ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่1)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
complicated
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 08 มิ.ย. 2010 7:59 am

ปริศนานักสืบสยอง (ตอนที่1)

โพสต์ โดย complicated »

ลูกบาสเกตบอลหลายลูกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นสนามของโรงยิมที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานนัก ฟ้ารีบวิ่งตามลูกบาสเหล่านั้นไป เสียงรองเท้ากีฬาเสียดสีกับพื้นโรงยิมดังเอี๊ยดอ๊าดก้องไปทั่วบริเวณที่มืดสลัวเพราะเป็นยามเย็นหลังเลิกเรียนมาได้หลายชั่วโมงแล้ว อีกทั้งสมาชิกชมรมบาสทุกคนก็กลับบ้านไปหมดหลังจากฝึกซ้อมเสร็จ ที่นี่จึงเหลือเธออยู่เพียงคนเดียว

?อย่ากลิ้งไปไกลนักซี่? เด็กสาวเผลอพูดกับตัวเองเพื่อทำลายความเงียบงัน แสงสลัวยามเย็นส่องลอดเข้ามาจากทางหน้าต่างเป็นสีส้มจางๆ ในที่สุดเธอก็ตามลูกบาสลูกนั้นได้ทัน

?จับได้สักที?

ฟ้าถอนหายใจพลางหลับตาพริ้ม สัมผัสคุ้นมือของลูกบาสถ่ายทอดผ่านฝ่ามือเธอ เป็นสัมผัสที่เธอปรารถนามานาน หลังจากยืนลังเลอยู่สักพัก และเหลียวมองไปรอบๆครู่หนึ่ง ก็เดินไปตั้งท่าชูตลูกนอกเส้นสามคะแนน สูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมสมาธิ ก่อนจะยืดตัวเล็กน้อย ขยับข้อมือเป็นจังหวะเพื่อส่งลูกออกไปกลางอากาศ

...ลงห่วงทีเถอะ ...ลงห่วงที เด็กสาวภาวนาในใจ

คำภาวนาไร้ผล ลูกบาสกระเด้งกับขอบห่วงและกระเด้งออกมาตกลงบนพื้น

ฝีมือยังไม่ถึงตามเคย ...หล่อนผิดหวังจนคอตก

ฟ้าเป็นเด็กม.4ที่เพิ่งเข้าชมรมบาสเก็ตบอล เธอจึงยังไม่ใช่ตัวจริงในทีม แต่กลายเป็นสารพัดเบ๊ที่คอยเก็บอุปกรณ์หลังจากพวกรุ่นพี่ซ้อมเสร็จ ซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อสิ้นดี?แต่ก็จำใจต้องทำ และต้องเตรียมซ่อมหนักกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับเขตที่กำลังจะมาถึง ถึงจะไม่ได้ลงแข่งจริง อย่างน้อยแค่ได้มองอยู่ข้างสนามก็เป็นความสุขแล้ว

เสียงลูกบาสถูกเดาะไปมาบนพื้น เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากรองเท้ากีฬาเสียดสีกับพื้นสนามเป็นจังหวะเร้าใจ ยิ่งเกมดุเดือดขึ้นเท่าไหร่ เสียงเสียดสีเหล่านั้นก็ยิ่งดังรัวและวุ่นวายสับสนมากขึ้นเท่านั้น ดุจเสียงนั้นเป็นจังหวะชีพจรของเกมและผู้เล่นที่อยู่ในสนาม อาจรวมถึงผู้ชมที่นั่งอยู่บนสแตนด์ด้วยซ้ำ และนี่แหละคือเสน่ห์ของบาสเกตบอล

เด็กสาวยืนอยู่ในโรงยิมคนเดียวเพื่อปลาบปลื้มกับกีฬาที่เธอรัก ยามเย็นแบบนี้ปกติมักจะไม่มีคนอื่นขึ้นมาที่โรงยิมอีกนอกจากเธอ อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้มีเพียงเธอคนเดียวอยู่ในโรงยิมแห่งนี้ก็คงจะไม่ผิดนัก

