[ลองเขียนเล่นๆ]- 3เทวะ ตอนที่1(ไม่จบ) - ไม่ใช่แนวรัก

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
nandmc
โพสต์: 438
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 22 ส.ค. 2006 12:08 pm
ที่อยู่: Customer of Wendy.
ติดต่อ:

[ลองเขียนเล่นๆ]- 3เทวะ ตอนที่1(ไม่จบ) - ไม่ใช่แนวรัก

โพสต์ โดย nandmc »

อันนี้ลองเขียนดูเล่นๆ ไม่แน่ใจว่าดีไหม สามารถติชมได้ ไม่ใช่แนวความรัก แต่เป็นแนว "อัลเทอร์เนทีฟ" (เพื่อนเขาว่างั้นมา)
อันนี้เป็นสถานที่สมมุติเฉพาะที่ไม่มีในโลกไปก่อน
เรื่องนี้จะวาดเป็นคอมิคแนวด้านมืดไปชักนิด
แต่เนื่องจากไม่มีเวลาวาด จึงลองเขียนเล่นๆ ดูว่ามันจะดีไหม ติชมได้นะคะ ^^

**เป็นการเขียนครั้งแรกหลังจากสังเกตวิธีเขียนของนิยายบางเรื่องมา ถ้าไม่ดีอย่างไรขออภัยอย่างสูง

ตัวละครหลักมีอยู่ สามคน >>>

รูปภาพ
ดิเบล , รีวิว , เกมส์

==============================================================================================



*ณ สถานที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ,ซึ่งไว้ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ

บริเวณโดยรอบมีเถาวัลย์พันตามเสาเหมือนดูรกร้าง แต่ภายนอกกลับมีแสงแดดอ่อนๆที่กระทบบนผนังหินอ่อนสีขาว บรรยากาศชวนอบอุ่นทำให้นึกถึงเวลายามเย็นของดวงอาทิตย์ที่กำลังใกล้ตกลับขอบฟ้า

"อุแว้...อุแว้..."เสียงร้องไห้โฮของเด็กดังขึ้น เด็กผู้ชายผมบอร์นทองผิวขาวหน้าตาน่ารักน่าชังและมีปีกสีขาวทั้งสองข้างที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่เปียกอาบแก้มจนถึงคาง
เสียงอันแหบซ่านของเด็กน้อยดังโดยตลอด เขาร้องไม่หยุดเหมือนราวกับว่านั่น คือ การ้องไห้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา และเด็กน้อยยังคงคลานต่อไปเรื่อยๆจนพบคราบเลือดที่ยังเพิ่งแห้งใหม่ๆที่ติดปลายนิ้วชี้ของเขาเขาเงยหน้ามองและพบว่ามีคราบเลือดเต็มไปทั่วพื้นโบสถ์ เด็กน้อยได้หันหน้าไปข้างๆตัวเขา
เขาได้พบว่า มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาสองคนที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ อีกคนเป็นเด็กผู้ชายผมสีดำมีปีกแต่งชุดช่างศิลป์โบราณซึ่งเป็นชุดของยุคเรเนซอง(ศิลปะรุ่งเรือง) อีกคนเป็นเด็กผู้หญิงผมสีทองยาวสลวยมีปีกทั้งสองข้างเธอใส่ชุดคุมผ้าขาวดูเหมือนเป็นชุดยุคไบเซนไทน์ (ยุคอารายธรรม)
แต่ทว่าทั้งผมและมีปีกของเธอเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เปื้อนอยู่ เด็กน้อยได้กวาดสายตามองบริเวณพื้นโดยรอบและพบว่ามีเลือดอยู่เต็มไปหมดทั้งผนังและตามพื้นโบสถ์
" ฮือ..ฮือ..." เด็กน้อยยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ เขาได้เริ่มคลานไปเรื่อยๆรอบๆ ตัวเพื่อนของเขาที่กำลังนอนนื่ง และแล้วจู่ๆมือที่เปื้อนเลือดของเด็กผู้หญิงคนนั้นได้เอื้อมจับสัมผัสที่ปีกข้างขวาของเขา

