ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 32 ครบ 100%จ้า

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 32 ครบ 100%จ้า

โพสต์ โดย athita »

มาถึงตอนที่ 32 แล้วนะคะ เหลืออีกแค่ 3 ตอนก็จะจบแล้ว (มั้ง).....ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะเขียนมาถึงจุดนี้ได้ (เลือดแทบกระอัก) ปมต่าง ๆ กำลังจะคลี่คลายแล้ว แต่จะคลายได้ถูกใจและตรงใจคนอ่านหรือเปล่า ก็ไม่ทราบ เอาเป็นว่าช่วยบอกด้วยนะคะ อ้อ! 3 ตอนที่เหลืออาจจะลงพร้อมกันทีเดียวเลยนะคะ ช่วงนี้ติดธุระอยู่ที่ กทม. ค่ะเลยไม่มีเวลาเขียนให้จบสักที และต้องปรับบทที่เขียนไปแล้วด้วย กลัวจะจบห้วนไปบ้างสั้นไปบ้าง รอนี้ดนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ....อาทิตา


ตอนที่ 32 หลักฐานสำคัญ (100% จ้า)

ญาดาก้าวเท้าลงจากรถเก๋งคันหรูสัญชาติยุโรปที่ได้รับเป็นของขวัญจากบิดา ซึ่งมอบให้หลังจากที่เธอสามารถทำงานโปรเจ็คต์ ?ณ นิมมานรดี? สำเร็จไปได้ด้วยดีเมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวเดินตรงเข้าไปในห้องรับประธานอาหารเช้าที่มีบิดาของเธอกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่แล้ว ญาดาในชุดกระโปรงยาวสีบานเย็นที่โชว์ไหล่ขาวเนียนเพียงข้างเดียวตามสไตล์เสื้อคอเฉียงที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ชุดสวยสีสันสดใสซึ่งเป็นชุดที่เธอเตรียมไว้สำหรับรับวันแรกของชีวิตการแต่งงาน แต่ใบหน้าของผู้สวมใส่ที่แม้จะปิดบัง
ด้วยเครื่องสำอางชั้นดีมีราคาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังฉายแววหม่นหมองออกมาให้ได้เห็น ทั้งขอบตาที่คล้ำและแววตาที่ไม่สดใส นายเมธินทร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ในมือที่ลงรูปงานแต่งงานของลูกสาวในหน้าสังคม เขามองหน้าลูกสาวสุดที่รักที่ได้เป็นฝั่งเป็นฝาไปเมื่อคืนกับคนที่เหมาะสมทั้งฐานะและหน้าตาทางสังคม วิชญ์ นิมมานรดี....คนที่เขาไว้วางใจและฝากชีวิตลูกสาวไว้ให้ดูแล ผู้เป็นพ่อที่เลี้ยงดูลูกสาวคนนี้มากว่า 26 ปี จับสีหน้าและอารมณ์ของลูกสาวได้ว่าไม่ค่อยจะสุขสันต์สักเท่าไร ถึงแม้ญาดาจะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้างก็ตาม

?มอร์นิ่งคะป๊า? ญาดากล่าวทักทายบิดาหลังจากหอมแก้มท่านไปหนึ่งครั้ง

?คุณวิชญ์ล่ะลูก? นายเมธินทร์อดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่ได้เห็นหน้าตาของลูกเขยเดินเคียงข้างเข้ามาในเช้าวันแรกของชีวิตสมรส

?เอ่อ.....เขาไปทำงานแล้วน่ะค่ะ? ญาดาตอบโดยการเลี่ยงที่จะสบตากับบิดา

?อะไรกัน ไม่คิดจะหยุดพักผ่อนสักวันสองวันหรอกเหรอ เมื่อคืนกว่างานเลี้ยงจะเสร็จก็ดึกเอาการอยู่นะ? ถึงแม้จะตำหนิออกมาแต่ในใจก็อดชื่นชมความเป็นคนเอาการเอางานของลูกเขยไม่ได้

?เห็นบอกว่ามีงานค้างน่ะค่ะป๊า สมร วันนี้มีอะไรทานบ้างจ๊ะ โจ๊กหรือไข่ดาวหมูแฮมล่ะ ไปทำให้ฉันที่หนึ่งด้วย อ้อ! แต่ไปเอากาแฟให้ฉันที่หนึ่งก่อนนะ น้ำตาลสองก้อนก็พอ? ญาดาหันไปบอกกับสาวใช้ นายเมธินทร์ที่ลอบสังเกตพฤติกรรมของลูกสาว แอบถอนหายใจเบา ๆ เพราะคาดเดาว่าลูกสาวคงมีปัญหากับลูกเขยตั้งแต่เช้า ?สงสัยคงจะงอนที่สามีไม่ยอมหยุดงานมาพะเน้าพะนอเอาใจ? จึงอดที่จะอบรมสั่งสอนลูกสาวไปไม่ได้ว่า

?ดา วันนี้เป็นอะไรอีกล่ะ หน้าตาไม่สดชื่นเอาเสียเลย อะไรกันเพิ่งจะแต่งการแต่งงานแท้ๆ ลูกน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ลูกต้องใช้ความอดทน และลดการเอาแต่ใจตัวเองลงบ้างนะ ดาไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ต้องอดทน เอาใจเขามาใส่ใจเราเพื่อที่จะช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ให้ได้? คำสอนของบิดาบังเกิดเกล้าทำให้ญาดาต้องกลืนคำพูดที่จะบอกกล่าวเอาไว้ในอกแทน เธอเองก็ไม่อยากเอาเรื่องที่จะนำความไม่สบายใจมาให้กับพ่อ ?มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เขาคงเป็นคนบ้างาน ถ้าเขาไม่รัก เขาคงไม่ยอมแต่งงานและจดทะเบียนกับเรา?