?เก็บของๆ? เธอตะโกนปลุกใจตัวเองทำลายความเงียบภายในห้องที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

ฟ้าเดินผ่านสนามไปยังห้องเก็บของที่อยู่ด้านในสุดของโรงยิม แม้จะไม่ได้วิ่ง แต่เสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นผิวโรงยิมก็ยังดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่ดี เธอเปิดประตูห้องเก็บของเข้าไป และพบว่าภายในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงสีส้มยามเย็นเท่านั้นที่ส่องสว่างผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาเผยให้เห็นห้องเล็กๆแคบๆที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์กีฬาวางอย่างไม่เป็นระเบียบมากนัก เด็กสาวโยนลูกบาสเก็ตบอลลงไปในรถเข็นที่เปิดฝาครอบด้านบนออกแล้ว ลูกบาสจำนวนมากกองอยู่ในนั้น

จบหน้าที่เด็กเก็บบอลแล้ว... หล่อนคิดในใจพลางยิ้มเศร้าและเริ่มเก็บของรอบห้อง

ขณะกำลังเก็บอุปกรณ์บาสเก็ตบอลของชมรมในห้องเก็บของนั่นเอง อยู่ดีๆเธอก็ได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากประตูห้องเก็บของที่อยู่ด้านหลัง... ฟ้าสะดุ้งรีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที

เธอเห็นเงาสีดำของใครบางคนที่โผล่ออกมาจากอีกด้านของประตู ทั้งที่ปกติแล้วเวลานี้ไม่น่าจะมีคนอื่นขึ้นมาที่นี่อีก

เด็กสาวกระพริบตา ไม่มั่นใจนักว่าเธอตาฝาดไปเองหรือเปล่า แต่มีอะไรบางอย่างอยู่นอกห้องและมองลอดผ่านรอยแง้มประตูเข้ามาในห้องนี้ต้องตรงมายังเธอจริงๆ... แม้จะแค่แวบเดียวก็ตาม

ทันทีที่ฟ้ากระพริบตา เงาดำนั้นก็หายไป หลังจากนั้นเธอก็ไม่เห็นเงามืดนั้นอีก

ตะกี๊นี้... ใครกัน?

เธอสงสัยว่ามีใครบางคนอยู่อีกฝั่งของประตูหรือไม่ มองจากมุมนี้ยากที่จะเห็นว่ามีอะไรอยู่นอกห้องบ้าง ถึงจะสามารถจับความเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังบานประตูได้ก็ตามที

ฟ้าค่อยๆก้าวเดินไปที่บานประตูเลื่อน ตั้งใจจะมองดูนอกห้องให้รู้แจ้ง ...แต่แล้วอยู่ดีๆประตูก็เลื่อนปิดลงกะทันหัน

?กรี๊ด? เธออุทานออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก พลางถอยหลังกลับก้าวหนึ่ง ก่อนจะยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งพลางเบิกตาโพลงจ้องมองไปยังบานประตูที่ถูกอะไรบางอย่างเลื่อนปิดสนิท...

หลังจากหวาดระแวงอยู่สักพัก เด็กสาวก็พยายามตั้งสติและบอกตัวเองว่าอาจจะเป็นใครบางคนที่ขึ้นมาเช็คความเรียบร้อยของโรงยิมและเห็นประตูห้องเก็บของเปิดอยู่จึงปิดให้เรียบร้อยโดยไม่ได้สังเกตว่ายังมีคนอยู่ในห้องนี้

...แย่จัง ...หัดเช็คดูก่อนสิว่ามีคนอยู่ข้างในรึเปล่า ฟ้าถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย พลางเดินโซเซไปเปิดประตูห้อง หลังจากลองจับบานเลื่อนประตูไปได้สักพัก เธอก็หน้าซีดลงเรื่อยๆ

เปิดประตูไม่ได้...

หรือว่า ...คนที่ปิดประตูเมื่อครู่นี้ จะล็อกประตูไปแล้ว!?