*ดวงตาสีทองที่เบิ่งกว้าง

"อีกแล้วรึ..." ใบหน้าของชายหนุ่มผมสีบอร์นชุดเฟอที่ดูตื่นเพียงเล็กน้อย เขานอนอยู่บนเตียงในท่าหันตะแคงข้าง ชายหนุ่มได้ลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับยกมือข้างขวาของตนเองขึ้นมามอง
"เด็กทั้งสามนั่นเป็นใครกันนะ..." ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบแต่น้ำเสียงชวนแฝงไปด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นพร้อมมองไปรอบๆ เขามองและหยุดชะงักที่นาฬิกาติดผนังสุดหรูที่อยู่ข้างๆ ตู้เสื้อผ้า
"จะสี่ทุ่มเองรึ..." เสียงแปลกใจของชายหนุ่ม และเขาได้หันไปมองแก้วไวน์ที่ดูเหมือนว่างเปล่าวางอยู่ข้างเตียงของเขา ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาพร้อมมองจากขอบปากแก้วจนถึงก้น เขาพบว่ามีคราบไวน์ที่แห้งแล้วติดอยู่
"ฉันคงนอนนานเกินไปหน่อย..." เสียงนิ่งๆ ของชายหนุ่ม เหมือนเขารู้คำตอบในสิ่งที่สงสัย
(ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..) เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มหันหน้าไปตามเสียงที่ได้ยินทันที
"ขอโทษครับมีใครอยู่ในห้องนี้ไหมครับ..." เสียงเรียกของบริกรชายอายุรุ่นราวสี่สิบที่ให้บริการภายในโรงแรมแห่งนี้ ประตูค่อยๆแง้มเปิดออกอย่างช้าๆ สีหน้าของบริกรชายที่ตระหนก เพราะเขาเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูเหมือนนิ่งจนเยือกเย็น
"มี.." เสียงนิ่งๆและผิวขาวซีดของเขากับชุดเฟอสีน้ำตาลเกือบดำ ทำให้บริกรรู้สึกกลัวขึ้นมา
"คะ..ครับ ยังอยู่สินะครับ..." น้ำเสียงที่สั่นเครือของบริกร ชายหนุ่มสอดสายตามองดูบริเวณรอบนอกห้อง ซึ่งมีพนักงานสาวชุดเมดอีกสองคนที่ตามมา ด้วยความแปลกใจของเขา เขาจึงเอ่ยถามกับบริกรทันที
"เกิดอะไรขึ้นรึ...?" เสียงตอบจากชายหนุ่มทำให้บริกรสะดุ้งตกใจเล็กน้อยแต่เขาก็ตั้งสติได้ทันก่อนจะตอบกลับกับชายหนุ่ม
"คะ..คือผมเห็นว่าห้องนี้ถูกปิดตายมาถึงสองวันเต็มๆ เกรงว่าคุณชายจะเป็นอันตรายน่ะครับ..." เสียงของบริกรที่ดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใย แต่นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเนื่องจากคำพูดหนึ่งที่บริกรได้เผลอหลุดออกมา
"คุณชายงั้นรึ หือ..?" พร้อมกับสายตาเชือดเฉือดไปยังบริกร บริกรรู้สึกสะดุ้งกับสิ่งที่ชายหนุ่มจ้องมองกับเขาจนเขาแทบจะตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาร้อนใจและรู้สึกไม่ดีจึงรีบตอบกลับโดยทันควัน
"ปะเปล่า ผะผมคือ ผมเรียกคุณว่า...เอ่อ.. ใช่สินะ คุณผู้ชาย สินะครับ..." เป็นประโยชน์ที่แก้ต่างให้กับตนเองแต่ดูเหมือนคงช่วยอะไรไม่ได้มากและคงหยุดความสงสัยของชายหนุ่มไม่ได้แน่ๆ แต่เขาก็ยังคงพยายามทำนิ่งเพื่อกลบเกลือนในสิ่งที่พูดออกไป

ชายหนุ่มสังเกตเห็นปฏิกิริยาของบริกรที่ดูแปลกๆรวมทั้งมือของบริกรที่ไขว้หลังอยู่ ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและปิดประตูลง บริกรถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกอย่างมาก

"ใช่เขาจริงๆด้วย ไม่ผิดแน่ รายชื่อตรงกับที่เขียนในซองจดหมาย" บริกรเอ่ยขึ้นทันทีพร้อมกับยกมือที่ไขว้หลังของเขาอยู่ออกมา ซึ่งในมือของเขานั้นกำซองจดหมายที่ถูกฉีกอยู่
(กิ๊ก!!) เสียงล็อกประตูเบาๆ จากภายนอก แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มผมบอร์นที่อยู่ภายในรู้สึกถึงได้ว่าต้องมีอะไรผิดแปลกอย่างที่เขาคาดคิดไว้จริงๆ