?ค่ะป๊า ด้าจะอดทน? หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ และปล่อยให้ผู้เป็นพ่อเข้าใจผิด ๆ ไป

?เออ.....แล้วเราวางแผนว่าจะไปฮันนีมูนที่ไหนกันล่ะ คุยกับคุณวิชญ์แล้วหรือยัง? ญาดาฟังแล้วก็เจ็บแปลบ ?จะคุยได้ยังไง ในเมื่อเธอเข้าหออยู่คนเดียวทั้งคืน ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมา ก็ยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเลย?

?ยังเลยค่ะป๊า คงต้องรอให้คุณวิชญ์เขาเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนน่ะค่ะ? เมื่อญาดาพูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดคุยกับบิดา หญิงสาวควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบหรู แล้วจึงกดรับ

?ด้าพูดค่ะ?

?ตอนนี้ด้าอยู่ที่บ้านแล้วค่ะ?

?มื้อเที่ยงเหรอคะ ได้สิคะ?

?ค่ะ เดี๋ยวด้าจะบอกกับป๊านะคะ แล้วเจอกันค่ะ บ้าย บายค่ะ? ยิ้มแรกของวันฉายกว้างเต็มใบหน้าของหญิงสาว

?ใครโทรมาเหรอลูก?

?คุณวิชญ์น่ะค่ะป๊า นัดให้ด้าไปทานมื้อเที่ยงด้วยที่โรงแรม บอกให้ชวนป๊าไปด้วยค่ะ ไปทานข้าวด้วยกันนะคะป๊า? ญาดาบอกรายละเอียดแก่บิดาด้วยสีหน้าที่มีความสุข

?โอ้โห! จากกันไม่ถึงชั่วโมง นี่โทรมานัดกินข้าวมื้อเที่ยงเสียแล้ว หึ หึ เห็นไหมว่าเขาน่ะเอาใจเราแค่ไหน? นายเมธินทร์แซวลูกสาว

?ป๊าอ่ะ อย่าแซวด้าสิคะ ตกลงจะไปด้วยกันนะคะ? ญาดาเขินที่ถูกแซวถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงอย่างที่บิดาของเธอกำลังเข้าใจ

?ป๊าว่าคุณวิชญ์เขาคงชวนป๊าตามมารยาทล่ะมั้ง เขาคงอยากจะทานข้าวตามลำพังกับลูกเสียมากกว่า ป๊าไม่ไปดีกว่า ไม่อยากไปเป็น กอ ขอ คอ ของคนที่เพิ่งแต่งงาน จะได้สวีทกันเต็มที่? นายเมธินทร์ก็ยิ้มออกเช่นกันเพราะเห็นสีหน้าที่เปี่ยมสุขของลูกสาว

?ไม่ใช่นะคะป๊า คุณวิชญ์เขาชวนป๊าจริง ๆ ค่ะ เห็นว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วยน่ะค่ะ?

?อ้าว! อย่างนั้นหรอกเหรอ ก็ดี กินกันไปคุยกันไปไม่เสียเวลาดี อีกอย่างถ้าป๊าไม่ไปเดี๋ยวคุณลูกเขยเขาจะมาโกรธลูกสาวของป๊าเอาอีก? นายเมธินทร์พูดเอาใจลูกสาวสุดที่รักโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าธุระที่ว่าจะนำมาซึ่งความฉิบหายของครอบครัวตนเองในอนาคตอันใกล้นี้

************************

ณ นิมมานรดี แกรนด์ โฮเตล ในห้องอาหารไทย ?นิมมานรดี? ชื่อเดียวกันกับโรงแรม วิชญ์ ญาดา และนายเมธินทร์กำลังนั่งรับประทานอาหารกันอย่างออกรสชาติ พร้อมทั้งพูดคุยไปด้วยเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของคนในครอบครัวโดยมีฝ่ายหนึ่งต้องการสร้างด้วยความจริงใจ แต่อีกฝ่ายกลับเล่นละครตามน้ำเท่านั้น

?วิชญ์วางแผนหรือยังว่าจะพาลูกสาวของอาไปฮันนีมูนที่ไหน ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอก กลัวว่าวิชญ์จะยังไม่รู้ว่ายายดาน่ะแกขี้งอนไม่ใช่เล่นนะ? นายเมธินทร์เริ่มบทสนทนาเพื่อเอาใจลูกสาวและสร้างความสนิทสนมกับลูกเขยโดยตัดคำนำหน้าชื่อออกไป

