกมาสมกับที่เป็นผู้หญิง หากเพื่อนๆของเธอมาได้ยินเข้าคงถึงกับแอบชื่นชมอยู่ในใจ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เพราะไม่ว่าจะตะโกนอะไรออกมา ก็ไม่สามารถขจัดความกลัวในตอนนี้ให้หายไปได้อยู่ดี

สิ่งที่กำลังกลิ้งมาตามพื้นดุจคือศีรษะของหญิงสาวที่เปื้อนเลือดดุจลูกบาสเก็ตบอลสีแดงฉาน สายตาอาฆาตยังคงจ้องตรงมาข้างหน้า ขณะที่ศีรษะกลิ้งมาหยุดอยู่ที่แทบเท้าของเด็กสาว

?หวะ...หวา? ดวงตาหวาดกลัวจนแทบจะร้องได้ออกมา

บริเวณปากของศีรษะนั้นเริ่มขยับ ลูกตาของหล่อนส่ายหลุกหลิกไปมาอย่างไร้ทิศทางและเป็นอิสระจากกันดุจตาของตุ๊กแก ราวกับศีรษะของเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับดวงตา

?กรี๊ด!!?

เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นแล้วพยายามตะเกียกตะกายหนีให้เร็วที่สุด

ทันทีที่ประตูเปิดออก ดวงตาก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนทันที ?ไม่มีศีรษะของหญิงสาวชุดดำกลิ้งตามเธอมาแต่อย่างใด

เมื่อยามเช้ามาถึง เด็กสาวก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกจากบ้านด้วยสภาพสุดโทรม หลังจากเมื่อคืนนี้เธอกลัวมากจนต้องแอบเข้าไปนอนในห้องของพ่อกับแม่มา ดังนั้นท่านทั้งสองซึ่งไม่รู้ตัวว่าลูกสาวตนเองได้นอนอยู่ที่พื้นบริเวณปลายเตียงจึงตื่นมาหอมแก้มพลอดรักกันดุจคู่รักข้าวใหม่ปลามันต่อหน้าเธอที่นั่งจ้องนานราวสิบห้านาทีกว่าทั้งคู่จะทันรู้ตัว

หลังจากนั้น บรรยากาศอาหารมื้อเช้าที่โต๊ะกินข้าวของครอบครัวก็เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนของสามีภรรยาที่แกล้งกลบเกลื่อนความอายของตนด้วยการแสร้งทำเป็นธุระยุ่งทั้งเช้า พ่อของเธอถึงกับหวีผมซ้ำสามรอบเพราะไม่รู้จะทำอะไร แม่เองก็ไม่น้อยหน้าด้วยการล้างจานเพียงสามใบแต่ใช้เวลานานถึงสี่สิบนาที เรียกได้ว่าล้างกันจนมือเปื่อยเลยทีเดียว บรรยากาศน่ารักแบบนี้ก็ชวนอมยิ้มและผ่อนคลายความหวาดกลัวในใจของเด็กสาวลงได้พอสมควร

ทันทีที่มาถึงโรงเรียน หล่อนก็พบว่าฝ้ายกำลังคุยโม้กับฟ้าอยู่ เปล่าหรอก... เธอไม่ได้คุยโวเรื่องว่าตนเองสวยกว่าเตยแต่อย่างใด เพราะคงยากจะหาใครที่ฝอยเรื่องเดียวกันได้นานข้ามวันขนาดนั้น

?คุยเรื่องผีกันอยู่รึไง?? ดวงตาถามตรงๆ ฟ้าถึงกับสะดุ้งและหันมามอง

?อื้ม ฉันอยากรู้จากเจ้าตัวเลยมาถามตรงๆน่ะ เพราะเรื่องนี้ดังไปทั่วโรงเรียนเลยนะรู้รึเปล่า??

มิ๊มมองมาที่ดวงตาแล้วยิ้มอย่างรู้สึกผิด เพราะพวกเธอสองคนพุดคุยกันเรื่องของฟ้า จึงทำให้มีคนมากมายอยากรู้เรื่องจริงจากปากของเธอ เด็กสาวรู้สึกผิดและสงสารเพื่อนร่วมห้องผู้เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน หากย้อนเวลากลับไม่ได้จะไม่เมาท์แตกเป็นน้ำท่วมทุ่งอีกแล้ว ได้โปรดให้อภัยกันด้วยนะเพื่อนจ๋า...

?ขอเราคุยกับฟ้านิดนึงได้ปะ? เธอพูดกับฝ้ายซึ่งพยักหน้ายอมอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นสองสาวประจำชมรมวอลเลย์บอลก็ยืนคุยกันที่ระเบียงทางเดินอันเงียบสงบ

?จริงเหรอ?? ฟ้ามีสีหน้าประหลาดใจกับเรื่องที่ดวงตาเล่าให้ฟัง ?เราเองก็ถูก... ผู้หญิงคนนั้นตามไปหลอกถึงบ้านเหมือนกัน?

ทั้งสองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดูท่าว่าพวกเธอจะเจอปัญหาหนักอกเข้าเสียแล้ว

?จะลองขอความช่วยเหลือดูดีมั้ยน้า?? ดวงตาพึมพำ

?เอ๋?? ฟ้าเอียงคอสงสัย

?ที่ฉันเล่าไปตะกี๊ไง เรื่องสมาคมลับ DBHO น่ะ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปตามหมอผีมาไล่ผีใช่มั้ยล่ะ??

อันที่จริง ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ฟังดูน่าสงสัยไปหมดนั่นแหละ เพียงแต่ในเวลานี้เธอไม่รุ้ว่าจะไปตามหมอผีมาจากไหน แต่กับแค่การเขียนเรื่องขอร้องลงบนกระดาษไปวางไว้ในล็อกเกอร์ที่กองขยะหลังโรงเรียนยังฟังดูง่ายกว่ากันเยอะ

เย็นวันนี้ไม่มีการซ้อมบาสเพราะมีทีมวอลเลย์บอลมาขอใช้โรงยิม ทั้งสองจึงตกลงกันว่า จะลองเขียนข้อความเพื่อขอคำปรึกษาจากสมาคมลับ DBHO เพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”