ทำไงดี อย่าบอกนะว่าออกจากที่นี่ไม่ได้แล้วคืนนี้เราต้องค้างที่นี่รอจนกว่าจะมีคนมาเปิดประตูน่ะ? เธอคิดในใจด้วยความหวาดกลัว พลางเขย่าประตู พร้อมทั้งส่งเสียงตะโกน ?ใครก็ได้ ช่วยเปิดประตูที? เผื่อว่าใครอีกคนที่ปิดประตูเมื่อครู่จะยังไม่ไปไหนไกลมากนัก และได้ยินเสียงของเธอ จะได้กลับมาเปิดประตูห้องเก็บของได้

ทว่าในวินาทีถัดมา เด็กสาวกลับฉุกใจคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่างออก และสิ่งที่คิดได้นั้นทำให้เธอต้องหวาดกลัวจนตัวสั่น

ก่อนที่บานประตูห้องเก็บของจะถูกปิด ...เธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนที่เดินเข้ามาในโรงยิมเลย

พื้นโรงยิมนั้นขัดเงามันวับและลื่นมาก ต่อให้พยายามเดินย่องขนาดไหนก็ต้องมีเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นดังเอี๊ยดอ๊าดลอยมาให้ได้ยินบ้าง ขนาดเมื่อครู่เธอไม่ได้วิ่งอะไรก็ยังมีเสียงเสียดสีเกิดขึ้นเลย อีกอย่าง ห้องเก็บของนี้อยู่ด้านในสุดของโรงยิม ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาถึงที่นี่โดยไม่เดินผ่านสนามแล้วไม่เกิดเสียงใดๆ

นอกจากว่า ...สิ่งนั้นจะไม่ใช่คน

เด็กสาวแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นคนขวัญอ่อนมากอยู่แล้ว หวาดกลัวแม้กระทั่งหนังสยองขวัญแย่ๆ แม้แต่ก่อนเข้าห้องเก็บของเธอก็ยังกลัวความมืดจนต้องพยายามพูดกับตัวเองบ่อยครั้ง

...ไม่หรอก ที่ไม่มีเสียงเดินคงเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายใส่ถุงเท้าหรือเดินเท้าเปล่าก็ได้... ฟ้าพยายามคิดปลอบใจตนเอง แม้มันอาจฟังไม่ดูสมเหตุสมผลที่จะมีใครบางคนลงทุนถอดรองเท้าเพื่อเข้ามาปิดประตู นอกจากว่าคนๆนั้นจะมีจุดประสงค์ร้าย จึงได้ทำอะไรลับๆล่อๆแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งใจคอไม่ดีจนไม่อยากจะจินตนาการต่อ

แม้จะพยายามไม่คิดไปในแง่ร้าย แต่เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นนอกห้องอย่างได้จังหวะพอดิบพอดีราวกับมีบางสิ่งต้องการตอกย้ำความกลัวในจิตใจของเธอให้พุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด

ทั้งที่เมื่อครู่นี้ไม่มีเสียงใดๆ แต่ตอนนี้กลับได้ยินเสียงฝีเท้าของบางสิ่งเดินอยู่นอกประตู แม้จะแผ่วเบามากจนได้ยินไม่ชัดว่าเป็นเสียงในลักษณะใด แต่เมื่อครู่นี้มีบางสิ่งเดินผ่านหน้าประตูห้องเก็บของอีกด้านไปไม่ผิดแน่!!

ถึงจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเดินอยู่นอกห้อง แต่เพราะรู้สึกหวาดกลัวต่อตัวตนของสิ่งนั้น เธอจึงไม่กล้าตะโกนขอให้อีกฝ่ายเปิดประตูให้ ทว่ากลับหวาดกลัวมากจนรู้สึกได้ว่าตัวตนของตนเองกำลังหดลีบลงทุกขณะ