?ผมยังไม่ได้วางแผนอะไรเลยครับ เพราะช่วงนี้ใกล้ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวแล้ว แผนกการตลาดเขาต้องเสนอแผนโปรโมชั่นของแต่ละโรงแรมให้ผมพิจารณาแทบจะทุกอาทิตย์น่ะครับ? วิชญ์ตอบด้วยความสัตย์จริงเพราะเขาไม่ได้เตรียมการอะไรไว้เลย แค่การแต่งงานที่นอกเหนือความคาดหมายก็ยุ่งยากเพียงพอแล้ว แต่วิชญ์ก็ยังรักษา ?หน้า? ให้ญาดาโดยการหันไปถามเธอว่า

?คุณด้าอยากจะไปเที่ยวที่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมเคลียร์งานเสร็จแล้วจะได้พาไป?

?ด้าแล้วแต่คุณวิชญ์ก็แล้วกัน ที่จริงด้าว่าเราน่าจะไปกราบคุณพ่อคุณแม่ของคุณที่เชียงใหม่ก่อนนะคะ ถือเสียว่าจะได้ฮันนีมูนไปในตัวเลย? ญาดาทำคะแนนเอาใจสามี

?อือ....เป็นความคิดที่ดีมากเลยลูกดา หากพวกท่านยังไม่พร้อมที่จะลงมา เราเป็นเด็กก็ควรที่จะไปเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่เสียเอง? นายเมธินทร์สนับสนุนความคิดของลูกสาว โดยลืมไปว่าเมื่อวานตัวเขาเองยังโกรธบุคคลทั้งคู่ที่ไม่มาร่วมงานแต่งของลูกชายตนเองซึ่งเหมือนกับไม่ให้เกียรติตระกูลพัฒนไพศาลของเขาเลย

?ก็ดีครับ เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ เราจะได้ขึ้นไปกราบพวกท่านกัน? วิชญ์ใช้คารมเป่าหูสองพ่อลูกให้สบายใจเพื่อตัดปัญหาตรงหน้านี้ออกไปก่อน แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า

?อ้อ! เกือบลืมไป ผมมีเรื่องจะปรึกษากับคุณอาด้วยนะครับ?

?นั่นน่ะสิ ยายดาก็เกริ่นไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า ว่าแต่เรื่องอะไรล่ะ? นายเมธินทร์คิดว่าวิชญ์คงยังกระดากที่จะเอ่ยเรียกเขาว่าพ่อหรือป๊าตามญาดา จึงไม่ได้เอยทักท้วงอะไรออกมา

?เรื่องขอร่วมหุ้นกับบริษัทญาดาไหมไทยไงล่ะครับ? วิชญ์เข้าตรงประเด็นโดยไม่ยอมเสียเวลา

?อ๋อ! เรื่องนี้นี่เอง วิชญ์ใจร้อนจริงน่ะ แต่อาก็ยินดี ยังไงเราก็ดองกันชั้นหนึ่งแล้ว จะดองกันอีกชั้นให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอยู่แล้ว?

?งั้นคุณอาคิดว่าจะให้ผมลงหุ้นสักกี่เปอร์เซ็นต์ดีล่ะครับ? วิชญ์ถามอย่างหยั่งเชิง

?แล้ววิชญ์อยากลงสักเท่าไรล่ะ?

?อันที่จริง ผมอยากได้หุ้นทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์เลยต่างหาก? วิชญ์พูดออกไปโต้ง ๆ ซึ่งก็ทำให้นายเมธินทร์และญาดาถึงกับตกใจ วิชญ์จึงจำเป็นต้องแก้ไขสถานการณ์ว่า

?ผมล้อเล่นน่ะครับ แค่งานที่โรงแรมก็ท่วมหัวอยู่แล้ว ผมเพียงแต่อยากจะนอนกินกำไรของญาดาไหมไทยที่เห็นว่าพุ่งสูงขึ้นทุก ๆ ปีอย่างสบาย ๆ ผมคงไม่เข้ามาบริหารเองหรอกครับ?

?ฮ่า ฮ่า ฮ่า แหม! ทำเอาอาตกใจหมดเลย ที่อาได้ลองพูดคุยกับพวกหุ้นคนอื่น ๆ ส่วนดู เขาก็ยินดีกันทุกคน ดีเสียอีกทางเราจะได้ไม่ต้องไปกู้แบ็งค์มาลงทุน เอาเป็นว่าอาขายหุ้นของอาให้วิชญ์เองก็แล้วกัน ตอนนี้อามีอยู่ 55 เปอร์เซ็นต์ วิชญ์จะซื้อต่อสักเท่าไรก็ว่ามา ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเราก็คนในครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว? นายเมธินทร์กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสบายใจเพราะเมื่อวานลูกสาวของเขาได้จดทะเบียนสมรสกับวิชญ์อย่างเรียบร้อยแล้ว หุ้นที่วิชญ์จะซื้อต่อจากเขาลูกสาวของเขาก็ย่อมมีสิทธิ์ด้วยตามกฎหมาย เท่ากับว่าทั้งเขาและลูกมีแต่ได้กับได้