ณ เค้าเตอร์ของโปรงแรม

(ติ๊ด..ติ๊ด...)เสียงโทรออกของโทรศัพท์ (กึก)เสียงรับสาย มือของบริกรที่ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูของตนเอง
"สวัสดีครับ คณกำลังตามหาเขาอยู่ใช่ไหม ผมเจอแล้วครับ ลูกชายของท่านนายพลโซฮันต์ เขาได้พักกับเรามาสองวันแล้วครับ" บริกรพูดคุยกับบุคคลนิรนามทางโทรศัพท์ หญิงสาวทั้งสองที่ตามบริกรมายังคงทำท่าทางพูดคุยกันสนุกสนาน บริกรได้ชายตาเหล่ไปทางหญิงสาวทั้งสองคน ทำให้หญิงสาวต้องหยุดพูดคุย
"ขอบใจ ที่แจ้งให้ทราบ แล้วจะยืนรออะไรอีก!! รีบไปทำงานสิ!!" บริกรพูดจาดุดันใส่หญิงสาวทั้งสองจนทำให้พวกเธอต้องรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ณ ห้องพัก

"อืม..คิดว่าน่าจะใช่..." ชายหนุ่มผมบอร์นยังคงยืนครุ่นคิดในสิ่งที่เห็นและผิดสังเกตเมื่อครู่ เขาหันหลังให้กับประตูและเดินไปข้างหน้าก่อนตัดสินใจหันหลังกลับชนกับประตูเพื่อหวังที่จะให้ประตูพังและเปิดออก แต่ปรากฎว่าประตูนั้นล็อตด้วยกลอนที่แน่นหนาจนเขามิอาจพังประตูได้
"เลวชิบ" เขาเผลอบ่นด้วยอารมณ์ที่เสียเซลอารมณ์เสียเซลฟ์อย่างมาก ชายหนุ่มรีบกวาดสายตาอย่างรวดเร็วมองไปทั่วห้อง แล้วเขาได้พบหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดค้างไว้อยู่ เขาจึงรีบวิ่งพุ่งไปอย่างรวดเร็วเพื่อหวังที่จะโดดออกจากหน้าต่างโดยไม่คิดว่านี่คือชั้นที่สี่ของโรงแรม เพียงเท้าที่แตะพื้นของเขาเขาพบว่าตนเองยังปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
"อืม..หกขวบ ฉันก็เคยโดดลงมาแบบนี้แต่นั่นมันแค่สองชั้น คราวหน้าสูงกว่านี้ดีกว่า " ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหน้านิ่งๆแต่น้ำเสียงเหมือนภาคภูมิในสิ่งที่ทำลงไป ชายหนุ่มแหงนหน้ามองขึ้นไปบนชั้นที่เขาได้กระโดดลงมา เขาพบเห็นบริกรคนดังกล่าวยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างที่เขาโดดลงมามองลงมา บริกรมองมายังเบื้องล่างหน้าต่าง
"ผะ..ผะ..ผี!!มันไม่ใช่ลูกชายท่านนายพล!มันเป็นผี!ผีแน่ๆหรือไม่ก็ปีศาจ...!!" เขาร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวในสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ ก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปจากบานหน้าต่างลิบสายตาชายหนุ่มที่กำลังมองอยู่ ชายหนุ่มหันหลังและเดินหายลับตาไปยังโพรงหญ้าในความมืดหลังโรงแรมทันที