ยิ่งเวลาผ่านไปจิตใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฟ้าหันมองไปรอบห้องเก็บของที่เงียบจนน่าขนลุก แสงอาทิตย์ยามเย็นจากภายนอกเป็นสีส้มส่องลอดเข้ามาทางตาข่ายบนผนังติดกับหลังคา ทำให้ห้องนี้ไม่ถึงกับมืดสลัว แต่ถูกฉาบด้วยแสงสีส้มอ่อนพาดเฉียงตัดผ่านความมืดลงมา เด็กสาวมองไล่ไปตามเส้นแบ่งระหว่างความสว่างกับความมืดไปเรื่อยๆ

แสงอาทิตย์นั่นส่องกระทบมาที่อะไรบางอย่างสีดำที่ห้อยอยู่กลางห้อง... สิ่งนั้นแกว่งไกวไปมาส่งเสียงประหลาด เธอเพ่งตามองไปที่สิ่งนั้นจนสายตาเริ่มคุ้นชินกับความมืด

...อะไรน่ะ? เธอยังมองเห็นสิ่งนั้นได้ไม่ชัดนัก จึงเดินเข้าไปใกล้

สิ่งที่แขวนอยู่กลางห้องยังคงแกว่งไปมาช้าๆ ...ดุจมีชีวิต

ในที่สุด เธอก็เริ่มเห็นสิ่งนั้นชัดขึ้น

?ว้าย!!?

เธอกรีดร้องออกมาทันทีที่เห็นสิ่งนั้นอย่างชัดเจน และล้มทรุดลงกับพื้นห้องเก็บของ

สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเธอท่ามกลางความมืดก็คือ....ร่างของสตรีคนหนึ่งแขวนคอตายที่เพดานกลางห้อง... ผมยาวดำขลับห้อยสยายลงมาปิดบังใบหน้า เธอสวมเสื้อแขนยาวสีดำสนิทกับกระโปรงยาวถึงข้อเท้าและรองเท้าส้นสูงสีเดียวกัน... ดูตัดกันกับสีผิวขาวซีดผิดปกติของคนตาย แสงอาทิตย์ยามเย็นสีส้มส่องตรงมาที่ร่างของเธอทำให้เกิดภาพสีที่ดูแล้วแปลกประหลาดจนน่าขนลุก ราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์สยองขวัญเกรดบีที่ปรับค่าสีตอนถ่ายภาพผิดเพี้ยนไป

ที่สำคัญคือ ร่างของเธอยังแกว่งไปมาเล็กน้อย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะผูกคอตายไม่นานนี้เอง....

ฟ้าไม่ได้มองที่ด้านล่างว่ามีเก้าอี้หรืออะไรที่ผู้ตายใช้เหยียบก่อนจะผูกคอตายหรือไม่ เพราะไม่มีสติพอจะทำเช่นนั้น เธอวิ่งตรงไปที่ประตูแต่กลับเปิดมันไม่ออกง่ายๆ ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา...

?ฮือ... เปิดสิ ฮือๆ? เด็กสาวทุบและเขย่าประตูเลื่อนอย่างรุนแรง

ประสาทสัมผัสด้านหลังของเธอยังสามารถรับรู้ได้ว่า ร่างของหญิงสาวในชุดดำยังคงแกว่งไกวไปมา... หากแต่เธอผู้นั้นคงไร้ลมหายใจแล้ว ไม่สิ... เธอตายมานานมากแล้วด้วยซ้ำ...

?เปิดสิ ขอร้องล่ะ!!? ฟ้าตะโกนทุบประตูรัวจนประตูเปิดผางออกในที่สุด

เธอรีบวิ่งออกจากห้องเก็บของโดยไม่หันกลับไปมอง

ร่างของหญิงสาวชุดดำยังคงแกว่งไกวอย่างเชื่องช้าต่อไป...