?สัก 30 หรือ 40 เปอร์เซ็นต์ดีไหมครับ? วิชญ์เลี่ยงที่จะพูดว่าทั้งหมด เพราะไม่อยากให้ไก่ตื่น

?ได้สิ วิชญ์กล้าขอ อาก็กล้าให้ อาตกลงขายให้วิชญ์ 40 เปอร์เซ็นต์เลย แล้ววิชญ์สะดวกจะเข้ามาทำสัญญาวันไหนล่ะ? นายเมธินทร์คิดว่านักบริหารระดับวิชญ์คงไม่ทำให้กิจการของเขาล้มไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน ยิ่งมีลูกสาวของเขาคอยร่วมบริหารและเป็นหูเป็นตาด้วยแล้ว คงไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น เขาจึงกล้าเทขายหุ้นทั้งหมดที่ตัวเองมีเหลืออยู่ให้กับวิชญ์ ตัวเขาเองก็จะได้เงินลงทุนก้อนโตกลับคืนมาใส่กระเป๋าเพื่อเอาไว้ใช้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เมื่อได้เห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝากับคนดี ๆ เขาก็หมดห่วง หลังจากนี้เขาจะได้พักผ่อนเสียทีหลังจากตรากตรำเหนื่อยกับบริษัทนี้มาทั้งชีวิตแล้ว

?งั้นป๊าก็เหลืออีก 15 เปอร์เซ็นต์ไว้นอนกินกำไรสบายไปเลยสิคะ? ญาดาที่เห็นสามีและบิดาของตนเองตกลงเรื่องธุรกิจด้วบความราบรื่นแล้วจึงเข้าร่วมบทสนทนาด้วยอีกครั้ง

?ใครบอกล่ะ พอขายให้วิชญ์แล้ว ป๊าก็ไม่เหลือหุ้นอะไรเลยสักเปอร์เซ็นต์เดียว?

?อ้าว! แล้วหุ้นที่เหลือของป๊าไปไหนเสียล่ะคะ? ญาดาถามด้วยสีหน้างุนงง

?ก็ป๊าโอนเป็นชื่อของดาแล้วตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนไงล่ะ แล้วก็มอบให้เป็นของขวัญแต่งงานของลูกเสียเลย? วิชญ์กัดกรามแน่นเพราะฟังแล้วก็เข้าใจความคิดของนายเมธินทร์อย่างทะลุปรุโปร่ง ?เล่ห์เหลี่ยมจนวินาทีสุดท้ายเลยนะมึง ฮึ ปากก็บอกว่าให้เป็นของขวัญแต่งงาน แต่มึงกลับโอนให้ลูกสาวก่อนจดทะเบียนสมรสนี่นะ แต่ก็เอาเถอะ เพราะไม่ใช่มึงคนเดียวหรอกที่โกงคนอื่นเป็น กูก็ทำได้เช่นกัน อย่างนี้สิถึงจะสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย แล้วสักวันมึงจะรู้สึกเวลาที่ถูกเอาคืนบ้างเป็นยังไง เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกันไอ้เมธินทร์?

?จริงเหรอคะป๊า ทำไมป๊าไม่เห็นบอกด้าเลยล่ะคะ?

?อ้าว! นี่ลูกยังไม่ได้เปิดซองของขวัญที่ป๊าให้หรอกเหรอ ป๊าก็ใส่เอกสารไว้ในนั้นนั่นแหละ?

?เอ่อ....ยังเลยค่ะ พอดีเมื่อคืนด้าเหนื่อยมากก็เลยเข้านอนเลย อ้าว! งั้นอย่างนี้ป๊าก็ไม่มีหุ้นเหลือเลยน่ะสิคะ แล้วจะเข้ามาบริหารได้เหรอคะ? ญาดาตั้งคำถามเพราะตามกฎของบริษัทแล้วผู้ถือหุ้นเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ร่วมบริหารและเข้าประชุม

?ก็ไม่ได้น่ะสิ ป๊าคิดเอาไว้ว่าจะผันตัวเองไปเป็นแค่ที่ปรึกษาก็พอ แล้วก็ให้ลูกนั่นแหละนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทแทน ป๊าอยากจะพักเต็มทีแล้ว ปีนี้รู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเยอะ อีกอย่างป๊าก็วางใจเพราะดามีวิชญ์คอยช่วยเหลืออยู่แล้ว ป๊าก็ไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วงอีก? นายเมธินทร์พูดกับลูกสาวคนสวยเสร็จก็หันมาฝากฝังกับวิชญ์ต่อว่า