เวลา 00.00 am,เวลาเที่ยงคืนของถนนยามค่ำคืนในกรุงมิลาน

ในยามดึกบริเวณทางเดินของเมืองที่มีแสงของไฟข้างทางส่องสลั่วอยู่ระหว่าการเดินทางของชายหนุ่มผมบอร์นที่ไร้จุดหมายเขาเดินไปเรื่อยๆจนพบกับหนังสือเล่มหนึ่งตกอยู่ข้างทาง หนังสือขนาดพ๊อกเก๊ตบุ๊ค เขาได้เก็บขึ้นมามองดูหน้าปก 'Tell of Norington' เป็นชื่อของหนังสือเล่มนี้ เขามองไปที่ตัวหนังสือด้านล่างทางขวามือ 'โดย K.R.'นามปากกาของเจ้าของผลงานหนังสือเล่มนี้
"อืม..Norington งั้นรึ..?" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยเพราะรุ้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้มากและเขาได้หันไปรอบๆมองหาใครชักคนที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้แต่ไม่พบเพราะเวลานี้เป็นเวลายามดึกที่ไม่น่าจะมีคนเดินอยู่แถวนี้
"คงไม่เป็นไรมั้งถ้าเราจะแอบเปิด..อ่าน" เขายังคงลังเลแต่มือของเขาก็ได้เปิดหนังสือเล่มนี้ไปเสียแล้ว เขาได้พบหน้าแรกของหนังสือเล่มนี้มีลายเซ็นเขียนอยู่ว่า Jasica lois
"ชื่อเจ้าของหนังสือเล่มนี้รึ" ชายหนุ่มเอ่ยถึงสิ่งที่เขาคิด เขาก็เก็บซุกเข้ากระเป๋าเสื้อด้านในของเขาทันทีและเดินลับหายไปตามถนนมุมมืดของเมือง

ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่งยามราตรี

ชายนิรนามแต่งชุดสไตล์เซอร์นิสัยท่าทางเจ้าเล่ห์เพลบอยเดินเล่นอยู่ทามกลางหญิงสาว
"ไงจ๊ะ แดเนียลที่รักวันนี้เธอดูน่ารักจริงๆ เลยขอหอมแก้มที"สาวใหญ่คนดังกล่าวเอ่ยก่อนกระโดดหอมแก้มชายคนดังกล่าว
"โอ้ ขอบคุณ แต่ไม่เอาน่าอย่าเรียก แดเนียล เรียกผมว่า เกม เถอะผมชอบชื่อนี้มากกว่า" ชายหนุ่มทักตอบกลับทันควันด้วยน้ำเสียงแกมยียวนเล็กน้อย
"แหม..แด..อุ๊ย! เกมเนี๊ย..น่านะ ขี้อายนะเรา" สาวใหญ่ได้พูดเล่นกับเกมพร้อมส่งสายตายั่วยวนเล็กน้อย ก่อนเสียงดนตรีเพลงแนวร็อคจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงของเกม เกมรีบร้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาอย่างเร่งรีบพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที

เกมได้มองที่หน้าจอมือถือของเขา 'Dibell' หญิงสาวอีกคนหนึ่งเห็นเข้าจึงเคืองเกมเพราะชื่อที่ขึ้นมันเป็นชื่อของผู้หญิง

"นี่!มีนัดกับสาวนอกจากฉันในเวลานี้ด้วยเหรอเกม!!" เธอพูดจาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคืองและลมหายใจที่ฟืดฟาด 'ติ๊ด'เกมกดปุ่มรับโทรศัพท์กดพร้อมยกแนบที่หูของเขาก่อนยกมือโบกลาหญิงสาวคนดังกล่าวและเดินออกจากสถานบันเทิงไปหลบในหลังตึกที่ลับตา
"ฉันพบแล้ว เกม" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล็ดรอดจากหูฟังโทรศัพท์มือถือของเขา
"ว่าไงนะ ดิเบล เธอเจอเด็กคนสุดท้ายแล้วรึ โอ้ววว...ดีจริงๆเลย!! " เกมกล่าวด้วยความดีใจพร้อมเผลอเอ่ยชื่อของหญิงสาวที่เขาคุยด้วย
"แต่..ฉันอยากให้นายทำตามแผนของฉัน" ดิเบลบอกกล่าวกับเกมด้วยน้ำเสียงที่นิ่งลึก
"ว่ามาเลยจัดให้" เกมทำท่าทางตั้งใจฟังในสิ่งที่ดิเบลจะบอก
"เพียงแต่..นายต้อง.."