_____________________

วันต่อมา

?นี่ๆ เธอดูโฆษณาครีมล้างหน้าที่เตยเล่นได้มั้ย? ฝ้ายถามเพื่อนสาวทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเรียน

?ดูๆ ทำไมเหรอ?? ดวงตาเพื่อนของฝ้ายถามด้วยความสงสัย

?เตยไปเล่นโฆษณานั้นได้ไงเนี่ย ไม่เห็นน่ารักเลย มาพูดในโฆษณาอีกนะว่า ?เตยมีงานยุ่งมากในแต่ละวัน หน้าเตยเลยหมองคล้ำ? ฉันไม่เห็นว่ายัยนั่นจะเป็นดาราดังตรงไหนเลย เห็นแล้วหงุดหงิด?

กอล์ฟ เด็กหนุ่มผิวขาวตาตี่ใส่แว่นผมฟูกำลังนั่งอยู่ริมห้องชายตามองฝ้ายซึ่งกำลังวิจารณ์ดาราสาวที่เขาชื่นชอบแบบสาดเสียเทเสีย ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิด

เตยเป็นดาราสาววัยรุ่นสุดน่ารักขวัญใจมหาชนชายไทย แม้ผลงานละครจะมีไม่มากแต่เธอก็ดังระเบิด อีกทั้งยังนิสัยดี ไม่ถือตัว (อย่างน้อยก็ด้วยภาพลักษณ์ที่แสดงให้เห็น) เขาจึงไม่ค่อยพอใจที่มีคนมาวิจารณ์เธอแบบไร้เหตุผลเช่นนี้

ดวงตาเคยมีเพื่อนสาวชื่อมิ๊ม แม้เพื่อนของเธอจะไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่ก็จัดอยู่ในข่ายคนที่นิสัยดี วางตัวดี แม้จะขี้อาย แต่นั่นกลับกลายเป็นสเน่ห์ของเธอ ทำให้มีผู้ชายหลายคนอยากทนุถนอมกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมให้กอดได้ง่ายๆแน่ ก็เล่นเรียบร้อยซะขนาดนั้น ไม่ใช่คนแกล้งเฟคทำตัวเรียบร้อยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง นั่นทำให้ดวงตาคิดว่าเพื่อนคนนี้มีเสน่ห์มากกว่าคนสวยๆหลายคนในห้องที่เชิดหยิ่งเกินเหตุเสียอีก คนพรรค์นั้นมักชอบเชิดหน้าเพราะมั่นในความสวย ไม่รู้จะเชิดหน้าไปทำไม เมื่อคืนนอกตกหมอนคอเคล็ดรึไงถึงได้ตั้งหน้าให้มันตรงๆแบบชาวบ้านเค้าไม่เป็น แล้วไอ้สันดานเสียที่ชอบหลอกใช้คนที่มาชอบนั้นไม่รู้ไปได้รับการสั่งสอนมาจากใคร หัดเอาอย่างคนสวยๆที่มีมารยาททั่วประเทศดูบ้าง หวังว่าคงยังมีสมองพอจะเรียนรู้การวางตัวให้เป็นคนดีนะ


ขณะที่ดวงตากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มิ๊มก็เดินเข้าในห้องพอดี

?อ้าว มิ๊ม ดีๆ? ดวงตาโบกมือทักทายเพื่อนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

?ดีจ้ะ? เด็กสาวตอบกลับมาพลางยิ้มเจื่อน

ดวงตารู้สึกเป็นห่วงจึงถามว่า ?เป็นไรไปเนี่ย ไม่สบายเหรอ??

เด็กสาวเรียบร้อยส่ายศีรษะที่มีผมยาวถึงกลางหลัง ?เปล่าหรอก แต่เรากลุ้มใจเรื่องฟ้าน่ะ?

ฟ้าเป็นเพื่อนร่วมชมรมบาสเกตบอลของดวงตา และเป็นเพื่อนสนิทของมิ๊ม

?เรื่องอะไรเหรอ? หรือว่าฟ้าเครียดเรื่องไม่ได้เป็นตัวจริง? ดวงตาลองถามดู เมื่อวานนี้เด็กสาวติดธุระเลยไม่ได้มาฝึกซ้อมหลังเลิกเรียน จึงไม่เจอฟ้า จะว่าไปวันนี้ตั้งแต่เช้า เธอก็ไม่เห็นเพื่อนร่วมชมรมคนนี้เลย แต่เนื่องจากไม่ได้สนิทกันมาก เธอจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร นอกจากสงสารเพื่อนผู้หลงรักในกีฬาบาสเกตบอลแต่ฝีมือไม่เข้าขั้นจึงเป็นได้แค่ตัวสำรองคอยเก็บลูกบาสให้เรียบร้อย และยืนมองข้างสนามด้วยแววตาเศร้าสร้อยมาตลอด