?ยังไงอาก็ต้องฝากให้วิชญ์ช่วยดูแลและคอยสอนงานยายดาด้วยนะ ถึงวิชญ์จะไม่เข้ามาบริหารเต็มตัวก็เถอะ ยังไงก็ต้องเข้ามาดูบ้าง ยายดาน่ะแกยังไม่ค่อยประสีประสา เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่เท่าไร นี่ต้องถือว่าโชคดีมากที่ได้คนเก่ง ๆ อย่างวิชญ์มาคอยกำกับดูแล อาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะฝากไว้กับมืออาชีพระดับวิชญ์ ยังไงอาก็ฝากน้องด้วยแล้วกันนะ ทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัวเลย มีอะไรก็ค่อย ๆ สอนน้อง หนักนิดเบาหน่อยก็รอมชอมกันไว้ ส่วยยายดาก็ต้องฟังพี่เขาและก็ต้องอดทน อย่าเอาแต่ใจตัวเองเหมือนแต่ก่อนอีก? นายเมธินทร์ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ทำหน้าที่พ่ออย่างสมบูรณ์ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องค้างคาใจที่ต้องถามวิชญ์อยู่เช่นกัน

?เออ....แล้ววิชญ์จะย้ายเข้ามาอยู่บ้านอาตั้งแต่เมื่อไรล่ะ นี่อาก็ให้เด็กที่บ้านมันเตรียมห้องเอาไว้ให้แล้วนะ อามีลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่อยากให้ไปอยู่ไกลหูไกลตา หวังว่าวิชญ์คงจะเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อนะ?

?ครับ ผมเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อดี ลูกใครใครก็รัก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้อยู่ใกล้ ๆ เพื่อเห็นความเจริญเติบโตของเขา? วิชญ์พูดถึงชีวิตของตนเองปนลงไปด้วยโดยไม่มีใครสังเกตหรือสงสัยในน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปนอกเสียจากบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านหลัง

?ผมก็คิดไว้ว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในวันสองวันนี้แหละครับ แต่ผมยังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าอะไรเลย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เลิกงานแล้ว ผมค่อยย้ายเข้าไปก็แล้วกันนะครับ? ญาดาที่นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ รู้สึกสะท้อนใจขึ้นมา เพราะวิชญ์ไม่พูดถึงเลยว่าคืนนี้เขาจะนอนที่ไหน หรือแม้แต่จะถามไถ่เธอก็ไม่มีเลย

************************

วิชญ์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านญาดาได้สองอาทิตย์แล้ว หลังจากได้แจ้งให้แฟนสาวตัวจริงเสียงจริงรับทราบ เขามักจะกลับเข้าบ้านมาในเวลาดึกดื่น บางครั้งก็เกือบรุ่งสาง ญาดาจะได้เห็นหน้าตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็ในยามที่เธอตื่นนอนแล้วเท่านั้น ซึ่งทุก ๆ ครั้งก็เป็นเธอที่ตื่นนอนทีหลัง

?คุณวิชญ์ไม่ง่วงหรือคะ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้านอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง? ญาดาตัดสินใจถามคำถามแรกหลังจากเก็บงำความเสียใจเอาไว้ถึงสองอาทิตย์เต็ม ๆ แล้ว หญิงสาวรู้สึกอับอายที่สามีหนุ่มของเธอไม่เคยที่จะแตะเนื้อต้องตัวเธอเลยไม่ว่าจะยามที่เธอหลับหรือตื่น ในยามนอนวิชญ์ก็มักจะนอนเสียชิดขอบเตียงอีกด้าน เขาทำท่าราวกับว่าเธอน่ารังเกียจจนไม่อาจที่จะสัมผัสได้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาถึงไม่มีอารมณ์ปรารถนาในตัวหญิงสาวอย่างเธอเลย ยิ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปเพราะมันเป็นความต้องการทางธรรมชาติ ญาดาที่พาตัวเองไปพึ่งสถานเสริมความงามต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองดูแลดีอยู่เสมอชักจะท้อ เพราะยิ่งนับวันวิชญ์ก็ยิ่งมีท่าทางห่างเหินกับเธอมากยิ่งขึ้น เขาใช้เวลาอยู่ในห้องนอนกับเธอน้อยมาก นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องออกไปทำงานทุกวันไม่เคยหยุดแม้แต่วันอาทิตย์ แต่วิชญ์จะแสดงท่าทีรักใคร่สนิทสนมกับเธอแบบสามีภรรยาทั่ว ๆ ไปในยามที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ในบ้านของเธอ.....ทำไมเขาต้องทำเช่นนี้

?นิดหน่อยครับ เดี๋ยวค่อยไปงีบเอาที่โรงแรม พอดีวันนี้มีประชุมตั้งแต่เช้า ผมต้องรีบไป?