เวลา 08.20 am ม,ยามเช้าของถนนที่เริ่มมีผู้คนเดินแต่ยังคงปะลายและบางตา

ชายหนุ่มผมบอร์นที่กำลังเดินถือและเปิดหนังสืออ่านไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเขาเลย เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนเขาอ่านสะดุดเอ่ะใจกับเรื่องราวของเด็กสามคนที่ตรงกับที่เขาฝันอยู่บ่อยๆ มาก
"เด็กมีปีกทั้งสามกับพิธีสวดส่งงั้นรึ" ชายหนุ่มครุ่นคิดและสงสัยเขาจึงเปิดอ่านต่อไป
"ไงพวก!! หวัดดี!" น้ำเสียงเข้มแต่แฝงไปด้วยความเป็นไมตรีจากชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเซอร์กับกระป๋องสีของเขายืนพิงกับพนังกำแพงของเมือง เขาคือ เกม นั่นเอง เกมยิ้มพร้อมยื่นมือเพื่อจับทักทายด้วยไมตรีจิต ชายหนุ่มคนดังกล่าวงงมากกับสิ่งที่ชายแปลกหน้าได้กระทำท่าทางแปลกๆกับตนเอง
ชายหนุ่มยังคงเดินต่อไปเหมือนว่าไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จนเกมเริ่มหงุดหงิดและเผลอตะโกนขึ้นว่า
"เฮ..!!" จนชายหนุ่มผมบอร์นชะงั่กและหยุดเดินทันที เขาได้มองหันหลังมายังเสียงเรียกนั้น
"หือ ทักทายฉันรึ" ชายหนุ่มตอบกลับแต่ยังลังเลว่าใช่หรือไม่ ไปยังเกม
"ใช่แล้ว หนุ่มน้อยเทวะคนสุดท้าย" เกมเอ่ยขึ้น แต่ชายหนุ่มยังคงงงในสิ่งที่ชายแปลกหน้าคนนี้กล่าวถึง
"หือ..เทวะ?" ชายหนุ่มยังคงงง
"อ่าว ไม่รู้เรื่องเลยเหรอไง นายไม่รู้หรือว่านายเป็นใครน่ะ" เกมตอบกลับด้วยอารมณ์แปลกใจ
"โอเค ไม่รู้คือไม่ผิด งั้นเอางี้ฉันคือ แดเนียล แมคมาเลนท์ แล้วนายล่ะ" เกมถามถึงชื่อของชายหนุ่ม
"วอเทอร์" คำตอบจากชายหนุ่มผมบอร์น
"เฮ! ฉันว่าฉันรู้มากกว่านั้นอีกนะ" เกมยังพูดจี้จุดตอกกลับอย่างไร้มารยาทกับชายหนุ่ม
"อืม..รีวิว โซฮันต์" ชายหนุ่มตอบอีกครั้งพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยด้วยอารมณ์แปลกใจที่ทำไมตนเองต้องบอกชื่อให้กับคนแปลกหน้าคนนี้ไปด้วย
"โอเค เด็กดี รีวิวยินดีที่ได้รู้จัก อ๊ะ..อีกทีนะ..ฉันคือ แดเนียล แมคมาเลนท์ แต่ขอให้เรียกว่า เกม เข้าใจนะ" เกมยกยื่นมือเพื่อทักทายกับชายหนุ่มที่ชื่อว่า รีวิว รีวิวยังคงไม่สนใจในสื่งที่ชายแปลกหน้าได้กระทำและเขาเริ่มเดินจากไป
"เฮ้ย!! อย่าทำเป็นหยิ่งไปนะพวก" เกมตะโกนด้วยโมโหสุดๆ แต่ต้องเก็บอารมณ์ไม่งั้นแผนที่วางไว้กับดิเบลจะเสีย รีวิวยังคงเดินต่อไปและห่างจากเกมทุกที
"ตู..ใจเย็นไว้..ใจเย็นนะ..เกม..." เกมบ่นพึมพัมเหมือนต้องการเรียกสติตนเองก่อนจะหลุด
"ไอบ้า!! นั่นมัน!หนังสือของแฟนฉันโว้ย!" เสียงตะโกนอย่างเกรียวกราดของเกมบวกกับประโยคที่ต้องทำให้รีวิวชะงักทันที แต่เขายังคงแปลกใจรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่หนังสือของตนเอง รีวิวยังคงไม่เชื่อชายแปลกหน้า