?เปล่าหรอก แต่ฟ้าบอกว่า? มิ๊มลดเสียงลงจนเบาราวกับกระซิบ หลังจากเหลือบมองฝ้ายผู้ซึ่งไประบายอารมณ์เรื่องดาราสาวสุดสวยได้โฆษณาครีมล้างหน้ากับเพื่อนคนอื่นต่อ

?ฟ้าบอกว่า ...เธอเจอ ?ผี? น่ะ?

ความเงียบงันเข้าคั่นกลางเด็กสาวทั้งสองคนชั่วขณะหนึ่ง

?ผีเหรอ? เจอที่ไหน? ดวงตาได้สติและถามด้วยดวงตาเป็นประกาย ตามประสาของเด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่แม้จะกลัวแต่ก็ชอบฟังเรื่องสยองขวัญมากเช่นกัน แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่เพื่อนของตนได้พบเจอมาก็ตามที ถึงจะรู้สึกผิดที่เห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองอยากฟังเรื่องนี้มาก

ต่อให้รู้สึกสงสารฟ้าก็เถอะ แต่ความอยากรู้อยากเห็นในใจมันก็เอาชนะความรู้สึกนั้นจนได้

?ที่ห้องเก็บของในโรงยิม?

มิ๊มเอ่ยชื่อสถานที่ซึ่งดวงตาคุ้นเคย จะว่าไป ในห้องเก็บของมืดสลัวมากแม้จะเป็นเวลากลางวัน แถมในห้องก็ไม่มีไฟฟ้าใช้เสียด้วย หากที่นั่นจะมีผีก็คงไม่แปลก และปกติฟ้าก็คอยทำหน้าที่เก็บของหลังชมรมเลิกอยู่แล้วด้วย แม้บางครั้งจะมีคนอยากช่วยแต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง คงเพราะรู้สึกอยากทำตัวให้มีประโยชน์ต่อชมรมบ้างกระมัง

ในห้องนั้นมีผีด้วยเหรอเนี่ย? เด็กสาวไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

?เจอผีหลอกยังไงเหรอ?? หล่อนถามรายละเอียดเพื่อนร่วมห้อง

หลังจากนั้นมิ๊มก็เริ่มเล่าเรื่องที่ฟ้าโทรมาหาเธอตอนกลางคืนและพูดไปร้องไห้ไปว่า รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงตัวตนของหญิงสาวที่ผูกคอตายว่าไม่ใช่มนุษย์ แม้ว่าอาจจะสามารถมองได้ในมุมกลับว่า คนที่ปิดประตูขังฟ้าเป็นคนร้ายที่เพิ่งฆาตกรรมหญิงสาวชุดดำไปก็ตามที แต่เด็กสาวก็ยืนกรานว่าตนได้ขอให้ยามขึ้นไปดูบนโรงยิมแล้ว แต่ก็ไม่พบศพของหญิงสาวแต่อย่างใด

?หรือว่ายามจะเป็นคนร้าย?

กอล์ฟเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งฟังมานาน เขาขยับแว่นและจ้องมาที่สองสาว

?จะมองแบบนั้นมันก็ได้อยู่? มิ๊มมีสีหน้าลังเลใจ ?แต่ว่า ฟ้ายืนยันว่าที่เธอเห็นต้องเป็นผีแน่ๆ?

?ไม่มีทางหรอกน่า?