?แล้วทำไมคุณถึงต้องกลับดึกดื่น ๆ ทุกวันล่ะคะ นี่ตั้งสองอาทิตย์แล้วที่คุณไม่เคยได้กลับมาบ้านก่อนที่ยงคืนเลย คุณไปไหนนักหนาคะ บอกด้าได้ไหม? ญาดาถามด้วยน้ำเสียงง้องอน ไม่ได้ใช้อารมณ์เลยสักนิด ถึงแม้ตัวเธอเองจะยังไม่รู้สึกรักวิชญ์...รักแบบที่เธอเคยรู้สึกหวั่นไหวไปกับธีรุตม์ แต่เธอก็รู้สึกดีที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ เขา เธอเชื่อว่าความผูกพันจะทำให้คนเรารักกันได้หากยอมรับและเปิดใจให้กันและกัน แต่นี่......คงมีเธอเพียงคนเดียวที่เปิดใจรอรับเขาอยู่

?ผมก็มีสังสรรค์กับพรรคพวกเพื่อนฝูงมั้งสิครับ บางวันก็ต้องอยู่เคลียร์งาน ผมไม่ได้มีโรงแรมแห่งเดียวที่ต้องดูแลนะครับคุณด้า และงานโรงแรม งานบริการน่ะ มันไม่ได้มีวันหยุดเหมือนงานทอผ้าไหมนะครับ? วิชญ์หมายถึงโรงแรมที่ไม่ได้หยุด ส่วนตัวเขานั้นหลังเลิกงานก็กลับไปพักผ่อนที่คอนโดของตนเองบ้าง หรือไม่ก็แวะไปค้างกับแฟนสาวบ้าง เขาจึงไม่มีท่าทีที่จะอ่อนล้าให้ญาดาได้เห็น

?ด้า....ด้าก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ เพราะ......เพราะคุณทำเหมือนรังเกียจด้า ไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ด้า ถ้าด้าทำอะไรผิดไปคุณวิชญ์ก็บอกด้าได้นะคะ อย่าปิดบังกันหรือหลบหน้ากันแบบนี้เลย? ญาดาน้ำตาคลอเพราะไม่เคยเลยที่เธอจะสูญเสียความมั่นใจในความเป็นผู้หญิงของตัวเองได้ถึงขนาดนี้

?ผมไม่ได้รังเกียจคุณด้าหรอกครับ ผมแค่ยังไม่ชิน ไม่ชินที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้หญิง ก็เท่านั้น? วิชญ์พูดทิ้งท้ายเป็นปริศนาให้ญาดาต้องขบคิดและหาข้อพิสูจน์ต่อไป

************************

หลังจากเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับศัตรูได้หนึ่งเดือนเต็ม วันนี้วิชญ์เพิ่งจะประสบโอกาสเหมาะ วิชญ์รอให้นายเมธินทร์ออกจากบ้านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาจึงขับรถย้อนกลับเข้ามาที่คฤหาสน์พัฒนไพศาลอีกครั้งหลังจากทำทีว่าออกไปทำงานตั้งแต่ช่วงสาย วันนี้เขาจะมีเวลาค้นหาเอกสารที่ต้องการได้ตามลำพังอย่างสะดวกโยธิน เพราะตอนนี้ญาดาคงกำลังทำงานง่วนอยู่ที่บริษัทของเธอซึ่งเพิ่งได้รับประมูลให้เปลี่ยนผ้าม่านของโรงละครแห่งหนึ่งใหม่ทั้งหมดด้วยผ้าไหมทอมือมีราคาของบริษัทเธอ เนื่องด้วยทางเจ้าของต้องการยกระดับให้โรงละครแห่งนั้นดูสวยและ ?มีคลาส? มากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้ปรับราคาค่าตั๋วชมละครเวทีให้สูงตามไปด้วยนั่นเอง ส่วนนายเมธินทร์ก็คงนั่งรอเวลาขึ้นเครื่องบินอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะมาเก๊าตามคำชวนของเพื่อนเก่าที่ไปลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น วันนี้จึงนับว่า ?ทางโล่งสะดวก? สำหรับวิชญ์ เขาจะได้รื้อค้นหาเอกสารในการปลอมแปลงการซื้อขายหุ้นที่นายเมธินทร์เคยทำไว้กับพ่อของเขา รวมทั้งอาจจะเจอหลักฐานในการวางแผนฆาตกรรมพ่อแม่และน้องสาวของเขาด้วยก็ได้ วิชญ์ทำทีว่าจะขึ้นไปพักผ่อนยังห้องนอนของตนเองที่ชั้นสองของบ้านหลังจากที่สั่งให้คนรับใช้ทั้งหลายไปทำงานได้ตามสบายเพราะเขาไม่ต้องการการรบกวน แต่เมื่อคล้อยหลังเหล่าคนรับใช้แล้ว วิชญ์ก็รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของบ้านแทน

วิชญ์ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงในการรื้อค้นเอกสารต่าง ๆ ในห้องทำงานของนายเมธินทร์ เขาค้นในทุกซอกทุกมุมที่คิดว่าจะเป็นที่ซ่อนของเอกสารสำคัญ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานใด ๆ ที่พอจะเอาผิดนายเมธินทร์ได้เลย

?มันเอาไปไว้ที่ไหนวะ? วิชญ์เริ่มอารมณ์เสีย แต่ก็ยังพยายามหาต่อไปเพราะโอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หากันง่าย ๆ แต่ยิ่งใช้ความพยายามมากเท่าไร วิชญ์ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดวิชญ์ก็จำยอมและหยุดการค้นหา

?โธ่เว้ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ? วิชญ์สบถ แล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ที่เขาใช้นั่งขณะค้นหาเอกสารในลิ้นชักของโต๊ะทำงานของนายเมธินทร์ เพราะความหงุดหงิด ผิดหวัง และโมโหเมื่อวิชญ์ลุกขึ้น เขาจึงผลักเก้าอี้ทำงานให้ถอยหลังออกอย่างแรง เก้าอี้กระแทกเข้ากับฝาผนังด้านหลังเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดังลั่นห้อง

?โครม!?