"ในหนังสือเล่มนี้มีชื่อเจ้าของอยู่แล้ว นายจำได้ไหมว่าชื่ออะไรล่ะ" รีวิวสวนถามกลับกับเกม ซึ่งตรงกับในสิ่งที่ดิเบลคาดการณ์ไว้ตามแผน
"อ๋อ..อืม อ้อ Jasica lois" เกมตอบด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง
"โอเค คืน" รีวิวกล่าวพร้อมยื่นหนังสือคืนให้กับเกมทันที
"เฮ้ย ง่ายไปแล้วมั้งพวก" เกมสวนพูดจายียวนกวนประสาทใส่รีวิว
"ต้องการอะไรอีกล่ะ" รีวิวตอบกลับ
"นายเสียมารยาทแอบอ่านหนังสือของชาวบ้านเนี่ยนะ โดยไม่คืนเจ้าของตั้งสองวันแน่" เกมพูดขึ้นแบบเว่อร์ๆ
"ฉันเจอเมื่อวาน" รีวิวตอบตรงกับที่เขาเจอทันที เพราะว่า เขายอมรับในสิ่งที่เขาผิด
"แล้วนายมีอะไรมายืนยันล่ะว่าเจอเมื่อวาน" เกมพยายามทำไม่เชื่อเพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายเหนือกว่า
"เอ่อ..?" รีวิวไม่มีอะไรจะตอกกลับเพราะไม่มีหลักฐานมายืนยันในสิ่งที่เขากระทำ ทางเกมยังคงพูดตอกกลับใส่รีวิวอย่างไม่เกรงใจทั้งที่ นี่คือการเจอครั้งแรก
"นายต้องไปขอโทษเธอ เข้าใจไหม!? โอเค!" เกมทำสีหน้าซีเรียสกับเรื่องนี้แต่ในใจแอบสะใจอยู่ลึกๆ
"ที่ไหน เวลาไหน เมื่อไร่" รีวิวถามกลับด้วยเสียงแข็งกระด้างและต่อเนื่อง เกมทำท่ายกมือห้าม
"เอ่อ โอเคใจเย็น สถานที่คือ ทางเดินแถวตรอก manic street พรุ่งนี้เวลาเดียวกับตอนนี้ล่ะ"เกมมองไปที่นาฬิกาของเมือง
"อืม" รีวิวตอบรับกับเกมและแปลกใจว่า ทำไมไม่พาตนเองไปหาแฟนของเขาในเวลานี้เสียเลย
"ไม่ใช่คนที่นี่สินะ มาเที่ยวได้กี่วันแล้วล่ะ นายจะรู้จักไหม manic street" เกมถามทักกลับกับรีวิว
"อืม อยู่มาชักพักแต่ที่นั่นฉันรู้จักดี" รีวิวตอบกลับ
"โอเค หายห่วง" เกมโล่งใจเพราะภาระกิจคราวนี้สำเร็จ
"นี่.. เรื่องของเทวะที่ว่าล่ะ" รีวิวถามกลับเพราะยังจำได้เกี่ยวกับคำที่เกมได้เอ่ยขึ้นมา
"เอ่อ..เรื่องนั้นเหรอ ไว้พรุ่งนี้นายจะรู้คำตอบเอง" เกมตอบกับรีวิว แต่รีวิวยังคงงงกับสิ่งที่เกมบอก
"แฟนฉันมีคำตอบ..หึหึหึ" เกมพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์เหมือนได้เปรียบอะไรชักอย่างแต่ไม่ใช่เรื่องที่คุยกับรีวิว
"หึหึ ถ้าสงสัยฉันจะแสดงอะไรให้ดูก่อนไป และลองไปนึกดูซิว่านายมีอะไรแปลกกว่าคนอื่นไหม" เกมพูดทิ้งท้ายก่อนจะโยนกระป๋องสีขาวที่เปิดผฝาอยู่และสีได้สาดโดนตัวเขา เกมได้หายไปพร้อมกับสีขาวนั้น
"นายก็แปลกกว่าฉันอยู่ดี" รีวิวบ่นพร้อมยืนงงด้วยความแปลกใจ

***(ปิ๊บ...ซ่า...)เสียงของสัญญาณโทรศัพท์

'เรียบร้อยแล้วใช่ไหม เกม....ขอบคุณ'เสียงของดิเบลจากสายโทรศัพท์...(ปิ๊บ) เสียงกดวางสายของปุ่มโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับริมฝีปากที่แสยะยิ้มอย่างมีชัย...


(ตอนนี้เขียนได้เท่านี้ แต่ยังไม่จบอ่า)

ติชมได้ตามสะดวกจ้า :D

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”