คราวนี้คนที่เอ่ยปากพูดคือหมิว เด็กสาวผมยาวตาโตหน้าตาน่ารักเหมือนแมวแม้จะใส่แว่นก็ตาม ?ผีไม่มีจริงหรอก เป็นแค่ภาพหลอนที่เกิดจากอาการผิดปกติของ Frontal Lobe หรือสมองส่วนหน้า โดยเฉพาะบริเวณหว่างคิ้ว ที่ส่งผลต่อจักษุประสาท รวมไปถึงการผิดปกติบริเวณสมองตรงฮิปโปแคมปัสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบลิมบิกเกี่ยวกับการจัดระบบความทรงจำ ซึ่งคนที่สมองบริเวณนี้ผิดปกติจะมองเห็นภาพหลอนได้ด้วย ก็คือพวกผีน่ะแหละ?

คำพูดวิชาการราวกับคัดลอกมาจากสารานุกรมจนไม่น่าจะเป็นภาษาพูดของวัยรุ่นไปได้พรั่งพรูออกมาจากปากของเด็กสาว เล่นเอาคนฟังทุกคนแทบลมใส่ ...อะไรนะ ขอฟังอีกรอบหน่อย ตามไม่ทัน ไม่เข้าใจ งง... สมองส่วนหน้าอะไรกันหว่า? ...ไหนจะไอ้ระบบลิมบิกอีก แม้จะฟังดูคุ้นๆเพราะเคยเรียนวิชาชีววิทยามาก่อนแต่ตอนนี้เธอก็คืนความรู้ให้อาจารย์ไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครเข้าใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูดเลย ยกเว้นกอล์ฟที่พยักหน้าพลางขยับขนแว่นเล็กน้อยเป็นเชิงสนใจ

?อื้ม จะว่าไปก็เคยมีการทดลองเกี่ยวกับสมองแบบนี้เหมือนกัน มีทฤษฎีว่าหากเรากระตุ้นสมองส่วนที่เป็นฮิปโปแคมปัสโดยตรง อาจทำให้เราเห็นภาพหลอนหรือผีได้ เพราะภาพหลอนพวกนั้นเกิดจากสมองคนเราดึงความทรงจำจากเรื่องที่เคยได้ยิน หรือสิ่งที่ฟัง เคยเห็น เคยอ่าน มาสร้างเป็นภาพหลอกตัวเอง แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะไม่ได้รับการพิสูจน์ชัดเจนก็ตาม? เด็กหนุ่มพูดสำทับ ราวกับจะโอ้อวดความรู้ของตนเพื่อเอาชนะหมิว

ดวงตาฟังแล้วเริ่มรู้สึกปวดตับ ...ขอร้องละ ...พวกเธอสองคนได้โปรดพูดภาษามนุษย์ให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อยได้มั้ย ไม่เห็นต้องยกศัพท์เข้าใจยากพวกนั้นขึ้นมาเลย หากนักวิทยาศาสตร์ที่พวกเธอพูดกันมาผ่าวิจัยสมองของเธอตอนนี้ แทนที่จะได้พบกับระบบลิมบิกบ้าบออะไรนั่น พวกเขาคงเจอขี้เลื่อยในหัวเธอก่อนเป็นแน่ แถมมันคงมีปริมาณมากพอจะขนไปถมมหาสมุทรแปซิฟิกได้เลยแหละ ไหนจะไอ้ชื่อฮิปโปแคมปัสอีก ไม่เคยรู้จักเลยสักนิด ถ้าเป็นฮิปโปโปเตมัสก็ว่าไปอย่าง อันนี้รู้จักดีเลย เจ้าสัตว์ร่างใหญ่ที่วันๆเอาแต่นอนแช่โคลนอยู่ในสวนสัตว์เท่านั้นแหละที่เธอพอนึกภาพออก ดังนั้นอย่ายกเรื่องวิชาการบ้าบอนั่นขึ้นมาเลย ขืนฟังมากๆวิญญาณคงได้ออกจากร่างกันพอดี สงสารคนธรรมดาที่สอบตกวิชาชีววิทยามาตลอดทีเถอะ

กอล์ฟกับหมิวยังคงจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เด็กหนุ่มสาวสองคนนี้จริงๆแล้วเป็นพี่ชายน้องสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่เพราะฝ่ายชายเกิดก่อนห้าเดือนจึงมีศักดิ์เป็นพี่ อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นน้องกลับไม่ค่อยอยากทำท่าเคารพพี่เท่าไหร่ นับว่าเป็นพี่น้องที่เอาแต่กัดดันทุกวัน จนคนทั้งห้องแทบจะจัดเวทีมวยให้แล้ว ถึงฝ่ายหญิงดูท่าว่าจะชนะแน่ๆก็เถอะ เพราะคนพี่นั้นร่วงผอมบางและผิวขาวเหลือเกิน แม้จะไม่ผอมมากจนน่าเกลียดแต่ก็ดูไร้เรี่ยวแรงอยู่ดี เป็นได้แค่เด็กเนิร์ดบ้าวิชาการคนหนึ่งเท่านั้น แต่อาจเป็นเพราะทั้งคู่เป็นลูกของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังผู้ล่วงลับไปแล้วกระมัง ถึงได้มีความรู้มากขนาดนั้น

ดวงตาเสยผมยาวประบ่าที่ปรกลงมาตรงหน้าผาก ก่อนจะหันมองนอกหน้าต่างเพื่อใช้ความคิด

เพราะกลัวเรื่องที่เกิดขึ้น ฟ้าจึงไม่กล้ามาโรงเรียน ป่านนี้เด็กสาวก็คงกำลังหวาดกลัวจนตัวสั่นอยู่ในห้องของตัวเองแน่ๆ ไม่ว่าที่เธอเห็นจะเป็นศพคนจริงๆที่ถุกฆาตกรรม หรือว่าเป็นวิญยาณร้ายที่สิงสู่ในห้องนั้น หรือแม้แต่เป็นแค่ภาพหลอนอย่างที่กอล์ฟกับหมิว สองพี่น้องผู้คลั่งไคล้วิทยาศาสตร์ได้อธิบายไว้ แต่มันก็คงเป็นภาพที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว

ก็แหงล่ะ... นั่นมันภาพคนผูกคอตายเชียวนะ ไม่ใช่ภาพคนเต้นบัลเลต์หรือแต่งคอสเพลย์ที่ดูเพลินขนาดนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เจริญหูเจริญตาเลยแม้แต่น้อย ถ้าเลี่ยงได้ก็ขออย่าให้เจอะเจอกับภาพแบบนั้นเลย น่าแปลกที่คนเราชอบฟังเรื่องผี ชอบดูคลิปหรือรูปถ่ายผี ชอบเดินในโรงเรียนตอนกลางคืนเพื่อสำรวจความกล้า แต่กลับไม่อยากเจอผีจริงๆ แล้วก็มาทำฟอร์มยักไหล่แล้วบอกว่า ว้า... ไม่เห็นมีอะไร น่าเบื่อว่ะ... แต่พอคุณวิญญาณผู้ทรงเกียรติ์เหล่านั้นปรากฏตัว พวกผู้กล้าก็รีบย้ายก้นเผ่นหนีแทบไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม เย็นวันนี้เธอจะต้องไปซ้อมเพื่อเตรียมแข่งขันวอลเลย์บอลชิงชนะเลิศระดับเขตที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้

ในขณะที่เด็กสาวกำลังใช้ความคิดอย่างลืมตัว กอล์ฟและหมิวก็มองหน้ากัน ราวกับทั้งคู่กำลังคิดอะไรบางอย่างเหมือนๆกัน แต่ว่าไม่ได้พูดออกมาให้คนอื่นได้ยิน ก่อนจะแกล้งเหลือบมองไปทางอื่น

ในโรงยิมยามเช้ายังคงไม่มีใครมาเยือน แต่บานประตูห้องเก็บของกลับเปิดแง้มทิ้งไว้ ...และมีเงาของบางสิ่งจ้องมองออกมา

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่งลงนิยายที่นี่เป็นครั้งแรก ขอฝากตัวด้วยครับ^^

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”