?เพล้ง!? ตามมาด้วยเสียงกรอบรูปที่แขวนติดอยู่บนข้างฝานั่นก็หล่นลงมาและทำให้กระจกด้านหน้าแตกกระจาย

?แม่งเอ๊ย! ซวยชิบ!? วิชญ์บริภาษออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้ง แล้วจึงก้มลงหยิบกรอบรูปที่มีภาพของนายเมธินทร์และหญิงสาวคนหนึ่งที่วิชญ์เดาว่าคงเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของนายเมธินทร์ขึ้นมาจากพื้น ชายหนุ่มวางกรอบรูปนั้นลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนที่จะก้มลงเพื่อเก็บเศษกระจกทั้งหลายที่กระจายเกลื่อนพื้น แต่ทันใดนั้นเอง ขณะที่วิชญ์กำลังย่อตัวลงนั่งยอง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีเหลืองซีดอีกใบโผล่แพลมออกมาจากใต้รูปภาพใบนั้น กระดาษที่ซ้อนอยู่โผล่แลบออกมาได้เพราะตัวน็อตที่ยึดฝากรอบไม้ด้านหลังหักออกถึงสองตัว ซึ่งคงเป็นเพราะแรงกระแทกที่หล่นลงบนพื้นหินอ่อนเนื้อแข็ง วิชญ์พยุงตัวลุกขึ้นช้า ๆ แล้วค่อย ๆ คว่ำกรอบรูปนั้นลงบนโต๊ะด้วยจังหวะการเต้นอย่างแรงของหัวใจ ชายหนุ่มแอบภาวนาให้ฝันของเขาเป็นจริง แล้วจึงหมุนตัวน็อตที่เหลืออีกสองตัวเพื่อที่จะเปิดฝากรอบไม้ด้านหลังออก หลังจากนั้นจึงหยิบกระดาษสีเหลืองซีดเพราะความเก่าจนกรอบออกมาอย่างเบามือ วิชญ์กลั้นหายใจก่อนที่จะพลิกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านดู

และแล้ววิชญ์ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจและสมหวัง เขาแทบที่จะลืมความเหนื่อยล้าและผิดหวังที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปอย่างหมดสิ้น วิชญ์อ่านข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นอีกซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบ ในที่สุดเขาก็หามันจนเจอ....กระดาษสัญญาการซื้อขายหุ้นจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีลายมือชื่อของพ่อเขาลงกำกับไว้ทางด้านซ้าย ลายมือที่วิชญ์ไม่เคยลืม ?นายวิทวัส พงศ์อุดม? และลายมือชื่อของไอ้เมธินทร์อยู่ทางด้านขวา พร้อมทั้งวันที่ที่มีตราประทับของบริษัทสยามไหมไทยทอมืออยู่ด้านบน กระดาษเพียงแผ่นเดียวที่นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตของเขา.....แสงสว่างที่จะนำทางให้พ่อ แม่ และน้องสาวของเขาได้นอนหลับอย่างสงบสุขเสียที

?ไอ้เมธินทร์ ในที่สุดแกก็เสร็จฉัน คราวนี้แกไม่รอดแน่? วิชญ์กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ แล้วจึงเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปตามเด็กรับใช้ให้มาเก็บกวาดเศษกระจก พร้อมทั้งมอบเงินให้จำนวนหนึ่งเพื่อให้เอากรอบรูปดังกล่าวไปซ่อมแซมให้เหมือนเดิม

************************

?นี่ครับข้อมูลที่คุณญาดาต้องการ? ชายหนุ่มที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ พร้อมทั้งแว่นตากันแดดและหมวกแก๊ปที่ช่วยปกปิดใบหน้าของผู้สวมใส่จากคนอื่น ๆ ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ญาดาที่นั่งอยู่ในรถเก๋งคันหรูของเธอ

?รับรองว่าข้อมูลทุกอย่างเป็นความจริง?

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว ญาดาก็เปิดกระเป๋าสะพายแล้วจึงยื่นเช็คเงินสดจำนวน 30,000 บาทให้กับชายคนดังกล่าวที่ทำตาลุกวาวหลังจากเห็นตัวเลขที่ไม่ตรงกับข้อตกลง

?นี่เอาไป ค่าแรงของนาย ขอบใจมากที่ทำงานได้รวดเร็ว ฉันเลยเพิ่มพิเศษให้อีก 5,000 บาท?

?ขอบคุณมากครับ มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้อีกน่ะครับคุณญาดา ผมยินดีเสมอ? ชายหนุ่มนักสืบยิ้มร่าเพราะงานนี้เขาได้รับค่าแรงถึงสองทาง ทั้งจากคนว่าจ้าง และคนถูกตามสืบ

หลังจากชายหนุ่มคนดังกล่าวขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปจากลานจอดรถของห้างดังกลางกรุงฯแล้ว หญิงสาวที่ในปัจจุบันนั่งแท่นผู้บริหารใหญ่ของบริษัทญาดาไหมไทยก็วางซองเอกสารดังกล่าวไว้บนตักนุ่มนิ่มของเธอ หญิงสาวนั่งหลับตาสักพักเพื่อทำใจ เธอยอมรับว่ากำลังกลัว แต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร กลัวผิดหวัง กลัวเสียใจ หรือกลัวที่เดาถูก ญาดาสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจเปิดซองออกดูเพื่อพบความจริงอันแสนโหดร้าย ความจริงที่ลูกผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันยอมรับและให้อภัยเขาได้

?นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้?.ไม่จริง! ไม่จริง!? ญาดากรีดร้องลั่นรถ ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น

************************

?อะไรนะครับ ใช้ไม่ได้ ทำไมล่ะครับคุณลุง? วิชญ์ตะโกนเสียงดังลั่นห้องทำงานของสำนักงานทนายความที่มีชื่อเสียงเพราะความเก่งกาจในการว่าความให้ลูกความฝ่ายตนชนะอยู่เสมอ ๆ ทนายคณิตินเจ้าของสำนักงานที่มีอายุเฉียดเลข 6 เต็มทีมองหน้าชายหนุ่มรุ่นลูกรุ่นหลานตรงหน้า ก่อนที่จะอธิบายว่า

?ถึงมันจะเป็นตัวจริงก็เถอะ แต่วันที่ที่ลงกำกับไว้ก็เกือบ 15 ปีแล้วนะวิชญ์ นั่นหมายความว่าอาจจะเป็นไปได้ที่จะมีการซื้อขายหุ้นเกิดขึ้นได้อีกในช่วงเวลาหลังจากนั้นจนถึงก่อนเวลาที่คุณวิทวัสจะเสียชีวิตไป ซึ่งก็นับได้เกือบ ๆ 10 ปีเชียวนะ ความเป็นไปได้จึงมีค่อนข้างสูงซึ่งจะทำให้ประเด็นของเราตกไป ไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการฟ้องร้อง ที่สำคัญหลักฐานตัวนี้ก็เป็นหลักฐานจริง เราไปเอาผิดเขาไม่ได้หรอก?

?แต่มันซื้อหุ้นจริง ๆ แค่ 10 เปอร์เซ็นต์เองนะครับ ไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์อย่างที่มันเคยบอกกับคุณลุงของผม? วิชญ์ใส่อารมณ์เพราะผิดหวังที่หลักฐานที่ได้มาไม่สามารถทำอะไรไอ้เมธินทร์ได้อีก......มันยังคงลอยนวล

?ลุงเข้าใจ แต่เราจะเอาหลักฐานตัวนี้มาใช้ไม่ได้ เพราะวิชญ์เองก็บอกและยอมรับไม่ใช่เหรอว่าเขาซื้อหุ้นจากพ่อเราจริงน่ะ? ทนายคณิตินคงอธิบายอย่างใจเย็นแตกต่างกับลูกความหนุ่มที่กำลังฉุนเฉียวอย่างหนัก

?ถึงจะ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ไม่ได้จ่ายเงินนะครับ มันเอาผลประโยชน์ที่ได้ทีหลังมาหักกลบลบหนี้ออกไป เรียกว่ามันได้หุ้นไปฟรี ๆ เลยก็ว่าได้? วิชญ์ออกอาการพาลเลยฟาดหัวฟาดหางไปทั่ว

?จ่ายไม่จ่ายก็เอาผิดไม่ได้ เพราะเป็นหลักฐานการขายที่ถูกต้อง ลุงว่าวิชญ์อย่ามาเสียเวลากับกระดาษแผ่นนี้อยู่เลย เพราะมันใช้ไม่ได้ มันเอาผิดเขาไม่ได้เลย วิชญ์ลองไปหาหลักฐานอื่น ๆ มาดีกว่า อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย อีกไม่กี่วันเขาก็จะกลับมาจากมาเก๊าแล้วไม่ใช่เหรอ? คณิตินทนายความอาวุโสเตือนสติวิชญ์ที่เขาเอ็นดูเสมือนหลายชายแท้ ๆ เพราะเขากับพ่อเลี้ยงพาคร นั้นเป็นเพื่อนสนิทที่เคยร่ำเรียนมาด้วยกันนอกเหนือจากที่สำนักงานทนายความของเขาจะเป็นผู้ดูแลเอกสารทางกฎหมายทุกอย่างให้กับบริษัทในเครือ นิมมานรดี ทั้งหมด

วิชญ์พยักหน้ารับฟังอย่างเนือย ๆ เพราะแสงสว่างที่เคยนำทางได้หายลับไปหมดแล้ว

************************

ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”